เราขอแนะนำว่า ให้ไปหาน้ำแข็งมาเตรียมไว้สำหรับตอนนี้....เพราะมันจะช่วยดับความโมโหได้
ด้วยความปราถนาดีจาก...ท่านเท็น 
กดฟังไปด้วยก็ดีนะคะ เพลงเพราะดี
ตอนที่ 22“Our seperation has it's faults
But I don't wanna leave it all
So write the letters in teary ink
I just need some time to think
And I just need some time to breathe”
“Baby just say goodnight
I'll be gone tomorrow
Baby just close your eyes
I can't take the sorrow
Baby just walk away
You know I can't stay
There's no easy way to say goodbye
So baby just say goodnight”
“We're in a spell that never ends
The empty hourglass wore me thin
So let the phone do it's work
Your voice is heaven
But it hurts
Your words are memories
But they burn”
“Baby just say goodnight
I'll be gone tomorrow
Baby just close your eyes
I can't take the sorrow
Baby just walk away
You know I can't stay
There's no easy way to say goodbye
So baby just say goodnight”
“Baby don't say goodbye
Baby just close your eyes
And dream,tomorrow's on it's way
So just walk away”
“Baby just say goodnight
I'll be gone tomorrow
Baby just close your eyes
I can't take the sorrow
Baby just walk away
You know I can't stay
There's no easy way to say goodbye
So baby just say goodnight” Say Goodnight – The Click Five
อารมณ์สีเทายามเช้าแบบนี้เป็นการเริ่มต้นวันที่ไม่สดใสนักสำหรับผม แต่อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนแล้วเล่นเพลงสะเทือนอารมณ์ บอกตรงๆ ว่าฟีลลิ่งเต็มปรอทเลยทีเดียว
สวนเล็กๆ ตรงระเบียงที่เมลจัดไว้ยังคงความสดชื่นและสดใสเช่นเดิม คงมีแต่เจ้าของมันล่ะมั้งที่เปลี่ยนไป ต้นไม้ดอกไม้ไหวไปตามแรงลมที่เริ่มพัดมา ผมดีดกีต้าร์ไปเรื่อยเปื่อยอย่างไร้ทำนองพร้อมกับจ้องมองไปที่ท้องฟ้ากว้างใหญ่
“มาทำอะไรแต่เช้า” ผมหันไปมองเจ้าของคำถามที่ยืนยกมือกอดอกพิงประตูกระจกบานเลื่อน หน้าหล่อๆ นั่นก็ยังไม่มีรอยยิ้มให้ผมเช่นหลายๆ วันที่ผ่านมา
“ทำข้าวเช้าไว้ให้ เห็นรึยัง”
“เห็น เททิ้งหมดแล้ว”
“ไม่หิวเหรอ งั้นไปทำให้ใหม่เอามั้ย”
“ไม่ต้อง มึงมาทำไมบ่อยๆ ไม่เบื่อบ้างรึไง”
ผมเลือกจะไม่ตอบคำถาม เพราะตอบอะไรไปก็คงไม่ถูกใจอยู่ดี หลายวันมานี้ผมไม่เคยทำอะไรถูกใจมันเลยสักอย่าง
“วันนี้กูไม่กลับห้อง มึงก็กลับบ้านไปได้แล้ว”
ผมชะงักนิ้วที่กำลังจะเปลี่ยนคอร์ด ก่อนจะรับคำกลับไป
“อืม” คำว่าห่างกันของเมลไม่ได้มีสิทธิ์ให้ผมถามว่ามันจะไปไหน จะไปกับใครและจะกลับเมื่อไหร่ ผมไม่มีสิทธิ์นั้นเลย
“รีบกลับไปก่อนฝนตกล่ะ”
ผมกลับมาเล่นกีต้าร์ต่ออย่างไม่สนใจมัน ลมเย็นๆ พัดผ่านใบหน้า พัดเข้ามาจนแสบตาทำให้ภาพเบื้องหน้าไม่ค่อยชัด และฝนคงกำลังตกหนักเพราะมันทำให้แก้มผมเปียกไปด้วยน้ำมากขนาดนี้
ตอนผมยังเด็กป๋าเคยบอกไว้ว่า ถ้าสักวันผมได้มีคนรักอย่างที่ป๋ามี ผมจะกลายเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกเหมือนป๋า
แต่ป๋าไม่เคยบอกเลยว่า...คนรักจะทำให้เจ็บปวดใจมากเหลือเกิน
.
.
.
“มึงไปตกน้ำที่ไหนมาวะ ดูๆๆๆ พรมเปียกน้ำหมด ไปๆ ขึ้นไปอาบน้ำ เดี๋ยวจะเป็นหวัด” เสียงไอ้ฟิวแว้ดๆ ขึ้นมาเหมือนทุกครั้งที่ผมกลับบ้านมาด้วยสภาพไม่ปกติ
“เท็น อาบน้ำเสร็จลงมากินยาด้วยนะ เดี๋ยวกูทำอะไรง่ายๆ ไว้ให้กิน” เสียงไอ้ฟิวตะโกนตามหลังมา แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรมันกลับไป
อาบน้ำตามที่ไอ้ฟิวสั่งแล้วก็ลงมากินยากับของรองท้องที่มันเตรียมไว้ให้
“กัสไปไหน”
“ไม่รู้ เมื่อคืนก็ไม่กลับ ชอบสีนี้มั้ย” ไอ้ฟิวถามพลางโชว์สิ่งที่มันกำลังถักอยู่ให้ดู
ไอ้ฟิวมันตัวเล็กไม่สมชายอยู่แล้ว ยิ่งเพิ่มงานอดิเรกที่ชอบถักนิตติ้งของมันไปอีกยิ่งตอกย้ำความไม่ใช่ชายอกสามศอกไปใหญ่ แต่ก็นั่นล่ะนะ สำหรับผมแล้วชายแท้ไม่ได้วัดกันที่การทำงานบ้านเหมือนผู้หญิงไม่เป็น
“ชอบสีน้ำตาล เอาเหมือนปีที่แล้วก็ได้”
ปีที่แล้วมันก็ถักผ้าพันคอให้ผมกับไอ้กัส ปีนี้มันก็จะถักอีกแล้วล่ะนะ เอาเถอะ ต่อให้จะไม่เข้าใจว่ามันทำไปทำไมทั้งๆ ที่เมืองไทยหิมะก็ไม่ตก แถมกรุงเทพยังจัดเป็นเมืองที่ร้อนชิบหายอีกต่างหาก -_-
“อ้าว งั้นสีนี้จะทำไงเนี่ย ใกล้จะเสร็จแล้ว ไอ้กัสก็บอกจะเอาสีน้ำเงิน”
“ให้ไอ้มายด์สิ เห็นมันบอกปิดเทอมใหญ่จะไปซัมเมอร์ที่อังกฤษ”
“เสียของ เอาให้ไอ้เจคอปละกัน”
“มันได้กัดขาดตั้งแต่ยังไม่ทันได้พันคออ่ะ”
ไอ้เจคอปที่กำลังพูดถึงอยู่นี่เป็นสุนัขพันธุ์ทิเบตัน มาสทิสส์ สีขาวหิมะ วัย 8 เดือนที่ผมเพิ่งได้มาเมื่อสามวันก่อน ป๋าให้คุณเคนเอามาให้ บอกว่าเลี้ยงหมาไว้ เผื่อมีหมามากัดหรือมีใครทำให้ขุ่นข้องหมองใจให้ไอ้เจคอปมันจัดการ ฮ่าๆๆ แหลมคมนักป๋าผม
ถ้าโชคดีมันไม่จัดการผมซะก่อนน่ะนะ -_-
“ถ้าทำหน้าทุกข์ใจขนาดนั้น ไม่ไปคุยกันให้รู้เรื่องไปเลยล่ะ”
“ไม่ใช่ทุกเรื่องที่คุยแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นหรอก”
“แล้วจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้รึไง”
ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ผมพยายามจะทำทุกอย่างเพื่อให้ระหว่างเราดีขึ้นหรือกำลังซื้อเวลาที่จะอยู่กับเมลกันแน่ มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของผม นอกเหนือการควบคุมเหมือนกับคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัส
“หน้าแดงๆ นะ จะมีไข้เหรอเนี่ย หืม คนบ้าไม่เคยป่วยไม่ใช่ไง” ไอ้ฟิววางมือจากการถักผ้าพันคอของมันแล้วเอามือมาแตะๆ หน้าผากผม
“ตัวรุมๆ นะมึง วันนี้ห้ามออกไปไหนละกัน มึงอ่ะ ปกติก็ไม่ค่อยป่วย แต่ป่วยทีไรเป็นหนักทุกที”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า”
“ห้ามดื้อ เข้าใจมั้ย”
ผมผลักหน้าผากไอ้ฟิวให้มันออกไปห่างๆ พร้อมกับดีดหน้าผากมันแถมไปอีกหนึ่งที โทษฐานที่พูดเหมือนผมเป็นเด็ก
นอนไปสักพักโดยมีไอ้ฟิวนั่งบ่นนั่นบ่นนี่ให้ฟังอยู่ข้างๆ มันก็ถักผ้าพันคอของมันไป ส่วนผมก็ตาดูทีวีมือคุยไลน์กับเมลไป ความจริงจะเรียกว่าคุยก็ไม่ใช่ เพราะผมพิมพ์ไปเป็นแสนประโยคได้มั้ง มันตอบกลับมาแค่ อืม เออ อือ ได้อย่างน่าเอ็นดูภูธรมาก ผมเลยตัดสินใจโทรหาเผื่อจะคุยกันรู้เรื่องกว่านี้ ที่จริงผมก็ไม่มีเรื่องอะไรจะคุยนะ แค่อยากได้ยินเสียง
“อยู่ไหนเหรอ”
(ถามทำไม)
น้ำเสียงเมลนิ่งๆ ฟังไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน ผมเลยทำใจกล้าถามในเรื่องที่อยากรู้ออกไปได้
“วันนี้จะไปไหน ทำไมจะไม่กลับห้อง”
(จำเป็นต้องบอกด้วย?)
“ก็ไม่ แค่อยากรู้”
(แปลกนะ ปกติมึงไม่เคยอยากรู้ว่ากูจะไปไหน ไปทำอะไร)
‘ก็ตอนนี้มึงปกติที่ไหนล่ะ’ ผมอยากจะตอบกลับไปแบบนี้อยู่หรอกนะ แต่ก็กลัวจะกลายเป็นการโต้เถียงกันขึ้นมาเลยเปลี่ยนประโยคที่จะพูดแทน
“กลับห้องได้มั้ย เดี๋ยวคืนนี้ไปนอนด้วย”
(คงไม่ได้ว่ะเท็น กูจะพาแพรไปพัทยา)
ทั้งกระเพาะทั้งลำไส้ผมเหมือนตีลังกาสักแปดตลบ
“มึงคบกับแพรเหรอ”
ผมเคยใช้ความเงียบเป็นคำตอบของคำถามที่ไม่อยากตอบ และเพิ่งรู้วันนี้ว่ามันเป็นคำตอบที่ทำให้คนตั้งคำถาม...ทรมานเหลือเกิน
“กูจะรอที่ห้อง”
(เรื่องของมึง)
“อืม”
ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจ...ว่าระหว่างเลิกกันไปกับยังคบกันอยู่ อย่างไหนมันทุกข์ใจมากกว่ากัน คำว่าห่างกันของมัน...เริ่มจะห่างมากขึ้นไปทุกที
(เท็น เป็นอะไร)
ผมนึกว่ามันวางสายไปแล้วซะอีก
“เปล่า”
(จะคุยมั้ย ไม่คุยจะได้วาง)
“อยากคุย แต่ไม่รู้จะคุยอะไร แล้วมึงก็คงอยากวาง”
เมลไม่ได้พูดอะไรกลับมา แต่มันยังคงไม่วางสาย ผมปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ไม่ได้พูดคุยกันแต่กลับรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด แค่รู้ว่าอีกฟากของสายยังมีมันอยู่ ผมก็ไม่รู้จะเรียกความรู้สึกนี้ว่ายังไง
เพราะมันมากกว่าคำว่า...ดี มากกว่านี้จริงๆ
(เท็น หลับเหรอ)
“เปล่า อยู่กับไอ้เขตเหรอ เมื่อกี้ได้ยินเสียงมัน”
ถึงไม่ได้คุยอะไรกัน แต่ก็ได้ยินเสียงคนอื่นดังลอดมาตามสาย เมื่อกี้ไอ้เขตโวยวายอะไรสักอย่าง เหมือนจะสาปแช่งไอ้แต้มกับไอ้ลินอยู่
(อืม ก็อยู่กันครบ มาทำรายงาน)
“อ้าว งั้นมึงไปทำงานต่อเถอะ”
(อืม กินยาด้วยล่ะ เสียงแปลกๆ)
ผมรู้ว่ายากมากที่จะกลั้นยิ้ม และไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปฝืนมัน
“เมล”
(หืม)
“เรายังไม่เลิกกันใช่มั้ย”
เป็นคำถามที่ผมอยากถามมาตลอดหลายวันที่ผ่านมาและเป็นคำถามที่ผมยอมรับอย่างหมดท่าว่าผมกลัวคำตอบมากเหลือเกิน
(มึงคิดว่าเราควรจะคบกันต่ออีกเหรอเท็น)
ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปทั้งยังกดตัดสายทันที เมลคงแค่ล้อเล่น ไม่ใช่สิ่งที่มันอยากพูดจริงๆ หรอก ผมแน่ใจ คงเป็นมุกตลกอะไรสักอย่างที่ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่...เพราะผมไม่ขำเลยสักนิด และยังแปลกใจที่น้ำฝนนอกตัวบ้านมันสาดเข้ามาถึงในนี้
“ปิดหน้าต่างหน่อยฟิว ฝนสาดเข้ามาหมดแล้ว”
ผมบอกทั้งๆ ที่ยังใช้ฝ่ามือปิดตาทั้งสองข้าง ไอ้ฟิวดึงมืออีกข้างของผมไปกุมไว้ ก่อนจะบอกเสียงเบาว่า
“ฝนหยุดตกนานแล้วนะเท็น...”
ถ้าอย่างนั้น...แก้มของผมมันเปียกเพราะอะไร...
....................................To be continue....................................
หลายคนคงแอบแช่งในใจว่าทำไมเป็นอย่างนี้วะะะะะะะะะะะะะะะะะ
ค่ะ ทางเราก็หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเร็ววันเช่นกัน แต่เคยสงสัยมั้ยคะว่า ถ้าทั้งคู่ยังเป็นอย่างนี้ ทางเราคงต้องหาพระเอกคนใหม่ หรือเปลี่ยนแม้กระทั่งนายเอก????? แต่ ช้าก่อน อย่าเพิ่งตกใจไป
คนๆ หนึ่งมีหลายมุมนะคะ บางครั้ง...หรือบางทีเราก็รู้จักบางคนแค่บางมุม เพราะฉะนั้น ติดตามกันไปเรื่อยๆ นะคะ อย่าท้อกับนิสัยของใครเลยยยยย
และะะะะะะะะะะะะะ ขอขอบคุณทุกๆ กำลังใจเลยนะคะ
ที่ลืมไม่ได้ก็คือ ขอบคุณความคิดเห็นที่ทั้งยาวทั้งสั้น ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นไหนก็ทำให้รู้ว่าพวกคุณอินมากจริงๆ น่ารักจังเลย 
สุดท้าย ขอความคุณเพลงดีๆ ด้วยนะคะ