จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ  (อ่าน 136192 ครั้ง)

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๒๕ ข้อควรจำเกี่ยวกับลูกหมา

๑)   ลูกหมา มักจะไม่ค่อยอยู่นิ่ง ฉะนั้นต้องคอยดูให้ดีว่ามันจะวิ่งซนไปทางไหน
๒)   ลูกหมา มักจะวิ่งเข้าหาคนที่เล่นกับมันดีๆ ฉะนั้นไม่ควรโกรธลูกหมาแต่เพียงฝ่ายเดียว หากว่าลูกหมาวิ่งตามคนอื่นไปบ้างเป็นบางครั้ง
๓)   อย่าเผลอทำร้าย ลูกหมา ให้มันเจ็บตัว จนมันไม่กล้าเข้าใกล้
๔)   ถ้าเผลอทำให้ลูกหมาเจ็บ ต้องทำดีกับมันใหม่ แล้วลูกหมาก็จะวิ่งเข้ามาหาเหมือนเดิม
๕)   ลูกหมา ก็คือ ลูกหมา มันไม่รู้หรอกว่า คน คิดอย่างไร มันรู้แค่ว่า คนทำกับมันอย่างไร

ปอ นึกสรุปคร่าวๆในใจ เมื่อฟังราญพูดไปเรื่อยๆ
“อีกอย่างนะ ปอ เราว่าเรื่องนี้สำคัญ นายจะเล่นกับลูกหมาได้ยังไง ถ้านายไม่ได้อยู่ใกล้มัน เพราะลูกหมาจะติดคนที่มันได้เจอบ่อยๆมากกว่า เราว่านายต้องหาทางเจอ ตั้ม มันให้บ่อยๆให้ได้ก่อน” ราญ พูดพลางมองปอด้วยสีหน้ากังวล
“ไม่ไหวมั๊งวะ นี่กว่ากูจะได้คุยกับมัน เมื่อศุกร์ที่แล้ว ยังล่อเข้าไปตั้งเกือบครึ่งเทอมแล้ว งานแม่งเยอะฉิบ ทั้งงานที่โรงเรียน ทั้งงานที่บ้าน อย่างนี้จะไหวเหรอวะเนี่ย” ปอ กันไปปรึกษา ราญ ด้วยสีหน้ากังวล
“เมื่อกี้นายบอกว่า นานแค่ไหนนายก็รอไหว ไม่ว่าอะไรนายก็ทำได้ ใช่มั๊ย” ราญ ถามยิ้มๆ ......เราขอดูความจริงใจของนายหน่อยเถอะวะ ปอ น้องเราทั้งคน ยกให้ใครง่ายๆได้ยังไง.... เขายิ้มให้กับความคิดของตัวเอง
“เออ ดิ....ให้กูทำอะไรกูก็ยอม” ปอ ทำสีหน้าจริงจัง
“งั้นนายต้องเสี่ยงเอา เพราะมันอาจไม่ได้ผล แล้วอีกอย่าง มันต้องใช้เวลา”
“นานมั๊ยวะ แล้วถ้านาน ไอ้ตั้ม ไม่โดนหมาที่ไหนคาบไปเหรอวะ” ปอ ถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“อันนี้ไม่รับรองนะ เพราะมีหมาอยากจะคาบมันอยู่หลายตัวเหมือนกัน” ราญหยอดเข้าไปเมื่อได้โอกาส แถมหลอกว่า ปอ ไปด้วย
“เฮ๊ย......หมาตัวไหนกล้าตีท้ายครัวกู มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้” ปอ โมโหขึ้นมาทันทีที่ ราญ พูดจบ พูดแล้วเขาก็เอามือไปจับไหล่ ราญ
“บอกไม่ได้หว่ะ ปอ แต่วางใจได้อย่าง ตั้ม มันปลอดภัย พวกนั้นได้แต่จ้องอยู่ไกลๆเหมือนนายตอนนี้” ปอ ไม่คิดหรอกว่า เขาโดน ราญ เยาะเย้ยเอา
“แล้วกูจะทำไงดีวะ ที่เอ็งบอกเมื่อกี้นี้ จะให้กูทำอะไร” ปอ นึกขึ้นได้ว่า ราญ พูดค้างอยู่เรื่องที่ว่าจะให้เขาทำอะไรสักอย่าง
“นายต้องหาทางเรียนห้องเดียวกับ ตั้ม มันให้ได้ ตอน ม.๔” ราญ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เฮ๊ย.....มันจะเป็นไปได้ยังไงวะ ม.๔ มันมีตั้งกี่ห้อง” ปอ หัวเสีย “มึงแกล้งกูเหรอ”
“เราบอกแบบนี้มันมีเหตุผล นายจะฟังมั๊ย แต่ถ้านายคิดว่าเราแกล้ง งั้นก็คุยกันแค่นี้ เราเริ่มหิวข้าวแล้ว” ราญทำเสียงไม่พอใจ
“ไหน เอ็งว่ามา กูจะคอยฟัง แต่ถ้าเหตุผลที่เอ็งว่า มันฟังแล้วไม่เข้าท่า กูเลิกคบ” ปอ ถลึงตาใส่ ราญ
“ฮ่าๆๆ เลิกคบเหรอ ดีเหมือนกัน เราไปกินข้าวดีกว่า” ......ต้องแกล้งมันอีก ให้มันหัวเสียเล่น..... ราญ คิด แล้วก็ลุกจากเก้าอี้ยาว ทำท่าจะเดินไปจริงๆ
“เฮ๊ย........เฮ๊ย เดี๋ยวสิวะ แม่งทำเป็นใจน้อยไปได้ กูอุตส่าห์เห็นเอ็งเป็นความหวังเชียวนะเว๊ย เอางี้ เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าว แต่ตอนนึ้เอ็งช่วยกูก่อน” ปอ รีบดึงมือ ราญ ให้นั่งลงเหมือนเดิม
“เออๆ เห็นแก่ข้าวที่นายจะเลี้ยง เราจะอธิบายให้ฟัง” ราญ กลับลงไปนั่งเหมือนเดิม พลางคิดว่า ถ้า ปอ เลี้ยงข้าวเขาจริงๆ เขาคงไม่รับไว้ เพราะเขาก็พอจะรู้เหมือนกันว่า ค่าขนมของ ปอ นั้น ค่อนข้างจะพอดีกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในแต่ละวัน
“ตั้ม มันไม่เรียนสายวิทย์แน่ๆ ก็เหลือแต่สายศิลป์” ราญ เริ่มอธิบาย “ปรกติ โรงเรียนเรามีสาย ศิลป์-คำนวณ ประมาณ ๒-๓ ห้อง โอกาสของนายจะเป็น ๑ ใน ๒ หรือไม่ก็ ๑ ใน ๓” ราญ เว้นระยะคำพูดนิดหนึ่ง ปอ เองก็กำลังตั้งใจฟัง “ส่วนสายอื่น มีสายละห้องเท่านั้น ถ้า ตั้ม มันเลือกเรียน ศิลป์-ภาษา หรือ ศิลป์-สังคม นายจะได้อยู่ห้องเดียวกับมันแน่ๆ” ราญ พูดอย่างแน่ใจ ในขณะที่ ปอ รู้สึกว่า ตัวเองเริ่มเหงื่อตก

ปอ ไม่แปลกใจที่ ราญ รู้เรื่องของ ตั้ม ค่อนข้างละเอียด แต่เขาคิดมาตลอดว่า ตั้ม มันต้องเรียนสายวิทย์แน่ๆ
“ทำไม ตั้ม ม้นไม่เรียนสายวิทย์วะ”  ปอ ถามทันทีในสิ่งที่เขาคิด
“เหตุผลของมันมีหลายอย่าง ปอ เราว่าถ้านายอยากรู้ นายไปถามมันเองดีกว่า จะได้มีเรื่องคุยกับมันดีๆตอนไปหามัน” ราญ ถือโอกาสประชด ปอ อีกครั้ง โดยที่ ปอ ยังไม่รู้สึกตัวอีกเช่นเคย
“เออ ดีเหมือนกันหว่ะ” ปอ เริ่มยิ้มได้ ไม่รู้สึกตัวเลยว่าโดนอะไรเข้ามั่ง
“แต่เราว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่า ตั้ม มันจะเลือกเรียนสายไหน” จู่ๆ ราญ ก็เปลี่ยนน้ำเสียงเข้มขึ้น แล้วมองหน้า ปอ นิ่ง
“แล้วปัญหามันอยู่ที่ไหนวะ” ปอ ขมวดคิ้ว
“ปัญหามันอยู่ที่ว่า นายเลือกสายอะไรได้มั่ง เพราะเท่าที่เราจำได้ จากคะแนนสอบของนาย นายคงเลือกได้สายเดียว” ราญ หยุดไปสักครู่แล้วพูดเน้นทีละคำ “สาย ศิลป์-สังคม”
แล้วเขาก็เห็นเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นมาตามหน้าผากของ ปอ


............นั่นสินะ ด้วยคะแนนของเขาในตอนนี้ เขามีทางสายเดียวให้เลือกเดิน
ศิลป์-สังคม ที่ใครๆมันเข้าใจว่าเป็นห้องของ เด็กบ๊วย
............นี่เขาหนีจากการเป็นเด็กห้องบ๊วยไม่พ้นเลยหรือ

“แต่เราว่า อะไรมันก็ไม่เกินความพยายามหรอกนะ หากเราตั้งใจจริง ทำไมไม่ไปให้ ตั้ม มันติวให้นายล่ะ”  ราญ ว่ายิ้มๆ
“เฮ้ย ได้ไงวะ แค่นี้กูก็รู้สึกด้อยกว่ามันเยอะอยู่แล้ว ขืนให้มันติวให้อีกกูจะเอาหน้าไปไว้ไหนวะ” ปอ ขมวดคิ้ว
“จะว่าไปพวก ศักดิ์ มันก็เรียนเก่งกันทั้งกลุ่ม มีนายคนเดียวที่ไม่ค่อยได้เรื่อง ลองให้พวกนั้นติวสิ” ราญ เสนอความเห็นต่อ
... นั่นสิ พวกนั้นมันเรียนเก่งกันทุกคน พวกมันจะยอมมั๊ยวะ .... ปอ คิดด้วยสีหน้ากังวล
“เราว่านะ พวกนั้นต้องรับปากนายแน่ หากนายออกปาก” ราญ พูด “แล้วพวกเราก็เป็นเพื่อนนายเหมือนกันนะ นายอย่าลืมสิ กร กับ เต่า มันก็ต้องเห็นด้วยกับเรา”
“เออ... กุจะลองคุยกับพวกนั้นดู ขอบใจเอ็งหว่ะ” ปอ พูดด้วยสีหน้าที่แสดงออกว่าเขารู้สึกขอบคุณ ราญ จริงๆ
“พวกนั้นรับปากนายแน่ เชื่อเราสิ” ราญ ว่าแล้วก็เอามือตบไหล่ ปอ เบาๆ ๒-๓ ที เป็นการให้กำลังใจ

“เพื่อนน่ะ มีไว้ช่วยเหลือกันเวลาแบบนี้แหละ”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-04-2008 21:37:10 โดย tumty »

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๒๖ วิทย์ หรือ ศิลป์

หลายวันผ่านไป แผลที่มือของผมก็หายดี ผมไม่คิดที่จะถามอะไรจาก ราญ แล้ว ไม่ใช่ว่าผมไม่ต้องการรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ผมคิดว่า ราญ คงไม่บอกอะไรผมแน่ ผมเดาเอาจากการที่ ราญ ไม่เอ่ยถึงเรื่องนั้นอีกเลยเมื่อได้เจอกัน

ผมก็ยังคงวนเวียนไปหาเพื่อนๆในห้อง ๒ อยู่เหมือนเดิม บางวันผมเห็น ปอ มาอยู่กับพวก ศักดิ์ และดูเหมือนว่าจะมีการติวเนื้อหาบางวิชาให้กับ ปอ ด้วย ซึ่งผมก็คิดว่าเป็นการดี เพราะในกลุ่มของศักดิ์ ทุกคนค่อนข้างเรียนเก่ง ยกเว้น ปอ และผมก็ดีใจที่ได้เห็น ปอ มีความเอาใจใส่เรื่องการเรียนมากขึ้น ผมเองก็พยายามทักทายทุกคนทุกครั้งที่ผมเจอ เรื่องกลั่นแกล้งน่ะหรือครับ ก็พอมีบ้างประปราย แต่ก็นับว่าน้อยลงมากเมื่อเทียบกับช่วง ม.๑-ม.๒ บางครั้งถ้าผมมองเห็นว่า ทั้ง ๕ คนเดินเข้ามาหาเมื่อไร ผมก็ตัดสินใจลุกหนีไปก่อนก็ยังเคย............. T-T

จนกระทั่งถึงภาคเรียนที่ ๒ ทางโรงเรียนจะมีการสอบวัดผลพิเศษขึ้น เพื่อนำคะแนนมาจัดชั้นให้กับนักเรียนเป็นสายการเรียนต่างๆในระดับชั้นมัธยมปลาย ซึ่งมี ๒ สายใหญ่ คือสายวิทย์ และสายศิลป์ ทำให้หลายๆคนตั้งใจเรียนกันมากขึ้น ตัวผมน่ะเหรอครับ แหะๆๆ ในสายตาของเพื่อนๆนะครับ....ยังเหมือนเดิม ดูเหมือนไม่ได้ขยันอะไรมากขึ้นเป็นพิเศษ ก็ปรกติผมตั้งใจเรียนอยู่แล้วครับ เวลาที่ต้องทบทวนก็เลยเข้าใจได้เร็ว ไม่ต้องทบทวนหลายครั้งเหมือนบางคน แต่ผมก็ตั้งใจในการสอบวัดผล ผลออกมาก็คือ ผมสามารถเลือกเรียนได้ทั้งสายวิทย์และสายศิลป์

“พี่ชาย จะไปสอบเข้าเตรียมอุดมฯ จริงๆเหรอ” ผมถาม ราญ ในวันหนึ่งขณะที่พวกเรานั่งคุยกันอยู่
“อื้อ กร ก็ไปสอบด้วยนะ” ราญ ตอบ
“ได้แหงๆเลย” ผมพูดด้วยเสียงเหงาๆ
“ตั้ม” ราญ วางมือลงบนไหล่ผม “แค่แยกที่เรียน ไม่ได้เจอกันบ่อยๆเท่านั้นเอง ไม่ใช่จะไม่ได้เจอกันอีกแล้วซะหน่อย ว่างๆก็นัดเจอกันได้” ราญ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“นั่นสิ เตรียมอุดมฯก็แค่นี้เอง แล้วพวก ตุ่ม เต่า ก็ยังอยู่นี่นา” กร พูดเสริม
“อื้อ” ผมรับคำไปอย่างนั้นเอง ทำไมผมจะไม่รู้ว่าโรงเรียนนั้นเรียนกันหนักขนาดไหน แล้ว ราญ จะเข้าคณะแพทย์ศาสตร์ จะมีเวลามาเจอกันได้บ่อยๆ คงเป็นไปไม่ได้หรอก
“ว่าแต่นายเหอะ จะเลือกสายศิลป์จริงๆเหรอ อุตส่าห์มีสิทธิ์ได้เลือกสายวิทย์ทั้งที” เต่า ถามผม
“ถ้าเรียนสายวิทย์ แล้วต้องมานั่งท่องดิกฯวันละหน้าอย่างนายนะ เราไม่เอาดีกว่า” พูดจบผมก็แลบลิ้นใส่ เต่า
“เหตุผลแค่นี้เนี่ยนะ เราท่องหนังสือแทบตาย ได้สิทธิ์แค่สายศิลป์ แต่นายดันได้สิทธิ์สายวิทย์ มาอย่างสบายๆ แต่ดันไม่เอา น่าโมโห หว่ะ” ต่อ โวยวาย
“นายบอกว่าเราได้มาอย่างสบายๆเหรอ สบายตรงไหนกัน” ผมแย้ง
“ก็ดูนายดิ เห็นแต่วิ่งไปวิ่งมา อ่านการ์ตูน วาดรูป ไม่เห็นค่อยท่องหนังสือเท่าไหร่เลย” ต่อ บอก
“นั่นดิ เรายังนึกว่านายจะไปเรียนเพาะช่าง ตามคนที่ชื่อ วินท์ อะไรนั่นซะอีก” จก สนับสนุน
“วาดได้แค่นั้น ใครเค้าจะรับเข้าเรียน” ผมตอบเสียงอ่อยๆ หยุดไปสักครู่ ผมก็พูดต่อ “ที่คะแนนเราดีเพราะเราไปเรียนพิเศษมาตะหากอะ”
“หา....เรียนพิเศษ นายอะนะ”หลายๆคนอุทานพร้อมๆกัน คราวนี้ทุกคนหันมามองผมเป็นจุดเดียว เพราะผมเคยพูดกับเพื่อนบ่อยๆ ว่าผมไม่เคยเรียนพิเศษอะไรเลย และจะไม่ยอมเรียนด้วย
“ก็.....โดนจับไปเรียนกับเพื่อนของพี่สาวเราอะ พอดีพวกนักเรียนของพี่เราเค้าจัดกลุ่มกัน พี่เค้าเลยจับเราไปเข้ากลุ่มเรียนด้วย แล้วเราก็กังวลเหมือนกันนะเรื่องสอบวัดผลเนี่ย เราเลยยอมไปเรียน เหนื่อยจะตาย เรียนทั้งเสาร์ ทั้งอาทิตย์เลย”
“อ้อ แล้วก็เลยมาวิ่งเล่นชดเชยที่โรงเรียนเหรอไง” ราญ ถามยิ้มๆ
“ช่ายยยยยยยยยยยยยยยย................คิ๊กๆๆ” ผมลากเสียงตอบ พลางหันไปหัวเราะให้ ราญ
“แหม รู้ใจกันจริงนะคู่นี้” ตุ่มว่า “แล้วตกลงนายเลือกอะไรล่ะ เต่า กับ จก มันเลือกวิทย์ ต่อ ศิลป์-ภาษา เราศิลป์-สังคม”
“ศิลป์-คำนวณ” ผมตอบ แล้วหันไปพูดกับ ตุ่ม “โทษนะ ตุ่ม พอดีคณะที่เราอยากเข้าต้องใช้เลขสายวิทย์อะ”
“ขอโทษอะไรกันเรื่องแบบนี้” ตุ่ม หัวเราะ “เรายังอยากให้นายเลือกสายวิทย์ ด้วยซ้ำไป”
“นั่นดิ ตั้ม ทำไมไม่เลือกสายวิทย์วะ” ต่อ ถาม
“เพราะเรารู้ตัวน่ะสิ ที่เราทำคะแนนได้ตอนนี้ มันเป็นเพราะเราวิ่งเกินกำลัง เราอยากวิ่งแค่พอดีกับแรงของเรามันจะได้ไม่ล้ม ถ้าวิ่งเกินกำลัง เวลาเราล้ม เรากลัวลุกไม่ขึ้น” ผมตอบ
“อืม.....พอเข้าใจนะ ตั้ม แต่วันนี้ ตั้ม พูดมีสาระผิดปรกตินะ” กร ว่า
“แง๊ววววว......กร ว่าปรกติเราไร้สาระน่ะสิ” ผม ร้องเสียงหลง
“เปล่านะ คือวันนี้มีสาระมากกว่าปรกติไง” กร พูดยิ้มๆ ทำเอาเพื่อนๆหลายคนหัวเราะกันคิกคัก
“ตั้ม ไม่เปลี่ยนใจนะ” ราญ ถามขึ้นมา สีหน้าจริงจัง จนผม งง
“อื้อ ไม่เปลี่ยนใจหรอก อาจจะลำบากหน่อย ตอนบอกกับที่บ้าน แต่ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน” ผม พูดด้วยความมั่นใจ
“คราวนี้ โอกาสก็เป็น ๕๐เปอร์เซนต์ละนะ” ราญ พูดเบาๆ
“หือ อะไร ห้าสิบ ห้าสิบ เหรอ พี่ชาย” ผมสงสัย
“ความหวังของคนบางคนน่ะ ตั้ม ก็พยายามทำให้เต็มที่นะ  ดีแล้วที่รู้กำลังของตัวเอง จะได้ไม่เจ็บเพราะทำอะไรเกินตัว” ราญ พูด แล้วเอามือมาขยี้หัวผมเบาๆ
“พยายามเข้าล่ะ” ราญ พูดยิ้มๆ

......ปอ นายก็ต้องพยายามด้วยนะ...



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2008 10:38:30 โดย บุหรง »

salapaw

  • บุคคลทั่วไป
สู้ๆๆนะปอ :m4: :m4:

 +1 อีก มาสม่ำเสมอดีจัง

ว่าแต่ ปัจจุบันยังคุยกับกลุ่มเพื่อนที่กล่าวมาทั้งหมดปะคะ

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
 พีชายน่ารักจริงๆเลย:m13:
ปอจะทำได้ไหมเนี่ย  น่าเป็นหว่ง

...รักตั้มนะ.....เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ :m4: :L2: :m4:

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
ปอ สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ

เข้ามาติดตามและเป็นกำลังใจให้คนโพสต์ครับ  :L2: :L2: :L2: :L2:

1+  สำหรับกำลังใจ

ออฟไลน์ สาวตัวกลม

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
เข้ามาให้กำลังใจ :o8:

nithiwz

  • บุคคลทั่วไป
 :m15: น่ารักมากๆ ปอน่ารักดี
ตอนแรกเหมือนจะเป็นตัวร้ายอ่ะ  แบบว่าน่ากลัวมากๆ  :laugh:
แอบเชียร์ให้ราญเป็นพระเอกไม่ก็วินท์  แต่คราวนี้  เชียร์ปอแล้วแหละ (น่ารักมากมาย)

ตั้มก็เสน่ห์แรงเกิน  แต่ว่าไงกลับโดนแกล้งบ่อยๆ (รู้สึกเหมือนตัวเองตอน ม.ต้น แต่ตอนนี้จากหน้ามือเป็นหลังตีu)
ไร้เดียงสามากมายนายตั้ม ฮ่าๆๆๆ

ชอบชัยอ่ะ จริงใจดี  ถึงแรกๆ จะเลวนิดๆ ก็เหอะๆ -*-  หลังๆ มากลุ้มตัวร้ายรู้สึกจะน่ารักกันทุกคน เหอะๆ

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
ปอสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :a2: :a2:



 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๒๗ ไขข้อข้องใจ(๑)

“เพื่อนๆในห้องนี้ดีกับตุ๊ดอย่างเรามากเลยนะ วินท์”

ผมหลุดปากพูดกับวินท์ไปในช่วงพักกลางวันวันหนึ่งในช่วงปลายภาคเรียน ในขณะที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เพราะผมรู้สึกว่าเพื่อนๆในห้อง ๖ เป็นมิตรกับผมมาก คำที่พวก ศักดิ์ เคยใช้เรียกผม ไม่ว่าจะเป็น อิกะเทย , อิตุ๊ด , อิดำ , ไอ้กระหร่อง , ไอ้แห้ง คำพวกนี้ไม่มีใครในห้องใช้กับผมเลยสักคน และไม่มีใครเลยที่เข้ามาแกล้งผมแบบที่พวกของ ศักดิ์ เคยทำ นอกจากการหยอกล้อกันเล็กๆน้อยๆ ตามภาษาเด็กนักเรียนมัธยมต้นทั่วๆไป พวกเพื่อนใหม่ที่ผมได้รู้จักในห้อง ๒ ก็เช่นเดียวกัน

“นายว่าอะไรนะ” วินท์ หยุดทำงานเงยหน้ามาฟังผมพูด
“เราว่า เพื่อนๆในห้องนี้ ดีกับเราจังเลย โดยเฉพาะพวกนาย ๓ คน” ผมหมายถึง เป็ด กับ เบ๊
“ไม่ดิ มีอีกคำนึง อะไร ตุ๊ดๆ” วินท์ ถามใหม่
“ก็เราไง เรามันตุ๊ด แต่พวกนายไม่มีใครรังเกียจเราเลย” ผมตอบไป
“ฮ่าๆๆ  นายน่ะเหรอตุ๊ด ฮ่าๆๆ” วินท์ หัวเราะร่วน
“เอ้า.....เลยหัวเราะเยาะเราใหญ่เลย” หน้าผมสลดลง
“ฮ่าๆๆ นายน่ะไม่ใช่ตุ๊ดหรอก นายมัน” วินท์หยุดพูดนิดหนึ่ง จ้องหน้าผม “ ผู้หญิง”
“เย้ย.....................หนักเข้าไปอีกนะนั่น” ผมหน้าเหว๋อ
“อ้าว ก็ตุ๊ดน่ะ เขาใช้เรียนผู้ชายที่มีท่าทางเป็นผู้หญิง นายมันผู้หญิงที่มีท่าทางเป็นผู้ชาย อ้อ...จริงดิ เรียกผู้หญิงไม่ได้ ต้องเรียก ทอม ฮ่าๆๆ”  วินท์ หัวเราะอีก สงสัยจะขำมาก ไม่รู้ว่าขำที่ตัวเองพูด หรือขำหน้าที่ยิ่งเหว๋อสนิทของผม
“ไม่เชื่อเหรอ งั้น” วินท์ หันไปทางกลุ่มเพื่อนที่คุยกันอยู่แถวกลางๆห้อง “เป็ด....เป็ด มานี่หน่อยดิ เบ๊ ด้วย”

ผม งง วินท์ เรียก เป็ด กับ เบ๊ มาทำไม หรือว่า................
“มีไร” เป็ด ถาม
“ตั้ม มันบอกว่ามันเป็นตุ๊ด” วินท์ บอก พอได้ฟัง เป็ด กับ เบ๊ หันไปมองหน้ากัน
“กร๊ากกกกกกกกกกกก”
“ฮ่าๆๆ...........................”  ทั้ง เป็ด ทั้ง เบ๊ ประสานเสียงหัวเราะกันลั่น ทำให้หลายๆคนในห้องหันมามอง
“มีอะไรน่าสนุกวะ หัวเราะกันใหญ่ เล่าให้พวกกูฟังมั่งดิ” เสียง โจ้ ตะโกนถามมาจากกลุ่มที่คุยกันอยู่แถวๆกลางห้อง
“ไม่มีอะไร มึงคุยเรี่องลามกของพวกมึงกันต่อเหอะ พวกกูจะถกปัญหาธรรม” เป็ด หันไปตะโกนตอบ แล้วหันกลับมาถามผม ตอนนี้ เป็ด กับ เบ๊ ลงไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง ทุกคนหันหน้ามาทางผม ( คงจำกันได้นะครับ โต๊ะของ วินท์ อยู่ติดหน้าต่างแถวหลังสุดของห้อง ถัดมาเป็นผม ถัดไปข้างหน้าเป็นโต๊ะของ เป็ด กับ เบ๊ )
“มึงไปเอาความคิดนี้มาจากไหนวะ ไอ้ตั้ม” เป็ด เริ่มถามผม
“ก็.....ก็......ผมอ้ำอึ้ง ก้มหน้างุดเลยครับ อายครับอาย ไม่คิดว่า วินท์ จะเรียกพวกนี้เข้ามาคุยเรื่องนี้
“เฮ๊ย.....ริจะเป็นตุ๊ด เขาต้องไม่ขี้อายแบบนี้สิวะ ต้องด้านๆแบบไอ้นี่” เบ๊ พูดแล้วชี้หน้าไปที่ เป็ด .... พอสนิทกันมากขึ้น ความสุภาพของ เบ๊ เริ่มลดลง ไม่เหมือนตอนรู้จักกันวันแรก มี ครับ ทุกประโยค
“พูดยังกับมึงหน้าบางนักนี่ ไอ้หน้าม้า” เป็ด ตบกระบาล เบ๊ ไป ๑ ที

ผมก็เลยเล่าให้พวกนี้ฟังไปว่าตอนที่ผมอยู่ชั้น ม.๑-ม.๒ โดนพวกศักดิ์แกล้งเอาบ่อยๆอย่างไรบ้าง แต่ผมไม่ได้เอ่ยชื่อใครหรอกครับ บอกว่า เพื่อนๆหลายๆคนบ้าง เพื่อนบางคนบ้าง แล้วก็ยังมีที่โดนเรียกว่า อิกะเทย , อิตุ๊ด , อิดำ , ไอ้กระหร่อง , ไอ้แห้ง ,ไอ้เน่า แล้วยังโดนว่าว่าหน้าตาน่าเกลียด อัปลักษณ์แล้วยังเป็นตุ๊ดอีก

เป็ด กับ เบ๊ หันมองหน้ากัน แล้วพากันมองวินท์
“พวกนายพูดแล้วกัน เรื่องอย่างนี้เราพูดไม่เก่ง” วินท์ ยกให้เป็นหน้าที่ของ เป็ด กับ เบ๊
“ดำอะไรวะ นายน่ะยังขาวกว่า ไอ้เป็ด มันตั้งเยอะไอ้นี่สิถึงจะเรียกว่าดำของแท้ ”
......ผั๊วะ....เบ๊ โดนไปอีกฝ่ามือนึง
“เริ่มก็โยนกูเลยนะมึง ไอ้นี่” เป็ด พูดกับ เบ๊ แล้วหันหน้ามาทางผม
“เอ็งนะจะขาวแบบพวกนี้มันได้ไงวะ พวกนี้มันคนจีน ส่วนเอ็งมันอิสลาม” เป็ด ว่า
“อะ....เดี๋ยวก่อน เป็ด เราคนไทยนะ ไม่ใช่อิสลาม” หน้าผมเหว๋ออีกรอบ “ไทยแท้ด้วย ไม่มีสารเจือปน” ผมย้ำ
“อ้าว ไทยแท้หรอกเหรอวะ นี่คิดว่านายเป็นอิสลามมาตลอดเลยนะเนี่ย เห็นชอบไปซื้ออาหารร้านอิสลาม มิน่า ยังสงสัยอยู่ทำไมกินหมู ฮ่าๆๆ “ เบ๊ หัวเราะใหญ่ ....ผมชอบทานอาหารที่เข้าเครื่องเทศแบบอิสลามครับ ก๋วยเตี๋ยวแขก( ก๋วยเตี๋ยวแกง)  บายเยีย สลัดแขก มัสมั่น เป็นอาหารจานโปรดของผม
“ตั้ม มีหลายคนนะ คิดว่านายเป็นอิสลาม ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวเราเรียกมาถาม” วินท์ ทำท่าจะเรียกคนอื่นมาอีก
“เฮ๊ย...อย่านะ วินท์” ผมรีบห้ามก่อนที่เรื่องของผมจะกลายเป็นปัญหาระดับห้อง
“เอาเป็นว่า นายน่ะจัดว่าขาวแล้วกันถ้าเป็นคนไทย เอาแขนมานี่จะให้ดูอะไร” เบ๊ ว่าแล้วยื่นมือมาจับแขนที่ผมยื่นให้พลิกทาง ท้องแขนขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วเอาแขนของตัวเองมาวางคู่กัน โดยที่พลิกด้านท้องแขนขึ้นมาเหมือนกัน
“เห็นป่ะ ตั้ม” ผมมองตามไปที่แขนทั้งสองข้าง “แขนเราน่ะมันออกสีเหลืองๆ เพราะเรามันคนจีน แต่แขนนายน่ะ มันออกสีชมพู แล้วยังใสขนาดนี้อีก แบบนี้ยังว่าดำอีกเหรอ”
“เป็ด เอ็งเอาแขนเอ็งมา” เบ๊ หันไปบอกเป็ด เมื่อเห็นสีหน้าที่เหมือนไม่เชื่อของผม แล้วเอาแขนของตัวเองออกไป จับแขน เป็ด มาวางเทียบกับแขนผม
“เห็นป่ะ ต้องอย่างไอ้เป็ด ถึงจะเรียกว่าดำขนานแท้ ฮ่าๆๆ”

เบ๊ หัวเราะ ในขณะที่ผมมองท้องแขนของเป็ด ซึ่งมีสีตัดกันกับแขนของผมอย่างชัดเจนด้วยใบหน้าที่ยังคงความสงสัยอยู่

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2008 08:33:44 โดย บุหรง »

nithiwz

  • บุคคลทั่วไป
 :o8: กำลังน่ารักเชียวคับ  ต่อครับต่อ
ตั้มชักจะน่ารักเกินไปแล้วนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๒๘ ไขข้อข้องใจ(๒)

เบ๊ เอื้อมมือมาเชยคาง ตั้ม ให้เงยขึ้นเล็กน้อย จับให้พลิกไปทางซ้ายที ขวาที พลางพิจารณาดู คิ้วที่เรียวโค้งจากหัวตาไปจรดหางตา ขนคิ้วบางเบา แต่ก็ดูดำขลับเป็นระเบียบ ดวงตากลมโต เปลือกตา ๒ ชั้น กับขนตาดำขลับเป็นแผง ยิ่งทำให้ดวงตาภายใต้กรอบแว่นทรงกลมนั้น ดูอ่อนหวานมากขึ้น ปากนิดจมูกหน่อย รับไปกับใบหน้ารูปไข่ จะว่าหล่อก็ไม่ใช่ สวยเหรอ...ยิ่งไม่ใช่เลย หน้า ตั้ม คงต้องใช้คำว่า มีเอกลักษณ์พิเศษ คงจะได้

“ตั้ม หน้าตาเอ็งน่ะนะ มันเด่นแบบแปลกๆ เอาเป็นว่า ถ้าอยู่ในกลุ่มคนเนี่ย คนเค้าจะมองเอ็งก่อนเลย” เบ๊ พูดแล้วก็ปล่อยมือออกจากคาง ตั้ม  “แล้วถ้าหน้าตาแบบเอ็งนี่เรียกว่าน่าเกลียดนะ หน้าอย่างไอ้เป็ดนี่ก็นรกขุมที่ ๑๘ แล้ว ฮ่าๆๆ” เบ๊ หัวเราะพลางพยักพเยิดไปทาง เป็ด พลางเอี้ยวตัวหลบมือของ เป็ด ที่ตวัดมา
“คราวนี้ไม่ได้แอ้มหรอกเว๊ย ฮ่าๆๆ” เบ๊หันไปยักคิ้วให้ เป็ด แล้วหันกลับมาทาง ตั้ม
“ตั้ม ถามหน่อย เอาไรทาคิ้วไว้ป่ะ” เบ๊ถาม
“เมื่อก่อนป้าให้ทาสีผึ้ง เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ทาแล้ว ไมเหรอ” ตั้มตอบ แล้วถามกลับ
“เปล่า ไม่มีไร” ถึง เบ๊ จะตอบไปอย่างนั้น แต่ก็นึกในใจว่า มิน่าเล่า คิ้วของ ตั้ม ถึงดูสวยแปลกๆ
“อย่าบอกนะว่าทาขมิ้นที่ตัวด้วย” จู่ๆ วินท์ ก็ถามขึ้นมา หลังจากที่เงียบฟังอยู่นาน
“อื้อ ตอนเด็กๆนะ ทำไม วินท์ รู้ล่ะ” ตั้ม หันไปทาง วินท์
“เราเดาเอา” วินท์ ตอบยิ้มๆ
“แล้วตอนนี้เอาอะไรทาตัวแทนขมิ้นวะ” เป็ด ถามบ้าง
“แป้งร่ำ อะ ผสมน้ำอบไทย ทาตัวหลังอาบน้ำทุกวัน”  ตั้ม ตอบ ....นี่เอง กลิ่นหอมจางๆเย็นๆที่มาจากตัว ตั้ม แต่แป้งร่ำกับน้ำอบไทย ที่เขารู้จัก มันไม่ใช่กลิ่นแบบนี้ นี่นา...เป็ด คิดแล้วก็ถามออกไปอีก
“แล้วทำไมกลิ่นมันแปลกๆวะ ที่บ้านเราใช้ไม่เห็นกลิ่นแบบนี้เลย”
“อ๋อ ป้าเราทำเองอะ ผสมเกษรดอกไม้ น้ำปรุง แล้วก็อะไรอีกไม่รู้ เอามาให้ที่บ้านใช้ทุกเดือนเลย ป้าเราเคยอยู่ในวัง กลิ่นก็เลยแปลกๆกว่าที่ใช้กันทั่วไป เราใช้จนคุ้นแล้ว เลยไม่ค่อยรู้สึก จะเลิกใช้ก็โดนดุเอา คงเหม็นน่าดูเลยช่ายเปล่า” หน้า ตั้ม สลดลงไปอีกครั้ง
“เหม็นอะไรกัน หอมๆดีออก แต่ว่าไปกลิ่นมันก็แปลกดีนะ แต่รับรอง ไม่เหม็นหรอก  ถ้าเหม็นนะ พวกเราไม่เข้าใกล้แล้ว” วินท์ พูดแล้วหัวเราะเบาๆ เพราะหน้า ตั้ม เหมือนยิ่งแสดงความงุนงงมากขึ้นกว่าเดิม

“บ้าน ตั้ม นี่ไทยน่าดูเลยนะ สงสัยถือโชค-ลาง ด้วยละสิ” วินท์ ถามอีก
“อืม....” ตั้ม ทำท่านึก “มังอะ เรายังโดนจับไปเป่ากระหม่อมตั้งหลายที แม่ว่าจะได้หายดื้อ หายซน เลี้ยงง่ายๆ แล้วไรอีกจำไม่ได้และ เราไม่ค่อยชอบเลย บางทีโดนเอาไม้เคาะกะโหลกเราด้วย เจ็บจะตาย” หน้า ตั้ม มุ่ยลง สงสัยจะไม่ชอบเอาจริงๆ
“แล้วนายคิดว่าตัวเองเป็นไง” เบ๊ ถามมั่ง
“ก็คงอย่างที่ผู้ใหญ่เค้าว่ามัง ที่บ้านยังชอบพูดบ่อยๆเลยว่า พ่อก็หล่อ แม่ก็สวย พี่ๆก็หน้าตาดีๆกัน ทำไมไอ้คนเล็กอย่างเราถึงได้น่าเกลียดขนาดนี้” .....ตอนนี้ นอกจากหน้ามุ่ยแล้ว ยังทำตาเศร้าอีก ยังกะลูกหมาหงอยเลยนะเอ็ง....เป็ด คิดในใจ
“เราว่านายคิดมากไปแล้วมัง ตั้ม “ เป็ด พูดบ้าง “คนไทยก็งี้แหละ มีลูกต้องว่าไว้ก่อนว่าน่าเกลียด”
“ทำไมล่ะ” ตั้ม สงสัย
“ผีจะได้ไม่มาลักไง เค้าเชื่อกัน ยิ่งบ้านนายไทยซะขนาดนี้ เราว่าแหงเลยหว่ะ”
“นั่นมันต้องเด็กเล็ก หรือ เด็กแรกเกิดไม่ใช่เหรอ” ตั้ม ยังสงสัยไม่หาย
“ก็นายมันยังเด็กนี่หว่า ฮ่าๆๆ ” เบ๊ พูดแล้วหัวเราะลั่น “เค้าก็เลยยังกลัวอยู่ไง เดี๋ยวใครมา ร๊ากกกก เอ๊ย มาลัก ฮ่าๆๆๆ”
“แล้วนายเลิกกังวลเรื่องตุ๊ดอะไรนั่นด้วย เพราะนายน่ะ แค่บอบบาง แล้วก็อ่อนโยนกว่าปรกติเท่านั้นแหละ” วิทน์ พูด
“เออ ใช่ๆ ไอ้วินท์ มันพูดเข้าท่าหว่ะ ตั้ม มันบอบบาง แล้วก็อ่อนโยน สมเป็นผู้หญิงออก ตุ๊ดเติ๊ดอะไรที่ไหนกัน มันผู้หญิงตะหาก ฮ่าๆๆ” เป็ด หัวเราะเสียงดังอีกคนแล้ว
“เห็นมั๊ย ตั้ม เราบอกแล้ว ไม่มีใครเห็นว่า ตั้ม เป็นตุ๊ดหรอก” วินท์ หันไปยิ้มให้ เป็ด กับ เบ๊
“แต่เราไม่เห็นด้วยกับพวกนายหว่ะ” เบ๊ ขัด ทุกคนหันมามองหน้า เบ๊ รอฟังว่า เบ๊ จะพูดอะไรต่อ “เพราะ ไอ้ตั้ม มันเป็นทอมต่างหากเว๊ย ฮ่าๆๆ” เลยประสานเสียงหัวเราะกันใหญ่เลยที่นี้ ตั้ม รู้สึกร้อนๆที่หน้าพลางคิดว่าตอนนี้ตัวเองคงหน้าแดงไปหมดแล้ว งง ก็ งง , อาย ก็ อาย

“เฮ๊ย พวกเอ็งคุยไรกันวะ หัวเราะกันใหญ่ ท่าทางสนุกนะเอ็ง เล่าให้พวกกูฟังมั่ง” พวกโจ้ เริ่มเดินมาหาพวกเราที่โต๊ะ

ออดดดดดดดดดดดดดดด.................................
เหมือนเสียงระฆังช่วยชีวิต ...ตั้มคิด

“ครูมาแล้วโว๊ย นั่งที่กันเร็วพวกเอ็ง” เสียงดังมาจากทางหน้าห้อง ความวุ่นวายเมื่อช่วงพักกลางวัน เริ่มคืนสู่ความสงบ

“นักเรียนเคารพ”
“สวัสดีครับคุณครู”
“สวัสดีนักเรียน วันนี้พวกเราจะมาเรียนกันต่อจากคาบที่แล้ว..........................”
.................................................................................
....................................................
.................................


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2008 08:36:46 โดย บุหรง »

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
เราไปหลงอยู่ไหนมาเนี่ย  ถึงไม่ได้อ่านเรื่องนี้

อ่านแล้วสุดยอดมากเลยอะครับ  ขอชมจากใจเลย

บรรยายเนื้อหาได้ลึกซึ้งดีอะ  แสดงความรู้สึกของตัวละครก็ดี

ชอบมากเลยอะครับ

จะติดตามผลงานต่อไปนะคร้าบบบบ

 :o8:

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๒๙ เข้าค่ายก่อนเปิดเทอม

วันสุดท้ายของการสอบไล่ในภาคเรียนที่สองก็ผ่านพ้นไป ทิ้งความรู้สึกหลากหลายไว้ในใจผม ความเสียใจนั้นมีอยู่บ้าง จากการที่เพื่อนๆหลายๆคนไปสอบเข้าเรียนในสถาบันอื่น แต่ผมเองก็อยากให้เพื่อนๆสอบได้ในสถาบันเหล่านั้นเช่นกัน

วินท์ ,เบ๊ สอบเข้า เพาะช่าง ได้อย่างที่ตั้งใจ
ราญ , กร สอบเข้าเตรียมอุดม ได้เหมือนที่หวัง
ตุ่ม , เป็ด เรียนสายศิลป์-สังคม
ต่อ เรียนสายศิลป์-ฝรั่งเศส
เต่า , จก เรียนสายวิทย์ ๑
เพื่อนๆส่วนใหญ่ในห้อง ๖ ก็กระจัดกระจายไปอยู่ตามสายวิชาต่างๆ ส่วนตัวผมน่ะเหรอ แน่นอนอยู่แล้วครับ ศิลป์-คำนวณ

ก่อนที่โรงเรียนจะเปิดเทอมประมาณ ๑ สัปดาห์ ทางโรงเรียนจัดให้มีการเข้าค่ายลูกเสือวิสามัญ ของนักเรียนที่จะเข้าเรียนชั้น ม.๔ เป็นเวลา ๓ วัน ๒ คืน เพื่อให้นักเรียนได้รู้จักและทำความคุ้นเคยกันก่อนเปิดภาคเรียน ซึ่งมีทั้งนักเรียนที่มาจากชั้น ม.๓ เดิม และนักเรียนที่สอบเข้ามาใหม่ วันแรกของการเข้าค่าย ก่อนเวลาที่ทางโรงเรียนนัดไว้ตอนบ่ายสามโมง ผมมาถึงโรงเรียนก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง มองไปมีแต่คนแต่งชุดลูกเสือ ใส่หมวกสีขียวๆ ดูแล้วคล้ายๆกันไปหมด ผมสอดส่ายสายตามองหาเพื่อนๆ แต่อย่างว่าครับ มองหาไปอย่างนั้นแหละ ก็สายตาผมออกจะดีปานนั้น......... T-T

“ตั้ม อ้ายม๋าตั้ม ทางนี้โว๊ย” มีเสียงเรียกมา พอผมมองไปตามเสียงเรียกก็มองเห็นว่ามีคนกวักมือเรียกอยู่ พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ถึงได้เห็นว่าเป็นชัย นั่นเอง ข้างๆมี ตุ่ม กับ เต่า ยืนอมยิ้มอยู่ ส่วนข้างหลังชัยมีใครอยู่อีกคนหนึ่งผมมองไม่ถนัด
“ชะเง้อหาใครอยู่วะ มองเห็นเหรอว่าใครเป็นใคร” ตุ่ม ถามปนหัวเราะ
“ไม่เห็นหรอก ทำท่าไปงั้นแหละ เผื่อมีใครสังเกตุจะได้เรียกไง อิ อิ” ผมยิ้มกว้างตอบไป ไม่ทันสังเกตว่าคนข้างหลังชัยเดินมาอยู่ทางด้านขวาของผม
“หง่ะ” ผมสะดุ้งเล็กน้อย เพราะมีคนมาจับมือผมไปบีบเบาๆ ผมหันไปมองก็เจอกับหน้ายิ้มๆของ ปอ
“ไง ไม่เจอกันนานนะ” ปอ ยักคิ้วให้ผม ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร เต่าก็พูดขึ้นมา
“อยู่ตรงนี้แหละ ตั้ม เดี๋ยวครูเรียกให้ไปตามกองร้อย แล้วค่อยแยกกัน”
“งั้น  เดี๋ยวเราไปดูที่บอร์ดก่อนนะ ว่าเราอยู่กองร้อยไหน หมู่อะไร” ผม ทำท่าจะวิ่งไปที่บอร์ดที่อยู่ไม่ไกลนัก
“ไม่ต้องไป นายอยู่กองร้อย ๘ หมู่๘” ปอ ว่า ผมจึงหันไปมอง ปอ ด้วยความสงสัย ยังไม่ทันที่จะถามอะไร ปอ ก็พูดต่อ “เราอยู่กองร้ายเดียวกับนาย แต่หมู่ ๑ ชัย กับ เต่า อยู่กองร้อย ๒ ตุ่ม มันอยู่ กองร้อย ๙” ปอ แจกแจง
“อ้าว อย่างนั้น ปอ ก็อยู่ห้องเดียวกับเราน่ะสิ” ผม ประหลาดใจ เพราะคิดว่า ปอ คงจะอยู่ห้องเดียวกับ ตุ่ม
“ช่าย ดีใจมะ ไอ้ลูกหมา ฮ่าๆๆ” ปอ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“อื้อ ก็ดีนะ ได้อยู่ห้องเดียวกันอีกแล้ว” ผมยิ้ม “ไม่เสียแรงนิ ที่ ปอ ขยันเรียนขึ้นตั้งเยอะ”
“มึงรู้ด้วยเหรอ ว่ากูขยันเรียนขึ้นน่ะ มึงสนใจเรื่องของกูด้วยเหรอวะ” ปอ ถามด้วยความกระตือรือร้น
“อ้าว ก็เพื่อนกันนี่นา เพื่อนก็ต้องสนใจเรื่องของเพื่อนสิ ปอ ยังสนใจเลยว่าพวกเราอยู่ห้องไหนกันบ้าง จริงมะอะ” ผมยิ้มกว้าง
......เห็นมันยิ้มไปทั้งหน้า ทั้งดวงตาแบบนี้ จะบอกมันยังไงดีวะ ราญ มันก็พูดถูก ตั้ม มันไม่เกลียดกูเลยสักนิด ไม่งั้น มันจะยิ้มให้กูแบบนี้เหรอวะ เอาวะ เท่าที่เป็นตอนนี้กูก็น่าจะดีใจแล้ว.....ปอ คิดแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความอ่อนโยน

“เฮ้ย ไอ้ปลากัดสองตัวนี่ จะจ้องตากันไปอีกนานมั๊ยวะ” ชัย พูด แล้วก็หัวเราะด้วยความเอ็นดู พลางชวนกันคุยเรื่องสัพเพเหระกันไป จนกระทั่งได้ยินเสียงประกาศให้นักเรียนไปรวมตัวกันยังกองร้อยของตัวเอง ตามที่ทางโรงเรียนได้ประกาศไว้ที่บอร์ด
“ป่ะ ตั้ม ทางนี้”
ปอ จูงมือผม ค่อยๆเดินไปยังกองร้อยที่ ๘ ผมเองก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าตั้งแต่ ปอ เข้ามาจับมือผมตอนที่เจอกัน จนถึงตอนนี้ ปอ ก็ยังไม่ได้ปล่อยมือออกจากมือผมเลย พอไปถึงกองร้อย เราก็แยกกันไปยืนในแถวของหมู่ของตัวเอง ผมอยู่หมู่ ๘ ส่วน ปอ อยู่หมู่ ๒

“นี่ๆ นายชื่อ ตั้ม ช่ายมะ” มีเสียงถามเบาๆมาจากคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผม
“อื้อ” ผมตอบทั้งๆที่ไม่ได้หันหน้ากลับไป
“เราชื่อ นึก นะ มาจากห้อง ๓/๕ ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันต่อ ครูมาแล้ว”
พอเสียงคนชื่อ นึก พูดจบ ก็มีครูเข้ามาตรวจแถวในกองร้อย มีกิจกรรมให้ทำกันเล็กน้อยจนถึงเวลาประมาณสี่โมงครึ่ง ครูก็สั่งให้แยกย้ายไปยังห้องพักที่ทางโรงเรียนจัดไว้ เพื่อเก็บของให้เรียบร้อย และให้นักเรียนตรียมตัวอาบน้ำ พักผ่อนกันสักครู่ก่อนที่จะรับประทานอาหารเย็นในเวลาหกโมงเย็น

ที่พักที่ทางโรงเรียนจัดไว้ ก็คือห้องเรียนปรกติที่นำเอาโต๊ะและเก้าอี้ออก เหลือโต๊ะไว้บางส่วนกั้นกลางห้อง แบ่งห้องออกเป็นสองส่วน และมีโต๊ะเรียงไว้ที่มุมห้องอีกด้านละประมาณ ๘-๙ ตัว ในหนึ่งห้องจะพักกัน ๒ หมู่ นับว่าไม่กว้างนัก

“ตั้ม เอาของมาวางไว้กับเราตรงโต๊ะนี่สิ” นึกเรียก ผมก็เลยเอากระเป๋าสัมภารก เอ๊ย สัมภาระ ไปวางไว้กับกระเป๋าของ นึก  คิดว่าเดี๋ยวจะดูให้เต็มตาสักหน่อย ว่าคนที่ชื่อ นึก นี่หน้าตาเป็นอย่างไร ตอนแรกผมรู้แต่ว่า นึก ตัวสูงกว่าผมเท่านั้น เทียบแล้วผมสูงประมาณติ่งหู นึก เท่านั้นเอง พอผมเงยหน้ามองเท่านั้นแหละครับ รู้สึกเหมือนตัวเองหน้าแดงขึ้นมาทันที ความรู้สึกแรกก็คือ ทำไมคนตรงหน้าถึงได้น่ารักขนาดนี้ ผิวขาวอย่างลูกคนจีน หน้าเนียนใส คิ้วหนาเข้ม ตากลมโตใต้กรอบแว่นเหลี่ยมๆดูแวววับ ปากแดงแจ๊ด แก้มมีลักยิ้มอยู่ทั้งสองข้างแก้ม กำลังยิ้มให้ผมอยู่
“เป็นไง เราหล่อจนตะลึงเลยเหรอ” นึก พูดยิ้มๆ
“อะ......อื้อ.......คงงั้นอะ ขอโทษนะ” ผม อ้อมแอ้มตอบไป แล้วก้มหน้าลง เพราะรู้สึกเขินกับรอยยิ้มของนึก
“ตั้ม เองก็น่ารักนะ หน้าแดงอย่างนี้ยิ่งน่ารัก” นึก พูดพลางเอามือมาแตะแก้มผมเบาๆ ทำเอาหัวใจผมเต้นแรง
“เอ้า จัดของกันก่อน ช่วยๆกันหน่อย เดี๋ยวจะได้ไปอาบน้ำกัน”
เสียงหัวหน้าหมู่ดังมา พวกเราจึงแยกย้ายกันเอาของใช้ออกจากกระเป๋ามาจัดเรียงไว้ พร้อมกับ ทักทายและแนะนำตัวกันไปด้วย ส่วนใหญ่ก็พอจะรู้จักกันมาก่อนบ้างแล้ว มีบางคนเคยอยู่ห้องเดียวกับผมตอน ม.๑-ม.๒ บางคนก็มาจากห้อง ๓/๒ มีส่วนน้อยที่สอบเข้ามาใหม่ จากนั้นก็พากันไปอาบน้ำ นั่งพักกันสักครู่ ก็มีประกาศให้ไปทานอาหารกันที่โรงอาหาร

หลังจากที่ทานอาหารมื้อเย็นกันเรียบร้อยแล้ว ก็มีกิจกรรมทำกันเล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นการบรรยายเรื่องต่างๆจากวิทยากรที่ทางโรงเรียนเชิญมา จนถึงเวลาประมาณสามทุ่ม จึงได้แยกย้ายกันไปนอน

“ตั้มๆ มานอนกับเราตรงนี้มา” นึก พูดพลางตบไปที่พื้นโต๊ะข้างๆ
“ม่ายอะ มันสูง เรากลัวตก” ผมกลัวจริงๆครับ เพราะผมคิดว่าโต๊ะเรียน ๙ ตัวที่นำมาต่อเรียงกัน ไม่น่าจะกว้างพอที่จะให้คน ๒ คนขึ้นไปนอนได้อย่างปลอดภัย ผมว่ามันคงอึดอัดน่าดูถ้าต้องนอนเบียดกัน นอนบนพื้นกว้างๆมีที่ให้กลิ้งไปกลิ้งมาได้ น่าจะสบายกว่า
“ไม่ตกหรอก มาเหอะ เดี๋ยวเรากอดไว้เอง เดี๋ยวดึกๆอากาศเย็นด้วย นอนกอดกันไว้จะได้อุ่นๆ” นึก พูดด้วยเสียงที่ไม่เบานัก ทำให้หลายๆคนหยุดคุยแล้วหันมามอง
“ม่าย~~~~~~~~~~~ เรากลัวความสูงอะ แล้วเราว่าเราคงไม่หนาวหรอก ชุดนอนเราอุ่นออก” ผมกางแขนออกทั้งๆที่นั่งอยู่ เหมือนจะแสดงให้ดูว่า ชุดนอนขายาวผ้าสำลี เนื้อผ้าสีฟ้าอ่อน มีลายตุ๊กตาหมีเล็กๆอยู่ทั่วตัว ของผมนั้นอบอุ่นพอ ถ้าอากาศเย็นจริงๆ “แล้วเรายังมีผ้าห่มอีกผืนนะ” ผมชูผ้าห่มลายสก๊อตสีแดงผืนบาง ให้ นึก ดู
“ชุดนอนเอ็งท่างทางอุ่นน่าดูหว่ะ ตั้ม เดี๋ยวดึกๆถ้ากูหนาวจะขอไปนอนกอดหน่อยนะเว๊ย” เสียงใครสักคนตะโกนข้ามฟากมาจากทางหมู่ ๗
“ไม่กลัวโดนตี๊บก็มาดิ” ผมตอบไป
“ตามจาย....เดี๋ยวดึกๆอย่ามาสะกิดเค้าแล้วกันนะ ฮ่าๆๆ” นึก พูดแล้วหัวเราะ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของเพื่อนๆอีกหลายคน

ตลอดเวลา ๓ วัน ๒ คืนที่เข้าค่าย กิจกรรมต่างๆทำให้พวกเราได้รู้จักกันมากขึ้น พอถึงวันสุดท้าย พวกเราก็แยกย้ายกันไป รอเวลาเปิดเทอมที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2008 21:11:20 โดย tumty »

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
 :m4:สองตอนเลยวุ๊ย
ตั้มน่ารักจัง ไอ้ลูกหมาน้อย :m1:

แล้วนึกนี่ยังัยหว่า.............อืม.....นึก....นึก.....นึกไม่ออก :laugh:

salapaw

  • บุคคลทั่วไป
 :m13: :m13: ขอโทษนะคะ  คือว่าไอ้กองร้อยกับหมู่ไมไม่เหมือนเดิมอ่ะ ตกลงอยู่หมู่ไหน อิ อิ 


ว่าแต่ นึกมันหล่อหหรือน่ารักหว่า

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
:m13: :m13: ขอโทษนะคะ  คือว่าไอ้กองร้อยกับหมู่ไมไม่เหมือนเดิมอ่ะ ตกลงอยู่หมู่ไหน อิ อิ 


ว่าแต่ นึกมันหล่อหหรือน่ารักหว่า
หง่ะ  :o
หมายถึงตอนที่ ปอ พูดครั้งแรก กับตอนที่ ปอ พาเดินไปกองร้อยใช่รึเปล่าอะ ถ้าใช่ก็แก้ไขเรียบร้อยแล้วครับ   :o11:
ขอบคุณมากครับที่ช่วยบอกข้อผิดพลาด   o1

ส่วน นึก ให้ลองคิดถึงหน้า มาริโอ แต่คิ้วหนากว่านิดหน่อย ประมาณนั้นอะครับ o3
สงสัยจะเรียกว่าหล่อ แต่ในเรื่อง ตั้ม ใช้คำว่า น่ารัก เพราะตั้ม กำลังประทับใจกับรอยยิ้มที่ นึก ยิ้มให้คำแรกที่คิดอยู่ในหัว ก็คือคำว่า น่ารัก น่ะครับ  o8

ส่วนที่ถามว่า ยังได้คุยกับเพื่อนกลุ่มนี้อยู่อีกหรือเปล่า เดี่ยวตอนท้ายๆเรื่องจะมีคำตอบครับ  :o8:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2008 22:40:06 โดย tumty »

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
:m4:สองตอนเลยวุ๊ย
ตั้มน่ารักจัง ไอ้ลูกหมาน้อย :m1:

แล้วนึกนี่ยังัยหว่า.............อืม.....นึก....นึก.....นึกไม่ออก :laugh:
เอ้อ...คือว่า....ตอนที่มีรีพลายนี้ ผมลงไป ๓ ตอนอะค๊าบ  :sad3:
ตอนไหนหายไปเนี่ยยยยยยยยย...... :confuse:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 :m20: :m20: ปอเจอคู่แข่งซะแระ  :m20: :m20:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ทำไมตั้มน่ารักอย่างนี้


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
 :m29:เออ จริงด้วย 3ตอนจริงด้วย อ่านเพลินลืมนับ :laugh: :laugh:


คอยตอนต่อไปค่ะ อิอิ

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
คือว่า พรุ่งนี้ผมมีงานเลิกดึกครับ แล้ววันนี้ก็ตรวจไปได้หลายตอนด้วย ก็เลยลงเยอะหน่อย เพราะเหมือนจะมีผู้อ่านกำลังสับสนว่า ตกลงตัวละครบางตัว เป็นอย่างไรกันแน่ เดี๋ยวจะค่อยๆเข้าใจเองครับ เพราะอย่างที่ผมบอกไว้ในบทนำ

...เรื่องราวบางอย่างอาจจะเข้าใจอย่างหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงมันเป็นอีกอย่างหนึ่ง

พรุ่งนี้คงจะหายไป ๑ วันนะครับ :sad2:

...................................................................

๓๐ เปิดเทอม

เปิดเทอมวันแรก ผมมาถึงโรงเรียนตั้งแต่ยังไม่ ๗ โมงเช้า ในห้องยังไม่มีใครมาเลย เพราะยังเช้าอยู่
...นั่งตรงไหนดี... ผมคิด แล้วก็ลองนั่งดูหลายๆมุม ในที่สุดก็ได้มุมที่คิดว่าเหมาะกับสายตาผมที่สุด ตรงกลางห้องค่อนมาทางซ้าย แถวที่ ๓ ต้องเลือกดีๆหน่อยแหละครับ เพราะต้องนั่งไปทั้งปีนี่นา กำลังวางเป้ลงบนเก้าอี้ ก็มีเสียงเรียกมาจากประตูด้านหน้าห้อง

“โห มาแต่เช้าเลย ตั้ม เราว่าเราน่าจะมาถึงเป็นคนแรกของห้องแล้วนะเนี่ย” นึก นั่นเอง พูดจบก็พุ่งตรงไปที่โต๊ะแถวหน้าสุด แถวเดียวกับผมแต่เยื้องไปทางขวา
 “นั่งหน้าสุดเลยเหรอ” ผมถามไป พลางคิดว่า ตัวก็สูงยังนั่งซะหน้าสุดอีก
“อือ เราชอบ มองกระดานชัดดี มานั่งด้วยกันสิ”
“ม่ายอะ เราว่าเรานั่งตรงนี้มุมดีแล้ว เราไม่ชอบนั่งแถวหน้าๆ”
ก่อนที่จะคุยอะไรกันต่อ ก็มีเพื่อนๆทยอยเข้าห้องมากันทีละคนสองคน ต่างก็เลือกที่นั่งของตัวเอง แล้วก็จับกลุ่มคุยกันเป็นกลุ่มๆ

“ไง จองที่ไว้ให้เราด้วยเหรอ ดีจัง” เสียงดังขึ้นมาข้างๆผม ปอ นั่นเอง พูดจบ ปอ ก็เอาเป้วางลงบนเก้าอี้ของโต๊ะตัวข้างๆผม แล้วก็นั่งลง
“........................” ผม งง เพราะคิดว่า ปอ คงจะไปนั่งกับเพื่อนคนอื่น ที่น่าจะสนิทกันมากกว่าผม
“จ้องหน้าพี่ทำไม ไอ้ลูกหมาน้อย วันนี้พี่หล่อมากเหรอ” ปอ พูดพลางยักคิ้วทำหน้าทะเล้นใส่ผม
“เปล่าอะ เรากำลังนึกว่านายอาบน้ำมารึเปล่า หัวเป็นกระเซิงมาเชียว เอิ๊กๆๆ” ผมแหย่ ปอ เล่น
“อ้าว อาบดิวะ แต่ไม่ได้เอาน้ำราดหัวเว๊ย ไม่เชื่อลองดมกลิ่นดิ “ ปอ พูดจบก็กางแขนออก เหมือนท้าให้ผมเข้าไปดมพิสูจน์กลิ่น
“แหวะ ม่ายอะ กลัวเป็นลม เอิ๊กๆๆ” ผม เลยยิ่งขำเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นท่าทางของ ปอ
“งั้น มาให้พี่พิสูจน์กลิ่นแทนแล้วกันว่าอาบน้ำมารึเปล่า” พูดจบ ปอ ก็เอาแขนมากอดผมไว้ด้วยความรวดเร็ว  แล้วหอมแก้มผมไปทีนึง
“ชื่นใจหว่ะ” ปอ พูดยิ้มๆหลังจากที่ปล่อยแขนที่กอดผมไว้ออก
“...................” ผมเหว๋อเลยครับ ตกใจที่จู่ๆ ปอ มาทำแบบนี้ สายตาผมเหลือบไปเห็น นึก มองมาพอดี ยิ่งรู้สึกอายมากขึ้นกว่าเดิม รู้สึกว่าไม่อยากให้ นึก เห็นเลยที่ ปอ ทำกับผมแบบนี้.......ผมเป็นอะไรไปนี่ -*-
“ปอ เอ็งทำอะไรประเจิดประเจ้อไปรึเปล่าวะ” เชียร ตะโกนถามมา ......เชียร มาจากห้อง ๓/๒ จึงสนิทกับผมและ ปอ พอสมควร
“ประเจิดประเจ้ออะไรวะ กูก็ทำของกูแบบนี้มาตั้งนานแล้ว จริงป่ะ ไอ้ลูกหมา” ปอ หันไปตอบ ประโยคสุดท้าย ปอ หันมาพูดกับผม
“อ้าว แล้วนี่จะไปไหน” ปอ คว้ามือผมไว้ เมื่อผมลุกขึ้นทำท่าจะวิ่งออกไป
“ไปกินข้าว หิวแล้ว” ผมตอบไป ทั้งที่หน้ายังแดง
“เออ แล้วรีบมานะ” ปอ ปล่อยมือจากผมแล้วก็หันไปคุยกับ เชียร ต่อ
ตอนนั้นผมก็รีบออกจากห้อง มีเพื่อนๆตามมาด้วย ๓-๔ คน ตรงไปยังโรงอาหารที่อยู่ใกล้ๆเพื่อทานอาหารเช้ากัน
..........................................................
..............................................

...หนอย ไอ้พวกเด็กใหม่ ล้อมหน้าล้อมหลัง ไอ้ตั้ม กันใหญ่เลยนะ มึงก็อีกคนยิ้มให้พวกมันทำไมวะ  คุยกันหน้าระรื่นเชียวนะ ไม่สนใจกูเลย... ปอยิ่งคิดยิ่งรู้สึกโมโห
“ตั้ม เอาหนังสือวิชาร้อยกรองที่เรียนก่อนพักเที่ยงมาลอกหน่อยดิ๊ เราจดไม่ทัน” ปอ พูดพลางสะกิดไหล่ ตั้ม
“อื้อ แป๊บนะ” ตั้ม หันมาหยิบหนังสือส่งให้ปอ ทำท่าจะหันกลับไปคุยกับเพื่อนๆต่อ
“มาอ่านให้ฟังด้วย ลายมือเอ็งอ่านยากฉิบ” ปอ พูดดังๆ
“อื้อ ได้สิ ตรงไหนมั่งอะ” ตั้ม ยื่นหน้ามาที่หนังสือที่ ปอ กางไว้ให้ แล้วก็เริ่มอ่านให้ฟังตรงที่ ปอ ชี้ให้บอก
...ฮ่าๆๆ สำเร็จเว๊ย ดูดิ มันตั้งใจอ่านใหญ่เลย มันไม่เกลียดกูชัวร์ๆ... ปอ คิดแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ปอ เป็นอะไรรึเปล่า เราพูดเร็วไปจนจดไม่ทันเหรอ” ตั้ม ทักขึ้นเพราะเห็น ปอ เอาแต่ยิ้มไม่ยอมจดตามที่ตนบอก
“ไหนๆ กูฟังไม่ทันหว่ะ มึงพูดช้าๆ” ปอ รู้สึกตัวพลอยผสมโรงไปด้วย

“ทำไร ตั้ม” นึกเดินเข้ามากอดคอ ตั้ม ไว้ แล้วถามออกไป พลางเอาหน้าเข้ามาชิด จนแก้มเกือบชนกับแก้มของ ตั้ม
“ปอ จดไม่ทันน่ะ เราเลยอ่านให้ ปอ จดตาม” ตั้ม บอกไปเบาๆ พลางหน้าเริ่มแดงขึ้น
“ก็ให้ ปอ ลอกไปดิ แล้ว  ตั้ม ไปคุยกับพวกเราทางโน้นดีกว่า” นึก พูดเบาๆข้างๆหู ตั้ม ....หน้าแดงใหญ่เลย น่ารักจังหว่ะ... นึกคิด
“เอ็งยุ่งอะไรวะ ให้ ตั้ม มันบอกกูจดแบบนี้ดีแล้ว” ปอ ฉุน
“เราบอกจดแบบนี้เร็วกว่ามังอะ นึก เมื่อก่อนเราจดงานไม่ทัน เพื่อนก็มาบอกเราจดแบบนี้แหละ เร็วกว่าลอกเองเยอะนะ แบบนี้จะได้เสร็จเร็วๆ เดี๋ยวเสร็จแล้วเราไปคุยด้วยนะ” ตั้ม ตอบไปเสียงเบาๆ ไม่กล้าหันหน้าไปหา นึก เพราะแค่นี้หน้าก็เกือบจะชิดกันอยู่แล้ว
“งั้นตามใจแล้วกัน เร็วๆนะ เราไปหาพวกนั้นก่อน”
นึก พูดจบก็ปล่อยมือที่โอบคอ ตั้ม อยู่ แล้วเดินไปยังกลุ่มเพื่อน ๔-๕ คนทางหน้าห้อง ส่วนพวก ๓ คนที่คุยกับ ตั้ม อยู่ก่อนหน้านั้น ก็ไปคุยกับเพื่อนอีกกลุ่มทางหลังห้อง

... เออ ต้องแบบนี้ซิวะ ตั้ม มันต้องอยู่กับกูซิ ถึงจะถูก พวกเอ็งอย่าหวังเลย แต่ไหง ตั้ม มันหน้าแดงแบบนั้นวะ ท่าทางก็แปลกๆไป มันเป็นอะไรของมันวะ.. ปอ สงสัยในท่าทางของ ตั้ม ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน กับเพื่อนๆ ตั้ม ไม่เคยหน้าแดงและมีท่าทางเขินอายขนาดนี้...เฮ้ย ไม่จริงน่ะ หรือว่า .... ปอ คิดถึงเรื่องบางอย่างที่เขาไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้

...ไม่นะเว๊ย กูไม่ยอม มึงต้องชอบกูสิวะ มึงจะไปชอบคนที่มึงเพิ่งจะรู้จักไม่กี่วันได้ยังไง กูไม่ยอมเว๊ยยยยยยย.........

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
 :serius2:มือที่สามโผล่มาแล้ว
แต่....ดูเหมือนจะน่ารักกว่าปอนะอิอิ



เฮ้อ!ไม่ได้อ่านวันพรุ่งนี้เหรอเนี่ย...

ไมเป็นไร...รอได้...

เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมนะคะ o13 o13

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
 :m29:ปอมีคู่แข่งแล้ว ทำไงดี :serius2:



 :L2: :L1: :L2:

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
อ้าว  แล้วทีนี้ปอจะทำยังไงละเนี่ย

 :o

salapaw

  • บุคคลทั่วไป
 :m4: :เฮ้อ:  เจอกันพรุ่งนี้นะคะ

ว่าแต่ อ่านไปอ่านมา   ประโยคสุดท้าย  ปอเหมือนตัวนี้เลย :serius2: 55

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๓๑ หลุดปาก

... หงุดหงิดอีกแล้วเว๊ย ไอ้นึก นี่มันอะไรกันวะ มาอี๋อ๋อกับ ไอ้ตั้ม อยู่เรื่อย วันนี้ก็มาดึงตัวไปกินข้าวกลางวันกับพวกมัน เดินกอดคอไอ้ตั้มไปตลอดทาง ป่านนี้ยังไม่กลับขึ้นมาอีกเว๊ย... ปอ นั่งคิดด้วยความโมโห

“ปอ ตั้ม ยังไม่ขึ้นมาอีกเหรอวะ” พล ถาม
“เออหว่ะ มันไปไหนของมันวะ ว่าแต่มึงถามทำไม” ปอ ถามกลับ
“ก็ว่าจะยืมหนังสือภาษาอังกฤษมันลอกหน่อย เมื่อเช้าจดไม่ทันหว่ะ”
“กูด้วย” นัส โผล่มาจากไหนไม่รู้ ...ไอ้นี่ชอบโผล่มาเงียบๆอยู่เรื่อยเว๊ย... ปอ นึก
“แล้วทำไมไม่ยืมคนอื่นวะ มารุมยืม ไอ้ตั้ม มันคนเดียว” ปอพูดฉุนๆ
“แล้วทีมึงล่ะ กูห็นยืมโน่นยืมนี่ ตั้ม มันตลอดนี่หว่า” พล ไม่ยอมแพ้
“ก็กูนั่งกับมัน ไม่ยืมมันแล้วจะให้ยืมใครล่ะวะ” ปอ เถียง
“กูนั่งหลังมัน ข้างๆก็ไอ้นี่” พล ชี้ไปที่ นัส “พวกกูจดไม่ทันกันทั้งคู่นี่หว่า” นัส พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย
“ไอ้เชียร ไอ้นึง แล้วก็ ไอ้ดม ที่นั่งรอบๆพวกมึงก็จดทันนี่ ไมไม่ไปยืมพวกมันวะ” ปอ ยังไม่ยอมแพ้
“ยืม ตั้ม ดีแล้ว” นัส พูดสั้นๆตามเคย
“กวนนี่หว่า ดียังไงวะ” ปอ กันมาทาง นัส
“ก็ไอ้พวกนั้นเห็นมันคุยอยู่แต่กับกลุ่มพวกเรียนเก่งของพวกมัน ไม่เห็นค่อยยอมคุยกับพวกกูเท่าไหร่ กูเลยไม่อยากยุ่ง ยืม ตั้ม มันสบายใจกว่า” พล บอก นัส พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยอีก
“ตั้ม มันดี กูชอบ” นัส พูดเสริม
“เฮ๊ย มึงชอบอะไร ไอ้ตั้ม วะ พูดมาชัดๆนะมึง”ปอ ทำเสียงดุๆ
“กูก็ชอบ” พล พูด ปอ หันมามองทำท่าตกใจ ยังไม่ทันพูดอะไร พล ก็พูดต่อ “กูชอบนิสัยมัน ทั้งที่มันเรียนเก่ง ไม่เห็นมันทำตัวแบ่งแยกเหมือนพวกนั้น ขนาดเพื่อนๆห้องสังคม มันยังคุยด้วยสนิทสนม มึงไม่ต้องหึงมากไปหรอก” พล ยิ้มกวนๆ
“เฮ้ย หึงอะไรวะ มึงเข้าใจผิดแล้ว” ปอ แก้ตัว
“อ้าว มึงไม่ได้ชอบกันอยู่กับ ตั้ม มันหรอกเหรอ กูเห็นทำท่าเป็นไม้กันหมามาตลอด ฮ่าๆๆๆ” พล พูดแล้วก็หัวเราะไม่เบาเลย

... เฮ๊ย มันรู้เหรอวะ รู้ได้ไง เอาไงดีวะกู... ปอ คิดอย่างวิตก

“งั้นขอนะ” นัส พูดขึ้นมาลอยๆ
“ขออะไรของมึงวะ” ปอ หันไปมอง นัส พลางขมวดคิ้วเป็นเชิงสงสัย
“ขอ ตั้ม เป็นแฟน” นัส ยิ้มดวงตาแวววาว
“เฮ้ย มึงเอาจริงเหรอวะ” ปอ พูดอย่างตกใจ
“คบไปก่อน มีแฟนผู้หญิงแล้วค่อยเลิก” นัส ยังคงยิ้ม แต่ดวงตากลับฉายแววเจ้าเล่ห์
“มึงคิดจะหลอก ไอ้ตั้ม มันเหรอ กูไม่ยอมนะเว๊ย” ปอ เอามือคว้าคอเสื้อ นัส
“ปอ มึงใจเย็นดิ” พลเอื้อมมือมาแกะมือ ปอ ออกจากคอเสื้อ นัส “พวกกูผู้ชายนะเว๊ย ยังไงก็ต้องมีแฟนผู้หญิง อย่าง ตั้ม ยังไงก็ได้แค่คบเล่นๆแก้เหงา แก้เซ็ง ก็น่าจะพอ มึงก็คิดอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ”
“ใครว่ากูคิดแค่เล่นๆ กูจริงจังกับมันนะเว๊ย” ปอ หลุดปากพูดเสียงดังด้วยความโกรธ พล กับ นัส หันไปมองหน้ายิ้มให้กัน
“จริงจังเรื่องอะไรเหรอ ปอ” เสียงคุ้นๆดังขึ้น

...ฉิบหายแล้ว มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ...ปอ นึก แล้วก็หันหลังไปตามเสียง เห็นตั้ม ยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง  ท่าทางไม่รู้เรื่องอะไร...เฮ้อ รอดตัว มันคงเพิ่งมา...
“ว่าไง คุยเรื่องไรกันเหรอ เสียงดังเชียว” ตั้ม นั่งลงไปที่เก้าอี้
“เรื่อง” นัส ทำท่าจะพูดเรื่องเมื่อสักครู่ออกไป
“ไม่มีไร” ปอ รีบขัด “ไปไหนมา เพิ่งกินข้าวเสร็จเหรอวะ”
“เจอ พวก เต่า วา แล้วก็ โชค ที่โรงอาหารน่ะ เลยนั่งคุยกัน” ตั้ม ตอบมา
“เอาหนังสือภาษาอังกฤษที่เรียนเมื่อเช้ามาลอกหน่อยดิ๊” ปอพูด
“เฮ๊ย ได้ไงวะ ปอ พวกกูก็จะยืมนะเว๊ย” พล ท้วง
“ก็กูจดไม่ทันเหมือนกันนี่หว่า” ปอ ตอบ
“ก็ลอกไปด้วยกันนั่นแหละ อ้าว นั่น นัส ก็จะลอกด้วยเหรอ” ตั้ม ถามเพราะมองเห็น นัส หยิบหนังสือภาษาอังกฤษออกมาวางบนโต๊ะ
“อื้อ” นัส ยังคงตอบสั้นๆแต่ได้ใจความ
“ปอ เขยิบเก้าอี้ไปนั่งข้างๆนัสแล้วกันนะ แล้วเดี๋ยวตรงไหนมองไม่ชัด เราอ่านให้ฟัง”

ทีแรก ปอ ก็ตั้งใจว่าจะยึดหนังสือภาษาอังกฤษของ ตั้ม ไว้ เป็นการแกล้ง พล กับ นัส แต่พอเห็นสีหน้าและท่าทางของ ตั้ม แล้ว เขาก็ต้องใจอ่อนลง รอยยิ้มที่สดใส แววตาซื่อๆ การแสดงออกที่ห่วงใยต่อเพื่อนของ ตั้ม เขาพอจะเข้าใจว่า ทำไมเพื่อนๆถึงชอบ ตั้ม มันนัก



ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
:serius2:มือที่สามโผล่มาแล้ว
แต่....ดูเหมือนจะน่ารักกว่าปอนะอิอิ
อืม...คงต้องอ่านต่อไปนะครับ :confuse:
:m29:ปอมีคู่แข่งแล้ว ทำไงดี :serius2:



 :L2: :L1: :L2:
แค่คนแรก ปอ ก็หนักใจแล้วครับ เดี๋ยวยังจะมีที่ตามมาอีก แต่ไม่ใช่คู่แข่งหัวใจนะครับ ไม่ต้องห่วง :haun5:

อ้าว  แล้วทีนี้ปอจะทำยังไงละเนี่ย

 :o
อืม...คงต้องติดตามกันต่อไปอะครับ o8
:m4: :เฮ้อ:  เจอกันพรุ่งนี้นะคะ

ว่าแต่ อ่านไปอ่านมา   ประโยคสุดท้าย  ปอเหมือนตัวนี้เลย :serius2: 55
คงต้องขอโทษนะครับ เพราะวันนี้ก็มาแล้ว   :laugh3:
พอดีงานเมื่อตอนเช้า งด น่ะครับ เข้าไปทำงานตอนบ่าย ๓ เลยพอมีเวลาตรวจงานเขียนต่อ
พอกลับบ้านก็เลยรีบมาลงเลยน่ะครับ
แล้วผมว่า ปอ น่าจะคล้ายรูปนี้ด้วยนะครับ ===>  o9
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2008 23:41:03 โดย tumty »

salapaw

  • บุคคลทั่วไป
เห็นออนอยู่ มาต่ออีกปะคะ  :oni3: :oni2:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๓๒ อดข้าว

“เมื่อเช้าพวกเอ็งทำยังไงให้ ปอ มันเลี้ยงข้าวได้วะ”  ผมได้ยิน พงษ์ ถาม พล กับ นัส ขณะที่ผมกำลังจะนั่งลงกินข้าวกลางวัน
พล หันมามองผมนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบออกไป “กูชนะพนันมันหว่ะ”
“พนันอะไรกันวะ” พงษ์ ถามต่อ แล้วตักข้าวเข้าปาก
“ความลับ” นัส พูดสั้นๆ แปลว่า ไม่บอก
“ปอ แพ้พนันต้องเลี้ยงข้าวพวกนายเหรอ” ผม ถาม นัส
“อื้อ” นัส ตอบ
“แล้วนี่ ปอ ลงมากินข้าวรึยังอะ” ผม ถามพลางมองไปรอบๆโต๊ะ เพราะปรกติ ปอ จะมานั่งทานข้าวกับ พงษ์ เสมอ พงษ์ เป็นคนหนึ่งที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ชั้น ม.๑-ม.๒ จึงค่อนข้างสนิทกับ ผม และ ปอ
“ห่วงไรมัน เดี๋ยวหิวก็ลงมาเองแหละ กินเหอะ” นึก พูด
“ปอ น่ะ มีตังส์มาโรงเรียนแค่พอใช้เองนะ ต้องเลี้ยงข้าวพวก พล  ๒ คน แล้วจะมีตังส์พอกินข้าวกลางวันเหรอ” ผมขมวดคิ้วอย่างกังวล ยังไม่ยอมกินข้าว
“โกรธเหรอ” นัส ถาม
“เปล่าอะ จะโกรธได้ไง เพียงแต่เราไม่อยากให้ทำแบบนี้อะ” ผม ตอบ
“ห่วง ปอ มันด้วยเหรอวะ” พงษ์ ถามผม
“แล้วนายไม่ห่วงเหรอ ถ้านายรู้ว่าเพื่อนต้องอดข้าวกลางวันน่ะ” ผมตอบเสียงไม่ค่อยจะดีนัก  หน้าผมเริ่มบูดซะแล้ว
“ห่วงมากก็ไปดูสิ” นึก พูดฉุนๆ
“อื้อ งั้นฝากเดี๋ยวนะ เดี๋ยวมา” ผมไม่สนว่ามีใครเรียกไว้บ้าง ลุกจากเก้าอี้ได้ ผมก็วิ่งไปที่ห้องทันที
...........................................................................
...............................................

...แสบจริงนะมึง ไอ้พล กับไอ้นัส โดยเฉพาะไอ้นัส เห็นเงียบๆ ที่แท้น้ำนิ่งไหลลึก ทำเป็นมาขู่กูให้เลี้ยงข้าว ไม่งั้นจะไปประกาศให้ทั้งห้องรู้ ว่ากูคิดยังไงกับ ไอ้ตั้ม.. ปอคิดขณะที่นอนฟุบอยู่ที่โต๊ะ...ทำไงดีวะ หิวข้าวหว่ะ...

“ปอ ไม่สบายรึเปล่า” เสียง ตั้ม มาดังอยู่ข้างๆหู
“อ้าว กินข้าวเสร็จแล้วเหรอวะ” ผมตอบ เมื่อลืมตาขึ้นมาก็มองเห็น ตั้ม นั่งอยู่ข้างๆ
 “ยังไม่ได้กิน เห็นนายไม่ลงไปกินข้าว เลยขึ้นมาดู ไม่สบายรึเปล่า” ตั้ม มองมาด้วยสายตาเป็นห่วง
“เปล่า ไม่ได้เป็นไร”ผมตอบพลางหลบสายตาที่มองมา
“ไม่เป็นไรก็ไปกินข้าว ไปเร็ว”
“ไม่อะ กู....” ผม อ้ำอึ้ง
“ไปกินข้าวกะเราเร็ว เพื่อนๆรออยู่” ตั้ม ไม่สนใจ เอามือขวาคว้ามือซ้ายผมทำท่าเหมือนจะจูงไปโรงอาหารให้ได้
“กูไม่ไป กูไม่มีตังส์กินข้าว” ผมตัดสินใจบอก ตั้ม ไปขณะที่ฝืนตัวไว้ไม่ยอมลุกจากเก้าอี้
 “ก็ไปกินกับเราไง ไปเร็ว ข้าวจานใหญ่เรากินไม่หมด แล้ววันนี้เราอยากกินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นด้วย ไปกินด้วยกัน” ตั้ม พูดยิ้มๆมาให้
“แต่ กูไม่อยากกวนให้มาเลี้ยงข้าวกู”
“ไม่ได้เลี้ยงซะหน่อย วันนี้เราอยากกินอะไรเยอะแยะ แต่มันกินไม่หมด เลยมาชวนนายไปช่วยเรากินตะหากอะ” มันยังคงยิ้มให้ผม ผมฟังมันพูดแล้วซึ้งจนน้ำตาแทบไหล
“ถ้านายไม่กินข้าว เดี๋ยวท้องร้องส่งเสียงกวนตอนเรียน ทีนี้เรียนไม่รู้เรื่องกันทั้งห้องนะ” ดูมัน พูดเป็นเรื่องตลกทำเอาผมยิ้มออกมาจนได้
“งั้นเดี๋ยววันหลังนายก็มากินข้าวกับเรานะ”ผม พูดพลางมอง ตั้ม ด้วยความซาบซึ้ง
“อื้อ วันนี้กินให้ทันเรานะ เดี๋ยวเรากินกับข้าวหมดก่อน เหลือแต่ข้าวแล้วอย่ามาว่ากันนะ เอิ๊กๆๆ” ตั้ม พูด ผมบีบมือ ตั้ม มันเบาๆเป็นการขอบใจ แล้วมันก็จูงมือผมค่อยๆเดินไปหาเพื่อนๆที่รออยู่ในโรงอาหาร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-04-2008 09:01:34 โดย tumty »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด