ตอนที่ 40“เหี้ยเท็น กูถามจริงๆ มึงกับไอ้เมลมีปัญหาไรกันป่าววะ” ไอ้เต๋อที่กำลังชงเหล้ามือเป็นระวิงถามขึ้นด้วยความสงสัยที่มันคงเก็บจนอัดอั้นมานานหลายวัน
ไม่ต้องป่าวประกาศก็คงมีคนสังเกตเห็นได้ว่าผมกับเมลไม่ได้คุยกันเหมือนเดิม เอาง่ายๆ คือเมลหลบหน้าผม โอเคครับ เข้าใจ =_= ว่าเพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น
ผมก็หาวิธีง้ออยู่นะ แต่ตอนนี้จนปัญญา
“เรื่องในครอบครัวกู”
“-*- ไม่ถามแล้วก็ได้ เออไอ้แม็ค ไอ้พี่มาโปรดที่มึงเคยเอาไปเพ้อให้ไอ้เต้ฟังนี่มันหน้าตาเป็นไงวะ พอผ่านป่ะ”
“มึงไม่เคยเจอพี่เขาเหรอวะ ดังนะคนนี้ แต่กูก็แค่บอกไอ้เต้ว่าคนที่มันกำลังควงเป็นเด็กเก่าพี่มาโปรดก็แค่นั้น ไม่ได้เพ้ออะไรสักหน่อย ไอ้ห่าเต้มันเอาไปตีความเองว่ากูเอามันไปเปรียบเทียบกับพี่มาโปรด ถึงได้แขวะกูจนถึงทุกวันนี้ -_-” ไอ้แม็คทำหน้าหงุดหงิดใจมองไปทางไอ้เต้ที่นั่งชนแก้วอยู่กับผู้หญิงวัยทำงานตรงเคาท์เตอร์บาร์ มีไอ้พี่เจ๋งยืนทำเหล้าไฟพลางมองนมผู้หญิงคนนั้นไปด้วย -_-
“มาโปรดนี่คือพี่ไอ้เปรมน้องรหัสกูป่ะ?”
“ใช่”
“แต่กูไม่เคยเห็นแม่งพูดถึง หน้าตาก็ไม่ค่อยเหมือนกันด้วย”
“แล้วมึงเคยเห็นหน้าพี่มาโปรดแล้วเหรอถึงคิดว่าไม่เหมือน”
“ไม่เคย”
“ไอ้ห่า =_=;”
ผมเลิกสนใจไอ้แม็คกับไอ้เต๋อที่สาดน้ำลายใส่กัน ตอนนี้ความสนใจต่อสิ่งรอบข้างของผมติดลบถึงขั้นถ้าเป็นอุณหภูมิตอนนี้ประเทศไทยคงหิมะตก
“มาแดกเหล้ากันแค่นี้ ไอ้เต้ก็เสือกหาเรื่องเคลมสาวอีก กูล่ะเพลียจริงๆ” ไอ้เต๋อบ่นออกมาเบาๆ เพราะบรรยากาศมันไม่ครื้นเครงเหมือนมาครบแก้งที่มาทีเป็นสิบ ร้านไอ้พี่เจ๋งเกือบเจ๊งเพราะแม่งชอบแจกเหล้าฟรีให้พวกผมบ่อยๆ
“ไม่มีใครมากินเหล้าก่อนวันสอบหรอกไอ้สัด นอกจากพวกเราเนี่ย เหี้ยเต้! ถ้ามึงจะแดกนมแทนเหล้า คืนนี้กูกลับกับไอ้เต๋อนะ!” ไอ้แม็คหันไปตะโกนบอกไอ้เต้แล้วหันกลับมากินเหล้าต่อ
ร้านพี่เจ๋งวันนี้คนไม่เยอะครับ ไม่วุ่นวาย แค่เปิดเพลงคลอบรรยากาศให้ลูกค้าเบาๆ เพราะยังสอบไม่เสร็จกัน เลยมีแต่พวกไม่สนใจโลกอย่างผม ไอ้เต๋อ ไอ้แม็ค และไอ้เต้ออกมากินเหล้ากัน ส่วนคนอื่นๆ เขาก็อ่านหนังสือกันอยู่นั่นแหละ อ้อ ยกเว้นไอ้คิมนะ ไอ้ห่านั่นไปหาเมีย
“ไอ้เหี้ยเต้แม่งนับวันมันยิ่งไปกันใหญ่ กูว่ามึงทำอย่างที่กูบอกเถอะไอ้แม็ค ลองเสี่ยงไป ดีกว่ามาอยู่ในสถานะที่ไม่ชัดเจนอย่างนี้ เชื่อกูเถอะ กูเคยลองทำมาแล้ว มันเวิร์ค”
“เวิร์คจนอีกสองเดือนมึงจะต้องเป็นเจ้าบ่าวทั้งๆ ที่ยังเรียนไม่จบใช่มั้ยไอ้สัด?”
“เหี้ยเท็นหุบปากไปเลยมึง กูกำลังเสี้ยมไอ้แม็คอยู่”
“ช่างมันเถอะ ดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวเดี๋ยวมันจะยิ่งยุ่ง”
“ก็ต้องหาคนที่เขาว่างพอจะช่วยมึงได้สิวะ แฟร์ๆ ทั้งเขาทั้งเรา”
“เหี้ยเต๋อมึงก็คิดเป็นนิยายไปได้ไอ้สัด มันไม่ใช่ว่าทำให้หึงแล้วไอ้ห่าเต้มันจะคิดได้ขึ้นมาซะหน่อย มันคิดได้มานานแล้ว แต่มันเลือกจะทำอย่างนี้ก็เท่านั้น” ผมว่าก่อนจะกระดกเหล้าจนหมดแก้ว ไม่ได้สนใจสีหน้าของไอ้แม็คที่ผมเผลอพูดความจริงออกไป
แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้นี่ ไอ้เต้ไม่ใช่มันไม่รู้ตัวว่ามันรักใคร แต่ที่มันเลือกจะทำอย่างนี้ ก็ชัดเจนพอแล้วว่ามันยังขี้ขลาดที่จะแสดงความรักกับคนที่มันรักก็เท่านั้น
หึ เรื่องคนอื่นกูฉลาดนักล่ะ -_-;
“ถ้าเป็นอย่างที่มึงว่านะเท็น กูก็อยากจะลองทำอย่างที่ไอ้เต๋อคิดดู สุดท้ายแล้วถ้ามันไม่มีอะไรเปลี่ยน...กูก็จะตัดใจแล้ว”
“ก็ตามใจ ทำตามที่มึงต้องการเถอะ สุดท้ายแล้วไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง มึงก็ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำและยอมรับในสิ่งที่มันจะเกิด”
ผมว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเรียนรู้ ผมไม่ห้ามหากเพื่อนต้องการจะทำสิ่งไหน ดีหรือไม่ดีอยากให้มันตัดสินเอาเอง พลาดบ้าง เสียใจบ้าง สุดท้ายมันก็จะเป็นบทเรียนที่ดี ผมจะทำแค่ดูอยู่ห่างๆ ไม่ให้ความผิดพลาดมันเกินเลยขอบเขตที่จะรับไหวก็เท่านั้น
ในความคิดของผมไม่เกี่ยวว่าเป็นเพื่อนกันแล้วต้องคอยห่วงคอยช่วยเหลือไปซะทุกเรื่อง ถ้าหากวันไหนที่ไม่มีผม แล้วมันจะประคองตัวเองได้ยังไง ผมจะยื่นมือไปช่วยก็ต่อเมื่อพวกมันสู้สุดกำลังแล้วไม่ไหว คนเรามันต้องเรียนรู้และเติบโตด้วยตัวเอง นั่นคือสิ่งที่ผมคิดและปฏิบัติต่อคนที่ผมเรียกว่าเพื่อนมาตลอด
มันอาจจะดูแล้งน้ำใจ...แต่อะไรคือตัวตัดสิน แค่เพราะมุมมองของคนอื่นเขาคิดแบบนั้น ผมว่าบางที...คนที่ดูมีน้ำใจมากเกินไป ก็ทำให้เรื่องยุ่งขึ้นมาได้เหมือนกัน
“กูกลับละ เจอกันพรุ่งนี้” ผมว่าก่อนจะวางแบงค์พันลงบนโต๊ะ แล้วลุกเดินออกมา ไอ้เต๋อกับไอ้แม็คยังคงมึน อึน และเอ๋ออยู่ เลยไม่มีใครทันพูดอะไรขึ้นมา
พรุ่งนี้ก็สอบวันสุดท้ายแล้ว แต่ผมยังตัดสินใจไม่ได้ว่าเอกสารที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ควรจะเอาไปยื่นให้กองกิจการนิสิตเมื่อไหร่
ยังคงลังเลใจว่า...ถ้าผมทำลงไป จะยังคงพอมีทางกลับไปหาเมลได้ไหม
ถึงมันจะไม่เคยพูดเลยว่าไม่ชอบ แต่ผมก็รู้ว่าเมลไม่เคยเห็นด้วยกับการใช้ชีวิตโผล่ไปนั่นมานี่ของผม เพราะคบกัน มันถึงพยายามเข้าใจและผมก็พยายามปรับตัว
แต่ตอนนี้...ดูเหมือนความพยายามของเราทั้งสองคนจะไม่มีวันจบสิ้น
มันมีขีดจำกัดอยู่ว่าเราพยายามกันได้มากขนาดไหน อย่างไหนที่เข้าใจได้ หรืออย่างไหนที่เข้าใจแต่ก็ไม่สามารถยอมรับได้
โอเค...ผมไม่ใช่ไม่เข้าใจเมล ผมรู้ว่ามันยากมากหากจะต้องทำใจว่าเราต้องห่างกัน มันคงจะไม่เป็นไร ถ้าหากเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ว่าจำเป็นต้องไป แต่สำหรับเมลแล้วเรื่องพักการเรียนแล้วไปทำอะไรแบบนี้...คงไม่ใช่สิ่งจำเป็นและคงเป็นเรื่องเข้าใจได้ยาก
=_=; เพลียจริงๆ ผมเพลียกับตัวเองเนี่ย ไม่ใช่คนอื่นเลย
ถ้าลองขัดใจตัวเองบ้างผมก็คงไม่ตายหรอกมั้งวะ แต่ถ้าหากพรุ่งนี้เช้าโลกเกิดถล่มลงมา หรือผมอาจจะหัวใจวายตายขึ้นมา ผมก็จะจากไปด้วยความรู้สึกที่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ทำอย่างที่หวัง -O-;
มันแย่ตรงที่ผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็ยังเลือกที่จะทำให้คนอื่นผิดหวัง...หรือผมควรเสียสละเพื่อความสุขของคนที่รัก
นี่มันเครียดจริงๆ แล้วนะ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย -*-
ครืดดดดดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดด ครืดดดดด
“ว่าไงครับป๋า” แปลกแต่จริงที่ว่าเดือนนี้ป๋าโทรมาหาผมถึงสองครั้ง
(ได้ข่าวว่าแกเลิกกับแฟนแล้ว) เสียงของป๋าฟังดูร่าเริงจนน่าหมั่นไส้
“ข่าวมั่ว แค่ไม่เข้าใจกันนิดหน่อย ไม่ได้เลิก”
(ปัญหามากนักแกก็เลิกๆ ไปซะเถอะ ป๋าทาบทามผู้หญิงไว้ให้แกแล้วสองสามคน ลูกเพื่อนๆ ป๋าทั้งนั้น สวยตรงใจแกทุกคนรับรองได้)
“ป๋าอยากไฟท์กับผมใช่มั้ยครับ -_-”
(ป๋าหวังดีกับแกนะเท็น)
“ถ้าหวังดีกับผมป๋าจะไม่ทำแบบนี้ ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าป๋าโทรไปว่าอะไรให้เมลบ้าง ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าป๋ากดดันมันยังไงบ้าง ผมรู้นะ แต่ผมก็เลือกที่จะไม่พูด เพราะผมให้เกียรติป๋า ถึงได้ยอมให้ป๋าทำร้ายคนสำคัญของผม แต่ถ้าป๋าทำเกินไปกว่านี้ ผมก็มีสิ่งที่ผมสมควรต้องทำ อย่าบังคับให้ผมต้องทำในสิ่งที่ผมไม่อยากทำ เพราะผมก็รักป๋าเหมือนอย่างที่ผมรักแม่ ป๋าเป็นครอบครัวของผม ไม่ใช่ศัตรู และผมก็ไม่อยากจะขู่พ่อของตัวเองแค่เพราะคนรักของผมด้วย”
ป๋านิ่งเงียบไป แต่เวลาที่กำลังนับต่อไปบนหน้าจอมือถือก็ทำให้ผมแน่ใจว่าป๋ายังไม่ได้วางสาย
(แต่แกกำลังขู่ป๋าอยู่นะเท็น มันใช่สิ่งที่คนเป็นลูกควรจะทำไหม แกโตมาได้เพราะใคร)
ผมไม่ชอบจริงๆ ที่ได้ยินป๋าพูดแบบนี้ ผมไม่ได้อกตัญญูจนไม่รู้ว่าผมยืนอยู่จุดนี้ได้เพราะใคร แต่การพูดขึ้นมาให้รู้สึกแย่นี่คืออะไร
“ผมรู้ครับว่าผมมีวันนี้ได้เพราะใคร แต่ผมขอร้องได้มั้ยครับ อย่าทำให้ผมต้องรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรที่จะรักเมลต่อไปเลยนะครับ แค่เพราะนิสัยของผม เมลก็เจ็บจะแย่อยู่แล้ว ผมไม่อยากให้ใครทำให้เมลต้องรู้สึกไม่ดีอีก”
(ในเมื่อแกเห็นคนอื่นดีกว่าคนในครอบครัว งั้นป๋าก็ขอยื่นคำขาดว่าถ้าแกเลือกแฟนแก ก็อย่ามาให้ป๋าเห็นหน้าอีก)
ตอนนี้กลับเป็นผมที่นิ่งบ้าง ถึงผมจะคาดเดาไว้แล้วว่ายังไงสักวันก็คงจะได้ยินคำขาดนี้จากป๋า แต่พอได้ยินจริงๆ ก็เล่นเอาจุกไปเลยเหมือนกัน
“งั้นก็อย่าพูดสิครับ ป๋าก็รู้ว่ามันไม่ตลกเลยจริงๆ จะมาทำเหมือนในละครที่ตัดขาดพ่อลูกเหรอ ป๋าลองคิดดูให้ดีว่าใครจะเสียใจกับการกระทำนี้บ้าง ถ้าผมเลือกทางของผมแล้วป๋าก็มีคำตอบของป๋า ครอบครัวเราจะเป็นยังไง อาการของแม่คงจะทรุดลงอีก แน่นอนว่าผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ถ้าผมเลือกที่จะทำตามที่ป๋าสั่งผมก็ทำได้ แต่ทั้งหมดนั้นก็เพื่อแม่”
(งั้นก็ทำซะ ไม่ว่าทั้งหมดจะเพื่อใคร แกก็ต้องทำ ป๋าไม่เคยบังคับอะไรแกเลยนะเท็น แต่ขอแค่เรื่องนี้ได้ไหม)
“ก็ได้นะ ขอมาทั้งทีทำไมผมจะทำให้ไม่ได้ แต่ป๋าอย่าลืมนะครับ ว่าผมทำเพื่อใคร...ผมไม่ได้ทำเพื่อป๋าที่ไม่เห็นความสุขของผม ผมทำเพื่อแม่ของผมที่รักและอยากเห็นผมมีความสุข ในเมื่อตอนนี้ป๋ากำลังทำเพื่อตัวเอง ผมก็อยากจะบอกว่านี่เป็นคำขอแรกและคำขอสุดท้ายที่ผมจะทำให้”
(แก...)
“แล้วก็อย่าลืมนะว่าแม่อยากเห็นผมมีความสุข ถ้าป๋าคิดว่าให้ผมทำแบบนี้แล้ว...ทุกอย่างมันจะดี ผมก็ไม่มีปัญหา แค่นี้นะครับ ผมจะไปหาแฟนผม อ้อ ป๋าครับ ให้แต่งงานผมก็จะแต่ง แต่ผมจะไม่เลิกกับเมลหรอกนะ บอกไว้เลย”
ผมไม่รู้ว่าป๋าพูดอะไรต่อบ้างเพราะผมกดวางสายไปแล้ว มองโทรศัพท์ในมือก่อนจะขว้างมันลงพื้นแรงๆ
ผมรู้นะว่าป๋าไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ที่ว่าออกไปแบบนั้นเพราะหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก ผมมีทางออกให้เรื่องนี้แน่ แต่ก็ต้องระวังไม่ให้แม่รู้เรื่องด้วย รังแต่จะทำให้ท่านไม่สบายใจซะเปล่าๆ ผมเคยบอกแล้วว่าแม่ผมท่านป่วยเป็นโรคหัวใจ กว่าจะมีผมได้ท่านก็เสี่ยงมากแล้ว ขนาดหมอบอกว่ามันอันตรายมากที่จะตั้งครรภ์ แต่ท่านก็ยังเสี่ยงเพื่อที่จะได้เจอกับผม เพราะอย่างนั้น ผมจึงไม่อยากให้ท่านต้องอาการกำเริบเพราะผมกับป๋าทะเลาะกันอีก
ผมขับรถมาถึงคอนโดของเมล ไม่ต้องคิดอะไรให้มากความว่าตอนนี้เราทะเลาะกันอยู่ มันคงไม่อยากเห็นหน้าผม แต่ผมอยากมา ผมก็มา แค่นั้นแหละเหตุผล ตอนนี้ไม่ว่าเรื่องอะไรขอดับเครื่องชนหมดล่ะวะ -_-
ปลดล็อคด้วยคีย์การ์ด เปิดประตูเข้ามาก็เห็นเมลนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซนนั่งเล่น มีแต่เสียงพลิกหน้าหนังสือกับเสียงขีดเขียนของปากกาเท่านั้นที่ดังอยู่ในห้องนี้ มันเหลือบตามามองผมแต่ก็ไม่ได้ทักหรือถามอะไร
ผมเดินไปนั่งลงข้างๆ จับหน้าเมลให้หันมามอง ก่อนจะแนบริมฝีปากลงไปที่ปากมันเบาๆ มันเบี่ยงหน้าหลบเล็กน้อย แต่ก็ไม่พ้น
“อยู่นิ่งๆ” ผมว่าเสียงเข้ม เมลมองมาอย่างไม่เข้าใจ แต่ผมก็ไม่อธิบายอะไรให้มากความ
ผมจูบมันจนพอใจ ก่อนจะผละออกมาแล้วลุกเดินมาที่ประตู โอเค ผมมาแค่นี้แหละ ไม่ต้องพูดอะไรกันให้ลึกซึ้งหรอก เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าคิดถึงมากขนาดไหน อย่างนี้ผมจะไปเสียบคนอื่นให้ท้องได้ไงวะ ป๋าแม่ง พูดอะไรคิดก่อนรึเปล่าเนี่ย -_-
ปึก!
เป็นอีกครั้งที่แผ่นหลังของผมปะทะเข้ากับผนังห้อง เคลื่อนจากจุดเดิมมาไม่มาก แต่ความแรงไม่แตกต่างกัน เมลจ้องหน้าผม ก่อนจะก้มลงมาจูบ ลิ้นของมันดุนดันเข้ามาโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว เป็นจูบที่รุนแรง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกดี...
มันดีมากเลยต่างหาก...
แค่เพราะระหว่างเราไม่มีคำพูดต่อกัน ไม่ใช่ว่าความรู้สึกมันจะจืดจางลง มันกลับยิ่งย้ำว่าในความเงียบนั้น...เรารู้สึกถึงกันมากขนาดไหน
ที่บอกว่าจะปล่อย...ผมโกหก
ถึงผมจะไม่ชอบโกหกคนอื่น...แต่ผมชอบที่จะโกหกตัวเอง...ผมยังคงยอมรับตัวเองไม่ได้ว่าตอนนี้ทุกเรื่องของผมต้องมีความรู้สึกของใครอีกคนมารวมอยู่ด้วย...
..................................................To be continue.............................................

คนเขียนรักเมลมากกว่าเท็นอีก เพราะเท็นซี้กัน บางครั้งก็หมั่นไส้นาง =_=;