ตอนที่ 11“เท็น จารย์ต้นฝากมาบอกให้ไปพบตอนบ่าย”
ไอ้ฟิวพูดขึ้น ตอนนี้พวกผมกำลังนั่งเฮฮากันอยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าตึก พวกมันเพิ่งไปเรียนมาครับ ส่วนผมก็ตามเคยโดดต้อนรับการเรียนวันแรกหลังจากสอบมิดเทอม ไปนั่งมองน้องเป็ดแล้วโดนไอ้ฟิวตามไปจิกหัวมานี่แหละ
“เรียกไมวะ”
“คงให้ไปช่วยงานมั้ง เห็นว่าจะให้มึงเทรนเด็กที่จะส่งไปแข่ง มีค่ายระบบสมองกลฝังตัวด้วย อาจารย์ล็อคตัวมึงไว้แล้วนะ กูบอกว่ามึงว่างไม่มีปัญหา จัดเดือนหน้า ยังไงก็ไปคุยกับอาจารย์อีกทีละกัน”
อ้าวไอ้ฟิว หาเหามาใส่หัวผมแล้วมั้ยล่ะ ผมไม่ได้ว่างนะเว้ย โครงการตามหาแรงบันดาลใจยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลยเนี่ย
“ฮ่าๆๆ ขี้เกียจแต่เสือกเก่ง สมน้ำหน้ามึงแล้วล่ะไอ้เท็น” ไอ้แม็คทำท่าสะอกสะใจ ผมเลยชูนิ้วกลางให้มัน
“กูว่าเดือนหน้าจะบินไปฮ่องกง อย่างนี้ก็ต้องโดดค่ายดิวะ”
ไอ้ฟิวตวัดหางตามามองทันที “มึงอย่าแม้แต่จะคิดไอ้เท็น ถ้ามึงไปกูจะบินไปลากคอมึงกลับทันที”
“ทำไมวะ ก็กูเบื่อ”
“เบื่อก็หาอะไรที่มีประโยชน์ทำ ห้ามไปคาสิโนอีก กูยื่นคำขาด”
“เอาแล้วไงไอ้เท็น แม่มึงพิโรธแล้ว หึหึ” ไอ้เต๋อนี่ก็ทับถมกูดีจริงๆ
ผมยักไหล่ไม่สนใจ เลยโดนไอ้ฟิวหยิกแก้มเข้าให้เต็มแรง
“โอ้ยยยยยยยยย เจ็บนะเว้ย”
“กูพูดอะไรหัดฟังมั่ง อย่าให้กูต้องฟ้องแม่มึงนะ”
ไอ้ฟิวนี่มันก็แปลก มันก็รู้ว่าแม่ตามใจผมขนาดไหน แล้วมาขู่อย่างนี้ถามจริงๆ เหอะ กูจะกลัวเหรอวะ -_-
“เออๆ พูดมาก ไอ้คิม สั่งพิซซ่าซิมึง กูหิว”
“อ้าว เดี๋ยวก็จะไปกินข้าวเที่ยงแล้ว” ไอ้คิมเงยหน้าขึ้นจากชีทเรียนมามองหน้าผม มันกับไอ้แม็คกำลังตั้งหน้าตั้งตาลอกโน๊ตจากชีทไอ้ฟิวอยู่ ไม่รู้ว่าตอนเรียนพวกมันนั่งทำอะไรถึงไม่ยอมจด
“กูจะแดกพิซซ่า เก็ทป้ะ หรือมึงข้อง?”
“เออๆ ไอ้เต้ จัดการสั่งมาให้ไอ้เท็นมันแดกหน่อย เอาเป๊บซี่กับไก่มาด้วยล่ะมึง”
ไอ้เต้หน้าเหวอรับคำสั่ง มันกำลังทำตัวเป็นหมาเห่าเครื่องบิน คอยเห่าพวกน้องผู้หญิงปีหนึ่งที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่
ครืดดดดดด ครืดดดดดดด ครืดดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดดดดด
ผมควักไอโฟนออกจากกระเป๋าเสื้อช็อป เห็นไอ้ฟิวเหลือบตามองมาผมเลยรีบลุกเดินมาคุยข้างบ่อปลา ห่างจากโต๊ะที่นั่งมาหน่อย
(อยู่ไหนเท็น ทำไมรับช้าจังวะ)
ช้านิดช้าหน่อยล่ะทำบ่น
“หน้าตึกภาคกูดิ”
(กินข้าวยัง)
“ไอ้เต้สั่งพิซซ่าแล้ว ทำไมวะ จะชวนไปกินเหรอ”
(เปล่า กูถามเฉยๆ)
“กวนตีน ว่าแต่มึงเรียนเสร็จแล้วเหรอวะ”
(ถ้าเรียนอยู่กูจะโทรหามึงทำไมล่ะ)
“เหี้ยเมล เดี๋ยวมึงโดน” ทั้งๆ ที่มันกวนตีน แต่ไม่รู้ว่าผมยิ้มทำไม ผมต้องหงุดหงิด ต้องโกรธมันสิ ผมคงบ้าไปแล้วแน่ๆ
(กลัวจังเลย หึหึ)
“กวนอยู่ได้ แล้วมึงกินข้าวยัง”
(ไม่บอก อยากรู้ก็มาหา)
“นี่มึงสำคัญตัวผิดป่าววววว ไม่บอกกูก็ไม่อยากรู้เว้ย”
(เออ งั้นกูวาง)
“เฮ้ย ไรของมึงเนี่ย อย่าเพิ่งวางดิ” อะไรวะ ได้ยินเสียงไม่เท่าไหร่เอง นี่มันไม่อยากคุยกับผมให้นานกว่านี้รึไงเนี่ย -*-
(ทำไม)
“เดี๋ยวกูไปหา มึงอยู่ไหนล่ะ”
(ไม่บอก ไม่ต้องมา ไม่อยากสำคัญตัวผิด)
เออ ไอ้ห่า น้อยใจเก่งเหลือเกินนะมึง
“ขอคุยกับเพื่อนมึงหน่อย คนไหนก็ได้”
(คุยทำไม กูไม่ให้คุย)
“งั้นมึงก็บอกมาว่าอยู่ไหน”
(ไม่)
ไอ้เหี้ยนี่เล่นแง่ มันนึกว่าตัวเองเป็นนางเอกหนังช่องสามไงวะ -_-
“หืมมมม ไม่อยากเจอเท็นเหรอจ้ะเมลจ๋า” เจอมุกนี้เข้าไปไอ้เมลไม่เคยรอด เชื่อผม
(หึ ไอ้บ้า อยู่คณะศึกษา มาหาดิ เดินมาโรงอาหารแล้วเนี่ย)
นั่นไง หึหึ ว่าแต่แบกหน้าไปแดกข้าวไกลจังนะครับมึง
“ไกลว่ะ ไปทำไมวะ”
(ส่องสาว)
“เออ งั้นก็ส่องเผื่อกูด้วยละกันไอ้สัด วางละ”
(หึหึ ล้อเล่นน่า มาเรียนภาษาไทย จะมามั้ย ถ้ามาจะไปรับ)
“ไปไม กูไม่ได้มีธุระที่นั่น”
(เดี๋ยวพวกมึงก็ต้องมาเรียนภาษาไทยด้วยไม่ใช่เหรอ นี่มันวิชามอนะ แต่คนอย่างมึงคงไม่รู้หรอกว่าเขามาเรียนกันที่นี่หรือมึงอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันนี้มีเรียน อืมมม จะว่าไป มึงรู้รึเปล่าวะว่าคณะศึกษามันอยู่ส่วนไหนของมหาลัย)
ผมนิ่งคิดไปนิด คือที่จริงผมก็รู้นะว่าเทอมนี้มีเรียนวิชาทักษะภาษาไทย แต่ก็ไม่รู้ว่าปกติแล้วเขาเรียนกันที่ไหนเวลาใด
“แค่คณะศึกษากูรู้จักเว้ย เดี๋ยวมึงเจอๆ กูไปรับไปส่งสาวคณะนั้นบ่อยไอ้สัด รู้จักดีกว่าตึกคณะตัวเองซะอีกมึงรู้ไว้ด้วย” หนอย ไอ้เมล ทำมาดูถูก ปากมันนี่น่าจับล้างน้ำจริงๆ
(หึ งั้นก็มาให้ถูกทางละกันนะ กูจะรอที่ห้องเรียน)
“เออ วางไปได้ละ รีบๆ ไปแดกข้าวซะไป”
ไอ้เมลหัวเราะก่อนสายจะตัดไป ผมเก็บไอ้โฟนใส่กระเป๋าเสื้อช็อปตามเดิม เดินกลับมาที่โต๊ะก็เห็นเพื่อนๆ มองมาด้วยสายตาแปลกๆ แต่ที่สำคัญพวกแม่งเขมือบพิซซ่าไปแล้วครึ่งถาด ห่า ไม่รอกูเลย
“แปลกเนอะ” ไอ้แม็คหันไปถามไอ้เต้
“ใช่ แปลกมาก” ไอ้เต้ตอบกลับ
“ไอ้พะชอนมันคุยกับใครวะมึง กูไม่เคยเห็นมันคุยโทรศัพท์ได้นานเกินสามนาที สงสัยเป็นบุคคลวีไอพีว่ะ” ไอ้เต๋อถามไอ้คิม ส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาทางผม
“ฮูอีสสสสฮี ฮูอีสสสฮี ฮีอีสเท็นสึบอยเฟรนนนนนน เท็นสึบอยเฟรนนนน เยสออร์โนว์ มิสพาริยะ” ไอ้ห่าคิมนี่กวนตีนผมสุดแล้ว มันลอยหน้าลอยตาพูดก่อนจะโยนบทสนทนาไปทางไอ้กัสที่พิซซ่ายังคงเต็มปาก
“อึกกกก! น้ำๆ ไอ้เหี้ยติดคอ เออ ขอบใจไอ้ฟิว ค่อยยังชั่ว เมื่อกี้มึงถามกูว่าไงนะมิสเตอร์ชัชวาลย์ อ๋ออออ อืมมมมมม ก็คงต้องบอกว่ายังไม่ถึงขั้นแฟน แค่ควงแขนแบบเพื่อนสนิทมวากกกกกกกกกกกกกกก!”
“เออ ไอ้พวกเหี้ย พูดกันขนาดนี้ไม่ถามกูตรงๆ เลยวะ” ผมว่าอย่างเหลืออด คว้าพิซซ่ามาสองชิ้น เอามาประกบกันทำเป็นสองชั้นแล้วกัดเข้าปาก ช้าไม่ได้ครับไม่งั้นผมไม่ได้กินแน่ ไอ้พวกนี้มีสกิลในการเขมือบด้วยกันทุกตัว ยิ่งไอ้ห่าเต๋อยิ่งเลเวลสูง
“งั้นถาม!” ประสานเสียงกันเชียวนะพวกมึง
“ไอ้ออกกกกกกกกก ออกกกกกกกกกไอ้โอ้อิ” (ไม่บอก บอกให้โง่ดิ)
“วุ้ยย ไอ้เหี้ยเท็น ค่อยๆ กินดิวะ แม่ง สับปะรดกระเด็นโดนเสื้อกูแล้วไอ้ควาย” ทำมาโวยวายไอ้เต๋อ เดี๋ยวกูเตะกลิ้งไปนู่นเลยไอ้นี่
เที่ยงครึ่งโดยประมาณพวกผมก็ยกโขยงกันไปที่คณะศึกษา ตอนขับรถไปจอดนี่สาวๆ มองกันตรึมครับ จะมองใครถ้าไม่ใช่มองผม หน้าตาดีสุดแล้วในกลุ่ม หึหึ
ผมเดินเข้าห้องสโลปขนาดใหญ่ งงๆ เล็กน้อยว่าจะไปนั่งตรงไหน คือคนมันไม่เคยมาเรียนไง แล้วไอ้คนที่นั่งในห้องอยู่ก่อนแล้วก็จ้องกันใหญ่ เพื่อนในภาคเดียวกับผมปรบมือต้อนรับกันเกรียวกราวเลยทีเดียว
เออ ขอบใจมากนะสำหรับการต้อนรับอันแสนอบอุ่นของพวกมึง แต่ไม่โห่ใส่กูจะดีมากไอ้พวกเหี้ย นี่ไม่ใช่วิชาสาขาที่มีแต่พวกมึงเรียนนะเว้ย เด็กคณะอื่นก็มี คณะเดียวกันแต่ภาคอื่นก็มา จะให้กูดังไปไหน
“บ๊ะ! ของเขาดีจริงๆ แค่ลมปากก็สามารถเคลื่อนขุนเขา หึหึ ไอ้เมลมันเก่งเนอะมึง” ไอ้กัสพูดเบาๆ ข้างหูผม ก่อนมันจะรีบเผ่นไปไกลจากระยะตีน
พวกผมเดินเข้าไปสมทบกับพวกไอ้เมลที่นั่งอยู่เก้าอี้แถวกลางๆ ห้อง ไม่ต้องมีการแนะนำตัวอะไรกันเลยครับเพราะพวกมันรู้จักกันอยู่ก่อนแล้ว คงมีแต่ผมนี่แหละที่เพิ่งจะรู้จักเพื่อนไอ้เมล
“เมล มาเร็วจัง กินข้าวยังอ่ะ” ไอ้ฟิวถามแถมด้วยรอยยิ้มหวาน ผมเลยแอบเบ้ปากไม่ให้ใครเห็น
“กินแล้ว ฟิวล่ะ”
“พิซซ่านี่ถือว่าเป็นข้าวได้มั้ยอ่ะ ไอ้เท็นมันเผด็จการ ร้องจะกินพิซซ่าท่าเดียว คนอื่นเลยต้องกินตามมัน”
“ฮ่าๆ กินอิ่มก็ดีแล้วล่ะ ตอนเรียนสมองจะได้แล่น”
“จะคุยกันอีกนานมั้ย ไอ้ฟิว มึงรีบๆ เดินดิวะ จะนั่งไหนก็เลือกเอาสักที่ ยืนขวางทางอยู่ได้”
“เออๆ งั้นกูนั่งตรงนี้ละกัน มึงไปนั่งกับไอ้กัสไป”
ผมพยักหน้า ไอ้ฟิวเลยนั่งลงข้างไอ้เมลที่มีเก้าอี้ว่างไว้หนึ่งที่ พวกไอ้เขตมันนั่งแถวหลังถัดจากพวกผม และข้างๆ พวกมันก็มีพวกคณะอื่นนั่งอยู่แล้ว ผมเลยพยายามเดินเข้าไปนั่งถัดจากไอ้กัสตามแต่ช่องว่างระหว่างที่นั่งจะอำนวย ผมเกลียดห้องสโลปก็เพราะอย่างนี้แหละ เข้ายากออกยาก ตอนปวดฉี่กูจะกล้าลุกไปเข้าห้องน้ำป่าววะเนี่ย
“มึงต้องเข้าใจมันหน่อยนะ มันชอบของมันแล้วมันก็ไม่รู้เรื่องมึงกับไอ้เมล” ไอ้กัสบอกเบาๆ ผมพยักหน้าเพราะก็ไม่ได้ใส่ใจมากเท่าไหร่ แค่รู้สึกเหมือนมีอะไรมาสะกิดใจให้รู้สึกแปลกๆ ก็แค่นั้น
ห้องเรียนใหญ่ นักศึกษาเรียนกันเยอะเสียงเลยค่อนข้างดัง และเพราะมาก่อนเวลาเรียนไปเกือบครึ่งชั่วโมงเลยต้องมานั่งรออาจารย์อีก ผมนั่งท้าวคางมองไปรอบห้องอย่างเบื่อๆ สบตากับไอ้เมลบ้างบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่ผมก็เห็นมันเอียงหัวไปคุยกับไอ้ฟิว บางทีก็คุยกับผู้หญิงที่เดินเข้ามาทักมัน ซึ่งผมสังเกตเห็นว่าพวกนางพยายามส่งสายตาให้ไอ้เมลทุกครั้งเวลาเดินผ่านเลย แล้วก็เดินผ่านกันบ่อยมากนะ ไม่รู้ว่ามีธุระอะไรต้องเดินไปเดินมานักหนา
“ไอ้เท็นๆ แก้โจทย์ข้อนี้ให้กูหน่อยดิวะ” ไอ้ซิงที่นั่งอยู่แถวหน้าผมยื่นกระดาษมาให้
“นี่มึงยังไม่ผ่านแคลหนึ่งอีกไง”
“ความจริงถ้ากูจะทำให้ผ่านก็ง่ายนิดเดียวเว้ยมึง แต่ได้เอมันเท่ตรงไหนวะ” โหว ไอ้นี่มันกล้าพูดเว้ย
“มึงเลยเอฟมาสองรอบแล้วงั้นสิ” ผมเขียนวิธีทำพร้อมคำตอบลงกระดาษให้ไอ้ซิงอย่างเบื่อๆ
“จุ๊ๆ อย่าพูดอย่างง้านนน เพื่อนเลิฟ น้อยคนนะเว้ยที่จะทำได้อย่างกู”
“เออ น้อยคนมากไอ้สัด เอ้า เอาไป”
“โหววว ท่านเทพ ขอบใจว่ะมึง เออ ไอ้เท็น ก่อนควิซครั้งหน้ามึงติวให้กูได้มั้ยวะ”
“มึงเห็นกูว่างมากไง”
“นะๆ ถ้ามึงอยากได้อะไรกูจะหามาให้ทุกอย่างเลย กูขี้เกียจเรียนอีกรอบแล้วอ่ะ”
ข้อเสนอของไอ้ซิงนี่ก็น่าสนอยู่ไม่น้อย ผมว่าสร้างบุญคุณกับมันไว้ก็ไม่เสียหาย
“ก็ได้เว้ย จะควิซเมื่อไหร่ก็บอกกูแล้วกัน”
“น้ำใจงามจริงๆ เพื่อนเลิฟกู อิอิ งั้นช่วยกูแก้โจทย์ฟิสิกส์ด้วยนะ แหะๆ”
ผมจ้องหน้าไอ้ซิงก่อนจะดีดหน้าผากมันสองทีติด มันทำหน้าจ๋อยมองผมเหมือนลูกหมาถูกทิ้ง ไอ้เหี้ยนี่เอฟวิชาหนักทั้งนั้น กูสงสัยจริงว่ามันรอดจากการรีไทร์มาได้ยังไง
“จะให้กูทำไรก็ได้อ่ะ แต่ช่วยกูหน่อย ส่งเย็นนี้แล้ว มึงเขียนวิธีใส่กระดาษนี้ก็ได้ เดี๋ยวกูลอกลงใบงานเองนะ”
“ไม่รวมกับที่มึงขอให้กูติวแคล”
“ไม่รวมๆ”
“กัส กัส” ผมสะกิดเรียกไอ้กัสที่กำลังนั่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ไอ้นี่ก็จริงๆ เลย อาจารย์ยังไม่ทันเข้ามันก็หลับรอซะแล้ว
“ไรมึง ปลุกไมวะ จารย์เข้าแล้วเหรอ”
“ยัง มึงเป็นพยานให้กูหน่อย ไอ้เหี้ยซิงเป็นหนี้กูสองครั้ง ไอ้เต๋อ มึงก็ด้วย พยานครบสองคน ถ้าเบี้ยวกูมึงไม่รอดแน่”
ไอ้กัสทำหน้างงๆ แต่ก็ยอมพยักหน้า ส่วนไอ้เต๋อที่นั่งถัดจากไอ้กัสก็คงงงไม่แพ้กัน เพราะมันกำลังคุยกับไอ้แม็คอยู่ ผมแสยะยิ้มให้ไอ้ซิงที่หน้าเสียไปแล้ว
“ไอ้เท็น มึงคงไม่ให้กูไปทำอะไรแปลกๆ ใช่มะ อย่างค้ายา ค้าอาวุธสงครามอะไรเนี่ย” ผมยกตีนฟาดปากมันดีมั้ยวะ ปากวอนหาคุกหาตะรางจริงๆ ไอ้นี่
“พ่อมึงสิ กูดูเป็นคนที่คิดจะทำอะไรแบบนั้นเหรอวะ”
“ก็เออสิวะ!” ทั้งไอ้ซิง ไอ้เต๋อและไอ้กัสตอบพร้อมกัน ผมตวัดตามองพวกมันทีละคนจนพวกมันหัวเราะออกมาแก้เก้อ
“โธ่ ไอ้เท็น เขารู้กันทั้งภาคแล้วว่ามึงชอบคิดชอบทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่อง กูทำอะไรก็ได้นะเว้ย แต่ไม่เอาผิดกฎหมาย ไม่เอาอาย และไม่เอาที่เหนือความเข้าใจของคนด้วย” ไอ้ซิงพูดไปยิ้มประจบผมไป
“กูไม่ให้ทำอะไรที่เกินความสามารถมึงหรอกน่า”
“มึงพูดแล้วนะ”
“เออ”
สิบนาทีต่อมาอาจารย์ก็เข้าสอน แต่ผมไม่ได้ฟังเพราะเขียนวิธีทำกับคำตอบลงในกระดาษให้ไอ้ซิงอยู่ ไอ้กัส ไอ้เต๋อ ไอ้แม็คก็พร้อมใจกันไปเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อยแล้ว ส่วนไอ้คิมกับไอ้เต้ไปเข้าห้องน้ำตั้งแต่อาจารย์เข้าห้องมาตอนนี้ยังไม่กลับ ในกลุ่มผมคงมีแต่ไอ้ฟิวคนเดียวที่มีความสุขกับการเรียน เพราะหันไปมองกี่ทีก็ทำหน้าระรื่นคุยกับไอ้เมล
“เท็น มีคนฝากมาให้” เสียงกระซิบพร้อมแรงสะกิดจากข้างหลัง ผมเลยหันไปมอง ก็เห็นไอ้แต้มที่นั่งข้างหลังไอ้กัสยื่นช็อคโกแล็ตมาให้
“ใครวะ”
“คนที่มึงก็รู้ว่าใคร”
“ลอร์ดโวลเดอร์มอร์?”
“พ่อง เกี่ยวไรกับไอ้หน้างูนั่น กูหมายถึงเพื่อนสนิทมากกกกกของมึงอ่ะ รับๆ ไปได้ละ กูเมื่อย แล้วตอบไลน์มันด้วยล่ะ”
ผมรับช็อคโกแล็ตมาจากไอ้แต้ม หันไปมองไอ้คนให้ก็ยังเห็นมันคุยกับไอ้ฟิวอยู่ คุยไรกันนักหนา ทำไมไม่ตั้งใจเรียนวะ ผมเลยเลิกสนใจมันสองคนแล้วหันกลับมาเปิดดูไลน์ในมือถือ
C-A-R-A-M-E-L: ตาบอดเหรอมึง ไม่ทักกู
12:35
C-A-R-A-M-E-L: เท็น ทำไรวะ ไม่ตอบอ่ะ
12:37
C-A-R-A-M-E-L: โกรธไรวะ ไม่ยิ้มให้กูเลย
12:45
C-A-R-A-M-E-L: ทำไม ทำไม ทำไม
สนใจแต่คนอื่น มองกูบ้าง
12:49
C-A-R-A-M-E-L: เพิ่งเคยเห็นมึงในห้องเรียน อยากนั่งข้างๆ
ตอบไลน์กูหน่อย
12:54
C-A-R-A-M-E-L: เลิกคุยกับเพื่อนได้แล้ว อาจารย์มาแล้วนะ ตั้งใจเรียนล่ะมึง
13:12
C-A-R-A-M-E-L: คิดไรอยู่ หน้านิ่งเชียว
13:20
C-A-R-A-M-E-L: จดโน๊ตด้วยเหรอ หรือเขียนไรอยู่
ไม่ตอบกูเลยนะ อยากคุยด้วย
13:24
โฮะ ตาย ทำไมไอ้เมลมันน่ารักงี้วะ ผมกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ ยิ่งเห็นสติ๊กเกอร์ที่มันส่งมาแล้วอยากจะหัวเราะ มีหมีสะบัดหน้า หมีกำลังคิด หมีงง หมีตีเข่า หมีซึม กระต่ายหน้าบึ้ง ปิดท้ายด้วยกระต่ายโกรธ -_-
ผมส่งสติ๊กเกอร์หมีกับกระต่ายกอดกันกลับไป แล้วไม่กี่วินาทีมันก็ตอบแค่ ‘...’ กลับมา
THE@TEN: ห้ามโกรธ ไม่ได้เล่นมือถือเลยไม่ได้ตอบ โอเค้?
C-A-R-A-M-E-L: ก็มัวแต่สนใจคนอื่น ไม่รู้มีเรื่องคุยกันอะไรนักหนา แล้วได้ช็อคโกแล็ตยัง
THE@TEN: อือ ไอ้แต้มเอาให้แล้ว เย็นนี้ไปกินข้าวกัน
C-A-R-A-M-E-L: โอเค แล้วคืนนี้นอนไหน
THE@TEN: บ้านดิ จะให้ไปนอนไหน
C-A-R-A-M-E-L: คอนโดกูไง ตอนเช้ากูไปส่งบ้าน
THE@TEN: ไม่เอา ไว้วันศุกร์ วันนี้ไม่ค้าง
C-A-R-A-M-E-L: ตามใจ

THE@TEN: ไอ้บ้า

ตั้งใจเรียนดิ อย่าให้เห็นอีกว่าคุยกับใคร
C-A-R-A-M-E-L: หวงเหรอ

THE@TEN: หึ หวงมาก ไม่รู้เหรอ

ผมเก็บมือถือใส่กระเป๋าเสื้อทันที มองไปทางไอ้เมลก็เห็นมันยิ้มกว้างกับไอโฟนของมันอยู่ โธ่ ดีใจกับเรื่องแค่เนี้ย
“ไอ้เท็น ยิ้มไรวะ เป็นบ้าเหรอมึง” ผมสะดุ้งนิดๆ กับเสียงของไอ้กัส ไม่รู้มันตื่นตั้งแต่ตอนไหน เลยตบหัวมันไปหนึ่งทีโทษฐานที่ทำให้ตกใจและมาหาว่าผมบ้า
ผมไม่ได้บ้านะ แค่เห็นไอ้เมลยิ้ม...เลยยิ้มตาม
........................................To continue....................................
รักเท็นรักเมลกันให้มากๆ นะคะ ฝากติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ และขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นเลยค่ะ ดีใจที่อย่างน้อยก็มีคนที่ตามอ่านเป็นประจำ พวกคุณทำให้เวลาเปิดหน้าเว็บมาแล้วยิ้มได้ทุกครั้งเลยค่ะ ขอบคุณ ขอบคุณมากๆ 