จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ  (อ่าน 136194 ครั้ง)

salapaw

  • บุคคลทั่วไป
โห น้องตั้ม ของพี่ (ในอดีต) ใจดีจังวุ้ยยยยยยยยยยยยยยยย


ว่าแต่ มันนานมากยังคะ เรื่องที่พี่เล่าอ่ะ จะลองกะอายุดู หุหุ


 :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-04-2008 14:00:02 โดย salapaw »

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ถ้าใช้มุกนี้จามีคนไปกินข้าวด้วยมั้ยเนี่ย

"คือวันนี้เราอยากกินไรเยอะแยะ  แต่เรากินไม่หมด  เลยอยากให้นายไปกินด้วยกัน"

โอ้ยย  ตั้มนี่ม่ายรู้ตัวเอาซะเล้ยย  ว่าตัวเองน่ารักแค่ไหน

 :m1:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
โอ้ยย  ตั้มนี่ม่ายรู้ตัวเอาซะเล้ยย  ว่าตัวเองน่ารักแค่ไหน

 :m1:
ขอบคุณครับสำหรับทุกกำลังใจ และทุกคำติชมครับ  o1
สำหรับตัวตั้ม หลายคนชมว่าน่ารักมากมาย แต่ทำไมไม่รู้ตัวเองเลย  :confuse:
ก็ดูสิครับ เพื่อนแต่ละคน เรียกตั้ม ว่ายังไง ตั้่ม เลยฝังใจครับ  o6
แต่เดี๋ยวก่อนครับ.....บางคนบอกว่า แค่นี้เองน่ะเหรอ o16
นั่นสินะครับ...มันน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ อีกไม่กี่ตอนก็จะได้เปิดเผยแล้วครับ  o8

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๓๓ กิ่งหมามุ่ย-ใบตำแย

“ตั้ม หมูทอดน่ากินจัง ขอชิ้นนึงดิ” นึก พูดขึ้นมาระหว่างกินข้าวกลางวัน
“ตักเอาดิ” ผมหันไปบอก นึก ที่นั่งอยู่ข้างๆด้านซ้าย
“ป้อนหน่อย นะ” นึก ว่า พลางอ้าปากรอ ผมก็เลยเอาส้อมจิ้มหมูส่งเข้าปาก นึก ไปชิ้นนึง
“อะ เอาปลาเราไปกินมั่ง” นึก เอาส้อมจิ้มชิ้นปลาส่งเข้าปากผม
“เฮ๊ย มากไปรึเปล่าวะ ไอ้คู่นี้” พล ที่นั่งตรงข้ามผม พูดหัวเราะๆ
“ตั้ม หมู” นัส พูดพลางอ้าปาก ผมก็เลยจิ้มหมูส่งเข้าปาก นัส ไป นัส ก็เคี้ยวไปยิ้มไป
“พล เอามั่งมะ หมูวันนี้อร่อยอะ มีแต่เนื้อ” ผม ถามพล ซึ่งกำลังมอง นัส ตาค้างอยู่
“พอแล้ว ไอ้ตั้ม ให้คนอื่นกินหมด แล้วเอ็งจะกินอะไรวะ” ปอ พูดขึ้น เสียงดุๆ
“หมดแล้วก็แย่งนายกินไง” ผมหันไปหัวเราะกับ ปอ
“กูกินหมดจานไม่มีให้แย่งแล้ว อ้อมีนี่...มึงเอานี่ไป” ปอ พูดพลางเอาส้อมจิ้มกระดูกหมูที่แทะเนื้อหมดแล้ว ยื่นส่งให้ผม
“แหงะ...กินได้ที่ไหนอะ กระดูกเนี่ย” ผมย่นจมูก
“ก็มึงมันลูกหมา ต้องแทะกระดูกสิวะ” ปอ พูดพลางหัวเราะ
“ลูกหมาน่ารักแบบนี้ เอานิ้วให้แทะเล่นดีกว่ามั๊ง มาแทะนิ้วเราเล่นมา” นึก พูดแล้วก็ยื่นนิ้วให้ผม
“แบร่” ผมแลบลิ้นใส่ “กลัวเค็ม ล้างมารึยังเนี่ย” แล้วผมก็ยิ้มให้นึก
“กูกลับห้องก่อนดีกว่าเว๊ย ไปทำเลขต่อ พล นัส ป่ะ” ปอ พูดเหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดี พูดจบ ก็ลุกเดินออกจากโต๊ะ โดยมี พล กับ นัส ลุกขึ้นเดินตามไป
“ปอ เป็นไรอีกแล้ว หมู่นี้อารมณ์ไม่ดีบ่อยจัง” ผม หันไปพูดกับ พงษ์ ที่นั่งตรงข้าม นึก
“ช่างมันเหอะ ตั้ม แหละ รีบกินดีกว่า คนอื่นเค้ากินจะหมดอยู่แล้ว” นึก พูด

ผมกินข้าวค่อนข้างช้าครับ ในขณะที่เพื่อนๆกินข้าวจะหมดกันอยู่แล้ว ผมเพิ่งจะกินได้ไม่ถึงครึ่งจาน ก็เลยก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ ไม่งั้นเดี่ยวเพื่อนๆจะต้องมารอผมคนเดียว พอกินข้าวเสร็จพวกเราก็พากันเดินกลับห้อง ไม่ไกลหรอกครับ ตึก ๗ ที่ผมเคยเรียนตอนชั้น ม.๓ แต่ลงมาอยู่ที่ชั้น ๒ เดินน้อยลงอีกหน่อย ระหว่างทาง นึก ก็เดินโอบคอผมชวนคุยไปเรื่อยๆ จนพวกเราไปถึงห้อง นึกก็ลากผมไปคุยกับเพื่อนๆต่อ

ผมมักจะรู้สึกแปลกๆทุกครั้งที่ นึก โอบรอบคอผมไว้แบบนี้ มันไม่เหมือนตอนที่เพื่อนคนอื่นทำ หรือแม้กระทั่ง พี่ราญ พี่ชายที่รักของผมทำ พี่ราญ มักจะโอบไหล่ผมด้วยความอ่อนโยน บางครั้ง มือก็จะลูบที่ไหล่ผมเบาๆขณะที่คุยกัน ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น เหมือนตอนอยู่กับ ป๊ะป๋า แต่ นึก ไม่ใช่แบบนั้น นึก มักจะเอามือมาลูบวนอยู่ที่ต้นคอผมบ้าง บางทีก็เอานิ้วมาเขี่ยๆที่แก้มผม แล้วยังชอบเอาหน้ามาใกล้จนเกือบชิดหน้าผมเวลาที่คุยกัน หลายครั้งที่นึกทำแบบนั้น ผมมักรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดง ตัวร้อนๆคล้ายมีไข้ ตามมาด้วยอาการพูดตะกุกตะกัก แล้วก็ก้มหน้ามองพื้น ซึ่ง นึก ก็มักจะหัวเราะด้วยความขบขันเสมอที่เห็นท่าทางของผม

“ตั้ม มาสอนเลขข้อนี้กูหน่อย ทำไมกูทำแล้วตอบไม่เหมือนมึง” ปอ ตะโกนเรียก
“อื้อ” ผมหันไปตอบ ปอ แล้วก็หันหน้าไปบอกเพื่อนๆที่คุยกันอยู่ “เราไปช่วย ปอ ทำเลขก่อนนะ”
“ให้มันถามคนอื่นก็ได้มั้ง” นึก ไม่ยอมปล่อยมือที่โอบรอบคอผมอยู่
“ไม่เป็นไรหรอก รีบไปช่วย จะได้เสร็จเร็วๆ แล้วเดี๋ยวมาคุยต่อไง เอาแขนออกก่อนนะ” ผมพูดยิ้มๆ นึก จึงได้ปล่อยแขนออกจากตัวผม ให้ผมเดินไปช่วย ปอ ทำแบบฝึกหัดเลข พอผมนั่งที่โต๊ะ พล กับ นัส ก็หยิบสมุดแล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างผม กับ ปอ คนละข้าง เป็นอันรู้กันว่า ผมต้องช่วยทั้งสองคนนี้ด้วย

“ตั้ม มันใจดีเน๊อะ” หมู พูดกับเพื่อนๆที่คุยกันอยู่
“นั่นดิ นายก็อย่าไปหลอกมันเล่นล่ะ นึก” วัฒน์ หันมาพูดกับนึก
“หลอกเรื่องไร ไม่เคยไปหลอกอะไรมันซักหน่อย” นึก พูดยิ้มๆ
“งั้นที่ทำอยู่นี่ แปลว่าเอาจริงอะดิวะ” โอ พูดขึ้นบ้าง
“ทำไรวะ” นึก พูด งงๆ
“อ้าว ก็ที่มึงไปกอดมันบ่อยๆ แล้วลูบคอลูบแก้ม กับท่าที่เหมือนจะเขมือบมันเข้าไปอยู่แล้วนั่นมันอะไรวะ” โอ มอง นึก ด้วยความประหลาดใจ
“เฮ๊ย หาเรื่องกูแล้ว กูแค่รู้สึกว่าตัวมันนิ่มๆ หอมๆ กอดแล้วเหมือนกอดตุ๊กตา แล้วคอกับแก้มมันก็ดูขาวๆเนียนๆ เลยลูบเล่นแค่นั้นเองเว๊ย” นึก พูดหน้าตาตื่น
“แต่เราว่า ศิลปี ไม่ได้คิดแบบนั้นน่ะสิ เราว่านายเลิกเหอะ” วัฒน์ พูดสีหน้าจริงจัง
“ฮ่าๆๆๆ นายคิดว่ามันจะมาชอบเราเหรอไง ถ้ามันมาชอบเราจริงๆ จะได้เอาไปคุยอวดได้เลย ว่าขนาด ตั้ม คนดังที่ไม่สนใครมาชอบได้ แปลว่า กูหล่อออออออ” นึก ยังหัวเราะไม่หยุด
“เออ ยอมรับหว่ะ นายมันหล่อ เวลาอยู่กับไอ้ตั้ม แล้วสมกันดี ยังกะกิ่งหมามุ่ยกับใบตำแย” หมู พูดแล้วก็หัวเราะ ทำเอาเพื่อนๆในกลุ่มหัวเราะกันทุกคน




ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
 :กอด1:รักตั้มจริงๆๆๆเลยขอกอดแรงๆหน่อย :กอด1:




 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
 :เตะ1:หมั่นไส้นึกขอสักทีเหอะ



 :L2: :L1: :L2:

nithiwz

  • บุคคลทั่วไป
 :m1: ตั้มน่ารักจริงครับ  ชอบในความอินโนเซ็นต์ (จะเรียนตั้มหรือพี่ตั้มดี  เพราะดูท่าคงแก่กว่าเรา อ๊ากกกกก!!!(กำลังหนีมีดบิน))

เมื่อไหร่จะรักกันสักทีเนี่ยะ
นายปอก็ปากดี ขี้เหงา เอาแต่ใจเสียจริงๆ

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๓๔ วางระเบิด

“ศิลปี เสาร์นี้มาทำรายงานกลุ่มวิชาสังคมกันที่โรงเรียนได้มั๊ย” วัฒน์ เดินมาถามผมที่โต๊ะ ขณะที่ผมกำลังทำการบ้านวิชาภาษาอังกฤษอยู่
“เสาร์นี้เหรอ” ผมเงยหน้าขึ้นมาถาม
“อื้อ”
“ว้า ทำไมต้องเสาร์นี้ด้วยอะ เรามีนัด” ผมหน้ามุ่ยลงนิดนึง
“นั่นแน่ นัดกับใคร” วัฒน์ ชี้หน้าผมแล้วยิ้ม
“คนสำคัญ” ผมยิ้มกว้าง เมื่อนึกถึงคนที่ผมจะได้เจอในวันเสาร์
“เลื่อนก่อนได้มั๊ยอะ พอดีเสาร์นี้ว่างกันทุกคนเลย ก็เลยอยากทำให้เสร็จไปเลยวิชานึง” วัฒน์ ทำหน้ากังวล
“เหรอ ทุกคนจะมากันเสาร์นี้เลยเหรอ” ผมนิ่งนึกสักครู่ “งั้นก็ได้อะ” หน้าผมซึมลงไปนิดหนึ่ง
“นี่ ศิลปี นัดคนนั้นมาเจอพร้อมพวกเราเลยสิ จะได้ไม่ผิดนัดไง” วัฒน์ เสนอความคิด
“ก็นัดที่โรงเรียนอยู่แล้วแหละ แต่ว่าจะไปที่อื่นกันต่อน่ะ สงสัยไปไม่ได้แล้วอะสิ” ผม บอกไป”กี่โมงอะ ทำรายงานน่ะ”
“๘โมง มาทันมั๊ย  ศิลปี บ้านไกลนี่นา” ...เรียกชื่อผมซะเต็มยศอีกแล้ว... -*-
“ทันๆ งั้นพรุ่งนี้ ๘ โมงเช้านะ” ผมรับปาก
พอได้รับคำตอบ วัฒน์ ก็เดินกลับไปคุยกับพวก นึก ต่อ

“เอ็งนัดใครไว้ วันเสาร์ คนสำคัญที่ไหน” ปอ ถามเสียงดุๆ
“นัด พี่ราญ ไว้” ผมหันไปยิ้มกว้างให้ ปอ
“เหรอวะ” ปอ ยิ้มขึ้นมาทันที “ เออ ดี กูก็อยากเจอ บอกมันด้วยว่ากูคิดถึง เสียดายหว่ะ กูต้องช่วยงานที่บ้าน ออกมาไม่ได้” ปอ บ่น
“เดี๋ยวเราบอกให้ ปอ นี่ดีจังนะ”
“เรื่องไร” ปอ ทำหน้าดีใจ
“ก็ช่วยงานที่บ้านไง ขยันดีจัง” ผมชมด้วยใจจริง รู้สึกว่า ปอ ยิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิม
“ว่าแต่เดี๋ยวเอ็งทำไงล่ะ ต้องทำรายงานกลุ่มนี่” ปอ ถามด้วยความเป็นห่วง
“เดี๋ยวไปบอกตุ่ม ให้โทรถาม พี่ราญ อีกทีว่าเอาไง เพราะตอนเช้าก็นัดเจอกันที่โรงเรียนก่อนอยู่แล้ว อ้อ กร ก็มาด้วยนะ” ผมพูดอย่างนึกขึ้นได้
“เหรอวะ ดีหว่ะ สงสัยเอ็งจะได้เจอกับพวกมันแป๊บเดียวอะสิ”
“ได้แค่ไหนก็แค่นั้นอะ ไม่เป็นไรหรอก” ผมตอบยิ้มๆ...เราได้เจอแป๊บเดียว แต่นายไม่ได้เจอเลยนี่นา แย่กว่าเราอีก...ผมคิดในใจ
 “ทำการบ้านต่อเหอะ อยากทำให้เสร็จก่อนหมดพักเที่ยง” แล้วผมก็ก้มหน้าก้มตาทำการบ้านต่อไป โดยที่ ปอ หันมาถามศัพท์หรือไวยากรณ์ผมบ้างเป็นระยะๆ
..............................................................
....................................

๘ โมงเช้าวันเสาร์ ผมก็มานั่งทำรายงานวิชาสังคมอยู่กับเพื่อนๆ ที่โต๊ะใต้ตึกที่อยู่ใกล้ๆกับประตูโรงเรียน ในกลุ่มก็มี ผม วัฒน์ หมู โย่งและโอ โดยที่มี นึก กับ ดม มานั่งทำงานของตัวเองอยู่ด้วย พอใกล้ ๑๐ โมง ผมก็เริ่มกระวนกระวาย เพราะตุ่มบอกผมว่า จะนัดพวก ราญ มาเจอกันที่โรงเรียนก่อนตอน ๑๐ โมง แต่ยังไม่เห็นมีใครมาสักคน
“ตั้ม เป็นไรวะ ชะเง้อหาอะไรหลายหนแล้ว” โอ ถาม
“ก็พวก ตุ่ม บอกจะมากัน ๑๐ โมง นี่เลยมา ๑๕ นาทีแล้ว ไม่เห็นมีใครมาเลย” ผมตอบ สายตาก็มองไปที่ประตูโรงเรียนอย่างรอคอย
“ไม่มากันแล้วมั๊ง ไม่ก็นัดไปเจอกันที่อื่นแล้ว ก็นายไปด้วยไม่ได้นี่” หมู บอก
“สงสัยคงเป็นแบบนั้นมัง” ผมก้มหน้าลงทำรายงานต่อ รู้สึกว่าความกระตือรือร้นที่มีมาตั้งแต่เช้า กลายเป็นความหงอยเหงาไปซะแล้ว
..............................................................
....................................

...กว่าจะแยกตัวออกมาจากพวกนั้นได้ ก็สายมากแล้ว จู่ๆก็เปลี่ยนที่นัดกันกระทันหัน แล้วยังไม่ได้บอก ตั้ม มันอีก ป่านนี้มันจะรู้สึกยังไงกัน คงรอแย่แล้ว...ราญ คิด ขณะที่แวะซื้อน้ำส้มคั้นที่คนขายบรรจุใส่ขวดไว้อย่างเรียบร้อย เสร็จแล้วก็รีบเดินไปยังโรงเรียนที่อยู่ไม่ไกลนัก
... นั่นไง นั่งอยู่นั่นเอง ก้มหน้าก้มตาทำงานใหญ่เลย สมาธิดีเหมือนเดิม พวกที่นั่งอยู่ด้วยคงเพื่อนใหม่ในห้องล่ะสิ แล้วนั่นใคร นั่งเอาแขนโอบคอ ตั้ม ไม่เห็นทำอะไร เอาแต่นั่งจ้องหน้า ตั้ม แล้วอมยิ้ม อืม หน้าตาหล่อดีนี่หว่า อยู่ใกล้ๆกันแล้วเหมือนตุ๊กตาทั้งคู่... ผมคิดพลางเดินเข้าไปใกล้ๆโต๊ะที่ ตั้ม และเพื่อนๆนั่งกันอยู่ มีบางคนเงยหน้าขึ้นมามองผม ผมเดินอ้อมโต๊ะ ไปยืนอยู่ข้างหลัง ตั้ม แล้วเรียกเบาๆ
“ตั้ม”
ตั้ม เงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำอยู่ แล้วหันมามองผม สีหน้าตกใจแล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง ลุกขึ้นจากเก้าอี้ขึ้นมาเกาะแขนผมแน่นพลางกระโดดแหยงๆ
“พี่ราญ พี่ราญมาแล้ว” ตั้ม พูดเสียงดัง ผมเอามือขยี้หัว ตั้ม เบาๆ
“ไหน ยืนนิ่งๆให้พี่ชายดูหน่อยซิ ว่าโตขึ้นบ้างรึเปล่า” ผมพูดจบ ตั้ม ก็หยุดกระโดดโลดเต้น ทำท่ายืนตรง แต่ยังยิ้มไม่หุบ

ผมมองน้องอันเป็นที่รักของผมอย่างเต็มตา เหมือนจะสูงขึ้นนิดหน่อย แต่งตัวเหมือนหลุดออกมาจากหนังสือแฟชั่นเด็กเหมือนเคย ผมมองไล่ตั้งแต่รองเท้าผ้าใบกับถุงเท้าสีขาวที่พับไว้ตรงข้อเท้า กางเกงสามส่วนสีเขียวขี้ม้า เสื้อยืดคอกลมสีเดียวกับกางเกง มีลายรถไฟขบวนเล็กๆอยู่ที่กลางอกเสื้อ เสื้อแจคเกตผ้าลายสกอตสีแดงเลือดหมูสลับกับสีเขียวขี้ม้า มีสีน้ำเงินกับสีขาวเป็นลายเส้นบางๆแทรกอยู่ตามเนื้อผ้า หน้าตากับรอยยิ้มของ ตั้ม ยังคงเหมือนเดิม กระทั่งแววตาภายใต้กรอบแว่นก็ยังสดใส ทอเป็นประกายเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย
“ตั้ม ทำอะไรค้างอยู่รึเปล่า” ผมถามไป เพราะรู้สึกว่าเพื่อนๆของ ตั้ม หลายคนหันมามอง
“ทำรายงานกับเพื่อนอยู่อะ พี่ชาย อีก ๓-๔ หน้าก็เสร็จแล้ว” ตั้ม ตอบ
“งั้นไปทำต่อก่อนสิ เดี๋ยวทำเสร็จจะได้ไปหาอะไรกินกัน”
ผมบอกพลางจูงมือ ตั้ม ให้ไปนั่งทำงานต่อ ส่วนผมก็นั่งลงไปข้างๆทางด้านซ้ายของ ตั้ม เพราะคนที่นั่งอยู่เดิมย้ายไปนั่งที่ฝั่งตรงข้าม เพื่อให้ผมนั่งแทน ผมก็พูดขอบคุณไป เพื่อนๆ ตั้ม แนะนำตัวให้ผมได้รู้จัก คนที่ลุกให้ผมนั่งชื่อ วัฒน์ คนที่ผมเห็นโอบคอ ตั้ม อยู่ชื่อ นึก คนที่เหลือ ชื่อ หมู โย่ง โอ และ ดม

“ตั้ม ทานน้ำส้มก่อน พี่ชายซื้อมาฝาก” ผมพูดพลางหยิบขวดน้ำส้มออกจากถุง เปิดฝาขวด เอาหลอดใส่แล้วยื่นให้ ตั้ม ดูด
“อร่อยอะ” ตั้ม พูดหลังจากดูดเข้าไปอึกใหญ่ๆ แล้วก้มหน้าลงไปทำงานต่อ ผมก็เลยเอาขวดน้ำส้มวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็มอง ตั้ม ทำงานไปอย่างเพลิดเพลิน ในท่าทางเอาจริงเอาจังขณะทำงานของ ตั้ม ระหว่างนั้นผมก็รู้สึกเหมือนมีสายตาของใครบางคนมองผมอยู่ ผมมองไป ก็เห็น นึก กำลังมองผมอยู่จริงๆ แต่พอผมหันไปมอง นึก ก็ก้มหน้าลงทำงานต่อไป

...สงสัยต้องทิ้งระเบิดเวลาไว้สักลูกแล้ว...ผมคิด เมื่อนึกถึงท่าทางของคนที่ชื่อ นึก กอดคอ ตั้ม ไว้เมื่อสักครู่ แล้วยังสายตาไม่เป็นมิตรที่มองมายังผมเมื่อกี้อีก
“ไหน ให้พี่ชายดูหน่อยว่าทำอะไร” ผมขยับตัวเข้าไปจนชิดตัวเอาแขนขวาโอบรอบเอว ตั้ม ไว้ แล้วเอนตัวเข้าไป จนอกผมชิดกับไหล่ ตั้ม  ...แว่บหนึ่งของความรู้สึก ด้วยความเคยชินเมื่อตอนอยู่กับ ป๊ะป๋า ตั้ม ก็เอนตัวเข้ามาพิงกับอกราญ หน้าผากอยู่ในระดับเดียวกับคาง ราญ พอดี... ผมเห็นตั้มเอนตัวเข้ามาก็เลยเอาคางไปชนติดกับหน้าผากของตั้ม
ตั้มเอานิ้วก้อยของมือซ้ายที่ว่างอยู่มาเขี่ยมือขวาผมที่อยู่ตรงเอวเล่น ผมก็เลยจับนิ้วก้อยนั้นเอาไว้ แล้ว ตั้ม เอาหน้าผากถูคางผม ๒-๓ ที แต่ก็ยังคงทำงานอยู่อย่างมีสมาธิ
ผมคอยสังเกตดูคนอื่นที่อยู่รอบๆ วัฒน์ มองพวกผมแล้วอมยิ้ม หมู โย่ง โอ และ ดม มองพวกผมแบบ งงๆ ในตอนแรก แล้วรีบก้มหน้าทำงาน โย่งกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น ผมเหมือนเห็น โอ เหลือบมองไปทางนึกแล้วแอบหัวเราะอีกคน ส่วนนึก มองพวกเราอย่างตกใจ แล้วก็ก้มหน้าทำงานไปเช่นกัน แต่ผมเห็นจากด้านข้างว่า นึก มีสีหน้าไม่พอใจนัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2008 11:20:26 โดย บุหรง »

salapaw

  • บุคคลทั่วไป
พี่ตั้มคะ  ตกลงวันนี้ลง พรุ่งนี้ก็ลงช่ายปะคะ  :m12:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
:เตะ1:หมั่นไส้นึกขอสักทีเหอะ



 :L2: :L1: :L2:
อย่าค๊าบ อย่าทำอะไรนึก อย่าๆๆๆๆ
เพราะนึก น่ะ ควรโดนแบบนี้  ==>> :beat: ( พวก วัฒน์ กับ หมู คิดแบบนี้ครับ)
:m1: ตั้มน่ารักจริงครับ  ชอบในความอินโนเซ็นต์ (จะเรียนตั้มหรือพี่ตั้มดี  เพราะดูท่าคงแก่กว่าเรา อ๊ากกกกก!!!(กำลังหนีมีดบิน))

เมื่อไหร่จะรักกันสักทีเนี่ยะ
นายปอก็ปากดี ขี้เหงา เอาแต่ใจเสียจริงๆ
อย่าเพิ่งวางใจ ตั้ม นักครับ เพราะว่า.... :-[ เดี๋ยวพ่อตั้มจะมาบอกให้รู้ครับ
ส่วนปอ ไม่ยอมบอกรักซะที เพราะ  o18 อีกประมาณ ๑๐-๑๑ ตอน ปอ จะบอกครับ  o22
พี่ตั้มคะ  ตกลงวันนี้ลง พรุ่งนี้ก็ลงช่ายปะคะ  :m12:
จะพยายามลงให้ได้ทุกวันครับ  :try2:

ลืมๆๆ เรื่องสำคัญอีกเรื่อง ชัย น่ะครับ
คงจำกันได้ในตอน ๑๐ ที่ ชัย มาหา ตั้ม ที่โรงเรียนในช่วงปิดเทอม
พอเปิดเทอมมา เหมือนชัยเปลี่ยนไปเป็นคนละคน มันมีเหตุผลอย่างหนึ่ง ผมไม่ได้เล่าครับ
เดี๋ยว ชัย จะมาบอกเองประมาณตอนที่ ๔๑ ครับ  :sad3:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-04-2008 18:57:05 โดย tumty »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๓๕ ป่วยหรือเปล่า

“ตั้ม เป็นไงวะ เจอ ราญ รึเปล่า” ปอ ถามทันทีที่เจอ ตั้ม ในตอนเช้าวันจันทร์
“อื้อ เจอสิ ไปกินข้าวกันด้วย แล้วไปเดินเล่นกันที่สยาม” ตั้ม เงยหน้าจากหนังสือที่อ่านอยู่ขึ้นมาตอบ ปอ
“แล้วพวก กร ล่ะ ไปด้วยกันรึเปล่า” ปอ ถามอีก พลางหยิบสมุดในเป้ขึ้นมา
“พี่ราญ มารับเราที่โรงเรียนน่ะ แล้วไปเจอพวกนั้นที่สยามตอนบ่ายๆ” ตั้ม ยิ้ม
“สนุกมั๊ยวะ เดินเล่นที่สยามน่ะ” ปอ ถามด้วยความสนใจ
“”ก็ดีนะ ดูนั่นดูนี่ เพลินดี พอหิวก็หาขนมแถวนั้นกิน เนี่ย ถ้าให้ไปเดินคนเดียว เราไม่กล้าไปหรอก”
“อ้าว ทำไมวะ” ปอ ขมวดคิ้ว สงสัย
“ที่จริงเราไปบ่อยนะ ตั้งแต่เด็กๆแล้ว พี่พาไปเดินซื้อของบ่อยๆ แต่เวลาพี่เข้าห้องน้ำ หรือทำอะไรแล้วต้องให้เราอยู่คนเดียว ชอบมีพวกผู้ใหญ่เข้ามาชวนเราคุยอะ พี่เราบอกว่า ให้ระวังตัวดีๆ บางทีเป็นพวกลักตัวเด็กไปขาย” ตั้ม พูดด้วยสีหน้ากลัวๆ
“แล้วพวกนั้นคุยอะไรกับเอ็งวะ” ปอหน้าตาตื่นบ้าง
“ก็ชวนไปถ่ายรูปมั่ง ไปเทสต์หน้ากล้องอะไรมั่ง ให้นามบัตรพี่เราไว้ด้วย แต่พี่เราทิ้งหมดเลย บอกว่า พวกนี้ไม่ค่อยน่าไว้ใจ”
“ระวังตัวไว้ก็ดีหว่ะ อย่างเอ็งน่ะ เค้าลงเอาไปลงหนังสือพวกเพื่อนสัตว์เลี้ยง ไม่ก็เอาไปไถนาแหละวะ ฮ่าๆๆ” ปอ ขำใหญ่
“รู้ตัวน่า ไม่ต้องมาย้ำบ่อยก็ได้ เรามันน่าเกลียดซะขนาดนี้ ใครเค้าจะเอาเราไปถ่ายรูปลงหนังสือเค้าให้มันขายไม่ออกกัน” ตั้มหน้าจ๋อยลงไป แล้วก็ก้มหน้าลงไปอ่านหนังสือต่อ

...ใช่ อย่างเอ็งน่ะถ่ายรูปเท่ห์ๆไม่ได้หรอก ต้องพวกแฟชั่นเด็ก หรือวัยรุ่นน่ารักๆ รับรอง คนกรี๊ดเอ็งแน่ เอ็งน่ะ ม.๔ แล้วนะเว๊ย จะเดิน จะกิน จะยิ้ม จะทำอะไรก็ดูไร้เดียงสาเหมือนเป็นเด็กประถมไปหมด แต่เพราะแบบนี้กูถึงรักมึงนัก เฮ้อ คิดแล้วกูก็กลุ้มหว่ะ อีกใจกูก็อยากให้เอ็งรู้เดียงสาซะที รับรู้ความรู้สึกของกู แต่พอถึงตอนนั้น ท่าทางน่ารักๆแบบนี้ของเอ็งจะยังเหลืออยู่รึเปล่าวะ... ปอ คิดแล้วก็ถอนหายใจยาว
...................................................................................
...............................................

“ไอ้นึก ทำไรของเอ็งวะ” โอ โวยวาย เมื่อเห็นนึกโอบรอบคอ ตั้มไว้ แล้วเอาคางมาถูหน้าผาก ตั้ม
“ไมวะ แค่นี่ไม่สึกหรอหรอก จริงป่ะ ตั้ม” นึก ก้มหน้าลงไปถาม ตั้ม ที่ก้มหน้างุดลงไปจนคางเกือบชิดหน้าอก ใบหน้าของ ตั้ม แดงกล่ำไปถึงหู แล้วจู่ๆ ตั้ม ก็เอามือปัดแขนของนึกออก แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง

“ตั้ม มึงเป็นอะไรวะ” ปอ ชะโงกหน้าเข้ามาถาม “แล้วทำไมหน้ามึงแดงแบบนี้”
“ปะ..เปล่า” ตั้ม ตอบ ขณะที่นั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้น
“ตั้ม โกรธเราเหรอ” นึก เดินตามมาที่โต๊ะ แล้วโน้มตัวลงถาม
“เปล่าอะ ไม่มีไรหรอก” ตั้ม ยังคงก้มหน้าตอบ
“มึงทำไรมันวะ ไอ้นึก” ปอ ถามเสียงดุๆ
“เปล่านี่ แค่อยากทำแบบคนที่ชื่อ ราญ ทำมั่งเท่านั้นเอง” นึก หันไปตอบ
“ทำไรวะ” ปอ สงสัย
“ทำแบบนี้ไง” นึกว่าพลางก็ลงไปนั่งเบียดกับ ตั้ม เอาแขนขวาโอบรอบคอแล้วเอาคางถูที่หน้าผากของ ตั้ม พลางหัวเราะเบาๆ
....เฮ๊ย มันทำอะไรขนาดนี้วะ แล้วนั่นอะไร ไอ้ตั้ม ทำไมมันหน้าแดงขนาดนั้น... ปอ ตกใจ... เฮ๊ย มันตัวสั่นด้วย...
“อ้าว ตั้ม เป็นไร ไม่สบายรึเปล่า” นึกก้มหน้าลงถาม ตั้ม เพราะรู้สึกว่าร่างของ ตั้ม สั่นน้อยๆ
“มึงเอามือออก แล้วไปไกลๆเลย” ปอ พูดพลางปัดแขนนึกออกจากตัว ตั้ม ด้วยท่าทางเอาเรื่อง
“ตั้ม ไม่สบายรึเปล่าน่ะ” นึก ยังไม่ยอมไป เอามือมาจับแก้ม ตั้ม ลูบเบาๆ
“มึงไม่ต้องยุ่ง ไป ตั้ม ไปกับกู” ปอ พูดจบ ก็คว้าข้อมือ ตั้ม พาเดินออกไปนอกห้องทันที

... กูไม่ยอมเว๊ย กูไม่ยอมเด็ดขาด เป็นแบบนี้กูไม่ยอม... ปอ คิด ในขณะที่จูงมือ ตั้ม เดินอย่างรวดเร็ว
“ปอ เดี๋ยวก่อน เรามึนหัว” เสียง ตั้ม ร้องบอก ปอจึงได้หยุดเดินเพราะนึกขึ้นได้ถึงสภาพสายตาของ ตั้ม ซึ่งตอนนี้แย่ลงกว่าที่เคยเป็น
“โทษที กูลืมไปว่าเอ็งจะเมา” สีหน้า ปอ แสดงความเสียใจ
“ปอ จะพาเราไปห้องพยาบาลเหรอ ขอบใจนะ เราไม่เป็นไรแล้วอะ” คำพูดของ ตั้ม ทำเอา ปอ นิ่งไปชั่วครู่
... มึงอย่าคิดในแง่ดีแบบนี้กับกูสิวะ กูจะพามึงไปทำอย่าอื่นตะหาก...แต่สิ่งที่ ปอ พูดออกไปกลับเป็นอย่างอื่น
“เออ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ว่าแต่เมื่อกี้มึงเป็นอะไรวะ”
“ไม่รู้อะ เมื่อกี้เรารู้สึกใจมันเต้นแรง แล้วตัวร้อนๆเหมือนเป็นไข้ ตอนนี้หายแล้ว” ตั้ม ตอบ “เราป่วยรึเปล่าอะ ปอ”  ตั้ม ทำหน้าสงสัย
 “ไม่เป็นไรมัง ตั้ม ไปล้างหน้าล้างตาซะหน่อยดีกว่า ป่ะ เราพาไป” ปอ พูดแล้วก็จูงมือตั้ม พาไปยังห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด

... เออ มึงป่วยอะ ไอ้ตั้ม มึงป่วยเป็นโรคใจ กูจะทำยังไงดีวะ วันไหนที่มึงรู้สึกตัว กูจะทำยังไง กูจะยอมแพ้เหรอวะ กูเฝ้ามึงมาตั้งนาน กูจะทำยังไงดี...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-04-2008 20:48:19 โดย tumty »

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
 :oอ๊ะๆๆๆๆๆๆๆแย่แล้ว ตั้ม จะชอบนาย นึกรึเปล่านี่
น่าสงสารปอจัง แต่กว่าปอจะบอกความในใจนี่อีกนานจริงเหรอ :sad2:


 :m4: :m4:ดีจังวันนี้ได้อ่านหลายตอน หุหุ

sunflower

  • บุคคลทั่วไป
ขอ :เตะ1: นึกสักทีเถอะ
ทำแบบนี้ได้ไง :angry2: :angry2:

ตั้มอย่าไปชอบนึกน้า :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
 :sad2: :sad2:สงสารปอจริงๆ



 :L2: :L2: :L2:

kongkilmania

  • บุคคลทั่วไป
มาขอเป็นแฟนคลับตั้มด้วยคนนะจ๊ะ    :m13:
ตั้มน่าร๊ากกกกก     :m1:   ชอบจังนายเอกน่ารักใสซื่อแบบนี้เนี่ย
อ่านตอนแรกๆเกลียดพวกศักดิ์มากเลย   :angry2:  ไม่ชอบไอ้พวกขี้แกล้งแบบนี้อ่ะ
หลังๆมาค่อยยังชั่วหน่อย  รู้สึกว่าจิตใจยังไม่ชั่วร้ายมาก แค่คะนองตามประสาเด็ก  พอให้อภัยได้
แต่...
 :o
 :a6:


มาเจอนึกเข้าไป ท่าทางไม่ค่อยดีเลย   :m29:
หวังว่าจะไม่มาทำน้องตั้มคนดีของเราเสียใจนะ     o12
ไม่งั้น อ้ายนึก มรึงโดน   :เตะ1:     :เตะ1: 
 :m31:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๓๖ เล่นละคร

“ศิลปี เดี๋ยวทานข้าวกลางวันให้เรียบร้อยแล้วไปพบครูที่ห้องพักครูหน่อยนะ” ครูจันทร์ ครูสอนวิชาร้อยกรองพูดขึ้นก่อนออกจากห้อง ในวันหนึ่งก่อนจะหมดเทอมแรกของภาคเรียนอีกไม่กี่วัน
.........................................................

“ครูเรียกไปทำไมวะ ตั้ม” ปอ ถามขึ้น หลัวจากที่ผมไปพบครูจันทร์ แล้วกลับมานั่งที่โต๊ะ พร้อมกับเอกสารปึกหนึ่ง และเทปอีก ๑ ตลับ
“ครูจะให้เล่นละครในงานสัปดาห์วิชาการ เทอมหน้าอะ” ผมตอบหน้ามุ่ยๆ
“เหรอวะ เรื่องไร แล้วเล่นเป็นตัวอะไรวะ” ปอ ถามอย่างนึกสนุก
“วิวาห์พระสมุทร เป็นละครร้อง แล้วก็ให้บทมาอ่าน กับเทปมาฟังเพลง” ผมตอบอย่างเสียไม่ได้
“แล้วเอ็งเล่นเป็นตัวอะไร” ปอ ยังไม่เลิกถาม
“ยังไม่รู้เลยว่าจะเล่นรึเปล่า ถ้าเล่นต้องไปลองเสียงร้องกับวงดนตรีอีก แล้วต้องซ้อมตอนเย็น ซ้อมวันอาทิตย์ แล้วก็ช่วงปิดเทอมก็ต้องมาซ้อมด้วย” หน้าผมยังไม่หายมุ่ย
“แล้วตกลงเล่นเป็นตัวอะไรวะ” ปอ ยังไม่ยอมเลิกถาม
“เดี๋ยวถ้าเล่นแล้วจะบอก ต้องขออนุญาตทางบ้านก่อน” ผมยังไม่ยอมบอกว่าเล่นบทอะไร ...บอกได้ไง ได้ล้อกันแย่สิ..ผมคิด
“ตั้ม โรบินสัน ครูโซ” นัส เดินเข้ามาหาผม พูดสั้น ๆ ผมก็เข้าใจว่า นัส คงจะยืมหนังสือนอกเวลา เลยหยิบส่งให้
“วันจันทร์นะ” นัส พูดสั้นๆ
“อื้อ อ่านให้ได้หลายๆรอบละ” ผมบอกไป เข้าใจว่า นัส คงบอกว่าจะคืนให้วันจันทร์
“เดี๋ยว มึงอย่าเพิ่งเอาไป เอามาให้กูลอกคำศัพท์ก่อน” ปอ เอื้อมมือมาคว้าหนังสือจากมือ นัส พลางหันไปหยิบหนังสือของตัวเองมาลอกคำศัพท์จากหนังสือของผม
“ตั้ม ตัวนี้อะไรวะ เขียนซะตัวเล็ก อ่านยากฉิบ”ปอ บ่น
ผมก็เลยหันไปอ่านให้ ปอ ฟัง แล้วปอ ก็ลอกไปเรื่อยๆ จนได้เวลาเข้าเรียนคาบวิชาในตอนบ่าย
.........................................................
..............................

“แล้วลูกอยากเล่นมั๊ยล่ะ” พ่อถามผมยิ้มๆ
“เฉยๆค๊าบ พ่อ แต่ เกรงใจครูมากกว่าอะค๊าบ” ผมบอกพ่อไป
“ถ้าไม่เสียการเรียน ลองดูก็ได้นี่ลูก กิจกรรมน่ะทำไว้บ้างไม่เสียหาย” พ่อผมยังยิ้มอย่างใจเย็นเหมือนเดิม
“ค๊าบบบบ งั้น ตั้ม ไปบอกแม่ก่อนนะค๊าบบ” พูดจบผมก็ลุกขึ้นวิ่งปร๋อไปหาแม่ที่เรือนเล็ก

ก๊อกๆๆ ผมเคาะประตูเป็นการขออนุญาต เมื่อผมเข้าไปในบ้านแล้วก็คลานเข่าเข้าไปหาแม่ที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่
“แม่ค๊าบ โรงเรียนจะให้ตั้มเล่นละครในงานสัปดาห์วิชาการเทอมหน้าน่ะค๊าบ” ผมบอกแม่ หลังจากที่นั่งอยู่สักพัก แต่แม่ก็ไม่หันมาหาผมสักที
“แล้วทำไม” แม่หันมาถามเสียงเย็นชา
“ตั้ม เอ้อ....ตั้มเลยมาขออนุญาตแม่น่ะค๊าบ” ผมตอบอย่างกลัวๆ
“ฮึ ขออนุญาตหรือมาบอกให้รู้ อยากทำอะไรก็ตามใจแกสิ ถึงชั้นจะบอกว่าไม่อนุญาต แกก็ทำตามใจแกอยู่ดี หมดเรื่องแล้วใช่มั๊ย ชั้นจะดูโทรทัศน์” พูดจบ แม่ก็หันหน้าไปดูโทรทัศน์ต่อ ไม่สนใจผมอีกเลย
ผมก็คลานเข่าออกมาที่ประตูแล้วออกจากเรือนเล็ก กลับไปยังเรือนใหญ่
“แม่เค้าว่าไงลูก” พ่อถามพลางขมวดคิ้ว  คงเพราะเห็นผมเดินก้มหน้าเข้ามาเงียบๆนั่นเอง
“แม่ไม่ว่าอะไรค๊าบบบ” ผมรีบเงยหน้าขึ้นยิ้มเผื่อนๆบอกพ่อไป “ตั้ม ขึ้นไปอ่านหนังสือก่อนนะค๊าบบพ่อ ใกล้สอบแล้ว”

พูดจบผมก็เดินไปยังห้องส่วนตัวของผมบนชั้น ๒ ของบ้าน พอเข้าห้องแล้ว ผมก็ตรงไปที่เครื่องเล่นวิทยุ-เทปที่หัวเตียง เลือกเอาเทปเพลงมาม้วนหนึ่งใส่เครื่อง แล้วเปิดเบาๆ จากนั้นก็ลงไปนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง

...แม่ยังไม่หายโกรธ ตั้ม อีกเหรอ ตั้งแต่ ป๊ะป๋า เสียไปแม่ไม่ใจดีกับ ตั้ม เหมือนเมื่อก่อนเลย ..ผมคิดพลางน้ำตาเริ่มไหล

...ก็ตั้มไม่ได้อยากเรียนสายวิทย์นี่ พวกฟิสิกข์ เคมี ชีวะ จะเรียนไปทำไม เรียนไปก็ไม่ได้ใช้  ตั้ม ไม่ได้อยากสอบเข้าคณะแพทย์หรือวิศวะซะหน่อย สถาปัตย์น่ะ ตัดไปได้เลย ตั้มวาดรูปไม่ได้ แค่เส้นตรงธรรมดาก็ลากไม่ได้แล้ว บัญชี หรือ บริหาร ตั้มก็ไม่อยากเรียนเหมือนกัน ตั้ม อยากเรียนพวก อักษร นิเทศ  ครู หรือพวกดนตรีไปเลยด้วยซ้ำไป พูดเท่าไรแม่ก็ไม่ยอมเข้าใจ แล้วยังโกรธเอาซะอีก...
ตั้มยังจำได้  แม่จบการสนทนาในวันนั้นด้วยคำพูดว่า
“แกมันโตแล้วนี่ ปีกกล้าขาแข็ง เดี๋ยวนี้ทำอะไรด้วยตัวเองได้แล้ว ตามใจ อยากทำอะไรก็ตามใจแกแล้วกัน”

ผมปิดเทปเพลง เดินไปหยิบกล่องเพลงที่ทำเป็นรูปโทรทัศน์แบบโบราณที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือมาถือไว ้ไขลานด้านหลังจนเกือบสุด แล้วหมุนทางด้านที่เป็นหน้าจอกลับมา พอดึงลิ้นชักเล็กๆทางด้านหน้าออกมาเล็กน้อย กล่องเพลงที่เป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของผม ของดูต่างหน้าเพียงชิ้นเดียวที่ได้มาจาก ป๊ะป๊า ก็บรรเลงเป็นเพลงที่ไพเราะ รูปคนนั่งเล่นกีตาร์ที่อยู่บนหน้าจอก็ขยับไปมา ราวกับกำลังบรรเลงพลงให้ผมฟัง น้ำตาผมยิ่งไหลพราก
 
...นี่ถ้า ป๊ะป๋า ยังอยู่คงช่วยพูดให้แม่เข้าใจ ตั้ม

ป๊ะป๋า ค๊าบบ ตั้ม คิดถึง ป๊ะป๋า เหลือเกิน...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2008 18:44:16 โดย บุหรง »

salapaw

  • บุคคลทั่วไป
งงอ่ะ ปะป๋า กับพ่อคนละคนหรือคะ o2

ออฟไลน์ สาวตัวกลม

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
เข้ามาให้กำลังใจคนเขียน o13

น้องตั้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมน่ารัก :o8:

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
  :กอด1:โอ้ๆตั้มไม่ร้องน๊า :กอด1:



 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
 :L2: :L2: :L2: :L2:เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ
นู๋ตั้ม..อย่าเศร้าน้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาติดตามและเป็นกำลังใจให้คนเขียนครับ   :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๓๗ มนุษย์กินคน

เช้าวันต่อมา ผมมาถึงโรงเรียนแต่เช้าตามปรกติ นั่งทำงานไปได้สักพัก นึก ก็เดินเข้าห้องมา หลังจากที่วางเป้ไว้ที่โต๊ะของตัวเองแล้ว นึก ก็เดินมาที่ผม ลากเก้าอี้เข้ามานั่งจนชิด พลางเอาแขนซ้ายโอบรอบคอผมไว้เหมือนที่เคยทำบ่อยๆ แต่วันนี้ นึกเอาหน้าอกมาแนบจนติดไหล่ผม แล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ
“ตั้ม ตกลงเล่นละครของ ครูจันทร์ รึเปล่า” นึก ถามเบาๆเหมือนกระซิบ
“อื้อ ที่บ้านอนุญาตแล้ว” ผมตอบทั้งๆที่ยังก้มหน้าดูหนังสืออยู่
“แล้วเล่นเป็นตัวอะไร” นึก ถามอีก พลางเอานิ้วมาเขี่ยๆที่แก้มซ้ายผม
“ยะ..ยัง...ยังไม่รู้เลย เดี๋ยวครูบอกอีกที” ผมตะกุกตะกักตอบไป รู้สึกว่าหน้าร้อนๆ ใจเต้นแรง
“ตั้ม” นึกเรียกเบาๆ
“.........” นั่งอยู่ข้างๆแบบนี้แล้วจะเรียกทำไม
“ตั้ม” นึกเรียกอีก
“ไร” ผมตอบทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้าจากหนังสือ
“ตั้ม หันมาหน่อย” นึกพูดเบาๆเหมือนกระซิบ ผมก็เลยหันหน้าไป

ฟอด... 0๐0...ผมตกใจอ้าปากหวอ ส่วน นึก ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สักครู่นึกก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้หน้าผม
......................
............
....
“ไอ้นึก นั่นมึงจะแดกไอ้ตั้ม มันเหรอไงวะ” เสียงคนดังมาจากหน้าห้อง นึก สะดุ้งตกใจหันหน้าไปมอง ผมเองก็มองไปที่ประตูด้วย
“ไอ้โอ ไมมาแต่เช้าวะวันนี้” นึก พูดพลางเอาที่โอบรอบคอผมออก
“กูทำเลขไม่เสร็จหว่ะ เลยว่าจะมายืม ไอ้ตั้ม มันลอกหน่อย” โอ เอาเป้วางแล้วนั่งลงที่โต๊ะ พลางหยิบสมุดและเครื่องเขียนออกมาจากเป้ ผมก็หยิบสมุดเลขออกมา เดินเอาไปให้ โอ ที่โต๊ะ
“เอ้า เอาไป เราไปกินข้าวก่อนนะ” พูดจบ ผมก็วิ่งตื๋อออกจากห้องไป
.....................................................

...ไอ้ตั้ม มันหายไปไหนวะ จะยืมเลขมันลอกซะหน่อย ... ผมมองหา
“โอ ไอ้ตั้ม หายไปไหนวะ” ผมตะโกนถาม
“มันไปกินข้าวตั้งนานแล้ว ยังไม่ขึ้นมาเลย สงสัยไปหา ไอ้ตุ่ม กับ ไอ้เต่า มัง” โอ หันมาตอบ “เอ็งจะยืมวิชาไรมันลอกอีกล่ะ”
“กูว่าจะยืมเลขหน่อยหว่ะ  ยังทำไม่เสร็จเลย”
“อยู่ที่กูนี่ เอ็งมานั่งลอกด้วยกัน” โอบอก
ผมก็เลยยกเก้าอี้ไปนั่งที่โต๊ะ โอ ลอกไปเรื่อยๆ ส่วน โอ มันก็ลอกไป หันไปคุยกับพวก วัฒน์ ที่จับกลุ่มคุยกันอยู่ใกล้ๆไปด้วย ทีแรกผมไม่ได้สนใจหรอกว่ามันคุยอะไรกัน จนกระทั่งได้ยินชื่อ ตั้ม มันแว่วๆ

“ไอ้นึก แม่งเกือบแดก ไอ้ตั้ม ไปแล้ว ถ้าเรามาช้าอีกนิดนะ ไอ้ตั้ม เสร็จแน่หว่ะ ฮ่าๆๆ” โอ พูดแล้วก็หัวเราะ
“อะไร นึก มันจะทำอะไร ศิลปี” วัฒน์ ถาม
“เปล่านะเว๊ย กูไม่ได้ทำอะไร” นึก โวยวาย
“อย่าเลย ไอ้นึก กูรู้ทันเอ็งนะ ประชิดตัวมันซะขนาดนั้น ต่อให้อมพระประธานมาพูด กูก็ไม่เชื่อหรอกว่ามึงไม่ได้คิดอะไร” โอ พูดยิ้มๆ
“เออ กูทำก็ได้วะ เมื่อเช้ากูว่าจะลองชิมมันดูซะหน่อย ว่ารสชาดเป็นยังไง แต่กูไม่ได้คิดอะไรนะเว๊ย แค่อยากลองชิมดูเฉยๆ”นึก พูดกลั้วหัวเราะ
“อะไรอะ นึก ตกลงนายจะกิน ตั้ม จริงๆน่ะเหรอ” โย่ง ถามหน้าตาตื่น
“นั่นดิ ไม่ได้คิดอะไรก็อย่าไปแกล้งเค้าแบบนี้ เราว่าไม่ค่อยดีนะ เกิดเค้าคิดจริงจังขึ้นมาเดี๋ยวจะแย่” วัฒน์ พูด พลางกระซิบอธิบายคำว่า กิน ให้หมูฟัง หมูฟังแล้วก็หน้าแดงมองหน้า วัฒน์ งงๆ
“อะไรวะ เราแค่สนุกๆ ไม่เห็นเป็นไรเลย แล้วเราไม่ได้ทำแบบนี้คนเดียวนี่หว่า พวกนายก็เห็น วันนั้นน่ะ คนชื่อ ราญ อะไรนั่น ทำยิ่งกว่าเราอีก ถ้ามันคิดอะไรนะ มันคิดกับคนชื่อ ราญ นั่นไปตั้งนานแล้ว” นึก พูดอ้างไปถึงเหตุการณ์วันที่ทำรายงานกันที่โรงเรียนในวันหยุด
.....................................................

“ไอ้ลูกหมา เมื่อเช้า ไอ้นึก ทำไรมึง” ผมชะโงกหน้ามาถาม ตั้ม เบาๆในชั่วโมงโฮมรูม
“เปล่านี่” ตั้ม หันมาตอบสีหน้า งงๆ
“มึงอย่าโกหก กูได้ยินพวกมันคุยกันก่อนลงไปเข้าแถว” ผมเริ่มทำหน้าดุใส่มัน
“ก็มาชวนคุยเหมือนปรกตินี่ ไม่เห็นมีไร” ตั้ม ตอบหน้ากลัวๆ ...กลัวกูรู้เหรอวะว่าพวกมึงทำอะไรกัน
“ปรกติยังไง” ผมยังซักต่อ
“ก็ มาโอบคอชวนคุย แล้วก็ เอ้อ...” มันทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก “หอมแก้มเราทีนึงอะ”
“มึงก็ยอมให้มันทำเหรอวะ” ผมโกรธสิครับ
“ก็ไม่รู้ตัวนี่” มันหน้าจ๋อย “แล้วไมปอโกรธอะ ทีเมื่อก่อน พวกศักดิ์มันแกล้งหอมแก้มเรา ไม่เห็น ปอ เป็นงี้เลย”
“.........................” คำตอบของมันทำเอาผมอึ้งไปเหมือนกัน
“ปอ เองก็เหอะ ชอบแอบหอมแก้มเราเหมือนกันนี่นา” ตั้ม มันพูดงอนๆ
“เออๆ ไม่ว่าก็ได้วะ” ผมบอกไป แล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ หันไปทางอื่น...พุดถึงเรื่องนี้ทำไมวะ กูเขินเว๊ย...

“ปอ” มันเรียกผม หน้าตาหวาดๆ “ปอ ว่า นึก มันเป็นพวกมนุษย์กินคนรึเปล่าอะ” มันถามเสียงเบาเหมือนกระซิบ
“อะไรของเอ็งวะ” ผม เริ่ม งง กับคำถามของมัน
“ก็เมื่อเช้าอะ นึก มันท่าประหลาดๆ โอ บอกว่า นึก จะกินเราอะ” สีหน้ามันเหมือนจะร้องไห้
“ฮ่าๆๆ” ผมอดหัวเราะไม่ได้ เมื่อเห็นท่าทางของมัน ...เฮ้ย หรือว่าที่มันคุยกันอยู่เมื่อเช้าจะจริงวะ
“กลัวเหรอ” ผมถามพลางเอามือซ้ายไปจับมือขวามันที่ใต้โต๊ะบีบเบาๆ
“อื้อ” หน้าตามันยังไม่หายกลัว ทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้
“ถ้ากลัว ก็อย่าอยู่กับมันตามลำพัง แล้วเวลาอยู่กับมันก็คอยระวังไว้ เดี๋ยวเกิดมันหิวจัด ทนไม่ไหว มันจะกัดเนื้อมึงกินแหว่งเป็นแถบๆ ไม่รู้ด้วยนะเว๊ย” ผมขู่
“หง่ะ น่ากลัวอะ ปอ มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอ” สีหน้ามันยิ่งตกใจ เหลือบมองไปทางนึกแล้วขมวดคิ้วใหญ่

...เวรจริงๆ ไอ้ตั้ม กูหลอกแค่นึ้ก็เชื่อด้วยเว๊ย แต่ดีเหมือนกัน เผื่อมันจะได้ห่างๆ ไอ้นึก ไว้หน่อย ไอ้ตัวอันตรายแบบนั้น ถ้ามันคิดจริงจัง กูก็จะแข่งกับมันแฟร์ๆ นี่มันทำกับ ไอ้ตั้ม เพราะความสนุก กูไม่ยอมเว๊ย.....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2008 18:50:10 โดย บุหรง »

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
 :m16:เจ้านึกนะมันน่า :เตะ1: :เตะ1: :เตะ1:
น้องตั้มนี่ก็ช่างนะไม่รู้อะไรเอาซะเลยเข้าทางปอล่ะสิทีเนี้ย :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
งงอ่ะ ปะป๋า กับพ่อคนละคนหรือคะ o2
คนละคนครับ เดี๋ยวอีกไม่กี่ตอนคงจะได้รู้กันแล้วหล่ะครับ ว่า ป๊ะป๋า คือใคร o8
มิหนำซ้ำยังมีส่วนสัมพันธ์กับตัวละครตัวหนึ่งอีกด้วย

เข้ามาให้กำลังใจคนเขียน o13

น้องตั้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมน่ารัก :o8:

อีกประมาณ ๒ ตอนก็จะรู้กันซะทีครับ ว่า ตั้ม น่ารักจริงๆน่ะหรือ  o3



ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
อ่ะ...ลุ้นค่ะลุ้น :m4:
มาตอ่ไวๆน้า รออยู่  :m1:

ออฟไลน์ สาวตัวกลม

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
รออ่านตอนต่อไปจ้ะ :o8:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๓๘ เที่ยวบ้านชานเมือง

“ตั้ม พรุ่งนี้สอบวันสุดท้ายพวกไอ้นึก จะไปเที่ยวบ้านเอ็งกันเหรอวะ” ปอ ถามผมขณะที่ผมนั่งอ่านการ์ตูนอยู่
“อื้อ” ผมตอบสั้นๆ เพราะกำลังสนุกอยู่กับหนังสือการ์ตูนในมือ
“กูไปด้วยนะ” ปอ พูดพลางเอามือมาปิดหนังสือที่ผมอ่านอยู่ แล้วแย่งไปถือไว้
“ก็ไปสิ แล้วทำไมต้องมาปิดการ์ตูนเราด้วยอะ” ผมพูดงอนๆ
“จะสอบอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว มึงยังเอาแต่อ่านการ์ตูน ทำไมไม่อ่านหนังสือเรียนวะ” ปอ พูดฉุนๆ “มึงทำอย่างนี้พวกกูฝ่อหมดดิ สบายฉิบ หนังสือก็ไม่อ่าน ดันสอบได้คะแนนดีอีกนะมึง”
“ก็เราอ่านหมดแล้วอะ ตอนนี้ไม่อยากอ่าน อ่านไปก็ไม่เห็นจะได้อะไรเลย อ่านแค่ ๑๐ นาทีก่อนสอบเนี่ย” ผมพุดพลางเอามือไปแย่งหนังสือการ์ตูนคืน
“งั้นมึงช่วยกูหน่อย เล่าโรบินสันตอนท้ายๆให้กูฟังหน่อย กูอ่านไม่ทัน”
“อ้าว ปอ ทำไมเพิ่งบอกอะ จะทันรึเปล่า เอาหนังสือมาเร็วๆ” ผมตกใจ รีบหยิบหนังสือออกมาเปิดอ่าน แล้วอธิบายในจุดที่ ปอ ถาม ไม่ได้สนใจว่า เริ่มมีคนเข้ามาล้อมฟังเพิ่มขึ้น ผมก็แปลให้ ปอ ฟังไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงออดสัญญาณบอกเวลาให้เข้าห้องสอบดังขึ้น ถึงได้พากันเก็บของเข้าไปนั่งประจำที่ในห้องสอบ
.........................................................................

“โอย บ้านเอ็งนี่จังหวัดอะไรวะ”  เชียร บ่น หลังจากนั่งรถมานาน แล้วยังต้องเดินอีกเกือบ๒๐๐ เมตร กว่าจะถึงบ้านผม
“คิ๊ก คิ๊ก เดี๋ยวนะ อย่าเพิ่งเข้าไป เราเข้าไปผูกหมาก่อนนะ” ตั้ม พูดจบ ก็เปิดประตูรั้วเข้าไปแล้วปิดไว้เหมือนเดิม
“บ้านแม่งบ้านนอกจริงๆหว่ะ ไม่น่าเชื่อจะอยู่ในกรุงเทพฯอยู่นะเนี่ย” โอ พูดพลางมองไปรอบๆ ทุ่งนากว้างๆ มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นเป็นระยะ
“ร่มรื่นดีนะ เราว่า อากาศดีด้วย” วัฒน์ พูดขึ้น
“เข้ามาได้แล้ว” ตั้ม เปิดประตูรั้วออกมาชะโงกหน้าเรียก เพื่อนๆก็เลยทยอยกันเดินเข้าไป มีเสียงหมาเห่ามาจากทางหลังบ้าน
“โห อยู่กันกี่คนเนี่ย บ้าน ๓ หลังเชียว” นึกพูดขึ้น เมื่อเข้ามาเห็นสภาพภายในรั้วเต็มตา

ประตูรั้วบ้านอยู่ค่อนมาทางด้านซ้าย เมื่อเข้ามาก็มองเห็นเรือนเล็กๆอยู่ถัดไปจากสนามหญ้า ทางขวามือ เป็นอาคารชั้นเดียว เชื่อมต่อกับเรือนใหญ่ด้านใน ที่เป็นอาคาร ๒ ชั้น แล้ว ถัดไปเหมือนมีเรือนไม้เล็กๆอยู่อีกหลังหนึ่ง มีศาลาเล็กๆใต้ต้นมะม่วงต้นใหญ่อยู่ริมสนามหญ้าใกล้ๆอาคารชั้นเดียว มองเข้าด้านหลังศาลา เห็นเป็นแนวต้นไม้พุ่มสลับต้นชมพู่เตี้ยๆเป็นระยะๆ
“แม่เราอยู่เรือนเล็กอะ แล้วเรือนใหญ่ เราอยู่กับพ่อ แล้วก็พี่ๆไง เรือนไม้นั่น เรือนครัว” ตั้มพูดพลางเดินนำเพื่อนๆ เข้าไปยังห้องรับแขกภายในเรือนใหญ่
“นั่งกันก่อน เดี๋ยวเราหาน้ำ หาขนมให้กิน ใครว่าง ช่วยเปิดหน้าต่างให้หมดเลยนะ ลมจะได้เข้า” ตั้ม บอกเพื่อนๆ
“เราไปช่วยนะ ป่ะ หมู ไปช่วย ศิลปี กัน” วัฒน์ พูด

 แล้วทั้ง ๓ คนก็เดินออกไปจากห้องรับแขกไปทางเรือนครัว สักพักก็กลับมาพร้อม น้ำเปล่าและน้ำอัดลมยี่ห้อต่างๆหลายขวด กระติกน้ำแข็ง ถาดใส่แก้วน้ำ แล้วก็จานขนมหวานแบบไทยๆใบใหญ่ มีขนมจำพวก ขนมชั้น  ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทองอยุ่บนจาน และโหลแก้วใบใหญ่ ใส่ขนมจำพวกคุ๊กกี้ต่างๆอีก ๒ โหล ด้วยความเหนื่อยเพราะนั่งรถมานาน ต่างคนจึงจัดการกินน้ำ กินขนมกันซะเต็มคราบ

“ตั้ม เราอยากเห็นห้องนอน ตั้ม อะ” นึก พูดขึ้นแล้วจับมือ ตั้ม ให้ลุกขึ้นจากที่นั่งอยู่
“ไปดูดิ ชั้นบนแน่ะ เดี๋ยวเราพาไปดู” ตั้ม ตอบ
“กูไปด้วย” ปอ พูดขึ้น ....เรื่องอะไรกูจะให้อยู่กันสองต่อสองวะ กูไม่ยอมหรอก แล้วดูดิ มันกลัว ไอ้นึกได้ไม่กี่วันกลับมาคุยกันเหมือนเดิมอีกแล้ว

“เฮ๊ย มึงอยู่ห้องนี้คนเดียวเลยเหรอวะ” ปอ ถามพลางมองดูห้องนอนขนาด ๔ เมตรคูณ ๔ เมตร มีเตียงนอนขนาดควีนไซด์วางชิดผนังด้านหนึ่ง ปลายเตียงมีตู้เสื้อผ้าใบย่อม ทางหัวเตียงมีโต๊ะเขียนหนังสือตัวใหญ่ กับชั้นหนังสือ บนชั้นเต็มไปด้วยหนังสือนิทาน และหนังสือภาพมากมาย ทั้งภาษาไทยภาษาอังกฤษ รวมทั้งหนังสือการ์ตูนสารพัดเรื่อง บนหัวเตียงมีเครื่องเล่นวิทยุ-เทปวางอยู่ พร้อมกับชั้นวางเทป กะด้วยสายตามีประมาณเกือบ ๑๐๐ ตลับได้ เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ปอ ก็เห็นมีแต่เพลงบรรเลง ทั้ง ไทย สากล และไทยเดิม
“เพลงอะไรของมึงวะเนี่ย กูไม่เคยเห็นเลยหว่ะ” ปอ หันไปถาม ตั้ม
“ไหน ดูดิ๊” นึก เข้าไปดูบ้าง ... เพลงอะไรวะ เพลงฝรั่งทั้งนั้นเลยนี่หว่า แล้วนี่อะไรวะ บาค โมสาท บีโธเฟ่น  ไฮเดน เดอบุสซี่ ราเวล มันฟังอะไรแบบนี้ด้วยเหรอวะนี่ แล้วดูอีกด้านดิ ตับพระลอ  ตับนางลอย เดี่ยวขิม ซอสามสาย วงปี่พาทย์ วงมโหรี เข้ากันน่าดูเลยหว่ะ -*-...นึก คิด
“เพลงพวกนี้เพราะอะ เราเปิดฟังจนหลับทุกคืนแหละ ตั้งแต่เด็กๆแล้วอะ บางอันเราก็ไม่ค่อยรู้จักหรอก ญาติเราที่เป็นพยาบาลให้มา” ตั้ม ตอบยิ้มๆ 
“นี่อะไรวะ ตั้ม ท่าทางจะของโบราณ” ปอ ชี้ไปที่กล่องสีดำใบย่อม ที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ ตัวกล่องเหมือนโทรทัศน์สมัยโบราณที่ย่อส่วนลงมา มีรูปคนนั่งเล่นกีตาร์อยู่ตรงส่วนที่เป็นเหมือนหน้าจอ ปอ ลองเอามือดึงลิ้นชักด้านหน้าออกมาเล็กน้อย รูปคนนั้นก็ขยับไปมาแล้วก็มีเสียงเพลงดังออกมา เหมือนกับรูปคนนั้นกำลังบรรเลงเพลงอยู่ นึกขยับตัวมาดูด้วยความสนใจอีกคน
“กล่องเพลงนี่หว่า น่ารักจังหว่ะ” ปอ หันไปพูดกับตั้มยิ้มๆ แต่เขากลับเห็น ตั้ม มีสีหน้าเศร้าสร้อยอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน “เฮ้ย เป็นอะไรวะ ตั้ม” ปอถามด้วยน้ำเสียงตกใจ
“เอ้อ...ไม่มีอะไรอะ ปอ” สีหน้า ตั้ม เปลี่ยนเป็นยิ้มน้อยๆ “ลงไปข้างล่างดีกว่า หาอะไรเล่นกัน”

พอลงมาข้างล่าง ก็พากันออกไปนั่งกันที่สนามหญ้าหน้าบ้าน พากันเล่นกับหมาบ้าง อ่านหนังสือบ้าง บางคนหาสายเอ็นมาผูกไม้แล้วเขาขอตกปลาผูกสายเอ็นอีกด้าน (โอ กับ นึก ขี่จักยานไปซื้อจากร้านค้าแถวนั้น) พากันไปตกปลาที่สะพานข้ามคลองใกล้ๆบ้าน แต่ไม่ได้ปลาสักตัวหรอก ตกกันเป็นซะที่ไหนล่ะ -*-
 เพลินกันไปถึงสี่โมงครึ่ง  ตั้ม ก็เตือนเพื่อนๆว่าให้เตรียมตัวกลับได้แล้ว เพราะเดี๋ยวพ่อจะกลับบ้านมาตอน ๕ โมงเย็น พ่อ ตั้ม สั่งไว้ว่าให้เพื่อนๆนั่งรถประจำตำแหน่งของพ่อ ซึ่งจะไปส่งแถวๆตลาดคลองเตย จะได้ไปต่อรถกลับบ้านกันง่ายๆ

“ไอ้ลูกหมาเอ๊ย อยู่ไหนลูก” เสียง พ่อเรียกมาจากหน้าบ้าน ตั้ม วิ่งไปที่ตู้เย็นใบเล็กในห้องรับแขก หยิบผ้าเย็นออกมาแล้ววิ่งไปหาพ่อ
“พ่อค๊าบบบบ ผ้าเย็นค๊าบบ” ตั้ม ส่งผ้าเย็นให้พ่อที่กำลังเอามือขยี้หัวผมอยู่อย่างเอ็นดู
“สวัสดีครับ คุณพ่อ” เพื่อนๆพร้อมใจกันทักทาย
“สวัสดีลูก เอ้า กลับรถพ่อกันนะ รีบไปกันได้แล้ว เดี๋ยวเย็นมากไปทางบ้านจะเป็นห่วง ตั้ม ไปส่งเพื่อนๆที่รถนะลูก” พ่อพูดจบก็เดินไปยังห้องของพ่อที่อยู่ด้านหลังของห้องรับแขก

ตั้ม ก็พาเพื่อนๆไปที่รถ ทักทายกับคนขับรถที่เขาคุ้นเคยนิดหน่อย เมื่อเพื่อนๆขึ้นรถหมดแล้ว ตั้ม ก็โบกมือบ๊ายบายเป็นการส่งเพื่อนๆ จนรถแล่นออกไปลับตา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-08-2008 17:38:08 โดย บุหรง »

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๓๙ ลูกรัก-ลูกชัง

เฮ้อ...มองเห็นลูกชายคนเล็กของตัวเองในกลุ่มเพื่อน ถึงแม้จะเติบโตมาอย่างปรกติ แต่ ก็ยังดูออกว่ามีความเป็นเด็กมากกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน

ตอนมันจะเกิดมาก็ไม่ได้อยากจะให้มันเกิด แต่พอออกมาแล้วก็ต้องทนๆเลี้ยงไปตามแกน ให้ป้ามันมั่ง ลุงมั่ง เลี้ยงดูอุ้มชูไป แม่มันก็เอาแต่ทำงานไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ มีพี่สาวมันนี่แหละ ที่สนใจมันหน่อย เห็นว่ามันเป็นเด็กแปลกๆมาตั้งแต่เล็ก วางไว้ตรงไหน ก็อยู่นิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่คลานไปไหน ข้าวของก็ไม่ซนไขว่คว้า ต้องมีคนยื่นส่งให้มันถึงจะลูบคลำด้วยความสนใจ มันตกจากเปล ก็สมน้ำหน้ามัน เวลาเห็นมันเอียงคอมองอะไรบ่อยๆ หรือบางทีก็มองโดยปิดตาไว้ข้างหนึ่ง ก็ไม่ได้คิดว่าสายตามันมีปัญหา จนมันเรียนชั้นประถม ครูเขียนมาในสมุดพกว่า มันเดินเป๋ไปเป๋มา ชนประตู ชนกำแพงบ่อยๆ แล้วยังเดินพลาดตกหลุม ตกบ่อ ตกบันไดเป็นประจำ พี่สาวมันถึงได้พาไปหาญาติที่อยู่ในโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่ง อยู่ตรวจอย่างละเอียดอยู่หลายวัน ทำให้รู้ว่า มันมีปัญหาทางสายตาอย่างหนัก แล้วไอ้ท่าทางเอ๋อๆเหมือนเด็กปัญญาอ่อนของมัน หมอบอกว่าเกิดจากการกระทบกระเทือนตอนที่แม่มันตั้งท้อง ทำให้มีปัญหากับระบบสมองบ้าง ยังดีที่ไม่ถึงขั้นปัญญาอ่อนไป จะมีก็คงเป็นปัญหาเรื่องบุคลิคภาพ แล้วก็มีเรื่องของฮอร์โมนในตัวที่ไม่สมดุล ทำให้สภาพทางร่างกายบางอย่างผิดไปจากเด็กผู้ชายทั่วไปอยู่บ้าง และมีพัฒนาการทางร่างกายช้ากว่าเด็กปรกติ เพราะคำว่า พ่อ ก็เลยต้องส่งเสียรักษามันไปตามหน้าที่ พี่สาวพี่ชายมันก็ขยันพาไปตามศูนย์บำบัดต่างๆ

ด้วยความชังน้ำหน้ามันตั้งแต่เล็ก เวลามันเข้ามาใกล้ๆ ก็ไม่ค่อยจะอุ้มหรือกอดมันซักเท่าไร เวลาจะเรียกมันก็เรียก ไอ้ดำ ไอ้หมาขี้เรื้อน บอกมันบ่อยๆว่าเก็บมันมาจากถังขยะ ท่าทางมันก็ดูจะเสียใจเหมือนกัน แต่ตอนนั้นไม่ได้สนใจอะไรกับมันนัก เคยได้ยินมันถามป้ามันเหมือนกันว่า ทำไมพ่อไม่อุ้ม ไม่กอด มันบ้าง ป้าก็บอกว่า เพราะมันเอาแต่ซน สกปรกตัวเหม็น พ่อเลยไม่อยากอุ้ม หลังจากนั้นก็ดูเหมือนมันจะซนน้อยลง ยอมให้ป้าทาขมิ้น ทาน้ำอบ แป้งร่ำ ที่มันไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ป้ามันยังเอาสีผึ้งทาปาก ทาคิ้ว ทาน้ำมันหอมที่ผม แล้วพอมันใส่เสื้อผ้าดีๆมียี่ห้อ ที่แม่มันชอบหามาให้จากตามห้างสรรพสินค้า มันก็ดูสะอาดสะอ้าน น่ารักเหมือนตุ๊กตา แต่ก็ไม่ได้คิดจะกอดมันเลยสักครั้ง มันก็เอาแต่ถามป้ามัน ว่าตัวมันเหม็นมากเหรอ พ่อถึงไม่สนใจมันเลย

เรื่องเรียนก็เหมือนกัน ไม่ได้คิดจะส่งให้มันเรียนโรงเรียนดีอะไรมากมาย แต่แม่มันไม่ยอม บอกว่า พี่เรียนที่ไหน น้องก็ควรได้เรียนด้วย ลุงกับป้ามันก็เห็นด้วย ก็เลยให้มันเรียนโรงเรียนคริสต์ที่พี่ชายมันเคยเรียน แต่มันก็มีเรื่องทำให้รำคาญบ่อยๆ บางวันทำสำออยไม่ยอมไปเรียน บอกว่าไข้ขึ้นสูง พอตกเย็น เห็นมันวิ่งเล่นกับเด็กๆแถวบ้านออกปร๋อ พอหลายๆครั้งเข้า ก็พี่สาวมันอีกนั่นแหละพาไปหาหมอ ถึงได้รู้ว่ามันเป็นภูมิแพ้อากาศค่อนข้างรุนแรง พอเจอกับอากาศเย็นๆตอนเช้า ก็จะมีไข้และอาการปวดศรีษะ ตามมาด้วยมีน้ำมูกเหมือนเป็นหวัด ต้องรักษากันอยู่นาน อาการมันถึงได้ดีขึ้น เริ่มนึกห่วงอยู่เหมือนกัน กลัวว่ามันจะเป็นหอบหืดเหมือนพี่ชายมันตอนเด็กๆ

วิชางานไม้ มันก็ทำส่งไม่เคยทัน จนครูต้องมีจดหมายมาถึงผู้ปกครองทุกเทอม แต่มันก็ยังของเงินไปซื้อไม้ ซื้อใบเลื่อยเยอะผิดสังเกต จนมาเห็นตอนมันทำนั่นแหละถึงได้รู้ว่ามันทำไม่ได้จริงๆ สายตามันแย่ กะระยะอะไรผิดเพี้ยนไปหมด จับเลื่อย จับฉลุ ดูเก้ๆกังๆไปหมด เลื่อยไม้กว่าจะใช้ได้ ต้องเลื่อยใหม่หลายครั้ง แต่มันอดทนทำของมันไปเรื่อยๆ ไม่ได้มาเรียกให้ใครช่วย จนงานของมันเสร็จไปส่งครู เห็นแล้วก็ภูมิใจนิดๆไม่ได้ ที่มันอดทนเอาการเอางานดี ไม่ร่ำร้องให้ใครทำให้มันเหมือนลูกของเพื่อนบ้าน ที่พ่อต้องคอยทำงานให้ลูกเอาไปส่งครู การบ้านวิชาอื่นๆ พี่สาวมันก็สอนให้รู้จักเปิดหาคำตอบเองจากหนังสือ พี่สาวมันเป็นครู ก็เลยสอนมันแบบเดียวกับที่สอนนักเรียนในโรงเรียน มันก็ตั้งอกตั้งใจหาคำตอบที่มันต้องการหาเองจนเจอ ไม่ค่อยมาถามซอกแซกจะเอาแต่คำตอบอย่างเดียว

จะว่าไปมันก็เรียนดี พี่สาวมันไปงานรับเกียรติบัตรทุกเทอม โดยเฉพาะวิชาภาษาไทย มันทำคะแนนได้ไม่เคยต่ำกว่า ๙๐% ดูเหมือนพี่สาวมันจะภูมิใจมาก เพราะตัวเองก็เป็นครูวิชาภาษาไทยและสังคมศึกษา เวลาโรงเรียนมีงานแสดง มันก็จะได้ไปร้องเพลงบนเวทีกับพวกนักร้องประสานเสียงทุกปี เวลาว่าง ก็เห็นมันไปนั่งเล่นดนตรีไทยกับพวกคนแถวบ้านบ่อยๆ บางทีก็เห็นมันไปเล่นหมากรุกกับเค้าด้วย ไม่รู้ว่าใครมาสอนให้มัน  คนเฒ่าคนแก่แถวบ้าน เอ็นดูมันไปซะทุกคน

เท่าที่เห็น นอกจากเรื่องที่เกิดจากความผิดปรกติของร่างกายมันเอง มันก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรให้เดือดร้อนรำคาญเลย จะเห็นก็มีบางครั้งที่มันนั่งเหม่อ ดวงตาเลื่อนลอยเหมือนพวกเด็กปัญญาอ่อน หรือบางครั้งมีน้ำลายยืดออกจากปากโดยที่มันไม่รู้ตัว เห็นแล้วก็นึกกลุ้มใจอยู่ว่ามันจะโตขึ้นเป็นแบบไหนกันแน่ เพราะดูแล้ว สมองกับบุคลิกมัน ดูจะพัฒนาไปไม่พร้อมกันเลย

ช่วงที่มันปิดเทอมภาคเรียนแรกตอนชั้นประถม ๕ กระมัง ตอนบ่ายๆที่พ่อเกิดอุบัติเหตุหกล้มในห้องน้ำ ต้องให้มันไปเรียกคนข้างบ้านมาช่วย พอตามคนมาเสร็จ มันก็หายหัวไปไหนไม่รู้ นึกโกรธมันมาก ทำไมไม่อยู่ดูแลพ่อ หรือเผื่อว่าพ่อจะเรียกใช้อะไรบ้าง มันหายไปตั้งแต่ตอนนั้นจนตกเย็น เพื่อนพี่สาวมันพามาส่งบ้าน พี่สาวมันถามดูก็ได้ความว่า มันวิ่งไปตามบ้านเพื่อนของพี่ชาย ตามหาว่าพี่ชายมันอยู่หรือเปล่า วิ่งไปตามหาลุงตามบ่อนไพ่ในตลาด แล้วก็วิ่งหาโรงเรียนของพี่สาว จนมันไปหลงทางอยู่ห่างจากบ้านไปเกือบ ๓ กิโลเมตร ยังดีที่คนที่เจอเข้าเป็นเพื่อนพี่สาวมัน เห็นยืนร้องไห้อยู่กลางถนนก็จำได้ ไม่อย่างนั้นไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไง นึกขึ้นมาทีไรหวาดเสียวไม่หาย มันไม่กลัวจะโดนรถชน หรือโดนใครจับตัวไปบ้างเลยหรือไง

ตอนมันอยู่ประถม ๖ วันพ่อปีนั้น มันเอา ออดิโคโลน ๔๗๑๑ มาให้ขวดหนึ่ง ทำเอาตกใจว่ามันเอาเงินมาจากไหน ยี่ห้อนี้ไม่ใช่ของที่เด็กอย่างมันจะหาเงินมาซื้อได้ พี่สาวมันบอกว่ามันหยอดกระปุกทุกวันมาปีกว่าแล้ว ทำเอาตื้นตันไปเหมือนกัน แทนที่มันจะเอาเงินไปซื้ออะไรสำหรับตัวมันเอง มันเอามาซื้อของที่พ่อชอบ ให้พ่อที่ไม่ค่อยใส่ใจกับมันนัก  แล้วดูเหมือนว่ามันซื้อน้ำหอมยี่ห้อเดียวกันให้แม่มันอีกขวดหนึ่งด้วย

แล้วตอนมันอยู่มัธยม ๑ พ่อต้องเข้าโรงพยาบาล วันแรกมันมาอยู่เฝ้าหลังเลิกเรียน พอจะให้กลับบ้าน มันร้องไห้เกาะเตียงพ่อไว้แน่น อาละวาดดิ้นไปดิ้นมา ไม่ยอมกลับ บอกว่าเป็นห่วงพ่อ เดี๋ยวพ่ออยู่คนเดียวจะเหงา ต้องปล่อยให้มันหลับไปก่อนแล้วถึงได้อุ้มมันกลับบ้านไป ช่วงนั้นก็เข้าๆออกๆโรงพยาบาลบ่อยๆ  มันก็มาเฝ้าทุกวันที่ว่าง พอพ่อขยับตัวที มันก็ชะโงกหน้ามาถาม

...พ่อค๊าบบบบ พ่อจะเอาอะไรรึเปล่า
...พ่อค๊าบบบบ หิวน้ำมั๊ย เดี๋ยวตั้มป้อนให้
...พ่อค๊าบบบบ ทานหนมมั๊ย เดี๋ยวตั้มไปซื้อมาให้
...พ่อค๊าบบบบ พ่อหายไวไวนะค๊าบบบ
...พ่อค๊าบบบบ พ่อเจ็บมากรึเปล่า... มันพูดพลางน้ำตาคลอ

ตอนนั้นเอง ก็เริ่มรู้สึกตัว ยังไงมันก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกเรา มันรักเราห่วงเราขนาดนี้ จะมัวแต่เกลียดชังมันก็ไม่ถูก
มีลูกรูปร่างหน้าตาน่ารักน่าชังขนาดนี้ น่าจะเป็นที่ชื่นใจของคนเป็นพ่อ
ลูกเรียนดี ประพฤติดี ไม่เคยสร้างปัญหาอะไร ยิ่งน่าภูมิใจ
ตอนนั้นเห็นท่าทางที่มันนั่งอ่านหนังสือ โยกขาไปมา ในปากมีอมยิ้ม ยังคิดว่ามันเป็นเด็ก ๗-๘ ขวบ ทั้งๆที่มันก็โตจนจะขึ้นชั้น ม.๒ อยู่ภาคเรียนหน้าแล้ว

เอานะลูก พ่อจะชดเชยให้แล้วกัน ต่อไปลูกอยากทำอะไร อยากได้อะไร พ่อจะตามใจทุกอย่าง เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ดีๆ พ่อจะหามาให้ลูกได้ใช้ไม่ให้น้อยหน้าใคร ไอ้ลูกหมาตัวน้อย...ลูกรักของพ่อ



ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
โธ่!น้องตั้มของฉัน น่าสงสารจังเลย
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง :sad2: :sad2:

รอตอนต่อไปนะคะ :o12: :o12:

saramander39

  • บุคคลทั่วไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด