
สวัสดีครับผม
ขอขอบคุณทุกคอมเม้นท์และข้อมูลดีๆครับ
เป็นประโยชน์อย่างมากในการฟูมฟักลูกน้อยกลอยใจ
ให้เติบโตเป็นสุนัขที่ดี

แล้วเจ้าดุ๊กดิ๊กก็ได้ลิ้มชิมรส...หลังแหวน(หลังมือ)ของเฮียมี่เป็นครั้งแรก
ป่าวนะครับ..เฮียไม่ได้ทำทารุณกรรมหมาน้อยแต่อย่างใด
ในทางกลับกัน ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
เฮียโดนลูกชายหมาดๆงับเอา แค่งับนะครับ
ไม่ได้กัด ไม่ได้ลงเขี้ยวแต่อย่างใด
ไม่ได้แผลไม่ได้เลือด แค่เป็นรอยถลอกเล็กๆตื้นๆ
พอเจ็บๆแสบๆ
แล้วทั้งคนทั้งหมาก็สะบัดบ๊อบ...เมินกันไปตลอดทางกลับบ้าน

“เฮีย เจ็บมากมั๊ยครับ”
ผมเอื้อมมือไปแตะหลังมือเฮียเบาๆอย่างกลัวๆกล้าๆ
“ที่มือไม่เจ็บหรอกครับ..แต่มันเจ็บที่นี่”
เฮียแกล้งทำหน้าเศร้า แล้วจิ้มนิ้วชี้ไปที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง
“ผมขอโทษนะครับ”
แสดงความเสียใจตามมารยาทอันดีงามที่ได้รับการอบรมบ่มนิสัย
แต่ภายในใจ..สายไปซะแล้วที่รัก...ฮะ ฮะ
ไอ้หน่อยมีองครักษ์แย้ววว จะมาข่มเหงรังแกไม่ได้แล้วนะครับ
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องแค่นี้เฮียเอาอยู่ จริงมั๊ย เจ้าดุกฟู”
เฮียเหล่ตาไปมองเจ้าลูกชายที่นอนนิ่งอย่างเจียมตัวกลัวความผิดอยู่บนตักผม
จริงๆไม่ได้สงบเงี่ยมอะไรนักหนา คงจะง่วง ทั้งยังตื่นกลัวเสียงรถมากกว่าครับ
“งี๊ด งี๊ด”
ดุ๊กดิ๊กปรือตามามองเฮียนิดนึงแล้วดุนๆหัวกับอ้อมแขนผมที่โอบอยู่
มีถอนหายใจเล็กๆ...แล้วเข้าสู่ภาวะหลับไหล
“โห...เฮียเรียกซะเสียหมาเลยอ่ะ”
“หึๆ”

ตอนนี้ดุ๊กดิ๊กครองใจใครหลายๆคน ไม่ว่าจะแม่เฮีย เจ๊อ๋อง แม่บ้าน คนงาน
ลูกค้า เพื่อนบ้านข้างเคียง รวมถึงน้องๆร้านกาแฟ
แต่หากใครไว้หนวดเคราผมเผ้ารกรุงรัง ใส่หมวก ใส่โม่ง
ดุ๊กดิ๊กทั้งเห่าทั้งขู่
ยิ่งเวลาคนงานขนกระสอบข้าวแล้วใช้ผ้าขาวม้าปิดหน้าปิดตากันเศษฝุ่นผง
ดังนั้น...
เพื่อสวัสดิภาพของตน ต่างก็ต้องใช้วิธีเรียกชื่อเจ้าตัวน้อย
เรียกซ้ำๆจนมันรับรู้ กระดิกหางตอบรับ คนผู้นั้นก็จะผ่านการสแกนกรรม
ไม่โดนเห่าอีกเลยตลอดทั้งวัน
แต่พอวันใหม่เจ้าลูกชายผมก็ลืม...กลับมาเห่าอีกครั้ง
ทุกวันนี้..ใครที่กลัวหมา เข้ามาที่ร้านแทนที่จะเอ่ยทักทายเจ้าของร้าน
กลับต้องเซย์ฮัลโหลกับเจ้าพ่อขาใหญ่เสียก่อน
“ดุ๊กดิ๊กกกกกกก ดุ๊กดิ๊กกกกกก”
พอๆกับเวลาเดินเข้าเซเว่นแล้วพนักงานเอ่ยคำทักทายสวัสดีลูกค้า
(เปรียบเทียบได้น่าโดนพนักงานเขาบอยคอตเอา)
มีแต่เฮียที่เรียก
“ดุกฟู ไอ้ดิ๊กดุกฟู จำพ่อไม่ได้รึงัย”
แม้จะกระดิกหางรับ แต่ไม่เข้าใกล้เฮียเลยนะครับ
เวลาเฮียเข้าใกล้ผม ไม่ว่าลูกชายจะอยู่ตรงไหน แม้จะหม่ำๆอยู่
จะรีบวิ่งเข้ามาขัดขวาง ไม่ให้เฮียเข้ามาใกล้ตัวผม
“แฮ่ๆ แง่งๆ”
ต่างกับเวลาผมเป็นฝ่ายเข้าไปกกกอดเฮีย(มากไปป๊ะ)
ดุ๊กดิ๊กก็เข้ามาแจม..3P ทีเดียวเชียว
เหมือนพ่อแม่ลูก รักใคร่กลมเกลียว สมัครสมานสามัคคีกัน
นั่นเป็นช่วงเวลาที่เฮียจะได้สัมผัสลูกแก้วเมียขวัญอย่างไม่มีปัญหา
หมอตาลให้ความกระจ่างกับการแสดงออกของดุ๊กดิ๊กว่า...
การจะให้ดุ๊กดิ๊กรู้สึกเป็นมิตรกับเฮีย ไว้วางใจเฮีย
ผมไม่ควรจะห้ามเวลาลูกหมาขู่เฮีย มันจะเข้าใจผิดว่าเฮียเป็นผู้บุกรุก
(มันก็จริงอะ...เฮียไม่เคยรับ...คริคริ...แป๊กได้อีก)
แต่ถ้าผมเป็นฝ่ายเข้าหาเฮีย(ทะแม่งๆอะ)
ดุ๊กดิ๊กจะรู้สึกถึงความเป็นมิตร จะเข้ามาร่วมแจมด้วย
เป็นอันเข้าใจตรงกันกับธรรมชาติของเผ่าพันธุ์บางแก้ว
ใครทำท่าทางคุกคามผม เป็นได้เจอเจ้าลูกชายแยกเขี้ยวรองับ
ช่วงกลางวัน ผมปล่อยดุ๊กดิ๊กอยู่ที่ร้านแม่เฮีย
หนุ่มน้อยวิ่งซนทั้งวัน แทะโน่น ตะกุยนี่ไปทั่ว
อาศัยคนอยู่กันเยอะ ก็พอจะกันได้ทัน
มีบ้างที่ข้าวของเสียหาย
พอเบื่อๆก็วิ่งไปทางหลังบ้าน วิ่งเล่นในสนามหญ้า
ขุดดินจนเป็นหลุมเป็นบ่อ...เค้าไม่อยากได้สระน้ำนะตะเอง
คนงานกะแม่บ้านแสนจะระอา เพิ่มงานเพิ่มภาระได้ทุกวี่วัน
แต่พอชดเชยกับความน่ารักก็เลยต้องยอมๆกันไป
เล่นจนเหนื่อย กินจนอิ่ม
ก็ค่อยๆเดินเจี๋ยมเจี้ยมเข้าห้องแอร์ที่ร้าน
เข้าไปนอนหลับครับ
นอนที่พื้นเย็นๆข้างเก้าอี้ที่แม่เฮียนั่ง
ก่อนจะนอนก็อ้อนเจ้าของห้องเป็นการขออนุญาตเสียหน่อยนึง
เลียมือมั่งเลียขามั่งแล้วแต่จะเลียถึง
นอนนานครับ2-3ชั่วโมง
ช่วงครึ่งเวลาแรก ใครเข้ามาในห้องจะยกหัวขึ้นมามอง
เมื่อเห็นว่าเป็นคนคุ้นเคย ไม่ใช่ขโมยขโจรแล้ว
ก็จะล้มตัวลงนอนต่อ
ช่วงครึ่งหลังเมื่อเข้าสู่นิทราแล้ว
นาทีนี้ไม่เห่าไม่ขู่แล้วครับ
ใครเข้ามาข้าไม่สนใจแล้ว
มีแต่ใบหูตั้งๆที่กระดิกไปมาราวกับเรดาห์
บางวันผมก็พาลูกชายไปที่ร้านกาแฟด้วย
เพื่อให้สร้างความคุ้นเคยกับน้องๆที่ร้าน
อาทิตย์ละ2-3วันครับ มากกว่านั้นไม่ไหว
เด็กๆเป็นอันละทิ้งหน้าที่ งานการไม่ได้ทำ
มัวแต่เล่นกับหนุ่มน้อยรูปงาม นามดุ๊กดิ๊ก
แต่เฮียแกบ่นครับ...
“มันไม่ถูกสุขอนามัยนะครับ
ขนที่ร่วง มันลอยฟุ้งอยู่ในอากาศจากการที่เป็นห้องแอร์
ถึงจะไม่ได้ร่วงหล่นลงไปในแก้วกาแฟก็เถอะ
ไหนจะการสูดดมเอาเข้าปอด
แล้วน้องๆที่ลูบคลำ ฟัดเล่นกับเจ้าดุกฟู
เราต้องกำชับให้ล้างมือให้สะอาดเวลาให้บริการลูกค้าด้วยนะ”
เมื่อตกลงรับปากรับคำจากการชี้แนะของนายทุนใหญ่
ผมก็เชื่อฟัง ปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด (เฉพาะเวลาเฮียอยู่ คริ คริ)

พักเรื่องลูกชายนายดุ๊กดิ๊กไปก่อนนะครับ
มาถึงเรื่องการตั้งชื่อหลานครับ
วันหนึ่งขณะที่อยู่กันพร้อมหน้า ช่วงวันแม่หน่ะครับ
ทายกันว่าหลานที่จะคลอดปลายปี จะเป็นหลานสาว หรือหลานชาย
“แม่ว่าผู้หญิงนะ โบราณว่าถ้าลูกในท้องเป็นลูกสาว แม่จะผุดผาดมีน้ำมีนวล”
เหลือบสายตาพิจารณาเมียไอ้นิวแล้วก็ต้องเห็นด้วยกับแม่
หน้าตาอิ่มเอิบ ผิวที่ขาวอยู่แล้วดูเปล่งปลั่ง
“เฮีย เฮียว่าไงอะ”
กระซิบถามที่รัก เผื่อคุณหมอจะมีความเห็นแตกต่าง
“มันไม่แน่นะ เป็นได้ทั้งหญิงทั้งชาย คนท้องน้ำหนักขึ้นมันก็ต้องดูมีเนื้อมีหนัง
ไหนจะอยู่แต่ในบ้าน นั่งๆนอนๆไม่ค่อยเจอแดดแรงๆ ก็ต้องขาวขึ้น”
เฮียให้ข้อสังเกตในสายตาของคนเป็นหมอ
“ว่าไงเฮียหน่อย”
“อืมมม แล้วถ้าเฮียทายถูก แกต้องให้เฮียเป็นคนตั้งชื่อหลานนะไอ้นิว”
“เอ้อ...ขอเวลานอกเดี๋ยวนะเฮีย”
ไอ้นิวกับเมียมันรีบสุมหัวกันสองคน สักพักก็ได้ข้อสรุป
“ชื่อจริงพวกผมจะให้ตายายเขาตั้ง ชื่อจีนให้แม่ตั้งนะครับ”
ไอ้นิวโผเข้ามากอดเอวแม่ประจบ
“ได้สินิว”
แม่ผมยิ้มกว้าง ลูบหัวลูกชายคนเล็ก แม่คงดีใจที่มันให้ความสำคัญ
แล้วแม่ก็ดันตัวมันออก
“พอๆ แม่อึดอัด”
ผมเห็นหน้าแม่.... ตาแม่แดงเรื่อๆ
สุขของคนเป็นแม่หน่ะครับ
ไม่มีอะไรจะสุขเท่า การใส่ใจจากลูก
“แล้วชื่อเล่นหล่ะ”
ผมหวังลึกๆว่าน้องมันจะให้ผมรับหน้าที่อันทรงเกียรติ
“ถ้าเฮียหน่อยทายเพศถูก นิวให้เฮียเป็นคนตั้งชื่อเล่นลูกนิว”
“แล้วถ้า...”
“ถ้าเฮียทายผิด เฮียต้องรับขวัญหลานเป็นสองเท่า”
“เออๆ ไอ้งก”
ผมทายว่าเป็นหลานสาวครับ
เชื่อผู้อาวุโสที่สุดในครอบครัว ส่วนเฮียแกแล้วแต่ผม
อ้อ..เจ๊นิดแกไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
แกพาแฟนแกไปซื้อของฝากให้ญาติทางโน้นครับ
แกเลยไม่ได้รู้เรื่องกับเขา
“เฮียหน่อย ถ้าเฮียชนะ ผมได้ลูกสาว เฮียจะตั้งชื่อว่าไงอะ”
ไอ้นิวมองหน้าผมอย่างประเมิน
“เฮียอย่าตั้งแปลกมากหล่ะ ผมสงสารลูก”
“นี่ใคร...เจ้าของร้านกาแฟอร่อยที่สุดในจังหวัด”
หมั่นไส้มันครับ มันสิทธิโดยชอบธรรมของผมนะ
(ถ้าผมทายถูก)
“แล้วเฮียหน่อยสุดหล่อในสามโลกคิดไว้บ้างรึยังหล่ะครับ”
“เอ...ชื่อไรดีน้า เฮียว่าชื่อไรดีอะ”
หันไปถามคู่ชีวิต
“แล้วแต่เลยครับ เราว่าชื่อไหนก็ตามนั้นเลย”
“ม...น...อืมมม ม...น..อ๊ะรู้แล้ว มณี แม่มณี ไอ้นิว เฮียจะให้หลานชื่อแม่มณี”
“ห๊ะ อะไรนะ”
ไอ้นิวเอ๋อไปแล้วครับ
ม.....มาจาก..มี่
น.....มาจาก..หน่อย
เก๋ไก๋สไลเดอร์มั๊ยอะครับ ชื่อที่มาจากอักษรย่อของผมกะเฮีย
หวังว่าไอ้น้องนิวมันจะจับไม่ได้ ไล่ไม่ทันนะครับ...อิอิ
“ฮะ ฮะ”
เฮียมี่กุมท้องหัวเราะตัวงอ
“ตุ๊บๆ..หัวเราะมัยเนี่ย”
ผมทุบหลังเฮียแกเบาๆไปสองทีแก้เขิน
“ฮะ ฮะ เก่งครับ เพราะที่สุดในสามโลกเลยครับ ฮ่า ฮ่า”
เห็นมะ ขนาดหมอยังชม
หันไปมองหน้าแต่ละคน
แม่...เอามือปิดปาก กลั้นหัวเราะ
โอว..แม่ปลาบปลื้มกับความเฉลียวฉลาดของผม
เมียไอนิว....เม้มปาก ทำหน้าตาแปลกๆ จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม ดูแหยๆ แหยะๆ
อืมมม คิดไม่ถึงเด่ะ พี่ผัวช่างหลักแหลมอะไรเช่นนี้
ไอ้นิว....อ้าปากหวอ มือกุมอยู่ที่หน้าอก
อิอิ เซอร์ไพรสใช่ม้ายยยย
“เอ้อ เฮียหน่อย มันโบราณไปมั๊ยอะ นี่มันจะ 2014 แล้วนะเฮีย”
ไอ้นิวมองผมแบบว่า..ผมไม่อาววววว
“อืมมม แม่มณี มา...ณี...เมนี่..อ๊า รู้แล้ว หลานชั้นต้องชื่อ เมนี่ ”
“เฮ้อ”
เสียงถอนหายใจรอบตัวทำผมชะงัก
“เมนี่ก็เมนี่ครับ” (พ่อเด็ก)
“ดีค่ะหนูก็ชอบ” (แม่เด็ก)
“แม่ก็ว่าทันสมัยดีนะ” (คุณย่า...อาม่า)
หันมาหาที่รัก(ของผม)
“สุดยอด จีเนียสที่สุดในสามโลกครับ”
เฮียยกนิ้วโป้งประกอบคำชม
แล้ว..คุณๆหล่ะ..คิดว่าไงครับ
เจ๋งป่ะหล่ะ

วันเวลาผ่านไป จนถึงวันที่แตงโมลูกโตได้ฤกษ์ผ่าดูเนื้อใน
ผลเหรอครับ...หลานชาย
ฮือๆ ผมไม่ได้ตั้งชื่อ แถม(เฮีย)ยังต้องเสียทรัพย์
“เฮียหน่อยอย่าลืมเรื่องรับขวัญลูกผมหล่ะ”
ไอ้นิวทำหน้าทะเล้น
“เออๆ เฮีย...”
“นี่ครับ”
เฮียมี่ส่งกล่องกำมะหยี่แดงๆมาให้ผมสองกล่อง
แล้วผมก็ส่งมอบไปให้คุณพ่อหมาดๆ
ต่อหน้าพยานแวดล้อมในห้องพักฟื้น
“ขอบคุณครับเฮียหน่อย เฮียหมอ”
“ขอบคุณเหมือนกันนะคะ”
เมียไอ้นิวพยายามจะลืมตามาขอบคุณ
คงยังมึนๆจากฤทธิ์ยาสลบ(มั๊ง)
“ก๊อกๆ”
พยาบาลสาว(เหลือ)น้อย เข็นรถเด็กเข้ามา
“ล้างมือก่อนนะหน่อย”
เฮียมี่รีบบอกผมก่อนที่ผมจะเชยชมหลานชาย
“ไปเฮียไปล้างมือกัน”
ไอ้นิวชวนผมไปห้องน้ำ
แล้วในห้องน้ำก็แออัดไปด้วยผู้ใหญ่สี่คนที่แย่งกันล้างมือ
รวมแม่ผมด้วยนะครับ
เพื่อจะได้ไปอุ้มหลานเป็นลำดับต้นๆ ก่อนจะโดนพรากไปเข้าห้องเด็กอ่อน
จะมีพยาบาลดูแลให้อย่างดีครับ
“ฮะ ฮะ ดีนะที่ครอบครัวพ่อตาแม่ยายผมกลับไปก่อน
ไม่งั้นห้องน้ำรพ.แตกแน่ๆ”
ไอ้นิวมันพูดเอง ขำเอง
พยาบาลจะเอาเด็กมาส่งให้กินนมแม่เป็นระยะครับ เพื่อให้แม่ได้พัก
เมื่อไหร่ที่แม่พร้อมร่างกายเต็มร้อยจึงจะอนุญาตให้เอาเด็กไว้ที่ห้องได้
ญาติทางบ้านฝ่ายหญิงก็ทะยอยกันมาเยี่ยมไม่ได้ขาดครับ
จนไอ้นิวบ่นๆว่าจะติดป้ายห้ามเยี่ยม
หลานชายผมหน้าตาจิ้มลิ้มดีครับ
เด็กทุกคนมีความน่ารักอยู่ในตัว
สีขาวบริสุทธิ์เมื่อแรกเกิด....
อยู่ที่พ่อแม่จะป้ายสีอะไรลงไป
ไหนจะผู้คนและสิ่งแวดล้อม ที่จะร่วมใส่สีเติมสรร
แต่...
ผมเชื่อว่า
ความรัก
จะช่วยกล่อมเกลาให้สีที่ออกมาสวยงามครับ
“เออ แล้วหลานชั้นชื่ออะไรนิว”
ไอ้นิวทำหน้าภาคภูมิใจแล้วตอบว่า
“ลูกชายผม ชื่อ..แอนฟีลด์ ครับ”
“โห...สุดยอดเลยน้องรัก”
“หึๆ ใจมากนิว”
ทั้งผมทั้งเฮียเป็นปลื้มครับ
ก็...แอนฟีลด์
มันคือ...
สนามฟุตบอลเหย้าของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล อะครับ
พวกเรา...L.F.C...จงเจริญ....ฮะ ฮะ

“ฮัลโหล”
“เฮีย..เฮียหน่อย ทำยังงี้กับหลานได้ยังไงเนี่ย”
ไอ้นิวส่งเสียงโวยวายมาตามสายครับ
“อะไรวะ เฮ่ย..คนจะหลับจะนอน”
เกือบๆห้าทุ่ม ขณะที่ผมเคลิ้มหลับกับอกอุ่นๆ หลังกิจกรรมออกกำลังกาย
ทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย ทั้งคอแห้ง(ร้องเก่ง....อิอิ)
“ก็ของรับขวัญอะดิ”
“สองกล่องแล้วไงอะ อร๊ายยย เฮียอย่าสิ”
เฮียมี่บีบบั้นท้ายผมแรงๆ แถมลากนิ้วผ่านสมรภูมิรบหมาดๆของผม
หยิวอะ...เดี๋ยวเป็นเรื่องหรอก
แหะๆ ยังนุ่งลมห่มผ้าห่มกันอยู่อะครับ
“เฮ๊ย..เฮียทำไรกันอะ”
“เฮ่ย...เรื่องส่วนตัว อย่ายุ่ง”
“ก็ได้ๆ แต่กล่องนึงมันของแม่สามีเฮียนี่ อย่าโกงนิวดิ”
“ฮะ ฮะ ของแม่ของลูกมันก็เจ้าเดียวกันแหละ”
“ส่งมาครับ เฮียคุยด้วย”
เฮียมี่ผงกหัวขึ้นมาจากซอกคอผม
“นิว”
“ครับ เฮียหมอ”
“หน่อยเขาล้อเล่น อีกกล่องอยู่ที่แฟนเราแล้ว”
“ครับๆ ขอบคุณครับเฮียหมอ นิวไม่กวนแล้วครับ”
“อ้าว..ไมผมไม่รู้อะ”
“ไม่เอาครับ ต้องรักษาคำพูดนะครับ”
“ขอบคุณครับเฮีย ฟอดๆ”
“ยินดีครับผม...แต่ขอเปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็น......”
แล้วกว่าแกจะให้ผมได้นอนหลับพักผ่อนก็ล่วงเลยเข้าวันใหม่อะครับ..อิอิ

แล้ว...
ครอบครัวของผม ก็ขยายใหญ่ขึ้น
ด้วยสมาชิกใหม่อีก2หน่อ (มีหน่อเหมือนกันเยยยยย ฮะ ฮะ)
น้องแอนฟีลด์ กะ เจ้าดุ๊กดิ๊กดุกฟู ครับผม
ไม่นะครับ ไม่มีการลำเอียง
ไม่ว่าจะหลานชาย(คน) หรือลูกชาย(หมา)
ผมรักทั้งคู่
ความรักมันไม่มีวันหมดครับ ยิ่งให้ยิ่งเพิ่ม
โอวววว...หลักแหลม..อิอิ
ขอให้ความรักของทุกท่านมีแต่เพิ่มๆๆๆๆๆๆ ครับผม
ขอตัวไปหาเรื่องต่อไปในอนาคต
หวังว่าคงจะมีแต่เรื่องดีๆ มีความสุขมาเล่าสู่กันฟังครับ
ไอ้หน่อย(หล่อสุดในสามโรคเอ๊ยโลก)รักทุกคนครับผม...CONFIRM...
