จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ  (อ่าน 136195 ครั้ง)

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn หรือคบหาพูดคุยกันในเล้า
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่

..........................................................
บทนำ

เคยไหมครับ...เมื่อคุณคิดถึงอดีตในวัยเรียน แล้วคุณก็รู้สึกขำกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคุณในตอนนั้น
เคยไหมครับ...เมื่อคุณคิดถึงอดีตในวัยเรียน แล้วคุณก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคุณในตอนนั้น
เคยไหมครับ...เมื่อคุณได้รับรู้ถึงความจริงของเรื่องราวบางเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับคุณในวัยเรียน ซึ่งคุณเคยเข้าใจแบบหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น
และที่สำคัญ...คุณได้รับรู้ในเวลาคนคนนั้นได้จากคุณไปแล้วอย่างที่ไม่สามมารถกลับมาหาคุณได้อีก ไม่ว่าในฐานะใดก็ตาม

...........................................................

เช้าวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันหยุดงานตามปรกติของผม ( ผมทำงานพุธ-อาทิตย์ หยุดจันทร์-อังคาร) หลังจากทำกิจวัตรประจำวันช่วงเช้าเรียบร้อยแล้วผมก็อ่านหนังสือ ฟังเพลง พักผ่อนไปตามเรื่อง วันหยุดนี่ครับ ก็ต้องขอสบายซะหน่อย ปรกติผมก็อยู่บ้านพักผ่อนแบบนี้แหละครับ ยกเว้นช่วงที่มีงานเยอะ ผมก็ต้องหอบงานมาทำต่อที่บ้านบ้าง มีบางวันที่ผมอาจจะออกไปเดินซื้อหนังสือ หรือของใช้ต่างๆตามห้างสรรพสินค้าบ้างเป็นครั้งคราว

เหตุการณ์ต่างๆก็ปรกติครับ แต่พอช่วงบ่ายๆ ประมาณบ่ายโมงครึ่งของวันนั้น วันที่ ๑ เมษายน  ก็เกิดอาการแปลกๆขึ้นกับตัวผม หัวใจเต้นแรงผิดปรกติ หัวหมุนๆ แล้วก็ตามมาด้วยความรู้สึกคิดถึงใครบางคนอย่างรุนแรง ประมาณว่าต้องการจะพบคนคนนั้นให้ได้เดี๋ยวนั้นเลย  แต่มันก็ทำไม่ได้ครับ เพราะคนที่ผมกำลังคิดถึง ผมไม่รู้เลยว่า เค้าอยู่ที่ไหน จะติดต่อได้อย่างไร  จะโทรถามเพื่อนก็ลำบากครับ เพราะตอนนั้นบ้านผมยังไม่มีโทรศัพท์เลย ตู้โทรศัพท์ใกล้บ้านที่สุดก็ 2 ป้ายรถเมล์  ผมก็เลยคิดว่า เดี๋ยววันพุธไปทำงานจะลองโทรศัพท์ถามข่าวของ ปอ จากเพื่อนๆบางคนดู

ครับ ปอ คือคนที่ผมรู้สึกคิดถึงอย่างมากในตอนนั้น เป็นเพื่อนคนหนึ่งของผมที่รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนชั้น ม.๑ พอเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยแล้วเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งถึงวันนี้ วันที่ผมรู้สึกคิดถึง ปอ อย่างมาก

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2008 23:27:15 โดย บุหรง »

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
«ตอบ #1 เมื่อ28-03-2008 07:37:18 »

เจิมเรื่องใหม่ครับ...เรื่องนี้ถ้าทางจะเศร้า  :o12: :o12: :o12:

แต่ก็เป็นกำลังใจให้คนโพสต์นะครับ
  :L2: :L2: :L2:



ปล.กรุณามาลงอย่างต่อเนื่องนะครับ เดี๋ยวคนรออ่านจะขาดใจซะก่อน  :a2: :a2: :a2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
«ตอบ #2 เมื่อ28-03-2008 07:43:19 »

คนที่สอง  :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:
เนื้อเรื่องน่าสนุกดีค่ะ จะรออ่านนะ  :oni1: :oni1:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
«ตอบ #3 เมื่อ28-03-2008 14:15:24 »

ทักทายๆ  :mc4:

เอ้า....ลงต่อโลด

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๑ โรงเรียนใหม่-เพื่อนใหม

ผมสอบเข้าเรียนชั้น ม.๑ ได้ในโรงเรียนชายล้วนแห่งหนึ่ง ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนวัด แต่ก็เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของประเทศเลยทีเดียว

โรงเรียนใหม่ทำให้ผมตื่นเต้นไม่น้อย จากชีวิตเด็กนักเรียนประถม ที่ต้องตื่นเรียนตรงเวลาแต่เช้าทุกวัน เพื่อรอรถรับ-ส่งนักเรียนของโรงเรียน ตกเย็นก็นั่งรถโรงเรียนกลับบ้าน มาเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมต้น ที่ต้องตื่นไปโรงเรียนให้ทันเวลาเรียน ซึ่งไม่ค่อยจะตรงกันนักในแต่ละวัน เพราะตอนนั้นโรงเรียนของผมแบ่งนักเรียนออกเป็นภาคเช้าและภาคบ่าย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านักเรียนภาคบ่ายอย่างผมจะเข้าเรียนตอนบ่ายโมงหรอกนะครับ บางวัน ๙ โมงเช้า บางวันก็ ๑๑ โมง ก็เลยต้องรับผิดชอบตัวเองในเรื่องของเวลามากขึ้น

วันแรกๆของการเรียนก็วุ่นวายพอสมควรครับ ไหนจะเรื่องเวลาเรียนที่เปลี่ยนไป แล้วไหนจะเป็นเรื่องของห้องเรียนที่ต้องเปลี่ยนห้องเรียนทุกคาบอีก ตอนนั้นยังไม่มีห้องประจำครับ ต้องเดินเรียนตามห้องเรียนตามตึกต่างๆ อย่างห้อง ๓๒๗ ก็ต้องไปเรียนที่ตึก ๓ ชั้น ๒ ห้อง ๗  พอผ่านไปหลายวันก็เริ่มคุ้นเคยกับระบบต่างๆมากขึ้น แล้วก็รู้จักเพื่อนๆในชั้นเรียนมากขึ้นด้วย เริ่มมีการจับกลุ่มกันเป็นกลุ่มๆ ตามความสนิทสนม กลุ่มผมก็มีกันอยู่ ๗ คนครับ ในกลุ่มก็เป็นเด็กเรียนกันเป็นส่วนใหญ่ มีผมนี่แหละที่ออกจะแก่นๆกว่าใครในกลุ่ม ก็ไม่มอะีไรมากครับ ขี้เล่น ซุกซนไปวันๆตามภาษาเด็กที่ถูกเลี้ยงมาแบบลูกคนเล็ก แต่ผมไม่เล่นกีฬาที่เป็นพวกใช้ลูกบอล อย่าง เตะบอลเนี่ย ผมไม่เล่นครับ เพราะผมมีปัญหาเรื่องสายตา ตาผม ๒ ข้างสั้นไม่เท่ากันครับ ตาขวา ๔๐๐ ในขณะที่ตาซ้ายปรกติทุกอย่าง ทำให้ผมมีปัญหาเรื่องการกะระยะและการทรงตัวในบางครั้ง

แต่ใครอย่ามาชวนผมเล่นพวก บอลลูน ตี่จับ โดดหนังยาง เป่ากบ ลูกข่าง ดีดลูกหิน ทอยกอง ทอยเหรียญ หรือหมากรุกนะครับ ผมเล่นหมด โดยเฉพาะหมากรุกนี่ ของชอบครับ เล่นกับพวกผู้ใหญ่แถวๆบ้านบ่อยๆ ดีดลูกหินนี่ผมเซียนเลยนะครับ มาเล่นกับผม ระวังโดนกินหมดกระเป๋า หุ หุ หุ
 
มีคนรักก็ต้องมีคนชัง มีมิตรก็ต้องมีศัตรู มีเพื่อนเล่นก็ต้องมีคนคอยแกล้ง มันคือสัจจะธรรม ( หรือเปล่าหว่า........ )

การแกล้งกันมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของเด็กอยู่แล้ว โดยเฉพาะเด็กผู้ชายในโรงเรียนชายล้วน การกลั้นแกล้งเล็กๆน้อยๆ อย่างเอากระดาษที่เขียนว่า –เชิญเตะฟรี-มาแอบแปะที่หลัง  การตบหัวกันเล่น ขัดขากัน อะไรเล็กๆน้อยๆแบบนี้มันก็เรื่องปรกติสำหรับผมเหมือนกัน ที่ทั้งโดนด้วยตัวเองและทำกับคนอื่น....จะโดนอยูฝ่ายเดียวได้ยังไง จริงมั๊ยครับ หุ หุ หุ แต่จะมีอยู่กลุ่มหนึ่งครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าโกรธแค้นอะไรผมนักหนา แกล้งผมแบบที่ไม่มีเพื่อนคนไหนในชั้นเรียนทำขนาดนั้น ผมขอเรียกว่าขบวนมารเรนเจอร์แล้วกันครับ

ขบวนมารเรนเจอร์มีอยุ่ ๕ คนพอดี มี ศักดิ์ เป็นหัวหน้า ตามด้วย สิทธิ์ , สมชาย , ชัย  ๔ คนนี้ตัวสูงใหญ่กว่าผมครับ ผมสูงประมาณไหล่ของพวกนี้เอง คนสุดท้าย ปอ ครับ สูงพอๆกับผม ( ประมาณ ๑๖๐ มังครับตอนนั้น ) แต่ดูหนาๆกว่าหน่อยนึง  พวกนี้จะไม่เรียกชื่อผมตรงๆหรอกครับ เรียก ไอ้ติ๋ม , ไอ้ตุ๊ด , ไอ้แห้ง  , ไอ้เปียกปูน และอีกสารพัดชื่อแล้วแต่จะสรรหามาเรียก ทำไมผมถึงรู้ว่าสรรพนามพวกนี้หมายถึงผมน่ะเหรอครับ ก็แต่ละครั้งที่มาประชิดตัวผมน่ะสิครับ

ตัวอย่างพฤติกรรมของพวกนี้เล็กๆน้อยๆนะครับ

……………“ ไง ไอ้ติ๋ม การบ้านไม่เสร็จหรือไง มานั่งทำแต่เช้า”  จบคำ มือ ศักดิ์ ก็ตบลงผมหัวผม ไม่ใช่เบาๆนะครับ หน้าคะมำแทบจูบสมุดที่กำลังทำงานอยู่เลยครับ

……………“ เฮ๊ย! ไอ้ตุ๊ด ไมตัวแห้งอย่างนี้วะ มาดูหน่อยเด๊ะว่ารอบเอวเท่าไร” ชัย พูดเสร็จคว้าตัวผมไปกอด ผมก็ดิ้นซิครับ ยิ่งดิ้นมันยิ่งรัด กว่าจะหลุดออกมาได้ ....... พอหลุดออกมาผมก็โกยสิครับ

……………“ อิดำ  ไมเมิงตัวดำอย่างนี้วะ ไหนดูดิ ดำสนิทติดทนนานมะ”  ว่าแล้ว สมชาย ก็เอามือมาหยิกแก้มผม เจ็บชมัด

……………“กลิ่นไรตุ่ยๆวะ” สิทธิ์ พูดขึ้นเมื่อเดินผ่านเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่ “กลิ่นมาจากมึงแน่เลยไอ้เน่า ไหนมาพิสูจน์กลิ่นหน่อยดิ๊” ว่าแล้วสิทธิ์ก็กดไหล่ผมไว้ทางด้านหลัง ทำให้ผมที่เตรียมจะลุกหนีเมื่อได้รับสัญญาณอันตราย ต้องนั่งลงไปกับเก้าอี้เหมือนเดิม แล้วผมก็รู้สึกชื้นๆที่แก้มขวา ตามมาด้วยแก้มซ้าย อึ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย......น้ำลายเต็มหน้าเลย  “เหม็นฉิบหายเลยว่า สงสัยไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อวาน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” แล้ว มันก็เดินไปเข้ากลุ่ม หัวเราะกันหน้าระรื่นเชียว มองไปรอบๆ หัวเราะกันใหญ่ เออ...ดีนะ ว่าแล้วก็วิ่งไปล้างหน้าครับ กลัวขี้กลากขึ้น

รายสุดท้ายครับ ปอ ชอบจับมือผมไปบีบแรงๆครับ แถมมักเป็นในชั่วโมงเรียนด้วย คาบไหนมานั่งเรียนข้างๆนะครับ เตรียมโดนได้เลย จะว่ามันก็เป็นในชั้นเรียน กลัวโดนครูดุหาว่าเล่นกันในห้องเรียน ปอ เลยยิ่งได้ใจครับ มีวันนึง ผมเจ็บจนน้ำตาซึมเลย เคยมั๊ยครับ โดนบีบให้กระดูกข้อนิ้วมันบดๆกัน เจ็บชมัดเลย

“สำออยนะมึง แค่นี้ทำน้ำตาซึม” ปอ พูดกับผมเบาๆ เพราะครูกำลังสอนอยู่
“ก็มันเจ็บ บีบซะมือจะหักอยุ่แล้ว” ผมตอบมันไปเบาๆตอนที่มันผ่อนแรงบีบลง
 “แล้วเสือกทำเก่งนะมึง ไม่ร้องซะแอะ” มันยิ้มกวนๆ
“อยากให้ร้อง แล้วโดนครูเรียกทำโทษทั้งคู่เหรอไง”นั่นแหละครับ ปอ ถึงนึกได้ว่ากำลังอยู่ในชั่วโมงเรียน จึงได้หันไปฟังครูสอนต่อ

...................................................................
......................................

ความจริงในกลุ่มเพื่อนผมก็มีอีก ๒ คนนะครับ ที่โดนขบวนมารเรนเจอร์เหม็นหน้าเอา แล้วก็โดนมันกระทบกระเทียบด้วยวาจาอยู่บ่อยๆ  คือ ตุ่ม กับ เต่า แต่.....................เอ๊ะ!............................เดี๋ยวก่อน แหม่งๆและ.............ทำไมผมถึงโดนประทุษร้ายทางร่างกายอยู่คนเดียวละนี่ ..... ไหนว่าผมทั้งดำ ทั้งผอม ตัวก็เหม็น หน้าตาก็อัปลักษณ์ แล้วมายุ่งอะไรกับผมนัก  มีขาว ตี๋ หน้าใสให้เลือกอีกตั้ง ๒ คน ถ้าแบบมีเนื้อนิดๆ แก้มแดงๆก็เจ้าตุ่ม ถ้าชอบแบบตัวเล็กๆดูคิขุน่ารัก ก็เจ้าเต่าไง ทำไมมารุมผมอยุ่คนเดียว อ๊า..........ไม่ยุติธรรมครับ

ทำใจครับ ขนาดในละครโทรทัศน์ที่ผมดู  คนน่ารักถึงจะมีคนทะนุถนอม........ส่วนคนอัปลักษณ์มักจะมีแต่คนรังเกียจและกลั่นแกล้ง



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-06-2008 21:25:31 โดย บุหรง »

abcd

  • บุคคลทั่วไป
โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์อ๊ะป่าวเนี่ย คึึคึ  :L2:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
 :m12: โอ้โห เจัแน๋วเก่งแท้โว๊ยอ่านนิดเด่ยวรู้เลย

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์อ๊ะป่าวเนี่ย คึึคึ  :L2:
ไม่ใช่ครับ สมัยที่ผมเรียนอยู่ เทพศิรินทร์นี่โรงเรียนคู่อริกันครับ  :laugh:

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
ป้าแน๋วๆๆ โรงเรียนเทพศิรินทร์....เฉยๆครับ ไม่มีคำว่า" วัด " นี้หละหนาแก่แล้วแก่เลยจริงๆๆ ( จะโดนป้าแน๋ว ต....บ มั้ยละนี้ตรู )   :laugh: :laugh: 

แต่สุภาพบุรุษลูกแม่รำเพย ขึ้นชื่อว่าหล่อนะ  อิอิ   :oni2: :oni2: แต่คงสู้ รร.....................ไม่ได้หลอก

ถ้าโรงเรียนชายที่เป็นวัด มี 3 โรงฯ " รร.วัดบวรนิเวศ , รร.มัธยมวัดมกุฏกษัตริย์  , รร.มัธยมวัดสุทธิ" เน้อ   แล้วตกลงคุณน้องอยู่ รร.ไหนครับ แต่ขอเดาว่า มัธยมวัดมกุฏกษัตริย์  อิอิ  :oni3: :oni3: :oni3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-03-2008 21:58:04 โดย อาจารย์..สีฟ้า »

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
 :laugh: น้องตกลงอยู่โรงเรียนไรอ่ะ บอกจารย์แกหน่อย เด่ยวแกตามไปผิดโรงเรียนมันจายุ่งนา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
ถ้าโรงเรียนชายที่เป็นวัด มี 3 โรงฯ " รร.วัดบวรนิเวศ , รร.มัธยมวัดมกุฏกษัตริย์  , รร.มัธยมวัดสุทธิ" เน้อ   แล้วตกลงคุณน้องอยู่ รร.ไหนครับ แต่ขอเดาว่า มัธยมวัดมกุฏกษัตริย์  อิอิ  :oni3: :oni3: :oni3:
โหรู้จริงอะ.....แต่เดาผิดครับ  :laugh:
เดี๋ยวกลางๆเรื่อง มีฉากท่าเรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยาในซอยข้างๆโรงเรียนครับ

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๒ ห้องสมุด

การก่อกวนของพวกขบวนมารเรนเจอร์ยังคงมีมาเรื่อยๆ ถึงผมจะพยามอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนๆที่สนิทกัน แต่ก็ใช่ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา อย่างวันนี้ ราญ , จก , ต่อ , กร ไปเตะบอลกันหมด เหลือ ผมกับ ตุ่ม และ เต่า เพียง ๓ คนนั่งทำงานกันอยู่ที่โต๊ะข้างสนาม ซึ่งกองเต็มไปด้วยกระเป๋าของเพื่อนๆที่ลงไปเตะบอลกันอยู่

เก่งกันจริงๆ ผมคิดในใจ บอล ๑๐ กว่าลูกอยู่ในสนามเดียวกัน เตะรับ-ส่งกันไม่มีผิดทีม ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

“ทำไรกันวะ ๓ ตัวนี่ ไม่ออกไปเตะบอลออกกำลังกันมั่ง เดี๋ยวก็ง่อยแดกหรอก” มาแล้วครับขบวนมารเรนเจอร์ เสียง ศักดิ์ นำมาก่อนเลย
“กูว่ามันกลัวดำหว่ะ ยกเว้นอิดำนี่ ทั้งดำทั้งแห้งอย่างนี้ วิ่งตามบอลไม่ไหวหรอกหวะ ฮ่าๆๆๆ”
“วิ่งไหว แต่ตาสั้น มองไม่เห็นบอล” ผมตอบสวน สมชาย ออกไป
“อ้าว สายตาสั้นเหรอจ๊ะ ไหนมาดูดิ๊ นอกจากสายตาสั้นแล้วมีอะไรสั้นอีกรึเปล่า” สิทธิ์ พูดจบก็ล็อคแขนผมทางด้านหลังเลยครับ ดิ้นไม่หลุดครับผม นั่งอยู่ โดนลอคแขนอย่างนี้ใบ้กินเลย แล้วนี่มันลอคแขนจะทำอะไรผม มองไปทางฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ ตุ่มกับเต่า หายไปไหนแล้ว อีก ๔ คนที่เหลือเริ่มล้อมเข้ามาแล้วครับ สายตามันพิกล ผมเห็นแล้ว งง ไม่เข้าใจว่ามันจะทำอะไรกัน

“นี่ๆ ศักดิ์ เราว่าพวกนายปล่อย ตั้ม มันก่อนดีกว่า มีครูเดินมาโน่นแล้ว เดี๋ยวนึกว่าพวกเราชกต่อยกันแล้วจะโดนดุ”  ราญ นั่นเอง ที่เดินเข้ามาแล้วพูดกับพวกศักดิ์ แล้วก็ชี้มือไปทางมุมตึกไม่ห่างนัก มีครูท่านหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้พอดี
“เฮ๊ย ไปหาไรกินที่โรงอาหารดีกว่าหว่ะ” แล้วสิทธิ์ ก็ปล่อยตัวผม เดินกอดคอ ศักดิ์ไปทางโรงอาหาร มีอีก ๓ คนที่เหลือเดินตามไป

“เป็นไงมั่ง ตั้ม เจ็บรึเปล่า มันทำไรมั่ง” จก ที่เดินตามมาที่หลังพร้อม ตุ่ม กับ เต่า ถามยิ้มๆ
“ถามเพราะเป็นห่วงหรืออยากรู้แน่วะ ยิ้มแบบเนี๊ย...” คราวนี้เจ้าจก หัวเราะเลยครับ ผมเห็นเพื่อนหัวเราะก็เลยหัวเราะตามไปด้วย “ไม่เป็นไรแล้ว ช่างมันเหอะ แบบนี้ประจำอยู่แล้ว ขอบใจนะ ราญ ขอบใจ จก ด้วยที่เป็นห่วง”
“อ้าว ....... แล้วไม่ขอบใจพวกเรา ๒ คนเหรอ” เต่า ถามยิ้มๆ ผมก็รู้ว่าสองคนนี้ถามไปอย่างนั้นแหละ ไม่ได้อยากให้ขอบใจจริงจังนักหรอก
“ขอบใจดิ ขอบใจนาย ๒ คนด้วย  ทีแรกกะว่าจะด่าแล้วว่าหายไปไหนกันหมด ทิ้งเราไว้คนเดียว นึกว่าจะแย่ซะแล้วไม่รู้มันจะทำอะไรเรา ขอบใจหว่ะเพื่อน” ก็ที่สองคนมันหายไป เพราะมันไปเรียก ราญ กับ จก นั่นเองครับ
“อ้าว....แล้วตกลงนี่ไม่รู้เหรอว่ามันจะทำอะไรนายเมื่อตะกี้นี้น่ะ”  ตุ่ม ถามขึ้นมา
“จะรู้ได้ไงอะ....มาแปลกขึ้นทุกวันพวกนี้ นายรู้เหรอ พวกนั้นจะทำอะไรเราเหรอ” ผมยื่นหน้าไปถามด้วยความสงสัย
“ก็...................................” ตุ่ม อึกอัก
“เมื่อกี้ทำอะไรถึงไหนแล้วล่ะ ตั้ม” ราญ พูดขัดขึ้นมา “ จก เรามานั่งทำการบ้านกันดีกว่า  ขี้เกียจไปเตะบอลแล้ว”
แล้วพวกเราก็นั่งทำการบ้านของวิชาที่เรียนไปเมื่อคาบเช้ากัน จนกระทั่งออดบอกเวลาเรียนของคาบวิชาต่อไปดังขึ้น

..........................................

คืนนั้น ผมก็คิดว่า มีที่ไหนบ้างที่ผมพอจะหลบพวกขบวนมารเรนเจอร์ได้ แล้วสามารถนั่งทำงาน หรืออ่านหนังสือเตรียมการเรียนได้ แล้วผมก็ค้นพบครับ......................ห้องสมุด

ใช่แล้วครับ  ห้องสมุด งดใช้เสียง โปรดเงียบ

วันรุ่งขึ้น พอผมไปถึงโรงเรียน ยังอีกนานครับกว่าจะได้เวลาเข้าเรียน แทนที่ผมจะไปยังโต๊ะรวมพลของชั้นเรียนเหมือนเคย ผมตรงไปที่ห้องสมุดเลยครับ พอออดบอกหมดเวลาเรียนของคาบวิชาที่ผ่านมาดังขึ้น ผมมีเวลา ๑๐ นาทีที่จะไปยังห้องเรียนที่จะต้องเรียนคาบวิชาต่อไป เหลือเฟือครับ เหนื่อยแค่พอลิ้นห้อย จากชั้น ๖ ของตึก ๗ ชั้น มาชั้น ๓ ของตึกติดๆกัน พอพักกลางวัน หลังจากที่ทานข้าวกับเพื่อนๆเสร็จ ผมก็ตรงไปห้องสมุดอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็มาเข้าชั้นเรียนเมื่อถึงเวลาเหมือนช่วงเช้า คาบวิชานี้ ตุ่ม กับ เต่า มานั่งขนาบข้างผม ถามกันใหญ่ว่าผมหายไปไหนมาตอนกลางวัน

“อยู่ห้องสมุดอะ เอาการบ้านไปนั่งทำ แล้วก็หาหนังสืออ่านด้วย เพลินดี” ผมพูดไปยิ้มไปเหมือนเคย
“เหรอ ดีเหมือนกันนะ ไว้ไปด้วย” เต่าบอก
“ครูมาแล้ว เรียนๆๆๆๆ” ตุ่มหันมาบอก

“นักเรียนเคารพ” ราญ หัวหน้าห้อง บอกให้พวกเราทำความเคารพครูที่เข้ามาสอน
“สวัสดีครับคุณครู”
.............................................
..............................
....................
.............
......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-04-2008 07:53:14 โดย tumty »

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาติดตาม :a2: และเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมครับ   :L2: :L2: :L2:

ปล.งั้นเดาใหม่ ว่า " รร.มัธยมวัดสุทธิ ฯ "  อิอิ

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
มีท่าเรือข้างโรงเรียน แบบนีม่ายต้องเดาแย้วววมังค๊าบบบบบบบบบบบบ

 :laugh:

ขอบคุณทุกกำลังใจค๊าบบบบ  :oni2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-03-2008 22:15:13 โดย tumty »

anna1234

  • บุคคลทั่วไป

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
รออ่านต่อจ่ะ :oni1:

ชอบนะค้าเนี่ย เขียนเลขไทยทุกตัวเลย

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เข้ามาติดตาม :a2: และเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมครับ   :L2: :L2: :L2:

ปล.งั้นเดาใหม่ ว่า " รร.มัธยมวัดสุทธิ ฯ "  อิอิ

แหม รู้สึกว่าจะเชี่ยวชาญเรื่อง รร.มัธยมชายล้วนเหลือเกินนะ  :m12: :m12:

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป

แหม รู้สึกว่าจะเชี่ยวชาญเรื่อง รร.มัธยมชายล้วนเหลือเกินนะ  :m12: :m12:

บร้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่ทิพย์ก้อ  เค้าเขินหมด  :o8: :o8: :o8: :o8: ที่จริงก็เชี่ยวชาญอยู่ รร.เดียวแหละ   :m1: :m1: :m1: :m1:


ปล.แล้วเมื่อไหร่เจ้าของเรื่องจะมาลงต่อเนี้ย :a2: :a2: :a2:  รออยู่หนา

anna1234

  • บุคคลทั่วไป

แหม รู้สึกว่าจะเชี่ยวชาญเรื่อง รร.มัธยมชายล้วนเหลือเกินนะ  :m12: :m12:

บร้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่ทิพย์ก้อ  เค้าเขินหมด  :o8: :o8: :o8: :o8: ที่จริงก็เชี่ยวชาญอยู่ รร.เดียวแหละ   :m1: :m1: :m1: :m1:


ปล.แล้วเมื่อไหร่เจ้าของเรื่องจะมาลงต่อเนี้ย :a2: :a2: :a2:  รออยู่หนา
:o9: มันใช่ฤจารย์ เห็นรอบรู้ไปหมด คุณน้องขาพี่รอหนูอยู่นะจ๊ะ ต่อๆน้อง

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
 :pig4: ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณกำลังใจจากทุกคนนะครับ  และต้องขอโทษด้วยหากว่าการอัฟเดทช้าไปบ้าง ของแจงสาเหตุเป็นข้อๆนะครับ
๑) เวลางานของผมไม่แน่นอนครับ บางทีมีโทรศัพท์มาตามก็ต้องไปทันที  :o บางครั้งจึงขาดช่้วงในการเขียนไป ต่อไม่ค่อยติด ต้องใช้เวลานิดนึง
๒) ผมตรวจต้นฉบับหลายรอบครับ  :o8: เพราะเมื่ออ่านแล้ว ตัวเองจะต้องไม่รู้สึกว่ามันขัดๆตรงไหนในเรื่องการใช้คำต่างๆ จะได้ไม่ต้องมาแก้ไขหลังจากที่ลงไปแล้ว ซึ่งอาจทำให้ผู้อ่านสับสนได้
๓) เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในเรื่อง มันมีบางอย่างที่ผมอุบไว้ ไม่ได้เล่าในตอนที่เกิดเหตุการณ์นั้น แต่จะมาเปิดเผยสิ่งที่เก็บซ่อนไว้ ของเรื่องนั้นๆ ในอีกหลายตอนข้างหน้า ดังนั้น ผมต้องคอยตรวจย้อนไปย้อนมา ว่าเนือหาที่เขียนผ่านมา พอดีกับเนื้อหาของตอนที่เีขียนต่อมาหรือไม่ อย่างเช่นในตอนที่ ๓ ที่จะนำมาลงต่อนี้ จะมพฤติกรรมีบางอย่างของตัวละครบางตัว ไปสอดคล้องกับบางพฤติกรรมของตัวละครตัวอื่นในตอนที่ ๙ หรือบาง เหตุการณ์ในตอนนี้ ที่ผมไม่ได้เขียนรายละเอียด แต่จะไปเอ่ยถึงในประมาณตอนที่ ๑๓  :serius2:
ดังนั้นผมจึงต้องขออภัยล่วงหน้าครับ หากว่าบางครั้งผมมาอัฟเดทช้าไปบ้าง ขอบคุณทุกท่านครับ :pig4:
(ขนาดคำนำก่อนอัฟเดทแค่นี้ ผมยังต้องอ่านทวนตั้ง ๑๐ กว่ารอบ  :laugh: )
................................................................................
๓ มือกับสัมผัสที่แตกต่าง

แล้ววันต่อๆมา ผมก็มีเพื่อนมานั่งที่ห้องสมุดเป็นเพื่อน ก็คือ ตุ่ม กับ เต่า บางวันพวก ราญ , จก , ต่อ , กร ก็จะมานั่งทำงานหรืออ่านหนังสือด้วย แต่ก็ไม่บ่อยนัก การตามล่าสัตว์ประหลาดของขบวนมารเรนเจอร์ ก็ดูเหมือนจะลดน้อยลง คงเพราะเจอกันแต่ในชั้นเรียน พอออกมานอกห้องเรียนก็ไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนที่เคย แล้ววันหนึ่ง ผมก็โดน ๑ ในขบวนการเข้ามาประชิดตัวจนได้

คาบเรียนสุดท้ายของวัน ปอ รี่เข้ามานั่งเรียนที่โต๊ะติดกันทางด้านขวาของผม  รังสีอำมหิตแผ่กระจายออกมาจากตัวมันเลยครับ ผมนึกอยู่ในใจแย่แน่คราวนี้ จะโดนมันแกล้งอะไรแปลกๆรึเปล่า หน้าตามันเอาเรื่องซะขนาดนั้น แต่เหตุการณ์ปรกติครับ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนหมดคาบเรียนวิชานั้น ผมก็โล่งอก เราคงคิดมากไปเอง คิดขอโทษ ปอ ในใจ ที่ระแวงไป พอคุณครูออกจากห้องแล้ว เพื่อนๆก็ทยอยกันออกไปแยกย้ายกันกลับบ้าน ผม กำลังเก็บของลงเป้ กำลังจะหยิบเป้สะพายบ่า ปอ ก็ คว้ามือขวาผมไปบีบเหมือนอย่างที่เคยทำกับผมบ่อยๆ  กระดูกข้อนิ้วผมบดกันไปมา เจ็บครับ เจ็บ

“กลางวันหายไปทำอะไรที่ไหน บอกมา” ปอ ถามผมเสียงดุๆ มือซ้าย ปอ ก็บีบมือขวาผมแรงขึ้น
“.................................”
“เงียบทำไม ไม่ได้ยินเหรอที่ถามน่ะ เมื่อกลางวันหายไปไหนมา เมื่อเช้าก่อนเข้าเรียนด้วย มาแต่เช้าแล้วหายไปไหน”
“ปอ เอ็งบีบมือมันซะขนาดนั้น ตั้ม มันเจ็บจนพูดไม่ออกแล้ว ปล่อยมือมันก่อน” ตุ่ม เข้ามาห้ามทัพ
“อ้าวเจ็บเหรอ ... เห็นเงียบ ... ไม่น่าเจ็บนี่ ถ้าเจ็บต้องร้องแล้วสิ” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ ปอ ก็ปล่อยมือผมแต่ยังไม่เลิกทำหน้าดุ
“ที่บ้านสอนไว้ เวลาเจ็บอย่าร้องโวยวายเป็นพวกไพร่ เหมือนไม่มีคนอบรมสั่งสอน” ผมตอบไปเฉพาะคำถามสุดท้าย
“เออ...อีผู้ดี แล้วตกลงหายไปไหนมา ทั้งเช้า ทั้งกลางวัน”
“ทำไมต้องบอกนายด้วย เราไปไหนมันเรื่องของเรา” เรื่องอะไรจะบอก ถ้าเกิดพวกนี้ตามไปถึงห้องสมุด ผมไม่แย่เหรอ
“อ้าว..........อีนี่ ไม่บอกใช่มั๊ย เดี๋ยวเจ็บ” พูดจบ ปอ ก็คว้ามือผมไปบีบอีก คราวนี้ทั้ง ๒ มือเลย บีบแรงกว่าทีแรกอีก ผมเจ็บจนกัดริมฝีปากตัวเองเลยครับ แต่ยังคงไม่มีเสียงอะไรลอดออกมาจกปากผม นอกจากน้ำตาที่เริ่มซึมเพราะความเจ็บ
“เฮ๊ย ปอ มึงกะจะบีบให้กระดูกมือ ตั้ม มันแตกเลยใช่มั๊ย ดูซิ ตั้ม มันเจ็บจนหน้าแดงไปถึงหูถึงคอแล้ว” ราญ เข้ามาห้าม ปอ อีกคนหนึ่ง ตอนนั้นในห้องเหลือกันอยู่ ๔ คนเท่านั้น
“ตั้ม มันไปนั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุด ไม่ได้ไปไหนกับใครหรอก”ตุ่ม บอกออกไป ผมฟังแล้ว งง งง ไปไหนนี่เข้าใจ แต่กับใครนี่ แปลว่าอะไร   -*-
“อื้อ มันอยู่ที่ห้องสมุดตลอดแหละ ปอ บางทีพวกเราก็ไปนั่งทำงานกับ ตั้ม มันที่ห้องสมุดนั่นแหละ”ราญ บอกย้ำให้ ปอ ฟัง
“จริงรึเปล่า”
“..................................”
“ทำไมไม่ตอบวะ เดี๋ยวกูบีบมือหัก” ปอ ตวาดใส่ผม
“เอ็งก็ปล่อยมือกันก่อนสิ ปอ มันเจ็บจนน้ำตาซึมแล้ว ต่อให้มันอยากตอบ มันก็พูดไม่ออกหรอก เจ็บขนาดนั้น”
“ชิ.......เรื่องแค่นี้ทำเป็นลับลมคมใน” ปอ ปล่อยมือผม “กลับบ้านดีกว่าเว๊ย หมั่นไส้อีพวกผู้ดี” ปอ พูดจบก็หันไปหยิบเป้สะพายแล้วออกจากห้องไป

พอ ปอ ออกจากห้องไป ผมน้ำตาไหลเลยครับ ทั้งเจ็บ ทั้ง งง คิดแต่ว่าทำไมต้องมาหาเรื่องกัน กระทั่งการที่ผมไปนั่งอยู่ที่ห้องสมุด ผมหายไป มันน่าจะดีใจมากกว่าที่เห็นผมไม่อยู่ให้รำคาญลูกตา

“เราว่าไปหาน้ำแข็งปะคบมือหน่อยดีกว่านะ ดูซิ เหมือนจะช้ำเป็นจ้ำๆเลย ไปล้างหน้าล้างตาก่อน แล้วไปโรงอาหารกัน” ราญ พูดขึ้น พลางหยิบเป้ผมมาสะพายบ่าให้ แล้วก็จูงมือผมไปล้างหน้า จากนั้นก็ไปโรงอาหาร ขอน้ำแข็งจากร้านขายน้ำมาห่อผ้าเช็ดหน้า ประคบมือให้ผม โดยที่มี ตุ่ม ยืนมองอยู่ข้างๆ

“อย่าไปโกรธ ปอ มันเลย ไงก็เพื่อนห้องเดียวกัน” ตุ่มพูดเบาๆ
“ทำแบบนี้จะไม่โกรธได้ไง แต่ช่างเหอะ เดี๋ยวก็คงหายโกรธ”ผมพูดเสียงอ่อยๆหน้าสลด “โกรธน่ะไม่เท่าไหร่หรอก  แต่เราไม่เข้าใจ ทำไมต้องทำกับเราแบบนี้”ผมพูดต่อเบาๆ ขณะที่ยังคงก้มหน้ามองมือของตัวเองที่ ราญ กำลังเอาน้ำแข็งปะคบให้อยู่ โดยที่ไม่รู้เลยว่า ราญ กับ ตุ่ม หันไปมองหน้ากันแล้วส่ายหน้าให้กับความไม่เดียงสาของผม

อืม......มีคนมาลูบมือเบาๆนี่มันรู้สึกดีเน๊อะ ผมนึกในใจ แล้วผมก็เงยหน้า ผมก็เห็นสายตาของ ราญ ที่มองมาที่ผมนั้นเหมือนกับสายตาของพี่ๆที่คอยพยาบาลผมเวลาที่ไม่สบายจนถึ่งขั้นต้องนอนซมอยู่กับนเตียง ผมก็เลยยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีให้ ราญ “ขอบใจนะ ราญ” ผมพูดออกไปเบาๆ
ราญเห็นผมยิ้มแบบนั้น ก็ยิ้มแล้วตอบกลับมา “ไม่เป็นไร น้องชายทั้งคน แค่นี้เรื่องเล็ก” ราญ มักเรียกผมเป็นน้องชายครับ เพราะผมอายุน้อยกว่า ราญ เกือบขวบปี แล้วตัวก็เล็กกว่า ราญ มาก ผมสูงแค่ไหล่ ราญ เองครับ
“เปลี่ยนอารมณ์ง่ายจริงนะนาย เมื่อกี้ยังทำท่าจะร้องไห้อยู่เลย ตอนนี้หน้าระรื่นแล้ว บอกตรงๆนะ บางทีพวกเราตามอารมณ์นายไม่ทันเลยหว่ะ ” ตุ่ม พูด แล้วเราสามคนก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน
..................................................................................

วันรุ่งขึ้น ผมมีเรียนตอน ๙ โมงเช้า แต่ผมตื่นสายกว่าที่ตั้งใจไว้ พอไปถึงโรงเรียนก็ได้เวลาเข้าเรียนพอดี พอผมไปถึงห้องโสตฯที่ต้องใช้เรียนในคาบวิชานี้ ผมก็รู้สึกถึงสายตาพิฆาตจาก ปอ ที่มองมาจากเก้าอี้แลคเชอร์หลังห้องทางด้านขวาใกล้ๆกับประตูทางหลังห้อง ผมมองหา ตุ่ม กับ เต่า ทางกลางๆห้องก็ไม่เจอ มองไปก็เห็น ๒ คนนั่งอยู่แถวกลางๆ ทางซ้ายมือของห้อง แล้วก็เห็น จก กวักมือเรียกให้ไปนั่งตรงเก้าอี้ที่ว่างอยู่ติดกับ ราญ ผมก็รีบเข้าไปนั่ง เพราะเห็นคุณครูท่านกำลังเดินมาพอดี ปรากฏว่า คาบวิชานั้นผมเรียนไม่รู้เรื่องเลยครับ ทำไมน่ะหรือครับ.......................

ผมสายตาสั้นไงครับ โดยเฉพาะตาขวา พอไปนั่งมุมซ้ายของห้อง กระดานดำจะอยู่ทางขวาของผม ผมมองกระดานดำไม่ได้ทันทีครับ เพราะซีกขวาผมจะเบลอๆมัวๆไปหมด เวลาที่มีอะไรขึ้นกระดานดำ ผมจะจดไม่ได้เลย ในส่วนที่ครูอธิบายด้วยปากเปล่า ผมก็จดไม่ทันครับ.............................เพราะผมปวดมือ

พอหมดคาบเรียนวิชานั้น ผมเลยขอยืมสมุดจดงานของ ราญ ตั้งใจว่าจะไปนั่งลอกที่ห้องสมุด เพราะคาบเรียนต่อไปเริ่มเรียนตอน ๑๑ โมง มีเวลาเกือบ ๑ ชั่วโมง พอได้สมุดจาก ราญ ผมวิ่งตื๋อไปห้องสมุดเลยครับ หาที่ว่างนั่งแล้วตั้งหน้าตั้งตาลอกเนื้อหาจากสมุดจดงานของ ราญ ลงสมุดจดงานของผม จดไปนึกไป ราญ นี่จดได้ละเอียดจริงๆ ขนาดครูท่านไอ ๒ ที ยังมีในสมุดเลยเนี่ย แค๊กๆ จดลงไปได้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ผมนั่งลอกไปยิ้มไป

สักพักก็เหมือนมีคนมาดึงเก้าอี้ตัวข้างๆออกจากโต๊ะ แล้วก็มีคนนั่งลงไปบนเก้าอี้ ผมก็ไม่ได้สนใจครับ เพราะตอนนั้นสมาธิแน่วแน่อยู่ที่สมุดตรงหน้า  คิดอยู่แต่ว่าจะต้องลอกให้เสร็จก่อนเข้าเรียนคาบวิชาต่อไป จะได้คืนสมุดจดงานให้ ราญ สักพักก็มีเสียงพูดขึ้นมาเบาๆจากคนที่เข้ามานั่งข้างๆผม เสียงแผ่วๆเหมือนกระซิบ
“อยู่ห้องสมุดจริงๆเหรอเนี่ย แล้วเมื่อเช้าหายไปไหน มาดูที่ห้องสมุดไม่เห็นเจอ แล้วนี่มันวิชาของคาบเมื่อกี้นี่ มานั่งลอกทำไม ทุกทีเห็นจดทัน ทำไมวันนี้ต้องไปเอาของคนอื่นเค้ามานั่งลอก”
ผมได้ยินก็เลยเงยหน้าขึ้นมอง ว่ายุงตัวไหนมาบินทำเสียงหึ่งๆอยุ่ข้างหู.................... ปอ นั่นเองครับ

“....................................” ผมมองหน้ามัน งง งง “พูดธรรมดาก็ได้ทำไมต้องทำเหมือนกระซิบ นึกว่ายุงที่ไหนมาบินอยู่ข้างๆหู” กวนเล็กๆครับ ไม่ทันได้คิดอะไร เพราะปรกติผมคิดอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้น แต่ปอมันยิ้มครับ แล้วพูดกับผมเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรกว่าปรกติ
“ก็ห้องสมุด มันงดใช้เสียงนี่” เออ นะ.....มีเล่นมุก ผมขำเลยครับ เผลอหัวเราะแล้วยิ้มกว้างๆออกไป
“แล้วเมื่อกี้ ถามไรเราอะ ฟังไม่ถนัด”ผมถามถึงคำถามยาวๆในตอนแรกของ ปอ
“เมื่อเช้าทำไมไม่เห็นอยู่ในห้องสมุดเลย แล้วที่นั่งลอกอยู่นี่มันวิชาเมื่อกี้ จดไม่ทันเหรอไง” ปอ พูดขึ้นหลังจากนิ่งมองหน้ายิ้มๆของผมอยู่สักพัก
“เมื่อเช้าตื่นสาย มาถึงโรงเรียนก็ได้เวลาเข้าเรียนพอดี” ผมตอบไป “แล้ววิชาคาบเมื่อกี้จดไม่ทัน ก็เลยยืมสมุดจดงาน ราญ มาลอก”ผมยังคงยิ้มตอบ ปอ ไปดีๆครับ เพราะนิสัยผม ใครพูดกับผมเพราะๆ ผมก็จะพูดเพราะด้วย ถ้ามาตวาดใส่ ผมจะเงียบหรือไม่ก็ตวาดกลับไปเหมือนกัน
“ทำไมตื่นสาย ทุกทีเห็นมาก่อนเวลาเรียนตั้งนาน แปลว่าปรกติตื่นเช้า” ปอ ทำหน้าดุ แต่ยังพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรเหมือนตอนแรก
“เมื่อคืนแพ้อากาศ มีไข้ด้วย พอกินยาเข้าไปมันก็หลับเพลินอะ เลยตื่นสาย” ผมอธิบาย ( ผมเป็นโรคภูมิแพ้อากาศ พออากาศเปลี่ยนผมจะมีไข้ น้ำมูกไหล ต้องมีกระดาษชำระพกติดกระเป๋าตลอดเวลา อย่างน้อย ๑ ม้วนครับ ใช่ครับ ๑ ม้วน เพราะบางวันเป็นมากๆนี่ไม่พอนะครับ ต้องขอ ๒ )
“แล้วเรื่องสมุดล่ะ ทำไมจดไม่ทัน”
“........................................” ผมก้มหน้าเงียบครับทีนี้ ไม่อยากบอก

ปอเห็นผมเงียบ ก็เลยเอามามาแตะหน้าผาก แล้วเอาหลังมือมาแตะๆที่คอผม ผมเงยหน้ามอง ปอ แบบ งง งง ปอมองหน้าผมยิ้มๆ
“ไข้ไม่มีแล้วนี่ ไหนเอามือมาดู” ปอ พูดเบาๆ แล้วก็หยิบเอาปากกาในมือขวาผมออก แล้วจับมือ ๒ ข้างผมหงายขึ้นดู

ผมก็ปล่อยให้ปอจับมือผมไป  ไม่รู้จะพูดยังไง เพราะกำลัง งง กับน้ำเสียงและการระทำของมัน ปรกติมันพูดกับผมแต่ละที ตวาดแว๊ดๆ วันนี้มาแปลก พูดเบาๆ แถมอมยิ้มตลอด แล้วเวลาใครมาพูดกับผมเพราะๆ ผมก็สบายใจสิครับ อีกอย่างหนึ่ง ผมรู้สึกถึงความอ่อนโยนของมือที่มาจับมือผมอยู่ สัมผัสมันอ่อนโยนเหมือนตอนที่ ราญ ค่อยๆเอาน้ำแข็งปะคบมือให้ผมเมื่อวานนี้ แต่สายตาที่มองผม ไม่เหมือนความอ่อนโยนที่พี่มีให้น้องเหมือนสายตาของ ราญ มันดูอ่อนโยนประหลาดกว่านั้น แต่ตอนนั้นผมแปลสายตานั้นไม่ออกครับ ผมก็เลยก้มหน้ามองมือของผมที่ ปอ จับไว้

ปอ เอานิ้วกดๆไปตามฝ่ามือกับนิ้วมือผม บางจุดที่ ปอ กดนิ้วลงไป ผมขมวดคิ้วเลยครับ เพราะมันเจ็บๆ ปอ ก็คอยมองหน้าผมอยู่ตลอดเวลาครับ ตอนนั้น ซักพัก ปอ ก็ปล่อยมือผม แล้วเอามือมาขยี้หัวผมเบาๆ
“รีบๆเข้าแล้วกัน มีคนรออยู่นะ ไอ้ลูกหมาน้อย แล้วดูเวลาด้วย คาบต่อไปเรียนตึก ๑ เดี๋ยวเข้าห้องเรียนไม่ทัน” จากห้องสมุดชั้น ๕ ของตึก ไปยังห้องเรียนตึก ๑ ไกลเอาการอยู่ครับสำหรับเวลา ๑๐ นาที
ปอ พูดจบก็ลุกจากเก้าอี้ หันหลังเตรียมจะเดิน แล้วเหมือนว่าจะชะงักนิดหนึ่ง แล้วอุทานเบาๆ “เฮ๊ย...” แล้วปอก็เดินออกจากห้องสมุดไป สักพักก็รู้สึกก็เหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าของใครอีกคนหนึ่งเดินออกไปจากห้องสมุดอีกคนหนึ่ง  โดยที่ผมยังคงนั่งคิดถึงคำพูดของ ปอ ที่เรียกผมเมื่อสักครู่นี้

อืม.....ไอ้ลูกหมาน้อย.....เหรอ ทำไม ปอ เรียกผมแบบนั้น เพราะว่าพ่อผมชอบเรียกผมแบบนี้เสมอครับ....ไอ้ตั้ม ไอ้ลูกหมาน้อยๆของพ่อ..........

สักพักผมก็เลิกคิดแล้วกลับมาลอกงานในสมุดจดงานต่อจนเสร็จก่อนเวลาเข้าเรียนคาบวิชาต่อไปเล็กน้อย
........................................................
.................................
...................

เหตุการณ์ก็ผ่านไปเรื่อยๆครับ ขบวนมารเรนเจอร์ทั้ง ๕ ยังคงตามราวีสัตว์ประหลาดอย่างผมอยู่แบบเดิมๆทุกครั้งที่มีโอกาส จากภาคเรียนที่ ๑ ไปจนจบภาคเรียนที่ ๒ ของการเรียนในชั้น ม.๑
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-04-2008 22:16:24 โดย tumty »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
ปอ เค้ารัก ตั้ม มั้งถึงได้ทำอย่างนั้น  :m1: :m1: :m1:


เป็นกำลังใจให้คนโพสต์เสมอครับ
  :L2: :L2: :L2: :L2:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
 :oni3: มาไม่เคยทันจารย์สีฟ้าซัก พยายามเข้าน้องพี่เป็นกำลังใจให้

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๔ ปิดเทอมใหญ่ กับบ้านใหม่ชานเมือง

แล้วเวลาก็ผ่านมาจนถึงช่วงปิดเทอมใหญ่ก่อนจะขึ้นชั้น ม.๒ ช่วงนี้เองครับที่มีเหตุให้ผมต้องย้ายบ้านจากบริเวณแหล่งชุมชนในตัวเมือง ออกไปอยู่บ้านใหม่ที่กว้างขวางกว่าเดิมมาก เป็นเรือนใหญ่กับเรือนเล็ก มีเรือนครัว มีสนามหญ้าเล็กๆ แล้วก็มีศาลานั่งเล่นอีกหลังหนึ่ง เนื้อที่ประมาณเกือบสองร้อยตารางวา เสียอยู่อย่างเดียว คืออยู่ไกลออกมาจากตัวเมืองมากไปหน่อย การเดินทางมีแค่รถสองแถวคันใหญ่ๆ หรือรถยนต์ส่วนตัวเท่านั้นครับ แล้วบริเวณนั้นก็เปลี่ยวมากๆ บ้านแต่ละหลังห่างกันหลายช่วงเสาไฟฟ้า กลางคืนมืดตึ๊ดตื๋อเลยครับ บางคืนมีเสียงจิ้งหรีด จักจั่นร้องจิ๊กๆๆๆดังไปทั้งทุ่ง

แรกๆผมก็สนุกดีครับ ตื่นเต้นไปกับบรรยากาศท้องทุ่งข้าวเขียวขจี ท้องฟ้าสีครามสดใส วิ่งไล่จับแมงปอ เก็บดอกโสนริมทางมาคลุกน้ำตาลกิน เอาหนังสะติ๊กยิงใบไม้เล่น บางที่ก็ขี่จักรยานไปรอบๆหมู่บ้าน แต่พอผ่านไปหลายๆวัน ก็เริ่มเบื่อครับ ปรกติที่บ้านเดิมที่ผมเคยอยู่ พอถึงวันหยุดโดยเฉพาะช่วงปิดเทอม ผมก็มักวิ่งเข้าออกบ้านโน้นบ้านนี้ เข้าไปคุยไปเล่นกับเพื่อนบ้านไปทั่ว แต่ปิดเทอมคราวนี้ผมต้องอยู่บ้านคนเดียว เพราะทุกคนออกไปทำงานกันหมด ทั้ง พ่อ แม่ พี่สาว พี่ชาย พี่สะใภ้ ส่วนหลานสาวผมที่พึ่งอายุได้ 3 ขวบ พี่ชายเอาไปฝากเลี้ยงไว้แถวๆที่ทำงานในตอนเช้า และรับกลับบ้านพร้อมกันในตอนเย็น

มีอยู่วันหนึ่ง ผมก็ได้แผลจากการที่ปล่อยรถจักรยานให้วิ่งลงจากสะพานข้ามคลองแล้วเสียหลักล้ม แขนขาถลอกไปหมด เลือดไหลซิบๆจากแผลตรงข้อศอกและหัวเข่า เพราะถนนเป็นดินลูกรังโรยกรวดก้อนเล็กๆ หินมันบาดเข้าเนื้อครับ ตอนเย็นแม่ผมเห็นแผล ก็สั่งให้พี่ชายเอารถออกพาผมไปฉีดยากันบาดทะยักที่คลีนิค หลังจากวันนั้น แม่ห้ามผมขี่จักรยานเล่นอีกเด็ดขาด ให้ใช้จักรยานเฉพาะตอนไปซื้อของเท่านั้น ก่อนหน้านี้ผมโดนห้ามอีกหลายอย่างครับ ห้ามลงเล่นน้ำในคลองข้างบ้าน เดี๋ยวเป็นอะไรไปไม่มีใครรู้ แล้วในน้ำไม่รู้ว่ามีพวกปลิง , งูหรือเปล่า ถ้าอยากเล่นน้ำ ให้ไปเล่นที่สระว่ายน้ำในตัวเมือง
..........ห้ามลงไปกลิ้งตัวเล่นบนสนามหญ้า ( คือ ตอนย้ายบ้านใหม่ๆ ผมชอบลงไปนอนกลิ้งกับพื้นหญ้าครับ มันนุ่มมมมมมมมม...) เพราะบางทีมีงู หรือ ตะขาบ แอบอยู่ ตามต้นหญ้า อาจถึงตายได้
..........ห้ามปีนศาลาเล่น อันนี้ไม่ต้องห้ามผมก็ไม่ทำอยู่แล้วครับ ผมกลัวความสูง T-T สาเหตุเพราะเคยตกชิงช้าที่ไกวสูงๆ แล้วก็ตกต้นไม้เมื่อตอนเล็กๆ เวลาอยู่บนที่สูงๆผมก็จะเวียนหัวครับ
..........ห้ามสอยชมพู่ หรือ มะม่วงเองตอนที่ไม่มีคนอยู่บ้าน แต่ปรกติ ตอนเย็นๆแม่ก็จะสอยเก็บไว้ให้อยู่แล้วครับ ไม่มีหมดมีแต่จะกินไม่ทันละมากกว่า
..........ห้ามจุดไฟต้มน้ำ ถ้าน้ำร้อนในกระติกหมด แล้วอยากชงอะไรทาน ให้ไปซื้อทานที่ร้าน ( อนุญาตให้ใช้จักรยานได้ ผมก็ซื้อบ่อยๆสิครับ แฮะๆ )
..........และห้ามอะไรอีกหลายๆอย่าง ผมเข้าใจครับ เด็กอยู่บ้านคนเดียว อันตรายเยอะ

 ว่างๆๆๆๆๆ........เบื่อๆๆๆๆๆ  ทำอะไรดีละครับทีนี้ เดินไปเดินมาทั่วบ้าน เจอแล้วครับ หนังสือนิยายของพี่สาวผมบนชั้นหนังสือ หยิบมาอ่านจนเพลิน  พอหลายวันผ่านไป หมดครับ อ่านหมดแล้ว ทำไรดี  -*-

ไม่นานผมก็คิดออกครับ เช่าหนังสือนิยายมาอ่านไง เคยไปกับพี่แถวบ้านเดิม เคยไปเช่า 2-3 หนตอนปิดเทอมช่วงเดือนตุลาคม เย็นวันนั้นพอทุกคนกลับถึงบ้านหมดแล้ว ผมก็เริ่มเลยครับ เข้าไปหาพ่อที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขกที่เรือนใหญ่

“พ่อค๊าบบบบบบบบ..................พ่อค๊าบบบบบบบบ” ผมเดินเข้าไปนั่งบนพื้นข้างๆเก้าอี้ที่พ่อนั่งอยู่ พลางเอามือเกาะแขนพ่อ
“อะไรไอ้ลูกหมาน้อย”พ่อหันมายิ้มให้ผม แล้วพูดเบาๆ ช้าๆ ตามแบบคนอารมณ์เย็น
“พรุ่งนี้ ตั้ม ขออนุญาตไปเช่าหนังสืออ่านที่ร้านแถวโรงเรียนนะค๊าบ หนังสือในบ้านตั้มอ่านหมดแล้วอะค๊าบบบ........”
“พจนานุกรม ๑๐ เล่มบนชั้นหนังสือของพ่อละลูก ตั้มอ่านจบแล้วเหรอ” ดูพ่อผมถาม -*-
“พจนานุกรม ตั้ม ขอผ่าน ค๊าบบบบบ กว่าจะอ่านหมด เดี๋ยว ตั้มฉลาดเกินไป เพื่อนๆเลิกคบหมดอะค๊าบบบบบ ” คำตอบของผมทำให้พ่อหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี พลางเอามือลูบหัวผมอย่างเอ็นดู
“ไปขอแม่เค้าสิลูก ว่าแม่อนุญาตรึเปล่า” แปลว่าได้ครับ อิ อิ  ผมเองก็รู้อยู่แล้วว่าพ่อคงตอบแบบนี้  เพราะคนที่จะอนุมัติคำขอของผมว่าผ่านหรือไม่นั้น เป็นแม่ แต่ยังไงก็ต้องบอกพ่อก่อนแหละครับ ตามลำดับไหล่
“งั้น ตั้ม ไปหาแม่นะค๊าบบบบ” แล้วผมก็ลุกขึ้นวิ่งตื๋อไปหาแม่ที่เรือนเล็ก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก.....ผมเคาะประตู เป็นการขออนุญาตเข้าไปในเรือนเล็ก พอเข้าไปก็เห็นแม่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ผมก็คลานเข่าเข้าไปนั่งพับเพียบเรียบแต้อยู่ข้างๆโซฟา นั่งเก็บมือเก็บเท้าเรียบร้อย
“มีอะไรรึเปล่าลูก” แม่พูดพลางวางไหมพรมที่กำลังถักอยู่ในมือลงบนตัก แล้วก็ถอดแว่นออกวางบนโต๊ะ
“แม่ค๊าบบบบ.....พรุ่งนี้ ตั้ม ขออนุญาตออกไปเช่าหนังสือนิยายที่ร้านแถวโรงเรียนหน่อยนะค๊าบ” ผมบอกแม่สายตาอ้อนวอนสุดชีวิต
“ทำไมไปเช่าล่ะ ทำไมไม่ซื้อ ทุกทีเห็นซื้อการ์ตูนเยอะแยะ” แม่พูดเสียงเข้มขึ้นมานิดนึง เพราะช่วงนี้ผมซื้อการ์ตูนเยอะมาก ก็ปิดเทอมนี่ครับ ออกไปตลาดในเมืองสัปดาห์ละครั้ง ก็เลยซื้อเยอะ ความจริงก็เท่ากับที่ซื้อทุกวันเมื่อตอนเปิดเทอมนั่นแหละครับ แหะๆๆๆๆ
“หนังสือนิยายมันแพงนี่ค๊าบแม่ เช่าอ่านดีกว่าค๊าบ แล้วเล่มไหน ตั้ม ชอบมากๆ ค่อยเก็บตังส์ซื้อค๊าบ”
“แล้วบอกพ่อเค้าแล้วรึยัง” แม่ผมถามไปอย่างนั้น เพราะรู้ว่าถ้ามาขออนุญาตแบบนี้ แปลว่าบอกพ่อมาแล้ว
“พ่อบอกว่าให้มาถามว่าแม่อนุญาตรึเปล่าค๊าบ” พ่อผมให้เกียรติแม่เสมอ ถึงแม้จะใช้ชีวิตเหมือนคนที่แยกกันอยู่แล้วก็ตาม
“ออกไปพร้อมพี่ๆเค้าตอนเช้าแล้วกัน บอกพี่เค้าซะด้วย เค้าจะได้รู้ว่าเราจะไปด้วย กุญแจบ้านก็อย่าลืมล่ะเดี๋ยวจะเข้าบ้านไม่ได้ กลับถึงบ้านปิดประตูรั้วให้ดีด้วย” แม่กำชับเสร็จ ก็หยิบแว่นมาสวม แล้วหยิบไหมพรมบนตักมาถักต่อ ผมก็เลยคลานเข่าถอยออกมา แล้วก็ออกจากเรือนเล็กวิ่งตื๋อไปยังเรือนครัวหลังบ้าน

“พี่สาวค๊าบบบบบบบบบบ..........” ผมเรียกพี่สาวที่อายุมากกว่าผม 15 ปี
“ค๊าบ ....... เรียกทำไมไอ้ตัวยุ่ง” พี่สาวผมตอบกลับมา มือก็ไม่ละจากผัดผักในกะทะบนเตาแก๊ส ส่วนพี่สะใภ้ผมกำลังปรุงแกงเผ็ดอยู่ที่เตาถ่านอีกมุมหนึ่งของครัว
“พรุ่งนี้เช้า ตั้ม ออกไปข้างนอกพร้อมพี่สาวกับพี่ชายนะค๊าบบบบ ตั้มจะไปเช่าหนังสือนิยายที่ร้านแถวโรงเรียนหน่อย”
“ซื้อการ์ตูนด้วยละสิท่า”พี่สาวดักคอ
“การ์ตูนไว้ซื้อวันที่ไปตลาดค๊าบบบบ” พูดจบผมก็เดินไปเก็บจานที่วางอยู่ในตะแกรงตรงบริเวณอ่างล้างชาม ลำเลียงเก็บเข้าตู้ ตามด้วยแก้วน้ำ ช้อนและช้อนส้อม รวมทั้งอุปกรณ์การครัวต่างๆ เก็บเข้าที่ของมันเหมือนอย่างที่ผมเคยทำทุกวัน
...............................................
...........................
.............

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-04-2008 07:56:41 โดย tumty »

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
แล้วเมื่อไหร่ถึงจะได้รักกันเนี้ยะ อยากอ่านตอนนั้นเร็วๆๆ  :oni2: :oni2:



เป็นกำลังใจให้เสมอครับ นี้สำหรับคนเขียน>>>>>> 
:L2: :L2: :L2: :L2:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
ตั้งใจว่าวันนี้จะมาอัฟเดทนะครับ แต่ไม่แน่ใจเสียแล้ว :serius2: เพราะเรื่องที่พลอทไว้ ผมคิดว่าจะให้เหตุการณ์ต่างๆมันดำเนินไปเรื่อยๆ จากชั้นมัธยมต้น ไปจนถึงชั้นมัึธยมแล้ว แล้วถึงจะค่อยๆเปิดเผยความทรงจำเก่าๆของแต่ละตัวละครออกมาทีละตัว  o13 แต่พอเขียนไปรุ้สึกว่ามันยาวกว่าที่คิด  o2 ถ้าทำอย่างนั้น อาจมีความเข้าใจผิดๆในภาพพจน์ บุคลิคและอุปนิสัยของตัวละครบางตัวที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน หรือผู้อ่านบางท่้านอาจจะนึกรำคาญที่ต้องอ่านกลับไปกลับมา    o12 ผมจึงตัดสินใจเขียนให้ต่อเนื่องกันไปเลยจะดีกว่า เพราะง่ายกับการเขียนด้วย  :oni2:

ตอนนี้ผมเขียนตอนที่ตัวละครในเรื่องเรียนอยู่ ม.๓ แล้วนึกย้อนไปถึงเรื่องราวเมื่อชั้น ม.๑ ผมยังต้องพลิกไปพลิกมา แก้ทั้งบทใหม่ และบทที่เขียนไว้แล้ว เพื่อให้มันสอดคล้องกันอย่างสมเหตุผล ............ นี่ถ้าตัวละครของผมอยู่ ม.๖ แล้วนึกถึงเหตุการณ์ตอน ม.๑ มิแก้กันแย่ฤา   :o12: .......อย่ากระนั้นเลย รื้อบางส่วนออกแก้ไขซะก่อนที่ฐานของเรื่องราวจะใหญ่กว่านี้  :o8:

ดังนั้น ตอนนี้ผมขอเวลาตรวจทานต้นฉบับสักเล็กน้อยนะครับ กำลังเร่งอยู่ คิดว่า คืนนี้น่าจะลงได้อีกสักตอน

ขอบคุณทุกกำลังใจอีกครั้งครับ

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาให้กำลังใจครับ..ค่อยๆ เขียน เอาให้ดีที่สุดหนา  พี่เอาใจช่วย  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๕ เปิดเทอมใหม่ เพื่อนเก่า

แล้ววันเปิดภาคเรียนใหม่ก็มาถึง เทอมนี้ผมเป็นนักเรียน ม.๒ แล้วครับ ยังอยู่กลุ่มเดิม ลืมบอกไปครับ โรงเรียนผมจะแบ่งนักเรียนแต่ละชั้นออกเป็น กลุ่มตามลำดับอักษรภาษาอังกฤษ ใน ๑ ห้องเรียนจะมี ๒ กลุ่มย่อย ทุกคนในชั้นเรียนยังอยู่กันครบ ปิดเทอมใหญ่ไม่ได้เจอเพื่อนนาน ผมก็เลยจับกลุ่มคุยอยู่กับเพื่อนๆราวกับไม่ได้คุยกันมาสัก ๑๐ ปี

สักพักรู้สึกเหมือนมีมือใครมาขยุ้มต้นคอทางด้านหลังไว้ ผมหลับตาปี๋ร้องแง๊วววว เป็นแมวโดนหิ้วคอเลยครับ แล้วก็มีมือมากอดเอวผมไว้แน่นๆ
“ไงวะ ไม่เจอกันนาน รอบเอวเพิ่มขี้นเท่าไรแล้ววะ” ผมดิ้นไม่ออกครับ เพราะยังโดนหิ้วคออยู่ นึกในใจ มันมากันแล้ว T-T
“เฮ๊ย ปิดเทอมไม่มีคนให้อาหารเหรอไงวะ ทำไมเนื้อหนังไม่เพิ่มขึ้นเลยฮึ ไอ้แห้ง” ศักดิ์ เข้ามาหยิกแก้มผม ส่วนแก้มอีกข้างกำลังโดนลูบด้วยมือ สมชาย
“โหย แก้มแม่งหยาบกว่าส้นตีนกูอีกนะเมิง” หยาบแล้วจะลูบทำไมฟระ -*- ยังไม่ยอมหยุดอีก
หง่ะ มือกำลังโดนบีบ ไม่ต้องบอกก็รู้ฝีมือใคร ใช่แล้วครับ ปอ มาพร้อมกับเสียงเอฟเฟค
“ไมเมิงดำอย่างนี้วะ ไอ้เปียกปูน ปิดเทอมไปไถนามารึไง” อะนะ อย่างกับว่าตัวเอ็งขาวนักนี่ แต่จะว่าไปพวกนี้ขาวกว่าผมแน่นอนครับ เพราะเป็นกรรมพันธุ์มาจาก เล่ากง เล่าม่า ( หมายถึงทางปู่ย่า ตายาย ผมเรียกแบบนี้ไม่ทราบว่าถูกหรือเปล่า)

พอ ชัย คลายแขนที่รัดผมไว้ พร้อมกับปล่อยมือที่หิ้วคอผมอยู่ ผมก็สะบัดตัวออกมาจากวงแขน วิ่งข้ามฟากโต๊ะไปฝั่งตรงข้ามทันที พอมองกลับไป ก็เห็นพวกมันหัวเราะกันใหญ่ มองไปรอบๆ เพื่อนคนอื่นก็หัวเราะผสมโรงไปด้วยเป็นที่ครื้นเครง
“เออ จริงด้วยหว่ะ เพิ่งสังเกต ไอ้ตั้ม ไปทำไรมาวะ ก่อนปิดเทอมยังตัวขาวๆเนียนๆ เปิดเทอมมาตัวดำยังกะไปเที่ยวฮาวาย” เออนะ ต่อ พูดแล้วฟังดูดี ดำยังกะไปเที่ยวฮาวาย ฟังแล้วดูดีกว่า กำยังกับไปไถนามา
เฮ๊ย....เดี๋ยวก่อน......คิดแล้วแปลออกมา ได้ใจความประมาณว่า ปอ ว่าผมว่าควายนี่หว่า แล้วอะไรตะกี้ที่ ต่อ พูด อะไรขาวๆเนียนๆ เริ่มงง หน้าเลยออกเหว๋อๆ
“ว่าไง ตั้ม ปิดเทอมไปเที่ยวไหนมาเหรอ ดูคล้ำขึ้นนะ เหมือนไปตากแดดที่ไหนมาทั้งวัน” กร ถามช้าๆ เสียงนุ่มๆ สมกับมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของประเทศ พร้อมกับรอยยิ้มหวานๆที่ กร มีให้เพื่อนๆเสมอ

“อื้อ ก็ตากแดดมาแหละ แต่ไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอก ปิดเทอมอยู่บ้านเล่นกับหมา แล้วก็นั่งอ่านหนังสือที่ศาลาในสนามทั้งวัน เลยโดนไอแดดไอลมมากไป หน้าร้อนแดดมันแรงอะ เลยเกรียมไปหน่อย” พอมีคนพูดเพราะๆด้วย ผมอารมณ์ดีทันที นึกถึงหมา ๓ ตัวที่บ้านด้วย เลยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ลืมไปเลยว่าเมื่อกี้โดนอะไรไปบ้าง

“ตลก ตั้ม ศาลาไร สนามไร บ้านเอ็งมีที่แค่นั้นอะนะ มีสนามมีศาลา แล้วเดี๋ยวนี้เลี้ยงหมาด้วยเหรอ เอาที่ที่ไหนให้มันวิ่งเล่นวะ” เต่า ไม่ค่อยเชื่อผมเท่าไร
“แล้วบ้านนาย ร่มรื่นออกขนาดนั้น จะโดนแดดจนเกรียมขนาดนี้ได้ยังไง” ตุ่ม สนับสนุน

เพื่อนๆในกลุ่มผม เคยไปเที่ยวบ้านเดิมของผม ที่เป็นบ้านไม้ ๒ ชั้นหลังกะทัดรัด อยู่ในรั้วบ้านที่มีเนื้อที่ว่างอยู่นิดหน่อย พอเดินวนได้รอบบ้าน หน้าบ้านเป็นระเบียงไม้เล็กๆ มีต้นเฟื่องฟ้าขนาดใหญ่ให้ร่มเงาแก่ระเบียง ทำให้อากาศตรงระเบียงร่มรื่นเย็นสบายอยู่ตลอดเวลา จนเป็นแหล่งรวมของแมวในละแวกนั้นในบางเวลา

“อ๋อ ลืมบอกไป เราย้ายบ้านแล้ว ไปอยู่แถว ..........................” ผมบอกสถานที่ไป แล้วก่อนที่จะคุยอะไรกันต่อ เสียงสัญญาณบอกเวลาหมดคาบเรียนก็ดังขึ้น พวกเราจึงพากันหยิบเป้ของตัวเอง เตรียมตัวเดินไปยังห้องเรียนของคาบวิชาต่อไป มีเวลา 10 นาทีครับ ชั้น ๑ ของตึกใกล้ๆนี่เอง ไม่ต้องรีบร้อน ระหว่างที่เดินไป กลุ่มผมก็คุยกันว่า วันไหนมีเวลาว่างๆ จะพากันไปเที่ยวบ้านใหม่ของผมกัน


zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
เง้ออ

ขออีกนิดได้มั้ยคะพี่ขา

ชอบค่ะ

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
ค้างอย่างแรง ต่อด่วนๆๆๆๆๆ ครับ

เป็นกำลังใจให้เสมอ  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด