ตอนที่ 18“นี่เมล เมลรู้มั้ยว่าไอ้มายด์ไปทำไมที่บ้านบ่อยๆ”
ผมกำลังเข้าครัวทำอาหารเช้าอยู่ก็นึกขึ้นได้ว่าไอ้กัสบอกช่วงนี้ไอ้มายด์มันเข้าออกที่บ้านผมบ่อยเหลือเกินให้ถามเมลให้หน่อยว่ารู้อะไรบ้างมั้ย ผมก็รับปากมันมาได้สองวันแล้วแต่ก็ลืมทุกที
จะว่าไปคนบุคลิกอย่างไอ้มายด์ไม่น่ามีธุระอะไรกับคนในบ้านผมหรอก ถ้าเป็นไอ้ลินก็ว่าไปอย่าง อืมมม ไอ้กัสมันจะสงสัยก็ไม่แปลก
“เห็นว่ามันไปขอให้ฟิวติวภาษาซีให้ มีควิซมั้ง” ไอ้เมลเทนมใส่แก้วเสร็จก็หันมาบอกผม
“อือ แปลกใจนะที่เห็นคนอย่างมันรักเรียน หึหึ”
ผมเลื่อนถ้วยข้าวต้มกุ้งไปตรงหน้าไอ้เมล แล้วยืนพิงขอบโต๊ะลูบหัวมันเล่น
“ก็คงไม่อยากเอฟอีกรอบ แล้ววันนี้เท็นออกไปไหนป้ะ”
“ไป นัดกับไอ้แม็คจะไปดูพันธุ์กล้วยไม้”
หลังจากมีข้อแลกเปลี่ยนกันเล็กๆ น้อยๆ กับไอ้แม็ค วันนี้มันก็เต็มใจโดดเรียนพาผมไปโรงเพาะเลี้ยงกล้วยไม้ของตามัน คือช่วงนี้ผมสนใจอยากเลี้ยงอยู่ แต่ยังขาดความรู้และพันธุ์กล้วยไม้ดีๆ
“ทั้งวันเลย?”
“ก็คงไม่ ไปเฉพาะช่วงเช้า ตอนบ่ายจะไปสนามยิงปืน”
“แล้วมหาลัย จะไม่ไปเลยเหรอวันนี้” ไอ้เมลส่งสายตาออดอ้อนมาให้
ผมเลยก้มลงไปจูบหน้าผากมันหนึ่งที“ตอนเย็นไง ไปรับเมล ดีมั้ย”
“มันก็ดีอยู่หรอก แต่อยากให้ไปเรียนด้วยกันมากกว่า”
ผมลูบแก้มไอ้เมลอย่างไม่สบายใจ มันชอบทำสีหน้าแบบนี้อยู่เรื่อย ผมตามใจมันตลอดไม่ได้หรอก เพราะผมก็มีสิ่งที่ผมอยากทำ แต่พอไม่ตามใจก็เป็นแบบนี้
“อร่อยมั้ย”
“เปลี่ยนเรื่องอ่ะ”
“อร่อยมั้ยเมล”
“อือ”
“ดีแล้ว กินเยอะๆ กูไปนะ”
“ขับรถดีๆ ด้วย”
“จ้าาา”
ต่อให้ไอ้เมลจะทำหน้าไม่สบอารมณ์แค่ไหน แต่พอผมก้มลงจูบปากมัน มันก็จูบตอบกลับมาอย่างอ่อนโยน ...ก็เพราะมันเป็นแบบนี้ ผมถึงค่อยๆ เสียความเป็นตัวเองมากขึ้นทุกวัน
.
.
.
“เหี้ยเท็น มึงไปคุยกับกูหน้าร้านหน่อย” เพราะหน้าไอ้กัสมันจริงจังมากแบบที่ในชีวิตนี้พวกไอ้เต๋อเพิ่งเคยเห็น พวกมันเลยนั่งสงบปากไม่ถามอะไร ปล่อยให้ผมเดินตามไอ้กัสไปหน้าร้านพี่เจ๋งอย่างเงียบๆ
พอมาถึงหน้าร้าน ผมก็ยืนคอย แต่ไอ้กัสก็เอาแต่ยืนดูดบุหรี่ หน้าตามันดูเครียดๆ เหมือนตอนสมัยมันเรียนมัธยมที่พ่อมันกับป๋าผมจะให้เราสองคนหมั้นกัน
“มึงถามไอ้เมลยัง เรื่องไอ้มายด์น่ะ”
“อืม มันบอกว่าไอ้มายด์ไปให้ไอ้ฟิวติวภาษาซี”
ไอ้กัสทำหน้าเหมือนว่าผมกำลังล้อมันเล่น
“หึ ติวกันหลายท่าเลยล่ะพวกมัน”
ผมขมวดคิ้วมองไอ้กัสที่อัดควันเข้าไปเต็มปอด
“มึงรู้มั้ยว่าทุกคืนที่กูนอนบ้านกูเห็นอะไร...”
ผมจะไปรู้กับมันได้ไง ช่วงนี้ผมก็นอนคอนโดไอ้เมลซะส่วนใหญ่ ผมเลยส่ายหน้า รอให้มันเฉลยคำตอบ
“ไอ้มายด์กับไอ้ฟิวกำลังมีอะไรกัน”
“มึงหมายความว่า...”
“พวกมันมีเซ็กส์กัน กูเห็นกับตาตัวเอง ได้ยินกับหูกูด้วย”
ผมแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ตกใจหรือมองว่ามันเป็นเรื่องผิดปกติ การมอบความพอใจให้ใครสักคน มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนะสำหรับผม
“แล้วไงวะ มันก็เรื่องของไอ้ฟิว ถ้ามันจะมีอะไรกับใคร”
“ถ้าทุกครั้งไอ้ฟิวจะไม่แอบร้องไห้คนเดียว กูจะไม่ยุ่งเลยเท็น มึงว่ามันไม่แปลกรึไงที่คนอย่างไอ้ฟิวจะยอมนอนกับคนที่มันไม่รัก มึงก็รู้ว่ามันรักไอ้เมล รักมาตั้งเป็นปี แล้วจะทำใจได้แค่ไม่กี่สิบวันนี่นะ ตลกแล้ว”
ก็ถูกของไอ้กัส แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะผมว่า ปุบปับเราจะเข้าไปแทรกเลยได้ที่ไหน ไม่รู้อะไรสักอย่างแล้วจะเข้าไปยุ่งอาจทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
“เอาเถอะ รอดูไปก่อน ปล่อยให้มันได้จัดการชีวิตมันเอง ถ้าไม่ไหวขึ้นมา ตอนนั้นก็ให้เป็นหน้าที่เรา”
“จะดีเหรอวะเท็น”
“เออน่ะ ชีวิตตัวเองถ้าไม่จัดการด้วยตัวเอง จะไปสนุกอะไรวะ ไปๆ เข้าร้าน”
“แต่ไอ้ฟิวมันร้องไห้นะเท็น”
ผมหยุดขาที่กำลังจะก้าวเดินไปที่ประตูแล้วหันกลับไปมองไอ้กัส หน้าตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของมันทำให้ผมต้องยื่นมือไปผลักหัวมันเบาๆ
“ชีวิตนี้ใครก็เคยร้องไห้ และมึงก็ไม่ได้มีหน้าที่ตามเช็ดน้ำตาให้มันตลอด มันต้องเช็ดน้ำตาด้วยตัวเองบ้าง ไม่ใช่มึงหรือใครที่จะอยู่กับมันไปได้ตลอดชีวิต มีแต่ตัวมันเองเท่านั้น”
“กูก็เข้าใจอยู่หรอก”
“ถ้ามันยังไม่มาร้องไห้ต่อหน้าพวกเรา กูก็คิดว่าตอนนี้มันยังไหว ไม่มีอะไรต้องห่วง”
ผมเดินกลับเข้ามาในร้านก็เห็นพวกไอ้เต๋อนั่งหน้าสล่อนเหมือนรอตั้งคำถามอยู่แล้ว แต่ผมส่ายหน้าไม่ให้พวกมันพูดหรือถามอะไร พวกมันก็เหมือนจะเข้าใจในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่วายซุบซิบกันเสียงดังให้ผมได้ยิน
“มีความลับว่ะ กูว่าไอ้กัสมันต้องสารภาพรักกับไอ้เท็นแน่ๆ มันอาจจะเพิ่งนึกได้ว่ารักไอ้เท็น มึงก็เห็นหน้ามันตอนเดินออกไป กูว่าต้องใช่แน่ๆ ร้อยวันพันปีไอ้กัสมันเคยทำหน้าแบบนั้นที่ไหน” ไอ้เต้ทำมือป้องปากขยับเข้าไปพูดใกล้หูไอ้เต๋อที่พยักหน้าทุกครั้งที่ไอ้เต้เว้นจังหวะหายใจ
“ไม่แน่หรอกพวกมึง อาจจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย อย่างเรื่องแย่งผู้หญิงกันแล้วไอ้กัสขอเคลียร์อะไรแบบนั้น มึงก็รู้ เหี้ยเท็นต่อให้มันมีผัวเป็นตัวเป็นตน แต่สันดานเจ้าชู้ของมันก็ยังอยู่ คราวนี้อาจคั่วหญิงคนเดียวกันกับไอ้กัสก็ได้” ไอ้แม็คพูดขึ้นอีกหนึ่งความเห็น
เออนะ พวกมันก็คิดไปได้ พูดกันตรงนี้ผมไม่โกรธนะ แต่ถ้าไปพูดให้ไอ้เมลได้ยินล่ะก็ เพื่อนก็เพื่อนเถอะ กูสั่งเก็บ -_-
และก่อนที่ไอ้คิมมันจะทันได้พ่นอะไรออกมา ไอ้กัสก็เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ พาน้องแฟร์แฟนคนล่าสุดของมันมาด้วย
“ป๊าดดดดดดดด ไอ้กัส นี่น้องแฟร์ที่กูเคยเห็นควงกับไอ้เมฆาเดือนถาปัตย์นี่! มึงไปแย่งเขามาเหรอ!” ไอ้เต้หน้าหงายไปทันทีที่ไอ้เต๋อกับไอ้แม็คพร้อมใจกันปิดปากมัน
ไอ้เต้แม่งปากเปราะ แถมยังปากไว น้องแฟร์หน้าเสียไปเลย
“เอ่อ แฟร์กับพี่เมฆาไม่เคยเป็นแฟนกันค่ะ เราเป็นแค่พี่น้องกัน”
ก็ว่ากันไปตามนั้นล่ะครับ ผมไม่ได้สนใจหรอกว่าน้องแฟร์จะเป็นใคร สวยระดับไหน หรือผ่านชายใดมา สนใจแค่ว่าน้องจะอยู่ในโปรโมชั่นไอ้กัสได้สักกี่วัน เพราะน้องดิวรายล่าสุดทำสถิติได้ถึงหนึ่งเดือนกับอีกสองวัน ก่อนจะต้องเลิกลากันไปด้วยเหตุผลที่ว่าน้องสวยเกินไป พี่อยากคบกับคนธรรมดาไม่ใช่นางฟ้านางสวรรค์
บอกเลยครับว่าไอ้เต๋อกับไอ้แม็คหมั่นไส้ไอ้กัสมาจนถึงบัดเดี๋ยวนี้ -_-
“ไอ้เมลไปไหนล่ะวันนี้ ไม่เห็นตามมาเฝ้ามึง” ไอ้เต๋อที่ส่งรังสีอิจฉาไปให้ไอ้กัสจนพอใจแล้วก็หันมาถามผม
“ฟองเบียร์ งานวันเกิดเพื่อนมัน”
“อ้าว แล้วทำไมมึงไม่ไปกับมัน”
“ไปทำไมวะ ไม่ใช่เพื่อนกู”
ไอ้เต๋อทำหน้าเอือมระอาใส่ผมก่อนจะหันไปทำหน้าเป็นเด็กขี้อิจฉาใส่ไอ้กัสต่อ
ผมใช้นิ้วคนน้ำแข็งในแก้วพลางก็นึกไปถึงหน้าหงิกงอของไอ้เมลเมื่อผมไม่ยอมไปงานวันเกิดเพื่อนมัน ไอ้เมลมันมีเพื่อนต่างคณะเยอะ และไม่จำเป็นที่ผมต้องรู้จักทุกคน ใช่เรื่องของผมที่ไหนล่ะ
ผมนั่งดื่มนั่งคุยกับเพื่อนๆ จนถึงตีสองไอ้เมลก็มารับ กลับไปคอนโดมันก็ไม่ทำอะไรนอกจากกิจกรรมเข้าจังหวะ คือเวลาต่างคนต่างเมาแล้วดึงดูดกันแปลกๆ ผมไม่ได้เมาเหล้าเหมือนไอ้เมลเพราะปกติผมจะดื่มแค่พอกรึ่มๆ ให้ยิ้มง่ายหัวเราะคล่องแค่นั้น แต่เป็นไอ้เมลต่างหากที่ทำให้ผมเมา
“ฟิวกับไอ้มายด์คบกันเหรอเท็น”
ผมขมวดคิ้วอย่างแปลกใจกับคำถาม ก่อนจะดึงหน้าไอ้เมลให้ออกห่างจากอก
“ไม่รู้นะ ทำไมเหรอ”
แล้วไอ้เมลก็เล่าให้ฟังว่างานวันเกิดเพื่อนมัน ไอ้มายด์มากับไอ้ฟิว เพื่อนที่มันว่าก็คือไอ้เมฆาเดือนถาปัตย์ที่ไอ้กัสไปแย่งแฟนมันมานั่นแหละครับ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ไอ้มายด์มากับไอ้ฟิว แต่ปัญหาอยู่ที่ไอ้มายด์มันชกกับไอ้เมฆาเพราะไอ้ฟิวต่างหากล่ะ -_-
“ศึกชิงนาย”
“เหมือนจะอย่างนั้น เคลียร์กับไอ้เมเสร็จไอ้มายด์ก็ลากฟิวออกจากร้านไปเลย อาาา คลายหน่อยเท็น อืมมมม ดีครับ”
“อีกนิดเมล ลึกอีก... อ่าาาา อ๊ะ...อา..อาาา เดี๋ยวเท็นคุยไลน์กับกัสแป๊บนะ เมลเอามือถือมาให้หน่อย”
ไอ้เมลพยักหน้า เอื้อมไปหยิบไอโฟนบนโต๊ะข้างหัวเตียงมาส่งให้ผมแล้วก็ทำกิจกรรมของมันต่อไป
ผมปรับเปลี่ยนท่าตามที่ไอ้เมลบอกส่วนมือก็พิมพ์ข้อความไปหาไอ้กัสให้มันกลับบ้านไปดูว่าไอ้ฟิวกลับถึงบ้านหรือยัง ดีที่คืนนี้มันพาน้องแฟร์ไปเยี่ยมชมห้องนอนมัน ผมเลยรอคำตอบไม่นาน ไอ้กัสบอกเห็นรถไอ้มายด์จอดอยู่ในโรงรถ เคาะเรียกไอ้ฟิวแล้วซึ่งไม่มีเสียงขานตอบ แต่ไอ้กัสก็ยืนยันกับผมว่าไอ้ฟิว อยู่ในห้องเพราะมันได้ยินเสียง ดูจากสติ๊กเกอร์รูปหมีทำหน้าเขินแล้วคงไม่ต้องเดาว่าเสียงอะไร
เอาเถอะ ไอ้ฟิวกลับถึงบ้านก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องอื่นผมไม่สนใจ...
.
.
.
“อ้ายยยยยยยยเท็นนนนนนนนนนนนนน คัมมอนนนนพลีสสสสสสสสส”
ผมเพิ่งปิดประตูรถก็ได้ยินเสียงโหยหวนดังมาแต่ไกล หันไปมองก็เห็นไอ้ซิงวิ่งหน้าตั้งใกล้เข้ามา
“แฮ่ก แฮ่ก โอ้ยยยย เหนื่อยยยยย กูนึกว่าวันนี้มึงจะไม่มาซะแล้ว ติวให้กูหน่อย ขอแบบหลักสูตรเร่งรัด ไอ้เม้งภาคเครื่องเพิ่งบอกกูมาว่าบ่ายสามอาจารย์จะควิซ”
ผมสำรวจไอ้ซิงตั้งแต่หัวจรดเท้า ในมือมันยังถือแผ่นเกมจีบสาวทูดีอยู่เลย
“ใบงานกูมึงทำให้หมดรึยัง”
“เรียบร้อยเพื่อน กูลอกไอ้ฟิวให้แบบไม่มีตกหล่น”
“ดีมาก แล้วรายงานกู”
“ส่งครบหมดทุกเล่ม ตามที่ไอ้ฟิวร่างไว้ให้เป๊ะ”
“เยี่ยม งั้นมึงเลือกสถานที่ได้ เดี๋ยวกูเอาขนมไปให้แฟนกูแป๊บ แล้วตามไป”
“อุ้ยยยย มึงมีแฟน”
ผมเหลือบตามองหน้าไอ้ซิงนิ่งๆ จนมันหน้าจ๋อยสนิท ตอนนี้ไอ้ซิงมันขึ้นสถานะเบ๊ผมโดยสมบูรณ์แล้วนะครับ งานหลวงงานราษฎร์ที่ผมไม่อยากทำก็โยนไปให้ไอ้ซิงโดยมีไอ้ฟิวกำกับดูแลอีกที อย่างนี้ผมก็เบาใจที่ไม่ต้องฟังไอ้ฟิวบ่น แถมยังมีงานส่งครบอีกต่างหาก
“งั้นมึงตามไปที่หอสมุดนะ กูไปรอที่นั่น”
“เออๆ”
หลังจากไอ้ซิงวิ่งหางจุกตูดออกไปไกลแล้วผมก็เดินถือถุงใส่กล่องโดนัทไปที่หน้าตึกเลคเชอร์ของคณะ ไอ้เมลมันคงสิงอยู่ที่นั่นเพราะต้องรอเรียนเลคเชอร์วิชาเซอกิต ผมรู้ได้ยังไงน่ะเหรอ หึ ก็ตอนที่กำลังนั่งมองน้องเป็ดอยู่ริมบึงผมก็ได้รับโทรศัพท์จากมันที่พูดด้วยเสียงออดอ้อนว่าอยากกินโดนัท ถ้าไม่ได้กินจะตายภายในสามนาที ผมเลยต้องลำบากขับรถไปซื้อให้แล้วกลับเข้ามอเอามาให้มันนี่ไง
“โหยยยยย เหี้ยเท็น มึงซื้อมาประชดรึเปล่านี่” ไอ้ลินทำตาโตร้องทัก
“เปล่า กูกลัวมันจะแดกไม่อิ่มแล้วดิ้นตายขึ้นมา ขี้เกียจหาผัวใหม่” ผมบอกพลางจิกตามองไปทางไอ้เมลที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
“ไอ้เมลมันแค่อยากเห็นหน้ามึงเลยหาข้ออ้างไปเรื่อย แค่มึงมาให้มันเห็นหน้ามันก็อิ่มแล้วล่ะ” ไอ้เขตทำหน้าเอือมระอาใส่เพื่อนมันแล้วหันมารับกล่องโดนัทไปจากผม
“กินให้หมดนะ แล้วก็ตั้งใจเรียน” ผมผลักหัวไอ้เมลไปสองทีติด มันยิ้มแล้วจับมือผมไว้
“ไม่คิดว่าจะซื้อมาให้ เท็นมีเรียนมั้ย ถ้าไม่มีอยู่กับเมลนะ”
ผมไม่รู้จะยิ้มหรืออะไรดี เพราะไอ้เมลมันน่ารักมากแต่มันก็บ้ามากเช่นกัน พวกเพื่อนๆ บอกว่ามันป่วยเป็นโรคเท็นลิซึ่ม อาการจะปรากฎก็ต่อเมื่อขาดการติดต่อจากผมเกินสองชั่วโมง แถมโรคนี้ถ้าไม่ได้รับการเอาอกเอาใจอย่างถูกวิธีแล้วจะเป็นอันตรายถึงชีวิต หมายถึงชีวิตผมนะ ไม่ใช่ชีวิตไอ้เมล -_-
“กูว่าเอาไอ้เท็นไปเลี่ยมใส่กรอบทองให้มันห้อยคอดีมั้ยมึง อาการหนัก” ไอ้แต้มหันไปขอความเห็นจากไอ้ลินที่เปิดกล่องกินโดนัทเป็นคนแรก
ให้ไอ้เมลมันกินก่อนไม่ได้ไงวะ อุตส่าห์ซื้อมาให้มัน -_-
“นัดกับเพื่อนไว้หอสมุดแล้ว เมลเลิกเรียนก็ไปหาที่นั่น โอเคมั้ย”
“เพื่อนคนไหน”
“เพื่อนในสาขาเดียวกันนี่แหละ”
“บอกชื่อดิเท็น”
ผมยักคิ้วให้หน้าบึ้งๆ ของไอ้เมล หึ ดูมัน ชักหนักขึ้นทุกวัน แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่รู้สึกรำคาญมันเลย ผมกลับชอบที่เห็นมันเป็นแบบนี้
“ไม่บอก หึหึ ไปนะ แล้วเจอกัน”
ไอ้เมลมันน่าแกล้ง ถึงมันจะบอกว่าเชื่อใจผมแต่มันก็ตามเช็คนั่นนี่ไม่มีหยุด ไม่รู้มันกลัวอะไรในเมื่อมันเป็นผู้ชายที่ใครๆ ก็อยากได้ไปเป็นแฟน ผมต่างหากล่ะที่ต้องเป็นฝ่ายกลัว
ผมไปถึงหอสมุดก็เห็นไอ้ซิงนั่งรออยู่ที่ม้านั่งตรงทางเข้าแล้ว พอผมไปถึงมันก็จัดการเอากระเป๋าผมไปเก็บให้ที่ล็อคเกอร์ บริการดีประทับใจ นี่ถ้ามันหาพรมแดงมาปูให้ผมเดินได้มันก็คงทำ
“ความจริงมึงให้ไอ้ฟิวติวให้ก็ได้ กูฝากมึงไว้กับมันแล้ว” ผมเอ่ยขึ้นเบาๆ เพราะอยู่ในหอสมุดใช้เสียงมากไม่ได้ครับ
ไอ้ฟิวมันเรียนดีระดับหนึ่งแล้วก็ขยันด้วย ไม่งั้นทั้งใบงานและรายงานของผมคงไม่ได้คะแนนเกือบเต็มทุกครั้งหรอก ซึ่งการฝากไอ้ซิงไว้กับไอ้ฟิวนั้นผมไม่ได้ปัดความรับผิดชอบในเบ๊ของตัวเอง แต่เพราะผมมาเรียนตามอารมณ์ที่ส่วนใหญ่แล้วไม่อยากมา ไอ้ซิงเลยตามหาตัวผมได้ยาก ไอ้ฟิวที่เข้าใจในจุดนี้ก็รับหน้าแทนผมในการช่วยเหลือมันมาตั้งแต่มันไปเป็นตัวตายตัวแทนให้ผมในค่ายระบบสมองกลฝังตัว
“ช่วงนี้ไอ้ฟิวไม่ค่อยมีเวลาให้กูเลยมึง” ไอ้ซิงพูดพลางทำหน้าเหมือนเมียกำลังมีชู้
“ทำไมวะ”
“ก็มีไอ้หน้าหล่อภาคไฟมานั่งเฝ้า กูเข้าไปหามันทีไรเป็นได้โดนจ้องอย่างกะจะขู่ฆ่าอ่ะ กูไม่เคยมีเรื่องกับมันเลยนะ”
ไอ้หน้าหล่อภาคไฟคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้มายด์ เพราะงั้นเมื่อกี้ถึงไม่เห็นมันนั่งเสนอหน้าอยู่กับพวกไอ้เขต
“เออ เอาเถอะ แล้วมึงไม่เข้าใจเรื่องไหน”
ไอ้ซิงยิ้มหวานมองหน้าผมก่อนจะไล่เรียงหัวข้อให้ฟัง
“ก็ไม่กี่เรื่องอ่ะครับท่าน อินทิกรัลไม่จำกัดเขตนี่ทฤษฏีกูพอโอเคนะ แต่พอเจอโจทย์ปุ๊บกูงงเลย แล้วอินทิเกรตฟังก์ชันพีชคณิต ตรีโกณมิติ ไฮเพอร์บอลิกนี่ กูไม่เข้าใจตั้งแต่ต้นเลยอ่ะ”
“ไม่กี่เรื่องพ่องงงงง มึงบอกกูมาว่าบทนี้ทั้งบทมึงไม่เข้าใจเลยก็คงจะไม่เสียเวลา ทีภาษาญี่ปุ่นล่ะอ่านคล่องอย่างกะเป็นภาษาแม่”
ไอ้ซิงมันไม่ได้โง่หรอกครับ มันเล่นเกมจีบสาวเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นของมันซะจนอ่านฟังภาษาญี่ปุ่นได้โดยปริยาย นี่ถ้ามันสนใจเรียนบ้างก็คงจะไม่เอฟเป็นสองสามรอบอยู่อย่างนี้หรอก
“ก็กูไม่ชอบวิชาคำนวณอ่ะ”
“เรื่องของมึงเถอะ”
ผมติวให้ไอ้ซิงจนถึงเที่ยงไอ้เมลก็ไลน์มาบอกให้ไปกินข้าวกับมัน ผมกับไอ้ซิงที่ดูเหมือนสมองจะรับอะไรไม่ไหวแล้วเลยแยกย้ายกันไปคนละทาง ตอนแรกมันก็ขอจะเลี้ยงข้าวแต่ผมบอกจะไปกินข้าวกับแฟนมันเลยบอกจะเลี้ยงเหล้าแทน คืนนี้ให้ผมไปเจอมันที่สบายตังค์เพราะมันนัดพวกไอ้เต๋อไว้แล้ว
“ยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน” ไอ้ลินพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้าผม
“ยามชังน้ำตาลยังว่าขม” ไอ้แต้มปิดท้ายประโยค
ผมนั่งลงข้างๆ ไอ้เมล มันซื้อราดหน้ากับชาเขียวรสเก๊กฮวยไว้ให้แล้ว เหลือแค่เคี้ยวและป้อนเข้าปากผมเท่านั้นที่มันยังไม่ทำให้ -_-
“คืนนี้นอนบ้านนะ” ผมบอกพลางตักหมูให้ไอ้เมลแล้วเอาผักคะน้าจากจานมันมากิน ไอ้นี่เห็นหล่อๆ แต่กินยาก ผักนั่นก็ไม่กิน นี่ก็ไม่แตะ มันเรื่องมากเอาเรื่องอยู่นะครับไอ้เมลน่ะ
“ไม่เอา วันเสาร์ค่อยกลับดิ”
นี่มันจะรู้มั้ยเนี่ยว่าผมแค่บอก ไม่ได้ขออนุญาตหรือถามความเห็นมัน
“กูไม่ได้กลับไปนอนบ้านนานแล้วนะเมล แค่คืนสองคืนเอง”
“ไม่ ไม่ให้ไป”
ชักเพลียละ ไอ้เมลเหมือนยิ่งตามใจมันก็ยิ่งเหลิง
“เมล”
“ก็บอกว่าไม่ให้ไปไงเท็น”
“ขึ้นเสียงทำไม ไม่ได้บอกว่าจะไปคนเดียว เมลก็ต้องไปด้วย โอเคมั้ย”
“ขอโทษ ก็เท็นพูดเหมือนจะกลับไปคนเดียว”
ตอนแรกก็คิดอย่างนั้นล่ะครับ แต่ถ้าไม่เอามันไปด้วย ไอ้เมลได้ชักดิ้นชักงอตายคาคอนโดแน่ๆ
“แต้ม คืนนี้เค้าไปนอนคอนโดน้องดิ้งนะ” ไอ้ลินเริ่มทำหน้าล้อเลียนมาให้ผม
“ไม่เอา พรุ่งนี้ค่อยไปดิ” ไอ้แต้มสวมบทต่อ
“เค้าไม่ได้ไปเอาน้อง อุ้ย ไปนอนคอนโดน้องดิ้งนานแล้วนะแต้ม แค่ทีสองที เอ้ย คืนสองคืนเอง”
“ก็บอกว่าไม่ให้ไปไงลินนี่”
“ขึ้นเสียงทำไม ไม่ได้บอกว่าจะไปคนเดียว แต้มก็ต้องไปกับเค้าด้วย โอเคมั้ยจ้ะ” แค่เห็นท่าขยิบตาของไอ้ลินนี่ผมก็ขนลุกชัน ส่วนไอ้เมลกับไอ้เขตหน้าเหวอกันไปแล้ว
“ขอโทษ ก็ลินนี่พูดเหมือนจะไปคนเดียว น้องดิ้งก็แฟนเค้าน้า”
ปึง!
“หุบปาก ใครกล้าเอาน้องกูมาเล่นอีกกูจะฟาดปากให้แตกเลยเอาสิ” ไม่ใช่ผมหรือไอ้เมล แต่เป็นไอ้เขตที่ตบโต๊ะแล้วชี้หน้าไอ้ตอแหลสองคนให้เงียบเสียง เหมือนมันจะเพิ่งเข้าใจว่าน้องดิ้งที่ไอ้สองตอพูดถึงเป็นใคร
“หวงก้างว่ะไอ้เขต ไหนมึงบอกไม่ชอบน้องเขาไง” ไอ้แต้มไม่สำนึก มันยังคงใช้ปากมันแกว่งหาตีนต่อ
“น้องสาวกูห้ามเอามาพูดเล่น”
“อะโธ่”
“ไอ้แต้ม”
“โอเค รู้แล้วน่า เล่นกันเฉยๆ เนอะลินนี่”
ไอ้แต้มหันไปทางไอ้ลินที่พยักหน้าเออออตาม
“เขตตี้อ่ะซีเรียสไปได้”
ผมก้มหน้ากินราดหน้าของตัวเอง ปล่อยไอ้เขตตี้ ไอ้ลินนี่กับไอ้แตมมี่มันกัดกันไป ส่วนน้องดิ้งที่เป็นประเด็นนี่ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ น้องชายข้างบ้านของไอ้เขต
ไอ้เมลเล่าให้ผมฟังหลังจากศึกฝีปากของพวกมันว่าน้องดิ้งเป็นเด็กน้อยวัยมัธยมต้นที่น่ารักเรียบร้อย ตัวบางไม่สมชาย น้องเป็นน้องสาวมากกว่าน้องชายข้างบ้านของไอ้เขตตี้ แต่งหน้าทาปากบางๆ ให้ดูน่ารักสมวัย อ้อนแอ้นอรชรยิ่งกว่าผู้หญิงวัยเดียวกัน ไอ้เขตมันก็เอ็นดูเหมือนน้องล่ะครับ ถึงน้องดิ้งจะชอบมันมากกว่าพี่ชายก็เถอะ
ไอ้เขตมีแฟนเป็นผู้หญิงครับ สวยมากด้วย ผมเคยเห็นรูปในโทรศัพท์มัน ตอนนี้แฟนมันเรียนอยู่อังกฤษ มันเลยทำตัวเหมือนคนไม่มีใครลอยไปลอยมา นอนคอนโดคนนั้นบ้างคนนี้บ้างตามสันดาน
ผมเข้าใจนะ ก็ผู้ชายนี่ครับ ห่างแฟนนานๆ อย่างนี้มันก็ต้องมีบ้าง ตราบใดที่ไอ้เขตมันยังเป็นผู้ชายอยู่น่ะนะ หึหึ
.........................To be continue...........................
มาช้าไปมั้ยคะ แหะๆ เป็นหวัดค่ะ เซ็งจริงๆ 
รับสารภาพตามตรงว่าอีกไม่กี่ตอนก็จะหมดสต็อกที่เขียนไว้แล้ว แต่ก็จะพยายามมาให้เร็วเหมือนเดิมค่ะ
ขอบคุณทุกๆ กำลังใจและการติดตามของพวกคุณที่เป็นขาประจำ
และ ยินดีต้อนรับนักอ่านหน้าใหม่นะคะ