[fic Singular] ใจฉันอยู่ที่นาย my Bodyguard || เปิดจอง [12/12/56]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [fic Singular] ใจฉันอยู่ที่นาย my Bodyguard || เปิดจอง [12/12/56]  (อ่าน 54305 ครั้ง)

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
เอ๋ยยยยน่ารักอ่ะ น่ารักมากๆ เหมือนคนรักกันจริงๆมากขึ้นทุกวัน(เอ๊ะก็เค๊ารักกันจริง)

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
กรี๊ดดดด พี่ซินมา เซอร์ไพร์มากๆ
ถ้าเราเป็นกัส กรี๊ดบ้านแตกแน่ๆ
ปล ตอนโทรศัพท์ รอบสอง
ช่วงแคร์กันบ้าไม๊
 ช่วงที่นัทคิดจะหยุดพัก
บอกตรงๆ เศร้ามาก ณ จุดนั้น
น้ำตาซึม อินเกินไปนะเนี่ย :)

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
จับหนูกัสคู่กับพี่ดิวไปเลย......นัทกะซินจะได้หวานตาหลอด... :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
กัสแอบชอบพี่นัทรึเปล่า??นะ ฮิฮิ // นัทงอลซินเลยมาง้ออออออออน่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ toshika

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 819
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-4
กัสชอบพี่นัท???????????


อ่านตรงที่นัทน้อยใจพี่ซินแล้วเศร้าตาม เคยอยู่ในอารมณ์แบบนั้นเลย

แฟนตัวเองให้ความสนใจคนอื่นมากกว่าเรา

ดีใจแทนกัสที่เจอพี่ซิน ชั้นก้อยากเจอบ้างงงงงงงง  5555เริ่มไปไกลล่ะเอาเรื่องจริงมาปนกะนิยายเฉย

รอติดตามนะคะ  :mew1:

Eucalyp

  • บุคคลทั่วไป
15

((ความในใจ))

 

                “พี่ซิน...”     
       

                ซินหันไปมองตามเสียงเรียกของไอ้แสบ ใบหน้าสวยมองหน้าไอ้กัสอย่างงงๆ แต่ก็ยังคงไม่ปล่อยมือผมนะ ยังจับเอาไว้อยู่อย่างนั้น เหมือนคนขี้ระวังจะลืมตัวไปชั่วขณะซะอย่างนั้น ผมจึงหันไปมองหน้าไอ้กัสที่ตอนนี้ตาโตเป็นนกฮูกไปแล้วครับ ช็อกค้างกลางอากาศไปแล้ว


                “พี่ซินจริงๆด้วย!” ไอ้แสบอุทานขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะรีบวิ่งเข้าโรงฝึกไป ซินที่กำลังงงหันมามองหน้าผมอย่างตั้งคำถาม


                “ใครเหรอ”


                “เด็กในโรงฝึกอ่ะ คงเห็นนายแล้วตกใจมั้ง” คนตัวบางพยักน้อยๆอย่างไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ และกระตุกมือที่จับผมอยู่เบาๆ


                “ไปหาที่คุยกันหน่อยได้มั้ย”


                “จะเข้าไปในบ้านมั้ยล่ะ พ่อกับแม่ก็อยู่” ก็แค่ลองถามดูเท่านั้นแหละครับ เพราะรู้อยู่แล้วว่าซินคงไม่เข้าไป และผมก็เข้าใจเหตุผลของเขาดีด้วย


                ‘ไม่เหมาะสม’


                ซินเคยพูดเอาไว้ว่าแบบนั้น...


                คนตัวบางชะงักไปเล็กน้อยอย่างลังเลใจ ดวงตากลมสวยหลุบลงต่ำมองมือของเราที่เขาจับอยู่ตอนนี้ ปากบางเม้มเข้าหากันแน่น


                “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องเข้าไป เดี๋ยวไปที่อื่นก็ได้” ผมตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้น ซินคงยังไม่พร้อม เหมือนๆกับผมที่ยังไม่แน่ใจเลย ว่าจะแนะนำซินกับพ่อแม่ในฐานะอะไร จะให้บอกว่าเพื่อนก็ไม่อยากโกหก แต่จะให้บอกว่าเป็นแฟน ก็ยังนึกปฏิกิริยาของพ่อแม่ไม่ออกเหมือนกัน แม่อาจจะพอเข้าใจบ้าง แต่พ่อนี่สิ ไม่อยากจะคิดเลย อีกอย่างสถานะของผมกับซินตอนนี้ก็ยังไม่เคลียร์ด้วย...


                “เข้าไปก็ได้ แวะเข้าไปสวัสดีแม่นัทก็ดีเหมือนกัน” แต่เสียงหวานที่ตอบกลับมา ทำให้ผมแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง


                อะไร ...ทำไมยอมง่ายจัง ก็ไหนทุกทีไม่ยอมไง


                อย่าบอกนะว่าที่ยอมนี่เพราะอยากจะง้อกัน... เฮ้ย ไม่จริงน่า


                ผมมองหน้าซินนิ่งๆอย่างชั่งใจ หึหึ ขอไอ้นัทเล่นตัวบ้างนะครับ ^^


                “ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่อยากให้นายลำบากใจ จะกลับบ้านเลยมั้ย เดี๋ยวไปส่ง” น่าน ว่าเข้าไปนั่นครับ ความจริงแล้วอยากลากเข้าห้องใจจะขาด


                ผมทำท่าจะเดินไปที่รถซิน แต่มือบางกลับรั้งมือผมเอาไว้ก่อน ทำให้ผม ‘แสร้ง’ หันไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจ


                “นัท เป็นอะไร”


                “ไม่ได้เป็นอะไร เพราะถ้านายลำบากใจ ฉันก็ไม่สบายใจเหมือนกัน แล้วนี่นัดพี่ดิวไว้ที่ไหน เดี๋ยวไปส่ง”


                “เราบอกว่าเราไม่ไปแล้วไง พี่ดิวกลับไปแล้ว!” เสียงหวานเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง


                แต่ก่อนที่ผมจะได้ถามอะไรต่อ ไอ้ตัวแสบมันก็วิ่งปรู๊ดออกมาจากโรงฝึก พร้อมกับอะไรบางอย่างในมือ ผมมองมันวิ่งตรงเข้ามาหาซินอย่างตกใจ ก่อนจะก้าวไปบังซินไว้ที่ด้านหลังทันที ปฏิกิริยาอัตโนมัติจริงๆครับ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่า ซินจับมือผมจากทางด้านหลังอยู่


                ไอ้กัสขมวดคิ้วมองผมที่ยืนบังซินเอาไว้ ไอ้ที่มันถืออยู่นั่นคืออัลบั้มของซินนั่นแหละครับ แถมเอาปากกาแท่งใหญ่มาด้วย


                “บังทำไม หลบดิ้” นี่คือคำพูดขอร้องหรือเปล่าวะครับ


                “จะทำอะไร” ผมถามไอ้กัสเสียงนิ่งๆ


                “จะขอลายเซ็นพี่ซิน!!” ผมกระพริบตาปริบๆมองมัน อะไรนะ... ขอลายเซ็น? วิ่งจู่โจมกันแบบนั้นเพื่อขอลายเซ็น โธ่... ไอ้เด็กบ้านี่


                ผมจึงต้องหันมามองซินอย่างขอความเห็น ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหนาน้อยๆก่อนจะปล่อยมือผมออก จะเดินมาด้านหน้า ส่งยิ้มน้อยๆให้ไอ้กัส


                “พี่ซิน! ผมชอบพี่มากเลยครับ เป็นแฟนคลับมานานมากแล้วด้วย ฟังเพลงพี่ทุกเพลงเลย กัสชอบพี่มากๆอ่ะ พี่ซินน่ารักมากๆเลย”


                เฮ้ยๆ จะชมกันก็ไม่ว่า แต่มืออย่างถึงได้มั้ย ผมหรี่ตามองไอ้กัสที่คว้ามือซินมาจับไว้ โดยที่ซินเองก็ทำแค่ยิ้มตอบกลับไปเท่านั้น ทีแบบนี้ล่ะปฏิเสธไม่เป็นเลยนะครับ ตามใจกันเหลือเกินกับแฟนคลับเนี่ย


                “นี่ๆ ผมเคยได้ลายเซ็นของพี่ซินมาด้วย ฝากพี่นัทไปขอมา ฮ่าๆ ลายมือพี่ซินน่ารักมากๆเลยครับ ผมเอากล่องซีดีนี่ไว้ใกล้ๆตัวตลอดเลย เอาใส่ไว้ในกระเป๋าอย่างดีเลยครับ”


                ไอ้กัสยื่นลายเซ็น ‘ไปตายซะ’ ที่ซินเขียนให้ผมให้ซินดู ซินมองลายเซ็นนั้นนิ่งๆ ก็จะหันมาขมวดคิ้วมองหน้าผม


                อ่าว... งานเข้าเลยครับ ก็ตอนนั้นบอกเขาไปว่าเป็นของผมเองนี่นา คงไม่คิดว่าผมจะขอไปให้คนอื่น เอาแล้วไง สายตาไม่พอใจสาดเข้ามาเต็มๆเลย แต่ผมยังถือไพ่เหนือกว่านะ! อย่าลืมสิ


                “พี่ซินเซ็นให้กัสอีกได้มั้ยครับ เอาตรงนี้ที่หน้าปกเลย” ไอ้แสบมันก็พูดเจื้อยแจ้วของมันไปแหละ ส่วนซินก็ยิ้มๆ ตอบรับสักคำสองคำเท่านั้น ตามนิสัยเขาแหละครับ


                พอเซ็นตรงนู้นตรงนี้ให้กันจนเสร็จ จนไอ้แสบมันพอใจ ก็ขอถ่ายรูปต่ออีกสองสามรูป จนซินมีท่าทีเริ่มอึดอัดนิดหน่อย ผมจึงต้องเข้าไปแทรกกลางระหว่างสองคน


                "พอแล้วกัส เข้าไปซ้อมต่อไปได้แล้วไป อู้นานเกินไปแล้วมั้ง"


                "อะไรอ่ะ กัสอยากถ่ายรูปกับพี่ซินนี่"


                "ฉันกับซินมีเรื่องต้องคุยกัน เข้าโรงฝึกไปได้แล้วไป"


                ผมมองหน้าไอ้กัสนิ่งๆ แสดงออกไปว่าเริ่มจริงจังแล้วนะ เลิกเล่นได้แล้ว กลับเข้าไปก่อน ซึ่งมันก็มองตอบกลับมานิ่งๆอย่างชั่งใจเช่นกัน ก่อนจะหันหลังเดินกลับโรงฝึกไป แต่ก็ยังไม่วายหันมาโบกมือให้ซินอีกรอบ แถมยังส่งซิกทำเป็นจะโทรไปหาอีกแหน่ะ ไอ้เด็กกระล่อนเอ๊ยย


                พอไอ้แสบกัสเดินหายเข้าโรงฝึกไป ซินก็หันกลับมาผมอีกครั้ง


                "เข้าบ้านนัทกัน" เป็นซินที่ชวนนะครับ ไม่ใช่ผม ซึ่งนี่มันผิดคาดเกินไปแล้ว


                "แน่ใจนะว่าอยากเข้าไปจริงๆ"


                "อืม" เสียงหวานตอบกลับมาเบาๆ ผมจึงเดินนำหน้าเขาไปทางบ้านของผมเอง

                .......

                [-Gus-]


                ผมเดินกลับเข้ามาที่โรงฝึกอีกครั้ง ทิ้งตัวนั่งลงในห้องห้องหนึ่งที่ไม่มีใคร ภาพภาพนั้นยังคงติดตาผมอยู่จนถึงตอนนี้ เขาจับมือกัน... มือของคนสองคนที่จับกันอยู่ ต่อให้โง่แค่ไหนก็รู้ว่าทั้งสองคนเป็นอะไรกัน


                ที่ผ่าน ก็เคยเห็นผ่านตามาบ้างตามเว็บต่างๆ ภาพของคนสองคนที่เป็นข่าวด้วยกัน รูปภาพในอากัปกิริยาต่างๆที่เขาใกล้ชิดกัน เป็นห่วงเป็นใยกัน แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ ไม่สนใจ อาจจะเป็นเพราะหน้าที่ ที่ต้องทำแบบนั้น เขาสองคนอาจไม่ได้คิดอะไร หลอกตัวเอง...


                ผมก้มลงมองแผ่นซีดีที่ผมลงทุนซื้อของแท้มา ทั้งๆที่ปกติแล้วผมเป็นลูกค้าร้านประจำแผ่นก็อบยี่สิบบาทที่ตลาด หรือไม่ก็โหลดเอาตามเน็ตเป็นกิจวัต ผมชอบพี่ซินมากจริงๆนะ เป็นแฟนคลับของพี่เขามาตลอด ผมติดตามผลงานเขาอย่างที่ผมบอกเข้าไปจริงๆ แล้วดีใจมากๆด้วยที่ได้เจอตัวจริงวันนี้ ไม่เคยได้ใกล้มากเท่านี้มาก่อนเลย


                แต่... ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย


                ทำไมต้องมารักคนที่ผม ...รัก


                คนหนึ่งก็เทิดทูน ให้เขาเป็นแบบอย่าง เป็นไอดอล เป็นแรงบันดาลใจให้ทำในสิ่งที่รักในความเป็นตัวเอง ชื่นชอบและหลงใหลเขามาตลอด


                กับอีกคน ที่เฝ้ามองเขามาทั้งชีวิต...


                พี่นัทเป็นลูกของเพื่อนพ่อผมเอง ทุกครั้งที่พ่อมาเที่ยวบ้านนี้ ผมก็ได้ติดสอยห้อยตามเขามาด้วยตลอด ไม่รู้เหมือนกันว่าแอบมองตามคนคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้ตัวอีกทีก็ชอบมองรอยยิ้มนั้นเข้าให้ซะแล้ว แต่งตัวเซอร์บ้าง เท่บ้างแล้วก็แบกกีต้าร์ไปมา  ช่วงนั้นผมก็ไม่เจอเขาบ่อยนักหรอกนะ เพราะเวลาที่ผมมา พี่เขาก็อยู่บ้างไม่อยู่บ้าง แต่แล้วอยู่ดีๆพี่มันเลิกเล่นกีต้าร์ไปซะเฉยๆ และกลับมาช่วยคุณลุงดูแลโรงฝึก ผมถึงได้ตามเขามา มาฝึกอยู่ที่นี่ เพราะที่นี่ ผมจะได้เห็นเขาทุกวัน


                แต่เท่าที่ผมสังเกต พี่นัทที่ไม่มีกีต้าร์อยู่ข้างๆไม่ค่อยยิ้มเท่าเมื่อก่อน และพูดน้อย ผมพยายามฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ แรกๆนี่บอกตรงๆว่าไม่ได้เรื่อง เพราะผมไม่เคยเรียนเรื่องพวกนี้มาก่อนเลยนะ ก็ได้พี่นัทเนี่ยแหละ มาเป็นคู่ซ้อมให้ แต่แม่ง... ทุ่มผมเอาๆ อย่างกับผมเป็นกระสอบทราย ตั้งแต่นั้นมาเลยตั้งปณิธานกับตัวเองว่า จะต้องคว่ำพี่มันให้ได้ ไม่ว่าด้วยทางใดก็ทางหนึ่ง เพราะเหตุนั้น ผมก็เลยแอบลอบสังหารพี่มันเป็นระยะๆ ฮ่าๆๆ


                นึกมาถึงตรงนี้ก็ต้องยิ้มออกทุกที เพราะพี่มันรู้ตัวก่อนที่ผมจะเข้าถึงตัวมันทุกครั้ง เป็นแบบนี้ประจำเลยครับ แม่งรู้ทันผมทุกรอบเลย กลายเป็นผมเนี่ยแหละที่เจ็บตัวเองทุกครั้งไป...


                ผมก้มลงมองกล่องซีดีที่ได้ลายเซ็นมาเพิ่มอีกลายเซ็นแล้ว ของสิ่งนี้มีความสำคัญกับผมมากนะ


                แต่พี่นัทเองก็สำคัญสำหรับผมเหมือนกัน


                ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมไม่เคยคาดหวังอะไรจากพี่มันเลยนะ เพราะรู้ว่ายังไงก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะอายุที่ห่างกันเกินไป ผมที่เพิ่งเรียนมอปลาย กับพี่มันที่เรียนจบแล้ว และที่สำคัญ... ทั้งผมทั้งพี่มัน เป็นผู้ชาย


                และเพราะเหตุนี้ ผมถึงได้เก็บความรู้สึกนี้ไว้กับตัวเองมาตลอด ไม่เคยคิดที่จะบอกใคร เพราะว่าความสัมพันธ์ดีๆที่มีอยู่ตอนนี้มันก็มากจนทำให้ผมไม่อยากที่จะเสียมันไป


                แต่พี่นัทกลับมาชอบพี่ซิน...ที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน


                เป็นเพราะแบบนั้น ทำให้ผมกลับมาคิดว่า ผมเอง... ก็มีความหวังได้


                ใช่มั้ย?


                แต่ความหวังของผม จะมีสิทธิ์เป็นจริงได้มากเท่าไหร่กัน เพราะมันดูเลือนลางเหลือเกิน


                หลายคนอาจจะคิดว่าแปลก ที่อยู่ดีๆเราจะมาชอบคนคนหนึ่งมากมายขนาดนี้โดยที่ไม่มีเหตุผลได้ยังไง นั่นเป็นเพราะว่าคุณไม่เคยมีความรักน่ะสิ เพราะถ้าคุณมีความรักคุณจะเข้าใจว่าไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอะไรเลย เพราะสวยเหรอ หรือว่าเพราะหล่อ หรือว่าเพราะรวย หรือเหตุผลอะไรอีกมากมายที่สรรหามาพูดกันให้มากความ ไม่ใช่หรอก


                ก็แค่...เพราะรัก


                เท่านั้นแหละ ถึงยังคงอยู่ตรงนี้ มองดูอยู่ตรงนี้ถึงแม้จะมองไม่เห็นทางไปต่อได้เลย


                "เฮ้อ ยากจริงว่ะไอ้กัส เสือกไปรักคนที่รักไม่ได้ซะนี่ แล้วแบบนี้ควรจะทำยังไงต่อ ควรจะหยุดอยู่แค่นี้ หรือว่ายังไงดี..."


                ผมถอนหายใจให้ตัวเองอย่างปลงๆ


                นั่นสิ... ผมควรจะหยุดดีมั้ย...?


                หรือผมควรจะลุกขึ้นสู้อย่างเต็มที่สักตั้งหนึ่งดี...?

                  .....

                  ผมพาซินเดินเข้ามาในบ้านแต่กลับไม่พบใครเลย ไม่อยู่ทั้งพ่อทั้งแม่ครับ สงสัยว่าจะยังอยู่ที่สวนหลังบ้าน คนตัวบางที่เดินตามมาเกร็งๆ ยืนเคว้งอยู่ตรงทางเข้าห้องรับแขก เหมือนกำลังชั่งใจว่าจะเข้าดีหรือไม่เข้าดี แต่แหม เดินมาถึงนี่แล้วครับ ถอยก็ไม่ทันแล้วจริงๆ


                "เข้ามาเถอะซิน ไม่มีใครอยู่หรอก" ผมเรียก เขาจึงเดินเข้ามา


                "บ้านน่ารักดีเน้อะ" คนสวยพูดพลางมองไปรอบๆ จะว่าน่ารักมั้ย มันก็คงน่ารักแหละมั้ง แหละแม่ผมเป็นคนชอบตกแต่ง ทำนู้นทำนี่เอง ผนังบ้านก็เลยเต็มไปด้วยของตกแต่งที่แม่ทำขึ้นเอง ทั้งภาพวาด ลายเพ้น หลายอย่างครับ


                "อืม นั่งรอตรงนี้นะ เดี๋ยวเอาน้ำมาให้" พูดจบผมก็หันหลังเดินไปทางครัว แต่ซินกลับเดินตามมาด้วย ผมจึงไม่ได้ว่าอะไร


                ในขณะที่ผมกำลังเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบน้ำให้ซินอยู่นั่นเอง มือเล็กๆกลับดันประตูตู้เย็นให้ปิดไปซะก่อน ผมที่กำลังจะยื่นหน้าเข้าไปในตู้เย็นหดคอกลับแทบไม่ทัน หันไปมองหน้าเขาอย่างงงๆ


                "โกรธหรือเปล่า" อยู่ดีๆเสียงหวานก็ถามกันขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยซะอย่างนั้น


                "โกรธเรื่องอะไร"


                "ก็แล้วเรื่องอะไรล่ะ" ไม่ตอบนะครับ แต่ย้อนถามกลับมาอีกที


                พูดความรู้สึกของตัวเองออกมาก็ได้นะซิน...


                "เอาเป็นว่า ถ้านายไม่รู้ว่าเรื่องอะไรก็ไม่ต้องถามหรอก ถอยหน่อยนะ เดี๋ยวจะหยิบน้ำให้ ในนี้มันร้อน" ผมเอื้อมมือไปจับที่เปิดประตูตู้เย็นอีกครั้ง แต่คราวนี้มือเรียวยกมาจับมือผมเอาไว้


                "เรื่องที่เราพูดไม่ดี" ซินพูดออกมาแบบรวดเดียวจบ ทำเอาผมแทบฟังไม่รู้เรื่องเลยครับ แถมยังก้มหน้าไม่ยอมมองหน้ากันอีกต่างหาก


                ผมจึงต้องถอนหายใจอออกมาเบาๆ


                "ฉันไม่ได้โกรธ หรือว่าไม่พอใจอะไรหรอกนะ แต่ว่าบางทีมันก็เริ่มที่จะเหนื่อย ฉันรู้ว่านายคงไม่ได้คิดอะไรกับไอ้พี่ดิวนั่น แต่สำหรับไอ้พี่ดิว ฉันไม่รู้ว่ามันคิดยังไงกับนาย เฮ้อ... ช่างเถอะ ฉันคงงี่เง่าไปเอง" ตาใสๆมองมากับปากที่เริ่มจะเบะนิดๆ


                "พี่ดิวเป็นแค่พี่เราคนนึง แล้วเมื่อก่อนก็เคยไปมาหาสู่กันบ่อยๆ แล้วเราผิดเหรอ กับอีแค่จะไปกินข้าวด้วยกัน"


                "นายไม่ผิดหรอก ฉันผิดเองที่คิดมากเกินไป"


                พูดจบผมก็หันหน้าหนีใบหน้าสวยมาอีกทาง ไม่อยากมองตอนนี้เลย กลัวจะเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปอีก แค่นี้ก็แย่พอดูอยู่แล้วครับ ไม่ได้อยากทะเลาะ แต่บางทีมันก็มีอารมณ์น้อยใจ... ทำไมล่ะ ทำไมไม่เข้าใจผมบ้างเลย ผมผิดเหรอที่ผมหวงคนที่ตัวเองรัก ไม่พอใจที่เขาจะไปกับคนอื่น ถึงเจ้าตัวจะบอกว่าเป็นพี่ก็เถอะ แต่ไอ้บ้านั่นมันคิดกับซินแค่น้องหรือเปล่าล่ะ


                "นัท... ถ้ารักกัน ก็ต้องเชื่อใจกันไม่ใช่เหรอ เห็นเราเป็นคนแบบไหนล่ะ หรือนัทเห็นว่าเราเป็นคนแบบที่นึกอยากจะไปไหนกับใครก็ไป นึกอยากจะขึ้นเตียงกับใครก็ขึ้นได้อย่างนั้นเหรอ"


                คำว่าขึ้นเตียงทำให้มือผมกำเข้าหากันแน่นในทันที แค่คิดว่าซินจะทำแบบนั้นกับคนอื่น ก็ทนไม่ได้แล้วครับ


                แต่ว่าซินของผม ...ไม่ใช่คนแบบนั้น


                ใช่ ซินของผม ไม่มีทางทำแบบนั้นอยู่แล้ว


                "นัทไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ" ผมหันกลับมามองหน้าซิน พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง


                "ก็แล้วนัทจะให้เราพูดยังไง ที่แสดงออกมาทั้งหมดนี่มันยังไม่มากพออีกเหรอ นัทก็น่าจะรู้ว่าเราเป็นคนยังไง..."


                "คนเราถ้าจะให้รู้ได้เองหมดทุกเรื่อง โลกนี้ทั้งโลกก็คงไม่ต้องมีใครพูดคุยกันแล้วซิน เรื่องบางเรื่องพูดออกมาบ้างก็ได้ ซินอาจจะมองว่ามันเป็นแค่คำพูดธรรมดาๆที่ไม่ได้มีความหมายอะไร แต่ซินรู้มั้ยว่าคนฟังอย่างนัทคิดว่ามันมีค่ามากแค่ไหน ไม่ต้องพูดบ่อย แค่พูดให้ฟังบ้างก็ยังดี"


                "...."


                "นัทขอมากไปหรือเปล่า... หรือว่า..."


                ไม่ต้องรอให้พูดจบ ซินก้าวเข้ามาหาผมก่อนที่จะเขย่งปลายเท้าขึ้นแตะริมฝีปากของลงมา สัมผัสเบาราวปุยนุ่น หวานล้ำและรู้สึกดีเกินกว่าที่จะต้องพูดอะไรอีกแล้วครับ ผมค่อยๆหลับตาลง และยกแขนขึ้นโอบเอวบางๆนี้เอาไว้อย่างหวงแหน ไม่ครับ... ไม่มีวันที่ผมจะปล่อยมือจากคนคนนี้แน่นอน


                กลีบปากบางขยับช้าๆ และเริ่มจูบนำทางผมไปแบบนิ่มนวล จนกลายเป็นผมเองที่ทนไม่ไหว และบดริมฝีปากลงไปแรงยิ่งขึ้น ลุกไล้เร่งเล้าจนอีกฝ่ายเริ่มหอบหายใจแรง ผมพลิกตัวกลับและดันอีกฝ่ายจนชนเข้ากับตู้เย็น และเพราะอากาศร้อนอบอ้าวในครัวทำให้หยดน้ำเม็ดใสๆเริ่มผุดพรายขึ้นมาตามไรผมของเราทั้งสองคน แต่กลับไม่มีใครสนใจจะปัดมันทิ้งไป ผมกัดริมฝีปากของซินเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว ค่อยๆเลื่อนมือลงต่ำเรื่อยๆไปจนถึงสะโพกมนและบีบลงไปเบาๆ เรียกเสียงหัวเราะในลำคอจากอีกฝ่ายได้ในทันที


                ผมลากไล้ปลายจมูกลงต่ำ ซุกไซร้กับซอกคอขาว และกัดลงไปเบาๆอย่างหยอกเย้า


                "อ๊ะ นัท... จั๊กจี้" เสียงใสเอ่ยว่ากัน ก่อนจะดันผมออกห่าง


                "ไม่อยากฟังคำพูดเราแล้วหรือไง"


                "ก็ตอนนี้การกระทำน่าทำกว่าตั้งเยอะอ่ะ" ผมพูดพร้อมกับยืนหน้าเข้าไปแตะริมฝีปากเขาอีกครั้งเบาๆ ก่อนจะถอยกลับมา


                "ทะลึ่งว่ะ"


                "หึหึ แล้วสรุปว่ากับพี่ดิวนี่ยังไงซิน"


                "ไม่มีอะไร" ซินเน้นย้ำให้ผมฟังด้วยน้ำเสียงชัดเจน เรายืนคุยกันทั้งๆที่ผมยังกอดเขาอยู่แบบนั้นแหละ


                "แล้วฉันล่ะ..."


                "นายทำไม"


                "คิดยังไงกับฉัน"


                "...."


                "น่านะ บอกให้ฟังมั่งสิ ไม่บอกก็ไม่รู้นะ"


                "ถ้าไม่รัก..." ซินพูดขึ้นมา แต่เบามากเหลือเกิน ทำให้ผมได้ยินไม่ชัดเลย ต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาอีกนิด


                "อะไรนะ"


                "ถ้าไม่รัก จะมายืนให้กอดอยู่แบบนี้หรือไง"


                "หึหึ" แค่นี้ก็ยิ้มออกแล้วครับ


                "ถ้าไม่รักไม่มาง้อถึงนี่หรอก"


                แก้มกำลังจะแตกแล้ว ช่วยผมที


                "ถ้าไม่รัก..."


                "พอแล้วครับ พอแล้ว" ผมยกนิ้วขึ้นแตะกลีบปากสวยเบาๆ


                "แค่นี้ก็รักจนไม่รู้จะรักยังไงแล้ว"


                "ก็บอกให้เราพูด พอเราพูดก็มาห้ามเราอีก" ซินปัดมือผมออก และเบ้ปากน้อยๆอีกครั้ง ผมจึงหยิกแก้มป่องๆนั่นไปเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว น่ารักเกินไปแล้วนะ


                "นัทรักซินนะครับ รักมาก ก็อาจจะหวงมาก ซินเข้าใจนัทนะ บางทีนัทอาจจะงี่เง่า น่ารำคาญไปบ้าง แต่ที่ทำไปทั้งหมดนั่นก็เพราะว่ารักคำเดียว... เข้าใจมั้ย"


                ซินพยักหน้าช้าๆ กอดจะยกแขนขึ้นกอดตอบกลับมาหลวมๆ


                "นัทก็ต้องเข้าใจเราเหมือนกัน เราไม่ใช่คนที่จะต้องมานั่งพูดเรื่องเดิมๆซ้ำๆ แล้วมันก็ไม่ใช่นิสัยของเราเหมือนกันที่จะต้องมานั่งรายงานเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ใครฟัง เราไม่ใช่คนพูดหวานๆ แล้วก็ไม่ใช่คนหงุงหงิง เข้าใจใช่มั้ย" ผมก็พยักหน้าตอบกลับไปแบบเดียวกันเขา


                ซิน คลายอ้อมแขนออก ยกมือขึ้นมาบีบจมูกผมเบาๆก่อนจะโยกไปมา


                "เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกลัวว่าใครจะคิดยังไง รู้ไว้แค่ว่า 'ซินรักนัท' แค่นั้นพอ..."


                เข้าใจคำว่าไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงเธอ มองไม่เห็นอะไรนอกจากหน้าเธอมั้ยครับ ตอนนี้ผมกำลังประสบกับปัญหานั้นเต็มๆ รอบด้านมันเบลอๆไปหมด มองเห็นแต่หน้าใสๆของซินแค่นี้เอง คำพูดที่รอคอยมานานแสนนาน วินาทีแรกที่ได้ยินก็ไม่ได้อะไรนะครับ เหมือนพูดคำหนึ่งที่ซินก็แค่พูดมันออกมา แต่พอผ่านไปสามวิ สมองเริ่มประมวลผล เริ่มตีความหมายของคำคำนั้นได้ หัวใจเต้นกระตุกผิดไปหนึ่งจังหวะ ก่อนจะเต้นแรงระรัวเหมือนเพิ่งวิ่งมาร้อยกิโล


                เฮ้ย... หรือว่าผมกำลังจะตาย


                แต่ถ้าจะให้ตายตอนนี้ผมก็ยอมอ่ะ! >< อั้ยยยยย เขิลไปเป็นสาวน้อยเลยเว้ยไอ้นัทเอ้ยยยยยย


                ผมโถมตัวเข้ากอดซินเต็มแรง มีความสุขจริงๆครับ แค่นี้ก็พูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำแล้วว่าเรารักกัน


                "งั้นเราเป็นแฟนกันแล้วนะ" ผมถามขึ้นเสียงอู้อี้เพราะซบหน้าอยู่กับไหล่ซิน


                "อื้อ" เสียงเล็กตอบกลับมา


                "ขึ้นห้องกันมั้ยซิน..." สาบานว่าไม่คิดอะไรเลยจริงๆครับ >..<


                "มากไปแล้ว หื่น!"


                ผมคลายอ้อมกอดออก ก่อนจะถอยหลังออกมาหนึ่งก้าวเพื่อมองหน้าซินให้ชัดๆ ผมเพ่งสายตามองซินอยู่อย่างนั้นสักพัก จนคนสวยเริ่มขมวดคิ้วนิดๆ


                "มองอะไร"


                ไม่ตอบครับ แถมยังหรี่ตาลงนิด และมองอย่างตั้งใจกว่าเดิม


                "นัท... มองบ้าอะไร" ซินเริ่มขยับตัวอย่างทำอะไรไม่ถูก


                "มองแฟน... ^^ แฟนเค้าน่ารักเน้อะ"


                "ไอ้บ้า" ซินยื่นมือมาผลักหัวผมหงายเงิบเลยครับ หึหึ เขินรุนแรงตลอดแหละคนเนี้ยะ น่ารักน่าฟัดจริงๆเชียว


                "ดื่มน้ำซะหน่อยมั้ยครับ เพื่ออีกสักพักร่างกายจะขาดน้ำนะ..."


                "ไอ้นัท!!" ได้รับหมัดแห่งความรักมาเต็มๆ


                เราสองคนเดินออกมาจากห้องครัว กลับมาที่ห้องนั่งเล่น แต่ห้องนั่งเล่นก็ยังคงว่างเปล่าอยู่ครับ พ่อกับแม่นี่ปลูกป่าหลังบ้านกันไปแล้วมั้ง เอ๊ะ! หรือว่าแอบจู๋จี๋กันอยู่


                "พ่อกับแม่นัทไม่อยู่เหรอ" ซินถามขึ้นเมื่อเห็นว่าในห้องนั่งเล่นไม่มีใคร


                "อยู่ แต่ไม่รู้หายไปไหน"


                "เดี๋ยวเรากลับเลยดีกว่า ไม่รู้ว่าป่านนี้ป๊ากับม้ากลับบ้านหรือยัง เดี๋ยวกลับไปแล้วไม่เจอเราจะตกใจ"


                "งั้นเดี๋ยวไปส่ง"


                "ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วแหละ ตอนขับมานี่ใจมันตุ้มต่อมๆ ไม่ได้ขับนานมากแล้ว"


                "แล้วเมื่อก่อนไปไหนมาไหนยังไงเนี่ย อย่าบอกนะว่ามีหนุ่มที่ไหนไปตามส่ง"


                "มี"


                คำตอบจากซินทำเอาหนวดผมกระตุกในทันที ใครมันบังอาจ...


                "ป๊าไง หนุ่มพอมั้ย"


                หน็อยยย ไอ้ลูกแมวตัวน้อยนี่ เรื่องยั่วโมโหกันนี่ล่ะก็ชอบจริงๆ


                "เดี๋ยวเถอะๆ" ผมขี้มือคาดโทษเขาเอาไว้ก่อน มีโอกาสเมื่อไหร่ล่ะน่าดูเลย


                "ไปส่งหน่อย"


                "ครับๆ"


                ผมมองคนตัวบางที่เดินออกจากบ้านไป ก่อนจะยิ้มน้อยๆ ความรักก็แบบนั้นใช่มั้ยครับ ทุกข์บ้าง สุขบ้าง แต่อย่างน้อยเราก็ยังอยู่ด้วยกัน เข้าใจผิดกันบ้างเป็นบางครั้ง แล้วความรักจะพาให้เรากลับมาพบกันเอง...


                อยู่ด้วยกันอย่างนี้ไปตลอดเลยนะซิน


                ขออย่าให้มีเรื่องอะไรมาทำให้เราต้องแยกจากกันอีกเลย...


TBC.
...
เค้ามาง้อแล้วนะ >< อั้ยยะ!
ฮ่าๆๆ ใครง้อใครน้าาา
ไม่รู้ว่าจะตรงใจใครหลายๆคนมั้ยน้าาา
^^
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นค่าาา
เจอกันตอนหน้าน้า จุ้บๆ         

ออฟไลน์ matilda.taon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
หวานหยด
น่ารักอ้ะ
น้องกัสน้อยตัดใจนะ
ไปหาพี่ดิวเถอะกัส 5555

Mauve

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
กัสกัสต้องยอมพี่ซินแล้วล่ะไม่มีใครเหมาะกับพี่นัทเท่าพี่ซินแล้วนะ หวานนนนหยดย้อยในห้องครัวก็ไม่เว้นนะนัทนะ

Eucalyp

  • บุคคลทั่วไป
16

((ทำไม))


                “ไม่เอาพ่อ! ผมมีงานของผมอยู่แล้ว อยู่ๆจะให้ไปทำงานกับคนอื่นได้ไง!!”

                “ก็แค่วันเดียว แกจะเรื่องมากทำไมวะ อีกอย่างนี่ก็ลูกเพื่อนฉัน เขาขอมา ยิ่งช่วงนี้เห็นบอกว่าโดนพวกโรคจิตตามอยู่ ถือว่าสงสารน้องละกัน”

                “น้องไหนอีกล่ะ ไอ้กัสไง มันบ่นตะแง้วๆว่าอยากทำงาน ให้มันไปสิ”

                “ก็เดี๋ยววันนั้นจะให้กัสไปทำงานกับซินแทนแกไง แกก็ไปทำอีกงานนึง มันก็งานเดียวกันแหละ”

                โอ้ย ผมจะบ้าตาย! อยู่ดีๆพ่อจะให้ผมไปเป็นบอดี้การ์ดของคนอื่นเฉย แล้วซินของผมล่ะ ใครจะดูแล เถียงกันจนบ้านจะแตกไม่ฟังกันบ้างเลย! มีอย่างที่ไหนทำงานหนึ่งอยู่ แต่จะให้ไปทำอีกงาน แล้วแบบนี้ทางด้านซินเขาจะว่ายังไง ไม่ต้องคิดถึงเรื่องความสัมพันธ์ของเรานะครับ แต่คิดถึงในหน้าที่การงาน มันไม่ถูกต้องนะ!

                “เออน่า แค่งานเดียว ไม่เป็นไรหรอก”

                “เป็นดิพ่อ แล้วทางค่ายเพลงเขาจะว่ายังไง อยู่ๆเราเปลี่ยนบอดี้การ์ดให้เขาซะอย่างนั้นอ่ะ”

                “ฉันโทรไปบอกเขาแล้ว เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าเราจะส่งคนไปแทนอ่ะ”

                “มันไม่เหมือนกันพ่อ! คนทำงานด้วยกันมาอ่ะ แล้วอยู่ๆคนที่เคยยืนใกล้ๆเรากลายเป็นคนอื่นไป มันจะรู้สึกยังไง”

                “ก็ทำความรู้จักกันใหม่ ไม่เห็นยาก”

                “พูดอ่ะมันง่าย แต่เวลาทำมันไม่ง่ายหรอกนะ”

                “เฮ้ย! เลิกเถียงฉัน แล้วทำตามอย่างที่บอก ไม่ยากหรอกไอ้ลูกชาย ฉันไปและ” พูดจบพ่อก็เดินออกจากห้องนอนผมไปเฉย โอ้ย ผมจะบ้า ทำไมต้องห่างจากซินอีกแล้ววะครับ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน พอจะได้เจอกันทั้งทีก็ดันไม่ได้เจอ แล้วทำไมทางนู้นไม่โวยวายอะไรบ้างเลยล่ะเนี่ย

                ไม่เข้าใจ...

                ผมคว้าโทรศัทพ์ขึ้นมากดโทรหาคนที่คิดถึงอยู่ทันที รอสายอยู่ไม่นานซินก็รับ

                (ว่าไงนัท)

                “ซิน รู้ข่าวหรือยัง เรื่องงานแถลงข่าวเปิดตัวแชมพูอ่ะ ฉันไม่ได้ไปเป็นบอดี้การ์ดให้นายนะ ต้องไปเป็นบอดี้การ์ดให้คนอื่นแทนอ่ะ” น้ำเสียงนี่แสดงออกชัดเจนว่าขี้ฟ้องมาก ><

                (รู้แล้ว) แต่คำตอบรับนี่เฉยมากครับ

                “รู้แล้ว แล้วทำไมไม่โวยวายอ่ะ ต้องไม่ยอมสิ ให้คนอื่นไปทำงานแทนได้ไง ใครที่ไหนก็ไม่รู้นะ”

                (ก็พี่โอ๊ตโทรมาบอกว่าเดี๋ยวทางนายจะจัดบอดี้การ์ดมือดีที่สุดมาให้นี่ ก็ไม่เห็นมีอะไรต้องเป็นห่วงเลย)

                “แต่นายต้องทำงานกับใครก็ไม่รู้นะ”

                (ก็แค่วันเดียวเอง)

                “ไม่คิดถึงกันบ้างเหรอซิน” ถามไปด้วยความน้อยใจแหละครับ ไม่ได้หวังจะได้คำตอบจริงๆจังอะไรหรอก

                (คิดถึง…)

                แหมดีจริง... ห๊ะ!!!!!!!!! อะไรนะ!? ซินบอกว่าคิดถึงเหรอ!! ขอกรี๊ดแตกทีได้มั้ยครับ เมื่อกี้ซินพูดว่าคิดถึงใช่มั้ย! หรือผมหูฟาด บ๊ะ! นี่คุณหนูซินพูดอะไรแบบนี้เป็นด้วยเหรอ ไม่อยากจะเชื่อ!!

                “เฮ้ย กินยาผิดขวดหรือเปล่าครับ”

                (....)

                “ฮ่าๆ โอ๋ๆ นัทก็คิดถึงซินนะ มากๆเลยด้วย แต่กลับมาเรื่องงานก่อนนะครับ เพราะเดี๋ยวฉันต้องไปเป็นบอดี้การ์ดให้คนอื่นนะ นายไม่หวงเหรอ เป็นสาวสวยหุ่นดี และกำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงเลยนะ”

                (ไม่หวงหรอก เพราะเขาคงไม่เอานัท)

                ...เจ็บปวดมากครับ บอกเลย พูดแบบนี้มันดูถูกกันเกินไป!! เห็นอย่างนี้คุณนัทเสน่ห์แรงนะครับ

                “ใจร้ายว่ะซิน ระวังไว้เถอะ ถ้าฉันหันไปสนใจสาวๆแล้วจะแอบร้องไห้”

                (ไม่ร้องหรอก คนรอปลอบใจเราเยอะ)

                อื้อหืออ ไม่น่ารักอย่างซินนี่พูดไม่ได้นะครับ ถ้าไม่มั่นหน้านี่ไม่กล้าพูดจริงๆ ไอ้ผมก็เถียงไม่ออกเพราะมันเป็นเรื่องจริง ก็ซินของผมน่ารัก ^^

                “ใครมันกล้า จะไล่ยิงให้หมด”

                (แหม เก่งเหลือเกินนะครับ)

                “เก่งอยู่แล้วครับ โดยเฉพาะกับแฟน”

                (ปากดีนะครับ)

                “ก็ถ้าไม่ดีจริง คนบางคนคงไม่ติดใจ”

                (ไอ้นัท เยอะแล้วครับ โทรมาแค่นี้ใช่มั้ย เปลืองค่าโทรศัพท์)

                “ขอโทษนะครับ ผมเป็นคนโทรไป”

                (เรานั่งคุยเล่นกับม้าอยู่ เอาไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันใหม่นะ)

                “แล้วเรื่องงานล่ะ”

                (ก็ไม่เป็นไร แค่วันเดียวเอง เดี๋ยวก็ต้องได้เจอกันอยู่แล้ว จะกลัวอะไรล่ะ เราไม่ได้หนีไปไหนซะหน่อย)

                ถ้าอยู่ใกล้ๆนี่จะขอหอมแก้มสักที พูดจาน่ารักเกินไปแล้ว

                “เดี๋ยวพ่อจะส่งกัสไปแทนฉัน เด็กคนนั้นที่นายเจอที่โรงยิม จำได้มั้ย"

                (อืม.... อ๋อ จำได้ ...นัท เดี๋ยวเราต้องวางแล้ว ไว้เจอกันที่งานนะ ถ้ามีโอกาส แค่นี้ก่อน)

                "ครับ แล้วเจอกันนะ"

                (อืม)

                หลังจากที่วางสายจากซิน ผมก็นอนเล่นอยู่สักพักก่อนจะออกมาที่โรงฝึก เจอไอ้กัสกำลังวิ่งกระโดดโลดเต้นไปป่วนคนนู้นทีคนนี้ที เด็กนี่มันซนจริงๆครับ สงสัยคงรู้แล้วว่าจะได้งาน เลยเริงร่าเป็นพิเศษ แต่มันรู้หรือเปล่าว่าได้ทำแค่วันเดียว

                "กัส" ผมตะโกนเรียกทำให้มันหันมามอง ผมจึงกวักมือเรียกให้มันเดินเข้ามาหา

                "อะไรพี่" มันก็วิ่งส่ายหางดุ้กๆมาครับ

                "รู้เรื่องงานแล้วใช่ป่ะ"

                "รู้แล้ว! โคตรดีใจเลย สมน้ำหน้า พี่นัทโดนปลดว่ะ ฮ่าๆๆๆ"

                ไอ้เด็กห่านี่...

                "ไม่ได้โดนปลดโว้ย พ่อให้เอ็งมาแทนฉันแค่วันเดียวเท่านั้นแหละ"

                "นั่นแหละ ก็ถือว่าโดนปลด"

                "มานี่หน่อยดิ้ มีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย" ผมไม่รอให้มันพล่ามต่อ เอาแขนล็อกคอมันลากตามมาด้วยกัน แต่แทนที่มันจะโวยวายที่โดนผมลากมันกลับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากซะงั้น สงสัยว่าจะดีใจจนเพี้ยนว่ะ

                ผมเลือกลากมันมาที่ด้านหลังโรงฝึก ซึ่งตรงนี้ต้นไม้เยอะครับ ด้วยฝีมือของคุณแม่และท่านพ่อของผมเอง ไม่ทราบว่าจะสร้างสวนหรือปลูกป่ากันแน่ บางทีก็เยอะไป...

                ผมปล่อยแขนจากไอ้กัสและนั่งลงที่ม้าหินแถวนั้น มันก็เดินตามมานั่งด้วยกัน

                "มีอะไรวะพี่"

                "พรุ่งนี้ ไปทำงานกับซินใช่มั้ยเราน่ะ" ผมหันไปถามมัน แต่ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่านะว่าตอนที่ผมพูดชื่อซินแล้วคิ้วมันขมวดเข้าหากัน ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นจากคนอย่างมันครับ เพราะไอ้กัสมันมีความสามารถเรื่องยิ้มให้ปากฉีกถึงรูหูได้.... ล้อเล่นนะครับ คนบ้าอะไรทำแบบนั้นได้ล่ะ เอ้อ...

                "ใช่" แต่ผมคงจะคิดไปเองเพราะตอนนี้มันก็กลับมาแสดงความสามารถนั้นอีกครั้ง

                "ทำงานกับซิน อย่าลุ่มล่ามเพราะซินไม่ชอบ อย่าพยายามเกาะติดเขาจนเกินไป เขาจะรำคาญ นายต้องเว้นระยะส่วนตัวให้เขานิดนึง แล้วก็สังเกตความรู้สึกจากสีหน้า อันนี้อาจจะดูยากนิดหน่อย ถ้าไม่ชอบหรือไม่พอใจเรื่องอะไรจะขมวดคิ้วนิดๆ ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นเอง แล้วที่สำคัญ อย่าปล่อยให้พวกศิลปินผู้ชายคนอื่นเข้ามาเกาะแกะมากนัก ซินปฏิเสธเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยเป็น เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่นาย ที่ต้องกันคนพวกนี้ออกไป"

                พูดไปผมก็มองนู่นมองนี่ไป โดยที่ไม่ได้สนใจไอ้คนฟังหรอกนะว่ามันจะทำหน้าแบบไหนอยู่ ผมก็บอกมันไปเท่าที่ผมรู้นั่นแหละ ไม่อยากให้ทั้งมันและซินทำงานด้วยกันลำบาก เพราะไอ้กัสมันเป็นเด็กยังไงทุกคนก็รู้ เป็นห่วงทั้งคนรักทั้งน้องนี่แหละครับ

                "รู้จักกันดีจังเน้อะ" ไอ้แสบมันพูดขึ้นผมเลยหันไปมองหน้ามัน ซึ่งมันก็มองผมอยู่เหมือนกัน ก่อนที่มันจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น และยกสองมือขึ้นบิดขี้เกียจ แหงนคอพิงกับพนักพิงม้าหิน เงยหน้าขึ้นมองฟ้า

                "ไม่รู้ได้ไงวะ ทำงานด้วยกันตั้งนาน"

                "อิจฉาเน้อะ ได้ทำงานด้วยกัน แถมยัง..." ผมนิ่งรอให้มันพูดจนจบแต่มันก็ไม่ยอมพูด

                "แถมยังอะไร"

                "เปล่า เดี๋ยวคอยดูนะ จะตีซี้พี่ซินจนให้ลืมพี่นัทไปเลย" ผมหัวเราะกับคำพูดไอ้เด็กน้อยเบาๆ

                ยากว่ะไอ้หนู เรื่องนั้นอ่ะ

                "พี่นัท" เสียงนิ่งที่เรียกชื่อกันทำให้ผมหันไปมองหน้ามันอีกครั้ง

                "หือ"

                "พี่กับพี่ซิน..." คิ้วกระตุกทันทีครับกับคำเกริ่นที่เริ่มขึ้นมาแบบนี้ มันคงไม่ได้รู้เรื่องอะไรมาใช่มั้ย หรือว่าผมแสดงออกมากไป ผมพูดมากไปเหรอเรื่องซิน ก็แค่อยากแนะนำงานน้องก่อนเฉยๆเองนะ เอ๊ะ หรือที่ซินมาวันนั้น หรือว่า....

                ในหัวมันตีกันยุ่งไปหมดครับ ไม่อยากให้มันรู้ เพราะถ้ามันรู้ พ่อกับแม่ของผมก็อาจจะรู้...

                แต่มันก็เกริ่นขึ้นมาแค่นั้น และไม่ยอมถามต่อ

                "อะไรกัส"

                "เป็นแฟนกันเหรอ"

                ........ เหมือนได้ยินเสียงหวูดรถไฟอยู่ในหัว เคยเป็นมั้ยครับ ในหัวมันขาวโพลน คิดอะไรไม่ออกขึ้นมากะทันหัน นี่มันรู้ ตั้งแต่เมื่อไหร่... แล้วพ่อกับแม่ผมรู้มั้ย แล้ว แล้ว...

                "ผมไม่ได้บอกใคร ผมแค่สงสัย เลยอยากจะลองถามพี่ดู" เสียงไอ้แสบลอยเข้ามาในหูทำให้ผมเลื่อนสายตาไปมองมันช้าๆ รอยยิ้มทะเล้นๆของมันหายไปแล้ว

                "เฮ้ย..."

                "ถ้ายังคิดว่าผมเป็นน้อง อย่าโกหก"

                ผมที่กำลังจะกลบเกลื่อนต้องหยุดลงทันทีเพราะคำพูดต่อมาของมัน...

                ใช่ ผมเห็นว่าไอ้กัสเป็นน้อง มันเป็นลูกของเพื่อนพ่อผม ซึ่งผมก็เห็นมันมาตั้งแต่เด็กๆ จนมันเข้ามาในโรงฝึกเนี่ยแหละเลยสนิทกันมากเป็นพิเศษ มันเป็นน้องชายคนหนึ่งที่บอกได้เลยว่าผมรักมัน มีเรื่องทะเลาะวิวาทขึ้นโรงพักผมก็ไปประกันตัวมันออกมา ช่วยกันปิดพ่อแม่มัน แล้วก็พ่อแม่ผมด้วย อีกอย่างมันเป็นเด็กร่าเริง ยิ้มง่าย ไม่แปลกหรอกถ้าใครๆจะเอ็นดู

                มันจ้องผมนิ่งๆ จนเป็นผมเองที่ต้องหันหน้าหนีหลบสายตามัน

                ผมไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้เลย ไม่อยากให้ซินเดือดร้อน แฟนคลับซินชอบเรื่องนี้ก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าถ้าเรื่องจริงๆมันแพร่ออกไป ทุกคนจะเห็นดีเห็นงามด้วย ทุกวันนี้เรื่องคู่จิ้นนั่น เราก็ปล่อยให้บรรดาแฟนคลับเขาคิดหรือจิตนาการกันเอาเอง ซึ่งแบบนั้นมันก็ดีแล้ว และผมก็อยากให้มันเป็นแบบนั้นต่อไป

                แต่ไอ้กัสมันก็น้องผมคนนึง มันจะทำร้ายผมได้ลงคอเลยเหรอ...?

                ...ไม่หรอกมั้ง

                "คิดว่ามันเป็นยังไงมันก็เป็นแบบนั้นนั่นแหละ" ผมเลือกที่จะไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ปล่อยให้มันคิดไปเองน่าจะดีกว่าครับ

                "...งั้นก็คงคบกันอยู่จริงๆ"

                "...." ผมนิ่งมองออกไปข้างหน้าอย่างไม่ได้โฟกัสที่ตรงจุดไหน

                ผมไม่ได้กลัวเรื่องที่ใครจะรู้ว่าผมชอบผู้ชาย ผมไม่กลัวหรอกว่าคนอื่นจะมองผมยังไง ผมแคร์แค่ซิน ไม่อยากให้ใครมองซินของผมไม่ดี และอีกอย่าง ผมแคร์ครอบครัว... ผมไม่รู้ว่าถ้าพ่อกับแม่รู้เรื่องนี้แล้ว พวกท่านจะว่ายังไงนะ จะโกรธผมมั้ยที่ผมคงมีหลานให้พวกท่านอุ้มไม่ได้ แต่จะมีลูกสะใภ้ที่น่ารัก และร้องเพลงเพราะสุดๆแทน

                "ทำไมต้องเป็นพี่ซินด้วยล่ะ เป็นคนอื่นไม่ได้เหรอ" กัสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราวกับว่ากำลังรำพึงรำพันกับตัวเองมากกว่าขึ้นมา แต่ผมดันได้ยิน

                "ถ้าเป็นคนอื่น มันก็คงจะง่ายกว่านี้..."

                นี่มันกำลังพูดเรื่องอะไรครับ... บอกผมที

                "ง่ายสำหรับอะไร...?" อยากบอกนะว่ามัน...

                "พี่นัท... ผม...."   


                 "อย่าบอกนะว่าชอบซิน" ผมรีบถามออกไปก่อนที่มันจะพูดอะไรได้หมด ไอ้กัสนิ่งไปนิด และปล่อยขำก๊ากออกมา

                มีเรื่องอะไรน่าตลกวะ? ผมซีเรียสและจริงจังมากนะ

                "ขำไรไอ้กัส ฉันจริงนะเว่ย"

                "พี่นัทแม่งโง่ป่ะวะ" ไม่ต้องรอให้สมองประมวลครับ มือมันลอยไปตบกระบาลไอ้เด็กปากหมานี่เองโดยอัตโนมัติ

                "ลามปามและมึง สรุปอะไรยังไง พูดมาให้มันชัดเจน"

                "ก็แล้วถ้าผมชอบพี่ซินจริงพี่จะว่าไง"

                "ข้าก็จะกระทืบเอ็งให้ตายตรงนี้แหละ"

                "เพื่อที่ซินนี่ยอมฆ่าน้องเลยเหรอวะ"

                "เออ!!"

                เพราะรู้ว่ามันล้อเล่นก็เลยพูดออกไปแบบนั้น และเพราะคิดว่ามันไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำพูดของผมอยู่แล้ว ก็เล่นหัวกันอยู่ทุกวัน แล้วแบบนี้จะต้องมามัวเกรงใจกันอยู่ทำไม

                แต่หรือว่าผมจะพูดแรงไป เพราะไอ้กัสหน้าจ๋อยลงไปทันที เฮ้ย... ผิดปกติแล้ว

                "เป็นไร อย่าสำออยว่ะ พูดแค่นี้อย่ามาทำจ๋อย"

                "แล้วถ้าผมบอกว่าผมชอบพี่ พี่จะว่ายังไง" ผมชะงักกับประโยคต่อมาของมันที่โผล่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย มันบอกว่าอะไรนะ เช้านี้อากาศดีเหมาะแค่การเล่นน้ำฝน หรือว่า วันนี้ฝนตกเหมาะแก่การตากผ้า

                ผมไม่เข้าใจ มันว่าอะไรนะ...

                "...."       

                "พี่นัท..."

                "เฮ้ย แม่ให้ไปหานี่หว่า ลืมไปเลย" ผมพูดก่อนที่จะรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวนั้น ตอนนี้ ผมยังไม่พร้อมจริงๆ

                ยัง... ไม่อยากได้ยินอะไร

                แต่ก่อนที่ผมจะเดินไปไหนได้ อีกคนกลับรั้งแขนผมเอาไว้ก่อน ทั้งๆที่มันยังคงนั่งอยู่ที่เดิมแบบนั้น ผมตัวแข็งไปเลย ความรู้สึกตอนนี้ อยากจะสะบัดออกก็ไม่ใช่ แต่ก็ไม่ได้อยากให้จับอยู่อย่างนี้ แต่ตอนนี้แขนมันหนักมากจริงๆครับ หนักไปทั้งแขน หนักไปทั้งตัว หนักไปทั้งใจ...

                "วันนี้คุณป้าไม่อยู่... อยู่แต่ลุง"

                เออ... จริงด้วย แม่ผมออกไปหาเพื่อน ลืมไปซะสนิท เอาไงดีล่ะทีนี้

                "คุยกันก่อนได้มั้ย" น้ำเสียงของคนที่เคยร่าเริงมาตลอดหม่นลงไปอย่างเห็นได้ชัด

                แต่ผมยังไม่พร้อม เรื่องนี้มันบ้าชัดๆ มันอาจจะกำลังแกล้งผมอยู่ก็ได้ จะเป็นไปได้ยังไง ก็ผมเห็นมันอยู่ทุกวัน ไล่เตะไล่ต่อยกันมาทั้งแต่มันยังเด็กๆ แล้วเรื่องแบบนี้มันจะเป็นไปได้ยังไง ไม่จริงอ่ะ...

                ผมส่ายหัวไปมา และดึงแขนออกจากมือกัส ผมจำเป็นจะต้องไปจากตรงนี้ อยู่ตรงนี้ ไม่ไหวแล้ว

                แต่ทันทีที่ผมก้าวขาออก ไอ้กัสก็วิ่งอ้อมมาดักหน้าผมเอาไว้ พร้อมกับกางแขนออกทั้งสองข้าง

                "ผมชอบพี่ ชอบมานานแล้ว แล้วก็ชอบมากด้วย ผมไม่ได้คิดที่จะบอกเพราะผมกลัว... ผมกับพี่เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ เลยคิดว่าเรื่องแบบนี้อาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าพี่กับพี่ซินกลับ... ผมก็เลย..."

                "พอแล้ว! ฉันว่าวันนี้แกอาจจะกินยาผิดขวดมา หรือว่าอาจจะเดินชนเสา หรือว่าอะไรก็แล้วแต่ ช่างหัวมัน! ถือซะว่าฉันไม่ได้ยินที่แกพูดเมื่อกี้นี้แล้วกัน ฉันจะกลับขึ้นห้อง แล้วคิดซะว่าเราไม่ได้มาที่ตรงนี้กัน" ผมพูดโดยที่เหม่อมองออกไปด้านหลังกัส ไม่กล้ามองหน้ามันจริงๆครับ

                แค่จะก้าวขา ยังแทบจะยกเท้าไม่ขึ้นเลย นี่มันบ้าชัดๆ...

                แขนสองข้างของกัสหุบลงช้าๆ ในขณะที่ผมเดินผ่านมันออกมา และทิ้งมันเอาไว้เบื้องหลัง ผมอาจจะกำลังฝันอยู่ ตอนที่พ่อมาหาผมที่ห้องและออกไป ผมไม่ได้ลงมาที่ยิม แต่ผมนอนลงและหลับไป ผมไม่ได้เจอไอ้กัส หรือพูดคุยเรื่องอะไรกับมันทั้งนั้น ไม่ได้รู้ ไม่ได้รับฟัง ...ว่ามันชอบผม

                มารู้ตัวอีกที ผมก็กลับขึ้นมาบนห้องนอนซะแล้ว ทิ้งตัวลงกับเตียงอย่างหมดแรง

                ทำไม... ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไมต้องเป็นมัน...

                ทำไมมันถึงต้องชอบผม แล้วทำไมผมถึงไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลย...

                แล้วผมจะรู้ได้ยังไง มันไม่เคยมีท่าทีที่แสดงไปทางแนวนั้นมาก่อนเลย ไม่เคยเลย น้องของผม ที่ผมรักเป็นห่วงมันในฐานะน้องชาย ...ชอบผม ผมควรจะทำยังไงดี ปล่อยให้มันเลยผ่านไปอย่างที่ผมบอกมัน ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อะไรต่อไปดีมั้ย หรือผมควรจะห่างจากมันไปเลย

                ผมทำตัวไม่ถูกจริงๆนะ ต่อไปนี้ผมจะมองหน้ามันได้ยังไงโดยที่ไม่นึกถึงเรื่องวันนี้ จะต้องทำยังไงถึงจะลบคำว่าชอบที่มันบอก ออกไปจากหัวผมได้

                "โอ้ยยยยย" ถึงกับต้องฉีกทึ้งหัวตัวเอง

                แต่ก่อนที่ผมจะกระชากหัวตัวเองหลุดติดมือมาเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นซะก่อน เป็นโทรศัพท์ที่มาจากงานใหม่ในวันพรุ่งนี้ โทรมาบอกรายละเอียดต่างๆที่ผมต้องทำ ผมต้องออกจากบ้านตั้งแต่สิบโมง เพื่อไปรับคุณโอลีฟ ซึ่งผมได้เห็นหน้าตาเธอจากที่พ่อเอามาให้ดูแล้ว สวยสมเป็นดาราดังแหละครับ ผมต้องไปรับเธอไปที่ร้านทำผม แต่งหน้า และทุกๆอย่างเพื่อทำให้เธอสวยที่สุด และพาเธอเข้างานตอนบ่ายสามโมง ไม่ทราบว่าแต่งตัวอะไรกันนานขนานนั้นครับ ลอกผิวออกมาทำความสะอาดหรือไง ซินของผมไม่เห็นนานขนาดนี้เลย

                เมื่อนัดแนะกับผู้จัดการของทางฝ่ายนู้นจนสำเร็จผมก็วางสายไป กลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง

                ไม่รู้ทำไม อยากได้ยินเสียงซินขึ้นมาซะอย่างนั้น ไม่รอช้า ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเขาทันที แต่คราวนี้ปลายสายกลับไม่รับโทรศัพท์ อาจจะเข้าห้องน้ำอยู่ รออีกสักพักค่อยโทรไปละกัน...

                ผมทิ้งตัวลงนอนกับเตียง มองเพดานสีขาวอยู่อย่างนั้น

                นอนเล่นไปได้สักพัก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ชื่อคนโทรเข้าทำให้มุมปากผมยกขึ้นในทันที

                "โทรหาเค้า คิดถึงเค้าเหรอ"

                (งั้นแค่นี้นะ)

                "ซินอ้ะ เอะอะก็จะวาง"

                (ก็กวนประสาทกันก่อนทำไม)

                "ยอมรับว่าคิดถึงกันบ้าง"

                (จะให้คิดถึงอะไรกันบ่อยๆ ก็เพิ่งจะคิดถึงกันไปเมื่อกี้)

                "ฉันคิดถึงนายทั้งวันนั่นแหละ ...อยากกอดจังเลยซิน" อยากเห็นหน้า ไม่ได้อยากได้ยินแค่เสียงเลย อยากกอดตัวนุ่มๆของซิน แล้วก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปเลย ไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว มีแค่ซินคนเดียวก็พอ

                (เป็นอะไรเนี่ย โทรมาอ้อนกันทำไม)

                "คิดถึง"

                (รู้แล้วๆ คิดถึงขนาดนั้นก็มาหาเลย)

                "อย่าล้อเล่น เดี๋ยวทำจริงนะ"

                (ป๊าอยู่นะ กล้าเหรอ)

                "ไม่เคยกลัวอยู่แล้ว"

                (หึหึ) เสียงหัวเราะจากปลายสายทำให้ผมยิ้มตาม

                "ซิน... สมมติว่าถ้าคุณโอ๊ตแอบรักซินอ่ะ ซินจะทำยังไง"

                (ห๊ะ) ผมได้ยินเสียงอุทานจากอีกฝ่ายดังลั่นอย่างตกใจ เฮ้ย... อะไรจะตกใจปานนั้น

                (นัทพูดเรื่องอะไรอ่ะ พูดภาษาซาอุดิอาราเบียหรือเปล่าเมื่อกี้นี้) เห็นมั้ยครับ ขนาดซินที่ไม่ใช่คนตลกยังเล่นมุขเลย เรื่องแบบนี้ทำให้ช็อกจนคนเปลี่ยนได้เลยเห็นมั้ย

                "มุกนี้ฮามากครับซิน ขอขำให้สามที ฮะ ฮะ ฮะ เอาล่ะ ที่นี้ตอบคำถามได้แล้ว"

                (กวนตีนมากครับนัท)

                "ไม่เอา ไม่กวนกันดิ อยากรู้คำตอบจริงๆ ถ้าคุณโอ๊ตชอบซินซินจะทำไง"

                (นัทจะบ้าเหรอ พี่โอ๊ตจะมาชอบเราได้ไง ตลกแล้ว พูดเรื่องอะไรเนี่ย ขนลุกว่ะ)

                "บอกว่าสมมติไง สมมติ"

                (ไม่ต้องสมมติอ่ะ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก)

                "แล้วถ้ามันเป็นไปจริงๆอ่ะ"

                (เราก็จะบอกเขาไปตรงๆว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะพี่โอ๊ตมีลูกมีเมียแล้ว)

                "เฮ้ยจริงดิ!" ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณโอ๊ตมีลูกมีเมียแล้ว จริงดิ เรื่องใหม่สำหรับผมเลยนะเนี่ย เห็นแกทำตัวชิลๆเปรียบเสมือนไม่มีพันธะ

                (เปล่า เราหลอก)

                = =

                "ซินครับ ไม่ใช่เวลาเล่นมุกจริงๆ"

                (ก็เห็นเสียงเครียดเลยอยากให้หัวเราะ ไหน บอกมาซิว่าเป็นอะไร ใครแกล้งครับ)

                "เด็กแถวหน้าปากซอยมันปล่อยยางรถ มาจัดการให้หน่อย"

                (ถามจริง!?)

                "อืม"

                (สมน้ำหน้า แล้วไปจอดรถอีท่าไหนน่ะ)

                ดูท่าทางจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วครับ ออกทะเลไปทุกทีและ น่าแปลกที่วันนี้คนสวยของผมเล่นมุกไม่ยั้งเลย ปกติไม่ใช่อย่างนี้เลยนะเนี่ย

                "เป็นไรป่ะเนี่ย วันนี้มาแปลกนะ"

                (นัทนั่นแหละเป็นอะไร ทำไมดูเครียดๆ เรื่องวันพรุ่งนี้เหรอ ไม่เป็นไรหรอกน่า ยังไงก็ได้เจอ)

                "ได้เจอ แต่เข้าใกล้ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ต่างกันอ่ะ"

                (ถามจริงๆนัท เป็นอะไร วันนี้งอแงนะ มีอะไรหรือเปล่า) เสียงซินนิ่งขึ้นมานิดนึงเพื่อที่จะเริ่มหาสาระให้การสนทนาครั้งนี้

                "มีเรื่องนิดหน่อย"

                (เกี่ยวกับที่พี่โอ๊ตชอบเรามั้ย)

                "เกี่ยวนิดนึง"

                (แล้วเราต้องกลัวมั้ย)

                "กลัวอะไรครับ"

                (กลัวว่าจะมีใครมาแย้งนัทไป)

                จากที่อารมณ์ขุ่นๆอยู่ยิ้มออกทันที

                "จะกลัวทำไมครับ ไปไหนไม่รอดอยู่แล้ว ขอตายในอกซินนี่แหละครับ"

                (แหม ควรจะดีใจดีมั้ย)

                "ซิน... คืนนี้นัทไปหาได้มั้ย แอบลงมาเปิดประตูให้หน่อยสิ" เกิดอยากเย้ยฟ้าท้าตายขึ้นมาซะอย่างนั้นครับ เรื่องวันนี้ทำให้ผมเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ

                (จะบ้าเหรอ จะมาทำไม)

                "น่านะ มีเรื่องไม่สบายใจ อยากเจอ"

                (งั้นก็มาตอนนี้ จะมาทำไมตอนกลางคืน)

                "อยากนอนกอด แล้วก็..."

                (พอเลย ไม่ต้องพูด พรุ่งนี้เรามีงาน ไม่ต้องมา อีกอย่าง ป๊าเจอเข้าแล้วจะยุ่ง)

                "ไม่เจอหรอก เดี๋ยวตอนตีสี่ตีห้านัทก็กลับไง ก่อนป๊าซินจะตื่น ไม่เจอหรอก"

                (แต่พรุ่งนี้เรามีงาน)

                "นะครับ..." เล่นลูกอ้อนที่มักได้ผลเสมอ... ซินเงียบไปพักนึงก่อนจะตอบกลับมา

                (ตามใจ... อยากมาก็มา)

                >///< อนุญาตง่ายแบบนี้แอบคิดอะไรป่ะเนี่ยซิน... แต่ไม่กล้าถามครับ เดี๋ยวอด หลังจากนั้นเราก็คุยกันอีกสองสามคำก่อนที่ผมจะวาง หันมาดี้ด้าที่จะได้ไปหาซิน และพยายามลืมเรื่องที่ไม่อยากจะจำ...

                วันพรุ่งนี้จะเป็นยังไงกันนะ... ช่างเถอะ ไม่อยากสนใจ เพราะคืนนี้ผมจะไปหาเมีย! >< พูดแล้วเขินเลย อย่าบอกซินนะว่าผมเรียกเขาแบบนี้ เดี๋ยวโดนฆ่าตาย ฮ่าๆๆ

                หัวเราะได้สองสามทีก็ต้องกลับมาเสียงแหบเสียงแห้งตามเดิม โอ้ยยย เครียดโว้ยยยยย - -

                เกิดเป็นไอ้นัทนี่มันมีแต่เรื่องปวดหัว!!!     





TBC.
...
น้องกัส ... T..T
ไม่เอาไม่สปอย ฮ่าๆๆๆ

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นเช่นเคยค่าาา

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
น่ารักๆๆๆๆ
กัสอย่าสร้างเรืี่องเลยนะ

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
แอบสงสารน้องกัสนะคะหาคู่ให้น้องที555//นัทหื่นตลอดแอบไปหาซินระวังจะเจอป๊าซินนะ

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ทำไมเราสงสารน้องกัสอ่ะ :sad11: กัสมันไม่ได้ผิดไรแค่มันไปรักคนที่เค๊ามีคนที่รักอยู่แล้วเอง

คงเจ็บน่าดูเลย แต่กว่าพี่นัทซินจะได้กลับมารักกันอีกแบบนี้ เค๊าทรมานมากเลยนะ

ความรักของพี่นัทซินเลยหนักแน่นแต่พี่นัทแค่ลำบากใจ พี่นัทเต็มปากเต็มคำมากไปนะคะ o18

ออฟไลน์ fafin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องกัสจะมาป่วนแค่ไหนเนี่ย    :serius2:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :hao7:


ห๋าาาาาาาาา

Mauve

  • บุคคลทั่วไป
เห็นใจกัสนะ :mew2:

แต่อยากให้ถึงตอนกลางคืนแล้วอ่ะ  :hao5:

ออฟไลน์ toshika

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 819
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-4
อย่ามาม่าก็็พอ กำลังอิ่มจ้ะ

พี่ซินน่ารักเวลาคุยโทรศัพท์อ่ะ เขิลล์ :mew1:

Eucalyp

  • บุคคลทั่วไป
17

((ระแวง))



                ด้วยความกล้าและบ้าบิ่น ตอนนี้ผมมายืนอยู่ที่บ้านซินเรียบร้อยแล้วครับ วันนี้ขับไอ้ลูกชายมา เอามาจอดแอบๆไว้ที่หัวมุมบ้านซิน มันมีต้นไม้บังอยู่ ไม่น่าจะหาย ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว ทั้งบ้านปิดไฟหมดแล้ว ยกเว้นห้องของซินที่ผมกำลังยืนมองอยู่ตรงนี้ที่ยังคงมีแสงไฟสลัวๆจากโคมไฟหัวนอนอยู่ ไม่ต้องยืนบริจาคเลือดให้ยุงนานคนสวยของผมก็เดินมาเปิดประตูให้

                ผมเดินตามหลังซินเข้าไปในบ้านเงียบๆ ความรู้สึกเหมือนเด็กแอบทำความผิดเลยอ่ะ เหมือนกำลังจะหนีพ่อกับแม่ไปเที่ยวผับตอนกลางคืนกับเพื่อนเลย ต่างกันตรงที่ผมกำลังแอบย่องขึ้นหอกับซิน >.,<

                ทันทีที่ซินปิดประตูห้องผมก็คว้าเขามากอดจากด้านหลัง กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวซินที่ผมคุ้นเคยทำให้สมองผมที่มันตึงเครียดมาทั้งวันผ่อนคลายลง คิดถึงมากจริงๆ

                "อื้อ นัท... อย่าสิ" ซินย่นคอหนีและปลดแขนผมออกเมื่อผมเริ่มซุกไซ้ไปที่ซอกคอขาว และเดินหนีไปยังเตียง ผมจึงเดินตามไปนั่งกอดเขาต่อ

                "เป็นอะไรเนี่ย อ้อนจัง" เสียงหวานถามขำๆก่อนจะเอนตัวลงมาพิงที่หน้าอกผม ผมจึงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

                "คิดถึง"

                "ก็พอจะรู้ ไม่งั้นคงไม่ดั้นด้นมาจนถึงนี่ แต่ปกติเห็นทนได้ ทำไม...คราวนี้ทนไม่ไหวหรือไง"

                "อื้อ ทนไม่ไหว จัดเลยมั้ย" ผมแกล้งทิ้งตัวลงบนเตียงโดยลากเขาลงมาด้วย ทำให้คนตัวเล็กดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมา

                "ไอ้บ้านี่! ทะลึ่งตลอด" มือเรียวเอื้อมมาตีแขนผมดังเพียะก่อนจะเขยิบไปนั่งไกลๆ

                "ซิน มาใกล้ๆหน่อย อยากกอด" ผมตบเตียงข้างๆตัวเรียกเขามาใกล้ๆ แต่ซินกลับเบ้ปากและส่ายหน้า

                "ไม่เอา ไม่ปลอดภัย"

                "แหม ก็น่าจะรู้ว่าไม่ปลอดภัยตั้งแต่ยอมให้มาแล้วล่ะ" ในเมื่อเขาไม่เขยิบมา ผมไปหาเขาเองก็ได้

                คว้าซินเข้ามากอดอีกครั้ง โดยที่ครั้งนี้อีกฝ่ายยอมอย่างว่าง่าย แถมยังยกมือขึ้นมาลูบแขนผมเล่นไปมาอีก

                "มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ บอกเราได้นะ"

                "มีเรื่องให้คิดมากนิดหน่อย"

                "เรื่องอะไร" หัวทุ่ยเงยหน้าที่พิงอกผมอยู่ขึ้นมามอง ผมเลยบีบจมูกโด่งๆนั่นไปเบาๆ

                "ไม่บอกหรอก" ผมบอกเขาไปแบบนั้นก่อนจะบีบจมูกเขาและส่ายไปมา

                ที่ไม่อยากบอกไม่ใช่เพราะกลัวจะโกรธ แต่ผมไม่อยากให้ซินไม่สบายใจ อีกอย่างพรุ่งนี้ทั้งสองคนต้องทำงานร่วมกัน ผมไม่อยากให้ซินอึดอัด ไม่รู้ว่ากัสจะวางตัวแบบไหนในวันพรุ่งนี้ แต่ผมมั่นใจได้ว่าพ่อผมสอนมันมาดี เรื่องงานก็ส่วนเรื่องาน เรื่องส่วนตัวก็ส่วนเรื่องส่วนตัว กัสน่าจะแยกแยะได้ น้องคงไม่ทำให้ซินลำบากใจ

                ผมคิดว่างั้นนะ...

                "ไม่บอกก็ไม่ต้องบอก ไม่ได้อยากรู้" มือเรียวปัดมือผมออกจากจมูกเขา และคว้ามือข้างนั้นไปคลึงเล่น ผมก็ปล่อยให้เขาจับนิ้วผมเล่นไปมาอยู่อย่างนั้น การที่ได้อยู่กับซินแบบนี้ ทำให้ผมรีบเรื่องแย่ๆไปเลยครับ แค่ได้อยู่ใกล้ๆซิน ผมก็มีความสุขแล้ว เพราะแบบนี้ไง วันนี้เลยกล้าตายมากเป็นพิเศษ

                "ซินรู้จักโอลีฟมั้ย" ผมถามเขาถึงนายจ้างคนใหม่ของผมวันพรุ่งนี้ ซินอาจจะเคยเห็นเขาผ่านหน้าผ่านตามาบ้าง

                "รู้จัก เคยเจอกันครั้งนึงตอนงานประกาศรางวัลซีดอวอร์ด"

                "เป็นไง สวยมัย"

                "เซ็กซี่"

                "อืมมม ดีจัง" ผมลากเสียงยาวและพยักหน้าด้วยความพอใจ มือเล็กจิกเล็บลงบนหลังมือผมทันที

                "โอ๊ยยย ซิน เจ็บนะ! ฮ่าๆ ทำไม หึงเหรอ"

                คนสวยเหลือบมามองผมตาเขียวปั้ด และปัดมือผมทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย

                "ไม่เคยหึงอยู่แล้ว" น้ำเสียงอวดดีมาอีกแล้วครับ

                "ให้มันจริง..."

                "เพราะพรุ่งนี้พี่ดิวก็ไป"

                "อะไรน๊ะ!!"

                แหม ถึงแม้ว่าจะพูดเรื่องของบุคคลนี้เคลียร์ไปแล้วก็เถอะ แต่มันก็อดหงุดหงิดไม่ได้จริงๆทีได้ยินชื่อนี้ มันโผล่มาอีกแล้วครับ

                "เขาก็ได้รับเชิญไปในฐานะช่างภาพ ไม่เห็นจะแปลก" ผมหรี่ตามองซินนิดๆ ดันร่างบางนอนราบลงกับเตียงด้วยความไวแสงและตามไปคร่อมเขาเอาไว้

                ซินเบิกตากว้างทันที

                "ทำบ้าอะไร" กลีบปากสวยกัดฟันเอ่ยถามผมเสียงค่อย

                "อยากยั่วกันทำไม" ผมถามเขาด้วยรอยยิ้มกวนๆ พร้อมๆกับที่ลดใบหน้าต่ำลงเรื่อยๆ จนปลายจมูกเราชนกัน

                "ไม่ได้ยั่วซะหน่อย" ไม่ได้ยั่วเลยครับ ทำเสียงเซ็กซี่ใส่กันขนาดนี้ไม่ได้ยั่วเลย

                “งั้นฉันยั่วเอง...”  พูดจบผมก็ประกบปากเข้าหาเขาทันที โดยที่ซินเองก็เผยอปากรับสัมผัสรุกรานจากผมเช่นกัน

                ริมฝีปากเราบดเบียดเข้าหากันโดยที่ไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่ซินจะเป็นฝ่ายผลิกตัวและดันขึ้นมาอยู่บนตัวผมแทน เล่นเอาผมตาค้างไปเลยครับ ซินกัดริมฝีปากล่างของผมที่หยุดไปซะเฉยๆ และเป็นฝ่ายรุกร้ำเข้ามาหาผม สองมือผมยกขึ้นจับเอวบางเอาไว้ ลูบไล้ไปมา ผมปล่อยให้เขาจูบนำอยู่อย่างนั้น และสอดมือเข้าชายเสื้อชุดนอนตัวบางของซิน สัมผัสเอวคอดที่ไม่มีสิ่งใดบดบัง

                ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้นกับซินของผม ถึงได้กล้ามากขนาดนี้ แต่ผมก็เลือกที่จะปล่อยเลยตามเลยมากกว่าที่จะถามอะไรออกไป เพราะเกรงว่าโอกาสที่หายากแสนยากแบบนี้จะต้องจบลง ร่างบางกระตุกน้อยๆ เมื่อผมสะกิดผ่านตุ่มไตเล็กๆบนอกเขา และเลื่อนลงต่ำมาเรื่อยๆจนถึงขอบกางเกงนอนตัวเก่งของซิน และค่อยๆร่นมันลง พร้อมๆกับที่ริมฝีปากหวานของซินละออกจากผมและเลื่อนลงมาที่ลำคอ

                ลิ้นเล็กแตะที่ลำคอของผมเบาๆ แต่ด้วยสัมผัสเพียงเบาบางเช่นนั้นกลับปลุกไฟในตัวผมให้ลุกโชน ดันตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วทำเอาร่างเล็กที่อยู่บนตัวผมผวาขึ้นมาเกาะคอผมเอาไว้อย่างตกใจ

                “อ๊ะ” ซินร้องออกมาได้แค่นั้นเพราะผมดันเข้าไปจนติดหัวเตียงและบดเบียดริมฝีปากเข้าหากลีบปากสวย ซอกซอนชอนไชเรียวลิ้วเข้าสำรวจจนทั่วโพร่งปากร้อน กางเกงนอนตัวบางถูกถอดเหวี่ยงกระออกไปข้างเตียงพร้อมๆกับกางเกงซับในตัวเล็ก ตามด้วยผมที่เข้าครอบครองส่วนอ่อนไหวของซิน

                “อ๊ะ... อ่า....” เสียงหวานครางกระเส่าเมื่อได้รับสัมผัสที่ถูกใจ ก่อนที่มือเรียวจะคว้าตะครุบปากตัวเองเอาไว้อย่างตกใจ ก็ห้องซิน ไม่ได้เก็บเสียงนี่ครับ...

                ผมลากไล้ปลายลิ้นขึ้นลงตั้งแต่โคนจรดปลาย และดูดเม้มที่ส่วนปลายเบาๆ ระเรงลิ้นอยู่ตรงส่วนนั้น เล่นเอาตัวคนที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่บิดตัวเล่าๆในทันที 

                “อื้อ... นัท ยะ อย่าแกล้ง...”

                เมื่อได้ยินเสียงหวานขาดห่วงผมก็เร่งจัวหวะในการขยับปากมากยิ่งขึ้น มือเรียวสวยเอื้อมมาขยุมหัวผมไว้อย่างลืมตัว และดันหัวผมเบาๆเพื่อให้ผมขยับไปตามที่เขาต้องการ ร่างบางเริ่มเกร็งตัว และดันหัวผมเร็วขึ้น แต่ยังครับ...

                ครั้งนี้ ผมยังไม่ให้เขาไปก่อน ทันทีที่คิดได้แบบนั้นผมก็หยุดการเคลื่อนไหวลง และถอนริมฝีปากออกจากแท่งร้อนของซิน ดันตัวขึ้นจูบเขาเบาๆ คนตัวเล็กกว่าจิ๊อย่างขัดใจ และบดริมฝีปากเข้าหาผมอย่างแรง

                “นัท... เราไม่ไหว” เสียงหวานที่เลื่อนมากระซิบข้างหูกันเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าแดงแปร๊ด ทำเอาผมยิ้มปากแทบจะฉีกไปถึงใบหู ก็เคยเห็นซินเชิญชวนขนาดนี้ที่ไหนกันครับ

                “แล้วอยากให้นัททำยังไงครับ” เลยอดไม่ได้จริงๆที่จะแกล้งแหย่เขาออกไป ปากบางไม่ตอบแต่กลับเคลื่อเข้ามางับปากล่างผมไปกัดเบาๆแทน

                เรียกเสียงหัวเราะในลำคอจากผมได้ไม่ยากเลยครับ ก็ถ้าจะอ้อนกันได้น่ารักขนาดนี้อ่ะนะ

                “อยากให้จูบเหรอ” ผมถามเขาทั้งที่ปากเรายังไม่ห่างกัน...

                คนสวยตีหน้ายุ่งและถอยหน้าออกไปทันที เอาแล้วไง... มาดนางพยามาอีกแล้ว

                และก่อนที่ผมจะได้แหย่อะไรเขาต่อ ผมกลับต้องเป็นฝ่ายช็อคแทนเมื่อมือเรียวดันอกผมลงกับเตียงอย่างแรง และกระชากเสื้อยืดผมออกอย่างง่ายดาย ลิ้นเล็กตามมาแตะสัมผัลลากวนไปมาบนหน้าอกผม

                “อืมม” เก็บอาการไม่ทันกันเลยทีเดียว

                เฮ้ย... ผมว่าซินกินยาผิดขวดแน่ๆเลยครับ ใครเอาอะไรให้ลูกแมวน้อยของผมกินจนกลายเป็นนางแมวยั่วสวาทแบบนี้เนี่ย

                ริมฝีปากเล็กเลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆพาอารมณ์ผมกระเจิดกระเจิงไปหมด จนมือบางแตะเข้าที่ขอบกางเกงผมเท่านั้นแหละ รีบไปคว้าตัวบางขึ้นมาแทบไม่ทัน

                “พอแล้วครับ”

                “ทำไม...” ดวงตากลมโตเงยขึ้นมาถามกัน แก้มนั่นก็แดงจนไม่รู้ว่าจะแดงยังไงแล้วครับ บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่านี่ใคร! เอาซินตัวจริงของผมไปซ่อนไว้ที่ไหน

                “พอแล้วนะ ซินไม่ต้องทำขนาดนี้หรอก นัทแหย่เล่น” ผมยิ้มให้เขานิดๆ จูบลงไปบนหน้าผากมนเบาๆ แต่เพราะเสียงหวานที่บ่นอุบอิบออกมาทำให้ผมกดเขาลงกับเตียงอีกครั้งแทบไม่ทัน

                “...รู้ว่าอยากโรแมนติก แต่เราไม่ไหวแล้วนะ อึดอัด...”

                แบบนี้มันต้องจัดทั้งคืน!!

 
                ภายในห้องสี่เหลี่ยมสีนวลที่เปิดแอร์จนเย็นเฉียบแต่กลับไม่สามารถกลบความร้อนภายในกายจากคนสองคนได้เลย ร่างสองร่างที่กอดรัดกันอยู่บนเตียงด้วยความรักใคร่ เหงื่อไครที่ไหล่หยดลงบนกายของกันและกัน ลมหายใจร้อนปัดเป่าความทุกข์ที่เคยบดบังอยู่ออกไปจนหมด นี่หรือเปล่านะ ที่เขาเรียกว่าอานุภาพแห่งรัก...

                  ผมมองใบหน้าหวานที่คิ้วขมวดมุ่นเพราะความรู้สึกที่มีตอนนี้ ซินตอนนี้เซ็กซี่เกินกว่าที่ผมจะคาดสายตาได้จริงๆ ไหนจะยังเสียงหวานๆของเขาที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่เม้มเขาหากันจนแน่น คางมนเชิดขึ้นทุกครั้งที่ผมพาตัวเองเข้าไปจนสุด มือเล็กจิกลงบนแขนและหลังผมเพื่อระบายอารมณ์ที่กำลังท่วมท้นอยู่ตอนนี้

                สวย... สวยมากจริงๆครับ

                ไม่ใช่ว่าผมหลงไหลซินจนไม่ว่ามองอะไรเขาก็สวยไปหมด แต่ซินของผมสวยจริงๆครับ ซินคนนี้ที่มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่ค้นพบ

                “อื้อ...นัท...” เสียงเรียกชื่อจากเขาครั้งแลวครั้งเล่าทำเอาผมแทบคลั่ง และเร่งจังหวะขึ้นตามแรงอารมณ์ที่เริ่มจะอดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จนคนด้านล่างดิ้นพล่าน ผมใส่จังหวะสุดท้ายเข้าไปจนสุดสองสามครั้ง และปลดปล่อยออกมาพร้อมๆกันกับซิน...

                ความปรารถนาที่มีถูกปลดปล่อยออกไป ก่อนที่ความปรารถนาครั้งใหม่จะก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง

                ผมไม่รู้ว่าคืนนี้ผมกอดซินไปกี่ครั้ง แต่ไม่ว่าผมจะกอดซินเท่าไหร่ หรือว่ากอดแน่นแค่ไหน ผมกลับรู้สึกว่ามันยังไม่พอ... ผมต้องการเขามากขึ้น ทุกวัน ทุกเวลา ทุกนาที..


                 "...."

                "น...ท..."

                "...นัท"

                ผมค่อยๆปรือขึ้นมาตามเสียงเรียกกับแรงเขย่าแขนเบาๆของซิน คนสวยที่ผมยุ่งเหยิงอย่างคนเพิ่งตื่นนอน ตีสีหน้ายุ่งนั่งอยู่ข้างผม เพลียจริงๆครับ แทบไม่อยากลุกจากเตียงเลย สงสัยเพราะเมื่อคืนเสียน้ำเยอะ -,,-

                 "ตื่นได้แล้ว ตีสี่แล้วเนี่ย เดี๋ยวป๊าตื่นขึ้นมาแล้วจะยุ่ง"

                "อืม.." ผมรับคำเบาๆก่อนจะลุกขึ้นนั่ง พลางสะบัดหัวไปมาไล่ความมึน

                "ไปล้างหน้าล้างตาแล้วแต่งตัวเร็วๆเข้า เราจะไปได้นอนต่อ เดี๋ยวไปทำงานไม่ไหว"

                ผมยิ้มกริ่มหันไปมองหน้าซิน

                "ไปทำอะไรมาเหรอ ถึงจะไม่ไหว" แซวเขาไปแบบนั้นก็ได้รอยข่วนจากแม่แมวยั่วสวาทที่สิ้นฤทธิ์มาอีกหนึ่งที

                "ไปได้แล้ว เร็วๆเลย" คนสวยขี้อายดันผมลงจากเตียงและล้มตัวลงนอนต่อ ผมเลยเดินไปจุ๊บปากเขาหนึ่งทีอย่างหมั่นไส้และเดินเข้าห้องน้ำไป

                .................

                หลังจากที่ซินเดินลงมาส่งผมก็ขับรถกลับบ้านอย่างรวดเร็ว ขอนอนต่ออีกสักหน่อยแล้วกันครับ ไม่งั้นเดี๋ยวไปยืนหลับแน่ๆ ยิ่งถนนโล่งๆแบบนี้ บิดได้เต็มที่เลยครับ แต่พอขับมาได้สักพัก คำพูดของใครบางคนตอนก่อนออกมาก็ลอยเข้าในหัว

                'ถ้ารู้ว่าขับรถเร็ว จะแช่งขอให้แฟนไม่รัก' ใบหน้าหวานตอนชี้หน้าคาดโทษกันลอยมาทันที

                อุ่ย... ชะลอแทบไม่ทัน

                ทันทีที่ถึงบ้านก็หลับเป็นตาย แทบจะไม่อยากเห็นเดือนเห็นตะวัน แต่สุดท้ายก็ต้องตื่น เพราะมีงานที่ต้องทำ หลังจากที่ลากสังขารตัวเองขึ้นจากเตียง แต่งเนื้อแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยก็ลงมาที่ด้านล่าง แต่ก็ต้องชะงักขาหยุดอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย เพราะไอ้คนที่มันนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นพ่อสองคน

                มันแต่งชุดพร้อมทำงานเรียบร้อยแล้วครับ เพิ่งเคยเห็นมันใส่ชุดนี้ครั้งแรกนี่แหละ ดูดีที่เดียวเลย เหมาะกับมันมากๆ เพราะมันเป็นคนตัวสูง และหุ่นดีด้วยแหละ แต่ขอโทษ...หล่อน้อยกว่าผมว่ะ เห็นมันวางท่าบอดี้การ์ดแล้วอดขำไม่ได้จริงๆพอนึกถึงตอนที่มันพยายามจะลอบทำร้ายผม หึหึ ไอ้เด็กน้อยเอ๊ยยย

                แต่แล้วความคิดทั้งหมดก็หยุดลงเมื่อกัสเงยหน้าขึ้นมาเจอผมเข้า ความรู้สึกกระวนกระวายที่ถูกส่งออกมาทางสายตาทำเอาเรื่องที่หลังโรงฝึกนั่นตามมาหลอกหลอนผมทันที

                เมื่อเห็นว่ามันกำลังจะขยับปากพูดอะไรสักอย่าง ผมก็รีบชิ่งพูดขึ้นตัดหน้ามันซะก่อน     

                "พ่อ ผมไปแล้วนะ" ยกมือไหว้พ่อเสร็จ ผมก็เดินออกจากบ้านทันที ไม่ได้สนไปไอ้กัสที่มองตามหลังมา ทั้งๆที่คิดว่าจะลืม ทั้งๆที่คิดว่าจะทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม แต่มันก็ไม่ง่ายเลยจริงๆ...

                ผมจอดรถที่หน้าบ้านของนายจ้างคนใหม่ที่นัดผมเอาไว้ ไม่นานร่างบางในชุดเซ็กซี่นิดๆก็เดินออกมา ผมรีบก้าวลงจากรถเพื่ออ้อมไปเปิดประตูให้เธอ

                โอลีฟหันมายิ้มให้ผมนิดๆก่อนจะเดินขึ้นรถมา สวยจริงๆแหละครับ แล้วก็เซ็กซี่เหมือนที่ซินบอกเป๊ะๆเลย

                ผมกลับขึ้นมาบนรถอีกครั้ง และออกรถมา ไม่นานก็ถึงร้านที่โอลีฟนัดเอาไว้ หลังจากนี้ก็หมดหน้าที่ของผมแล้วครับ ทำได้แค่นั่งคอยอย่างเดียวแล้วตอนนี้

                แต่ตอนนี้ไอ้นัทกำลังมีปัญหาอีกแล้วครับผม... คือว่า ร้านนี้ประชากรพนักงานส่วนใหญ่เป็นชายไทยหัวใจสาวครับ เข้าใจใช่มั้ย แล้วตอนนี้ก็ยังค่อนข้างเช้าอยู่ ลูกค้าคนอื่นเลยยังไม่ค่อยมี ทีนี้พนักงานก็ว่างงานสิครับ คือผมก็ไม่เข้าใจอ่ะนะว่าที่ในร้านก็มีเยอะแยะ แต่จะมาเดินเฉียดอะไรใกล้ๆผมกันบ่อยๆ

                เดี๋ยวมาหยิบของ เดี๋ยวมาจัดโต๊ะ นั่นนู่นนี่ และทุกครั้ง จะต้องมีอวัยวะร่างกายสักส่วนหนึ่งแหละมาเฉียดโดนไอ้นัททุกครั้งไป... เอ่อ ต้องการอะไรจากผู้ชายคนนี้ครับ

                "แหม คุณบอดี้การ์ดนี่หล่อจังเลยนะคะ"

                เอ่อ..ครับ ไปไม่เป็น และตอบไม่ถูกกันเลยทีเดียว เพื่อความปลอดภัย ยิ้มเล็กๆกลับไปเท่านั้นพอครับ

                "คุณน้องโอลีฟนี่โชคดีจังเลยนะคะ มีบอดี้การ์ดหล่อขนาดนี้ นี่ถ้าเป็นพี่ล่ะก็ คงไม่มีกระจิตกระใจจะทำงาน" คุณช่างทำผมก็ทำผมไป ส่องผมผ่านกระจกไป ขอโทษนะครับ ระวังไอ้แท่งๆทำผมนั่นมันจะทิ่มหน้าสวยๆของโอลีฟไปซะก่อน

                โลอีฟที่ได้ยินช่างพูดแบบนั้นก็เหลือบตามาสบกันผมผ่านกระจกเช่นกัน ก่อนจะยิ้มกว้าง               

                "นั่นสิคะ  โอลีฟก็ยังกลัวๆอยู่ นี่บอกว่าจะมาเป็นบอดี้การ์ดให้แค่วันเดียวเนี่ย เสียดายจัง..." สายตาที่ส่งผ่านกระจกมาเริ่มเปลี่ยนไปนิดๆ หรือว่า ...ผมคิดไปเอง

                "อุ๊ยต๊ายยย พูดแบบนี้กระเทยแถวนี้ก็อดสิคะ ตายกันเป็นแถบๆแล้วเห็นมั้ย"

                "แหม พี่ลิลลี่ก็พูดไป โอลีฟก็พูดเล่นไปอย่างนั้นแหละค่ะ"

                "ก็แหม น้องโอลีฟสวยเซ็กซี่ขนาดนี้ ใครจะปฏิเสธได้ล่ะคะ ใช่มั้ยคะคุณบอดี้การ์ดสุดหล่อ" ประโยคแรกก็จีบปากจีบคอพูดไป และประโยคสุดท้ายนี่หันมาถามผม

                "เอ่อ...ครับ" ก็ต้องตอบไปตามมารยาทใช่มั้ยครับ

                "ต๊ายยยย กระเทยแซดดด"

                แล้วหลังจากนั้นเขาก็คุยกันตลกโปกฮาไปเรื่อยๆ ผมเองก็โดนแทะเล็มไปเรื่อยๆด้วยเหมือนกันครับ เฮ้อ... คิดถึงซินขึ้นมาซะแล้วสิเนี่ย หลังจากที่รอจนลากงอกได้เป็นไม้ยืนต้น ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย ตอนนี้โอลีฟสวยมากๆในชุดราตรีสีครีมที่ยาวลากพื้น แต่รัดรูปมากๆครับ เน้นส่วนเว้าส่วนโค้งได้ทุกสัดส่วนจริงๆ

                แต่สาบานได้ว่าผมไม่ได้แอบมองเลย แค่ผ่านตาเฉยๆเอง

                ทันทีที่มาถึงงาน โอลีฟก็ถูกทุกสายตาจับจ้องในทันที แสงแฟลชจากทั่วทิศทางสาดมาแบบไม่ยั้ง ทำเอาผมที่ยืนอยู่ห่างๆตาบอดไปชั่วขณะ และไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ คุณโอลีฟเธอก็เดินมาคล้องแขนผมซะอย่างนั้น!!

                "เอ่อ..." ผมที่กำลังจะเอ่ยถามท้วงก็ต้องหยุดลงเพราะคำอธิบายของเธอ               

                "มันเป็นธรรมเนียมน่ะ ที่จะคล้องแขนบอดี้การ์ดและให้พาเข้างาน"

                ธรรมเนียมประเภทไหนครับ ทำไมผมไม่เคยได้ยิน แต่ช่างเถอะ! ผมก็ไม่ได้ทำงานในวงการนี้ จะไม่รู้ก็ไม่แปลก แค่ทำหน้าที่วันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ พรุ่งนี้จะได้กลับไปทำงานกับซินแล้ว ผมพาเธอเดินเข้ามาเรื่อยๆจนถึงด้านใน มีดารา นักร้อง ได้รับเชิญมางานนี้เยอะมากครับ อาจจะเป็นเพราะเจ้าของสินค้าต้องการที่จะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ มองหาอยู่ไม่นานก็เจอซิน คนสวยของผมมักโดดเด่นท่ามกลางผู้คนเสมอจริงๆ

                 ซินในชุดสีขาวทั้งชุด และเก็บผมด้านข้างขึ้นไปหน่อยนึงดูดีมากๆทีเดียวครับ เห็นแล้วอยากจะเข้าไปหา แต่ผมไปไม่ได้ เพราะวันนี้คนที่ผมต้องอยู่ข้างๆไม่ใช่เขา ...เศร้าเลย

                โอลีฟเดินไปทักทายกับคนนู้นทีคนนี้ที ผมก็มีหน้าที่แค่เดินตามเขาไปเท่านั้น จนตอนนี้ที่เธอเดินเข้าไปทักใครสักคนที่ผมเคยเห็นเขาผ่านในทีวีแว๊บๆแต่ผมไม่ได้สนใจ เพราะคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆผมตอนนี้คือซิน...

                ซินที่โดนชายหนุ่มรุมล้อมอีกเช่นเคย มองเลยไปนิดก็เห็นกัสยืนอยู่ใกล้ๆซินเช่นกัน มันกำลังมองมาทางนี้... ผมมองหน้ามันนิ่งๆก่อนจะหันกลับมาเพราะเสียงเรียกของโอลีฟ

                "นัท กันผู้ชายคนนี้ให้ที ฉันไม่ชอบเขา เอาแต่จ้องหน้าอกฉันอยู่ได้" เสียงลอดไรฟันจากโอลีฟทำให้ผมหันไปมองชายคนนึงที่กำลังจะเดินเข้ามา ผมจึงเดินไปดักหน้าเขาเอาไว้ก่อนที่จะเข้าถึงตัวนายจ้างผม

                รังสีอำมหิตถูกแผ่ออกไปยังชายคนนั้น เขาชะงักไปนิด และเดินหลบฉากไป

                "ขอบใจนะ" เสียงขอบคุณเบาๆจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง จึงได้รับรอยยิ้มสวยๆตอบกลับมา

                สักพักบรรดาสาวๆที่น่าจะเป็นเพื่อนของโอลีฟก็เดินเข้ามา ผมถึงถอยห่างออกมาเพื่อให้พวกเธอได้คุยกัน ซินของผมก็ยังยืนอยู่ใกล้ๆแถวนี้แหละครับ เพียงแต่ตอนนี้ กัสกำลังพูดอะไรบางอย่างกับซินอยู่ และไม่ว่าเรื่องที่พูดจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แต่มันทำให้ซินของผมแสดงสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักออกมา

                อะไร... ไอ้กัสไปพูดอะไรกับซิน

                หวังว่า จะไม่ใช่เรื่องของผมนะ

                ซินหันมามองทางนี้ ยกยิ้มมุมปากส่งมาให้ผมนิดๆ ก่อนจะหันกลับไป

                ไม่หรอกมั้ง... ผมคงจะคิดมากไปเอง แต่ก็อดระแวงไม่ได้จริงๆ ผมหันกลับมามองนายจ้างคนปัจจุบันที่กำลังพูดคุยกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน และเมื่อเห็นว่าไม่น่าจะมีเรื่องอะไร จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดส่งข้อความไปหาใครบางคน

                'เป็นอะไร ทำหน้าบูดทำไม'

                ผมมองซินที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ยิ้มนิดๆ และกดโทรศัพท์พิมพ์ข้อความตอบกลับมา

                'นัทนั่นแหละเป็นอะไร อยู่ใกล้สาวหน่อยล่ะยิ้มหน้าบานเชียวนะ'

                แหน่ะๆ แบบนี้เขาเรียกว่าหึงหรือเปล่าครับ...

                'เห็นด้วยเหรอ'

                'ไม่เห็นก็ตาบอดแล้ว ยิ้มให้กันกว้างซะขนาดนั้น'

                'นี่ถ้าไม่หวงกันจริง ไม่สังเกตกันมากขนาดนั้นหรอกนะเนี่ย'

                และบทสนทนาทางข้อความของเราก็จบเพียงเท่านั้น หลังจากที่คุณซินเธอส่งสายตาพิฆาตมาให้ ผมขำน้อยๆและเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า

                ซินยังเหมือนเดิม... คงไม่มีอะไร ผมอาจคิดมากไปเอง

                แต่ไม่รู้ทำไม ทุกครั้งที่กัสพูดอะไรบางอย่างกับซิน ใบหน้าหวานถึงได้หุบยิ้มลงทุกที...

                โอลีฟกับเพื่อนๆเดินเข้าไปที่โต๊ะที่มีขนมจัดวางเรียงอยู่ ซึ่งซินก็ยืนอยู่แถวนั้นทำให้ผมได้ไปยืนอยู่ข้างๆเขาจริงๆซะที

                ผมยืนอยู่ด้านหลังซินที่ยืนหันข้างอยู่ทางด้านหน้าผม กัสเองก็ยืนขนาบข้างซินอยู่เช่นกัน ผมจึงพูดขึ้นเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน โดยที่ซินกำลังยืนในท่าเดิม ทำเหมือนว่าเรา ไม่ได้รู้จักกัน แต่ความจริงแล้วเราแอบคุยกันอยู่ ><

                "น่ารักมากๆเลย" ผมพูดขึ้นเบาๆ ซึ่งซินก็แกล้งทำเป็นยกแก้วน้ำในมือขึ้นจิบ

                "เห็นใส่ชุดนี้แล้วอยากกอด" คำพูดผมเล่นเอาคนสวยสำลักน้ำไปเลยครับ

                "ระวังคำพูดหน่อยก็ดี" ซินพูดขึ้นเบาๆโดยที่ยังหันหลังในผมอยู่แบบนั้น

                ผมรู้ ว่าไอ้กัสมันได้ยิน ก็ผมจงใจพูดให้มันได้ยินนี่นา เผื่อบางทีมันจะรู้ว่า เรื่องที่มันกำลังคิดอยู่ตอนนี้เป็นไปไม่ได้

                "บอดี้การ์ดนิสัยไม่ดี ไม่ไปสนใจนายจ้างตัวเองล่ะ"

                "นายจ้างจริงๆน่ะอยู่ตรงนี้ ตรงนั้นน่ะแค่ตัวสำรอง"

                "ปากดี"

                "ซิน..." ผมกดเสียงต่ำลงเพื่อกันไม่ให้กัสได้ยิน ซินจึงจำเป็นต้องเอียงหูมาทางผมนิดนึงอย่างไม่ให้น่าสงสัย

                "กัสพูดอะไรกับนายหรือเปล่า" ซินชะงักไปนิดนึงก่อนจะตอบเสียงเบา

                "ก็เปล่านี่ ไม่มีอะไร"

                "แน่ใจนะ"

                "แน่"

                "ถ้าโกหกขอให้โดนแฟนกดทั้งวันทั้งคืน"

                คราวนี้คนสวยหันมาทางผมทั้งตัวแบบไม่กลัวสายตาใครเลย แต่จะว่าไปในงานตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีใครสนใจใครเท่าไหร่หรอกครับ จับกลุ่มคุยกัน ฟังเพลง ฟังพิธีกรพูดกันซะมากกว่า

                "เรื่องลามกนี่ขอให้บอกเถอะนะ สรรหาจริงๆ" พูดกับผมแต่สายตากลับไม่ได้มองมาทางผม ทำเหมือนแค่พึมพำคนเดียว และเดินผ่านผมไป แต่ขอโทษเถอะครับ ไอ้การเหยียบเท้ากันแบบทิ้งน้ำหนักลงมาทั้งตัวแบบนี้มันคืออะไรกัน...

                ผมมองรองเท้าตัวเองที่อุตส่าห์ขัดมาซะเงาแว๊บ แต่ตอนนี้เลอะไปหมดแล้ว เพราะเท้าของไอ้ตัวดีที่เพิ่งจะเดินไปผมไป ก่อนจะยิ้มออกมาเบาๆ แต่ก็ต้องหุบยิ้มลง เมื่อกัสกำลังจะเดินผ่านผมไป สายตาที่ถูกส่งมาเต็มไปด้วยบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ

                อะไร...

                มันจะกำลังจะบอกอะไร ...มันกำลังจะทำอะไร

                ผมมองตามมันไปจนสุดสายตา


TBC.
...
มาแล้วค่าาา
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ
เจอกันใหม่ตอนหน้าค่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
กัสพูดอะไรกับซิน ไม่เอาน๊า
น้องกัสเป็นเด็กดี ไม่นำพามาม่ามาให้หรอกเนอะๆๆ

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
กัสต้องเป็นเด็กดีนะคะ!!กลัวววววววววว

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
 "ถ้าโกหกขอให้โดนแฟนกดทั้งวันทั้งคืน" ชอบประโยคนี้ :z1:


แค่หนักแน่นเข้าไว้ ไม่ว่าอะไรจะเกิด รักพี่นัทซินนะคะ รักคนแต่งด้วย :กอด1:


โมเมนต์เรื่องนี้อ่อนหวานอมยิ้มจริงๆค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ FahFon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
ชอบนัทซินมากอ่ะ แต่พอมีข่าวว่าจะแยกวงกัน อ่านฟิคคู่นี้ไม่สนุกไปเลย เราเสียใจ ฮื่อออออออออ

darkeyes1

  • บุคคลทั่วไป
เอ๋  อะไรทำไม  นายกัสจะลองเล่นบทตัวร้ายเหรอ  ไม่ดีนะ  อย่าเปลี่ยยความรู้สึกคนอ่านที่มีต่อกัสเลย

ออฟไลน์ toshika

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 819
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-4
กัสอย่าร้ายให้มากนะ เด๋วให้มาเฟียหักคอเลย5555555

พี่ซินเซ็กซี่ ชั้นจะคลั่งอยู่แล้วววว  โอ๊ววววววววววววว :katai1:

Eucalyp

  • บุคคลทั่วไป
18

((เปลี่ยน))


 

                การเปิดตัวแชมพูสระผมในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนเป็นจำนวนมาก และได้รับความร่วมมือจากดารานักร้องหลายท่านเพื่อช่วยในการโปรโมท ซินของผมก็เช่นกัน คนสวยเดินไปรอบๆงานคุยกับคนนู้นที คนนี้ที ไอ้ผมก็ห่วงเขา มัวแต่สนใจเขา จนจะลืมนายจ้างจริงๆตอนนี้ไปซะแล้วเนี่ย และอีกอย่าง ตอนนี้เป็นช่วงที่คาดสายตาไม่ได้เลยจริงๆ

                ไอ้พี่ดิวมันมาอีกแล้วครับ ใกล้มาก ...จนเกินไป ก็เข้าใจว่าในงานมันเปิดเพลง แต่ก็ไม่ได้ดังขนาดที่ว่าจะต้องก้มเข้าหากันขนาดนั้นซะหน่อย ยิ่งฉากกระซิบข้างหูกันนี่บาดใจยิ่งนักครับ

                และยิ่งเขาใกล้กันมากเท่าไหร่ ขามันก็ก้าวไปเองไวเท่านั้น จนเมื่อมารู้ตัวอีกที ผมก็มายืนตรงหน้าซินเรียบร้อยแล้ว...

                ซินหันมามองผมที่ยืนบังเขาจากไอ้พี่ดิวอย่างๆงง ปนตกใจนิดๆที่อยู่ๆผมก็โผล่มาแบบนี้ แถมยังทิ้งนายจ้างของตัวเองเอาไว้อีก แต่นาทีนี้ ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลยครับ ไม่รู้ทำไม จิตใจมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยจริงๆ

                "พี่นัท..." เสียงไอ้กัสที่ยืนอยู่ด้านหลังซินเรียกผม แต่ผมไม่ได้สนใจหันไปมอง

                เพราะคนที่กำลังจ้องตาผมกลับมาตอนนี้มันกวนตีนผมมากครับ

                "ผิดคนหรือเปล่า คนที่ต้องสนใจไม่ใช่คนนี้มั้ง"

                ดูความกวนตีนของมันนะครับ...

                "เรื่องบางเรื่อง ไม่ต้องให้พูดก็น่าจะเข้าใจ"

                "เข้าใจอะไร มีอะไรที่ผมจะต้องเข้าใจคุณบอดี้การ์ดด้วยเหรอครับ"

                มือผมมันกำเข้าหากันแน่นอย่างไม่รู้ตัว จนรู้สึกได้ว่ามีมือของใครบางคนเอื้อมมาแตะมือข้างนั้นของผมเบาๆ

                มือของซิน... ผมจึงคลายกำปั้นนั้นออก และหายใจเข้าลึกๆอย่างพยายามกดอารมณ์ตัวเองเอาไว้

                "ถอยออกไปห่างๆจะดีกว่า" ผมพูดช้าๆชัดๆเพื่อให้อีกคนเข้าใจ ผมรู้ว่ามันรู้ ว่าผมกับซินเป็นอะไรกัน

                "เราคุยเรื่องนี้กันแล้วนะ" เสียงเบาๆจากคนด้านหลังทำเอาคิ้วผมขมวดเข้าหากันทันที

                ก็รู้ว่าคุยกันแล้ว ซินอาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่ไอ้นี่มันคิดหรือเปล่าล่ะ ผมไว้ใจซินของผมได้ แต่ผมไว้ใจไอนี่ได้มั้ย แล้วทำไม ไม่เข้าใจ จะต้องใกล้อะไรกันขนาดนั้น

                "ผมว่าคุณไปสนใจงานของคุณดีกว่ามั้ง ตรงนี้น่ะ เขามีคนดูแลอยู่แล้ว คนของคุณทางฝั่งโน้นดูท่าทางจะกำลังมองหาคุณอยู่นะ" ไอ้พี่ดิวพยักพเยิดไปทางด้านหลังผม ซึ่งก็คงจะเป็นโอลีฟนั่นแหละ

                "คนของผม อยู่ตรงนี้" เสียงแบบฉบับมาเฟียในคราบบอดี้การ์ดถูกนำมาใช้อีกครั้ง บอกตรงๆว่ากำลังโมโหมากจริงๆครับ

                "เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ซินไม่ใช่ 'คนของคุณ' แล้วนะ"

                "ถามซินเองดีกว่ามั้ย ว่าเป็นคนของใคร" ผมพูดช้าๆ และหันมามองหน้าซินที่กำลังมองผมอยู่เช่นกัน

                ซินมองผมนิ่งๆไปสักพัก ก่อนจะตอบ

                "เราไม่ใช่คนของใคร" ก็รู้แหละครับว่าเขาจะต้องตอบแบบนี้อยู่แล้ว ซินจะมาบอกว่าเขาเป็นคนของผมได้ยังไงกัน แต่ลึกๆในใจก็อยากจะให้เขาพูดอกมา เห็บไรบ้าพวกนี้มันจะได้หมดๆไปซะที

                "ได้ยินชัดแล้วนะครับ งั้นเชิญครับ กลับที่ของตัวเองดีกว่านะผมว่า เป็นผม ผมจะ'รู้ตัวเอง'" ทุกคำที่มันพูด จงใจยั่วโมโหกันชัดๆนะครับ ทำเอาขาก้าวเข้าไปหามันอย่างลืมตัว แต่ก็ต้องหยุดลงเพราะมีคนรั้งเอาไว้ก่อน

                แต่คราวนี้ไม่ใช่ซิน ...เป็นกัส ที่ดึงแขนรั้งผมเอาไว้

                "ผมว่าพี่กลับไปหานายจ้างพี่ก่อนดีมั้ย เดี๋ยวตรงนี้ผมจัดการเอง" เสียงน้องพูดขึ้นเบาๆ ทำให้ผมหันไปมอง กัสกำลังทำหน้าลำบากใจอยู่กับเหตุการญ์ตรงนี้ แต่ผมกำลังหงุดหงิด มากด้วยครับ และพร้อมจะสลัดแขนออกจากมือมันได้ทุกเมื่อ

                แต่ก่อนที่สถานการณ์จะแย่ไปกว่านี้ เสียงใครอีกคนก็ดังแทรกขึ้นมาซะก่อน

                "นัท..." โอลีฟที่แยกออกมาจากกลุ่มเพื่อน กำลังจะเดินเข้ามาตรงนี้ กัสปล่อยมือจากแขนผมทันที

                "มาทำอะไรตรงนี้คะ โอลีฟมองหาตั้งนาน พอดีอยากจะไปเข้าห้องน้ำ ...แล้วนี่มีอะไรกันหรือเปล่า" โอลีฟมองผมทีหนึ่ง เลื่อนสายตาไปหาไอ้ดิว และมาหยุดอยู่ตรงที่ซิน

                "ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมว่าบอดี้การ์ดของคุณโอลีฟเขาอาจจะเข้าใจผิดอะไรสักอย่าง" ไอ้พี่ดิวพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มนิดๆที่ส่งมาให้ผมโดยเฉพาะ

                อยากจะซัดให้ปากมันแตกจริงๆ เอาให้ปากมากไม่ได้ไปเลย

                "นัท ไปเถอะค่ะ โอลีฟอยากเข้าห้องน้ำ ไม่อยากไปคนเดียว" เสียงเร่งจากโอลีฟทำให้ผมเผลอกัดปากตัวเองอย่างชั่งใจ

                "ไปเถอะ" เสียงเบาๆจากคนตัวบางด้านหลัง ทำให้ผมสะบัดหน้าหนีจากที่ตรงนั้น และเดินออกมา โดยมีโอลีฟเดินนำหน้าผมอยู่

                บางทีก็อยากให้เขารั้งผมเอาไว้เหมือนกันนะ

                แต่สิ่งที่ผมหวัง...มันคงจะมากไป

                ผมเดินตามโอลีฟไปเงียบๆ จนถึงห้องน้ำ และยืนเฝ้าอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอเธอ ในหัวตอนนี้มีแต่เรื่องซินกับไอ้เวรนั่น มันจงใจยั่วโมโหผมชัดๆ แล้วมันจะผิดมั้ยนะที่ลึกๆแล้วผมก็แอบโมโหซินด้วยเหมือนกัน

                ซินก็รู้ว่าผมไม่ชอบ แต่ก็ยังไปใกล้มันอีก ถึงแม้ว่าจะคุยกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่คิดอะไรเลยซะหน่อย ทำไมไม่เข้าใจกันบ้างนะ

                แรงสั่นจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงทำให้ผมหยิบมันขึ้นมาดู พบข้อความข้อความหนึ่งที่ถูกส่งเข้ามา

                'ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ นักข่าวเยอะขนาดนี้ ไหนบอกว่าจะควบคุมตัวเอง' ไม่ต้องเดาก็รู้ใช่มั้ยครับว่าข้อความจากใคร

                หึหึ ไอ้นัทผิดตลอดแหละครับ ใครจะทำอะไร จะพูดอะไร ไม่ผิดเลย

                ผมเก็บโทรศัพท์กลับทีเดิมโดยที่ไม่ได้ส่งอะไรตอบกลับไป พร้อมกันกับที่โอลีฟเดินออกมาพอดี

                "เป็นอะไรหรือเปล่า เห็นทำหน้าเครียดๆนะ"

                "เปล่าครับ ไม่ได้เป็นอะไร"

                "เมื่อกี้โอลีฟตกใจมากเลย หันกลับมาก็ไม่เจอนัทแล้ว มองหาตั้งนานก็ไม่เจอ"

                โอลีฟพูดมาถึงตรงนี เล่นเอาความรู้สึกผิดพุ่งวูบเข้ามาทันที นี่ผมทิ้งนายจ้างให้อยู่คนเดียวได้ยังไง ถึงจะมีเพื่อนอยู่ด้วยก็เถอะ แต่ก็ไม่ควรเลยจริงๆที่จะทิ้งเธอเอาไว้แบบนั้น และไปสนใจอย่างอื่นแทน อย่างอื่นที่ไม่สนใจผมสักนิด

                "ขอโทษจริงๆครับ พอดีมีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย"

                "มีอะไรกันหรือเปล่าค่ะ ตอนโอลีฟเดินเข้าไปเห็นทำหน้าเครียดๆกัน"

                "อ๋อ เปล่าครับ ไม่มีอะไร คุณโอลีฟเข้างานดีกว่า"

                ..........

 

                แล้วงานวันนี้ก็ผ่านไปอย่างทุลักทุเลสำหรับผมมาก หลังจากที่ไปส่งโอลีฟที่บ้านเสร็จก็ต้องมานั่งระงับอารมณ์ตัวเอง ตั้งแต่ไปส่งโอลีฟเข้าห้องน้ำตอนนั้น ผมไม่ได้เดินเข้าไปเฉียดใกล้ซินอีกเลย และพยายามที่จะไม่หันไปมองทางนั้นด้วย เพราะกลัวว่าภาพที่เห็น จะทำให้อยากเดินเข้าไปอีกครั้ง

                ส่วนซินเอง เมื่อเห็นว่าผมไม่ได้ส่งข้อความกลับไป เขาก็ไม่ได้ส่งอะไรมากอีก ไม่โทรหาผมด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นอีกแหละ เขาจะโทรหาผมทำไม ผมไม่ใช่เหรอที่ควรจะโทรหาเขา ก็มันเป็นแบบนั้นทุกที...

                เป็นผม ที่ต้องเดินเข้าหาซิน...เป็นซิน ที่รออยู่เฉยๆ  เพื่อให้ผมเข้าไป

                ก็เป็นแบบนี้มาตลอดไม่ใช่เหรอ

                เฮ้อ...

                ถอนหายใจเป็นครั้งที่ร้อยในรอบวัน สวนสาธารณะที่ผมมาบ่อยๆตอนนี้ล้างผู้คนไปแล้วครับ สามทุ่มจะสี่ทุ่มแล้วแบบนี้ ไม่มีคนก็ไม่แปลก แต่บรรยากาศดีๆแบบนี้ไม่อยากต้องมานั่งคนเดียวเลยจริงๆ แต่ติดตรงที่คนที่อยากให้มาด้วยเขาไม่ได้มากับเรา

                โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าดังขึ้นอีกครั้งทำเอาผมรีบควักมันออกมาดู ในใจก็คิดไปว่าอาจจะเป็นซิน แต่อีกใจก็รู้ดีว่าไม่ใช่หรอก ซินจะโทรมาทำไม และก็จริงอย่างที่คิดครับ เพราะคนที่โทรมาก็คือ

                ไอ้กัส...

                "...." ผมกดรับสาย แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกไป มันจึงพูดขึ้นมาก่อน

                (พี่นัท)

                "มีไร"

                (อยู่ไหนเนี่ย คุณลุงบอกให้โทรมาตามว่าทำไมบ้านช่องไม่กลับ งานเสร็จแล้วไม่ใช่หรือไง)

                "โทรตามทำไม ทุกทีไม่เคยเห็นโทร"

                (ก็ไม่รู้ จะคุณกับคุณลุงป่ะล่ะ) พอไอ้กัสพูดจบก็มีเสียงพ่อแว่วๆมาจากอีกฝั่ง จับใจความได้ว่า

                (เฮ้ยๆ ไม่เอา ไม่ว่าง จะกอดเมีย) = = นั่นแหละครับ พ่อผม เห็นเมียดีกว่าลูกเสมอ แต่เมียพ่อก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกนะ ก็แม่ผมนี่แหละ

                "แล้วนายล่ะ ทำไมยังไม่กลับบ้าน ป่านนี้แล้วอยู่ทำอะไร"

                (ก็คุณลุงเขาชวนคุย ก็เลยอยู่คุยด้วย พี่นัทเหอะ กลับบ้านกลับช่องเหอะว่ะ อย่ามัวไปเหล่สาวอยู่แถวไหนเลย) เสียงใสๆจากปลายสาย ทำเอาผมแอบดีใจนิดๆ บางที มันอาจจะทำใจได้แล้ว

                ...หรือเปล่า

                หรือมันแค่แกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไร เพื่อที่ทุกอย่างจะได้เหมือนเดิม

                แล้ววันนี้ล่ะ มันพูดอะไรกับซิน

                "กัส"

                (ไรพี่)

                "วันนี้พูดอะไรกับซินหรือเปล่า"

                (....)

                ปลายสายเงียบไปทันทีเมื่อได้ยินคำถามจากผม

                "ว่าไง"

                (ก็ไม่ได้พูดอะไรนี่ แค่บอกพี่ซินว่า ดูพี่นัทดีๆนะ แอบจีบพี่โอลีฟหรือเปล่าก็ไม่รู้)

                "แน่ใจนะ"

                (แน่ใจดิ แล้วพี่คิดว่าผมพูดเรื่องอะไรล่ะ)

                "ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพูดเรื่องอะไร แต่ก็อยากให้นายรู้ไว้ว่าก่อนที่จะทำอะไร คิดก่อน เพราะบางสิ่งบางอย่างเมื่อเสียมันไปแล้ว เรียกกลับยากนะ อย่างเช่น...ความรู้สึก"

                (พี่นัทแม่งบ่นเรื่องอะไรวะ ไม่เห็นจะเข้าใจ รีบกลับบ้านเหอะ คุณลุงบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย)

                "เรื่องอะไร"       

                (จะไปรู้เหรอวะ คุณลุงจะคุยกับพี่นัทเว้ย ไม่ใช่ผม เออ แค่นี้นะ กลับเร็วๆด้วย เปลืองค่าโทรศัพท์ว่ะ) พูดจบไอ้เด็กบ้านี่มันก็วางสายไปเลย

                อะไรของมันวะ

                ผมส่ายหัวช้าๆ ลุกขึ้นจากม้านั่ง บิดตัวไปมายืดเส้นยืดสาย เพื่อจะกลับบ้านตัวเอง นี่สรุปว่าผมกับซินเราทะเลาะกันอยู่หรือเปล่านะ...

                ช่างเถอะ ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องได้เจอ เพราะซินจะเข้าบริษัทพรุ่งนี้ และวันนี้ก็หมดหน้าที่ของผมกับโอลีฟแล้วด้วย แบบนี้พรุ่งนี้ต้องจัดเต็ม... เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้รอได้เลยซิน...       



                   ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในบ้าน ก็พบสายตาสามคู่พุ่งตรงเข้ามาทันที ไอ้กัสก็ยังอยู่ด้วย ทั้งสามคนที่กำลังพูดคุยเรื่องอะไรกันอยู่ก่อนแล้วหยุดลงเมื่อเห็นว่าผมเดินเข้ามา แหม... ดูหนังกินของว่างกันอย่างมีความสุขเลยนะครับ ทำเป็นครอบครัวสุขสันเลยนะ นี่ผมเป็นส่วนเกินหรือเปล่าเนี่ย

                "กลับมาแล้วเหรอลูก" เป็นแม่ที่ทักผมขึ้นมาก่อน

                "กลับมาแล้วครับ" ผมตอบรับและเดินไปนั่งที่โซฟาตัวที่ว่างอยู่

                "ไงไอ้แสบ บ้านช่องไม่กลับเลยนะ"

                "ไรอ่ะ มาถึงก็ไล่กันเลยนะ ทำไมอิจฉาอ่ะดิ พ่อแม่ไม่รักหรือไง"

                "กลับบ้านไปเลยป่ะ" เบื่อจะเถียงกับมันจริงๆ วันนี้ยิ่งอารมณ์ไม่คงที่อยู่

                "นัททานอะไรมาหรือยังลูก แม่ทำอะไรให้ทานเอามั้ย"

                "แวะกินมาแล้วครับ ไม่เป็นไร"

                "อะไรหรือเปล่า น่าทางเหนื่อยๆนะ" แม่ถามพร้อมกับลุกขึ้นเดินมานั่งข้างๆผม เลยได้ทีทำตัวเป็นลูกแหง่อ้อนแม่ซะหน่อย

                "เหนื่อยมากกก"

                "สำออยล่ะสิไม่ว่า" พ่อครับ ด่ากันตลอดอ่ะ

                "แหมพ่อนี่ล่ะก็ ว่าลูกตลอดเลย" สมน้ำหน้าโดนแม่ว่า ฮ่าๆๆ แหนะๆ มีการค้อนกันอย่างน่ารักน่าเอ็นดู (?)

                "พ่อมีเรื่องจะพูดกับผมเหรอ ที่ไอ้กัสบอก"

                จากบรรยากาศร่าเริงเมื่อกี้ กลายเป็นความเงียบขึ้นมาแทนที่ แม่ที่กำลังลูบหัวผมอยู่ชะงักมือไปทันที ไอ้กัสที่กำลังเคี้ยวขนมตุ้ยๆก็หยุดเคี้ยวไปซะเฉยๆ

                    ...แบบนี้เป็นสัญญาณที่ไม่ดีแน่ๆครับ

                "เดี๋ยวแม่เข้าไปดูในครัวหน่อยดีกว่า ไม่แน่ใจว่าเก็บเรียบร้อยดีหรือยัง" ผมมองแม่ที่อยู่ดีๆก็ลุกขึ้นไปซะเฉยๆ

                "เอ่อ คุณป้าครับ เดี๋ยวผมไปช่วย"

                ไอ้กัสก็วิ่งตามแม่ไปอีกคน ตอนนี้จึงเหลือแค่ผมกับพ่อที่กำลังนั่งจ้องหน้าผมอยู่ ไม่ชอบแบบนี้เลยจริงๆ อะไรกันอีกเนี่ย วันนี้เจอเรื่องแย่ๆมาพอแล้วนะครับ ขอให้ผมได้พักบ้างได้มั้ย

                "ทำงานวันนี้เป็นไง เข้ากับโอลีฟได้มั้ย"

                "ก็โอเค ไม่ได้มีอะไร"

                "เข้ากันได้มั้ย"

                "ก็ปกติ เหมือนทำงานกับคนอื่นๆนั่นแหละ พ่อถามทำไมเนี่ย"

                "ถ้าเข้ากันได้ดี ก็น่าจะทำงานด้วยกันได้..."

                "ทำงานด้วยกันแค่วันเดียว ไม่เห็นต้องคิดมากขนาดนั้นเลย"

                ผมรีบตัดบทก่อนที่พ่อจะได้พูดอะไรต่อ ผมว่าผมพอจะเดาได้ว่าพ่อจะพูดเรื่องอะไร เพราะฉะนั้นชิ่งตัดหน้าไปก่อนดีกว่า ถ้าสิ่งที่ผมคิดอยู่มันเป็นเรื่องจริง มันต้องไม่ดีสำหรับผมมากแน่ๆ

                "เดี๋ยวผมขึ้นไปนอนก่อนดีกว่า เหนื่อยแล้ว อยากพัก"

                "ฉันจะให้แกมาเป็นบอดี้การ์ดให้โอลีฟถาวรไปเลย แล้วก็ให้กัสไปเป็นบอดี้การ์ดให้ซิน มันปิดเทอมว่างๆก็อยากให้ลองงานดู อีกอย่างโอลีฟเป็นผู้หญิง ก็น่าจะต้องการการดูที่มากกว่าซินอยู่แล้ว อีกอย่างทางด้านนั้นก็เป็นลูกสาวเพื่อนฉันเอง ส่งแกไปเขาก็จะสบายใจกว่า"

                นั่นไง... ซื้อหวยไม่ถูกวะครับ

                "อะไรอีกแล้วอ่ะพ่อ อยู่ๆดีก็ย้ายให้ผมไปทำงานกับเขาวันนึง ผมก็ไปทำให้แล้ว แล้วนี่จะอะไรอีกล่ะ มันไม่ใช่งานผมเลยนะ งานของผมคือซิน แค่ซินคนเดียว ผมไม่รับงานโอลีฟ พ่อให้ไปกัสไปทำแล้วกัน ไอ้กัสก็ไว้ใจได้ไม้แพ้ผมหรอก"

                ครั้งนี้ ผมไม่ยอมง่ายๆหรอกนะครับ เรื่องอะไรล่ะ กว่าจะมาถึงขั้นนี้ผมต้องพยายามมามากแค่ไหน อยู่ดีๆพ่อจะมาจับผมแยกกับซินได้ยังไงกัน เวลาของเราที่ได้เดินตรงกันแล้ว เรื่องอะไรผมจะต้องทำให้มันคลาดกันอีกล่ะ ไม่มีทาง...

                "แต่นี่คือคำสั่งฉันนะ"

                "ผมทำตามที่พ่อขอมาทุกอย่างแล้ว ยอมทิ้งความฝัน ยอมเลิกเล่นดนตรี ยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเคยรักมากเพื่อพ่อ เพื่อโรงฝึก คราวนี้ถึงตาผมขอบ้างได้มั้ย ขอผมทำตามใจตัวบ้าง ให้ผมได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง" ผมพูดด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำเพื่อให้พ่อเข้าใจ

                "ฉันเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แกแล้ว ทำตามที่ฉันบอก แล้วทุกอย่างจะดีเอง"

                "ผมรู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมคืออะไร พ่อไม่ต้องห่วงผมหรอก มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมคิดว่าว่าผมตัดสินใจเองได้"

                "นัท..."

                "วันนี้เหนื่อยมากเลย ผมขอตัวไปพักก่อนนะ"

                "ที่ฉันไม่พูด ไม่ได้แปลว่าฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรนะ..."

                ขาที่กำลังจะก้าวออกไปหยุดชะงักลงทันที ความรู้มันเหมือนกับขาหนักขึ้นมาซะเฉยๆ แค่จะขยับเพื่อให้ทรงตัวดีขึ้นยังแทบไม่ได้ มันชาวาบไปหมดทั้งตัวเลยจริงๆครับ นี่พ่อกำลังพูดเรื่องอะไรกัน ...ไม่ใช่เรื่องที่ผมกำลังคิดอยู่ใช่มั้ย

                "จะทำอะไร คิดถึงความรู้สึกแม่แกบ้างนะ"

                ให้ตายสิ ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย เหมือนโลกมันจะเอียงๆไปนะ เอ๊ะ หรือว่าผมเมา กินอะไรเข้าไปนะ ทำไมมันรู้สึกผะอืดผะอมแบบนี้ เหมือนจุกอะไรสักอย่าง หายใจไม่ทั่วท้องเลยจริงๆ คิ้วมันขมวดเข้าหากันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็ปวดหัวหนึบไปแล้ว ความรู้สึกแปลกๆนี้มันอะไรกัน ความรู้สึกนี้มัน...

                รู้สึกผิด... ผมผิดอะไร ผมแค่รักซิน

                แค่นี้... ผมผิดด้วยเหรอ

                แค่ผมรักซิน... ผมกลายเป็นลูกที่ไม่ดีไปเลยหรือไง

                "ผมไม่เข้าใจ พ่อพูดเรื่องอะไร" ผมเอ่ยถามออกไปเสียงเบา

                "แกน่าจะรู้ดี ว่าฉันพูดเรื่องอะไร กลับไปลองคิดดูดีๆ ว่าสิ่งที่แกเลือกตอนนี้มันถูกต้องหรือเปล่า คิดถึงอนาคต คิดถึงความเป็นไปได้ แต่ไม่ว่าจะยังไง คิดถึงหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ด้วยแล้วกัน"

                ผมก้าวขาชาๆออกมาจากที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว เดินขึ้นบันไดมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว สติกลับมาอีกทีก็ตอนเดินชนเข้ากับประตูตัวเองนั่นแหละ หัวโขกเข้าให้เต็มๆ ตื่นตัวเต็มที่เลยครับ

                ไอ้นัทเอ๊ยยย บ้าบอจริงๆว่ะ

                ผมเดินเข้ามาในห้อง หย่อนตัวลงบนเตียงนุ่มๆ แหละแผ่หลาลงอย่างหมดเรี่ยวแรง พ่อรู้ พ่อเห็นอะไรมา แล้วพ่อรู้มากแค่ไหน พ่อรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับผมกับซินบ้าง หรือว่าใครไปพูดอะไร...

                ไอ้กัส

                ชื่อนี้โผล่เข้ามาในหัวผมทันที วันนี้มันก็ทำตัวแปลกๆกับซินไปแล้ว แถมคนในบ้านนี้ก็มีแค่มันที่รู้เรื่อง หรือว่าจะเป็นมันที่บอกพ่อ จะทำถึงขึ้นนั้นเลยเหรอ มันจะอยากทำร้ายผมถึงขนาดนั้นเลยหรือไง ปกติไอ้กัสก็ไม่ใช่คนแบบนั้นเสียหน่อยนะ ถึงมันจะดื้อ แต่ก็ไม่ใช่เด็กไม่ดี ไม่ใช่คนที่เห็นแก่ตัวขนาดนั้น...

                แต่ก็มีแค่มันที่รู้

                หรือจะเป็นมันจริงๆ

                โอ๊ยยยยย ปวดหัวโว้ยยย ไม่อยากคิดอะไรแล้วเนี่ยยย ทำไมช่วงนี้มันมีแต่เรื่องแบบนี้นะ

                ไอ้ตัวดีก็ไม่โทรหาผมเลย จิตใจนี่จะให้ผมโทรหาอยู่คนเดียวเลยหรือไงเนี่ย ไม่เคยคิดถึงกันก่อนเลยใช่มั้ยเนี่ย หงุดหงิดๆ

                ผมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมามองก็พบว่าตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว ไม่รู้ว่าซินจะอาบน้ำนอนหรือยังนะ แต่ป่านนี้แล้วน่าจะอาบน้ำแล้วแหละ คงกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง มีไอ้คุณทองกับแสงดาวนอนเกยอยู่บนตักแหงๆ มือก็คงกำลังเกาคางให้ไอ้สองตัวนั้นอยู่

                แต่พอนึกถึงใบหน้าหวาน ภาพวันนี้ก็ลอยเข้ามาในหัวอีกครั้ง

                'เราไม่ใช่คนของใคร...'

                คำพูดเย็นชาจากอีกฝ่ายที่ผมควรจะชินได้แล้ว แต่กลับไม่ชินสักที

                โอเค ยอมรับว่าวันนี้ความผิดมาจากผมเต็มๆ ระเลยหน้าที่ของตัวเอง แถมยังหึงไม่เข้าเรื่องอีก ในงานมีคนเยอะแยะ แต่ผมกลับไม่ยอมควบคุมตัวเองให้มากกว่านี้ ยังดีที่ไม่ได้มีใครสนใจ ซินจะโกรธก็ไม่แปลก

                แต่บางที คิดถึงความรู้สึกผมบ้างได้มั้ย ผมเองก็น้อยใจ เสียใจเป็นนะครับ บางทีก็อยากให้แสดงออกว่ารักกันบ้าง อย่างน้อยผมก็อยากรู้ตัวว่าผมเองก็เป็นคนสำคัญสำหรับซินนะ เหมือนกับเขาที่สำหรับที่สุดสำหรับผม ไม่ต้องแสดงออกมากก็ได้ แต่ช่วยพูดอะไรที่มันเข้าข้างผมบ้างสิ ไม่ใช่พูดจาใจร้ายแบบนั้น ไม่ใช่ปล่อยปะละเลยกัน

                ในขณะที่ผมกำลังตีอกชกหัวของตัวเองอยู่นั่นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นซะก่อน ป่านนี้แล้ว ใครจะยังโทรหาผมอีก ถ้าไม่ได้มีธุระอะไร พ่อจะด่าให้ญาติเสียเลย คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่...

                ...ซิน

                ชื่อคนโทรเข้าทำเอาตาแทบถลน เด้งตัวขึ้นจากเตียงเพื่อมองชื่อนั้นให้ชัดๆอีกที

                ซินโทรหาผม!!! กรี๊ดดดด ขอสาวแตกแป๊บนึงนะ >///<

                "ฮัลโหล!" ด้วยความดีใจ เลยเผลอทักทายกันไปฮาร์ดคอร์นิดนึง

                (ตะโกนทำไมเนี่ยนัท! ตกใจหมดเลย)

                "ฮะๆๆ ขอโทษๆ" ดีใจมากไปหน่อย แต่ไม่บอกหรอกนะ เดี๋ยวได้ใจ หึหึ

                (ทำอะไรอยู่)

                "ไม่ได้ทำไร นอนเฉยๆ"

                (ถึงบ้านนานแล้วเหรอ)

                "ก็สักพักแล้ว"

                (อืมม...)

                เสียงหวานตอบรับ และเงียบหายไปสักพัก ผมเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะอยากจะรู้เหมือนกันว่าซินจะทำยังไงนะ ที่โทรมาหากันนี่ มีอะไรที่อยากจะพูดอยากจะบอกหรือเปล่า

                (นัท) อยู่ดีๆซินก็เรียกชื่อผมขึ้นมาซะเฉยๆ

                "ครับ"

                (วันนี้ โกรธหรือเปล่า)

                >////< จะง้อเค้าล่ะเค้าสิตัววว หึหึ ลืมเรื่องเครียดไปแล้วครับ ณ ขณะนี้

                "โกรธเรื่องอะไรล่ะ" แอบใส่เสียงน้อยใจไปนิดๆ เพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจ ตอแหลล้วนๆเลยครับ

                (เรื่องที่นัทงี่เง่าจนเกือบทำให้เราเดือดร้อนไง)

                เอ่อ... ไม่น่าจะใช่ง้อแล้วล่ะครับแบบนี้ อะไรกันเนี่ย สถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไปอ่ะ

                "ขอโทษครับ ทีหลังจะไม่ทำอีก" ในเมื่อผมผิด ผมก็ต้องขอโทษ ถูกต้องแล้วใช่มั้ยครับ อีกอย่าง ถ้าอีกคนคือซิน ถึงผมไม่ผิด ผมก็ยินดีที่จะขอโทษนะ ถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ และมันจะทำให้เราคืนดีกัน

                (ก็เห็นพูดแบบนี้ทุกทีอ่ะ คราวนั้นก็บอกว่าจะไม่ทำอีก แล้วดูสิเนี่ย วันนี้เป็นไง)

                "ก็มันไปเอง ไม่ได้ตั้งใจเลยจริงๆนะ"

                (...แต่วันนี้เราก็ขอโทษนะ)

                แต่วันนี้เราก็ขอโทษนะ แต่วันนี้เราก็ขอโทษนะ แต่วันนี้เราก็ขอโทษนะ แต่วันนี้เราก็ขอโทษนะ...

                =[]= ช็อกตายไปแล้วเรียบร้อยครับ ตามปอเต็กตึ๊งมาเก็บศพผมด้วย...

                ซินขอโทษผมด้วยอ่ะ! หูฝาดไปหรือเปล่านะเมื่อกี้นี้ ยิ้มจนปากจะฉีกไปถึงใบหูกันเลยทีเดียว อ๊ายย อารมณ์สาวน้อยเข้าครอบงำชั่วขณะ อยากจะบิดไปบิดมาให้ได้อารมณ์ประมาณว่าโดนสารภาพรัก

                (ฟังอยู่รึเปล่าเนี่ย)

                "ฟังอยู่สิ กำลังดีใจ ><"

                (เว่อร์)

                "ไม่เว่อร์ นานๆทีคนน่ารักจะทำตัวน่ารัก"

                (ด่าเราหรือเปล่าเนี่ย) จากเสียงใสๆ เปลี่ยนไปเป็นขุ่นเลยครับ ฮ่าๆ

                "ใครจะว่าน้องซินลงล่ะครับ แหม่ น่ารักซะขนาดนั้น หนุ่มๆแวะมาหยอดขนมจีบกันไม่ขาดสายเลยนะครับ อย่านึกนะว่าพี่ไม่เห็น"

                (ลามปามแล้วนัท เดี๋ยวเหอะๆ)

                "ฮ่าๆๆ คิดถึงจังเลยซิน อยากกอดอีกแล้วอ่ะ"

                (หลับฝันเอาคืนนี้แล้วกัน)

                "ไม่เอาหรอก จะไปกอดของจริงพรุ่งนี้"

                (หึ!) เสียงขำของซินทำให้ผมยิ้มตาม ถึงแม้จะเป็นเสียงขำแบบชวนขนหัวลุกก็เถอะนะ

                ให้ตายสิ เป็นแบบนี้ทุกทีเลย เจอเรื่องแย่ๆมาแค่ไหน แต่พอได้ยินเสียงซินมันก็หายไปหมดทุกที แบบนี้มันจะทำให้ผมนิสัยเสียนะ เพราะถ้าแค่มีซินอยู่ก็ไม่เป็นไร ไม่รู้ว่าจะทำให้รักกันไปจนถึงไหน แค่นี้ก็รักจะตายอยู่แล้ว รักจนไม่อยากให้หายไปไหน อยากให้อยู่ใกล้ๆตลอดเวลา ไม่อยากให้หายไปเลย...

                ถ้าไม่มีซินตอนนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้ยังไง

                "ซิน"

                (ว่าไง)

                "พรุ่งนี้เจอกันนะ"

                (...อืม พรุ่งนี้เจอกัน)

                พรุ่งนี้ที่ยังไม่รู้ว่าจะมีได้อีกกี่วัน... 




TBC.
...

มาม่ามั้ยตอนนี้ ไม่มาม่าหรอกเน้อะะะะ
ฮ่าๆๆ

ทุกคนยังอยู่กันมั้ยยย คิดถึงงง หายไปหลายวัน ขอโทษนะคะ :( เค้ามีสอบ
ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ >< สำหรับคนที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ก็ขอบคุณมากๆเลยค่า
ดีใจน้าที่ยังอยู่ด้วยกัน ^^ รักทุกคนเลย

ส่วนเรื่องแยกวงนั้นขอเป็นน้องดาวโลกสวยได้มั้ยคะ :( ไม่อยากคิดว่าเค้าจะแยกกัน ยังไงก็จะรอต่อไปค่ะ
เป็นกำลังใจให้พี่ๆทั้งสองคนเสมอ <3

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นเช่นเคยนะคะ มีความสุขที่ได้อ่านทุกๆเม้นเลยน้า
เจอกันตอนหน้าเด้อ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ในนิยายอย่าแยกกันเลยนะ
ป้าแก่แถวนี้รับไม่ได้

Mauve

  • บุคคลทั่วไป
ขอแบบโลกสวยต่อไปนะคะ :monkeysad:


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด