Special Inside: ฟิว วิทวัส(กูไม่ได้ตัดสายมันทิ้ง ที่นี่แค่ไม่ค่อยมีสัญญาณ กว่าจะเดินหาสัญญาณมือถือได้นี่มันยากนะ)
เสียงไอ้เท็นตอบกลับมาสบายๆ ถ้าเป็นคนอื่นพูดผมคงคิดว่าเป็นข้ออ้าง แต่สำหรับผู้ชายคนนี้แล้วมันไม่ใช่ อย่างไอ้เท็นไม่ต้องหาข้ออ้างอะไรมาใช้กับการกระทำในชีวิตมันหรอกครับ แค่มันพอใจ อะไรก็หยุดมันไว้ไม่ได้ แม้แต่...เมล
“แล้วมึงอยู่เชียงรายจริงๆ ใช่มั้ย ไปตอนไหนวะ แล้วไปทำไม ผู้หญิงในรูปนั่นก็อีก”
(ฮ่าๆๆ กูแค่เช็คอินที่เชียงรายเล่นๆ กูอยู่สวนของตาไอ้แม็คเนี่ย ผู้หญิงก็น้องฟาไง น้องสาวไอ้แม็คมัน มึงจำไม่ได้ไงวะ)
พอไอ้เท็นพูดแบบนั้นผมเลยเปิด IG ขึ้นมาอีกรอบ ดูๆ ไปก็คล้ายจริงๆ อาจจะเป็นเพราะไม่ได้เจอน้องฟาบ่อย เด็กสมัยนี้โตเร็วจริงๆ
“สรุปก็คือมันไม่มีไรใช่มั้ย กูจะได้บอกเมล”
(ไม่ต้อง กูเคลียร์เอง มึงอยู่เฉยๆ เถอะ)
มันดูเหมือนประโยคธรรมดา แต่ผมกลับเจ็บจี๊ดขึ้นมาแบบช่วยไม่ได้...นั่นสิ ผมควรอยู่เฉยๆ เพราะหน้าที่อธิบายหรือปรับความเข้าใจมันไม่ใช่หน้าที่ของผม...เรื่องของพวกมันสองคน ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย ผมเข้าใจ
แต่...ก็ยังอดห่วงไม่ได้
“อืม เข้าใจแล้ว เมลอยู่ที่สบายตังค์ มึงมาที่นี่ละกัน”
(โอเค)
ไอ้เท็นวางสายไป ผมเดินกลับเข้าไปในร้าน บอกเมลว่าเดี๋ยวเท็นจะมา แค่นั้น...ผู้ชายตรงหน้าก็ยิ้มกว้างขึ้นมาได้แล้ว... นั่นล่ะ...ผมถึงได้วางใจ และขอตัวกลับ
ผมกลับมาถึงบ้านด้วยแท็กซี่ที่กว่าจะหาได้ก็ต้องยืนโบกเกือบครึ่งชั่วโมง เห็นไฟในห้องนอนตัวเองยังเปิดอยู่ มัน...คงรอผมกลับ
“เป็นไง พวกมันเคลียร์กันรึยัง” พอผมเปิดประตูเข้ามาในห้อง คนที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงก็ถามขึ้นทันที
“อืม ก็ไม่มีอะไร แค่เข้าใจผิด” ผมตอบแค่นั้นแล้วก็ไปอาบน้ำ
น้ำอุ่นๆ ช่วยให้ผ่อนคลายได้ดี ความรู้สึกที่หน่วงในใจก็ทุเลาลงได้มาก ผมไม่เคยคิดที่จะตัดใจจากเมลเลยนั่นแหละถึงทำให้ตัวเองเจ็บปวดอยู่อย่างนี้ เพราะผมรู้...ว่าเมลคงไม่มีวันรักผม แต่ผมก็แค่อยากเห็นเมลมีความสุข แค่ได้เห็นรอยยิ้มของเมล ผมก็ไม่ต้องการอะไรอื่นแล้ว ...ทำไมผมถึงเป็นแบบนี้ ผมก็ตอบไม่ได้ หรือเพราะผม...ไม่เคยเปิดใจรับใครอื่นเลย
“ดึกขนาดนี้ยังจะสระผมอีก” ไอ้มายด์ว่าเสียงห้วน ตาดุๆ จ้องมาที่ผม แต่ก็วางหนังสือแล้วเดินไปหาไดร์เป่าผมให้
“เรื่องของกู” มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่ผมจะตอบกลับมันแบบนี้...แต่ไอ้มายด์มันไม่สะทกสะท้านหรอก ไอ้นี่มันตีมึนทำตามความพอใจของตัวเองเท่านั้นแหละ เอาแต่ใจน้องๆ ไอ้เท็นเลยก็ว่าได้
แต่ก็แปลก...เพราะในเรื่องที่มันเอาแต่ใจ...กลับเป็นเรื่องที่เกิดผลดีกับผมซะส่วนใหญ่
ผมอาจจะไม่ลืมในเรื่องที่มันเคยทำกับผมไว้ แต่การที่มันเอาตัวเองเข้ามาผูกติดกับผม...เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ก็ทำให้ความเกลียดที่ผมมีต่อมันลดลงไปได้บ้าง ถ้ามันไม่ทำแบบนั้น...เราอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ เพราะบางที...ผมก็คิดว่ามันเป็นคนดีมากทีเดียว
“อยู่นิ่งๆ” เสียงดุๆ ของมันมาพร้อมกับมือที่ถือผ้าขนหนูคอยเช็ดผมให้
“เมื่อไหร่มึงจะกลับไปอยู่บ้านตัวเองสักที คิดจะอยู่ที่นี่ไปถึงเมื่อไหร่กัน” เป็นคำถามครั้งที่ร้อยของผมแล้วก็ว่าได้ แต่ไอ้มายด์ตีมึนไม่ยอมตอบทุกครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน
ผมปล่อยให้มันเช็ดผม และใช้ไดร์เป่าผมให้ มันตัวโตกว่าผมมาก มือก็ใหญ่ แต่ทำไมสัมผัสของมันถึงอ่อนโยนนักก็ไม่รู้
ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา มันทำอะไรให้ผมมากมาย นอกเหนือจากความรู้สึกผิดที่มันแสดงออกมาแล้ว...ผมยังรู้ถึงความรู้สึกที่มากกว่านั้น ผมอาจจะตอบแทนมันบ้าง...แต่ก็ไม่ได้เกินไปกว่า...ความสงสารเลยสักนิด
ผมทำไม่ดีกับคนที่เขาทำดีต่อผมไปตลอดไม่ได้หรอก...เพราะผมรู้ว่าการให้ความรักกับคนที่เขาไม่มีวันรักเรา...มันเจ็บปวดแค่ไหน
“วันก่อนมึงบ่นอยากดูหนัง ไปดูกันมั้ย พรุ่งนี้กูว่าง”
ผมบ่นกับไอ้กัสจริงๆ มันนั่งเล่นกับไอ้เป๊บอยู่ข้างๆ คงได้ยินไปด้วยเหมือนกัน
“ก็บอกแล้วไงว่าจะไปดูตัว”
“หนังรอบทุ่มไง กูจองตั๋วไว้แล้ว”
“ถึงงั้นก็เถอะ กูไม่ได้บอกว่าจะไปกับมึงนะ ทำไมรีบจองวะ”
“กูไปรอที่หน้าโรงหนังละกัน เสร็จธุระแล้วก็รีบๆ ตามไป”
“กูไม่ไป”
“กูจะรอ”
“เหี้ยไรของมึงเนี่ย”
ไอ้มายด์เก็บไดร์เป่าผมไว้ในลิ้นชักตามเดิม ก่อนจะเดินไปนอนอ่านหนังสือต่อ ผมเหลือบมองมันด้วยความหงุดหงิด
“อยากรอก็เรื่องของมึง กูจะไปหรือไม่ไปก็เรื่องของกู”
“อืม”
ถ้ามันโมโหกลับมา อาจจะดีกว่าคำว่า ‘อืม’ สั้นๆ นั้นก็ได้ เพราะมันตอบมาแค่นั้น ผมถึงรู้สึกแปลกใจ...ปกติมันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ...
“มานอนได้แล้ว นั่งเอ๋ออยู่ได้”
“ไม่ต้องมายุ่ง”
“นอนไม่พอก็บ่นปวดหัวอีก จะมาดีๆ หรือให้ใช้กำลัง”
“มึงมันป่าเถื่อน”
ไอ้มายด์แค่ยิ้มแล้วตบที่นอนข้างๆ ผมเลยจำใจต้องไปนอนตามมันสั่ง ล้มตัวลงนอนได้ก็ถูกมันคว้าตัวไปกอดไว้ ไอ้นี่เป็นแบบนี้ตลอดแหละ นอนห่างกันแล้วมันจะดิ้นตาย
“หลับตาซะ”
“ไม่ต้องมาสั่ง”
“หึหึ ฝันดีนะมึง”
“เออ มึงก็ฝันร้ายละกัน”
มันลูบหัวผมเบาๆ แล้วก็จูบหน้าผากไปหนึ่งที เหมือนทุกครั้งหลังจากที่บอกฝันดีแล้ว...
.
.
.
ผมเคยเป็นฝ่ายที่ดูแลคนอื่นมาตลอด แต่มันก็หลายเดือนมาแล้วที่ผมเป็นฝ่ายถูกดูแลซะเอง มัน..ทำให้ผมทุกอย่างจริงๆ ทำทุกอย่างโดยที่ผมไม่เคยขอเลย
“เจ็บมั้ย เข้าเนื้อรึเปล่า”
ไอ้กัสเคยบอกผมว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากที่ผู้ชายนิ่งๆ ไม่ค่อยพูดอย่างไอ้มายด์จะมีมุมแบบนี้
“เออ เจ็บดิ ทำเบาๆ ไม่เป็นไง” ผมก็พูดไปอย่างนั้น ความจริงมันไม่ได้เจ็บอะไรเลย ผมทำเองยังเจ็บกว่าด้วยซ้ำ
“อดทนหน่อยน่า เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” ไอ้มายด์บอกเสียงดุ แต่ก็ก้มหน้าก้มตาตัดเล็บเท้าให้ผมต่อไป
“บอกให้อดทนแล้วมึงจะถามทำไม รีบๆ ตัดเลยนะ เดี๋ยวกูไปดูตัวสาย”
“ครับๆ”
“โอ้ย! เบาๆ ดิ”
“ขอโทษๆ” มันหน้าเสียไปเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงเป่าให้ ผมเลยพยายามชักเท้าหนี อะไรของมันเนี่ย นั่นเท้านะ ไม่รังเกียจเลยรึไง
“เย็นนี้อย่าลืมนัดนะ”
“กูบอกแล้วไงว่าไม่ไป”
“ก็บอกว่าจะรอ”
“กูไม่ไป ไม่มีใครอยู่บ้านใครจะดูไอ้เป๊บกับเบลล่าล่ะ มึงอยากไปก็ไปคนเดียวสิ”
ใครจะเอาข้าวให้พวกมันกินล่ะ...ไหนจะไอ้เจคอีก ...เมลรักพวกมันมากเลยนะ ปล่อยให้อดอยากได้ที่ไหน
“ถ้ากูขอร้อง...”
ผมชะงักไปเล็กน้อยกับสีหน้าของมัน แววตาที่จ้องตรงมา แล้วความเจ็บปวดนั่นคืออะไร...
“ทำไมกูต้องฟังคำขอร้องของมึงด้วย อยากดูก็ชวนคนอื่นไปสิ” ผมบอกพร้อมกับหลบสายตาของมัน
“เพราะมึงอยากดู กูถึงจองตั๋วไว้ให้ ยังไงกูก็จะรอ อ่ะ เสร็จแล้ว ไปอาบน้ำไป”
“เออ งั้นมึงไปเอาข้าวให้ไอ้เป๊บกับเบลล่าหน่อยละกัน ไอ้เจคกูจัดการเอง เพราะมันไม่เชื่องกับมึง”
ไอ้มายด์พยักหน้าแล้วเดินออกจากห้องไป วันนี้มันทำตัวแปลกๆ มาตั้งแต่เช้าละ เพราะตื่นไปใส่บาตรด้วย ร้อยวันพันปีเพิ่งจะเคยเห็นคนอย่างมันทำบุญ -_-
...................................To be continue.......................................
ไม่มีใครแทนใครได้ แต่ความรักก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้น้องฟิวตัดใจได้เร็ววัน
ฝากผู้ชายคนใหม่ด้วยค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40513.msg2575039#msg2575039
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
เรื่องของคนนี้แต่งก่อนเท็นอีก แต่ยังไม่อยากเอาลง เพราะต้องคิดอะไรหลายอย่าง
แต่มาวันนี้...อยากให้ทำความรู้จักเขาดูค่ะ พี่โปรดน่ารักนะคะ <3
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็น
