ตอนที่ 15“เอ้า เมล พร้อมนะ วันทู!”
ไอ้เมลพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ แต่ก็ยอมเมื่อเจอผมยิ้มให้
“เธอเชื่อไหมความรักเหมือนทำให้เราหลับตา
ปล่อยหัวใจช้าช้า ล่องลอยข้ามคืนแห่งฝัน
หมอกดูคล้อยลอยผ่าน ใจดวงนี้ก็มีแต่เธอเท่านั้น
ทุกๆ คำรำพันเอ่ยผ่านใจ”“ให้เธอรู้ ให้เธอรู้ อยากให้เธอรู้ คือความรัก
จะกอดเธอไปจนเช้า แสงดาวกระทบที่ข้างฉัน
ให้ไออุ่นกายเราผูกกัน ฉันนั้นรักเธอเหลือเกิน
จะกอดเธออยู่อย่างนี้ ข้ามคืนผ่านพ้นราตรีนี้
จวบจนสิ้นแสงแห่งชีวี ก็ยังรักเธอเหลือเกิน...”“ต่อไปจากนี้ทุกคืนที่เธอตื่นมา
จะมีมือฉันคนนี้นั่งกุมหัวใจเอาไว้
ไกลสุดฟ้าแสนไกล ใจดวงนี้ก็จะไม่ลอยไปไหน
ขอให้เธอเชื่อใจ...ฉัน”
“ให้เธอรู้...”
“ว่าเธอมีค่าแค่ไหน”
“ให้เธอรู้...”
“ทั้งชีวิต หัวใจ”
“อยากให้เธอรู้”
“จะมอบให้เธอเท่านั้น”
“คือความรัก...”
ไอ้เมลหยุดร้อง ผมหยุดเล่นกีต้าร์ เราสบตากันชั่วครู่ ก่อนที่มันจะเป็นฝ่ายหลบไป
“จะกอดเธอไปจนเช้า แสงดาวกระทบที่ข้างฉัน
ให้ไออุ่นกายเราผูกกัน ฉันนั้นรักเธอเหลือเกิน
จะกอดเธออยู่อย่างนี้ ข้ามคืนผ่านพ้นราตรีนี้
จวบจนสิ้นแสงแห่งชีวี ก็ยังรักเธอเหลือเกิน” (ทราย – วัชราวลี)
ไอ้เมลเงียบไปชั่วอึดใจ มันหน้าแดงนิดๆ ผมเลยยื่นมือไปผลักหัวมัน
“เขินเหรออออ”
“ใครเขินมึง กูแค่ไม่ชอบร้องเพลงเว้ย”
“เสียงออกจะเพราะ ทำไมไม่ชอบ เอาอีกเพลงดิ๊”
“มึงร้องบ้างดิ อยากฟัง”
“เมื่อกี้ก็ร้องไง ฟีชเจอริ่งกับมึงไปแล้วง่ะ”
“แค่นั้นอ่ะนะ”
ผมหัวเราะ ไอ้เมลเลยเข้ามาล็อคคอจากข้างหลัง มันก้มลงงับหูผมเบาๆ
“เหี้ย เสียว”
“หึหึ”
“อากาศดีว่ะวันนี้ ไปว่ายน้ำกันมั้ยเมล”
“กูทำงานเสร็จค่อยไป”
“ก็รีบๆ ทำดิ”
“เออๆ อย่ากวนละกัน”
ผมยักไหล่ ไอ้เมลเลยปล่อยตัวผมแล้วคลานกลับไปที่ใบงานของมัน
วันนี้ผมสั่งงานคนงานไว้แล้วเลยมีเวลาว่างมานั่งปูเสื่อเล่นกีต้าร์อยู่ใต้ร่มไม้หน้าบ้าน ไอ้เมลมันก็หอบงานมาทำด้วย แต่เพิ่งจะได้ทำเพราะผมบังคับให้มันร้องเพลงให้ฟัง
ผมก็นั่งร้องเพลงเล่นกีต้าร์ของผมไป ไอ้เมลมันก็เขียนอะไรไม่รู้ของมันไป เห็นมันอย่างนี้มันขยันนะครับ ไม่เคยปล่อยให้งานค้างเหมือนผม ฮ่าๆ
“อยากบอกเธอว่าฉันอยากเป็นคนนั้นของเธอ
อยากอยู่ในสายตาเธอ เวลาเธอไม่มีใคร
อยากทำให้เธอยิ้ม ปลอบเธอยามทุกข์ใจ
อยากเป็นอะไรมากมาย...
ที่ฉันเป็นแล้วทำให้เธอ...รู้สึกดี” (อยากเป็นคนที่ทำให้เธอรู้สึกดี – โตโน่)
“รู้สึกดีป้ะเมล”
ไอ้เมลเงยหน้าขึ้นมองผม ก่อนมันจะยิ้มหล่อ ยักคิ้วให้
“ก็ดีมั้ง”
“มีมั้งด้วยยยย จริงง่ะะะะ แล้วแบบนี้ล่ะ”
ผมก้มลงไปจูบปากไอ้เมล ดูดลิ้นมันเล่นจนมันครางเสียงแผ่ว งับริมฝีปากล่างของมันเบาๆ แล้วผละออกมา
“ดีมั้ย”
“หึ จนได้นะเท็น งานกูจะเสร็จมั้ยเนี่ย”
“นั่นเป็นปัญหาของมึง ฮ่าๆ”
ไอ้เมลชี้หน้าคาดโทษ ก่อนมันจะจมลงสู่วิชาเซอกิตหนึ่งของมัน ผมก็เบื่อจะแกล้งมันแล้วเลยล้มตัวลงนอนมองท้องฟ้ายามบ่ายที่มีเมฆอยู่เล็กน้อยแต่ก็เป็นสีฟ้าอ่อนสวย
“เท็น คุยกับฟิวบ้างยัง” คำถามของไอ้เมลเรียกสติที่กำลังล่องลอยของผมให้กลับเข้าที่
“มีไรต้องคุย”
“กูไม่สบายใจเลยนะเท็นที่พวกมึงต้องทะเลาะกันเพราะกู มึงไม่โกรธฟิวไม่ได้เหรอวะ”
ผมเลิกคิ้ว ไม่รู้จะบอกไอ้เมลยังไงว่าผมไม่ใส่ใจสักนิดเรื่องไอ้ฟิว ผมก็ยังเหมือนเดิม ผมเคยทะเลาะกับไอ้ฟิวแรงกว่านี้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผม แต่สำหรับไอ้ฟิวผมไม่รู้
“ฝ่ายที่โกรธไม่ใช่กู เลิกคิดมากแล้วทำงานของมึงไป”
“แต่เท็น ถ้ามึงเริ่มคุยกับฟิวก่อน อะไรๆ มันอาจจะดีขึ้น”
“เมล กูไม่ใช่คนผิด ทำไมกูต้องเริ่มคุยก่อน มันโกรธเพราะมึงเลือกกู ไม่ใช่โกรธเพราะกูไม่ได้บอกมันเรื่องเรา”
“มันสำคัญที่ใครผิดไม่ผิดเหรอเท็น มึงก็รู้ว่าฟิวโกรธเรื่องอะไร แล้วทำไมไม่พยายามเข้าใจความรู้สึกมัน”
“งั้นมึงก็เลิกกับกูซะ มันจะได้ไม่โกรธ แค่นี้ก็หมดปัญหา”
ผมว่าอย่างเหลืออด ไอ้เมลบีบปากผมทันที
“อย่าพูดอย่างนี้อีกนะ กูโมโหจริงๆ นะเท็น”
ผมปัดมือมันออก ไม่อยากจะพูดอะไรตอนนี้ ผมขี้เกียจทะเลาะกับไอ้เมลเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง เมื่อกี้แค่พลั้งปากไปเท่านั้น
“โกรธเหรอวะ”
“......”
“เท็นเท็นครับ”
“......”
ผมขมวดคิ้วมองหน้าไอ้เมลที่ขึ้นมาคร่อมตัวผมไว้ หน้ามันโน้มเข้ามาใกล้จนผมต้องเบี่ยงหลบ ไอ้เมลเลยกดจมูกโด่งของมันลงบนแก้มผมแทนริมฝีปากที่มันพลาดไป
“เหี้ยเมล ออกไป” ผมว่าเสียงแข็ง แต่ไอ้เมลไม่ขยับเขยื้อน
“ดูทำหน้า ยิ้มเดี๋ยวนี้”
“พ่องงงง! มึงคิดว่ากำลังสั่งใคร”
“สั่งเมียกูไง”
“_วย!”
“อยากได้ไง เอายัดปากซะดีมั้ยเนี่ย ดื้อนัก”
ไอ้เมลทำท่าจะรูดซิบกางเกงยีนมันลง ผมเลยรีบจับข้อมือมันไว้ ไอ้ห่านี่กะจะล่วงละเมิดทางเพศกูหน้าบ้านเลยไงวะ
“จะทำอะไร”
“หึ อยากรู้ก็ปล่อยมือ”
ผมมองมันอย่างเคืองๆ แต่ไอ้เมลก็ยิ้มหล่อไม่สะทกสะท้าน ก่อนมันจะก้มหน้าลงมาจูบปากผมได้สำเร็จ แลกลิ้นกับมันอยู่นาน ทั้งดูดทั้งขบจนผมเคลิ้ม
“อะแฮ่ม! นี่หน้าบ้านนะพวกมึงงงงง ช่วยเกรงใจสถานที่กันหน่อย” เสียงไอ้กัสลอยมาให้ได้ยิน ผมเหลือบตาไปมองก็เห็นมันนั่งอยู่ที่ระเบียง ทำหน้าสนอกสนใจใหญ่
ผมดูดปากไอ้เมลต่ออีกหน่อยก่อนจะถอนริมฝีปากออก ไอ้เมลยิ้มนิดๆ ส่วนผมลุกขึ้นนั่งแล้วยักคิ้วให้ไอ้กัส
“ไม่มีอายเลยนะมึง” ไอ้กัสบ่นผมเบาๆ
“อายทำไมวะ พวกกูเอากันให้มึงดูยังได้เลย หึหึ”
“เออไอ้เหี้ย หน้าไม่มียางจริงๆ ไอ้เมล มึงก็เป็นไปกับมันด้วย พวกมึงนี่พอกัน”
“ก็เมียกูน่ารัก” ไอ้เมลตอบยิ้มๆ
“ผัวกูก็น่าเอา” ผมโน้มคอไอ้เมลลงมาจูบโชว์ไอ้กัสอีกรอบ
“ไอ้พวกบ้า! พอเลยๆ” ต่อให้มีเมียมาไม่รู้กี่คนแต่ไอ้กัสมันก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี
ผมขยับที่ให้ไอ้กัสนั่ง มันคว้ากีต้าร์ขึ้นมาตั้งท่าจะเล่น
“พวกมึงมานานยัง” ไอ้กัสถาม มือก็เปิดดูหนังสือเพลง
“ตั้งแต่มึงยังไม่ตื่น”
“ไอ้ฟิวล่ะ”
“ออกไปข้างนอกตั้งแต่กูเดินเข้าบ้านมาแล้ว”
ไอ้กัสพยักหน้ารับรู้ มันไม่ได้เข้ามายุ่งเรื่องระหว่างผมกับไอ้ฟิว หลังจากที่มันบอกเรื่องไอ้ฟิวให้ฟังที่ร้านพี่เจ๋งวันนั้น มันก็ไม่พูดถึงอีกเลย
“อ้าว อย่างนี้ข้าวเที่ยงกูจะทำไงอ่ะ” ไอ้นี่ก็ห่วงกินตลอด
“มีมือมีตีนก็หาแดกเองดิ”
“มึงจะไม่รับผิดชอบหน่อยรึไง”
ผมมองหน้าไอ้กัสนิ่ง มันเลยยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้
“โอเคๆ กูหาแดกเองได้ ไอ้เมลทำไรวะ” ไอ้กัสเปลี่ยนพิกัดไปที่ไอ้เมลที่กำลังทำตัวเป็นบุคคลตัวอย่าง มันยังไม่เลิกความพยายามที่จะทำการบ้านครับ เป็นพ่อที่ดีได้เลยนะมึงเนี่ย
“มีตามั้ย” ไอ้เมลถามกลับ
“มี กูไม่ได้พิการนะมึง”
“แล้วถามทำไม”
โวะ เจ๋ง ไอ้เมลมันก็ปากใช่ย่อย ผมหัวเราะใส่หน้าไอ้กัส มันเลยทำท่าจะยกกีต้าร์ขึ้นฟาดหัวผม
“ของขวัญวันเกิดจากป๋ากูนะมึง มีรอยนิดเดียวมึงเจ็บ”
“เออ ไอ้พวกบ้า ฝากไว้ก่อนเถอะ” ทำหน้างอนเหมือนผู้หญิงไม่พอ ยังมาพูดประโยคโบราณใส่อีก
ระหว่างรอไอ้เมลทำงานของมัน ผมกับไอ้กัสก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย มีไอ้เมลแทรกบทสนทนามาบ้างเป็นครั้งคราว นั่งโม้กันจนถึงเย็น ไอ้กัสก็ทนความหิวไม่ไหว ขอตัวออกไปหาเห็บหาหมัดกินกับแฟนสาวคนล่าสุด
“คืนนี้กูไปร้านพี่เจ๋งนะ” ผมพับเสื่อเสร็จ เงยหน้าขึ้นบอกไอ้หน้าหล่อที่ยืนสะพายเป้ค้ำหัวอยู่
“ไปอีกแล้วเหรอวะ ไม่เบื่อมั่งไง”
“เออน่ะ ถ้าเลิกไม่ดึกมากกูจะแวะไปหา”
ไอ้เมลทำหน้าแบบที่ผมเดาไม่ออกว่ามันกำลังคิดอะไร
“พวกไอ้เขตนัดกูที่สบายตังค์ ห้าทุ่มมึงก็มาหากูละกัน”
“กูไม่รับปากนะว่าจะไป”
ไอ้เมลคว้าคอผมดึงเข้าไปใกล้แล้วก้มลงมาจูบอยู่นาน ก่อนจะเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไป ไม่รู้โมโหอะไรของมัน -_-
.
.
.
“เอ้า! ชนแก้วววววววววววววววว ไว้อาลัยแด่คะแนนมิดเทอมสุดยอดแย่ของพวกเรา เหี้ยเท็น มึงห้ามชน มึงมันไม่ใช่ปุถุชนคนอย่างพวกกู ไป๊ ขับออกจากกลุ่มแล้ววววว ผ่านคนเดียวไม่พอยังมาฉุดมีนให้สูงอีก ไอ้สาดดดดดดด” ไอ้เต้ตัดพ้อต่อว่า แถมยังส่งสายตาชิงชังรังเกียจมาให้ผม
ผมยักไหล่พร้อมกับยกเบียร์ขึ้นดื่ม ไอ้พวกเพื่อนบ้ามันก็ชนแก้วกันกวนประสาทผมต่อไป เออนะ ทำไปเหอะ เพื่อความสบายใจของพวกมึง กูไม่แคร์
“เหี้ยกัส มึงอย่าเศร้าใจไปเลยเพื่อน อย่างน้อยดาต้าสตรัคมึงก็ได้มากกว่ากูวะ” ไอ้เต๋อตบไหล่ปลอบใจไอ้กัสที่อาการห่อเหี่ยวเข้าคุกคามจิตใจมันตั้งแต่คะแนนออกมาได้สามชั่วโมงแล้ว
“แค่ศูนย์จุดสองห้ากูคงดีใจมากกกกกกกกกกกก มึง ไปดร็อปวิชานี้กันดีมั้ยวะ ถ้าเอฟอีกกูแม่งไทร์แน่อ่ะ” ไอ้กัสชักชวนไอ้เต๋อ
“เราต้องสู้ต่อไปนะมึง!!!! ต้องสู้ให้ถึงที่สุด สู้เพื่อความฝันอันยิ่งใหญ่ของพวกเรา!” ไอ้เต๋อฮึกเหิม ชูแก้วเบียร์ขึ้นสูง หน้าตาเหมือนคนถือดาบเตรียมออกรบ
คือ...กูก็ไม่อยากขัดหรอกนะ แต่เรียนจบไปมึงก็ต้องรับช่วงกิจการโรงน้ำแข็งของเตี่ยมึงอยู่ดีไม่ใช่เหรอวะ?
“เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ!!!” เสียงเฮดังลั่น เรียกขวัญกำลังใจกลับมา ผมมองพวกมันยิ้มๆ เพราะดูเหมือนไม่ต้องมีใครมาปลอบใจ พวกมันก็ลุกขึ้นมากันได้เอง
“วันนี้กูเลี้ยง อยากแดกไรก็สั่ง” ผมบอก เลยทำให้ไอ้เต้ที่เคยตัดพ้อต่อว่าผมพลิกลิ้นกลับมาประจบทันที
“เพื่อนผู้ประเสริฐเลิศเลอเพอร์เฟ็คของกู หน้าตาดีไม่พอ มึงยังใจดีอีก เหี้ยเต๋อ จัดไปครับมึงครับ เปิดบลู แบล็ค เร้ด จัดเต็มมิกเซอร์ ไฮเนเก้นจัดมาอีกสี่กล่อง แล้วบอกพี่เจ๋งว่าเอาอาหารที่แพงที่สุดในร้านมาเลย!”
ผมอ้าปากค้าง ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน คือ มึงเกรงใจกูบ้าง กูบอกว่าเลี้ยงก็จริง แต่ไม่ได้ให้พวกมึงถล่ม ผมแอบปาดเหงื่อ ควักกระเป๋าตังค์ออกมาดู เออ เงินสดกูพกไม่เยอะ ร้านไอ้พี่เจ๋งมันมีให้รูดบัตรป่ะวะ ออกจะลูกทุ่งขนาดนี้
“สั่งมาแล้วแดกให้หมดนะไอ้พวกเหี้ย ถ้ากูได้ยินใครบอกไม่ไหว เจอตีน” ผมชี้หน้าขู่เรียงตัว แต่พวกมันก็ยิ้มกริ่มหาได้สะทกสะท้านไม่
หลังจากนั้นก็เป็นมหกรรมร้องรำทำเพลง ใครมีปัญญากินก็กินให้เต็มที่ ไอ้กัสอาการหนักสุด เล่นของหนักไม่พอแม่งยังแดกผสมอีก คือแค่เบียร์สี่กล่องนี่ก็เดินกันไม่ตรงแล้ว ยังมีเหล้าดีกรีแรงราคาแพงเหงื่อตกอีกสามกลม
“เอื้อกกกกกกก กูอิจฉาเมิงงงงเจงๆ อ้ายยยเทนนนน ทามมายยยยยกูม่ายยยยเกิดมาชาหลาดอย่างเมิงบ้างว้าาาาา” กว่าไอ้กัสจะพูดจบประโยคผมก็นั่งลุ้นจนเยี่ยวแทบเล็ด
“เหี้ยคิม พอ ไม่ต้องเอาให้มันแล้ว มันจะไม่เป็นคนอยู่แล้วเนี่ย” ผมร้องบอกไอ้คิมที่กำลังหยิบแก้วเปล่าของไอ้กัสไปเติมน้ำแข็ง
“ม่ายยยยยยยยย กูยางม่ายมาววววว กูจะอาวววอีกกกกกก อึ่กกก”
“ตายๆๆๆๆ ใครมอมน้องกัสจังของกูวะ เอ้าไอ้เท็น สาวโต๊ะนู้นฝากมาให้” ไอ้พี่เจ๋งโผล่มาจากตรงไหนก็ไม่ทราบได้ แต่ตอนนี้มันยืนหน้าเป็นส่งเหล้าไฟมาให้ผม
ผมมองไปทางที่พี่เจ๋งชี้ให้ดู เห็นน้องนางอกอึ๋มส่งสายตาเชื้อเชิญมา ผมเลยรับแก้วจากพี่เจ๋งมาดื่มเข้าไปรวดเดียว
“ฝากบอกขอบคุณด้วยพี่”
“เอ้า ไมมึงไม่ไปบอกเองวะ”
ผมส่ายหน้า แค่นึกหน้าไอ้เมลตอนโมโหขึ้นมาก็พาลหมดอารมณ์จะเกี้ยวสาวแล้วล่ะ
“มันมีแฟนแล้วเฮีย อย่าหาเรื่องให้มันเลย หึหึ” ไอ้แม็คที่คอแข็งสุดในกลุ่มบอกพี่เจ๋งพลางยิ้มกริ่มมาทางผม
“เอ้า จริง มึงไปตกร่องปล่องชิ้นกับใครที่ไหนวะ อยากเห็นหน้าจริงๆ คนที่เอามึงอยู่เนี่ย” หน้าตาที่เต็มไปด้วยหนวดเคราของพี่เจ๋งฉายแววเสือกออกมาฉับพลัน
“ระดับเดือนครับพี่ พี่ก็รู้อย่างไอ้เท็นมันเคยเล่นของธรรมดาซะที่ไหน คุคุ” ไอ้เต๋อเสือกเข้ามาด้วยอีกคน
ผมไม่ได้สนใจว่าไอ้พวกบ้านั่นจะพูดจะแซวอะไร ปล่อยให้พูดกันไปถึงยังไงผมก็ไม่สึกหรอ แถมตอนนี้ไอ้กัสเริ่มทำตัวไม่มีกระดูกสันหลังแล้ว ถ้าไม่ดูมันให้ดีคงได้หนีไปทำความรู้จักกับพื้นกระเบื้องแน่
“เฮ้ยๆๆๆ ไอ้เต้ เอามันขึ้นมานั่งบนโซฟา” หน้าไอ้กัสเกือบจูบกับรองเท้าไอ้คิมอยู่แล้วตอนที่ผมเห็น ก็รู้ว่าตัวเองแดกผสมไม่ได้ก็ยังจะทำเก่ง เดี๋ยวเบียร์เดี๋ยวเหล้า ถ้าพรุ่งนี้มึงไม่แฮงค์กูให้เอามีดมาฟันคอได้เลย
“เฮ้ย เท็น นั่นพวกไอ้เมลนี่หว่า พาใครมาด้วยวะ”
ผมหันไปมองตามคำบอกกล่าวของไอ้เต๋อ พวกไอ้เมลกำลังเดินเข้าร้านมาจริงๆ แต่ที่มากับพวกมันด้วยคือคนที่ไม่เคยเที่ยวกลางคืน...ไอ้ฟิว
“เหลือเชื่อ ไอ้ฟิว มันเมาด้วยนี่หว่า เฮ้ย เท็น มึงโอเคนะ” ที่ไอ้เต้ถามแบบนี้เพราะไอ้ฟิวกำลังกอดแขนไอ้เมลอยู่ ถ้าเข้าสิงกันได้คงทำไปแล้ว
ไอ้เมลกับเพื่อนมันครบองค์ และตัวแถมอย่างไอ้ฟิวเดินมาถึงโต๊ะพวกผม ทักทายกันพอเป็นพิธีก็ขยับขยายที่ให้พอที่ไอ้พวกที่มาใหม่จะนั่งได้
“ฟิว เมลพามาหาพวกเท็น เดี๋ยวฟิวกลับกับกัสเลยนะ” ไอ้เมลบอกเสียงอ่อนโยนกับไอ้ฟิวที่ตอนนี้นั่งโดยไม่มีกระดูกสันหลังพิงอกมันอยู่
“ไม่เอา เมลพาฟิวมาที่นี่ทำไม ฟิวจะกลับบ้าน เมลไปส่งฟิวนะ” เสียงอ้อแอ้ของไอ้ฟิวทำให้ทั้งโต๊ะเงียบกริบ
“ฟิว เมลไปส่งฟิวไม่ได้นะ ถึงต้องพามาหากัสนี่ไง”
“ทำไมล่ะ เมลอยู่กับฟิวไม่ได้เหรอ คืนนี้อยู่กับฟิวนะ”
อื้อหือ เพื่อนสนิทกู เพิ่งรู้ว่ามึงแรดเงียบ จะด้วยความเมาหรืออะไรก็ช่างที่ทำให้มันกล้าพูดอย่างนี้ แต่บอกตามตรงว่าผมหงุดหงิดอย่างที่ถ้าลุกขึ้นถีบพวกมันออกจากกันได้ผมคงทำ ไม่ติดว่าจะทำให้วงแตกล่ะก็ กูคงได้บู๊สักตั้งล่ะคืนนี้
“แม่จ้าวววววววว นี่พวกมึงไปรวยมาจากไหน เปิดบลูเลยเหรอเนี่ย กูขอสักแก้วเพื่อเป็นเกียรติแห่งวงศ์ตระกูลได้รึเปล่า” ไอ้ลินพูดขึ้นด้วยเสียงที่ร่าเริงเกินปกติ มันทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนี้ลงได้เล็กน้อย
“ท่านเท็นเขาเปิดเลี้ยงปลอบใจพวกกู ถ้าแคลสามมึงตกมีนเหมือนกันกูก็จะให้ชิมนะ แต่ถ้าไม่ กูให้แค่เบียร์ขวดเดียว ว่าไงล่ะ” ไอ้เต๋อช่วยเสริมไอ้ลินขึ้นอีกคน
“ระดับกูมีหรือจะผ่าน ใช่มั้ยมึง พวกกูมีแค่ไอ้เมลกับไอ้มายด์เท่านั้นที่ผ่าน มาๆ จัดมาแก้เครียดหน่อย” ไอ้ลินตอบ หันไปชักชวนไอ้แต้มกับไอ้เขตให้เออออตาม
“เมล กลับกันเถอะ” แต่แค่เสียงใสๆ อ้อนๆ ของไอ้ฟิวดังขึ้น บรรยากาศก็กลับสู่โหมดเงียบแดกอีกครั้ง
“เท็น เท็นพาฟิวกลับได้มั้ย” ไอ้เมลหันมาคุยกับผม แต่ผมไม่ได้สนใจมัน อย่ามาทำให้เหล้าแพงๆ ของกูจืดไปมากกว่านี้เลยว่ะ
“ไม่เอาเท็น ไม่เอา เมลเข้าใจมั้ย!”
“ฟิว! เมาแล้วพูดไม่รู้เรื่องเลยนะ”
เพล้ง! ผมไม่ได้ตั้งใจแต่มือดันไปปัดแก้วของไอ้กัสตกจากโต๊ะเอง ไอ้คิมรีบยกตีนไอ้กัสที่สลบไปแล้วขึ้นพาดขามันเพราะกลัวจะโดนเศษแก้ว แต่แค่เสียงแก้วแตกก็เรียกสายตาคนทั้งร้านให้มารวมอยู่ที่โต๊ะพวกผมแล้ว พี่เจ๋งเดินเข้ามาถามว่ามีเรื่องไรกัน แต่พอรู้ว่าแค่แก้วตกแตกใบเดียวแกก็กลับไปเทคแคร์ลูกค้าต่อ ไม่ลืมที่จะเข้ามากระซิบข้างหูผมว่า ถ้าเครียดนักก็ออกไปดูดบุหรี่ข้างนอก อย่าก่อเรื่อง ฮ่าๆ หน้าผมมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับพี่
“มึงจะไปไหนก็ไปเมล พาไอ้ฟิวไปด้วย ส่งมันให้ถึงบ้านซะ หรือจะถึงเตียงก็ตามใจมึง แต่อย่ามาขวางตีนกู” ผมบอกเสียงเรียบ ไอ้เต๋อกระตุกเสื้อให้ผมนั่งลง
“เท็น มึงพูดอย่างนี้หมายความว่าไงวะ! ฟิวมันเมากูเลยพามาที่นี่ ไม่ได้มีอะไรอย่างที่มึงคิดนะ แล้วมันก็เมามาก พูดอะไรออกมาคงไม่ทันได้คิด มึงจะโกรธคนเมาไปทำไม” ไอ้เมลลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับผม มีไอ้เขตกับไอ้แต้มดึงมือไว้คนละข้าง
“เพราะมันคิดอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ ตอนที่สติมันคุมไม่ได้ถึงได้พ่นออกมา มึงอย่ามาพูดว่าคนเมาจะทำเหี้ยไรก็ไม่ควรถือสาหน่อยเลยเมล เพราะถ้าอย่างนั้นกูไปเอาใครตอนเมามึงก็อย่ามาว่าละกัน”
“นี่มันคนละเรื่องนะเท็น! ฟิวนี่ก็เพื่อนมึง กูไปเจอมันนั่งดื่มอยู่คนเดียวที่สบายตังค์เลยพามาที่นี่ มึงไม่ห่วงเพื่อนมึงเลยเหรอวะ”
“กูต้องห่วงเพื่อนที่เห็นผู้ชายอย่างมึงดีกว่ากูด้วย เหอะ ตลกแดกไอ้สัด เป็นเพราะมันรักมึงมากไม่ใช่ไง ถึงได้โกรธกูเป็นฟืนเป็นไฟอยู่อย่างนี้น่ะ เหี้ยเอ้ย ปล่อยกูไอ้เต๋อ อารมณ์เสียแม่ง”
ผมสะบัดแขนให้หลุดจากมือไอ้เต๋อ ก่อนจะเดินออกจากร้านมาหามุมสงบๆ ดูดบุหรี่
ไอ้เหี้ยเมลสมองคงมีปัญหา มันคิดว่าผมเป็นคนใจกว้างมากนักรึไงถึงได้นั่งให้ไอ้ฟิวซุกซบมันอย่างนั้น
“เท็น”
ผมอัดควันบุหรี่เข้าเต็มปอด ก่อนจะพ่นออกมาใส่หน้าไอ้เมลที่ยืนขวางตรงหน้า
“มึงตามมาทำไม ไม่อยู่ให้มันซุกไซ้ซะให้พอใจล่ะวะ”
“อย่าพูดอย่างนี้เท็น มึงก็รู้ว่ากูตามมาทำไม”
“มึงมีอะไรก็รีบๆ พูดมา”
“เราไม่ทะเลาะกันได้มั้ยวะ ทำไมต้องทะเลาะกันเพราะคนอื่นด้วย”
“คนอื่นที่มึงนั่งให้เขากอดให้เขาซบนั่นเหรอ มึงแน่ใจเหรอว่าคนอื่น”
“เท็น! กูกับฟิวเป็นแค่เพื่อนกันนะ”
“มึงย้ำให้กูฟังหลายรอบแล้วไอ้ควาย แต่การกระทำมึงเพื่อนนักนี่ กูบอกมึงแล้วนะว่าถ้าไม่คิดอะไรก็อย่าไปทำดีกับมัน มึงคิดว่ามึงทำอย่างนี้พ่อพระมากงั้นสิ”
ผมโมโหจนเลือดขึ้นหน้าแล้วตอนนี้ ถ้ามีอะไรที่ทำให้ไอ้เมลเจ็บได้ผมก็จะทำ ผมโกรธหน้าหล่อๆ ที่มีแต่คนหลงใหลของมัน ผมโกรธความใจดีที่เผื่อแผ่ไปทั่วของมัน ผมโกรธที่มันทำให้ไอ้ฟิวต้องโกรธผม
และที่โกรธที่สุดคือไอ้เพื่อนไม่มีสมองนั่น มันเห็นผู้ชายดีกว่าผมที่อยู่กับมันมาตั้งแต่จำความได้ได้ยังไง
เพราะผมไม่ได้ทำผิดอะไร ผมถึงหลับหูหลับตาทำตัวเป็นคนดีไม่โกรธการกระทำของไอ้ฟิวคืนนี้ไม่ได้
“ฟิวดีกับกูมาตลอดนะเท็น ทำทุกอย่างเพื่อกูมาตลอด แล้วมึงจะให้กูใจร้ายกับมันได้ยังไงวะ”
“ในเมื่อมีคนที่ทำทุกอย่างเพื่อมึงขนาดนั้น แล้วมึงมาคบกับกูทำไม”
“......”
“แฟนที่แยกระหว่างความสงสารกับความรักไม่ออก กูไม่ต้องการว่ะเมล”
ไอ้เมลหน้าซีดเผือด แต่ผมก็ไม่อยู่มองนานให้เสียสายตา เลยรีบเดินกลับเข้าไปในร้าน
..............................To be continue...........................................
ดูแลตัวเองด้วยค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน 