ตอนที่ 24วันนี้มีปาร์ตี้ ว่ากันว่าเลี้ยงฉลองการคืนดีกันของคู่รักคู่หนึ่ง แต่ผมบอกเลยว่าไอ้เหี้ยเต๋อกับไอ้เหี้ยเขตที่เป็นคนต้นคิดมันแค่อยากหาเรื่องแดกเหล้า -_-
“ไอ้เต๋อออออออ มาช่วยกูทางนี้ด่วน มึงนั่งสมาธิส่งสัญญาณเรียกจานแม่อยู่รึไง เร็วๆ ให้ว่อง” เสียงไอ้กัสตะโกนโหวกเหวกขึ้นมา มันถูกมอบหมายงานให้ตั้งเตาบาร์บีคิว แต่เหมือนสกิลยังไม่ถึงขั้น เพราะผ่านไปครึ่งชั่วโมงผมก็ยังเห็นอุปกรณ์กระจัดกระจายกันอยู่ที่เดิม
“กูบอกมึงแล้วไงไอ้กัสว่าผมทรงนี้มันไม่เอื้ออำนวยสำหรับงานนั้น เดี๋ยวไฟบึ้มหัวกูใครจะรับผิดชอบ”
“ไปโกนหัวซะไอ้ควาย! ผมมึงทรงนี้อ้อนตีนกูมาก เหี้ยเท็น มึงมาเลย นอนดูดบุหรี่อยู่ได้ สำลักควันตายไปซะเถอะมึง”
ไอ้กัสแม่งดุพอๆ กับไอ้เจคอปเลยมั้ง -*-
“ไอ้กัสแม่งขี้โวยวายอย่างกะผู้หญิง เอออออ ความจริงมึงก็ผู้หญิงล่ะนะ ถึงมึงจะมีเมียเป็นตัวเป็นตนก็เถอะ” ไอ้ลินที่เพิ่งถือจานแตงโมออกจากครัวมาตะโกนแซวจนไอ้กัสต้องยกนิ้วกลางกลับไปให้
จากนั้นพวกมันก็ไปปะทะริมฝีปากกันอยู่สองคน ผมส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ก่อนจะนอนมองท้องฟ้าต่อไป ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของบ้านก็วุ่นวายและเสียงดัง เพราะคนอยู่กันเต็มบ้าน ไล่ตั้งแต่ไอ้มายด์กับไอ้แต้มที่ตามก้นไอ้ฟิวไปให้อาหารไอ้เจคอป ไอ้เต๋อที่นั่งสมาธิรับพลังงานธรรมชาติอยู่ในห้องนั่งเล่น บางทีแม่งส่งเสียงตะโกนขึ้นมาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไอ้กัสเถียงกับไอ้ลินอยู่หน้าเตาบาร์บีคิว ไอ้แม็ค ไอ้เต้ ไอ้คิม และไอ้เขตถูกเกณฑ์ไปเป็นแรงงานในครัว และเจ้าภาพงานอีกคนคู่กับผมนั้นขึ้นไปอาบน้ำชั้นบนหลังจากที่ไปขนเหล้าขนเบียร์มาจากร้านพี่เจ๋ง
ซื้อเหล้าซื้อเบียร์ที่ไหนก็ไม่ถูกเท่าซื้อกับพี่เจ๋งครับ แค่ให้ไอ้กัสไปด้วย ทุกอย่างจะได้ลดถึงสิบเปอร์เซ็น
“เท็น ขึ้นมาหากางเกงให้หน่อย” เสียงเมลตะโกนมาจากระเบียงห้องผม ผมเลยต้องจำใจลุกจากการนอนแผ่อยู่บนพื้นหญ้าขึ้นไปหามัน
“อยู่ในตู้เสื้อผ้าไง ไม่มีเหรอ”
“หาไม่เจอ มึงส่งซักไปรึเปล่า”
“เออ วันก่อนกูเอาไปใส่เตะบอลกับพวกไอ้เต๋อว่ะ ส่งซักไปแล้วล่ะ”
“อ้าว แล้วทีนี้กูจะใส่อะไร”
“เดี๋ยวกูไปยืมของไอ้มายด์ให้”
“ไม่ใช่ว่าฟิวเผาทิ้งไปหมดแล้วหรอกนะ”
“ลองไปถามดูก่อนละกัน”
ผมบอกก่อนจะเดินออกจากห้องมา ไอ้ฟิวกับไอ้มายด์นี่ตกลงคบกันรึเปล่าผมก็ไม่รู้ อยู่ด้วยกันนี่ไอ้มายด์โดนไอ้ฟิวด่าประจำ แถมคำด่าแต่ละคำนะได้ยินแล้วหน้าชากันเลยทีเดียว แต่ไอ้มายด์มันก็ทน ไม่รู้มันทนไปเพื่ออะไร เดี๋ยวนี้มันก็แทบจะมาสิงที่บ้านผมอยู่แล้ว ซึ่งก็น่าแปลกใจที่ไอ้ฟิวมันก็ไม่ท้วงอะไรมาก ถึงปากมันจะไล่ไอ้มายด์กลับทุกๆ สามชั่วโมง แต่บางครั้งผมก็ยังเห็นมันเก็บเสื้อผ้าไอ้มายด์ไปซักให้อยู่เลย
ซับซ้อนเกินกว่าที่จะเข้าไปยุ่ง เห็นเค้าลางความวุ่นวายแล้วผมคงต้องพูดว่า ‘เรื่องของพวกมึง’ ดีที่สุด -_-
ผมเดินไปยังห้องที่สั่งทำพิเศษสำหรับไอ้เจคอปโดยเฉพาะ ต่อเติมออกมาจากส่วนของห้องน้ำชั้นล่างนั่นแหละครับ เห็นไอ้มายด์กับไอ้แต้มเกาะกระจกดูไอ้ฟิวให้อาหารไอ้เจคอปกันอยู่
“ไอ้เจคมันตัวใหญ่ไปมั้ยเท็น กูว่าถ้ามันตะครุบไอ้ฟิวนี่ ได้ตายคาที่แน่อ่ะ” ไอ้แต้มพูดกับผมแล้วทำหน้าสยองใส่
“มันไม่ทำอะไรคนให้อาหารมันทุกวันหรอกน่า แต่ถ้าเป็นพวกมึงก็ไม่แน่ เออไอ้มายด์ มีกางเกงมั้ยวะ ขอยืมหน่อย”
“อืม อยู่ในตู้ของฟิวน่ะ มึงไปหาดูละกัน”
“เออๆ ขอบใจ”
ผมแวะเข้าไปลูบหัวไอ้เจคอปมันก่อนแล้วขึ้นมาหากางเกงของไอ้มายด์ที่ห้องไอ้ฟิว และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าห้องไอ้ฟิวตอนนี้เหมือนห้องของคนที่แต่งงานแล้วเลยครับ ปกติมันมีหมอนใบเดียว เตียงก็ขนาดธรรมดา ไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้ ผมก็ไม่ได้คิดจะสำรวจหรอก แต่มันแปลกใจไง ไม่ได้เข้าห้องมันมาแค่ปีกว่าๆ เปลี่ยนไปมากขนาดนี้เลยนะ เสื้อช็อปสองตัว เสื้อโค้ดของคณะและภาคอย่างละสองตัว แปรงสีฟันสองอัน คือ ของที่ใช้ในชีวิตประจำวันมันมีอย่างละสองขึ้นไป
นี่ถ้าบอกกูว่าไม่ได้อยู่กินด้วยกัน กูก็ไม่เชื่อล่ะ -_-
ผมเอากางเกงไปให้เมล แล้วก็อยู่ช่วยมันโกนหนวด ความจริงมันไม่อยากโกนหรอก ไม่รู้ไปเอาความคิดใครมาที่ว่าไว้หนวดแล้วเท่ ไอ้เท่มันก็เท่นะ แต่เวลามันหอมแก้มผมทีไร ผมได้หัวเราะก๊ากออกมาทุกที
ความจริงผมเส้นตื้น ถึงจะดูตลกแล้วไม่ขำก็เถอะ -_-
ครืดดดดดดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดด
“สวัสดีครับ ครับ ผมไม่ว่างครับแพร ครับ อยู่กับแฟนครับ อ๋อ ใช่ครับ มีปาร์ตี้กันที่บ้าน ไอ้แต้มก็อยู่ครับ ไม่มีผู้หญิงหรอกครับ บอกเมย์สบายใจได้ ครับ ไว้เจอกันครับ”
“อะไรคือไว้เจอกันเหรอเมล” ผมถามทันทีที่มันวางสาย การที่แพรทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนี่มันน่ากลัวกว่าที่เธอจะเข้ามาในฐานะอื่นอีกนะครับ
“ไม่ได้นัดอะไรกันหรอก ก็ตามมารยาทไง เขาบอกว่าไว้เจอกันที่มหาลัย กูก็ตอบกลับไปแค่นั้น”
“เหรอ”
“หึหึ งอแงอะไร มานั่งนี่มา”
เมลตบตักตัวเองเบาๆ ผมเดินเข้าไปนั่งอย่างว่าง่าย มันเลยโอบผมไว้แล้วก้มลงมาหอมแก้ม
“ตอนที่คิดจะเลิกกับมึง กูอาจจะเคยคิดว่าจะคบกับเขา แต่ไม่ใช่ตอนนี้นี่เท็น เข้าใจมั้ย”
ก็เข้าใจอยู่หรอก แต่ก็อดคิดไม่ได้ เพราะถ้าเมลคิดจะคบกับแพรเพื่อประชดผม มันจะต่างจากการที่มันคิดจะเลิกกับผมไปคบกับแพรมาก แต่ผมรู้ว่าเมลไม่ใช่คนที่ชอบทำอะไรประชดใคร ไม่งั้นก่อนหน้านั้นมันก็คบกับฟิวประชดผมไปแล้ว แต่เพราะมันไม่ได้ประชดและคิดจะทำจริงๆ นั่นแหละ ตอนนี้ผมถึงกลัว...
“เลิกติดต่อกับเขาไม่ได้หรือไง”
“กูก็ไม่ได้สนิทอะไรกับแพรมาก”
“แต่มึงก็ถึงขั้นไปรับเขามาทานข้าวไม่ใช่หรือไง”
“ใครบอก ไอ้แต้มมันพามาต่างหาก แลกกับที่แพรช่วยง้อเมย์ให้มัน”
“อือ”
ดีใจอ่ะ...
“ยิ้มแล้ววววว ^_^ แต่ถ้ามึงไม่ชอบ กูก็จะไม่ทำ ดีมั้ย”
“ดีมากเลย”
ผมเงยหน้าขึ้นจูบที่ริมฝีปากของเมล มันดูดลิ้นผมเบาๆ ก่อนจะผละออกแล้วส่งยิ้มมาให้
“แหม คืนดีกันเข้าหน่อย ตัวติดกันไม่ห่างเลยนะพวกมึง จะทำอะไรก็ไม่ล็อคประตู” เสียงของไอ้กัสดังขึ้นที่ประตู ผมหันไปมองก็เห็นมันยักคิ้วกวนตีนอยู่
“เหี้ยกัสขัดจังหวะจริง มีอะไร”
“ลงไปช่วยกันสิวะ ใช้ไม่ได้จริงๆ พวกมึงนี่ ห่างสายตาเข้าหน่อยก็ตั้งท่าจะเอากันอย่างเดียว”
โห ดูมันพูด นี่หรือผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งป๋าผมจะให้แต่งงานด้วย -_-
“หึหึ วันนี้ฟาดหัวฟาดหางจริงๆ นะกัส ทะเลาะกับน้องแนงมารึไง” เมลพูดอย่างรู้ทัน ผมก็เดาว่าอย่างนั้นเหมือนกัน แถมไอ้กัสยังหน้าหงิกขึ้นมาทันที
“อย่าได้พูดถึงมัน พวกมึงจะทำอะไรก็รีบทำละกัน เสร็จแล้วก็ลงไปช่วยกัน”
แล้วมันก็จากไปพร้อมกับอารมณ์ของผมด้วย หมดอารมณ์ตั้งแต่เห็นหน้าไอ้กัสแล้ว เมลหันมายิ้มให้ผม ก้มลงมาดูดเนื้อตรงหน้าอกผมหนึ่งทีแล้วก็ผลักหัวผมเบาๆ
“ลงไปกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ใช่แค่ไอ้กัสที่ขึ้นมา”
ผมลงมาก็ไม่ได้ไปช่วยใครทำอะไรหรอก ฟ้าครึ้มๆ แบบนี้ขอมานอนใกล้ชิดธรรมชาติดีกว่า ส่งเมลเป็นตัวแทนไปแล้วคงไม่มีปัญหา เพราะผมกับมันก็คนๆ เดียวกันนั่นแหละ ฮ่าๆๆ
กำลังนอนนับมดที่ขนเศษอาหารไต่ผ่านหน้าไปทีละตัว เสียงไอ้ลินกับไอ้แต้มก็โวยวายมาจากในห้องนั่งเล่น
“กูจะไปเอง!” ไอ้ลินพูดเสียงดัง
“ไม่! กูจะไป” ไอ้แต้มสวนขึ้นมาอย่างไม่ยอมแพ้
“กูจะฟ้องเมย์”
“ไอ้เหี้ยลิน มึงอย่าเอาของสูงมาเล่น”
“ไม่รู้แหละ กูจะไปรับน้องดิ้งเอง”
“แต่เมื่อกี้กูคุยกับน้องแล้วน้องบอกว่าจะมากับกู!”
ก็ยังเถียงกันต่อไป ผมว่าจะเลิกสนใจแล้วเชียวถ้าไอ้เขตไม่โผล่หน้าออกมาจากครัวพร้อมกับถือกระทะในมือ
“อย่ามายุ่งกับน้องสาวกู!” ไอ้เขตพูดเสียงเฉียบแถมหน้ามันก็ไม่ได้บอกว่าพูดเล่น ไอ้แต้มกับไอ้ลินเลยหุบปากสนิท
“ถ้าไม่ฟัง กูจะบอกให้ไอ้เจคมาจัดการมึง”
เห็นอยู่ว่าไอ้ ตล. (ย่อมาจากแต้มลินหรือตอแหล 555) ทำหน้าสยองแต่ไอ้ลินที่มีความด้านระดับลิงยังอายไม่ยอมเสียเหลี่ยมง่ายๆ
“โด่! กลัวตายแหละ ไอ้เจคมันฟังแต่ไอ้เท็น”
ไอ้เขตยกกระทะขึ้นชี้หน้า ก่อนจะตะโกนมาถามผมว่าจะช่วยบอกไอ้เจคให้จัดการไอ้ ตล. ได้มั้ย ผมเลยตอบกลับไปว่าได้ ไม่มีปัญหา ณ จุดนั้น เพราะจะได้ลองกำลังของไอ้เจคมันด้วย
“ไอ้เมลลลลลลล มึงดู ไอ้เท็นจะบอกไอ้สิงโตนั่นมาจัดการพวกกูอ่ะ!!!” ไอ้ลินเข้าไปง้องแง้งกับเมลที่กำลังนั่งปอกเปลือกสับปะรดอยู่ ซึ่งเมลทำแค่หัวเราะแล้วก็ไล่ไอ้ลินไปไกลๆ ตีนมัน
มองจากระยะนี้แล้วเมลน่ารักจัง *O*
ผมลุกขึ้นปัดเศษใบไม้ใส่หัวไอ้กัสที่กำลังนั่งอยู่กับพื้นพยายามทำการศึกษาเตาบาร์บีคิวอยู่ แล้วเดินไปหาเมล
“เหี้ยเท็นนิสัยเสีย! ไม่ช่วยแล้วยังจะแกล้งกูอีก” ไอ้กัสโวยวายตามหลังมา ผมได้แต่หันไปหัวเราะเยาะเย้ยให้มัน
หือ? ทำไมถึงไม่มีใครช่วยมันน่ะเหรอครับ? ก็เพราะว่าการแกล้งไอ้กัสเป็นเรื่องสนุกของทุกคนยังไงล่ะ ^^ ตอนนี้ก็ไม่ได้รีบอะไร ไว้จะกินค่อยไปจัดการทีหลัง
“มึงก็ไปแกล้งมัน หึหึ”
“ไม่ได้แกล้ง” ผมบอกก่อนจะนั่งลงพิงหัวกับไหล่ของเมล มันหันมาหัวเราะใส่เล็กน้อย ยักไหล่นิดๆ ให้หัวผมหลุดจากไหล่มัน แต่ไม่ได้ผลหรอก หึหึ
“ระวังมีดบาดมือ”
“ระดับนี้ มีหรือจะพลาด”
เมลยักคิ้วส่งมาให้ ผมเลยผลักหัวมันไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้
“เหลืออีกหลายลูกเลย มาๆ เดี๋ยวกูช่วย”
“ไม่ต้องหรอก มึงอยู่เฉยๆ เถอะ นั่งเป็นกำลังใจก็พอ”
“อือ”
เมื่อเมลบอกอย่างนั้นผมก็ทำตามอย่างเคร่งครัด ก็นั่งอยู่เฉยๆ มองมันปอกเปลือกสับปะรดไป ได้ยินพวกสัมภเวสีส่งเสียงไอค่อกๆ แค่กๆ มาได้ไม่หยุด แต่ผมไม่สนใจหรอก ก็เมลน่าสนกว่าพวกบ้านั่นตั้งเยอะ
“ยิ้มทำไม” ผมถาม เพราะริมฝีปากสวยของเมลฉีกยิ้มไม่หยุด
“แล้วมึงล่ะยิ้มทำไม”
“ก็มึงยิ้มก่อน.. กูเลยยิ้มตาม ถึงได้ถามนี่ไงว่ายิ้มทำไม”
“เพราะรู้ว่ามึงมองอยู่ไง กูเลยยิ้ม ^^”
“น่ารักตลอด”
“งั้นรักให้ตลอดเลยนะ ^^”
“อือ ^____^”
“อ้วกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!” เสียงนำคือไอ้แต้มและเสียงประสานอย่างพร้อมเพรียงก็มาจากไอ้กัสกับไอ้ลิน
“อะไร ท้องแล้วหรือไง ตกลงใครเป็นพ่อเด็กล่ะ ไอ้แต้มหรือไอ้ลิน หือออออ แต่พวกมันแพ้ท้องแทนมึงทั้งสองคนนี่ สงสัยว่าเด็กแฝด คนหนึ่งลูกไอ้แต้ม อีกคนลูกไอ้ลิน หึหึ”
“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยเท็นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!” เสียงไอ้กัสตะโกนลั่นบ้านในขณะที่พ่อเด็กทั้งสองคนได้แต่ยกนิ้วกลางมาให้ผม
หลังจากทำหูทวนลมใส่ไอ้กัสแล้วผมก็มานั่งมองหน้าเมลต่อ ผมไม่เคยบอกใช่ไหมว่ามันหน้าตาเป็นยังไง ที่บอกให้รู้บ่อยๆ ก็คือมันหล่อมาก หล่อชนิดที่ผู้หญิงถ้ารู้ว่ามันมีแฟนเป็นผู้ชายจะต้องร้องไห้กันไปเจ็ดวันเจ็ดคืนเลยล่ะ แต่ผมไม่บรรยายให้ฟังหรอกนะว่าคิ้วมันเข้มขนาดไหน ตามันสวยยังไง ริมฝีปากเวลาจูบนุ่มมากแค่ไหน และไม่บอกหรอกว่าจมูกโด่งที่สัมผัสแก้มผมบ่อยๆ น่ะสวยกว่าพวกไปทำศัลยกรรมมาเสียอีก ไม่บอกนะเพราะถ้าบอกไปแล้วคุณจินตนาการตาม ผมคิดว่าคุณต้องหลงในรูปโฉมของมันและกลายมาเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของผมแน่นอน
“จูบมั้ย” เมลถามยิ้มๆ มันใช้ส้อมจิ้มสับปะรดชิ้นหนึ่งมาจ่อที่ปากผม
“ได้เหรอ”
“หึหึ”
“แถวบ้านเรียกอ่อย”
“บ้านไหนเนี่ย หืมมมม” เมลยิ้มแล้วก้มลงมาจูบที่ปากผมเบาๆ “รู้หรือยังว่าไม่ได้อ่อย”
“อือ”
ผมซุกหน้าลงกับไหล่ของเมล เพราะขืนมองมันมากกว่านี้ได้ละลายหายไปกับอากาศแน่
“อะไรกันนี่พวกมึง ตั้งท่าจะซั่มกันอยู่ได้ ลุกๆๆๆ ไปช่วยกันขนของในครัว!” ไอ้เต๋อโผล่หัวออกมาจากในครัวหลังจากที่โดนไอ้คิมดึงหูให้ไปช่วยงานแล้วมันก็เห่าใส่ผมทันที
“หนังหน้าก็ไม่ดียังแยกไม่ออกระหว่างเซ็กกับความโรแมนติกอีก ไปดีกว่า เสร็จแล้วออกไปเรียกนะ กูออกไปสูดอากาศข้างนอกแป๊บ”
“ไอ้...”
ผมลุกเดินออกมาทั้งๆ ที่ไอ้เต๋อยังหาคำด่าไม่ได้ แอบเห็นไอ้ฟิวแว๊บๆ ที่ประตูครัว กำลังจะถามว่าทำไมมันตาแดงแต่ก็เห็นไอ้มายด์ลากแขนขึ้นบนห้องไปเลย
อะไรของพวกมัน -_-
ผมนอนดูท้องฟ้าจนถึงบ่ายกว่าๆ ก็โดนเรียกตัวให้ไปดื่มเหล้าแก้วแรกเป็นการเปิดงาน ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว เหลือแต่ประธานในพิธีกล่าวเปิดงาน แต่เมื่อผมไม่ได้ตบมุกไปกับพวกมัน ไอ้เต๋อเลยทำหน้าที่กล่าวเอง
“ผมดีใจและเป็นเกียรติอย่างมากเลยครับที่จะได้กล่าวเปิดงานแทนบุคคลที่ตอนนี้นั่งแดกแบบไม่สนใจใครทั้งๆ ที่แม่งก็ไม่ได้ทำห่าอะไรสักอย่าง งานวันนี้จะไม่เกิดขึ้นได้เลยถ้าไอ้เหี้ยเท็นเพื่อนเลิฟผมมันไม่ก่อเรื่องยุ่งๆ ขึ้น เกือบได้ดราม่ากันถ้วนหน้า น้ำตาท่วมจอกันเลยทีเดียว แต่ในเมื่อโจรกลับใจฝ่ายโจทย์ก็พร้อมจะให้อภัยนั่นแหละครับ ถึงจำเลยจะไม่ได้ดูสำนึกผิดอะไรมากก็เถอะ เฮ้ยๆๆๆๆ ไอ้เท็น นี่ไก่กู!!!”
เป็นอันว่าไอ้เต๋อที่ตั้งท่าจะสาธยายอะไรออกมามากกว่านั้นต้องหยุดพูดไปเพราะไก่พริกไทยดำที่กำลังสุกและถูกแอบอ้างว่าเป็นของมัน ได้เข้ามาอยู่ในปากผมเป็นที่เรียบร้อย หึหึ พูดมากดีนัก ไม่ต้องแดกหรอกมึงอ่ะ
เมนูวันนี้ก็เป็นหมูกระทะกับบาร์บีคิว เพราะกินได้เรื่อยๆ นั่นแหละไอ้ฟิวเลยยกเลิกอาหารจานเดียวที่ไอ้เต๋อกับไอ้เขตเสนอเมนูมา แต่ก็มียำวุ้นเส้นกับยำมาม่านะที่ไม่ได้ถูกถอดออกจากรายการ
พวกเรานั่งล้อมวงรอบกระทะสามกระทะกันเกือบครบ ยกเว้นไอ้กัสกับไอ้ลินที่รับหน้าที่ปิ้งบาร์บีคิวให้ ความจริงแล้วไอ้กัสมันกำลังโม้เรื่องการตั้งเตาให้กับคนที่ยอมรับฟังมัน ซึ่งก็ไม่มีใครอื่นที่จะทนฟังมันได้ไปมากกว่าไอ้ลินอีกแล้ว ทุกคนเลยพร้อมใจกันไล่ให้มันสองคนไปคุยกันที่อื่น -_-
“ระวังร้อน” เมลบอกพร้อมกับตักเต้าหู้กับผักมาให้ ก่อนจะคีบหมูกับกุ้งตามมาอีก
“เอาไก่ป่ะ”
“ไม่เอาของไอ้เต๋อนะ เดี๋ยวมันโวยวาย”
“ไม่มีป้ายชื่อมันติดไว้นี่ อ่ะ สุกละ”
เมลยิ้มนิดๆ แล้วรับไก่ที่ผมเป่าให้จนอุ่นแล้วเข้าปาก เห็นทางหางตาว่าไอ้เต๋อขมุบขมิบปากใส่ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ
นานๆ ทีจะมาอยู่กันครบอย่างนี้ เลยมีการเก็บภาพกันเล็กน้อย ตากล้องก็เปลี่ยนๆ กันไปแหละครับ แต่ผมกับเมลไม่ได้ไปเป็นตากล้องกับเขาหรอก เหตุผลเพราะอะไรน่ะเหรอ? ไม่น่าถาม
ก็ผมไงคือเหตุผล ^.^
“สัปดาห์หน้าก็ไฟนอลแล้ว วิชาไหนที่เรียนเหมือนกันพวกเรามาติวด้วยกันดีมั้ยวะ” ไอ้ลินที่นั่งอยู่ข้างไอ้กัสเสนอความคิดเห็น ทุกคนพยักหน้าพร้อมเพรียงก่อนไอ้ฟิวจะเสนอให้ใช้บ้านหลังนี้เป็นสถานที่ติว ส่วนผมโนคอมเม้น เรื่องนี้ผมจะไม่ยุ่ง ฮ่าๆๆ
“ไม่ต้องมองกูไอ้ฟิว กูมีธุระ” ผมบอกก่อนไอ้ฟิวจะทันได้ออกปาก รู้แน่ว่าไอ้นี่มันต้องหาเรื่องมาให้ผมแน่นอน
“ธุระอะไร! จะสอบแล้วนะ ยังมีธุระอะไรอีก ห้ามไปนะ ไม่ให้ไป” ไม่ใช่เมลหรอกที่พูด ไอ้ฟิวต่างหากที่แว๊ดๆ ข้ามกระทะมา
“มึงดูจริงจังเกินไปมั้ยเนี่ย -_-“
“ไม่รู้แหละ สอบเสร็จก่อนค่อยไป ถ้าไม่ฟังจริงๆ ก็พาเมลไปด้วย”
ผมเลิกคิ้วมองไอ้ฟิว ในขณะที่ไอ้มายด์ทำตะเกียบหักคามือ
“ไปคนเดียวเดี๋ยวก็เกิดเรื่องยุ่งๆ อีก” ไอ้ฟิวพูดเสริมเบาๆ แต่ผมก็ได้ยิน และแน่ใจว่าไอ้มายด์ก็ได้ยินด้วย เพราะมันดูเหมือนโกรธใครมาสักสิบชาติ
“เอ้อ...กูแค่จะกลับบ้านใหญ่ไปดูไอ้เจมมันหน่อย เห็นลุงชิดบอกว่ามันไม่ค่อยกินอะไร”
ผมเข้าใจแล้วว่าไอ้ฟิวมันห่วงใคร มันคงกลัวว่าผมจะทำให้เมลเสียใจอีก ...แต่มันคงไม่รู้เลยว่ามันก็กำลังทำให้ใครอีกคนเสียใจเหมือนกัน
“เอาปลาหมึกอีกมั้ย” เมลหันมาถามผม หน้ามันแดงน้อยๆ เพราะความร้อนจากเตา
ระหว่างที่ผมกับไอ้ฟิวคุยกันมันก็แค่ฟังเงียบๆ ทำหน้าที่ปิ้งนั่นย่างนี่ให้ผมกิน ไม่ได้ถามอะไรเหมือนทุกที
“อือ เอาเต้าหู้ด้วย”
“ครับ”
คงเป็นโชคดีของผม ที่คนข้างๆ เขาก็รักผมไม่น้อยไปกว่าที่ผมรัก แต่โชคดีของผมต้องแลกกับความโชคร้ายของอีกหลายๆ คน หนึ่งในคนที่โชคร้ายเหล่านั้นก็เป็นเพื่อนสนิทของผมเอง...
......................................To be continue................................
มาช้าไปหน่อย ขอโทษค่ะ วอลเล่ย์บอลหญิงเอาชนะสองเซ็ตแล้วนะคะ ฮี่ๆๆๆ
ตอนนี้ปั่นสดๆ เลยค่ะ ตอนต่อไป อาจต้องรอกันอีกนิดนะคะ เสียใจจริงๆ ที่ทำให้หลายๆ คนต้องรอ 
สุดท้ายนี้ขอบคุณความคิดเห็นและกำลังใจนะคะ
