ตอนที่ 20
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่อนข้างดำเนินไปอย่างเงียบๆ มีแต่กิตติกรที่ทำหน้าที่ชวนทุกคนคุยในเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป เพราะคณินทร์เงียบตั้งแต่เห็นหน้ากร ส่วนกรก็เมินหน้าไม่คุยกับใคร ปุณณ์ก็ก้มหน้าหงุดกินไปเงียบๆ
“นี่คุณปุณณ์ กินไปเหอะ เขี่ยทำไมเนี่ยผักน่ะ กินไปไม่ตายหรอก”
กรหันมาจ้องหน้าปุณณ์ด้วยอารมณ์เซ็งสุดๆ ดันเป็นคนในวงการแพทย์มีหน้าที่ปกป้องสุขภาพอนาประชากรเลยทนไม่ไหวที่เห็นคนเขี่ยผักไว้ขอบจาน
“ก็ไม่ชอบอันนี้นี่”
“เออน่ะ กินๆไปเหอะ ของดีมีประโยชน์ ดูดิ๊คนอื่นเขาไม่เรื่องมาก มีคุณคนเดียวเนี่ย จริงมั้ยครับพี่ณิน ?”
“พี่เห็นด้วยกับกรนะ”
คณินทร์ยิ้มน้อยๆ เพราะรู้ว่าปุณณ์นี่กินผักยากถึงยากมาก คนโดนหมอว่าก็เริ่มหน้าเบ้ ไหงบรรยากาศอึมครึมมันหายไปเพราะเขาไม่กินผักล่ะ !
“ทานนะครับคุณปุณณ์ มีประโยชน์จริงๆนะครับ”
“โธ่คุณกิตติกรก็เป็นไปกับเขาด้วยหรอ ไม่เอาอ่ะ ผมไม่ชอบ ห้ามบ่น อยากกินกินเองเลยไอ้พวกหมอบ้า”
“ดื้อว่ะ / ดื้อนะเรา”
สองเสียงจากสองหมอพูดขึ้นมาพร้อมกัน กรเลิกคิ้วใส่คณินทร์ ส่วนคณิทร์ก็ขมวดคิ้วตอบกลับมา ก่อนกรจะเริ่มแสยะยิ้มกวนประสาท คณินทร์ก็เริ่มหน้าคว่ำเข้าไปทุกที
“อ้ะ … ร้านนี้มีนักเปียโนมาเล่นด้วย ดีจังเลยนะครับ คุณกรชอบฟังเพลงแนวนี้มั้ยครับ ตอนไปต่อนอกคงได้ฟังบ่อยกว่าอยู่ไทยแน่ๆเลย”
กิตติกรถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นก่อนจะยิ้มสบตากร ทำให้กรต้องละสายตาจากคณินทร์มาตอบคำถาม ส่วนปุณณ์ก็ลอบถอนหายใจออกมา เฮ้อ … เป็นคุณกิตติกรนี่เก่งจริงๆ ซุปเปอร์เลขาของพี่ณิน
“ขอตัวสักครู่นะครับ เดี๋ยวมา”
กรเอ่ยเมื่อมีคนโทรศัพท์มาหา แล้วลุกขึ้นไปจากโต๊ะเดินไปทางหน้าร้าน
“งั้น ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะครับ”
กิตติกรก็ลุกตามไปอีกคน เหลือปุณณ์และคณินทร์นั่งตรงข้ามกัน
“ไง …”
คณินทร์เอ่ยขึ้นมาเบาๆ
“ไง …”
ปุณณ์ก็เอ่ยตอบเบาๆเช่นกัน
“ไม่มีของขวัญให้พี่หรอครับ … ใจร้ายจัง”
“ปุณณ์ …. ซื้อไม่ทัน งานยุ่งมากเลย ขอโทษนะครับ”
“แค่ปุณณ์มาพี่ก็ดีใจแล้ว ผอมลงหรือเปล่า ?”
คณินทร์ยื่นมือมาวางทาบมือปุณณ์บนโต๊ะ ไล้มือลูบไล้เบาๆไปทั่วหลังมือจนปุณณ์รู้สึกหวามไหว … และแปลกใจที่ตัวเองไม่ดึงมือออก
“งานเยอะน่ะครับ พี่ณินล่ะ เป็นยังไงบ้าง”
“ก็เหมือนเดิม … แต่ไม่เหมือนเดิม … ตรงที่พี่ไม่มีปุณณ์อยู่ด้วย”
“อ่า …”
“แต่วันนี้พี่มีปุณณ์แล้ว ดีขึ้นเยอะเลย … ช่วงนี้กินข้าวครบทุกมื้อหรือเปล่า ?”
“พยายามกินอยู่ครับ … ”
“อย่าโหมงานหนักมาก เดี๋ยวไม่สบายนะรู้มั้ย ? พี่เป็นห่วง”
“พี่ณินก็ด้วย อย่าเครียดกับงานนะครับ”
คณินทร์ละมือออกจากมือปุณณ์แล้วล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อหยิบสร้อยข้อมือเส้นเล็กที่ทำเป็นห่วงโซ่สีเงินเรียบสวยมีป้ายชื่อเล็กๆสลักตัว P ออกมา
“พี่ซื้อมาให้”
“เอ๋.. แต่มันวันเกิดพี่ณิน ปุณณ์น่าจะซื้อมาให้พี่ณิน …”
“พี่อยากให้ปุณณ์ เงินแท้ ใส่นะครับ ? พี่ใส่ให้”
“แต่ว่า ….”
“เอามือมาเร็ว”
คณินทร์ยิ้มพร้อมกับส่งมือรอปุณณ์ และสุดท้ายปุณณ์ก็ยกมือวางลงบนมืออีกฝ่าย … ปล่อยให้ข้อมือซ้ายของตัวเองค่อยๆถูกโซ่สีเงินสวยคล้องในที่สุด
“เหมาะดี”
“ขอบคุณครับ ….”
ก่อนที่บทสนทนาจะดำเนินไปต่อ กรก็เดินกลับเข้ามาที่โต๊ะและเลิกคิ้วเมื่อเห็นข้อมือปุณณ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ มุมปากเหยียดยิ้มออกมาเล็กน้อย
“แปลกดีนะ …”
“อะไร ?”
คณิทณ์เริ่มขมวดคิ้ว ปุณณ์ก็รีบซุกมือลงใต้โต๊ะ
“เปล๊า …. ว่าแต่คุณกับแฟนเป็นยังไงบ้างครับคุณปุณณ์ ?”
กรยิ้มกว้างตาวาววับ คณินทร์กัดฟันแน่นแสร้งหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม ปุณณ์สะดุ้งเล็กน้อยก้มหน้าหงุดเหมือนเดิม
“ก็เรื่อยๆ …”
“ดีมั้ยครับคนนี้ ?”
“อื้อ … น้องเขาก็ .. ดีนะ”
ดีมากด้วย … ใบหน้าพิชยิ้มกว้างลอยขึ้นมาทันที … ภาพห้องที่เป็นพรมหญ้าปลอมที่นอนกลิ้งเล่นด้วยกัน คิดถึงเวลาพิชขับรถมารับ ร้านอาหารข้างทางที่ชอบไปกินด้วยกัน … สองเดือนกว่าที่อยู่ด้วยกันประจำมัน … ทำให้เขารู้สึกผิดที่มานั่งอยู่ตรงนี้
“พี่ณินครับ คุณปุณณ์ ผมขอตัวก่อนนะครับ แฟนไม่สบายขอกลับไปดูก่อน ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ ยังไงก็สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่
ณิน”
กรเห็นว่าตัวเองบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้วก็กล่าวลาขึ้นมาดื้อๆ ทำไงได้ … ต้องรีบกลับไปดูไอ้เบีร์ย เดี๋ยวงอแงเฮี้ยนขึ้นมาอีก ! มีแฟนเด็กนี่เครียดจริงๆ นี่ก็โทรมาง้องแง้งละ
“ขอบคุณมากกรที่มา”
คณินทร์ลุกขึ้นยืนส่ง
“ไว้เจอกันนะ”
ปุณณ์ก็รีบลุกขึ้นตาม รอจนหมอกรเดินออกไป สวนกับกิตติกรที่เดินกลับมาพอดี
“อ้าวหมอกรกลับแล้วหรอครับ ?”
“แฟนหมอกรไม่สบายน่ะ”
คณินทร์ตอบเสียงเรียบ แต่คิ้วยังขมวดเมื่อเป้าหมายของตัวเองนั่งหน้าเจื่อนตั้งแต่กรเอ่ยถึงแฟน … คงกำลังรู้สึกผิดอยู่แน่ๆ
“งั้นพวกเรากลับกันเลยมั้ย ? ปุณณ์คงเหนื่อยแล้ว หืม ?”
“ครับ งั้นผมเรียกพนักงานเชคบิลเลยนะครับ”
ปุณณ์ขับรถกลับมาถึงคอนโดด้วยสภาวะอารมณ์ไม่ปกติ ในสมองมีแต่ความคิดเรื่องพิชและคณินทร์เต็มหัวไปหมด ความรู้สึกผิดเกาะกินหัวใจจนปวดหน่วง เฮ้อ ….
เขาไม่ได้แวะกลับห้องตัวเอง แต่เลือกที่จะขึ้นมาที่ห้องพิช บางทีกลิ่นไอและตัวตนของพิช คงจะทำให้เขามั่นคงกว่านี้สักที
“พิชชี่ !”
เสียงผู้หญิงดังขึ้นเมื่อปุณณ์เปิดประตูเข้าไปในห้อง ก่อนจะเบิ่งตากว้างเมื่อเจอสาวปริศนาที่น่าจะอายุสามสิบกว่าๆเท่านั้นยืนรออยู่ในชุดเดรสเกาะสีดำสั้นรัดรูป พร้อมกับผมลอนใหญ่ยาวถึงบั้นเอว
“คุณ ?”
“เอ๊ะ นี่เธอเข้ามาในห้องพิชชี่ได้ยังไง แล้วพิชชี่ล่ะ ? พิชชี่อยู่ไหน”
“คือ … พิชไปอเมริกาครับ”
“อะไรนะ ? ไปอเมริกา เหอะ ! ใจคอจะไม่ให้ฉันเจอพิชชี่บ้างรึไง ว่าแต่เธอน่ะหน้าคุ้นๆนะ เพื่อนพิชชี่หรอ ?”
“ครับ .. เพื่อนครับ …”
ปุณณ์งงกว่าเดิมเมื่อสาวสวยก้าวเข้ามาประชิดและกวาดสายตาพิจารณาเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ก็ดูใช้ได้นี่นะ พิชชี่เป็นยังไงบ้างล่ะ ?”
“ก็ … ดีครับ สบายดีนิสัยดี”
“อ้อ … แหงล่ะ มานั่งที่โซฟาสิ มัวแต่ยืนอึ้งอยู่ได้ ปิดประตูด้วย แอร์มันออก”
ปุณณ์ยังคงมึนและงงแต่ก็รีบทำตามที่บอก โดยความรู้สึกทั้งหมดตอนนี้กลั่นออกมาเป็นประโยคสั้นๆว่า … เธอเป็นใคร ?
“ชื่ออะไรล่ะเรา ?”
“ปุณณ์ครับ ผมชื่อปุณณ์”
“อ้อ … ชื่อเพราะดีนี่ ฉันชื่อ พิชฌนาฏ คงนึกออกแล้วสินะ?”
“ครับ ? นึกอะไรหรอครับ”
พิชฌนาฏทำหน้าขัดใจเล็กน้อยก่อนจะเชิดหน้าขึ้น
“ก็ พิชฌนาฎ รวมกับไอ้ผู้ชายเฮงซวย ชื่อ พุฒิพัฒน์ รวมเป็น พิชพัฒน์ไง แม่พิชชี่น่ะ เข้าใจยัง !”
“อ๋อ แม่พิช … หา !! แม่พิชหรอครับ ? ทำไมคุณหน้าเด็กแบบนี้ !”
“ฉันศัลยกรรม คำตอบนี้ชัดมะ !”
ชัดครับ ….
“ใครจะปล่อยตัวให้แก่ล่ะยะ เธอนั่นล่ะ ฉันว่าพิชชี่เคยเล่าเรื่องเธอให้ฉันฟังนะ คนชื่อปุณณ์ อะไรนี่ … ขอนึกแปปป อ้อ … นี่เธอเป็นแฟน
ลูกชายฉันใช่มะ ?”
“ครับ ? ….”
“รู้ใช่มั้ยปัญหาประเภทแม่ผัวลูกสะใภ้น่ะ มันมีเสมอล่ะทุกสังคม แต่เธอกับฉันเราจะไม่มีปัญหากันเลยถ้าเธอทำตามเงื่อนไขฉันได้สองข้อ ฉันแฟร์ๆอยู่แล้ว โอเคมั้ยล่ะ”
“เดี๋ยวนะครับ … เอ่อ คุณแม่”
“ลูกพีชพอ ! เสียมารยาท ขนาดพิชยังเรียกฉันว่าลูกพีชเฉยๆเลยนะ”
“ครับ ลูกพีช … คือ ผม … คือผมม งงไปหมดแล้ว”
“เหอะ ! เธอนี่ขัดใจชะมัด ฟังนะถ้าเธอทำตามเงื่อนไขฉันสองข้อ ฉันโอเคถ้าเธอจะคบพิชชี่ต่อ แต่ถ้าเธอไม่ ! ก็เซย์กู้ดบายไปได้เลย
เข้าใจรึยัง”
“ครับ …”
“ข้อแรก ห้ามทำพิชชี่เสียใจ ฉันมีลูกคนเดียว เป็นเด็กดี นิสัยดี ถึงพ่อกับแม่จะไม่ค่อยดีแต่ลูกฉันเก่ง โตมาเป็นคนดี เพราะฉะนั้นห้ามทำอะไรกระทบกระเทือนจิตใจลูกชายฉันเด็ดขาด ! ข้อสอง ทำยังไงก็ได้ไม่ให้พิชไปอเมริกาอีก ! อีตาบ้าเฮงซวยนั่นชอบยึดลูกชายอยู่เรื่อย น่าเบื่อชะมัด ไปอยู่ได้อเมริกา ! น่าเบื่อจะตาย นิวซีแลนด์ที่ฉันอยู่นะสวยกว่าตั้งเยอะ จริงมะ ? อ้อ พอดีฉันกับสามีเก่าซังกะบ๊วยแยกกันอยู่น่ะ เข้าใจนะ ?”
“เข้าใจครับ …”
นี่พ่อแม่บ้านนี้ทะเลาะกันขนาดแยกกันอยู่คนละทวีปเลยหรอเนี่ย … จะร้องไห้ดีมั้ย .. เครียดเรื่องพิชอยู่ดีๆ แม่พิชก็มาปรากฏตัวทันที … แทบคุณแม่ เอ้ย ลูกพีชนี่ … ถ้าจะเผ็ดยิ่งกว่าพริกอีก โอยยย ไม่น่าขึ้นมาเลยย กลับห้องตัวเองซะก็จบ
- ------------------------------------------- --
ช่วงนี่พี่ปุณณ์ปัญหารุมเร้านะคะ ....
กลับมาแย้ว แงงง พอดีแบมตัดขัดหลายๆอย่าง เลยดองเค็มนานมว้ากกก จุ้บๆ ซอรี่นะคะทุกคนนน