
Happy End
สวัสดีครับผม
ตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย ท้ายสุดแล้วครับ
ขอขอบคุณเล้าเป็ด ผู้ก่อตั้ง ผู้ดูแล ทีมงาน ทุกท่าน
ขอบคุณคนอ่าน ขอบคุณคอมเม้นท์ ขอบคุณบทกลอน ขอบคุณบทเพลง
ตั้งแต่เขียนเรื่องมา ไม่มีคอมเม้นท์ไหนที่ทำให้ผมท้อหรือเสียใจ
มีแต่คอมเม้นท์ที่ทำให้ผมดีใจในการตัดสินใจเขียนเรื่อง
คอมเม้นท์ที่ให้กำลังใจ ทำให้โลก(ชาวสีม่วง)ของผมน่าอยู่ขึ้นครับ

ขออภัยหากถ้อยคำหรือเนื้อเรื่องส่วนหนึ่งส่วนใด ไม่สุภาพหรือบั่นทอน
หากข้อความใดมีผลกระทบถึงผู้เกี่ยวข้อง ก็ขอโทษด้วยครับ
มาเสพสุข(ส่อเกิ๊น)กันต่อครับผม
ช่วงท้ายจะเป็นคำบรรยายเสียมากนะครับ หากเป็นคำพูด
คงจะยืดยาวไปอีกหลายสิบตอน
http://www.youtube.com/watch?v=kNwfjGt5JS4ขอบคุณแรงบันดาลใจผลักดันครับผม
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วันดีเดย์...
แม่เฮียกับเจ๊ๆทั้ง4คน
ถกกันหน้าดำคร่ำเครียดที่ห้องรับแขกแต่เช้า
โดยมีผมกับเฮียนั่งฟังเงียบๆ เหมือนเป็นส่วนเกิน
จากเกร็ง ก็หายเกร็ง จากกลัว ก็หายกลัว
จากตื่นเต้น ก็หายตื่นเต้น จากลุ้น ก็เกือบๆจะหลับ
เกือบ2ชั่วโมงจึงได้ข้อยุติ
แม่เฮียและเจ๊ๆสั่งแกมบังคับให้เราลดความสัมพันธ์ลงเหลือแค่พี่น้อง
เป็นระยะเวลา 1 ปีเต็มๆ ลงโทษเฮียที่ฝ่าฝืนข้อตกลงในตอนแรก
โดยนับจากคืนที่แม่เฮียใช้ลูกกุญแจที่ถือครองอยู่ในฐานะเจ้าบ้าน
เปิดเข้าไปจับ..คนที่กินบนเรือน นอนบนเตียง(กับลูกชาย)
ผม...
ให้อยู่ช่วยทำงานที่บ้านเฮียเหมือนเดิม
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
มีหน้าที่รอ รอ แล้วก็รอ
ส่วนเฮีย...
เจ๊วาจัดการติดต่อขอทุนเรียนต่อจากโรงพยาบาลในจังหวัด
ให้ไปเรียนต่อเป็นแพทย์เฉพาะทาง
ปกติหลังเรียนจบ ต้องทำงานใช้ทุน3ปีตามที่จับฉลากได้ก่อน
จึงจะมีสิทธิ์ลาไปเรียนต่อ
ยกเว้นแผนกที่ขาดแคลนแพทย์เฉพาะด้าน ให้ทำงานใช้ทุนอย่างน้อย1ปี
ก็มีสิทธิ์ขอรับทุนลาไปเรียนต่อในสาขานั้นๆได้
ในปีนั้นรพ.จังหวัดที่ผมอยู่ มีทุนเรียน รังสีแพทย์ว่าง
เมื่อเจ๊วาแกขอทุนให้เฮียมี่ ก็ได้รับการตอบรับโดยง่าย
ข้อดี คือ เรียนจบกลับมาได้เข้าทำงานที่รพ.จังหวัดของเราเอง
หากครบกำหนด1ปี เราสองคนยังยืนยันว่ารักกันอยู่
ทางบ้านเฮียก็จะไปเจรจาพูดคุยกับแม่ผม
เรารับข้อเสนอด้วยความโล่งใจ ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นการซื้อเวลาของผู้ใหญ่
คงจะคาดหวังลึกๆอยู่ว่า อาจเปลี่ยนใจเราได้
เมื่อได้รับโอกาส ผมตั้งใจทำงาน ขยันทำงานมากขึ้น
กดดันไม่น้อยเลยครับ ต้องอยู่ในสายตาแม่เฮียเกือบตลอดเวลา
ยิ่งรู้ว่าโดนจับจ้องดูความประพฤติ
ราวกับพิจารณาสินค้าว่าจะซื้อหรือไม่
เวลาผ่านไปผมก็พอปรับตัวได้
ด้วยความช่วยเหลือจากเจ๊อ๋องที่คอยให้กำลังใจ
แม่เฮียค่อนข้างเข้มงวดครับในตอนแรกๆ คงจะหมั่นไส้ผมไม่น้อย
แต่ไม่เกินความพยายาม ความอดทนของผมหรอกครับ
คงจะด้วยว่าเคยทำงานที่บ้านเฮียมาก่อนหน้านี้แล้วด้วย
ที่สำคัญผมไม่เคยค้างบ้านเฮียอีกเลยครับ รักนวลสงวนตัว(ขึ้น)
มีบ้างที่แอบไปเติมความหวานกันนอกบ้านนอกสายตา...อิอิ

เฮียทำงานที่รพ.เดิมจนถึงกำหนดก็กลับไปเรียนต่อเฉพาะทาง
ในช่วงเวลาที่ต้องพิสูจน์ให้ผู้ใหญ่เห็นความจริงใจ
ว่างเมื่อไหร่ เฮียเข้าหาแม่ผม ครอบครัวอากู๋ ทันที ไม่รั้งรอ
ที่สำคัญคือ เข้าหาอาม่า ช่วงนั้นอาม่าเริ่มมีอาการของโรคหัวใจโต เหนื่อยง่าย
เฮียเป็นธุระ ดูแลอาม่า แนะนำ อำนวยความสะดวกในการเข้ารับการรักษา
ใช้วิชาชีพให้เป็นประโยชน์ ในเรื่องส่วนตัวก็ตอนนี้แหละครับ
อาม่าถูกใจเฮียมาก ใครจะไม่ชอบ อยู่ๆก็มีหมอมาดูแลฟรีๆถึงบ้าน
อากู๋แกก็งงๆ ตะขิดตะขวางใจ แต่ไม่นานแกก็ชอบใจ
ตัวแกเองมีทั้งเบาหวาน ความดัน เฮียมาทีไร แกทิ้งงานมานั่งคุยได้เป็นชั่วโมง
ญาติพี่น้องคนอื่นๆก็เริ่มชินกับการมีหมอเข้ามาใกล้ชิด
กิจกรรม งานครอบครัว มักจะเชิญเฮียมามีส่วนร่วมอยู่เสมอ
แม่ผมก็เอ็นดูเฮียอยู่ไม่น้อย ยิ่งผมไปทำงานบ้านเฮีย
ก็เหมือนเป็นนายจ้างของลูก
เรียกง่ายๆว่าแกเข้ากับผู้ใหญ่ทางบ้านผมได้อย่างดีครับ
ปูทางไว้ในอนาคตอีก1ปีข้างหน้า
วันที่รอคอย วันที่ครบกำหนด1ปี ไม่ขาดไม่เกิน
บรรยากาศในวันนั้นเหมือนวันดีเดย์เมื่อปีที่แล้ว
แม่เฮียกับเจ๊ๆมากันครบองค์ประชุม
ต่างกันที่วันนี้ผมกับเฮียได้มีโอกาสพูดบ้าง
“แกยังต้องเรียนอีก2ปี แม่ว่ารอให้เรียนจบก่อนได้มั๊ย”
แม่เฮียพยายามต่อรอง ยืดขยายเวลา
เฮียยังเรียนเฉพาะทางได้ไม่ถึงปีครับ
“โหแม่ครับ อย่าผิดคำพูดสิครับ มี่ไม่รอแล้ว”
เฮียกุมมือผมไว้ท่ามกลางสายตาแม่และเจ๊ๆที่จับจ้องอยู่อย่างไม่อายใคร
“มากไปแล้วไอ้หมอ ฟังแม่ให้จบก่อน”
แม่เฮียค้อนเฮียแล้วพูดต่อ
“ไม่รอก็ไม่รอ แล้วพวกแกจะเอายังไง”
“เอากันเอง ฮิฮิ” อันนี้ผมคิดในใจอะครับ ขืนพูดออกไปเกรงจะไม่งาม

“แม่ก็ไปขอน้องให้ผมไง อย่าบอกว่าแม่กับเจ๊จะเปลี่ยนใจนะ มี่ไม่ยอม”
เฮียจะแทนตัวเองว่า”ผม”
แต่บทจะออดอ้อน จะแทนตัวว่า”มี่”เหมือนเป็นเด็ก
“ขอยังไงหล่ะ แม่ส่งแม่สื่อก็ไม่มี
จะบอกแม่ยายแกว่าขอลูกชายเขามาแต่งกับแกงั้นเหรอ
เขาได้ถอนหงอกแม่สิ”
“เรื่องนั้นมี่จัดการเองครับ แม่ทำตัวให้พร้อม เดี๋ยวมี่นัดวันคุยให้ครับ”
เฮียเก็บความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ โผเข้ากอดแม่
ทำเอาผมกลั้นยิ้มแทบไม่ไหว
เฮียถือโอกาสในตอนที่กำลังเป็นบุคคลที่ทางบ้านผมให้ความไว้วางใจ
เกริ่นเรื่องของเรา ทีละเล็กทีละน้อย
เริ่มจากแม่ผม
แม่ผมเอ็นดูเฮียมากอยู่แล้ว ทั้งจากเคยเห็นตั้งแต่เด็ก
ตอนงานรับปริญญาของผม ก็ได้เฮียช่วยเหลือดูแลญาติพี่น้อง
แถมผมยังทำงานที่บ้านเฮียอีก ก็เท่ากับแกเป็นนายจ้างผม
คนต่อมาก็อาม่า
อาม่าเกรงใจเฮียไม่น้อย จากการที่พาไปรักษาโรคหัวใจ
หารู้ไม่ว่าเฮียทำดีหวังผมเอ๊ยหวังผล
ถัดมาก็อากู๋จิว
แกเหมือนน้ำท่วมปาก ในเมื่อแม่ผมกับอาม่า ถือหางเฮียอยู่
แต่ที่คาดไม่ถึง หรือ ลืมคิดถึง
พ่อครับ
พ่อที่เฮียไม่ได้ไปสานสัมพันธ์เอาไว้ก่อน
วันหนึ่ง....เรา3คน พ่อ ผม และเฮีย
ไปนั่งทานข้าวที่ร้านอาหารด้วยกัน
ไม่มีใครกินลงครับ อาหารที่สั่งมาวางไว้เป็นเครื่องประดับฉาก
คุยอ้อมไปอ้อมมา เฮียแกไม่กล้า พ่อผมแกก็วางท่า
มีอยู่ตอนพ่อผมลุกจะไปเข้าห้องน้ำ
มือแกปัดแก้วเบียร์ที่มีเบียร์อยู่เต็มแก้ว
ปัดไปที่ตัวเฮียอย่างแม่นยำ
เฮียกับผมมองหน้ากันอย่างรู้ทัน
ผมเห็นตั้งแต่พ่อตั้งใจวางแก้วเบียร์ที่เพิ่งรินจนเต็มปรี่
วางให้ได้มุมอย่างเหมาะเหม็ง
ช่วงแกลุกขึ้น มือแกปัดแก้วไปทางเฮีย
เห็นได้ชัดว่า...เจตนา
ไหนหน้าตาที่สาสมใจ ขัดกับ....
“อ้าว...โทษที ไม่ตั้งใจ”
พ่อทำท่าทางตกอกตกใจ
สีหน้ายิ้มย่อง
“ไม่เป็นไรครับ”
เฮียพูดยิ้มๆ เอาใจพ่อผม
เบียร์ไหลอาบตั้งแต่หน้าอกลงไป
กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้ง
แต่นั่นแหละ พ่อก็ทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านั้น

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
งานเลี้ยงของสองครอบครัว จัดขึ้นที่โรงแรมในตัวเมือง
ฉลองอะไร......
ญาติวงในใกล้ชิด จะรู้กันว่า
เลี้ยงฉลองที่พ่อกับแม่ผมได้ลูกเขย แม่เฮียได้ลูกสะใภ้
ญาติห่างๆ จะรู้กันว่า
บ้านผมเลี้ยงตอบแทนบ้านเฮีย ที่เฮียดูแลอาม่า
สินสอดมีมั๊ย
เอาเป็นว่า
มีการโอนเงินของเฮียกับของแม่เฮียจำนวนหนึ่งมาเข้าบัญชีผม
ผมได้เครื่องประดับมีราคามานอนกอด
เพราะแม่ผมแกไม่รับครับ แกยกให้ผมหมด
“โห...นิวอดกั้นประตูเงิน ประตูทองเลยอะ”
ไอ้นิวบ่นงุ๊งงิ๊งไม่เลิก
มันไม่รู้ครับ ว่า....
เฮียเตรียมซองใส่เงินมาให้ไอ้นิวกับเจ๊นิดด้วยครับ
“ขอบคุณคร้าบบบ เฮียหมอรอบคอบที่ซู้ดดด”
มันเปลี่ยนโหมดทันทีที่เห็นซองแดง
ผมขอบคุณ พ่อ แม่ ที่เข้าใจผมนะครับ
หลังจากงานเลี้ยง
ผมย้ายตัวเองมาเป็นสมาชิกของครอบครัวเฮีย
ได้นอนมอง ชิพ-เดล ในคืนที่เฮียไม่อยู่
2ปีกว่าๆ ที่เฮียไปเรียน
เป็นช่วงยากลำบากของผมไม่น้อย
ทั้งคิดถึงเฮีย ทั้งการวางตัวในบ้าน
ในขณะที่เฮียมีเพียงเสียงตามสายมาให้กำลังใจ
แต่วันเวลาก็นำพาให้ผ่านไปได้ด้วยดี
จนเฮียเรียนจบ กลับมาทำงานที่รพ.จังหวัด
ช่วงนั้นกิจการปั๊มน้ำมันไม่ค่อยดี จากการมีปั๊มยักษ์ใหญ่
ปั๊มเล็กๆย่อมสู้ปั๊มครบวงจร ทั้งร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ห้องน้ำไม่ได้
เฮียปรับเปลี่ยนปั๊มให้เป็นอาคารพานิชย์แบ่งขาย
แกเก็บไว้ให้ผมสองห้อง
ตอนแรกผมอยากจะเปิดร้านหนังสือ
แต่มันยุ่งยาก ทั้งการรับส่งจากสำนักพิมพ์
การทำสต๊อกหนังสือ
เนื่องจากผมยังอาสาช่วยงานที่บ้านเฮียอยู่
และตั้งใจว่าจะช่วยไปตลอด แม้จะมีร้านของตัวเอง
เป็นการตอบแทนบุญคุณที่แม่เฮียเมตตาผม
ในที่สุด
มาลงเอยที่ร้านกาแฟครับ
ชีวิตคู่ราบรื่นดีครับ
สุขก็สุขที่สุด
ทุกข์ก็ทุกข์ไม่มาก ไม่นาน
มองข้ามๆมองผ่านๆไปบ้าง
จะค้นพบความสุขเองครับ
พระอาทิตย์ที่ขึ้นมาฉายแสงบนท้องฟ้ายามเช้า
บอกให้รู้ว่าวันใหม่ย่างเข้ามา
พระอาทิตย์ตกยามเย็น
บอกให้รู้ว่าเวลาของวัน ใกล้หมดลงแล้ว
ชีวิตประจำวันดำเนินไปต่อเนื่อง
สัญญากันนะครับ
ว่าจะมีความสุขกันทุกคน
ความรักยังมีอยู่รอบตัว
อยู่ที่เราจะเก็บเกี่ยว
ตัวผมเองก็ไม่ไปไหนไกลครับ
วนเวียนอ่านนิยายอยู่ในเล้าเป็ดแห่งนี้แหละครับ
ทำไงได้
รักแล้วรักมั่นคง
ขอบคุณครับผม

ถามว่าตอนพิเศษมีมั๊ย
คงไม่มีครับผม
เพราะ.......
พิเศษ
ทุกตอน
