ตอนที่ 17“เหี้ยเท็น มึงเอียงหูมานี่ดิ๊”
“อะไรของมึง”
ผมมองไอ้กัสอย่างสงสัยพร้อมกับขยับเข้าไปใกล้มัน ไอ้กัสป้องปากพูดเสียงเบา
“มึงดูไอ้ฟิวดิ กูว่าหลายวันมานี้มันเงียบผิดปกตินะ ลำพังแค่อกหักมันไม่จะเป็นจะตายขนาดนี้หรอก มึงก็รู้จักมันดี แล้วสังเกตดูที่คอ นั่นมันรอยดูดชัดๆ”
ผมขมวดคิ้วกับข้อสันนิษฐานของไอ้กัส
“รอยดูดเหรอวะ แต่ไอ้ฟิวมันไม่มีแฟน มันจะไปนอนกับใครได้”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่รอยมันยังใหม่ๆ อยู่เลยนะ”
ผมก็เห็นเหมือนที่ไอ้กัสเห็น แต่ไม่รู้จะสรุปประเด็นนี้ยังไง ผมเห็นรอยแดงๆ แปลกๆ นี้เมื่อหลายวันก่อน ก็วันที่ทะเลาะกับไอ้เมลเรื่องไอ้ฟิวนั่นแหละ แต่ผมไม่คิดว่าไอ้เมลมันเป็นคนทำหรอก ก็มันอยู่กับผมทั้งคืนแถมช่วงเช้ายังจัดหนักด้วยกันอีก คงไม่สามารถแว๊บหายไปทำอะไรไอ้ฟิวได้
“มึงอยากรู้ก็ถามมันไปตรงๆ เถอะ ง่ายกว่ามานั่งเดา” ผมบอกพลางเช็คระบบน้ำที่ต่อตรงมาจากบ้านใหญ่
“แล้วมึงไม่อยากรู้ไงวะ”
“ไม่อ่ะ เป็นเรื่องของมัน ถ้ามันอยากบอกก็คงบอกเองแหละ มึงเลิกอู้งานได้ละ ไปดูตรงนั้นให้หน่อย ทำไมน้ำมันไม่ขึ้น”
“เออๆ ได้ทีล่ะชี้นิ้วสั่งเลยนะมึง”
ผมยักไหล่ไม่สนใจเสียงบ่นของไอ้กัส วันนี้พวกผมมาจัดสถานที่เตรียมงานวันเกิดแม่ที่จะเริ่มวันพรุ่งนี้ ส่วนไอ้เมลบอกว่าเรียนเสร็จจะพาเพื่อนๆ มันมาช่วย ตอนนี้เลยมีแค่พวกผมที่ลุยงานกันอยู่
พวกคนงานในบ้านตื่นเต้นกันใหญ่ที่ผมเปิดบ้านต้อนรับแขกมากขนาดนี้ ความจริงก็คิดว่าจะมีแค่ไอ้กัสกับไอ้ฟิว แต่ที่ไหนได้ พวกไอ้เต๋อก็ดันอยากตามมาด้วย ก็ไม่มีปัญหาครับ ตามจิตศรัทธาคนอยากช่วย เราไม่ควรขัด
ไอ้ฟิวเป็นแม่งานตกแต่งสถานที่ โดยมีลูกทีมอย่างไอ้เต๋อ ไอ้แม็ค ไอ้คิมและพวกแม่บ้านอีกสามสี่คนช่วยกันสูบลูกโป่ง หาของมาตกแต่งกระโจมผ้าที่ตั้งไว้รอบๆ สวน ใกล้สระว่ายน้ำผมก็ให้ตั้งไว้ด้วย เพราะวันเกิดแม่ในแต่ละปีคนไม่เคยต่ำกว่าร้อย ส่วนไอ้เต้กับไอ้กัสเป็นลูกมือผมในการเช็คความเรียบร้อยของสวน
“การ์ดเชิญคุณลุงจัดการให้แล้ว น้ำแข็งก็สั่งจากบ้านไอ้เต๋อ ส่วนเรื่องอาหารกูสั่งจากภัตตาคารของปู่ไอ้คิม เรื่องเครื่องดื่มเราค่อยปรึกษากันอีกที มึงโอเคมั้ย” ไอ้ฟิวเดินมาถามผม
“ตามนั้นเลย เดี๋ยวมึงช่วยไปจัดการเรื่องดอกไม้ด้วย อย่าลืมเรื่องของตอบแทนให้กับคนที่มางานด้วยล่ะ”
“อืมๆ เดี๋ยวกูจัดการให้” มีไอ้ฟิวก็สบายไปร้อยแปดอย่าง
“เหี้ยเท็น ว่างๆ กูมาออกรอบบ้านมึงได้ป่ะเนี่ย ไม่คิดว่าบ้านมึงจะถึงขั้นมีสนามกอล์ฟ” ไอ้เต้ถามขึ้นพร้อมกับกวาดตามองไปทั่ว
“เอาดิ ค่าผ่านประตูสามพัน มึงจ่ายที่ลุงยามได้เลย”
“_วย เคี่ยวจริงนะมึง”
ผมยักไหล่ ไม่ได้พูดเล่นครับพวกคุณ พูดจริง หารายได้เข้ากระเป๋าบ้างจะได้ไม่เกาะพ่อแม่กินไปตลอดชาติ หึหึ
ตอนบ่ายแก่ๆ พวกไอ้เมลก็โผล่หัวกันมา แต่เพราะแดดแรงอย่างไม่น่าให้อภัย ผมเลยสั่งพักงานแล้วให้แม่บ้านเปิดห้องรับแขกต้อนรับพวกมัน ปกติผมไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายในบ้าน แม้แต่ไอ้เมลที่มาหาผมบ่อยๆ ระหว่างที่ผมรับจ็อบเป็นคนสวน มันก็ไม่มีโอกาสได้เข้ามา แต่ครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษ
“เหี้ยเท็น นี่รางวัลมึงหมดเลยเหรอวะ” ไอ้เต๋อที่ยืนสำรวจอยู่หน้าตู้กระจกเอ่ยปากถาม เรียกให้ความสนใจของคนอื่นๆ พุ่งไปที่มัน
“อืม แต่สองชั้นล่างของป๋ากับแม่กู”
ไอ้เต๋อพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะร้องเสียงดังทำเอาทุกคนตกใจไปตามๆ กัน
“มีอะไรไอ้เหี้ยเต๋อ!” ไอ้แม็คถามขึ้นหลังจากเรียกขวัญกลับเข้าร่าง
“พวกมึงมาดูนี่!” ไอ้เต๋อชักชวนคนอื่นๆ ไปรวมตัวที่มัน ก่อนเสียงประสานของพวกมันจะดังลั่นบ้าน
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย! ไอ้เท็น! มึงบอกความจริงมาเดี๋ยวนี้ว่ามึงเป็นใครกันแน่!”
ผมมองพวกมันอย่างงงๆ พวกมันก็มองตอบผมเหมือนเห็นผี ผมหันไปขอความเห็นจากไอ้กัสกับไอ้ฟิว แต่พวกมันก็ยักไหล่ตอบกลับมา
“อะไรวะ กูก็เป็นกูไง”
“มึงชื่อ พชร” ไอ้เต้บอก
คือ กูรู้ว่ากูชื่อพชร แล้วมึงจะบอกทำไมวะ -_-
“ใช่ ทำไมวะ”
“คนในตระกูลมึงมีใครชื่อพชรอีกมั้ย” ไอ้ลินถาม
“จะมีได้ไง ทำไมกูต้องไปชื่อซ้ำญาติกูด้วยล่ะ”
“งั้นมึงดูนี่ ทำไมคำนำหน้าชื่อมึงเป็น ดร. ล่ะ” ผมรับแฟ้มขนาดใหญ่ที่แม่ทำไว้เพื่อเก็บสะสมผลงานของผมจากไอ้แต้มมาดู ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพวกมันทีละคนจนไปหยุดอยู่ที่ไอ้เมล
“อ้าว แปลกตรงไหน ก็กูจบเอกแล้ว”
“พ่องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!”
ผมสะดุ้ง ผงะถอยหลังเล็กน้อยกับเสียงตะโกนดังคับบ้านอย่างพร้อมเพรียงของพวกมัน
“มึงพูดมาได้ไงว่าแปลกตรงไหน เหี้ยเท็น นี่มึงอายุเท่าไหร่ แดกยาอายุวัฒนะให้เด็กลงใช่มั้ย” โห ไอ้เขต จินตนาการมึงจะล้ำเกินไปละ
“กูเพิ่งสิบเก้าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็พอๆกับพวกมึงบางคนในนี้”
ไม่รู้ว่าจะนับเป็น 19 ได้ไหม เพราะปีนี้ไม่มีวันที่ 29 กุมภา ถัดจากห้าทุ่มห้าสิบเก้าของวันที่ 28 ก็เป็นวันที่ 1 มีนาแล้ว ผมเลยไม่ได้ฉลองวันเกิด เพราะให้ไปฉลองวันที่ 28 หรือวันที่ 1 ก็ไม่ดูเหมือนเป็นวันเกิดตัวเองนี่หว่า เลยสั่งงดของขวัญและการฉลองทุกอย่าง -*-
“แต่มึงจบเอก ได้ไงอ่ะ ไม่ใช่ละกูว่า ต้องมีการอำกันเล่น” ไอ้เต๋อส่ายหน้าอย่างรับไม่ได้
“กูว่ามันไม่ได้อำหรอกว่ะมึง ดูรูปนี่สิ” ไอ้แม็คค้าน ส่งอัลบั้มรูปให้ไอ้เต๋อดู
ผมเลิกสนใจไอ้พวกบ้าที่กรูกันไปมุงดูนั่นดูนี่ ไม่ได้จะถามความเห็นกูเลยว่าอนุญาตไหม ก่อนจะลากไอ้เมลออกมานั่งด้วยกันที่โซฟา ใครจะบ้าก็บ้าไป แต่แฟนกูห้าม
“เป็นอะไรเมล” ผมถามเมื่อเห็นมันมองหน้าผมตาไม่กะพริบ
“มึงเป็นใคร”
ผลัวะ!
ผมตบหัวไอ้เมลเรียกสติไปหนึ่งที
“แฟนมึงไงไอ้ควาย จ้องอยู่ได้ ทำอย่างกะกูไม่ใช่คน”
“ก็มึงไม่ใช่”
“เดี๋ยวโดนๆ แล้วพวกมึง ถ้าทัศนศึกษาเสร็จแล้ว พวกมึงก็มานั่งแดกน้ำกันได้ละ เดี๋ยวมีงานต้องไปทำต่อ”
“มึงอธิบายหน่อยดิวะ ว่าอะไร ทำไม คือกูงงมาก ดอกกกกก” ไอ้เต๋อทำหน้าละเหี่ยใจ พาชาวคณะของมันกลับมานั่งโซฟาตามเดิม
“มายุ่งอะไรกับชีวิตกู”
“ก็กูอยากรู้อ่ะ อยากรู้ๆๆๆๆๆๆ”
เวลาไอ้เต๋อมันบ้าขึ้นมา จะดูน่าถีบมากกว่าน่ารัก เพราะไอ้ห่าเต๋อมันโวยวาย และผมก็หาได้สนใจมันไม่ ไอ้กัสเลยเตะหน้าแข้งผมหนึ่งทีก่อนจะเป็นคนเฉลยให้ทุกคนฟัง
“มันจบเอกตอนพวกเราเรียนมอหนึ่ง เก็ทมั้ยไอ้ควาย”
“เฮ้ยยย จริง งั้นมึงก็เป็นไอ้พวกอัจฉริยะอะไรพวกนั้นป่ะวะ ไอ้เหี้ยยย กูมีเพื่อนเจ๋งขนาดนั้นเลย โหววว งั้นไอ้พชรที่ทำคะแนนแอดมิชชั่นได้สูงสุดของประเทศเมื่อปีที่แล้วก็มึงอ่ะดิ โอ้ยยย ท่านเทพ มาให้กูกราบที”
ผมยกตีนขึ้นแทบไม่ทันเมื่อไอ้เต๋อกับไอ้แม็คถลาเข้ามาใกล้
“เดี๋ยวกูถีบ ไปไกลๆ ตีนกูเลยไอ้พวกบ้า”
“แล้วอย่างนี้มึงจะเรียนอีกทำไมวะเท็น” ไอ้มายด์ถามอย่างสงสัย
“ก็กูไม่มีอะไรทำ แล้วไอ้กัสกับไอ้ฟิวก็อยู่กับกูตลอดไม่ได้ กูเลยตามมันไปเรียน”
ผมมีเพื่อนวัยเดียวกันก็แค่ไอ้กัสกับไอ้ฟิวเท่านั้น แต่พอเข้าเรียนก็เจอพวกไอ้เต๋อมาร่วมป่วนในชีวิต แล้วไม่นานนรกก็ส่งไอ้เมลมาให้ ถึงการเรียนจะน่าเบื่อและผมจะโดดเป็นประจำ แต่อย่างน้อยผมก็เจอเพื่อนที่สามารถคุยเล่นกันได้
“แล้วมึงก็โดดเป็นประจำ ให้พวกกูต้องตามว่าปากเปียกปากแฉะ บางทีก็หายไปเป็นเดือนสองเดือน” ไอ้ฟิวพูดแขวะขึ้นมา
“ก็กูบอกแล้วว่าจะไปตามหาแรงบันดาลใจ แล้วเวลามึงโกรธก็ตลกดี”
“มึงมันนิสัยไม่ดี”
ผมยักไหล่ไม่สนใจคำต่อว่าของไอ้ฟิว จากนั้นพวกมันก็ผลัดเปลี่ยนกันซักถามผม ผมก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้างตามอารมณ์
“มึงไม่คิดจะทำอะไรให้เป็นประโยชน์ต่อโลกหรือประเทศชาติบ้างไงวะ แบบวิจัยนั่น คิดค้นนี่ อะไรอย่างงี้” ผมฟังคำพูดที่ดูจะยิ่งใหญ่มากของไอ้ลินแล้วขนลุก
“จะให้กูทำอะไร กูไม่ชอบอะไรสักอย่าง กูเลยต้องมาตามหาแรงบันดาลใจของตัวเองไง”
“ด้วยการที่ไปเป็นพนักงานส่งไก่บ้าง ทำงานร้านพิซซ่าบ้าง ฝนมาก็ไปช่วยชาวบ้านไถนาทางภาคเหนือบ้าง หายไปคาสิโนเกือบสองเดือนบ้าง ล่าสุดนี่มึงทำอะไรนะ อ้อ เลี้ยงไก่ชน” ไอ้เต๋อสาธยายมาเป็นฉากๆ
“คือ เท็น กูพูดจริงๆ นะ เสียดายความฉลาดของมึงจริงๆ ว่ะ” ไอ้เขตบอกด้วยหน้าตาที่รับไม่ได้อย่างจริงจัง
“โอ้ย มีมากกว่านี้อีกพวกมึง เด็กในภาคกูคิดว่ามันเรียนผิดคณะด้วยซ้ำ เพราะมันอินดี้ไม่พอ ยังอาร์ตตัวพ่ออีกต่างหาก ถ้าวันดีคืนดีมันชวนมึงไปนั่งมองเป็ดแถวบึงของพวกเกษตรมึงก็ไม่ต้องตกใจไปนะ งานอดิเรกอย่างที่ร้อยของมันล่ะ” ไอ้เต๋อยังคงพล่ามต่อไป อืม จะว่าไปไอ้นี่ก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ผมจริงๆ จัดตีนให้งามๆ สักสามทีดีมั้ยวะ
ผมปล่อยให้คนอื่นๆ ฟังไอ้เต๋อมันพล่ามไป ก่อนจะพาไอ้เมลขึ้นห้องมา มันยังดูมึนๆ งงๆ อยู่
“เป็นไรมากมั้ยมึง กลัวกูเหรอวะ”
“เปล่า ไม่ได้กลัว แต่ก็ ไม่รู้ดิ บอกไม่ถูก แล้วนี่ห้องนอนมึงเหรอ”
ไอ้เมลกวาดตามองไปทั่วห้อง ผมพามันเดินไปนั่งที่โซฟา แล้วเดินมาหาน้ำในตู้เย็นเล็กให้มัน
“เอ้า แดกๆ เข้าไป” ผมแนบกระป๋องโค้กกับแก้มไอ้เมล มันสะดุ้งนิดๆ แต่ก็รับไว้
เรานั่งเงียบกันอยู่สักพัก ผมก็จมอยู่กับความคิดตัวเอง นานแล้วที่ไม่ได้กลับมา ก็ตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งแล้วย้ายไปอยู่บ้านกับไอ้กัสไอ้ฟิว ทุกอย่างยังเหมือนเดิม คงมีแต่ผมที่เปลี่ยนไป
“เท็น” เสียงไอ้เมลเรียกขึ้นเบาๆ
ผมหันหน้าไปมองมันที่ทำหน้าแบบเดาความคิดไม่ออก
“อะไร”
“เท็น”
“ว่าไง”
“เท็น”
ผมดึงไอ้เมลมากอดไว้ มันเป็นไรของมัน ทำไมต้องทำหน้าแบบนี้ใส่ผมด้วย ผมไม่ชอบเลย
“กูก็คือกูไม่ใช่รึไงเมล”
ไอ้เมลพยักหน้ากับไหล่ผม มันรัดตัวผมแน่น
“กูอยากเดินไปพร้อมๆ กับมึง แต่พอรู้ว่ามึงไปไกลเกินกว่าที่กูจะตามทันแล้วมันก็พูดอะไรไม่ออก”
“กูไปไกลที่ไหน ก็อยู่กับมึงนี่ไง กูก็เป็นนักศึกษาปีสองคณะวิศวะเหมือนมึง กูไม่มีอะไรต่างจากมึงเลยตอนนี้ อย่าคิดมากดิวะ”
“ขอโทษ”
“เรื่องอะไร หืมมม ว่าไง หรือเรื่องเด็กที่ทักไลน์มึงมาเมื่อเช้า”
ไอ้เมลหน้าเหวอทันที ผมเลยดีดหน้าผากมันก่อนจะจูบลงบนรอยแดงๆ ที่ดีดไป
“กูพูดเล่น หรือมีจริงๆ หือออออ”
“หึ กวนตีนเท็น”
ไอ้เมลเวลามันยิ้มความหล่อมันจะเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่า เพราะฉะนั้นผมถึงอยากให้มันยิ้มบ่อยๆ ไม่อยากเห็นมันทำหน้าเศร้าเหมือนเมื่อกี้เลยจริงๆ
.
.
.
24 สิงหาคม....
ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว ป๋ากำลังพาแม่นั่งเฮลิคอปเตอร์มา เราตกลงกันว่าจะปิดตาแม่ตั้งแต่ที่สนามบิน เพราะไม่อยากให้แม่รู้ว่าจะถูกพาไปที่ไหน
ผมไม่ได้เจอกับแม่มาเกือบปีแล้ว ตั้งแต่งานวันเกิดท่านเมื่อปีที่แล้วเราก็ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง
ผมรออยู่ครึ่งชั่วโมงไอ้กัสก็โทรมาบอกว่าป๋ากับแม่มากันแล้ว ป๋ากำลังพาแม่มาที่ห้องนอนของแม่ ที่ที่ผมสิงสถิตย์อยู่ ณ ตอนนี้ เสียงเปิดประตูเบาๆ ผมรีบเดินไปที่ประตู ก่อนจะจับมือแม่มาวางไว้บนแขนตัวเอง
“อะไรกันคะคุณ เมื่อไหร่จะเปิดผ้าได้ซักทีคะ แล้วพามาที่ไหนกันคะ”
ผมพาแม่เดินมาหยุดอยู่ที่ริมหน้าต่างที่สามารถเห็นสวนที่ผมทำไว้ชัดเจน ผมทำสัญญาณมือให้ป๋าปิดไฟในห้อง จนทั้งห้องมืดสนิท ก่อนจะแก้ผ้าผูกตาให้แม่
“ที่ไหนกันล่ะเนี่ย แล้วทำไมมืดอย่างนี้ล่ะ คุณคะ คุณอยู่ไหน”
“ลองมองไปตรงนั้นสิครับ”
“ใครน่ะ เท็นเหรอคะลูก ทำอะไรกันนะพ่อลูกคู่นี้...”
แล้วเสียงแม่ก็เงียบไป บริเวณรอบข้างที่มืดสนิทมีเพียงสวนที่ผมทำขึ้นเท่านั้นที่มีไฟส่องสว่าง
“สุขสันต์วันเกิดนะครับแม่ ปีนี้ธรรมดาไปหน่อย แม่ชอบมั้ยครับ”
แม่ผมเป็นผู้หญิงที่ขี้แยแต่เวลามีใครมารังแกผมก็จะกางปีกปกป้องอย่างไม่กลัวใคร แม่โผตัวเข้ามากอดผมไว้ ร้องไห้ออกมาเงียบๆ
“โธ่ ร้องไห้อย่างนี้ แม่ไม่ชอบเหรอครับ”
“ชะ..ชอบ ชอบมากเลยค่ะ เท็นแกล้งแม่อีกแล้วนะคะ”
“เท็นเปล่านะ แม่อยากไปดูใกล้ๆ มั้ย เท็นพาไป”
“ไปค่ะๆ แม่อยากไปยืนตรงกลางสวนเลย”
ผมกดส่งข้อความที่พิมพ์เตรียมไว้ในมือถือแล้วไปให้ไอ้กัส ให้มันจัดการดับไฟและซ่อนคนในงานไว้ ทุกคนก็ให้ความร่วมมือกันดีครับ พอออกไปทั่วบริเวณก็เงียบกริบแล้ว ผมพาแม่เดินไปตามทางที่ทอดสู่ซุ้มประตูโค้ง ปล่อยให้แม่เดินเข้าไปยืนตรงกึ่งกลางสวน แม่หมุนตัวไปรอบๆ มองดูนั่นดูนี่อย่างสนใจ
“หลับตาสิครับแม่”
แม่หลับตาลงตามที่ผมบอก พอผมดีดนิ้วเป็นสัญญาณให้ไอ้กัส มันก็จัดการตามที่เตี๊ยมกันไว้ทันที
“ลืมตาได้แล้วครับคนสวย”
น้ำพุเล็กๆ พุ่งขึ้นมารอบสวนพร้อมกับไฟสลับสีที่ส่องมาจากใต้น้ำ น้ำตกที่ต้องจ้างพวกนักตกแต่งสวนมาทำให้ถึงสองวันก็สวยสมราคา มีน้ำตกลงมากระทบกับหินก้อนใหญ่ ก่อนจะตกลงสู่แอ่งน้ำขนาดเล็กแล้วไหลไปตามลำธารที่โอบล้อมสวนนี้ไว้ ผมจัดไฟไว้ที่ต้นดอกกุหลาบด้วย เลยเรียกเสียงกรี๊ดเบาๆ จากแม่ได้เป็นอย่างดี
“เท็น ขอบใจมากนะคะลูก แม่ชอบมาก แม่รักเท็นที่สุดเลย”
“เท็นก็รักแม่ครับ แม่ต้องกลับบ้านบ่อยๆ นะ ถึงจะได้เห็นของขวัญวันเกิดที่เท็นตั้งใจทำให้ เท็นปลูกดอกกุหลาบทุกต้นเองเลย”
“เท็น” แม่กอดผมอีกครั้ง คราวนี้ร้องไห้ออกมาเสียงดัง
“ว้า...เจ้าของงานร้องไห้ซะแล้ว ทำไงดีล่ะเนี่ย ร้องเพลงปลอบใจดีมั้ยครับป๋า!!” ผมตะโกนถามออกไปเสียงดังๆ
เสียงที่ตอบกลับมาเป็นเสียงเพลงที่ทุกคนที่มางานช่วยกันร้อง ป๋าเดินเข้ามาพร้อมกับเค้กก้อนเล็กๆ
“Happy birthday to you Happy birthday to you Happy birthday Happy birthday Happy birthday…to…you”
“ดูซิ ลูกโตขนาดนี้แล้วยังขี้แยไม่เปลี่ยน ผมรักคุณมากนะรู้มั้ย อยู่กับผมไปนานๆ นะ สุขสันต์วันเกิดครับ อธิษฐานก่อนเป่าด้วย”
ซีนนี้ป๋าผมหล่อได้ใจไปเลย ผมยิ้มให้แม่ที่หันมามอง
“มีความสุขมากๆ ครับแม่ อยู่กับเท็นกับป๋าไปนานๆ เลยนะ”
เมื่อแม่เป่าเทียนดับ ก็หมายถึงสัญญาณเริ่มงานเลี้ยง
หลังจากนี้ก็หมดหน้าที่ผมแล้ว ปล่อยให้ป๋ากับแม่ไปรับแขกกันต่อ ส่วนผมก็แยกตัวมาอยู่กับเพื่อนๆ
“ไงเหี้ยเต๋อ ซึ้งจนน้ำตาไหลเลย” ผมแซวไอ้เต๋อที่รีบเช็ดน้ำตาออกทางหางตา
“เมื่อกี้กูหาวเว้ย ไม่ได้ซึ้ง วันเกิดแม่กูกูก็จะทำเซอร์ไพรส์แม่บ้าง ไม่ให้น้อยหน้ามึงแน่”
“ก็เรื่องของมึงสิ”
“ไอ้...”
ผมเลิกสนใจไอ้เต๋อ ก่อนจะหันมายิ้มให้ไอ้เมล มันลูบหัวผมแล้วยิ้มตอบกลับมา
“มึงสวยเหมือนแม่เลยเท็น”
“โวะ ไอ้ห่า ทำไมไม่บอกว่ากูหล่อเหมือนป๋าวะ”
“หึหึ อย่าทำหน้าบึ้งดิวะ”
กระโจมผ้าสองตัวตรงนี้พวกผมยึดพื้นที่ไว้แล้ว ก็นั่งกินนั่งดื่มกันไป จนป๋ากับแม่เดินเข้ามา ตามมาด้วยแม่บ้านที่ช่วยกันยกจานเค้กมาให้ ทุกคนถึงต้องวางเครื่องดื่มทุกอย่างแล้วยกมือไหว้ ผมเห็นไอ้เมลทำหน้าประหม่านิดหน่อย
“สวัสดีคร้าบบบบบบบบบบบคุณลุงคุณป้า ขอให้คุณป้ามีความสุขมากๆ นะคร้าบบบบ” เหมือนพวกมันเตี๊ยมกันมาเพราะพูดพร้อมกันเป๊ะ ป๋ากับแม่ผมหัวเราะออกมาเลยทีเดียว
ผมแนะนำเพื่อนๆ ให้ป๋ากับแม่รู้จัก เริ่มจากไอ้เต๋อที่นั่งข้างไอ้กัส ไปจนถึงไอ้เขตที่นั่งหัวโต๊ะอีกฝั่ง เว้นไอ้เมลไว้เพราะมันไม่ใช่เพื่อนผม ฮ่าๆ
“ค่ะ ขอบใจนะคะลูกๆ แม่ดีใจที่เท็นพาเพื่อนมางานของแม่ด้วย ฝากดูแลเท็นของแม่ด้วยนะคะ แล้วนี่ทานกันอิ่มมั้ยคะลูก ต้องการอะไรก็บอกเด็กได้นะคะ”
“ขอบคุณครับคุณป้า นี่ของขวัญจากพวกผมครับ ขอให้คุณป้ามีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรงอยู่กับเท็นไปนานๆ นะครับ” ไอ้เมลยื่นกล่องของขวัญที่ห่อด้วยริบบิ้นสีสวยและติดโบว์อย่างดูดี
แม่ยิ้มแล้วรับของขวัญมาถือไว้ ไอ้เมลยิ้มเขินเล็กน้อย แหม พวกมึงนี่ช่างเลือกตัวแทนมอบของขวัญกันดีซะจริงๆ
“ขอบใจมากนะคะทุกคน ความจริงไม่ต้องมีของขวัญอะไรมาก็ได้ แค่ช่วยกันจัดงานให้แม่ แม่ก็ดีใจมากแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกผมเต็มใจ แล้วจะปล่อยให้เท็นทำคนเดียวก็ไม่ได้ ชอบทำอะไรเกินตัว” ไอ้เมลพูด มันหันมายิ้มให้ผมในขณะที่แม่ลูบหัวมันเบาๆ
“แม่ดีใจที่เห็นเท็นมีเพื่อนดีๆ ตั้งหลายคน แล้วกัสกับฟิวเป็นไงบ้างคะลูก เท็นดื้อมากมั้ย”
“ดื้อมากครับคุณป้า ชอบหนีเที่ยวบ่อย บางครั้งก็หายไปเลยไม่ยอมบอกว่าไปไหน ตอนที่เท็นแอบมาจัดสวนให้คุณป้า ก็หายออกจากบ้านไปเป็นอาทิตย์ กลับมามือก็มีแต่แผล” ไอ้ฟิวได้ทีล่ะฟ้องใหญ่เลย
แม่น้ำตาคลอ มองผมก่อนจะก้มลงมากอด
“ไม่มีอะไรต้องห่วงครับแม่ เรื่องเล็กน้อย”
“ไม่เล็กเลย แล้วแม่ก็บอกเท็นแล้วว่าถ้าจะไปไหน ลูกต้องบอกกัสกับฟิวไว้ ทุกคนจะได้ไม่เป็นห่วง เข้าใจมั้ยคะ”
“แม่ ก็เท็นโตแล้ว ทำไมต้องวุ่นวายบอกเรื่องตัวเองให้คนอื่นรู้ด้วย”
“เท็น เชื่อที่แม่พูดเถอะน่า แล้วกัส ทำไมหนูไม่ใส่กระโปรงที่ลุงให้คนส่งไปให้ล่ะลูก” ป๋าพูดกับผมก่อนจะเปลี่ยนพิกัดไปที่ไอ้กัส มันนั่งตัวตรงแล้วยิ้มแหยๆ ป๋าก็เหมือนพี่เจ๋ง ที่ยังหน้ามืดตามัวเชื่อว่าไอ้กัสเป็นผู้หญิง
“คือหนูไม่ถนัดค่ะคุณลุง ไม่มีใครช่วยแต่งตัวด้วย หนูเลยว่าแต่งสบายๆ ดีกว่า”
เวลาได้ยินไอ้กัสมันพูดคะพูดขาแล้วจั๊กจี้หู ต่อหน้าพ่อแม่มัน กัสจังก็ยังเป็นเด็กผู้หญิงที่แสนอ่อนโยน กลัวกระทั่งชิวาว่าตอนเห่า ความคิดนั้นถูกส่งตรงมายังสมองป๋ากับแม่ผมด้วย แต่ความจริงที่แสนโหดร้ายก็คือ ไอ้กัสมีเมีย และสามารถเตะชิวาว่าให้กระเด็นไปไกลได้ถ้ามาเห่าให้มันรำคาญ
“เป็นงั้นไป แล้วนี่เท็นมีแฟนยัง พวกลูกๆ รู้กันบ้างมั้ย หน้าอย่างลูกป๋านี่มีคนมาสนใจบ้างรึเปล่า”
เห็นพวกเพื่อนๆ ลอบมองตากัน และไอ้เมลที่นั่งอยู่ข้างผมก็เกร็งขึ้นมาทันที
“มีแล้วป๋า” ผมตอบ
ก็ไม่เห็นต้องปิดบังอะไร ป๋ากับแม่ผมเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย อีกอย่างแม่ก็อยากให้ผมมีแฟนมาตั้งนานแล้ว แม่คงไม่สนใจหรอกว่าแฟนผมจะเป็นใคร แค่ให้ผมสนใจคนอื่นมากกว่าตัวเองก็พอ
“จริงเหรอคะลูก เป็นใครมาจากไหนคะ ลูกเต้าเหล่าใคร เท็น ไม่ได้พูดเล่นใช่มั้ยคะ โอ้ยยย ตายแล้วค่ะคุณ ลูกชายฉันมีแฟนแล้ว”
คือ ถ้าแม่กรี๊ดได้ก็คงกรี๊ดไปแล้วล่ะ
“แม่กังวลอยู่ตั้งนาน กลัวเท็นจะต้องอยู่คนเดียว เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคะ”
เพราะคำถามของแม่ผมทำให้คนอื่นๆ พากันอ้าปากค้าง ยกเว้นไอ้กัสกับไอ้ฟิวที่รู้นิสัยแม่ผมดี
“ผู้ชายแม่ หล่อป้ะ คนนี้อ่ะ ชื่อเมล” ผมจับหน้าไอ้เมลยื่นไปให้แม่ดู มันร้องเฮ้ยเบาๆ แถมยังทำหน้าได้โคตรตลก
“เท็น เบาๆ สิคะ เจ็บมั้ยคะน้องเมล ว่าแต่อายุเท่าไหร่ ส่วนสูง น้ำหนัก กรุ๊ปเลือด ความชอบ หรืออะไรก็ได้ บอกมาให้หมดเลยค่ะ แม่อยากรู้ คุณคะ ทำยังไงดี เท็นมีแฟนแล้ว”
ถ้าแม่จับไอ้เมลไปเข้าเครื่องสแกนได้แม่คงทำไปแล้ว ไอ้เมลหันหน้ามาทางผมเหมือนขอคำอธิบาย มันดูเขินๆ ยังไงชอบกล
ป๋าเลิกคิ้วมองผม ก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่ไอ้เมล
“ไปกันเถอะคุณ ตอนนี้ต้องไปคุยกับแขกคนอื่นก่อน เราหายมานานแล้ว”
“แต่คุณคะ ฉันอยากอยู่คุยกับพวกเด็กๆ ต่อ”
“ไม่ได้ คุณต้องไปกับผม”
แม่เดินจากไปด้วยหน้าตาที่เสียดายอย่างสุดซึ้ง ผมหัวเราะเบาๆ แต่ไอ้เมลกับชาวคณะยังไม่หายตกใจ
“มึงไม่ต้องคิดมาก แค่กูมีแฟนแม่ก็ดีใจมากแล้วล่ะ จะหญิงหรือชาย ถ้ากูรัก ก็ไม่มีปัญหานี่ ใช่ป้ะ”
“คือ กูไม่คิดว่า เอ้อ เหมือนป๋ามึงจะรับไม่ได้” ไอ้เมลบอกหน้าตากังวล
“เมลอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกนะ” ไอ้ฟิวช่วยพูดอีกแรง เพราะงั้นสีหน้ามันเลยดีขึ้นมา
ผมผลักหัวไอ้เมลเล่น เห็นไอ้ฟิวมองมาด้วยสายตาเศร้าๆ แต่พอผมหันไปเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม มันก็แค่ส่ายหน้าแล้วหันกลับไปสนใจกับขนมเค้กในจานต่อ
“ชีวิตมึงมีอะไรให้พวกกูตกใจอยู่เรื่อยนะเหี้ยเท็น ไม่มีใครกล้าเปิดตัวแฟนอย่างมึงหรอกเว้ย ดีนะที่ป๋ากับแม่มึงไม่ช็อค” ไอ้ลินตะโกนมาจากอีกฟากหนึ่งของโต๊ะตัวยาว
“อ้าว แปลกตรงไหนวะ ก็นี่แฟนกูอ่ะ ไม่เห็นต้องปิดบังใคร ถามมาก็ตอบไป แค่นั้น”
“มาอีกละ ไอ้วลีแปลกตรงไหนของมึงเนี่ย! กูล่ะเพลีย” ไอ้เต๋อทำหน้าเพลียจริงๆ จนคนอื่นๆ หัวเราะกับหน้าตลกๆ ของมัน
ผมนั่งมองบรรยากาศรอบงาน ในขณะที่พวกเพื่อนๆ ก็กินกันไปคุยกันไป เรื่องบอลบ้าง เรื่องผู้หญิงบ้าง หมาที่บ้านตายบ้าง ตามแต่จะขุดมาพูดกัน
และเพราะมันต่างจากทุกๆ ปี ผมถึงอยากเก็บภาพความทรงจำนี้ไว้ ปีก่อนๆ ผมไม่มีใครที่อยากเชิญมา กัสกับฟิวก็ต้องมากับครอบครัวพวกมันอยู่แล้ว แต่ปีนี้ผมมีเพื่อน มีคนรักที่อยากจะแนะนำให้ป๋ากับแม่รู้จัก
ผมไม่ได้อยู่คนเดียวให้แม่ต้องเป็นห่วงอีกแล้วนะครับ...เป็นของขวัญวันเกิดอีกชิ้นที่ไม่ได้ตั้งใจจะให้ แต่คิดว่าแม่คงชอบมากเหมือนกัน
..................To be continue......................
มาถึงตอนนี้ ใครพอจะเข้าใจว่าเท็นเป็นคนแบบไหนบ้างคะะะะ ถ้าเข้าใจคุณจะรู้ว่าเพราะนิสัยนี้แหละที่จะทำให้อะไรๆ มันยุ่งยากขึ้นนนนนน แต่อย่าเบื่อ หรือเอือมเขาเลยนะคะ
ฝากติดตามกันต่อไป

ยินดีต้อนรับนักอ่านหน้าใหม่ 
และกอดด้วยความห่วงใยสำหรับนักอ่านขาประจำ
อุ่ยย ผิด 