ตอนที่ 10 : คำถาม
“ชอบมากเลยล่ะ"
ทั้งๆที่มันทำให้หัวใจเต้นแรง แต่มิถุนากลับนอนไม่ค่อยหลับเมื่อคืนนี้ รู้ตัวอีกทีเขาก็ถูกปลุกขึ้นมาในอ้อมกอดกว้าง ราวกับอะไรๆเป็นเพียงแค่ความฝัน มิถุนาจัดแจงอาบน้ำแต่งตัวตามที่จอมทัพสั่ง เขาถูกพาขึ้นรถมาที่สนามบินแต่เช้าตรู่ทั้งๆที่อะไรในใจยังไม่เข้าที่เข้าทาง บางครั้งมันก็รู้สึกดีจนน่ากลัว บางครั้งก็อึดอัดจนน้ำตาแทบไหล มิถุนาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รวมถึงจูบแสนหวานเมื่อคืนนั่นก็ด้วย ทั้งๆที่ตั้งใจแล้วว่าจะไม่อ่อนข้อให้กับคนๆนี้ คนที่ทั้งทำร้าย กักขัง และข่มขู่เขา แต่สุดท้ายมิถุนาก็ทำไม่ได้ มันเป็นแค่เรื่องโง่เง่าแต่เขาไม่เข้าใจจริงๆ
โบอิ้งลำเล็กปรากฏอยู่ตรงหน้า มิถุนากระชับกระเป๋าสะพายก่อนก้าวตามจอมทัพขึ้นไปบนห้องโดยสาร ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากฝ่ามือใหญ่ที่ยื่นมาให้ ทุกวันนี้มิถุนาใช้ชีวิตราวกับหายใจทิ้งไปวันๆ มันน่าทุเรศ ชีวิตของเขาเองแท้ๆ แต่ทันทีที่จอมทัพบอกว่าเขาต้องไป เขาก็ต้องไป...
จอมทัพในฐานะมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งอำนาจและทรัพย์สินนั้น ถ้าจะให้นับเป็นจำนวนที่แน่นอนคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่มาเฟียหนุ่มจะเดินทางไปไหนมาไหนด้วยเครื่องบินส่วนตัวราคาเป็นร้อยล้าน
จอมทัพจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าตนเองตัดสินใจซื้อโบอิ้งลำเล็กไว้เป็นของส่วนตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เมื่อครั้งที่เขาต้องบินไปทำงานข้ามประเทศบ่อยๆ เจย์ได้แนะนำให้เขาซื้อเครื่องบินลำเล็กส่วนตัวสักลำ จอมทัพเห็นว่าการลงทุนหนึ่งครั้งของเขา ก็สามารถเรียกเงินค่าโบอิ้งป้ายแดงทั้งลำได้ไม่ยากเย็น การตัดสินใจของมาเฟียหนุ่มจึงใช้เวลาเพียงสั้นๆ หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยใช้บริการสายการบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศอีกเลย
เช่นเดียวกับวันนี้ มาเฟียหนุ่มมีกำหนดการเดินทางไปเจรจาธุรกิจที่เชียงราย พร้อมกับทัพบอร์ดี้การ์ดชุดใหญ่ และมือซ้ายมือขวา บรรยากาศไม่ใคร่จะปกตินัก มิถุนาเห็นวิคเตอร์ขัดเงาปืนกระบอกใหญ่อยู่ในเซฟเฮ้าส์แต่เช้า แม้ในใจจะหวาดกลัว แต่ก็อดนึกไม่ได้ว่านี่มันคงไม่ใช่การเจรจาธุรกิจอย่างที่มาเฟียบอกกับเขา แต่มันอาจจะเป็นสงครามระหว่างสองตระกูลก็เป็นได้
สายข่าวจากเชียงรายรายงานว่า อาเมนและพรรคพวกได้ล่วงหน้าไปเชียงรายเรียบร้อยแล้วราวกับแน่ใจว่าจอมทัพจะต้องบุกไปถึงเชียงรายแน่ แต่อาเมนคงไม่รู้ว่าจอมทัพเดือดมากแค่ไหนกับวิธีสกปรกของอีกฝ่าย
มิถุนาจ้องมองรันเวย์ด้วยแววตาเลื่อนลอย วันนี้เมฆหมอกหนาตา ฟ้าครึ้มคล้ายจะฝนตก ไม่เหมาะกับการนำเครื่องขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว เขาในฐานะคนเชียงรายแต่กำเนิดนั้น ไม่เคยใช้บริการเครื่องบินมาก่อนในชีวิตจนกระทั่งเข้าวงการแฟชั่น หลังจากนั้นการคมนาคมทางอากาศก็เหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เพราะทุกครั้งที่เขารับงานต่างจังหวัดหรือแคสงานต่างประเทศ ต้นสังกัดมักให้มิถุนาใช้บริการสายการบินต่างๆ เพราะมั่นใจว่ามันช่วยย่นเวลาและคุ้มค่ากับกำไรที่จะได้มา...
“คิดถึงบ้านหรือไง?” เสียงทุ้มเอ่ยถามก่อนพาดเสื้อสูทไว้กับพนักพิง จอมทัพทิ้งตัวลงนั่งข้างๆนายแบบหนุ่ม มาเฟียใหญ่กางหนังสือพิมพ์อ่านนิ่งๆ
“เปล่า"
“ทำหน้าเหมือนถูกบังคับ"
มิถุนาถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ฝนกำลังจะตก ผมแค่ไม่ชอบฝน" ทั้งๆที่มิถุนาเกิดในหน้าฝนแท้ๆ แต่เขากลับไม่ค่อยชอบอากาศชื้นเท่าไหร่นัก
“งั้นเหรอ" จอมทัพตอบอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว มาเฟียหนุ่มหวนคิดไปถึงใครอีกคนที่ชอบความชื้นของฝน และเป็นคนที่ทำให้เขารักสายฝนขึ้นมานิดหน่อย
ภาพจุนลอยขึ้นมาในห้วงความคิด จอมทัพใช้เวลาไม่กี่วินาทีในการสลัดใครคนนั้นออกจากสมอง เขาเหลือบมองคนข้างๆตัวที่จมไปกับเก้าอี้นุ่ม ร่างขาวมุดอยู่ใต้ผ้าคอตตอนสีขาว มิถุนาดูเหม่อลอยและไม่สบายใจอะไรบางอย่าง ซึ่งจอมทัพยังไม่คิดจะถามในตอนนี้
“ถ้ามีเวลาผมขอกลับบ้าน" มิถุนาเอ่ยขึ้นมาเบาๆ มาเฟียหนุ่มชะงักมือที่กำลังจะพลิกหน้าหนังสือพิมพ์ถัดไป
“......”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ผมกลับถึงกรุงเทพฯเมื่อไหร่ คุณได้เห็นผมในเซฟเฮ้าส์แน่นอน"
เขาเงียบ มิถุนาก็เงียบ อะไรๆในใจมิถุนาคงไม่พ้นกับเรื่องอึดอัดใจเหล่านี้ จอมทัพไม่สามารถปล่อยมิถุนาไปได้ เขาหลงใหลคนๆนี้ มันเป็นเรื่องยากที่ราชสีห์จะยอมอ่อนให้กับกระต่ายน้อยที่แสนพยศ มันยังไม่ถึงเวลาของอะไรต่อมิอะไร แน่นอนว่าหากเขาปล่อยมิถุนาไปตอนนี้ จอมทัพมั่นใจเล็กๆว่าเขาอาจจะไม่มีวันได้เจอมิถุนาอีกเลย
มันเป็นความเห็นแก่ตัวของเขา ที่รั้งคนๆนี้ไว้ แต่เรื่องบางเรื่องมันไร้เหตุผล มันไม่เคยมี หรืออาจจะมีแต่เขาแกล้งทำเป็นไม่ค้นหา ช่างเถอะ จอมทัพไม่เคยใส่ใจอะไรนอกเสียจากผลกำไรและตระกูลหวังอยู่แล้ว ก็แค่ปล่อยให้มันเป็นเช่นนั้นต่อไป
“ฉันไม่ห้ามหรอกนะถ้านายจะกลับบ้าน" จอมทัพถอนหายใจเบาๆ "แต่มันอันตราย อาเมนมันรู้ว่านายเป็นคนของฉัน มันอาจจะจ้องเล่นงานนาย"
“มันเรื่องของคุณ ทำไมผมจะต้องมาเป็นอันตรายเพราะความมักมากของคุณด้วย" ดวงตากลมโตจ้องอย่างโกรธเคือง
“มันคือธุรกิจ"
“ในชีวิตคุณก็มีแค่ธุรกิจ ธุรกิจ ธุรกิจ ผมเป็นตัวอะไรเหรอคุณจอมทัพ ผมเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์คุณงั้นเหรอ?” เสียงหวานตวาดลั่นอย่างเหลืออด มิถุนายอมรับว่าในหัวใจเขามันลอยคลุ้งไปด้วยหมอกควันแห่งความไม่เข้าใจ ต้ังแต่เมื่อคืนแล้ว...ยิ่งจอมทัพทำดีกับเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งกลัวว่าสิ่งๆนั้นจะเป็นเพียงแค่ความฝันที่จับต้องไม่ได้ เขากลัวว่าสักวันเขาจะยกโทษให้กับจอมทัพ ถึงวันนั้นแล้วมิถุนาคงอดสมเพชตัวเองไม่ได้ เขาอยากให้จอมทัพร้ายใส่เขาให้มาก ให้เขากลัวจนทนไม่ไหว มันคือการยืนยันว่ามิถุนายังคงมีชีวิต แม้จะเป็นชีวิตที่แสนเจ็บปวดก็ตาม
จอมทัพจ้องมองแววตาแสนเจ็บปวดของคนข้างกายนิ่งๆ ก่อนพับหนังสือพิมพ์เก็บ เขาเอื้อมมือแตะไหล่เล็กของคนข้างกายเบาๆ มิถุนาเบือนหน้าหนีทันที
“นายเป็นอะไร?”
มิถุนาเลี่ยงไม่ตอบ เขาถดกายเข้ากับกระจก เบือนใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาไม่ให้ใครอีกคนเห็น
จอมทัพถอนหายใจเบาๆก่อนเอื้อมมือมือคร่อมตัวมิถุนาไว้ นายแบบหนุ่มเบือนหน้าหนี ปิดตาแน่น มาเฟียหนุ่มจ้องการกระทำนั้นเงียบๆ ก่อนดึงเข็มขัดนิรภัยสวมให้กับอีกฝ่าย
“เครื่องจะออกแล้ว"
อากาศไม่ค่อยดีนักเมื่อล้อโบอิ้งลำเล็กแตะพื้นสนามบินเชียงราย ฝนยังคงตกไม่หยุด เหมือนกับที่มิถุนาไม่เปิดปากพูดอะไรและแทบจะนอนมาตลอดทาง เขาลืมตาตื่นขึ้นเมื่อเสียงกัปตันประกาศดังขึ้น จัดแจงสภาพตัวเองไม่ให้ยับเยินมากนัก เมื่อเครื่องบินลงจอดเรียบร้อย มิถุนาก็คว้ากระเป๋าสะพายขึ้นแล้วเดินตามจอมทัพไป...
ฝ่ามือหนาเลื่อนโอบเอวบางตามปกติ เพราะเทอมินัลไม่ว่าง จึงทำให้จำต้องลงจากเครื่องและเดินฝ่าสายฝนไปขึ้นรถกอล์ฟที่มารับไปยังอาคารผู้โดยสาร เขาเกลียดสายฝน ฝนทำให้ปลายจมูกชื้นและคล้ายจะเป็นหวัดทุกครั้งที่มิถุนาต้องเผชิญหน้ากับมัน มิถุนาชะงักนิดหน่อยเมื่อมือที่เลื่อนโอบเอวเขา เลื่อนมากุมเข้ากับฝ่ามือเล็กๆแทน มิถุนาสัมผัสฝ่ามือนั้นทั้งยินดีและต่อต้านในคราเดียวกัน มิถุนายอมให้จอมทัพจูงมือตลอดทางเดินเข้าสู่อาคาร แต่สุดท้ายก็เลือกสะบัดออกเมื่อเข้าสู่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง
หลังจากเสร็จพิธีการทั้งหมด จอมทัพก็เดินนำทัพบอร์ดี้การ์ดมาที่ด้านหน้าสนามบิน พร้อมกับขบวนรถหรูที่รอรับนายท่านของตระกูลหวังที่ถูกตระเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว มิถุนาถูกพาเข้าไปนั่งบนโฟร์วีลล์สีดำสนิทพร้อมกับจอมทัพ เจย์และวิคเตอร์ จากนั้นรถราคาแพงระยับก็เคลื่อนตัวผ่านสายฝนไปยังจุดหมายปลายทางที่มิถุนาไม่อาจคาดเดาได้
ภาพตัวเมืองที่แสนคุ้นตาปรากฏอยู่ตรงหน้า บ้านเกิดของเขา มันเต็มไปด้วยความทรงจำ มิถุนาไม่ได้โทรบอกทางบ้านไว้เพราะไม่คิดว่าจะได้กลับมาเร็วขนาดนี้ แม้ว่าเขาจะคุยกับแม่แทบทุกวันก็ตามที ทางบ้านรับรู้ว่าเขาเป็นคนรักของจอมทัพ แต่แม่ผู้ที่เข้าใจเขามาตลอดชีวิตก็ไม่ได้ว่าอะไร แม้ว่าเขาจะอยู่ในฐานะเด็กของมาเฟีย แม่ยอมรับการตัดสินใจของมิถุนาเสมอ แม้ว่ามิถุนาจะยินดีหรือไม่ยินดีที่จะรับมันเป็นการตัดสินใจของตนเองก็ตามที
ฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มิถุนาเองก็ไม่ได้เอ่ยปากอะไรออกไป เขานั่งชิดประตูด้านหนึ่ง ในขณะที่จอมทัพเองก็นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาเหมือนจมอยู่ในห้วงความคิดตนเอง เป็นเจย์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเจ้านายที่ดูจะอดรนกับบรรยากาศแปลกๆชวนอึดอัดนี้ไม่ได้ เขาจึงเอ่ยออกมาในที่สุด
“คุณมิถุนาหิวหรือยังครับ ผมสั่งให้แม่บ้านเตรียมสำรับไว้แล้ว"
มิถุนาช้อนตามองมือขวาแล้วยิ้มออกมานิดหน่อย "ยังไม่ค่อยครับ"
“คุณไม่สบายหรือเปล่า?” เจย์เอ่ยถาม
“เปล่าครับ" มิถุนาส่ายหน้าเบาๆก่อนมองเหม่อออกไปด้านนอกหน้าต่าง
ไม่รู้สิ ทั้งๆที่เขาควรมีความสุขเพราะความรู้สึกที่เป็นอยู่มันทำให้หัวใจช่างแสนพองโต แต่มันกลับสับสนจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เขาเกลียดเหลือเกินที่จอมทัพแสดงท่าทีใจดีต่อเขา มันทำให้เขาทำตัวไม่ถูกในบางที ความอ่อนโยนนั่นมันอาจจะเป็นความฝัน หรือเรื่องลวงตาที่เกิดขึ้นเหมือนสายฝน สักวันมันก็จะหยุดลง
มันไม่แน่นอนเลย มันเหมือนฝนนั่นแหละ ไม่รู้จะตกเมื่อไหร่และหยุดเมื่อไหร่ ถ้าจอมทัพเลิกชอบเขาแล้ว เขาไร้ค่าแล้ว เขาจะโดนยิงทิ้งหรือถ่วงน้ำกลายเป็นคนสาปสูญหรือเปล่า มันไม่แฟร์เลย ทั้งๆที่จอมทัพควบคุมทุกอย่างในชีวิตเขา แต่มิถุนาไม่แม้แต่จะมีสิทธิ์ควบคุมหัวใจตนเองด้วยซ้ำ
มิถุนาไม่คุ้นเคยทางที่มานัก แต่ก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังเข้าสู่ชายแดนของประเทศไทย ณ อำเภอเชียงแสน หรือที่เรียกกันว่าสามเหลี่ยมทองคำ เพราะเป็นจุดที่รวมชายแดนสามประเทศอย่าง พม่า ลาว และ ไทย กั้นโดยแม่น้ำโขง บริเวณนี้มีบ่อนคาสิโนถูกกฏหมายอยู่ที่ฝั่งประเทศลาวและพม่า เป็นจุดที่คนรักในการแสวงโชคมักข้ามฝั่งไปเสี่ยงดวงเสมอ หนึ่งในบ่อนคาสิโนใหญ่ที่มีคนเข้าใช้บริการเป็นประจำคือบ่อนคาสิโนของตระกูลหวัง ที่นอกจากจะเป็นคาสิโนขนาดใหญ่ รองรับนักพนันชั้นสูง ยังเป็นรีสอร์ตระดับหกดาว รวมถึงบริการสนามกอล์ฟ สนามเทนนิส ฟิตเนส สปา สระว่ายน้ำ กินเนื้อที่เกือบร้อยไร่ในบริเวณชายแดนฝั่งลาว
ขบวนรถยนต์แปดสูบค่อยๆไต่ขึ้นเขา เพราะฝนตกทำให้การเดินทางล่าช้ากว่าที่เจย์คาดการณ์ไว้ แต่ทันทีที่รถโฟร์วีลล์ชลอเพื่อเข้าสู่ที่หมาย ฟ้าที่ปิดมาตลอดก็ค่อยๆเปิดพร้อมกับฝนที่ซาลง
บ้านไม้สักขัดเงาขนาดใหญ่ที่ทอดตัวอยู่ตรงเชิงเขาตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า สวนดอกไม้ขนาดใหญ่ผลิดอกแย้มกลีบราวกับกล่าวต้อนรับ มิถุนาเกาะขอบหน้าต่างมองบริเวณรอบบ้านอย่างตื่นตา ทันทีที่รถจอดลง ชายชุดดำกว่าสิบคนก็รีบก้าวออกมาต้อนรับนายใหญ่ตระกูลหวังทันที พร้อมกับเมดสาวอีกหนึ่งขบวน มิถุนาค่อยๆก้าวลงจากรถเมื่อประตูรถเปิดออก อากาศบริสุทธิ์ทำให้เขาลืมความขุ่นหมองในใจไป และแน่นอน...ฝนหยุดตกแล้ว...
“บ้านคุณเหรอ?” เสียงหวานเอ่ยถามมาเฟียหนุ่มที่ก้าวลงมาจากรถอีกฝั่ง ดวงตากลมโตกวาดสำรวจตัวบ้านอย่างสนใจ
“อืม" จอมทัพพยักหน้า "ชอบเหรอ?”
“ผมชอบ...ไม่เคยรู้มาก่อนว่าบนเขาลึกแบบนี้จะมีบ้านสวยๆแบบนี้ด้วย"
“ชอบก็ดีแล้ว นายจะได้อยู่ที่นี่อย่างมีความสุข" จอมทัพว่า ก่อนรั้งตัวมิถุนาให้เข้าไปในบ้านด้วยกัน
เขาไม่กล้าพามิถุนาข้ามไปฝั่งลาวอันเป็นที่ตั้งของคาสิโนตระกูลหวัง มันเสี่ยงและอันตรายมากเกินไป เขาให้ทุกคนปิดเป็นความลับเกี่ยวกับสถานที่เข้าพักในครั้งนี้ ทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยของมิถุนาเท่านั้น มันเสี่ยงก็จริงที่พาคนตัวเล็กมาที่นี่ด้วย แต่การทิ้งไว้ที่เซฟเฮ้าส์คนเดียวนั่นอาจจะแย่กว่า เขา...ที่แย่ ไม่ใช่มิถุนาเลย ดังนั้นการเลือกบ้านพักตากอากาศบนหุบเขาที่อำเภอชายแดนเช่นนี้ดูท่าจะเป็นความคิดที่เข้าท่าก่อน
ทั้งที่อันที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะทางเลือกไหน มิถุนาก็ตกอยู่ในอันตรายทั้งหมด อันตรายตั้งแต่ตกเป็นของของเขาแล้ว
มิถุนาเดินตามจอมทัพเข้าไปด้านใน ตัวบ้านเย็นสบายเพราะสร้างด้วยไม้ทั้งหลังและอยู่บนเขา แต่งอย่างเรียบง่ายตามสไตล์เจ้าของ มีห้องหับรองรับคนได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะห้องทานอาหารที่ใหญ่และปลอดโปร่ง หลังคาเป็นกระจกใสเช่นเดียวกับผนังด้านนอกที่เชื่อมกับระเบียงขนาดใหญ่ มิถุนาถูกพาไปนั่ง พร้อมกับสำรับอาหารเหนือชุดใหญ่ที่ถูกยกเข้ามา
มิถุนาดูอารมณ์ดีขึ้นทันทีที่อาหารที่คุ้นเคยถูกยกเข้ามา และเมื่อชิมแล้วรสชาติถูกปาก ก็ยิ่งทำให้อารมณ์ดียิ่งขึ้นไปอีก มิถุนาคิดถึงรสมือคุณยาย ดวงตากลมโตสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จอมทัพเหลือบตามองคนตรงข้ามแล้วกระตุกยิ้มบางๆ เขาอดเอ็นดูมิถุนาไม่ได้...
“ไว้ถ้ามีเวลาเหลือ เราไปแม่ฟ้าหลวงกัน"
“ครับ?” มิถุนาชะงักมือที่กำลัง
“บ้านนายไม่ใช่หรือไง?”
มิถุนาจ้องจอมทัพนิ่ง ก่อนเผยยิ้มบางๆออกมาในที่สุด
“ขอบคุณครับ"
มื้ออาหารจบลงพร้อมๆกับบรรยากาศที่ดีขึ้นจนเจย์ลอบถอนหายใจและวิคเตอร์ก็อดเลิกคิ้วกับการกระทำของคู่หูไม่ได้ จบจากมื้อกลางวัน มิถุนาก็ขอตัวไปพักผ่อนจากความเหนื่อยล้าทันที เจย์จึงพานายแบบหนุ่มไปยังห้องนอนที่ปีกขวาของบ้าน ติดกับระเบียงกว้างที่ยื่นออกไปยังหน้าผาลาด ด้านล่างเป็นวิวของไร่ชาขนาดใหญ่ รวมถึงสวนดอกไม้เมืองเหนือประปราย
มิถุนาวางกระเป๋าลง ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาเฌอปรางและตะวัน กระเป๋าเดินทางของเขาและมาเฟียหนุ่มถูกยกขึ้นมาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว มิถุนาเอื้อมมือเปิดผ้าม่าน แสงแดดอ่อนๆสาดเข้ามา อากาศไม่ร้อนไม่หนาว แต่ความอ่อนล้าก็ทำให้เขาตัดสินใจที่จะอาบน้ำแทบจะทันที
มือบางเอื้อมมือถอดชุดที่สวมใส่ออก และแทนที่ด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำ มิถุนาแง้มประตูห้องน้ำออกและพบว่าข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดถูกเตรียมไว้ให้พร้อมแล้ว ห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องหินอ่อนเย็นเยียบ ผนังเป็นไม้รอบด้าน ส่วนเพดานเป็นกระจกใส ดังนั้นหากอาบน้ำตอนกลางคืนคงได้บรรยากาศไปอีกแบบ
อ่างจากุชชี่ถูกเติมน้ำไว้จนเต็มแล้ว มิถุนาค่อยๆปลดผ้าคลุม มวยผมไว้ด้านหลัง และหย่อนตัวแช่ลงในน้ำอุณภูมิค่อนข้างสูง กลิ่นหอมอโรมาทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เขาหลับตาลงช้าๆ ก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ
เสียงหยาดฝนที่ตกกระทบด้านนอกยังดังไม่หยุด มิถุนาหลับตาลงแทบไม่ได้สนใจเรื่องอื่นใดจนกระทั่งประตูห้องน้ำถูกเปิดออก ดวงตากลมโตลืมขึ้นแล้วเบิกกว้างเมื่อเห็นใครบางคนเดินเข้ามา แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น เพราะทันทีที่เห็นจอมทัพ มิถุนาก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ราวกับว่านี่เป็นเรื่องชินชาไปเสียแล้ว อีกฝ่ายจะทำอะไรกับเขาก็ได้ เขาไม่มีสิทธิ์อะไรอยู่แล้ว
“คุณจะอาบน้ำเหรอ เดี๋ยวผมจะขึ้นแล้ว" มิถุนาพึมพำเบาๆ แต่ทันทีที่คว้้าเสื้อคลุมและทำท่าจะลุกขึ้น จอมทัพก็เอื้อมมือกดไหล่บางไว้เสียก่อน
ฝ่ามือหนาปลดเสื้อคลุมของตัวเองออก มิถุนาเบือนหน้าหนีพร้อมปรางแก้มที่แดงเรื่อทันทีที่ร่างกายอันสมบูรณ์แบบของอีกฝ่ายปรากฏตรงหน้า จอมทัพหย่อนกายนั่งลงฝั่งตรงข้ามของมิถุนา ก่อนเอนกายพิงอ่างช้าๆ
“เป็นอะไรไป" เสียงทุ้มเอ่ยถาม พร้อมๆกับรั้งกายอีกฝ่ายจากอีกฝั่งมานั่งซ้อนแนบอก มิถุนาดิ้นขัดขืนแต่ก็ไม่สู้แรง สุดท้ายก็จมลงไปกับอกอีกฝ่ายแทบจะทันที
ปลายจมูกโด่งคลอเคลียอยู่ที่หลังคอขาว กลิ่นหอมของเรือนผมสีดำขลับแม้จะมัดไว้แล้วแต่ก็ลอยเตะจมูกอย่างยากจะปฏิเสธ มิถุนาเบือนหน้าหนี ไม่ยอมตอบคำถาม มันดูเป็นช่วงเวลาที่แสนอึดอัดกับความไม่เข้าใจที่ก่อร่างขึ้นบางเบาในหัวใจ
“ผมไม่ได้เป็นอะไร" สุดท้ายก็เลือกที่จะเอ่ยปากปฏิเสธไป
“เมื่อคืนเรายังคุยกันดีๆอยู่เลย"
“ผมไม่ได้คุยดีกับคุณ ผมยังเกลียดคุณ ไม่ว่ายังไงก็เกลียด"
จอมทัพส่งเสียงหัวเราะหึออกมาเบาๆ เขาเม้มซอกคอขาวเบาๆก่อนรัดเอวบางไว้แน่น
“แน่ใจหรือไง?”
“คุณเป็นยังไงกันแน่นะจอมทัพ" มิถุนาพึมพำเบาๆ "คุณจะใจดีกับผมทำไม?”
“หรือนายอยากให้ใจร้าย"
มิถุนาถอนหายใจเบาๆอย่างจนตรอก "คุณอยากจะทำอะไรก็ตามใจคุณเถอะ...”
จอมทัพมองเสี้ยวหน้าของอีกคนอย่างครุ่นคิด เขาเลื่อนมือกุมมือมิถุนาใต้สายน้ำเบาๆ
“ตามใจนายบ้างสิ"
“......”
“ลองพูดมา อยากได้อะไร"
มิถุนาชะงัก เขาเม้มปากจนแทบเป็นเส้นตรง ฝ่ามือที่ถูกประสานไว้ถูกกระชับจนแน่น มิถุนาใจเต้นรัว
“ผมอยากได้อิสระ อยากกลับไปอยู่คอนโด กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม" เขาถอนหายใจ "แต่ผมรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ผมรู้ คุณต้องการให้ผมพูดอะไรอีกไหม?”
“ไม่ และฉันไม่อนุญาต"
“คุณมันเห็นแก่ตัว"
จอมทัพไม่ตอบโต้ แต่เขากลับพลิกตัวมิถุนาให้เผชิญหน้ากัน เนื้อเนียนบดเบียดอยู่บนหน้าตักกว้าง มิถุนาหลุบตาลง เขาเม้มปาก ก้มหน้างุด ในใจอัดอั้นไปหมด...
“มาอยู่ด้วยกันไหม?”
คำถามที่หลุดออกจากปากมาเฟียหนุ่มทำให้มิถุนาชะงัก ริมฝีปากร้อนกดลงเบาๆที่แก้มใส มิถุนาหัวใจเต้นแรง ทั้งสับสน ทั้งไม่เข้าใจ และทั้งไม่แน่ใจว่าจะมีความรู้สึกอื่นใดเจือปนอยู่ด้วยหรือไม่ ในใจทั้งเต็มตื้นและหวั่นไหว แต่ที่สำคัญคือกลัว...เขาไม่รู้ว่าจอมทัพต้องการอะไร กลัว...กลัวจนร่างกายชาดิก
เพราะทุกอย่างเหมือนเป็นความฝัน แม้กระทั่งตอนนี้ยังหายใจอยู่ก็ตามที
“ใน...ฐานะอะไร?” เสียงหวานเอ่ยถามออกมาอย่างเต็มกลืน น้ำตาพาลจะไหลให้ได้
จอมทัพไม่ตอบ เขาไม่พูดออกไป เอาแต่นั่งรอคำตอบอย่างเงียบๆ มิถุนาเบือนหน้าหนีทั้งๆที่ถูกกดศีรษะให้แนบบนไหล่กว้าง มิถุนากัดปากแน่นจนแทบช้ำ
“ฉันให้นายตัดสินใจ"
มิถุนานั่งนิ่ง ปล่อยให้อีกคนโอบกอดเขาเอาไว้ ในใจตีรวนสับสนกันยุ่งเหยิง...ในใจทั้งๆที่คิดจะหนี แต่สุดท้ายกลับวิ่งสะดุดขาตัวเอง ล้มลง ณ จุดเดิม...
“คุณรู้ไหมที่พูดออกมาเนี่ย มันหมายความว่ายังไง?”
กลัวเหลือเกิน...