http://www.youtube.com/v/U2Z3SafhoxIเพลงเพราะค่ะ
Special Inside : มายด์ เมธัส(สุขสันต์วันเกิดเว้ยมึง แล้วอยู่ไหนวะ ให้ไปหามั้ย)
เสียงของไอ้เมลงุ้งงิ้งมาตามสาย มันไม่ได้ลืมเวลาหรืออะไรหรอก แต่มักจะโทรมาตอนเกือบเที่ยงคืนในวันที่ 15 มกราคมของทุกปี เพราะมันเคยบอกผมว่าอยากเป็นคนสุดท้ายที่อวยพรวันเกิดให้
ตั้งแต่อายุห้าขวบเป็นต้นมาผมไม่เคยมีงานวันเกิด เพราะในวันเกิดของผมคือวันที่แม่จากไป พ่อไม่เคยยินดีกับวันนี้เลยสักครั้งตั้งแต่ผมจำความได้ ซึ่งผมก็ไม่ได้น้อยใจอะไร ผมรู้ว่าพ่อรู้สึกยังไง และผมเองก็ไม่ต่างกัน
ถ้าในวันนี้ของเมื่อสิบห้าปีก่อนแม่ไม่ออกไปซื้อเค้กวันเกิดให้ผม อุบัติที่ผมไม่เคยอยากจำก็คงไม่เกิดขึ้น...
ในวันเกิดของผมเป็นวันเดียวที่จะได้เจอหน้าพ่อ เราสองคนจะไปเยี่ยมหลุมศพของแม่ นำดอกไม้ที่ท่านชอบไปวางไว้ให้ แล้วจากนั้นก็จะแยกย้ายกันไปคนละทาง ทุกๆ ปี ไอ้เมลจะมาอยู่เป็นเพื่อนผม ไม่ออกไปเที่ยวด้วยกัน ก็แค่นั่งเล่นเกมกันยันสว่าง
แต่ปีนี้...ผมบอกมันว่ามันไม่ต้องมาแล้ว ผมมีคนที่อยากจะใช้เวลาอยู่ด้วยในวันนี้ ทว่า...คนที่ผมรอเขากลับไม่มา
ตั๋วหนังที่ซื้อไว้ก็ต้องทิ้งเพราะเลยเวลามาหลายชั่วโมง แต่ผมก็ยังคงนั่งอยู่หน้าโรงหนัง ยังคงเฝ้ารอ...เพื่อหวังว่าคนที่นัดไว้ จะมาสักที
ซึ่งความจริงแล้วผมก็แค่ทึกทักเอาเองว่าเรา...นัดกันไว้
“ไม่ต้องเว้ย อยู่ได้ ไม่เป็นไร”
(บอกมาเถอะน่า นี่อยู่ข้างนอกกับเท็น กำลังหาที่เที่ยวกันอยู่พอดี)
พวกมันเที่ยวกันตอนเกือบเที่ยงคืนนี่นะ =_=
“ไม่หลับไม่นอนวะ”
(แฟนกูแม่งเสือกหิวขึ้นมา นี่ก็ตระเวนหากระเพาะปลากันอยู่ แต่พูดเลย ใครแม่งจะเปิดขายให้ตอนเกือบเที่ยงคืนวะ เท็นแม่ง // บ่นอะไรเมล รีบๆ เดินดิวะ)
เพลียแทนไอ้เมล =_=; ไอ้เท็นไม่ใช่จะเป็นอย่างนี้ครั้งแรกนะครับ แต่มันเป็นบ่อยมาก มันเคยเกือบพังประตูเข้าห้องฟิวกลางดึกเพราะอยากกินราดหน้าหมี่กรอบ โดนด่าไปชุดใหญ่แต่สุดท้ายมันก็ได้กินนั่นแหละ
“กูอยู่หน้าโรงหนังว่ะ”
(อ่ะ มีเดทเหรอ)
“เปล่า กำลังจะกลับ พวกมึงอยู่ไหน เดี๋ยวกูไปหา”
(แถวหลังมอ งั้นเดี๋ยวไปเจอกันหน้าร้านพี่เจ๋งนะ)
“โอเค”
สุดท้ายแล้วเมื่อนาฬิกาบอกเวลาวันใหม่ วันเกิดผมก็ผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นเหมือนวันธรรมดาวันหนึ่งเท่านั้น
ข้อความของไอ้แต้มไอ้เขตก็เหมือนทุกปี คือขอให้ชีวิตผมพบเจอแต่สิ่งดีๆ จนผมแอบคิดว่าพวกมันเซฟไว้แล้วตั้งเวลาส่งมาให้รึเปล่า ส่วนของไอ้ลินก็ไม่ได้ต่างไปจากไอ้พวกนั้นมาก ปีที่แล้วขอให้ผมถูกหวย ปีนี้มันขอให้ผมถูกล็อตเตอร์รี่ ปีหน้าคงขอให้ผมถูกหวยนิเคอิแหละครับ =_=;
ผมมาถึงหน้าร้านพี่เจ๋งในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ไอ้เมลกับไอ้เท็นยืนคุยกันอยู่ ในมือซ้ายของไอ้เมลมีกล่องใส่ทาโกยากิ ส่วนมือขวาทำหน้าที่จิ้มทาโกยากิป้อนไอ้เท็น
“อ้าว มาแล้ว จะเข้าร้านพี่เจ๋งมั้ย หรือไปเดินเที่ยวกัน” ไอ้เมลถามขึ้นเมื่อเห็นผม
“แล้วแต่พวกมึง”
“นั่นไงกูบอกแล้วว่าไอ้มายด์มันไม่เรื่องมากหรอก พากูไปหาซื้อกระเพาะปลาซะดีๆ” ไอ้เท็นว่าพลางผลักหัวแฟนมัน ก่อนจะอ้าปากรับทาโกยากิที่ไอ้เมลส่งไปให้
“ร้านมันปิดหมดแล้ว มีแต่โจ๊กที่ขาย”
“นี่มึงยังไม่ได้กินกระเพาะปลาอีกเหรอไอ้เท็น”
“ยัง ได้แดกแต่ทาโกยากิเนี่ย ไอ้เมลแม่งกากสัด หาร้านไม่เจอก็มาอ้างว่าร้านปิด”
“กูไม่ได้อ้าง”
“เฮ้ อย่าตีกันดิวะ” ผมรีบห้ามก่อนมันสองคนจะทึ้งหัวกัน
“กูรู้จักร้าน เดี๋ยวพาไป”
“นั่นไง ไอ้มายด์แม่งเทพว่ะ ไปๆ กูหิว”
ทาโกยากิแปดลูกมึงคงไม่เรียกว่ากินสินะ -_-
ผมพาไอ้เมลกับไอ้เท็นมาร้านโจ๊กโต้รุ่งที่ขายก๋วยจั๊บและกระเพาะปลาด้วย ไอ้เท็นถลาเข้าไปนั่งโต๊ะทันที มันคงอยากของมันมาก ในขณะที่ไอ้เมลทำหน้าเซ็งๆ ส่วนผมเดินไปสั่งเมนูที่พวกมันรีเควสกับอาแปะคนขายแล้วเดินไปตักน้ำมาบริการพวกมัน
“กูไม่เห็นเคยรู้จักร้านนี้” ไอ้เมลบอกอย่างเด็กที่ไม่ยอมรับความจริงว่ามีร้านนี้เปิดขายกระเพาะปลาอยู่
“ก็ไม่แปลก เด็กมอเราส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยรู้จัก”
“แล้วมึงรู้จักได้ไง”
“เคยมากินกับฟิวบ่อยๆ”
“เออ ไอ้ฟิวแม่งรู้จักร้านของกินเยอะ ไม่แปลก แล้วนี่มึงไม่ได้ออกมาดูหนังกับมันเหรอ” ไอ้เท็นที่นั่งยัดทาโกยากิเข้าปากเงยหน้าขึ้นมองผม
“เปล่า กูมาคนเดียว”
“อ้าว ไหนมึงบอกว่า...”
ไอ้เมลพูดขึ้นมาได้แค่นั้น ก่อนจะโดนไอ้เท็นเอาทาโกยากิลูกสุดท้ายยัดเข้าปาก มันเลยหยุดพูดแล้วหันไปตีกันเอง =_=;
ผมล่ะเพลียกับพวกมันจริงๆ
“เดี๋ยวคืนนี้มึงโดนของกูยัดปากแน่ รู้ว่ามันร้อนแต่ไม่มีจะเป่าให้กูหรอก เหี้ย ปากพองเลย”
“เรื่องของมึงดิ”
ไอ้เมลผลักหัวแฟนมันเลยครับ แต่โดนไอ้เท็นทึ้งหัว ก็ด่ากันไปแกล้งกันมานั่นแหละ แต่คู่นี้แม่งชอบเล่นอะไรแรงๆ จนบางทีคนนอกอย่างผมก็กลัวพวกมันจะตีกันจริงๆ -*-
“พอๆ พวกมึงนี่ อยู่กันดีๆ ไม่ได้ไงวะ”
“ก็มึงดูมันดิ นิสัยเสียว่ะ” ไอ้เมลหันมาฟ้องผม แต่ไอ้เท็นทำแค่ยักไหล่ไม่สนใจกับสภาพหัวฟูๆ ของแฟนมันเลยสักนิด
นั่งกินกันไปจนเสร็จก็พากันกลับ คืนนี้ไอ้เมลไอ้เท็นนอนที่บ้าน ส่วนผมคงไม่กลับไปกับพวกมัน เพราะมีที่ที่หนึ่งต้องแวะไป
เมื่อเช้าหลังจากทำบุญตักบาตรแล้วผมก็ไปเยี่ยมหลุมศพของแม่ แต่ปีนี้ผมกับพ่อไปคนละเวลากันเลยไม่ได้เจอกัน ผมนับถือศาสนาพุทธตามคุณย่าที่เลี้ยงผมมา ที่ผมรู้จักไอ้เมลได้ก็เพราะย่าผมกับย่าไอ้เมลเป็นเพื่อนสมัยไฮสกูล ย่าไอ้เมลเป็นคนรัซเซีย ถึงจะไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษ แต่กับย่าของผมพวกท่านก็สื่อสารกันด้วยภาษาสากล
ผมขับรถมาถึงสามแยก สถานที่ที่เมื่อสิบห้าปีก่อนมีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วจนชนคนที่กำลังเดินข้ามทางม้าลายเข้า คนๆ นั้นก็คือแม่ที่กำลังจะข้ามถนนมาหาผมที่รออยู่ที่รถพร้อมกับพ่อ
ผมจำรายละเอียดไม่ได้มากนัก แต่ที่จำได้ไม่เคยลืมคือสถานที่แห่งนี้ได้พรากแม่ไปจากผม
วางดอกลิลลี่สีขาวที่เริ่มเฉาแล้วลงตรงเสาไฟจราจร ยืนมองท้องถนนอยู่สักพัก ก่อนจะขึ้นรถขับออกมา
ผมกลับมาถึงเกือบตีสอง เห็นรถของไอ้เมลจอดอยู่ก่อนแล้ว พวกมันคงไม่ได้ไปต่อที่ไหนอีก มาถึงห้องที่ผมอาศัยอยู่มาหลายเดือนก็พบว่าไฟไม่ได้เปิดอยู่ ฟิวคงนอนไปแล้ว
เข้าไปอาบน้ำก่อนจะออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขึ้นเตียงนอน
ผมรู้ตัวว่าในสักวันก็คงต้องพาตัวเองออกไปให้ห่างจากชีวิตของฟิว เพียงแต่ว่าในวันนี้ผมยังคงไม่พร้อม ผมอยากจะมองใบหน้านี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำอะไรดีๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่ผมจะพอทำให้ได้ แต่ผมรู้ดีว่าสักวันก็ต้องจบ ถ้าวันหนึ่งฟิวได้เจอคนที่รักฟิวอย่างที่ฟิวรัก วันนั้นผมก็คงต้องไป
เพราะถึงยังไง...คนที่ฟิวรักก็ไม่มีวันเป็นผมอยู่ดี
“กลับมาแล้วเหรอ”
“อืม”
“มึงไปไหนมาล่ะ”
“เที่ยว”
“ไม่ได้รอใช่ไหม”
“อืม”
“ดีแล้ว นอนเถอะ”
“อืม”
เพราะฟิวเป็นคนขี้สงสาร ผมจึงไม่อยากบอกว่าผมรออยู่เกือบหกชั่วโมง ไม่อยากให้มันรู้สึกผิดในเมื่อผมเต็มใจที่จะรอเอง
“ฝันดีนะ”
ไม่ใช่เพราะความเคยชินที่ผมพูดกับฟิวอย่างนี้ทุกคืนก่อนนอน แต่เพราะผมอยากให้ฟิวฝันดีจริงๆ ไม่ต้องฝันถึงผมก็ได้ แค่ตื่นเช้ามาให้ฟิวรู้สึกดีที่ได้เริ่มต้นวันดีๆ ในทุกๆ วัน
ถึงแม้ว่าตัวผม...จะฝันแต่เรื่องร้ายๆ ซ้ำๆ ก็ตาม ความฝันที่มีแต่คนที่ต้องเจ็บปวดเพราะผม ทั้งแม่ที่ต้องจากไปเพราะผม ทั้งพ่อที่ต้องเจ็บปวดเพราะผม และฟิว...ที่ถูกผมทำร้าย
ให้มีแต่ผม...ที่ต้องจดจำเรื่องพวกนี้ก็พอ
...........................................End Special............................................
สเปเชี่ยลมายด์ฟิวขอจบไว้แต่เพียงเท่านี้ ไม่ใช่ทุกคู่ที่จะสมหวังในเรื่องความรักนะคะ คนไม่รัก ยังไงก็คงไม่รักอยู่ดี
ขอบคุณคนรอค่ะ 