ตอนที่ 41“คุณเคนช่วยส่งรายละเอียดของผู้หญิงที่ป๋าหาไว้มาให้ผมด้วยครับ”
(คุณเท็นคงจะไม่ไปทำอะไรพวกเธอนะครับ ไม่อย่างนั้นผมถูกนายท่านเล่นงานแน่)
“ป๋าไม่กล้าทำอะไรคุณเคนหรอกครับ แล้วผมก็ไม่ทำอะไรผู้หญิงพวกนั้นด้วย แค่อยากรู้จักเฉยๆ ส่งมาที่เมลของไอ้ฟิวนะครับ”
(เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่นัดดูตัวครั้งหน้าคุณเท็นอย่าเบี้ยวอีกเลยนะครับ)
“ผมรับปาก งั้นแค่นี้นะครับ พระอาทิตย์จะขึ้นแล้ว ผมกำลังเตรียมเก็บภาพอยู่”
(ครับ ดูแลตัวเองด้วยนะครับ)
พระอาทิตย์ยามเช้าเป็นสิ่งที่หาได้ยากสำหรับมนุษย์ความดันต่ำที่เกลียดการตื่นเช้าอย่างผม แต่มันก็มีบางทีที่ผมอยากดูมากจนต้องแหกตาตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อมารอเจอแสงแรกของวัน
ผมเริ่มเก็บภาพตั้งแต่มีแสงเริ่มสาดไปทั่วฟ้าจนกระทั่งเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเต็มดวง พอใจแล้วผมก็ทำแค่ยืนนิ่งๆ จ้องมองแสงสีทองที่อาบไล้ไปตามตึกต่างๆ ซึมซับภาพที่นานๆ ครั้งจะได้เห็น ก่อนจะค่อยๆ สูดลมหายใจรับอากาศสดชื่นยามเช้า
“เท็น” เสียงเรียบๆ ของเมลดังขึ้นจากข้างหลัง ผมไม่ได้หันไปมองในทันที แต่รอจนกระทั่งมันเดินมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ
“อากาศดีนะ” ผมพูดขึ้น ยิ้มอย่างที่คิดว่าเท่ที่สุด แล้วหันมาสนใจนกฝูงใหญ่ที่กำลังบินไปเรียงกันเป็นรูปตัว V
“จะดร็อปจริงๆ ใช่ไหม”
สุดท้าย...เมื่อเรื่องนี้มันไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงได้อีก เราก็จำเป็นต้องหันหน้าคุยกัน บางทีที่ผมกับมันอาจจะอารมณ์ร้อนไปบ้าง ผลีผลามตัดสินใจหรือเลือกทางออกแย่ๆ ให้แต่ละฝ่าย แต่ที่สุดแล้วเราก็ไม่ลืมว่าเราเป็นคนรักกันไม่ใช่ศัตรู ที่จะต้องโกรธต้องเกลียดกันหรือทำร้ายกันให้ตายไปข้าง
“ถ้าเป็นสิ่งที่มึงต้องการ กูก็จะพยายามเข้าใจ”
ผมมีคำตอบสำหรับเรื่องนี้แล้ว แค่ได้เห็นรอยยิ้มที่ไม่เหมือนเดิมของเมล ผมก็รู้ว่าตัวเองควรทำยังไง
“งั้น...ถ้าอะไรที่ทำให้มึงไม่สบายใจ กูก็จะไม่ทำ โอเคมั้ย?”
เมลทำหน้างงไปเพียงครู่ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมานิดๆ ในตอนแรก และหลังจากนั้นมันก็เริ่มกว้างขึ้นจนสุดท้ายก็กลายเป็นรอยยิ้มที่ผมเห็นจนชินตา
มันคงจะดี...หากผมสามารถรักษารอยยิ้มนี้ไว้ได้ตลอดไป...
“ขอบคุณนะเท็น”
“อืม”
ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ..ขอบคุณกับความรักมากมายที่มันมีให้ผมตลอดเวลาที่คบกันมา
“เมล...”
“ครับ?”
“ถ้าสักวัน...กูต้องกลายเป็นของคนอื่น มันไม่ใช่ว่ากูไม่รักมึงนะ”
“....”
เทียบกับเรื่องพักการเรียนแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมไม่อยากพูดมากที่สุด แต่ผลจากการไม่พูด มันไม่มีอะไรดีเลยจริงๆ
“กูอาจจะต้องแต่งงาน...กับคนที่ป๋าเลือกไว้ให้”
“มึงจะทิ้งกูเหรอ” เมลดูเหนื่อยมากเมื่อตั้งคำถามนี้กับผม แววตาที่อ่อนล้าของมันทำให้ผมรีบเข้าไปกอดมันไว้
“ถ้ามึงรอ...กูก็สัญญาว่าจะกลับมา”
“ให้กูรออะไร...รอให้มึงหย่า? หรือรอให้ป๋าของมึงยอมรับเรื่องของเราให้ได้? ...แล้วมึงบอกกูได้มั้ย ว่ากูต้องรอไปอีกนานแค่ไหน”
“....” ผมไม่รู้ระยะเวลา ไม่อาจบอกได้ว่าทางออกที่ผมเลือกมันจะเป็นทางที่ถูก
ผมกำลังเจอทางตัน ชีวิตที่ไม่เคยต้องแก้โจทย์ยากๆ ของผม กลับมาเจอปัญหาพื้นๆ ของมนุษย์ทั่วไป แต่กลับเป็นปัญหาที่ยากยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เมื่อครอบครัวของผมก็สำคัญไม่ต่างจากเมล ถ้าป๋ายื่นคำขาดมาแล้ว ไม่ว่าผมหรือแม่ ป๋าก็พร้อมชนทั้งนั้น
...เพราะในสายตาของป๋า ผมก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่มีความคิดต่างจากเขา ไม่ได้พิเศษไปจากคนอื่น ไม่ว่าผมจะเปลี่ยนไปยังไง เติบโตขึ้นมากแค่ไหน แต่สุดท้าย...ผมก็ยังคงเป็นลูกของเขาอยู่ดี
“แต่ถ้ามึงบอกให้รอ...กูก็จะรอ มึงพูดแล้วนี่ว่าอะไรที่กูไม่สบายใจก็จะไม่ทำ เพราะฉะนั้นกูจะเชื่อว่าเราจะผ่านมันไปด้วยกัน”
ถ้ากลับกัน...ผมคงทำอย่างที่เมลทำไม่ได้ ผมมันใจแคบเกินไป และเห็นแก่ตัวเกินกว่าจะมองคนที่รักเป็นของคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา
“คงมีแต่มึง...ที่ยอมกูมากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่กูเห็นแก่ตัว”
“กูยอมก็เพราะกูรักมึง... กูบอกมึงแล้ว...ว่าถ้าเป็นสิ่งที่มึงต้องการ กูจะพยายามเข้าใจ”
ผมคงไม่ต้องอายอีกแล้วหากจะต้องซบหน้าร้องไห้ลงกับอกของผู้ชายคนนี้ เมลมีแต่ให้ผมมาตลอด อ่อนโยนและใจดีเกินไป จนโดนผมเอาเปรียบซ้ำๆ ซากๆ
“รอนะ...ในระหว่างที่กูกำลังพยายาม มึงต้องรอนะ”
“ครับ... เท็นเท็น ไม่ร้องไห้น้า ขี้แยอย่างนี้จะไปเป็นสามีใครได้เนี่ย” เมลเช็ดน้ำตาให้ผม มันโอบตัวผมไว้แล้วโยกไปมาเล็กน้อย
“กูเป็นได้แค่เมียมึงเท่านั้นแหละ ไม่ไปเป็นผัวใครหรอก”
“หึหึ เข้าข้างในกันเถอะ ไปช่วยกันทำข้าวเช้าดีกว่า”
“อื้อ”
เมลจับมือผมไว้กระชับแน่นนิดหน่อย บีบเบาๆ ให้ผมรู้ว่าต้องเดินไปพร้อมกัน...
แค่เท่านี้ ผมก็ไม่ต้องผ่านมันไปคนเดียวแล้ว...เมลไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากหรอกกับเรื่องในครอบครัวของผม แค่เมลยืนยันว่าจะไม่ไปไหน จะรอ แค่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว...
.
.
.
จากวันที่คุยกัน สำหรับผมกับเมลแล้วไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก เรายังคงอยู่ด้วยกัน แบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กันเหมือนเดิม แต่ลึกๆ แล้วผมรู้สึกได้ถึงเรื่องที่ยังคงตกตะกอนอยู่ภายใน
...เรื่องที่เมื่อเรียนจบ...ผมต้องแต่งงานกับใครสักคนที่ป๋าเลือกไว้ ความสัมพันธ์ของพวกเราจึงเหมือนกับระเบิดเวลาที่กำลังเริ่มนับถอยหลัง
ตลอดช่วงปิดเทอม ผมไปดูตัวมาแล้วหกครั้ง แต่ละคนที่ได้ทำความรู้จัก ไม่มีคนไหนเลยที่ผมอยากจะสานสัมพันธ์ด้วย เมลจะหัวเราะทุกครั้งเวลาผมเล่าให้ฟังว่าใครเป็นแบบไหน และสุดท้ายแล้วผลของการดูตัวก็จะเป็นเพราะฝ่ายหญิงปฏิเสธที่จะคบหากับผมต่อทุกครั้งไป ป๋าคงเงิบไปเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่ได้ให้เหตุผลอะไรกับป๋าไปมากกว่าแค่ฝ่ายหญิงเขาไม่ชอบขี้หน้าผม
เอาจริงๆ แล้ว ไม่มีคนไหนหรอกที่ไม่ชอบผม แต่เป็นเพราะผมบอกพวกเธอแล้วว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย และก่อนหน้านั้นก็ให้ไอ้กัสส่งรูปของผมกับเมลไปให้พวกเธอก่อนแล้วด้วย ตามที่อยู่ที่ได้จากคุณเคนมานั่นแหละครับ
วิธีนี้มันก็ดำเนินมาด้วยดีได้สักพักแล้ว...แต่ดันมาแป้กตอนรายที่เจ็ด =_=;
รายนี้ขนาดผมบอกว่ามีผัวแล้วก็ยังยิ้มแล้วตบท้ายด้วยว่า 'น่าสนใจดี' โอเคครับ ถ้าเธอสนใจ ผมก็จะหยุดการดูตัวไว้แค่นี้ จะได้ตัดปัญหาการไปเจอผู้หญิงมากหน้าหลายตาเหมือนกัน
อย่างน้อยก็อาจจะหยุดความวุ่นวายไปได้สักพัก เพราะผู้หญิงคนที่เจ็ดนี่เรียนอยู่ออสเตรเลีย แต่ก็ถูกพ่อแม่บังคับให้บินมาดูตัวกับผมโดยเฉพาะ ตอนนี้ก็กลับไปแล้วล่ะครับ หายห่วงไปได้จนกว่าป๋าจะลั่นวาจาให้มีงานหมั้น
แต่ผมจะพยายามไม่ปล่อยให้ปัญหามันยืดเยื้อไปมากกว่านี้หรอกครับ เพราะยังไงก็ไม่ได้ตั้งใจจะแต่งงานกับผู้หญิงที่แม้แต่หน้ากับชื่อผมก็ยังจำไม่ได้หรอก ไว้หาอะไรไปชนกับป๋าได้ค่อยว่ากัน
“เมล เมาแล้วเหรอ” ผมถามคนข้างๆ ที่นั่งเงียบมาสักพักแล้ว มือถือแก้วเหล้าที่ตอนนี้สีจางไปมากแต่ก็ไม่ยกดื่มสักที
“อืม” รู้หรอกว่ามันโกหก แต่ผมก็ไม่อยากเซ้าซี้อะไรให้มากความ
“เหี้ยเต๋อ มึงจะแดกให้ตายไปเลยไงวะ คืนนี้มาเลี้ยงสละโสดให้มึงนะเว้ย” ไอ้ลินว่าพลางพยายามแย่งแก้วออกจากมือไอ้เต๋อที่ตั้งแต่ก้นแตะเก้าอี้มันก็ยกแก้วไม่หยุด
“ทำมาพูดดีว่าสละโสดให้กู พวกมึงแค่จะฉลองที่เกรดออก เอาแก้วกูคืนมาาาาาาาา”
“พอแล้วไอ้เหี้ย มึงอยากเป็นเจ้าบ่าวกลิ่นละมุดรึไงวะ พรุ่งนี้ก็จะมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้ว ทำตัวให้มันดีๆ หน่อย” ไอ้แต้มว่าขึ้นอีกคน
ใช่ครับ...พรุ่งนี้ไอ้เต๋อจะแต่งงาน จะเรียกว่าความรักหรือความผิดพลาดก็ยังยากจะระบุได้
“กูพลาดแค่ครั้งเดียว ทำไมต้องเป็นงี้ด้วยวะ T_T กูไม่อยากแต่งงงงงงง”
ผลั่วะ!
ไอ้ฟิวลุกขึ้นพร้อมกับยื่นแขนสั้นๆ ของมันข้ามโต๊ะมาตบหัวไอ้เต๋อเลยครับ
“มึงจะมาร้องอะไรตอนนี้ห้ะ! ให้เกียรติผู้หญิงบ้าง ตอนทำทำไมไม่คิด!!!”
“ก็กูเมาอ่ะ”
“พลาดเพราะเมาแต่ก็ไม่เคยโทษเหล้าไอ้สัด” ไอ้ฟิวบ่นเป็นจริงเป็นจัง จนไอ้มายด์ต้องดึงมันให้นั่งลงแล้วหาน้ำอัดลมมาประเคนให้
“พะชอนนนน ช่วยกูด้วยยยย”
-_- กูจะช่วยมึงได้ยังไงล่ะ ในเมื่อพ่อกูก็บังคับกูแต่งงานอยู่นี่ จะคิดจะทำอะไรไม่ปรึกษาผัวกูเลย -*-
“มันเป็นกรรมว่ะมึง ต้องทำใจ”
“TT_TT”
ปล่อยไอ้เต๋อน้ำตาคลอให้ไอ้เขตกับไอ้ลินปลอบอกปลอบใจเถอะ
วันนี้ยกกันมาครบทุกคน เพราะเกรดออกและฉลองคืนสละโสดให้ไอ้เต๋อด้วย แม้แต่ไอ้ฟิวก็ห้ามขาด โต๊ะผมเลยเป็นกลุ่มที่เยอะที่สุดในร้าน แถมวันนี้ไอ้กัสไปหยอดคำหวานพี่เจ๋งเลยได้แบล็คมาสองกลม เห็นทีงานนี้เหล้าไม่หมดไม่กลับล่ะครับ
“คิดมากอะไรว้า” ผมถามพลางดึงหน้าเมลให้หันมา
“^^ แค่เหนื่อยนิดหน่อย”
“กลับห้องมั้ย”
“เป็นห่วง?”
“มากกกก”
เมลยิ้มก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มผม “แค่นี้ก็หายเหนื่อยแล้ว”
“^^”
ป๋าครับ...ถ้าป๋าเป็นผม ป๋าจะรู้ว่า คงไม่มีใคร...รักผมได้มากเท่านี้อีกแล้ว
..............................To be continue................................
สำหรับคนที่อ่านมาโปรดมา ก็จะรู้แล้วว่าพี่เท็นไม่ได้ดร็อปเรียน นางก็ไปๆ กลับๆ พะเยาอย่างที่ปลื้มกล่าวไว้
