Special Inside : มายด์ เมธัสการได้จ้องมองใบหน้ายามหลับของคนตรงหน้าเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับชีวิตผม แต่จะมีสักกี่ครั้งกันที่ผมจะถูกเขาจ้องมองแบบที่ผมกำลังทำบ้าง ผมตอบได้ว่าคงไม่มี...
เพราะในสายตาของเขามีแต่เพื่อนสนิทของผมคนเดียวเท่านั้น
“เมล...เมล...” แม้แต่ในยามหลับ คนที่เขาต้องการก็ไม่ใช่ผม
“ตื่น!” ผมพูดเสียงดังเล็กน้อยก่อนจะตบแก้มคนที่นอนหลับอยู่เบาๆ ตาโตๆ ลืมขึ้นมาพร้อมกับความชิงชังที่ถูกส่งมาให้
“อยู่อีกทำไม สมใจมึงแล้วไม่ใช่เหรอ”
ผมรู้ว่าแม้สักหนึ่งวินาทีเขาก็ไม่อยากเห็นหน้าผม คนๆ เดียวที่เขาอยากเจอคงเป็นเพื่อนสนิทผมที่ตอนนี้เป็นแฟนกับเพื่อนสนิทเขาล่ะมั้ง
“กูบอกมึงแล้วไงว่าห้ามพูดชื่อไอ้เมลเวลาที่อยู่กับกู แม้แต่คิดถึงมันมึงก็ห้ามทำ!”
“แล้วทำไมกูต้องเชื่อตามที่มึงบอก มันธุระอะไรของมึงที่จะมาห้ามกู ไม่ใช่เรื่องของมึงเลยไอ้เหี้ย!”
ก็จริงที่ไม่ใช่เรื่องของผม แต่เวลาที่เห็นมันเสียใจ มันเจ็บปวดเพราะไอ้เมล เป็นผมทุกทีที่ต้องรู้สึกไปกับมัน ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันในเรื่องนี้
“ออกไปห่างๆ กู ไม่ต้องมาแตะ!”
มือของผมถูกปัดออกแรงๆ แต่ผมก็ใช้มืออีกข้างจับแขนมันไว้แน่น
“เพราะไอ้เมลมันอยู่ที่นี่หรือไง มึงถึงได้ทำท่ารังเกียจกูนัก”
“....”
เมื่อมันเงียบผมก็ยิ่งเดือดขึ้นมา ฟิวเป็นของผม ตัวของมันเป็นของผม แต่ใจของมันไม่เคยเป็นของผมเลย ผมมีอะไรที่สู้ไอ้เมลไม่ได้? ผมมั่นใจว่าผมก็มีดีไม่น้อยไปกว่าไอ้เมลเลย แต่ฟิวไม่เคยจะเห็น มันเรียกหาแต่ไอ้เมล เป็นห่วงไอ้เมล รักแค่ไอ้เมลคนเดียวมาตลอด
“มึงไม่ละอายใจบ้างรึไงฟิว! ร้องเรียกแต่ชื่อของแฟนเพื่อนมึง ไม่ว่าจะตอนหลับ หรือตอนมีอะไรกับกู มึงก็เอาแต่เรียกชื่อมัน! ทำไมวะ!”
“เรื่องของกู”
“มึงมันน่าสมเพช!”
เพียะ!
ผมถูกฟิวตบ แน่นอนว่าแรงตบของมันมากกว่าผู้หญิงหลายเท่า แต่ไม่ได้ทำให้ผมเจ็บไปมากกว่าใจที่เจ็บแปลบตลอดเวลา
ผมรู้ว่าผมผิดตั้งแต่ต้น แต่ผมก็พยายามแก้ไข แต่ผมไม่เคยได้รับโอกาสจากมันเลย ผมถูกทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยชื่อของไอ้เมล ตัวตนของไอ้เมล และความรักของฟิวที่มีต่อไอ้เมล มันมากมายจนผมได้กลายเป็นตัวอะไรสักอย่างที่ไม่เคยมีค่าเลยสำหรับฟิว
“มึงมันก็สัตว์นรก น่าสมเพชไม่ต่างจากกูเท่าไหร่หรอก!”
ฟิวคงไม่มีวันจะรู้สึกดีๆ กับผม...ผมแน่ใจ
“กูขอโทษ”
“มึงคิดว่าสิ่งที่มึงทำกับกู มันเป็นเรื่องที่ยกโทษให้ง่ายๆ ได้งั้นเหรอ! มึงมันก็แค่คนเห็นแก่ตัว ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกคนอื่นเลย!”
และผมแน่ใจว่าฟิวคงไม่มีวันให้อภัยผม เหมือนอย่างที่ผมไม่มีวันที่จะลืมความรู้สึกผิดที่เหมือนบาปในใจได้
“จะให้กูทำยังไง”
“กูเคยบอกมึงแล้วไงว่ามึงก็แค่ไปตายซะ ไปให้พ้นหน้ากู ไปจากชีวิตกู!”
ผมรู้ว่าคนที่จะไล่ให้อีกคนไปตายได้ คนๆ นั้นคงเกลียดอีกคนมาก เกลียดมากจนไม่อยากเห็นหน้ากันอีก แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฟิวพูดอย่างนี้กับผม มันจะพูดทุกครั้งที่มีโอกาสเลยล่ะ
ความเงียบเข้าครอบคลุมในห้องเพราะทั้งผมและฟิวต่างก็จมอยู่กับความคิดของตัวเอง ได้ยินเสียงกีตาร์ดังมาจากสวนข้างล่าง คงมีใครสักคนที่รอดจากฤทธิ์เหล้าและเบียร์ แต่คงไม่ใช่ไอ้แต้ม ไอ้ลิน และไอ้กัสแน่นอน เพราะก่อนขึ้นห้องมาผมเห็นพวกมันนอนสลบกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้วยความสงสัยผมจึงลุกเดินไปดู เห็นเท็นกำลังดีดกีตาร์ มีไอ้เมลเป็นคนร้อง บางครั้งก็หยุดร้องหยุดเล่นแล้วคุยกันงุ้งงิ้งสองคน ผมเป็นเพื่อนกับไอ้เมลมาตั้งแต่อยู่อนุบาล ยอมรับจริงๆ ว่าไม่เคยเห็นมันมีความสุขมากขนาดนี้
“มึงไม่เห็นหรือไงว่าสองคนนั้นเขารักกันขนาดไหน”
“....”
“ถ้ามึงยังไม่ยอมตัดใจ เรื่องนี้ก็จะมีแต่มึงคนเดียวนั่นแหละที่ต้องร้องไห้”
“....”
“ไอ้เมลมันรักไอ้เท็น”
“ไม่ต้องย้ำ กูรู้”
“รักมากด้วย รักจนมันอาจจะตายได้ถ้าเลิกกับไอ้เท็น”
“กูรู้!”
“ตัดใจเถอะ มึงกำลังรักคนที่ไม่มีวันจะรักมึง”
“เรื่องนั้นกูก็รู้! มึงหยุดพูดได้แล้วมายด์!”
ใบหน้าของฟิวเต็มไปด้วยน้ำตา ถึงจะเห็นบ่อยครั้งแต่ผมก็ยังไม่ชิน ไอ้เมลคงไม่รู้ว่าระหว่างที่มันกำลังหัวเราะอยู่กับคนที่มันรัก ยังมีคนที่รักมันกำลังร้องไห้แทบจะขาดใจอยู่ตรงนี้
“ห้ามร้องไห้! กูเคยบอกกี่ครั้งว่าไม่ชอบให้มึงร้องไห้เพราะมัน!”
แต่น้ำตาก็ยังคงไหลลงมาเหมือนเขื่อนแตก ผมต้องเดินเข้าไปใกล้แล้วดึงมันมากอดไว้ ฟิวขัดขืนเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยอมซบหน้าร้องไห้กับอกผม
“อย่าร้องเพราะมันอีก หรือกับคนอื่นก็ห้าม ร้องเพราะกูคนเดียวก็พอ”
“ฮึก! มึงมันชั่ว!”
“กูยอมรับ...แต่กูก็ไม่เคยให้มึงไปเช็ดน้ำตาที่อื่นไม่ใช่เหรอ กูทำให้มึงร้องกูก็จะเป็นคนเช็ดน้ำตาให้เอง ที่บอกไว้จำไม่ได้หรือไง”
“ไม่อยากจำ”
“ปากเก่งจริงๆ นิ่งซะ เดี๋ยวตื่นเช้าตาบวมอีก”
“เรื่องของกู”
ประโยคยอดฮิตของฟิวเลยล่ะครับ แต่ผมแค่ยักไหล่แล้วพามันนอนลงกับเตียงก็แค่นั้น ฟิวร้องไห้อยู่บนอกผมอยู่สักพักก็หลับไป
ผมรู้ว่าการรักใครสักคนสุดชีวิตนั้น ถึงเวลาต้องตัดใจมันทำได้ยากขนาดไหน เหมือนผมกำลังเป็นอยู่ตอนนี้... ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่รัก แต่ก็ตัดใจไม่ได้สักที
“อ้าว ไอ้มายด์ ยังไม่นอนอีก” ไอ้เมลหันมาทักผม มันกำลังเล่นกีตาร์โดยเปลี่ยนให้ไอ้เท็นเป็นคนร้องบ้าง ไอ้เท็นมันก็ร้องนะ แถมแต่ละเพลงที่ร้องนี่ถ้าไอ้เมลเป็นผู้หญิงคงได้มีอายจนตายไปข้าง
“ยังไม่ง่วง แล้วทำไมเหลือกันอยู่สองคน” ผมถามก่อนจะนั่งลงข้างๆ ไอ้เมลที่รีบขยับที่ให้
ไอ้เมลเห็นอย่างนี้ขี้หวงมากนะ ถึงหลังๆ มานี่มันจะลดลงนิดหนึ่งก็เถอะ แต่ไอ้เท็นก็ยังเป็นบุคคลที่มนุษย์ทั่วไปแตะต้องไม่ได้อยู่ดีแหละครับ เพราะหนึ่งแฟนหวง และสองคงไม่มีใครคิดอยากเข้าไปอยู่ในโลกของมัน เหอๆ
“ไอ้มายด์แม่งมาขัดจังหวะ มึงรู้มั้ยเนี่ยว่ากำลังแทรกแซงเวลาของคนอื่นเขา” ไอ้เท็นมันเป็นคนพูดตรงๆ ซึ่งบางทีแม่งก็ตรงมากเกินไปจนผมรู้สึกหน้าชาไปเลยทีเดียว
“เออ งั้นกูไป”
“ไหนๆ ก็นั่งละ ไม่ต้องลุก กูหมดอารมณ์จะจีบแฟนแล้ว เชิญรบกวนต่อตามสบาย”
แล้วมันก็หันไปจิบเบียร์ชมจันทร์ของมันต่อไป ไอ้เมลแค่หัวเราะแล้วก็ยื่นมือไปขยี้หัวแฟนมัน เออนะ ตามใจกันจนเสียคนเลยพวกมึงเนี่ย -*-
หลังจากงุ้งงิ้งกับแฟนมันเสร็จ ไอ้เมลก็หันมาสาธยายให้ผมฟังว่าทำไมเหลือมันกับไอ้เท็นอยู่สองคน คือส่วนมากก็สลบกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นซึ่งตอนลงจากชั้นบนมาผมไม่ได้มองอะไรมาก แค่เห็นไอ้กัสนอนเคี้ยวน้ำลายอยู่บนโซฟาก็โล่งอกแล้ว เพราะคนอื่นเป็นผู้ชายผมไม่ห่วงเท่าไหร่
“ไอ้แต้มไปหาเมย์ เดี๋ยวคงกลับมาพร้อมกับรอยตบอีกตามเคย ได้ไอ้เขตขับรถไปส่ง ไอ้เต้กับไอ้แม็คคงอยู่ที่ไหนสักที่ในบ้านนี่แหละ กูไม่เห็นมาสักพักละ แต่คนอื่นๆ ก็อยู่ที่ห้องนั่งเล่นครบ”
“เออ ดีละ ว่าแต่ไอ้เขตมันไม่เมามากใช่ไหม ไปกับไอ้แต้มไหวใช่ป่ะ”
“ไหว ไอ้เขตพูดรู้เรื่องอยู่ แต่ไอ้แต้มถ้าให้ขับไปเองก็เสาไฟฟ้าหน้าซอยสักต้นนี่ล่ะที่จะโดนมันชน”
“สงสัยเมย์เรียกไปทะเลาะอีกตามเคย เออ เท็น เดี๋ยวแบกกัสขึ้นห้องด้วยล่ะ”
ไอ้เท็นหลุดจากโลกของตัวเองมาชายตามองผมแล้วมันก็พยักหน้าหนึ่งที คือ ผมพูดจริงๆ นะ ไอ้เท็นนี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยากที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ อยู่กับไอ้เมลมันก็ดูเหมือนคนธรรมดา แต่ไม่รู้ทำไม กับคนอื่นถึงได้ทำอึนๆ ใส่แบบนี้ นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นแฟนเพื่อนคงได้ต่อยกับผมไปสักยกล่ะ กวนตีนเกิน -*-
“เพื่อนกูอีกคนล่ะ เห็นมึงพาขึ้นห้องไปตั้งแต่ห้าทุ่ม” ทุกครั้งเวลาโดนไอ้เท็นตั้งคำถาม ผมจะต้องรู้สึกหายใจติดขัดทุกที อาจจะเพราะตาสีดำที่ดูฉลาดๆ ของมันก็ได้ที่สร้างความกดดันแปลกๆ ขึ้น
“หลับไปแล้ว”
“เหรอ เมื่อกี้ยังได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน”
“แค่พูดกันเสียงดังนิดหน่อย แต่ตอนนี้หลับไปแล้ว”
มันจ้องผมสักพักแล้วก็ยักไหล่เหมือนกับจะบอกว่า ‘เรื่องของมึง กูแค่ถามไปอย่างนั้น’
ผมถีบแฟนเพื่อนตกเก้าอี้นี่จะบาปมั้ยครับ -_-
“แล้วนี่พวกมึงยังไม่ง่วงกันไง” ผมเลิกสนใจไอ้เท็นแล้วหันไปถามไอ้เมลที่กำลังมองแฟนตัวเองอยู่
“ยัง รอไอ้แต้มกับไอ้เขตกลับมาก่อน” ไอ้เมลตอบทั้งๆ ที่ยังไม่ถอนสายตาจากไอ้เท็น
คือ...ผมควรจะอยู่เป็นก้างพวกมันต่อมั้ยวะ?
“เท็น พอแล้ว เดี๋ยวก็เมา”
“ไม่เมาน่า อีกนิด เบียร์เหลือ เสียดาย”
“จะเสียดายทำไมเนี่ย ของมันไม่เสีย เหลือก็เก็บไว้กินวันอื่น”
“จ้าๆ หน้าบึ้งดีจริงๆ เลย กลัวพี่เมาแล้วจะไม่มีแรงรึไงจ้ะ หึหึ”
“ดูพูดเข้า มานั่งนี่มา ตรงนั้นยุงเยอะ”
ผมมองตามไอ้เท็นที่ย้ายตัวเองไปนั่งเก้าอี้ว่างข้างๆ ไอ้เมล พอมันนั่งลงได้ก็เริ่มเป็นงูเลื้อยไปตามตัวเพื่อนผมทันที
“หึหึ” ไอ้เมลเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกทีนะจากสายตาผม แม่งยิ้มไปลูบหัวไอ้เท็นไป
คือ...อยากถาม ลืมไปแล้วรึไงว่ากูก็นั่งด้วย -_-
“ทำตัวเหมือนเพิ่งรักกันใหม่ๆ เลยเนอะพวกมึง”
“อ้าว นี่มึงยังไม่ไปอีกเหรอ”
-*- เข้าใจหรือยังว่าทำไมผมถึงอยากถีบมัน
“ทำหน้าบูดไปได้ไอ้มายด์ ขี้อิจฉานะมึงเนี่ย หึหึ”
แม้แต่เพื่อนผมก็เป็นไปกับไอ้เท็นด้วย
“เออออ กูไปแล้ว ทนไม่ไหวก็ขึ้นห้อง อย่ามาเอากันตรงนี้นะเว้ย”
“ไอเดียดีทีเดียวนะ กูก็อยากลองว่ะ จัดเลยมั้ยเมล”
“บ้าไงมึง หึหึ”
ผมปล่อยให้สองคนนั้นบ้ากันต่อไป ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมความรักทำให้คนที่เคยจริงจังกับชีวิตแต่ไม่เคยคบกับใครจริงจังอย่างไอ้เมลเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ ผมไม่เห็นว่าไอ้เท็นมันจะน่ารักตรงไหน ผมว่าเรื่องความน่ารักนี่ไอ้เท็นแพ้ฟิวไปหลายขุม แต่ถ้าความหล่อที่ค่อนไปทางสวยต้องยกให้มัน คือหน้าตาไอ้เท็นมันจะเจ้าเล่ห์หน่อยๆ ตาคมๆ ของมันฉายแววฉลาดออกมาทุกอณู ยิ่งตอนมันยิ้มนะ ตัวโกงในละครไทยยังต้องชิดซ้าย ผู้ก่อการร้ายยังต้องชิดขวา
แต่ฟิวต่างออกไป หน้าตามันดูเอ๋อๆ ก็จริงแต่มันน่ารัก ไม่รู้สิ ผมก็ไม่เคยชมผู้ชายคนไหนว่าน่ารัก แต่ตอนเจอมันครั้งแรกก็เผลอจ้องอยู่นานเหมือนกัน ผิวมันอมชมพูโดยธรรมชาติเลย ตัวก็เตี้ย น่าฟัดน่ากอดชะมัด
ในหลายๆ เรื่องฟิวอาจจะไม่มีอะไรสู้ไอ้เท็นได้ แต่ผมคิดว่าเท่าที่ฟิวมีก็พอแล้ว เมื่อไม่ต้องเอาไปเปรียบเทียบกับไอ้เท็น ฟิวน่ะเพอร์เฟ็คเกินไปด้วยซ้ำ ผมถึงไม่เข้าใจว่าไอ้เมลมันทนไม่รักฟิวได้ยังไงในระหว่างที่ฟิวทำอะไรดีๆ ให้มัน ทำไมเป็นแบบนั้นผมก็ยังสงสัย...
ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย รู้ตัวอีกทีก็มาถึงห้องของฟิวแล้ว ผมเดินไปนอนลงบนเตียงที่สั่งซื้อเข้ามาเมื่อเดือนก่อน ฟิวโวยวายอยู่เหมือนกันแต่มันก็ขัดผมไม่ได้
“ไปไหนมา” ฟิวถามเสียงเบาทั้งๆ ที่หลับตา พร้อมกับขยับเข้ามากอดแขนผมไว้ หน้าเล็กๆ ของมันซุกลงกับต้นแขนของผม
“ข้างล่าง”
“เหรอ เมลเมาหรือเปล่า”
“....” ผมน่าจะชินได้แล้ว เพราะเวลาที่ฟิวเข้ามาพูดดีๆ กับผม มันมักจะมีชื่อไอ้เมลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ
“เมลยังไม่นอนอีกเหรอ นั่งอยู่กับเท็นใช่มั้ย”
“....”
“น้ำค้างตอนดึกๆ ลงแรงนะ มึงไม่บอกให้รีบขึ้นนอนล่ะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
“....”
“แล้วเมล...”
“เงียบซะฟิว! กูจะนอน”
“มึงอารมณ์เสียอะไร กูก็แค่ถาม”
“มึงห่วงทำไมไม่ลงไปเอง”
“ก็เท็นอยู่”
“รู้ว่าไอ้เท็นอยู่ มึงก็เลิกห่วงเลิกคิดถึงไอ้เมลมันซะที! นอน!”
ฟิวสะดุ้งเล็กน้อย แล้วก็พยายามขยับตัวออกห่าง แต่ผมไวกว่าเลยคว้าตัวมันมากอดไว้
“หยุดคิดถึงไอ้เมลซะทีเถอะ”
“....”
“แค่เวลาที่อยู่กับกูก็ได้”
“....”
“กูขอร้อง”
คงเป็นอย่างที่ฟิวว่า...ผมต่างหากล่ะที่น่าสมเพช
....................................End Chapter...........................
อืมมมมมมมมมมมม เอาหนูเมธัสมาคั่นกลาง ได้ใช่มั้ยคะ? หึหึ
ตอนหน้าก็กลับมาที่ท่านเท็นกันต่อแหละค่ะ ที่เอามายด์มาคั่นนี่เพราะฟังเพลงแล้วเกิดอารมณ์แบบ นี่เลย นี่แหละ ต้องน้องมายด์เท่านั้นนนนนน เลยจัดมาให้หนึ่งตอน

รักทุกคน 