ตอนที่ 14 : เดินหน้า (50%)
อากาศเย็นเล็กน้อยสำหรับเช้านี้ และมีหมอกลงจางๆ เป็นเพราะฝนตก แดดเลยไม่สาดส่องเหมือนทุกๆวัน มิถุนาสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนเกือบๆแปดโมง เขาเหลือบมองนาฬิกาปลุกก่อนนึกโมโหที่ใครอีกคนกดปิดมันไปก่อนหน้านี้แล้ว
จอมทัพคงอยากให้เขาพักผ่อนให้เต็มที่ หลังจากเมื่อคืนเล่นงานเขาเสียอ่วม มิถุนาถอนหายใจเบาๆ ไม่ปรารภอะไรออกไปเพราะคิดว่ามันคงไม่ได้รับความสนใจอยู่แล้ว มันคงไม่เป็นอะไรหรอกนี่นานๆทีเขาจะตื่นสายบาง อย่างเช่นวันนี้เป็นต้น ร่างผอมโปร่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ฉวยเอาเสื้อคลุมอาบน้ำที่ปลายเตียงขึ้นมาสวม มิถุนาปวดหัวนิดหน่อย แต่ไม่มากนัก จริงๆแล้วไม่ใช่เพราะนอนไม่พอที่ทำให้เขาปวดหัว แต่เป็นเพราะเรื่องบ้าบอที่ทยอยดาหน้าเข้ามาในชีวิตเขาต่างหาก บางครั้งมิถุนาก็นึกอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ
ยิ่ง ณ เวลานี้ เขายิ่งสับสน ดูเหมือนยิ่งคิดเท่าไหร่ ทางออกก็คือจุดเดิมเสมอ มิถุนาไม่อยากยอมรับ ใจของเขามันโอนอ่อนและยอมรับจอมทัพเขามาทีละนิด จอมทัพไม่หวาน แต่คนๆนั้นก็รู้จักเอาอกเอาใจและคอยดูแล
มิถุนาไม่เคยบอกใครหรอกว่าเขาชอบคนที่ดูแลเขาได้ เพราะเขาดูแลตัวเองมาทั้งชีวิตแล้ว การที่จอมทัพทำอะไรแบบนั้น ยิ่งทำให้เขาหมดหนทางในการโต้แย้งมากขึ้นเรื่อยๆ
นายแบบหนุ่มพรูลมหายใจออกมา เขาเดินไปหยิบชุดลำลองจากตู้เสื้อผ้ามาผลัดเปลี่ยน หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อย มิถุนาก็เดินออกมาจากห้องนอน เสียงพูดคุยและหัวเราะเบาๆจากตรงระเบียงทำให้เขาต้องย่องเข้าไปดู
เจ้าขิงนอนอิงแอบอยู่ข้างๆเก้าอี้ที่มาเฟียหนุ่มนั่งอยู่ ตรงข้ามกันคือคุณน้ำทิพย์ เพราะเสียงฝีเท้า ทำให้มาเฟียหนุ่มชะงักพร้อมกับเหลือบตามามอง คุณน้ำทิพย์เองก็เช่นกัน หล่อนยิ้มให้กับลูกชายคนเดียว ก่อนรับร่างผอมบางของมิถุนาที่โผเข้ากอด
“อะไรกันหืม? อ้อนแม่แต่เช้าเชียวลูก"
“เปล่าครับ" มิถุนาพึมพำ "แค่...รู้สึกอยากอยู่ที่นี่นานๆ"
คุณน้ำทิพย์หัวเราะ "โถ...คิดถึงก็กลับมาเยี่ยมแม่บ่อยๆสิจ๊ะ อย่างอแงสิคนเก่ง" เธอว่ายิ้มๆ "ว่าแต่จะอยู่กันอีกกี่วันจ๊ะ"
มิถุนาเหลือบมองหน้าจอมทัพ มาเฟียหนุ่มยกกาแฟขึ้นจิบก่อนตอบ
“ผมแล้วแต่มิถุนาครับ" เขาว่า นายแบบหนุ่มมองหน้าคนพูดนิดหน่อยก่อนแอบเบ้หน้า
“ว่าไงลูก?”
“มิชักไม่อยากกลับกรุงเทพฯแล้วครับ" มิถุนาพึมพำเบาๆ ก่อนทรุดกายลงนั่งกับพื้นไม้ข้างเก้าอี้ของมารดา ปล่อยให้ขิงที่ลืมตาตื่นขึ้นมา กระโจนเข้าฟัด
“อ้าวทำไมล่ะลูก" คุณน้ำทิพย์เอื้อมมือลูบศีรษะกลมเบาๆ เธอยิ้มให้กับจอมทัพบางๆ
“มิเหนื่อย...”
“จ้า แม่รู้ แต่คนเราก็มีหน้าที่ของตัวเองนะลูก" ผู้เป็นมารดาว่า "ไว้คิดถึง ก็ให้พี่เขาพากลับมาเยี่ยม ว่างๆมาอยู่สักเดือนให้หายคิดถึงไปเลย"
มิถุนาพรูลมหายใจออกมาเบาๆ เขาไม่ตอบ จริงๆแล้วสิ่งที่พูดกับสิ่งที่อยู่ในใจมันค่อนข้างขัดกัน ตอนนี้คือเขาสับสน สมองมีแต่เรื่องไร้สาระไม่น่าคิด เขารู้ตัวดี...ตอนนี้มิถุนาคนนี้ไม่ใช่คนเดียวกับเมื่อก่อนอีกแล้ว มิถุนาโตขึ้น อย่างน้อยก็พอที่จะต่อปากต่อคำกับมาเฟียหนุ่มได้ และทำให้อีกฝ่ายยอมเขา...
ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันควรทำให้มิถุนามีความสุข แต่ไม่...
“วันนี้จะไปไหนกันจ๊ะ" คุณน้ำทิพย์เอ่ยถาม
“ไม่รู้สิฮะ"
“เห็นยายจะไปตลาดสด มิไปเป็นเพื่อนยายหน่อยไปลูก แล้วสักบ่ายๆค่อยพาพี่เขาไปดอยตุงหรือไม่ก็ดอยแม่สะลอง"
“ครับ" มิถุนารับคำ ทั้งๆที่จริงๆแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไรดีเหมือนกัน
มาเฟียหนุ่มเห็นท่าทางคนตัวบางแล้วก็เอ่ยขึ้น
“จริงๆพักผ่อนอยู่บ้านก็ได้นะ ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย?” จอมทัพเอ่ยถาม เขาเลื่อนกายลงนั่งขัดสมาธิตรงหน้ามิถุนาก่อนยกมืออังหน้าผากมน
“ปละ...เปล่า"
“ตัวเย็นๆ"
“เพราะฝนตก...ต่างหาก"
จอมทัพยิ้ม เขาพยักหน้าเบาๆด้วยความเอ็นดู มิถุนาเสตาหลบ ก่อนเอื้อมมือแตะมือเขา จอมทัพชะงักเล็กน้อยเมื่อนิ้วเล็กสอดเข้ามาเกาะเกี่ยวกับมือของเขา มาเฟียหนุ่มมองมิถุนาอย่างไม่เข้าใจ มือที่สอดประสานกันวางอยู่บนขนนิ่มของเจ้าขิง มิถุนาจ้องใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าเล็กน้อย
“เป็นอะไร" จอมทัพเอ่ยถาม
“เปล่าครับ" เขาตอบ แล้วชักมือออก มันเป็นช่วงจังหวะที่ทำให้หัวใจเต้นแรง แต่ก็ยังตัดสินใจอะไรมากไม่ได้อยู่ดี จอมทัพมองท่าทางนั้นก่อนเอื้อมมือสอดประสานกับมิถุนาด้วยตนเอง เจ้าขิงนอนอยู่บนตักมิถุนานิ่ง
คำถามที่ว่าให้ไปอยู่ด้วยกัน ก็ยังไม่มีคำตอบ มิถุนาไม่รู้จะเชื่อใจได้มากเท่าไหร่ ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ดี เขาไม่มั่นใจเลยสักนิดเดียว จอมทัพแปรปรวนยิ่งกว่าลมฟ้าอากาส ถ้าเขาวางใจไปกับมาเฟียหนุ่มในวันนี้ มันจะยั่งยืนตลอดไปหรือไม่...เขาเคยร้าย เคยทำเอามิถุนาเจียนตาย แต่จู่ๆจะขอให้ไปอยู่ด้วยกัน จะขอให้ยกโทษให้ มันไม่ง่ายนัก แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ต่อต้าน ไม่ดื้อดึง แม้ว่าสิ่งต่างๆจะดูเป็นไปในทางที่ดีกว่าที่คิด แต่มิถุนาก็ไม่เคยนึกถึงการผูกใจไว้กับจอมทัพ ความกลัวมันมีมากกว่า และยังหวังว่าสักวันเขาจะกลับไปมีชีวิตของตนเอง แม้ว่ามันจะไม่ง่ายนัก เพราะตอนนี้เขาเริ่มแย่มากๆแล้ว...
คุณน้ำทิพย์มองการกระทำของคนทั้งคู่ยิ้มๆ ก่อนที่เธอจะผุดลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว ปล่อยให้คนทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน มิถุนานั่งนิ่งเนิ่นนาน กระทั่งจอมทัพปล่อยมือออก
“ไปทานข้าวเช้ากัน"
“อืม"
พวกเขาเดินตามเข้าไปในครัว คุณตายิ้มทัก พร้อมๆกับที่คุณน้ำทิพย์กับคุณยายที่ยกจานอาหารน่าทานมา มิถุนารู้สึกผิดพอสมควรที่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาช่วยคุณยายทำอาหารเช้า ผู้สูงวัยกว่าเห็นหลานชายมีสีหน้าเช่นนั้นก็ลอบยิ้ม
“ไว้พรุ่งนี้ยายจะทำของใส่บาตร มิตื่นมาช่วยยายแล้วกันนะลูก"
“ได้ครับ"
“ทานข้าวเถอะจ้ะ เดี๋ยวจะเย็นหมด"
มิถุนาตักข้าวให้ทุกคน ก่อนทรุดตัวลงนั่งข้างๆจอมทัพ มือเล็กช่วยตักของอร่อยให้มาเฟียหนุ่มเป็นพักๆ วันนี้มีมัสมั่นไก่จริงๆตามที่มิถุนาเดาเอาไว้ คุณยายทอดแผ่นโรตีเป็นเครื่องเคียง จอมทัพเองก็ดูถูกใจมันไม่น้อย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่ห้องนั่งเล่น จอมทัพจำได้ว่ามันคือของเขา มาเฟียหนุ่มขอตัวลุกไปคุยธุระ คุณยายพยักหน้าให้อย่างใจดี
“เขาน่ารักดีนะลูก" คุณยายเปรย "เหมือนคุณตาสมัยหนุ่มๆเลย" ยายแซว
“ครับ?”
“อะไรเล่ายาย...สมัยหนุ่มๆตาหล่อกว่านี้อีก" คุณตาไม่ถล่มตัวเองเลยสักนิด คุณยายมองค้อน
“เหรอจ๊ะ พ่อคุณ...” หญิงชราหัวเราะเบาๆ "ที่ว่าเหมือนน่ะ ใจดี ใจเย็นเหมือนกันต่างหาก"
มิถุนาชะงัก จอมทัพน่ะเหรอเย็น ร้อนเป็นไฟเลยสิไม่ว่า คุณตาของเขาต่างหาก ใจเย็นที่สุด
“เหรอครับ" มิถุนาเบ้ปาก "ใจดีตรงไหน?”
“เขาอาจจะร้อนใส่คนอื่นนะลูก แต่กับหนู เขาเย็นเหมือนน้ำเลยล่ะจ้ะ" คุณยายว่ายิ้มๆ
“ยายไปรู้เขาได้ยังไงเล่า?” คุณตาดูไม่พอใจนักเมื่อคู่ชีวิตเอ่ยชมหนุ่มอื่นไม่หยุดปาก
“ถ้าไม่รัก เขาไม่ยอมหลานเราขนาดนี้หรอกย่ะ"
“เอ้า!”
“สมัยก่อนเธอก็เป็นแบบนี้" คุณยายค่อนขอด ส่วนคุณตาก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
มิถุนาไม่รู้จะยิ้มหรือจะทำหน้าเจื่อนต่อไปดี พอดีกับที่จอมทัพเดินกลับเข้ามา เขาโน้มตัวลงหามิถุนาก่อนยื่นโทรศัพท์ในมือให้พร้อมบอก
“มีคนอยากคุยด้วยน่ะ"
“กับผม?” มิถุนาชี้หน้าตัวเอง จอมทัพพยักหน้าเบาๆ
“อืม"
มือเล็กรับโทรศัพท์มาก่อนขมวดคิ้วมุ่น เขายกขึ้นแนบหู ก่อนที่ปลายสายจะส่งเสียมมาตามสาย นั่นทำเอามิถุนาหลุดยิ้มออกมา
(สวัสดีครับคุณมิ)
“วิคเตอร์!”
เสียงหวานร้องเรียกชื่อของคนสนิทออกมาพร้อมรอยยิ้ม เขาหันไปมองหน้าจอมทัพ อีกฝ่ายก็พยักหน้าให้เบาๆ
(ครับ ผมเอง)
“นี่หายดีแล้วเหรอครับ?” มิถุนาเอ่ยถาม
(โอเคขึ้นมากแล้วครับ ขอบคุณมาก) เขาเอ่ยยิ้มๆ (คุณล่ะครับ?)
“ผมสบายดี เจ้านายคุณก็สบายดี แผลดีขึ้นมากแล้ว"
(ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลเจ้านายผม) วิคเตอร์เอ่ย (ผมจะรีบไปรับพวกคุณนะครับ)
มิถุนาชั่งใจอีกนิด "จริงๆแล้วผมกับคุณจอมทัพวางแผนว่าจะอยู่ต่ออีกสักหน่อย"
(ครับ?)
“มีเรื่องให้คิดเยอะหน่อย"
(อ่า ครับ)
“ไว้เจอกันครับ วิคเตอร์"
(ตามสบายเลยครับ พวกผมอยากจะไปขนข้าวของคุณเข้าเซฟเฮ้าส์จะแย่แล้ว)
มิถุนาหลุดยิ้ม เขาหัวเราะเบาๆ "เกรงว่าจะไม่เป็นแบบนั้นน่ะสิครับ"
(โอ ผมหวังไว้น่ะครับ) วิคเตอร์ว่า (ไม่รบกวนเวลาแล้วครับ พักผ่อนเยอะๆนะครับ)
“คุณด้วย"
มิถุนาวางสายก่อนยื่นโทรศัพท์คืนให้กับมาเฟียหนุ่ม เขาไม่ว่าอะไร มิถุนาปล่อยให้ชายหนุ่มกินข้าว ขณะที่ตัวเองก็ค่อยๆเลาะเนื้อปลาทับทิมให้กับคนข้างตัว
“ผมว่าจะไปภูกระดึง" มิถุนาโพร่งขึ้นมา
“หืม?” เป็นคุณน้ำทิพย์ที่เลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ "ไปเที่ยวน่ะเหรอจ๊ะ?”
“ครับ แล้วค่อยตีรถกลับกรุงเทพฯ" เขาเหลือบมองปฏิกิริยาคนข้างตัว จอมทัพยังคงให้ความสนใจอาหารในจานมากกว่าเขา
“อืม ตอนนี้อุทยานก็ยังเปิดอยู่" นี่เพิ่งจะเดือนห้า อุทยานปิดเดือนหกเป็นต้นไป และเปิดใหม่ตอนเดือนสิบ "แต่ฝนตกบ่อย จะเที่ยวสนุกเหรอจ๊ะ"
“ไม่รู้สิครับ"
“ไปสิ" จู่ๆคนที่เงียบมาตลอดก็โพล่งขึ้น "ไปด้วยกัน"
คุณน้ำทิพย์ระบายยิ้มออกมาบางๆ "งั้นก็ไปกับพี่เขาเถอะจ้ะ นานๆจะได้พักที"
“แล้วงานคุณล่ะ?” มิถุนาขมวดคิ้วมุ่น "ไม่ต้องกลับไปเจรจาเรื่องที่ดินอะไรนั่นแล้วหรือไง?”
“ไม่เอาแล้ว"
“ครับ?” มิถุนาเลิกคิ้วอย่างไม่เชื่อหู
“ไม่เอาแล้ว ไปเที่ยวกันดีกว่า" จอมทัพว่าเรียบๆ
“ว่าไงนะครับ?”
“ฉันไม่เอาที่ตรงนั้นแล้ว ถ้านายไม่อยากให้ทำ ฉันก็จะไม่ทำ ธุรกิจฉันมีเยอะพอแล้ว ดูแลไม่ทั่วแล้วด้วยซ้ำ อีกอย่าง...” จอมทัพรวบช้อนส้อม "ที่ตรงนั้นมันเป็นความทรงจำที่ไม่ดีของนาย"
มิถุนาไม่โต้ตอบ แต่ใจเขากลับอุ่นวาบขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้
“แต่ถ้าคุณต้องการที่ตรงนั้น...”
“ไม่เอาแล้วไง ฉันเลือกไม่ผิดเสมอนั่นแหละ เชื่อสิ" จอมทัพกดยิ้มบางๆที่มุมปาก ส่วนมิถุนาก็ต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเข้าใจว่าตัวเลือกของจอมทัพมีอยู่สองอย่างคือ งาน กับ เขา และตอนนี้ ที่จอมทัพเลือก คือเขา...
“ไปเที่ยวกันดีกว่า นายมีเรื่องให้ต้องตัดสินใจ ส่วนเราก็มีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะ"
มิถุนาอมยิ้ม แบบหาสาเหตุไม่ได้ เขาตกลงจะไปภูกระดึงกันวันพรุ่งนี้ พักสักคืนสองคืน แล้วค่อยกลับไป มิถุนามั่นใจว่าเมื่อถึงวันนั้นแล้ว...เขาจะสามารถตัดสินใจและหาคำตอบให้กับตัวเองได้...
tbc.
เขียนไม่ได้เลยค่ะ มาได้เท่านี้จริงๆ ทั้งผลัก ฉุด ลาก ก็ได้แค่นี้

ช่วงนี้มีอะไรในใจมากไปหน่อยค่ะ ก็เลยจะมาขอยื่นใบลาเอาไว้จนกว่าจะสามารถเขียนงานได้
ไม่เกิน1อาทิตย์ค่ะ ของดลงไว้ก่อนนะคะ ขอเวลาเราหน่อยนะ ถ้าเรามีกำลังใจมากๆแล้ว เราอาจจะเขียนได้ภายในสองสามวันนี้
ตอนนี้คนแต่งsufferไม่แพ้มิถุนาเลย อะไรรุมเร้าเยอะแยะไปหมด รู้สึกอยากเก็บตัวเงียบๆ
แต่ชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไป5555
ขอไว้ครึ่งหนึ่งก่อน อย่าเพิ่งบ่นเลยนะคะว่ามันสั้น เดี๋ยวมารีบต่อให้จ้ะ พล็อตมีหมดแล้ว เหลือแค่พิมพ์ออกมาเป็นประโยคนี่แหละ ทำยากจริงๆ
ปล. การประกาศรางวัลไม่เคยลืม ตอนหน้าละกันนะคะ เริ่มทยอยอ่านอย่างจริงจังแล้ว อ่านไปก็ปลื้มไป ฮี่ๆ ขอบคุณนะคะที่ร่วมแชร์ความรู้สึกกับนิยายเรื่องนี้จ้า
ปล2. เราพล็อตนิยายอีกเรื่องไว้คร่าวๆ แต่จะไม่แต่งจนกว่าเรื่องนี้จะไปได้ถึง80% มาบอกไว้เพราะอยากให้รู้กัน555 แนวงานจะเปลี่ยนไปเยอะมาก บอกไว้แค่ว่าไม่น้ำเน่าเหมือนเรื่องนี้ อิอิ
ปล3. ว่าจะบอกหลายครั้ง ลืม...ตอนก่อนๆที่มีเรื่องประคบร้อนประคบเย็น เราจำสับกันเองค่ะ ว่าจะบอกตั้งนานแล้วลืม แต่ยังไม่แก้นะ มันแก้เยอะ เดี๋ยวว่างๆจะแก้ต้นฉบับไปด้วยจ้ะ คือปกติถ้าขาเราเคล็ดเราก็ประคบเย็นนี่แหละ แต่อันนี้เผลสดเราจำได้ว่าพยาบาลเคยประคบร้อนให้เรา แต่มันน่าเป็นเพราะอะไรสักอย่าง จำไม่ได้แล้ว เลยจำสลับๆกัน ขอโทษและขอบคุณที่ช่วยกันแย้งเข้ามานะจ๊ะทุกคนเลย
สุดท้ายแล้ว ใครคิดถึงเจย์กับพี่วิคยกมือขึ้น ฝากอะไรไปบอกมือซ้ายมือขวาได้ตามสบายเลยจ้ะ
แต่ห้ามจิ้น วิค x มิถุนา ก็พอ 55555555555555