ตอนที่ 47โครม! โครม! โครม! ผลั่วะะะะะะะะ!
“เท็น นี่เรียกว่าบุกรุกแล้วนะ”
ไม่รู้ว่าเมลมันจะมาห่วงเรื่องบุกรุกไม่บุกรุกอะไรตอนนี้ เพราะไอ้ที่ว่าบุกรุกน่ะมันเริ่มตั้งแต่ที่ไอ้พี่โปรดให้ลูกน้องมันขู่พนักงานต้อนรับที่เคาท์เตอร์ชั้นล็อบบี้ของคอนโดแล้ว นี่ผมแค่ช่วยไอ้พี่โปรดมาถีบประตูเองนะ
“กูไม่ได้ทำ ไอ้พี่โปรดมันทำ อึ่ยยย ไอ้เหี้ยยย นี่ห้องเหี้ยไรวะเนี่ย มีแต่รูปเหี้ยเต็มไปหมด”
เข้าห้องมาได้ขนแขนยันต้นคอของผมก็ลุกพรึ่บ คือนี่มันน่าสะอิดสะเอียนมาก ไม่เคยเห็นห้องไหนที่เอียนขนาดนี้มาก่อน รูปไอ้เหี้ยพี่โปรดติดอยู่เกลื่อนห้อง มีทำเป็นวอลเปเปอร์ด้วยนะคุณ
งงกันใช่ไหมครับว่าพวกผมโผล่มาทำอะไรกันที่นี่ หึหึ ก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่เพราะเพื่อนไอ้ปลื้มวิ่งหน้าตั้งมาบอกว่าไอ้ปลื้มหายไป มีคนเห็นว่าเดินไปกับไอ้เด็กเดย์ เท่านั้นแหละ ไม่ต้องสืบถามเรื่องราวอะไร ไอ้พี่โปรดที่เพิ่งสอบเสร็จพอดิบพอดีก็ดิ่งตรงมายังคอนโดนี้ด้วยที่อยู่ที่ลูกน้องผมหามาได้
แต่กว่าจะมาถึงที่นี่แทบจะขอหวอรถพยาบาลมาเปิดขอทางเลยทีเดียว ไอ้พี่โปรดนี่ถ้าให้มันเป็นคนขับรถคงได้คว่ำตายก่อนมาถึงที่นี่ ผมเลยเป็นคนขับเอง โทรให้ลูกน้องของผมตามมาเหมือนกัน แต่คนใจร้อนอย่างไอ้พี่โปรดมันรอไม่ได้ มันคงนึกว่ามันเป็นคนเหล็กกลับชาติมาเกิดมั้งครับ จัดแจงให้ลูกน้องมันขู่พนักงานตัวล่ำเรียบร้อยแล้วมันก็บุกขึ้้นมาชั้นบนทันที
เอาจริงๆ คือผมก็ไม่คิดนะว่าชีวิตจะต้องมาบู๊ล้างผลาญอะไรกับคนอื่นเขา แต่เพราะเมลแม่งห่วงน้องเว่อ แถมไอ้ปลื้มแม่งก็เป็นเด็กเอ๋อที่ก็ใช้ชีวิตอยู่กับผมมาหลายเดือน ก็โอเคครับ กูยอมเอาชีวิตมาเสี่ยงก็ได้
เหตุการณ์ในห้องมันไม่ได้มันส์หยดเหมือนในหนังแอคชั่นที่ผมเคยดู แต่แม่งโคตรน่ากลัวและขนลุกพิลึก พอเห็นมีดเห็นปืนของจริงแล้วผมชักจะอยากถอยกลับบัดเดี๋ยวนั้น คือกูไม่ได้ป๊อดนะครับ แต่โคตรไม่อยากให้อะไรมาโดนผิวเลยว่ะ -*- มันไม่เท่และคงเจ็บมากด้วย
แต่เพราะคนรักก็อยู่ตรงนี้ ไอ้ปลื้มเด็กเอ๋อก็ตัวสั่นหน้าซีดอยู่อีกฝั่ง จะโดนเสียบแหล่ไม่เสียบแหล่ ผมก็ต้องทำใจกล้าล่ะครับ เป็นไปได้กูอยากให้มีคนอื่นมาช่วยมาก ยามก็ได้ ใครก็ได้ แต่ไม่มีโผล่มาสักคน ก็ต้องลุยกันเอง
ผลั่วะะะะะ! พลั่กกกก!
ใจผมกระตุกไปวูบหนึ่งเมื่อเห็นเลือดสีแดงสดไหลออกจากขมับของเมล ความรู้สึกต่างจากตอนที่ผมใช้ขวดฟาดหัวมันมาก จู่ๆ ความเกลียดชังที่มีต่อใครสักคนก็พุ่งขึ้นมา
กล้าดียังไง...มันกล้าดียังไงมาทำร้ายคนของผม
“เท็น พาน้องออกไป! เดี๋ยวกูตามไป พวกมันมีปืนนะ! เร็วๆ”
เหี้ยเมลมันคิดว่ามันตายไม่เป็น เจ็บไม่เป็นไงวะ ไอ้เหี้ยนี่มึงเป็นคนดีไม่ถูกเวลาและไม่ถูกใจกูจริงๆ
“ก็รู้ว่าพวกมันมีปืนแล้วมึงจะโง่อยู่ทำไม ไปด้วยกันสิวะ ไอ้เหี้ย ข้างหลัง!”
ผลั่วะะะะะะ!
ก่อนที่ผมจะรู้ตัวว่าในมือตัวเองกำลังถืออะไร ผมก็ฟาดไอ้ลูกน้องหน้าโง่ของไอ้เด็กเดย์นั่นไปซะแล้ว เป็นครั้งแรกในชีวิตที่โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ถ้ามันตายไปซะตอนนี้ผมก็ยอมติดคุก เพราะไอ้เหี้ยนี่มันไม่มีสิทธิ์อะไรเลยที่จะมาทำให้เมลเจ็บ
“ไอ้พวกนั้นเมื่อไหร่จะมา กูเกลียดการจราจรกรุงเทพ กว่าจะมาได้คงตายห่ากันไปหมดแล้ว ไอ้พี่โปรด คนนั้นมึงจัด อย่าให้มันมาล่อหัวกูข้างหลัง ส่วนมึงเข้ามาตัวๆ กับกูเลยไอ้เดย์ เข้ามา!”
แต่สภาพของไอ้เด็กเดย์มันน่าเวทนามาก ตัวสั่นเทิ้ม ปากก็เอาแต่เรียกชื่อไอ้พี่โปรดอยู่อย่างนั้น ผมเพิ่งจะได้เห็นกับตาตัวเองว่าความรักเมื่อรักไม่เป็นแล้ว...มันก็ทำร้ายคนๆ หนึ่งได้มากจริงๆ
ผมปล่อยไอ้เดย์ให้ไอ้พี่โปรดมันจัดการ ก่อนจะรีบมาดูเมลที่ถึงแม้จะเลือดไหลอาบหน้า มันก็ยังส่งยิ้มเนือยๆ มาให้
“เดี๋ยวไอ้กิมคงพาตำรวจมาแล้ว ปล่อยไว้อย่างนี้เถอะ ไปหาอะไรมามัดมันไว้ก่อนละกัน เผื่อมันคลั่งอีก ปลื้ม ไปเอาผ้าชุบน้ำมาให้กูหน่อย กูจะปฐมพยาบาลให้ไอ้เมลก่อน ส่วนไอ้พี่โปรด มึงรอไป ลำดับความสำคัญของมึงอยู่สุดท้าย”
ถึงไอ้พี่โปรดมันจะเจ็บไม่น้อย แต่สำหรับผมแล้วเมลต้องมาก่อน อย่างน้อยก็ห้ามเลือดที่หัวมันก่อนก็ยังดี ไม่รู้ว่าไอ้เหี้ยนั่นฟาดจนเอ๋อไปแล้วรึเปล่า เพราะแฟนผมแม่งทำหน้าอึนๆ งงๆ ตลอดเลย -*-
เพราะมัวแต่สนใจกับอาการของเมล ผมถึงลืมไปว่ากำลังอยู่ในสถานการณ์ไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนเห็นคนสองคนสามคนเข้าชาร์ตกัน คนหนึ่งกระเด็นไปอีกทาง ส่วนสองคนล้มลงใกล้ๆ ผม ความมึนงงแล่นวาบเข้ามาในหัว เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน หน้าของไอ้ปลื้มขาวซีดจนผมกลัวว่ามันจะช็อคมาก
มี...จริงๆ เหรอวะ
ยอมแลกชีวิตเพื่อคนอีกคน...มีด้วยเหรอวะ
ความคิดนี้ลอยวนอยู่ในหัวผมเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะรีบปล่อยเมลแล้วลุกขึ้นไปช่วยไอ้พี่โปรดที่ล้มทับตัวของไอ้ปลื้มอยู่ ไอ้เดย์กำลังกรีดร้องลั่น มันช็อคไปแล้วกับการกระทำของตัวเอง มีดที่เสียบจนเกือบทะลุมันก็ดึงออกไปโดยพลการแถมยังเอาไปกอดไว้
“ไอ้เหี้ยนี่ มึงจะดึงออกทำไมวะไอ้ควาย! แผลมันจะยิ่งเปิดมึงไม่รู้รึไง บ้าไม่ถูกสถานการณ์ไอ้สัด” ผมรู้ครับว่าด่าไปมันก็ไม่รับรู้ แต่ขอกูระบายความเครียดหน่อย
“พี่เท็น ผมขอร้อง...ช่วยพี่โปรดด้วย ช่วยพี่โปรดด้วย เลือดไหลไม่หยุดเลย พี่เท็น ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยพี่โปรดด้วย”
“ปลื้ม ใจเย็นๆ ตั้งสติ รถพยาบาลกำลังมา ใจเย็นๆ ทุกอย่างจะเรียบร้อย ปล่อยพี่โปรดก่อนนะ พี่จะห้ามเลือดให้ก่อน ปลื้มชวนคุยอย่าให้พี่โปรดหลับก็พอ”
เสียงของไอ้ปลื้มราวกับคนกำลังขาดใจ มันร้องไห้สะอึกสะอื้นจนผมอยากจะร้องตาม แต่ ณ ตอนนี้ ผมต้องตั้งสติและทำทุกอย่างที่ตัวเองพอจะทำได้ เลือดที่ไหลทะลักออกจากแผลกว้างทำให้ผมไม่ต้องเสียเวลาคิดหาถุงมืออะไรมาก เพราะตอนนี้ชีวิตคนสำคัญที่สุด ถึงพยายามกดปากแผลไว้แต่เลือดก็ยังไม่หยุดไหล ปากได้แต่พร่ำบอกกับไอ้ปลื้มว่าไม่เป็นไร ทั้งๆ ที่ในใจผมไม่แน่ใจเอาซะเลยว่าไอ้พี่โปรดมันจะไม่เป็นไรจริงๆ
“เท็น รถพยาบาลใกล้ถึงแล้ว พยายามอีกหน่อยนะ” เมลส่งยิ้มเป็นกำลังใจมาให้ผม ทั้งๆ ที่มันก็เจ็บอยู่ไม่น้อย ผมพยักหน้าให้มัน แต่เพราะจู่ๆ ไอ้พี่โปรดมันก็หยุดหายใจไปซะอย่างนั้น ไอ้ปลื้มกรีดร้องลั่นจนสลบไป เมลถลาเข้าไปหาน้องมันเพื่อเรียกสติ
“เมล ปล่อยไอ้ปลื้มไว้ก่อน มึงมากดปากแผล เร็วๆ”
เพราะต้องมีคนห้ามเลือดไว้ระหว่างที่ผมกำลังทำ CPR มันแย่มาก ตอนนี้ทุกอย่างแย่ไปหมด ผมจะทำอะไรได้บ้าง ถ้าช่วยไว้ไม่ได้...ไอ้ปลื้มจะเป็นยังไง ผมมองเห็นผลลัพธ์ แต่ก็ไม่อยากที่จะยอมรับมัน
“พี่เท็นครับ มาแล้วครับพี่ มาแล้วครับบบบบบบ!! พยาบาลครับ ทางนี้เลยครับ คนเจ็บอยู่ตรงนี้ครับ”
หลังจากที่ผ่านไปไม่นาน ก็มีคนมาช่วยพวกเราเสียที ผมอยากถามมากว่าทำไมพึ่งมาเอาตอนนี้ มาเอาตอนที่เกือบจะต้องเสียทุกอย่างไปแล้ว...
ทั้งตำรวจและเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลพากันเข้ามาในห้อง จัดการทุกอย่างอย่างรวดเร็ว ไอ้ปลื้มกับไอ้พี่โปรดถูกพาออกไปก่อน ตามด้วยไอ้เดย์ที่ถูกตำรวจคุมตัวออกไป พร้อมกับลูกน้องของมันอีกสองคนที่เพิ่งได้สติเมื่อไม่นาน
“มึงเก่งมากเท็น เก่งมาก ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ทุกอย่างโอเคแล้ว” เมลเข้ามากอดผมไว้ มือที่ยังเปื้อนเลือดของผมยกขึ้นกอดมันไว้แน่นเช่นกัน
“ไปโรงพยาบาลกันเถอะ...มึงต้องทำแผล เรื่องไอ้เดย์ให้ไอ้กิมมันจัดการ”
“อืม” เมลพยักหน้า ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ “ขอบคุณนะเท็น ขอบคุณจริงๆ”
ผมไม่ชอบบรรยากาศระหว่างที่ต้องนั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัด เต็มไปด้วยความกังวล หวาดกลัว และตึงเครียด คนเป็นแม่เป็นลมไปแล้วไม่รู้ตั้งกี่รอบ น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย คงกำลังรออยู่อย่างทุกข์ทรมานใจ
ผมยืนอยู่เงียบๆ ข้างๆ เมลที่ตอนนี้ทำแผลเสร็จเป็นที่เรียบร้อย เมลก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน มันแค่จับมือผมไว้แล้วบีบเบาๆ
“น้องเมล น้องปลื้มอยู่ไหนคะ พาน้าไปหาน้องได้มั้ยคะ” แม่ของไอ้ปลื้มที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับแม่ของเมลเดินเข้ามาหา ท่านคงเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน เพราะดูจากหน้าตาตื่นๆ แล้วคงยังไม่รู้ชะตากรรมของลูกตัวเอง
“ได้ครับน้า”
ผมเดินตามหลังเมลกับแม่ไอ้ปลื้มมายังห้องพักผู้ป่วยพิเศษ เพราะให้ยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางบรรยากาศแบบนั้นก็คงจะไม่ไหว
ไอ้ปลื้มยังคงหน้าซีด แม้แต่ตอนที่ยังไม่ได้สติ ใบหน้าของมันก็ยังไม่คลายกังวล ผมไม่รู้ว่าถ้าผมเป็นมันในตอนนั้นที่เห็นคนรักหยุดหายใจไปต่อหน้าต่อตา...ผมจะทำยังไง ผมจะยังคงมีสติและเป็นที่พึ่งให้ใครได้ไหม ผมก็ตอบไม่ได้เลย
ทำไมชีวิตคนเรามันถึงสั้นนักก็ไม่รู้...ความตายอยู่ใกล้คนเรามากขนาดนั้นเลยเหรอ …ถึงที่ผ่านมาผมจะใช้ชีวิตแบบที่คิดว่าวันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายของตัวเอง แต่ผมก็ไม่เคยคิดอยากให้ชีวิตจบลง ถึงจะรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วก็คงไม่มีใครหนีมันพ้น
.
.
.
“กินยาแล้วใช่มั้ย” ผมกำลังอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ส่วนเมลอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้ว กำลังคลานขึ้นเตียงมานอนข้างๆ
คำถามของผมได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้า จนผมต้องวางหนังสือลงแล้วเดินไปเอายาที่หมอสั่งจ่ายมาให้มันกิน
“ไม่กินเดี๋ยวคืนนี้มึงได้ปวดแผลจนตายแน่”
“ไม่เอา เม็ดใหญ่ ใครจะกลืนลง”
“ต้องกิน -*-”
“ไม่เอา”
“เมล อย่าให้กูโมโห”
“ก็เม็ดมันใหญ่ ขมด้วย”
“มึงเป็นเด็กสองขวบรึไงห้ะ จะกินดีๆ หรือให้กูจับกรอกปาก”
เมลทำหน้าลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะบอกผมอย่างเซ็งๆ ว่า “กินก็ได้วะ นิสัย ชอบบังคับกูตลอดนะมึง”
“บ่นๆ เดี๋ยวกูตบกะโหลก ยื่นมือมา”
“รุนแรงอ่ะ นี่เจ็บอยู่นะ”
แต่ผมก็ทำแค่ยักไหล่ใส่คนเจ็บที่ทำหน้าสำออยให้เห็น
จัดการให้เมลกินยาเสร็จ ผมก็กลับมาอ่านหนังสือตามเดิม เมลมันก็นอนอยู่ข้างๆ เล่นเฟซอะไรของมันไป นานๆ ถึงจะชวนผมคุยที
“เท็น เท็นว่าพี่โปรดจะเป็นอะไรมั้ยวะ”
“ไม่รู้สิ ตอบยากว่ะเรื่องนี้”
“สงสารน้องปลื้ม อยากให้น้องเข้มแข็ง”
“เราก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้แล้ว ที่เหลือก็ให้เป็นเรื่องของพวกมัน มึงไม่ต้องไปคิดเผื่อคนอื่นเขาหรอก”
เมลจับมือข้างที่ว่างของผมไปแนบกับแก้มอุ่นๆ ของมัน ผมเหลือบตามองเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากไปกว่าเนื้อหาของหนังสือในมือ
“หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี” เมลบอกเบาๆ
“อืม”
“อีกสองเดือนเท็นก็จะไปแล้ว... เวลาเร็วเนอะ”
เสียงหงอยๆ ของเมลทำให้ผมต้องเบนความสนใจอีกครั้ง ก้มลงมอง ก็เห็นว่ากำลังหลับตาพูดอยู่
“จะตามไปไม่ใช่เหรอ”
“ยังไม่แน่ใจเลย ว่าจะจบรึเปล่า โปรเจ็คยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง”
“ตั้งใจสิ สู้เพื่อแม่ สู้เพื่อเมีย ทำไม่ได้หรือไง”
“อือ จะพยายามละกัน”
“แค่พยายามมันไม่พอ มึงต้องทำให้ได้ กูไม่ได้กดดันนะ แต่ต้องรีบๆ ตามไป เข้าใจไหม”
“ครับๆ”
เมลลืมตาขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ “เดือนหน้าไปลอยกระทงกันนะ ไอ้เต๋อมันเกริ่นๆ ไว้ว่าอยากอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา”
“โอเค ^^”
“เท็น...”
“หืม?”
“รักเท็นนะ ถึงจะบอกบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยลดน้อยลงเลย เท็นล่ะ...รักกันน้อยลงรึเปล่า”
คำพูดของเมลทำให้ผมต้องวางหนังสือในมือลง ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดตามันไว้ แล้วก้มลงจุ๊บที่ปากมันไปสองที
“รักมากกว่าเดิม...”
“ครับ”
“ถึงจะได้ยินบ่อยๆ แต่ก็ยังอยากฟัง”
เพราะไม่รู้ว่าจะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่... เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำเอาใจแกว่งไปเหมือนกัน ก็ถ้าหากเป็นเมลที่นอนอยู่ในห้องไอซียูตอนนี้ คนที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องก็คงไม่ใช่ไอ้ปลื้ม...แต่คงเป็นผมเอง
คำบางคำ...ได้ฟังบ่อยๆ ก็ยังดีกว่า...รอฟัง จากคนที่ไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมารึเปล่า...
มันไม่มีอะไรแน่นอนเลยจริงๆ
“นอนซะเมล ฝันดีนะ”
“ครับ ^^”
เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ... คงดี...
............................................To be continue...........................................................
โอ้ เย้ =_=; ค่ะ ตอนหน้าค่ะ ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วค่ะ แค่จะบอกว่า แล้วพบกันตอนหน้า
เท็นก็แค่คนธรรมดา...เหตุและผลไม่ได้อยู่คู่กับเขาตลอด เพราะฉะนั้น พลั้งพลาดอะไรไป ก็ให้อภัยเขาด้วย
