ตอนที่26 : Lost in Hongkong II : Night
เสียงสัญญาณหายไปแล้ว มิถุนาหลับตานิ่ง ไม่กล้าขยับตัว ร่างกายเกร็งเขม็งไปหมด
มือเขาเปียกช้ืนเหงื่อ แม้แต่หายใจยังไม่กล้า ทั้งๆที่อยู่กลางที่โล่งและมีคนจอแจมากมายขนาดนี้ เขายังไม่กล้าตะโกนเลยด้วยซ้ำ
วัตถุบางอย่างถูกแตะลงบนสีข้าง มิถุนาตัวชาวาบ เขานึกหาทางนอก นึก นึก นึก แต่ก็ไม่มี
มีเพียงแต่ใบหน้าของจอมทัพ...หมอนั่นต้องคลั่งแน่ จะตกใจแค่ไหนที่เขาโดนจับไป
จะเสียใจแค่ไหน
“อย่าขยับ" น้ำเสียงทุ้มกระซิบเย็นๆข้างใบหู มิถุนาชะงักกึก เขารีบคว้าข้อมือของคนด้านหลังทันที และเมื่อพบว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีตอบรับหรือขัดขืนอะไรใดๆ เขาก็รีบหมุนตัวกลับมาทันที
ภาพตรงหน้าทำเอามิถุนาน้ำตาร่วงผล็อย จอมทัพดึงโทรศัพท์มือถือที่ใช้ปลอมแทนปืนยัดใส่มือเล็กอย่างหัวเสีย เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง แววตาคมโกรธจัด เนคไทด์ถูกคลายร่น เสื้อเชิ้ตยับย่น มาเฟียหนุ่มเสยผมที่ชื้นเหงื่อลวกๆ ใบหน้าแดงก่ำเพราะอากาศทั้งร้อน ใจเองก็ร้อนรุ่มยิ่งกว่า สายตาเขาตำหนิมิถุนาอย่างไม่ปิดบัง มิถุนายืนนิ่ง จ้องตากับจอมทัพอย่างอ้ำอึ้ง คำพูดจุกเต็มคอ
“กลัวใช่ไหม ทีนี้เข้าใจหรือยัง!?” เขากระชากเสียง แต่มิถุนาไม่ได้ใส่ใจฟังมากนัก เขาโถมตัวโผเข้ากอดร่างใหญ่แน่น จอมทัพแม้จะโกรธเลือดขึ้นหัว แต่เขาก็รับร่างของคนรักเขามาไว้ในอ้อมแขนในที่สุด
“ผม...ผมนึกว่า...”
“เป็นบ้าอะไร! ทำไมต้องวิ่งพรวดพราดออกมาแบบนี้!!! ถ้าเมื่อกี้ไม่ใช่ฉันล่ะมิถุนา ถ้านายถูก...ฮึ้ย!!” มาเฟียหนุ่มสบถลั่น เขาทั้งโกรธทั้งหวง บางทีก็อยากจะให้มิถุนาโดนจับตัวไปซะจะได้หายพยศและเลิกทำตัวเลือดร้อนแบบนี้เสียที แต่สุดท้ายก็คิดได้ ว่าคนที่จะลงแดงตายไม่ใช่ใคร มีแต่เขานั่นแหละ
“ผมขอโทษ ขอโทษแจ็คกี้" จอมทัพถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาลูบหัวมิถุนาเบาๆ ก่อนจะดึงโทรศัพท์มือถือออกมาเมื่อมันสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง
“ว่าไงวิค?”
“เจอแล้ว"
“ไม่เป็นไร ฉันจะพามิถุนาไปทานข้าวก่อน นายก็อยู่แถวนั้นก็ได้ ส่งคนมา เสร็จแล้วจะโทรไป"
จอมทัพกดตัดสาย เขาเก็บโทรศัพท์ ดึงร่างมิถุนาออก เขาสบตากับดวงตากลมที่ฉ่ำน้ำตาก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ที่สุดท้ายแล้วเขาก็เอ่ยปากต่อว่าไม่ลงจนได้
“ตกลงวิ่งออกมาทำไม?” จอมทัพเอ่ยถาม เขาดึงไหล่สองข้างของมิถุนาแน่น มิถุนาเม้มปาก ก่อนค่อยๆคายความลับทั้งหมดออกมา
“ผม...ผมเห็นเมษา" มิถุนาละลักละล่ำบอก "ผมติดต่อน้องไม่ได้มาเป็นสัปดาห์แล้ว ไม่ใช่แค่ผม แต่ปรางหรือตะวันก็ด้วย น้องออกจากโมเดลลิ่ง ไปไหนไม่มีใครรู้"
ชื่อของใครบางคนทำให้จอมทัพเลิกคิ้ว มาเฟียหนุ่มชะงักกึก เขาดึงตัวมิถุนาเข้ามาใกล้ทันที ก่อนสอดมือเข้าไปใต้เสื้อสูท เขาเก็บปืนไว้สองกระบอกในนั้นฝั่งละข้าง สวมสายสะพายซองปืนไว้บนเชิ้ต ทับด้วยสูทอีกที มาเฟียหนุ่มดึงปืนออกมา เขาขึ้นนกอย่างรวดเร็ว
“แน่ใจเหรอ?”
“ครับ แน่ใจมาก" มิถุนายืนยัน จอมทัพเกือบหลุดสบถ สีหน้าเขาเคร่งเครียดขึ้นจนมิถุนาใจไม่ดี มาเฟียหนุ่มรีบกดโทรศัพท์หาวิคเตอร์อย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มสั่งการเป็นภาษาจีนที่มิถุนาไม่เข้าใจ ก่อนที่จะเลื่อนมือมากุมข้อมือมิถุนาเอาไว้
“อยู่ตรงนี้นานไม่ได้ ไปกัน" จอมทัพรั้งข้อมือเล็กของมิถุนาให้เดินใกล้เขาที่สุด "อย่าอยู่ห่างฉัน"
แจ็คกี้ หวัง ไม่เคยรู้สึกว่าบ้านเกิดเขาไม่ปลอดภัยเท่านี้มาก่อนในชีวิต ทั้งๆที่เกาะฮ่องกงนั้น คือบ้านของเขา คือสถานที่ที่เขามีทั้งอำนาจ เงิน และบริวาร แต่ ณ วินาทีนี้ แจ็คกี้ไม่เคยคิดว่าเขาจะตัวเล็กได้มากเท่านี้มาก่อน เขากลัว...ยอมรับจากใจว่าเขากลัว เขากำข้อมือของมิถุนาแน่นจนอีกฝ่ายอาจจะเจ็บ แต่ถ้าคลายมือไปมากกว่านี้ มิถุนาอาจจะหายตัวไปได้ เขารู้...รู้ดีเสมอมันบ้าบอมาก
มิถุนาถูกซ้อนด้วยแผ่นอกกว้างตลอดทางที่จอมทัพพาเดินไปยังร้านอาหารที่ว่าไว้ตั้งแต่แรก จอมทัพพาลัดตรอกเล็กๆที่มีขี้ยาสองสามคน แต่พวกนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรนอกเสียจากนอนเพ้อเพราะสารเสพติดอยู่ข้างถังขยะ มีอยู่คนหนึ่งที่เขาเตะกระเด็นไปเมื่อมันเดินมาขวางทางทำท่าจะขู่เอาเงิน แต่พอเงินวัตถุสีเงินวาวในมือมาเฟียหนุ่ม มันก็รีบตาลีตาลานหนีหายไป
ซอยเล็กๆคล้ายตลาดสดเต็มไปด้วยผู้คนคับคั่ง มันซ่อนตัวอยู่หลังย่านการค้าอย่างน่าอัศจรรย์ในระยะเกือบครึ่งกิโลเมตร ตึกแถวแต่ละคูหาตั้งเรียงราย ขายทั้งของแห้ง สมุนไพร ของทะเล หรือเป็นร้านอาหาร ร้านน้ำเต้าหู้ หรืออะไรก็ตามแต่ แต่ตลาดนี่เป็นสถานที่ของคนท้องถิ่นอย่างแท้จริง
จอมทัพพาเขาไปหยุดหน้าร้านตึกแถวเล็กๆร้านหนึ่ง เสียงดังลอยลอดออกมาจากร้าน ตัวกำแพงร้านเป็นปูนเปลือยขัดมันที่ดูจะไม่ค่อยมันเท่าไหร่แล้ว พื้นกระเบื้องสีขาวมีคราบดำประปรายและมีร่องรอยแตกเป็นแอ่งบอกอายุของร้านได้อย่างดี มีคนยืนรอหน้าร้านราวสิบคน ด้านหน้าร้านมีตู้กระจกเก่าๆตั้งเอาไว้ มีไอน้ำเกาะพราว แปะตัวภาษาจีนตัวใหญ่สีแดงไว้บนกระจกซึ่งมิถุนาอ่านไม่ออก มีซึ้งนึ่งตั้งเรียงรายห้าหกอันเต็มทางเดิน ด้านในเปิดไฟนีออนสว่างจ้า มีโต๊ะทรงกลมเล็กๆวางสลับกันเอาไว้
จอมทัพดึงมิถุนาเข้าไปด้านใน พออาแปะเจ้าของร้านเงยหน้าจากตู้กระจกแล้วเห็นว่าใครมาเยือน แกก็ฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันเงินสามสี่ซี่ของแกที่แกภูมิใจหนักหนา จอมทัพค้อมหัวทักทายตอบ ก่อนที่อาแปะจะเรียกเมียแกให้พามาเฟียหนุ่มเข้าไปในร้าน ซ้อเจ้าของร้านคุยกับจอมทัพเป็นภาษาจีนกวางตุ้งอยู่หลายประโยค ก่อนยิ้มให้มิถุนาอย่างเอ็นดู
“คุณพูดอะไร?” มิถุนาเอ่ยถามเมื่อหย่อนตัวนั่งเรียบร้อยแล้ว จอมทัพไม่ตอบ เขาถอนหายใจออกมาก่อนชะโงกหน้าออกไปด้านหน้าร้าน "แจ็คกี้ครับ...” เมื่อไม่ได้ยินคำตอบ มิถุนาก็งัดไม้ตายทันที
มาเฟียหนุ่มจ้องใบหน้าสวยตรงหน้าแล้วยกมือแตะแก้มขาวเบาๆ ปลายนิ้วเขาสั่นระริก มิถุนามองแววตาเขาแล้ว ความรู้สึกผิดก็ถาโถมเข้าสู่หัวใจดวงน้อยทันที
“ไม่มีอะไร" เขาถอนหายใจอีกครั้ง "ฉันทักทายเฉยๆ ไม่ได้มานานแล้ว ป้าแกถามถึงเอเลน หมอนั่นเป็นคนโทรจองโต๊ะให้ ร้านนี้เราโดดเรียนมากินกันบ่อยๆ" จอมทัพว่า เขาเล่าด้วยน้ำเสียงปกติ แต่แววตาเขาไม่มั่นคงเอาเสียเลย
“ป้าเขารู้จักนาย เห็นนายในหนังสือพิมพ์ ยังบอกเลยว่าทำไมฉันถึงได้หาแฟนได้สวยขนาดนี้" มาเฟียหนุ่มพยายามฝืนยิ้ม มิถุนาจับมือเขา แล้วรู้สึกได้ว่ามือเขามันสั่น และดวงตาของเขาก็ดูสั่นไหวอย่างไม่น่าเชื่อ "นายเป็นที่รู้จักนะมิถุนา นายไม่ใช่ใครที่ไหนในเกาะนี้"
เขากุมมือเล็กแน่น และเอ่ยในประโยคที่ทำให้มิถุนาใจอ่อนยวบ
“เพราะฉะนั้น ได้โปรด...”
“อย่าทำแบบนี้"
“ฉันจะตายนะมิถุนา ฉันตายแน่ๆ"
“ถ้าไม่มีนาย"
“ฉันอยู่ไม่ได้หรอกนะมิถุนาถ้าไม่มีนายน่ะ...” มาเฟียหนุ่มก้มหัวนิ่งกับมือเล็กๆที่เขากุมเอาไว้แน่น มิถุนานั่งนิ่ง หัวใจเต้นแรง ระคนด้วยความหน่วงหนึบของความรู้สึกผิด...เขา เขาทำให้จอมทัพเจ็บปวดได้ขนาดนี้
มิถุนาน้ำตาคลอ เขาเลื่อนมือประคองใบหน้าของจอมทัพเอาไว้ ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง แต่เขาก็ค่อยๆแตะริมฝีปากลงบนศีรษะของจอมทัพอย่างแผ่วเบา เขาซุกใบหน้านิ่งกับเรือนผมของมาเฟียหนุ่ม มือเกี่ยวรั้งกันไว้แนบแน่น
“ขอโทษ...จอมทัพ ผมขอโทษ" มิถุนากระซิบบอก เขาเข้าใจดีเหลือเกินแล้วในเวลานี้
จอมทัพไม่ได้พูด แต่เขาก็ยอมเงยหน้าขึ้นมา ชีพจรของมิถุนาที่เต้นตุบๆอยู่ตรงข้อมือนั้นเขาสัมผัสได้ มันทำหน้าที่ยืนยันว่ามิถุนายังนั่งอยู่ตรงนี้กับเขา เขาค่อยๆเย็นลงเมื่อมั่นใจว่ามิถุนายังอยู่ตรงหน้าเขา ยังอยู่กับเขา ยังเป็นที่รักของเขา
“อย่าทำแบบนี้อีกได้ไหม?” เขาเอ่ยขอร้อง ทอดเสียงราวกับจะขาดใจ เป็นครั้งแรกที่มิถุนาเห็นเขาอ่อนแอได้ขนาดนี้ อ่อนแอจนมิถุนานึกกลัว
มิถุนาพยักหน้าทั้งน้ำตา "ไม่ทำแล้ว...ไม่ทำแล้วครับ"
บรรยากาศเริ่มดีขึ้นเมื่อซ้อยกน้ำเก๊กฮวยรสหวานกำลังดีมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ ตามด้วยติ่มซำที่อร่อยเกินความคาดหมายจนมิถุนาเคี้ยวตุ้ยเต็มสองแก้ม เมื่ออาหารมา พวกเขาก็จบบทสนทนาเก่าลง มิถุนายิ้มหวาน และจอมทัพก็ไม่ว่าอะไรแล้ว เขาคีบอาหารเข้าปาก ดูคนตรงหน้าตื่นตากับติ่มซำหน้าตาแปลกๆที่หาไม่ค่อยมีในไทยแล้วก็นึกเอ็นดู เขาเล่าให้ฟังว่าสมัยยังเด็ก เขาน่ะ เป็นตัวร้ายของป๋าเลย พยศไม่มีใครเกิน ทั้งหัวแข็งดื้อแพ่ง ถึงกับประกาศไม่มีวันรับสืบทอดกิจการตระกูลหวัง และพยายามทำตัวให้เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปให้มากที่สุด ทั้งใช้ชีวิตติดดิน และหนีห่างจากคนของพ่อ
แต่เมื่อโตขึ้น เขาเห็นพ่อของเขาแก่ตัวลง แววตาอ่อนล้า และทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้จอมทัพต้องทบทวนทุกอย่างใหม่ กระทั่งจุดเปลี่ยนเมื่อเกิดการขัดขาระหว่างอีกตระกูลถึงขั้นนองเลือด พ่อของเขาถูกลอบยิง ดีที่ไกลอวัยวะสำคัญ เขาจึงไม่เสียพ่อไป หลังจากนั้น จอมทัพจึงยอมก้าวเข้ามาเป็นกำลังสำคัญของตระกูล เขาเริ่มเรียนรู้ทุกอย่างตั้งแต่ตอนนั้น จนกระทั่งเรียนจบ เขาก็จึงรับสืบทอดตระกูลหวังอย่างเต็มตัว และหลังจากที่เขาเสียจุนไป เขาก็ยิ่งทำงานอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่างานคือทางออกของความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวล
“พอกินได้ไหม?” จอมทัพเอ่ยถามหลังจากพวกเขาเงียบไประยะหนึ่ง มิถุนาเงยหน้าจากปลายตะเกียบ ก่อนพยักหน้า
“แค่กินได้ที่ไหนล่ะครับ นี่มันสุดยอดแล้ว" มิถุนาว่า "อร่อยมากเลยแจ็คกี้"
จอมทัพอมยิ้มบางๆ "ทำไมชอบเรียกแจ็คกี้?” เขาถาม มิถุนายกปลายตะเกียบแตะปาก เขาทำหน้นึก ก่อนไหวไหล่
“ไม่รู้สิครับ ผมว่ามันน่ารักดี" เขามองหน้าคนตรงหน้า "หมายถึง...ผมรู้สึกเราสนิทกันเวลาผมเรียกคุณว่าแจ็คกี้น่ะ"
จอมทัพหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ มิถุนาเป็นคนฉลาด เขารู้ตั้งแต่วันแรกที่เห็นแววตาแสนพยศนั่น ดวงตากลมโตน่าค้นหา ขณะเดียวกันก็น่ากลั่นแกล้งให้ร้องไห้ออกมา มิถุนาเรียนรู้ที่จะต่อรอง ร้องขอในแบบของตนเอง ในขณะเดียวกันก็ฉลาดที่จะพูด และทำตัวให้เหนือกว่าโดยที่จอมทัพไม่รู้ตัวว่าชีวิตเขาเป็นเบี้ยล่างมิถุนาไปเสียแล้ว
“ไม่ใช่ว่าชื่อเหมือนหมาแล้วหรือ?” จอมทัพอมยิ้มน้อยๆ เขาจับตะเกียบอย่างคล่องมือ แล้วคีบขนมจีบกุ้งใส่ปากมิถุนา
มิถุนากัดเพียงแค่ครึ่งคำก่อนยิ้มแล้วส่ายหัว
“ไม่เหมือนแล้ว...เวลาเรียกคุณว่าแจ็คกี้ ผมรู้สึกว่าผมใกล้คุณ...มากๆเลยล่ะ"
“งั้นเหรอ?” จอมทัพถาม จ้องใบหน้าคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน มิถุนาหัวเราะเบาๆให้กับผู้ชายชุดสูทในร้านโทรมๆ ไม่เข้ากันเลยแต่ก็น่ารักดี
“แจ็คกี้ หวัง--- น่ารักจะตาย"