เจย์ไม่เหมือนวิคเตอร์เท่าไหร่นัก เพราะในเวลาทำงาน วิคเตอร์จะไม่เข้ามายุ่มย่าม มือซ้ายจะหาพื้นที่สำหรับตนเองและนั่งเงียบๆ แต่สำหรับเจย์ เขาเหมือนเพื่อนที่ให้คำปรึกษา ไม่ว่ามิถุนาจะขยับตัวไปทางไหน เจย์ก็จะคอยช่วยอำนวยความสะดวกตลอดจนช่วยเปลี่ยนชุดหรือให้คำแนะนำในด้านต่างๆ จนมิถุนาอึ้งในเซ้นส์แฟชั่นของเจย์ไปเหมือนกัน และก็อดชื่นชมไม่ได้
การทำงานในวันนี้จึงมีสีสันมากขึ้นเพราะเขาได้รู้จักเจย์มากขึ้น จากที่แต่ก่อนคิดว่าสนิทกันในระดับหนึ่งแล้ว แต่พอได้อยู่ด้วยกันสองคน กลับรู้สึกสนิทกันมากขึ้น แน่นอน...มันทำให้มิถุนาคิดถึงเฌอปรางและตะวันขึ้นมาทันที แต่เพื่อนตัวดีทั้งสองต่างทิ้งเขาไปต่างประเทศทั้งคู่ ตะวันชิ่งเอาวันพักร้อนบินไปญี่ปุ่นกับคุณแทนไท ส่วนยัยปรางได้ตั๋วบินไปถ่ายแบบไกลถึงมัลดีฟ และเขาก็ไม่ได้เจอคนทั้งคู่มาร่วมอาทิตย์แล้ว
แน่นอนการที่มิถุนาได้ชั่วโมงงานกลับมา ก็ทำให้โล่งใจอยู่หน่อยๆว่า จอมทัพจะไม่ทำอะไรเหนือความคาดหมายอีก อย่างเช่นตลบหลังยกเลิกสัญญา หรือพาตัวเขาบินไปโน่นไปนี่เป็นอาทิตย์ๆ สำหรับมิถุนา จอมทัพเป็นบุคคลที่ปั่นป่วนชีวิตของเขาอย่างที่สุด ไม่ใช่แค่ในชีวิตประจำวัน แต่ลึกลงไปกว่านั้น หัวใจดวงน้อยของมิถุนาก็มักจะไร้แรงโน้มถ่วงไปเสียทุกครั้งที่โดนความใจดีของมาเฟียหนุ่มเล่นงาน...
พูดไม่ทันขาดคำ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น มิถุนาที่กำลังรอเรียกฟิตติ้งชุดต่อไปสำหรับงานเดินแบบในสัปดาห์หน้าก็ต้องล้วงมือควานหาโทรศัพท์ที่หย่อนทิ้งเอาไว้ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ปรากฏเบอร์ไม่คุ้นเคยอีกครั้ง นายแบบหนุ่มขมวดคิ้ว เขาเห็นเจย์กำลังเดินเข้ามาพอดี จึงส่งโทรศัพท์ในมือให้ มิถุนารู้สึกว่าเขาใช้ชีวิตได้ระมัดระวังขึ้นหลายเท่าตัว
เจย์รับมาดูสักพักก่อนยิ้มออกมา
“รับเถอะครับ ไม่รับเดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก" เขาว่า มิถุนาจึงกดรับ ทั้งที่ยังคาใจ
“ฮัลโหลครับ" นายแบบหนุ่มกรอกเสียงลงไป ปลายสายก็ตอบกลับมาทันที
(...ทำอะไรอยู่?)
มิถุนาตกใจระคนอึ้ง เขาแทบไม่ต้องใช้การคาดเดาก็รู้ได้เลยว่า ใครคือคนในปลายสาย
“คุณจอมทัพ...”
(รับโทรศัพท์ช้า ทำอะไรอยู่?)
“ฟิตติ้ง...ชุด"
เขาตอบอย่างมึนงง จอมทัพไม่เคยโทรหาเขาสักครั้ง อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา หรือแม้กระทั่งพวกเขาไม่มีสาเหตุอะไรต้องติดต่อกัน แต่ก่อนมิถุนาอยู่ในฐานะนักโทษของมาเฟียหนุ่ม เขาจึงติดต่อทุกอย่างผ่านวิคเตอร์หรือเจย์เท่านั้น
นี่เป็นครั้งแรกที่จอมทัพโทรหาเขา มันทำให้เขาทั้งแปลกใจและรู้สึกเหมือนความรู้สึกบางอย่างพองโตในใจ มันคือสิ่งที่คู่รักธรรมดาเขาทำกัน และแม้ว่ามิถุนาและจอมทัพอาจจะยังไม่ใช้สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคู่รักได้ แต่การกระทำเช่นนี้...เขาก็ไม่เคยคิดและคาดหวังว่าจอมทัพจะทำให้มันเกิดขึ้น
(เหรอ...เหนื่อยไหม?)
“คุณ...จะบ้าเหรอ มันจะไปเหนื่อยได้ยังไง" คำตอบดูไม่มีอะไร แต่หัวใจมิถุนากลับทำงานหนักอย่างไร้เหตุผล เขาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้เงียบๆ
(ตกลงเย็นนี้กลับไปกินข้าวที่คอนโดนะ)
“คุณไม่กลับไปเซฟเฮ้าส์บ้างหรือไง?” มิถุนาย้อนถาม แต่ปลายสายกลับหัวเราะออกมาเบาๆ
(ไม่ล่ะ) เขาตอบเรียบๆ
“คุณอยากไปกินที่ไหนหรือเปล่า...ผมไม่ทำก็ได้ ไว้พรุ่งนี้เช้าไม่มีงานพอดี ผมค่อยทำตอนนั้น"
(อืม) ปลายสายครางรับเบาๆในลำคอ (งั้นไปกินซูชิกัน เดี๋ยวไปรับตอนห้าโมงเย็น) มิถุนาพลิกดูนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้ก็บ่ายโมงเกือบจะบ่ายสองแล้ว
“ผมก็...จะเสร็จราวๆนั้นครับ" เขาแทบจะกระซิบ
(ตั้งใจทำงานนะ) จอมทัพว่า มิถุนาเผลอหลุดยิ้มออกมาจนได้ เขาจะยิ้มเหมือนคนบ้าเลยด้วยซ้ำหากเสียงของผู้จัดการส่วนตัวไม่ดังแทรกขึ้นมาก่อน มิถุนาชะงักรอยยิ้มก่อนหมุนตัวหันกลับไปหาต้นเสียง เขากระซิบบอกปลายสายเบาๆ
พี่นัชชาเดินเข้ามาพร้อมสลัดในกล่อง เป็นอาหารที่ทางออกาไนซ์จัดเตรียมไว้ให้ เธอเอ่ยปากถามว่ามิถุนาจะรับสักกล่องไหม นายแบบหนุ่มพยักหน้าเร็วๆ เลื่อนข้าวของบนโต๊ะออกเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับวางอาหาร
“ขอบคุณครับ" เขาบอกกับผู้จัดการส่วนตัว ก่อนรีบกลับไปให้ความสนใจปลายสาย น่าแปลกที่จอมทัพยังถือสายรอเขาอยู่
“คุณจอมทัพ...”
(ไปกินก่อนสิ ไว้ค่อยคุยกัน) เสียงทุ้มว่าเรียบๆ แต่มิถุนารับรู้ได้ถึงความห่วงใย ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดไปเองหรือเปล่า
“ครับ คุณด้วย...หาอะไรกินด้วยนะครับ"
(เรียบร้อยแล้ว)
“ครับ"
(แล้วก็อย่าคิดมากนะรู้ไหม ฉันไม่ชอบคนคิดมาก) จอมทัพว่านิ่งๆ ทำเอามิถุนาคิ้วกระตุก เขาเบ้ปากออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ผมทราบดี" เขากลั้นหายใจ "แต่การท่ีผมคิดมากก็คงไม่ทำให้คุณเสียการเสียงานหรอกนะ"
(เสียสิ ฉันเองก็คิดมากถ้านายคิดมาก)
“......”
(วันนี้ฝนตกตอนออกรอบเสร็จพอดี แถมสัญญาก็ไปได้สวย) จอมทัพเปรยขึ้นมา (นายว่าฤดูฝนเนี่ย เป็นโชคดีของฉันหรือเปล่านะ)
มิถุนายิ้ม ยิ้มจนแก้มแทบปริ "คงงั้นมั้งครับ"
“และถ้าคุณอยากโชคดีต่อไปเรื่อยๆแบบนี้ คุณก็ต้องรักฤดูฝนให้มากๆ"
(รู้แล้ว)
“...ผม...ไปทำงานก่อนนะครับ...แล้วเจอกัน"
(อืม)
มิถุนากดตัดสาย เขาอมยิ้มบางๆ และเมื่อเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอ ก็พบว่ามีใครคนหนึ่งที่คุ้นตากำลังยืนเมียงๆมองๆอยู่อีกฝั่งของโต๊ะที่เขานั่งอยู่ มิถุนาจำได้ดี...เมษา เด็กคนนั้น...เขายังจำได้ในวันที่จอมทัพมองเด็กคนนี้ไม่ละสายตา แต่คำสัญญาที่ว่าจะรักฤดูฝนก็ทำให้เขาพยายามเลิกใส่ใจเรื่องบ้าบอนั่นออกไปให้หมด ในฐานะรุ่นพี่ในวงการ สุดท้ายมิถุนาก็เอ่ยปากเรียกรุ่นน้องที่ดูท่าทางจะตื่นที่ทางในที่สุด
“เมษา...”
“อ๊ะ...สวัสดีครับ พี่มิถุนา" เด็กหนุ่มรีบยกมือไหว้ เขาดูเลิ่กลั่กจนมิถุนาอดเอ็นดูไม่ได้
“มาฟิตติ้งเหมือนกันเหรอ?” มิถุนาเอ่ยถาม "นั่งด้วยกันสิ" เขาเลื่อนเก้าอี้ข้างตัวออก ยกกระเป๋าของตัวเองขึ้นวางบนโต๊ะ เมษาพยักหน้าขอบคุณ เขาหอบกล่องข้าวเดินอ้อมโต๊ะมาทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆรุ่นพี่
“ครับ งานแรกเลย" เด็กหนุ่มดูท่าทางตื่นๆ "ไม่คิดว่าจะแคสผ่าน ตื่นเต้นมากเลยล่ะครับ" ใบหน้าขาวใสแดงเรื่อเมื่อพูดถึงสิ่งที่เกินคาดฝัน มิถุนารู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าเอ็นดูขึ้นมา จนลืมบรรดาเรื่องที่ขุ่นข้องหมองใจไปเสียสนิท
“พี่ก็ตื่นเต้น...มากๆ" มิถุนาเล่าประสบการณ์ของตัวเอง "เดินผิดเสียเยอะ แต่พี่ก็คิดว่า มันคือโอกาส ที่มาในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในชีวิต"
“ผมชอบพี่มิมากเลยครับ ก่อนหน้านี้ก็ตามผลงานพี่มาตลอด"
“ขอบใจมากนะ" มิถุนายิ้มบางๆ "แล้วนี่เราเข้าโมเดลลิ่งพี่เพลงมาได้ยังไง?”
“พี่เคดี้เจอผมที่เชียงใหม่เมื่อสามเดือนก่อน" เมษาว่า "จริงๆบ้านผมค่อนข้างลำบาก ผมจบมอปลายก็ต้องหางานทำ ยังคิดอยู่เลยว่าจะได้เรียนต่อไหม แต่พี่เคดี้มาเจอ ยื่นข้อเสนอให้มาทำงานพร้อมเรียนไปด้วยที่นี่...ผมก็เลย"
มิถุนาพยักหน้ารับเบาๆ เขาสำรวจเมษาอย่างถี่ถ้วน ผิวขาวจัด ขาวกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ ใบหน้าได้รูป ตากลมโต จมูกรั้น ปากสีสด ผมสีน้ำตาลมะฮอกกานีตัดเป็นทรงบ๊อบซอยปลาย ถ้าไม่บอกอาจจะเข้าใจผิดได้ว่าคนๆนี้คือผู้หญิงจริงๆ แบบที่ใครต่อใครเคยเข้าใจมิถุนาผิด เมษาเป็นคนที่มีเสน่ห์อย่างเหลือล้น และมีหลายอย่างที่เหมือนกับเขา...เหมือนมาก
“แล้วจริงๆ เราอยากทำอะไร?” มิถุนาเอ่ยถาม
“ผมอยากเป็นครูสอนเด็กอนุบาล" เด็กหนุ่มว่าอย่างขลาดเขิน
“จริงเหรอ?” มิถุนาเลิกคิ้ว
“ครับ แต่ตอนนี้ก็มาทำงานนี้เสียแล้ว การเป็นครูมันอาจจะยังเป็นความฝันที่ไกลมากๆก็ได้นะครับ"
“อืม...จริงๆชีวิตคนเราก็เลือกไม่ได้มากแบบนี้แหละ แต่พี่ว่าเราก็ยังโชคดีนะ...จริงๆงานนายแบบน่ะ สนุกนะ ลองเปิดใจกับมัน แล้วเมษาอาจจะชอบมันเอง" มิถุนาว่า เขาค่อยๆแกะกล่องสลัดออก แต่เพราะไม่ระวัง จึงทำให้ลวดเย็บกระดาษแทงเข้าไปในซอกเล็บ "โอ๊ย!”
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” เมษารีบคว้ามือเล็กมาดูอย่างรวดเร็ว มิถุนานิ่วหน้า เจย์เองก็รีบเดินเข้ามา
“ไม่เป็นไร นิดเดียวเอง"
“มีอะไรเหรอมิ?” เจย์เอ่ยถาม
“เศษลวดมันแทงเนื้อน่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก"
“เดี๋ยวก็ปวดแผลหรอกครับ ผมจะไปขอพลาสเตอร์กับยามาให้นะครับ" เจย์ว่า หลังจากประเมินบาดแผลคร่าวๆแล้ว
“เจย์ครับ ไม่ต้อ...”
“เดี๋ยวถ้านายท่านรู้ เล่นงานผมตายแน่เลย" สุดท้ายการอ้างจอมทัพก็อาจจะเป็นทางออกสุดท้ายที่แฟร์สุดๆ มิถุนาถอนหายใจเบาๆอย่างจำยอม
“ก็ได้ครับ"
“รอสักครู่นะครับ" เจย์สาวเท้าไวๆออกไป ในขณะที่มิถุนาก็ได้แต่ถอนหายใจ แผลมันปวดนิดเดียว...นิดเดียวจริงๆ เขายังนั่งกินสลัดต่อไปหน้าตาเฉยๆแบบนี้เลย
“พี่คบกับคุณจอมทัพแบบนี้ ไม่กลัวเหรอครับ"
“หืม?” มิถุนาเลิกคิ้ว เมื่อได้ยินคำถามของคนข้างตัว
“เอ่อ...ผมหมายถึง...คุณจอมทัพเขา...”
“เป็นมาเฟียใช่ไหมล่ะ?” มิถุนาถอนหายใจเบาๆ "กลัวสิ ไม่รู้จะโดนฆ่าตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้"
เมษาหน้าตื่น จนมิถุนาอดลอบยิ้มไม่ได้
“พี่ล้อเล่น...เขาไม่ทำอะไรพี่หรอก"
“เอ่อ...”
“แล้วพี่กับเขาก็อาจจะยังไม่ได้เป็นอะไรที่เรียกได้ว่าคบกัน คือ...คบกันนี่คือแบบไหนเหรอ?”
“ก็แบบ...คือ...จริงๆผมก็ไม่รู้น่ะครับ แต่ที่ผมเจอคุณจอมทัพครั้งก่อน เขาดูน่ากลัว"
“เขาก็เป็นแบบนั้นแหละ" มิถุนาพึมพำ แต่ก็อดภูมิใจไม่ได้ ที่คนๆนั้น คือคนของเขา "พี่ชี้นิ้วบอกให้เขาเป็นในแบบที่พี่ต้องการไม่ได้หรอก แต่...แต่เขาดีกับพี่มากๆเลย แล้วก็ใจดี...มากๆเลยล่ะ"
“เขาคงรักพี่มากนะครับ"
“ไม่รู้สิ...เขาไม่เคยบอก" มิถุนาส่ายหัว "บางเรื่องเราก็ไม่พูดกัน แล้วก็...อาจจะแค่รับรู้กันเอง"
“......”
“แต่บางทีเขาก็อาจจะไม่ได้รับรู้ในแบบที่พี่รับรู้ก็ได้นะ" มิถุนาเปรยขึ้นมา ก็แค่คำพูดหนึ่งประโยคเท่านั้น เพราะเขาเรียนรู้ว่าบางเรื่อง เก็บไว้ในใจ ให้เป็นเรื่องราวแสนพิเศษ...น่าจะดีกว่า...
tbc.
ขอโทษนะคะ หายไปนาน งานราชงานหลวงมาเต็ม T____T
ตอนนี้จะต่อได้เรื่อยๆละคะ
สำหรับตอนนี้ตัดจบไว้แบบนี้ก่อนนะคะ จะได้ปูเรื่องต่อไปได้
แล้วก็มีเรื่องจะประกาศ ก็คือ เราอาจจะต้องหาช่องทางติดต่อทุกๆคน เพราะเราไม่อยากอัพเดทประกาศบ่อยๆ
มันจะเหมือนปั่นยอดคอมเม้นท์ ซึ่งเราเกรงใจทางผู้แต่งและผู้อ่านคนอื่นๆ กำลังคิดว่าจะเปิดเพจนะคะ เดี๋ยวว่ากันอีกที
แล้วก็ เรากำลังพยายามร่างเรื่องใหม่อยู่ เป็นเรื่องที่อยากแต่ง ตั้งชื่อไว้แล้วว่า "รักกลับรัง"
(ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง)
เป็นเรื่องราวความรักในรูปแบบต่างๆ ปูเรื่องในรั้วมหา'ลัย ตอนนี้คิดว่าจะมีสองคู่หลักๆ
คู่แรกจะเป็นความสัมพันธ์ของคนสองคนที่ย้อนแย้งและเป็นสัมพันธ์ทางกายที่เจ็บปวด เพราะคนหนึ่งกลัวการผูกความสัมพันธ์
อีกคู่เป็นคู่รักที่ห่างกันหนึ่งรอบ หรือสิบสองปี เป็นการไล่ล่าของความรักที่ไม่อาจหยุดนิ่งได้ เป็นความรักของสายลมที่พัดไปเรื่อยๆ ประเด็นคือเป็นเรื่องของคนเจ้าชู้นั่นแหละ
อันนี้มโนไว้ รอเรื่องนี้จบก่อนจะได้เจอกันเบาๆ ว้าวๆๆๆๆ (ไม่รู้จะได้แต่งป่ะนะ แต่มโนไว้ก่อน555)
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
