[fic Singular] ใจฉันอยู่ที่นาย my Bodyguard || เปิดจอง [12/12/56]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [fic Singular] ใจฉันอยู่ที่นาย my Bodyguard || เปิดจอง [12/12/56]  (อ่าน 54318 ครั้ง)

ออฟไลน์ matilda.taon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
เพิ่งเข้ามาติดตามอ่านแล้วน่ารักมากๆๆเลยตอนแรกนึกว่านัทจะเป็นคนไม่ค่อยพูดซะอิกแต่ไงได้เวลาอยู่กับซินพูดมากขี้แกล้งน่ารักมากๆเลย
//ติดตามค่า

Eucalyp

  • บุคคลทั่วไป
11

((ความทรงจำ))


 
                หลังจากที่โฟโต้บุ๊ควางขายได้ไม่ทันไร ยอดขายก็พุ่งกระฉูด ทำให้ยอดรวมเงินที่จะบริจาคเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเกินคาดมากจริงๆ และเพราะเสียงเรียกร้องมากมายจึงทำให้ต้องผลิตเพิ่มเพื่อความต้องการของตลาด ผู้จัดโปรเจคนี้ก็หน้าบานไปตามๆกันครับ กระแสของซินก็แรงมากยิ่งขึ้น แต่คนที่รับผลพลอยได้ไปเต็มๆก็คือผมคนนี้นี่เอง


                หลายคนถามหาพ่อหนุ่มที่เป็นายแบบคู่กับซิน นายแบบที่ไหนทำไมไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน หรือว่าเป็นน้องใหม่ไฟแรงที่ไหน เปล่าเลยครับ ไม่ใช่นายแบบที่ไหนหรอก แต่เป็นแค่บอดี้การ์ดคนนึงนี่แหละ


                คุณวิรัตน์ก็ติดต่อผมมาบ่อยๆนะครับ ไม่รู้ไปหาเบอร์ผมมาจากไหน จนตอนนี้ผมต้องคิดหนักมากว่าจะเปลี่ยนเบอร์โทรดีมั้ยเนี่ย น่ากลัวจริงๆ - -


                วันนี้มีงานโปรโมทโฟโต้บุ๊คพร้อมแจกลายเซ็นจากซินครับ แฟนคลับก็ยังตามกันมาล้นหลามเหมือนเดิม หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วผมล่ะ แจกลายเซ็นด้วยมั้ย คำตอบคือไม่ครับ ปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดทันที เพราะหน้าที่ของผมคือบอดี้การ์ด ไม่ใช่นายแบบ


                แต่งานวันนี้สิ่งที่ทำผมหงุดหงิดมากที่สุดก็คือ ไอ้พี่ดิวครับ มันมาด้วยอีกแล้ว ในฐานะช่างภาพ ซึ่งแม่งโคตรกกหูรกตาผมมากเลย ยืนตัวติดกับซินอีกแล้ว พูดถึงมัน วันนั้นที่นัดกินข้าวกับซิน ที่ให้ผมรอรับ ไอ้ผมก็ดีใจที่นึกว่าคุณซินเธอจะแคร์กัน รีบกินรีบกลับ แต่ที่ไหนได้ให้ผมรอตั้งสี่ชั่วโมง ไม่รู้ไปกินข้าวกันอีท่าไหน ไปๆมาๆ ไปดูหนังด้วยกันซะงั้น อย่าให้พูดเลยครับ อารมณ์มันขึ้น


                “พี่ชอบรูปนี้มากๆเลย ซินดูเป็นธรรมชาติมากๆอ่ะ น่ารักสุดๆ ยิ้มสวยด้วย”


                “ฮ่าๆ พี่ดิวก็พูดไป เปลี่ยนเป็นหล่อแทนได้มั้ย”


                “ก็ซินน่ารักจริงๆนี่”


                เอ่อ โลกนี้มีกันอยู่สองคนหรือไงครับ สนใจโลกภายนอกบ้างก็ได้นะ หัวจะรวมกันอยู่แล้ว ไม่ต้องดูกันใกล้มากขนาดนั้นก็ได้มั้ง ผมที่ยืนอยู่ข้างๆซินกระแอมไอขึ้นอย่างคันคอ ไอ้ตัวดีก็เงยหน้าขึ้นมามองผมนะครับ แต่ก็ก้มลงไปใหม่


                จะดูอะไรนักหนา ก็เขาส่งไปให้ที่บ้านแล้วไม่ใช่หรือไง ยังดูไม่สะใจอีกเหรอ! เห็นแล้วมันพาลครับ


                ผมเลยแกล้งขยับตัวชนโต๊ะ ให้มันเลื่อนไปโดนไอ้พี่ดิว โฟโต้บุ๊คหลุดมือเลยครับ หึหึ


                สองคนเลยเงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมกัน ซินนี่หน้ายุ่งเลยครับ ผมเลยส่งยิ้มแบบไม่รู้เรื่องไปให้ ไอ้พี่ดิวมองหน้าผมนิ่งๆ ผมเลยจ้องกลับไปแบบเดียวกัน ทำไมครับ อย่านึกว่าผมจะกลัว ไม่เคยกลัว ไม่เคยไม่กล้าอยู่แล้วครับ


                บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่...


                “อยู่นี่เอง เดี๋ยวไปแจกลายเซ็นได้แล้วจ่ะน้องซิน” เสียงพี่ทีมงานดังขึ้น ทำให้ไอ้พี่ดิวถอนสายตาไป ก่อนจะยิ้มให้ซิน ซินก็ลุกขึ้นเดินตามพี่ทีมงานไปครับ ผมจึงหันไปมองหน้าไอ้ดิวนิดๆก่อนจะเดินตามหลังซินไป ไม่ชอบขี้หน้ามันเลยจริงๆ


                วันนี้คนเยอะมากครับ ต่อแถวกันยาวเชียว มีหวังงานนี้ซินปวดข้อมือแน่ๆ เดี๋ยวเอาไว้เลิกงานแล้วผมนวดให้เขาดีกว่า ^^ 


                ผมมองคนตัวบางที่นั่งแจกลายเซ็นอยู่บนโต๊ะ แฟนคลับก็ถ่ายรูปกันมือเป็นระวิง หลายคนหันมามองผมนะ คงกำลังสงสัยว่าใช่หรือไม่ใช่คนในรูป แต่ดูเหมือนว่าจะจำกันไม่ได้ หน้าตามันแต่งต่างกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ ผมงง...


                แต่ในตอนนั้นเอง มีผู้หญิงสามคนเดินเข้ามาหาผมที่ยืนอยู่ข้างๆโต๊ะซิน ต่างคนต่างผลักกันเข้ามาแบบไม่กล้า


                “แกสิ/แกเข้าไปสิ/แกถามสิ” เกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมาอยู่แบบนั้นแหละครับ จนผมต้องมองอย่างงงๆ คือต้องการอะไรจากผมครับ?


                “มีอะไรหรือเปล่าครับ” อดรนทนไม่ไหวจนต้องถามออกไป


                “เอ่อ...คือว่า” หนึ่งในนั้นพูดขึ้นอย่างกล้ากลัวๆ ก่อนจะหยุดไปและหันไปมองหน้าเพื่อนตัวเอง


                “ถามสิ ถามเลย” เพื่อนเธอก็เร่งครับ เธอเลยหันกลับมาหาผม หือ...?


                “พี่ใช่คนในรูปหรือเปล่าคะ” ว่าแล้วเธอก็เลยหลับหูหลับถามผมรวดเดียวจบเลย


                สมองผมที่กำลังประมวลผลไม่ทัน มองทั้งสามคนอย่างงงๆ รูปอะไรวะครับ ก่อนที่ผมจะถึงบางอ้อเมื่อเธอยื่นโฟโต้บุ๊คมาชี้ให้ผมดู


                “ใช่มั้ยคะ ใช่พี่แน่ๆ ใช่มั้ยคะ” เพื่อนเธอก็ช่วยกันถามอีกแรง


                “เอ่อ...” ควรจะตอบว่าใช่ดีมั้ยล่ะ หรือควรจะตอบว่าไม่ดี แต่ถึงจะตอบว่าใช่ก็คงไม่มีผลอะไรมั้ง เพราะยังไงทุกคนก็โฟกัสไปที่ซินคนเดียวอยู่แล้ว ถูกมั้ย


                “ครับ ใช่ครับ”


                เท่านั้นแหละครับ ทั้งสามคนกรี๊ดขึ้นมาพร้อมกันทันที คนอื่นก็หันมามองกันให้พรึบสิครับ ซินเองก็หันมามองอย่างงงๆ แต่ผมงงมากกว่าครับ พึ่งจะโดนกรี๊ดใส่หน้าไปสดๆร้อนๆเลย - - ขอถามอีกครั้งว่า


                ต้องการอะไรจากผมครับ...


                “ขอลายเซ็นหน่อยค่ะพี่ ขอลายเซ็นหน่อย พวกหนูชอบพี่มากเลยค่ะ หล่อมาก นึกว่าดาราเกาหลี”  แรกๆก็ฟังดูดีนะ อันหลังนี่แอบแดกดันกูหรือเปล่าวะ


                “เอ่อ ขอบคุณครับ แต่พี่ว่าคงไม่เหมาะ พี่ทำงานอยู่”


                “นะคะๆ เซ็นให้หน่อยนะ” เกิดอาการตัวเกร็ง ไปไม่เป็นแล้วครับ เริ่มหันซ้ายหันขวาอย่างขอความช่วยเหลือ ซินเองก็มองมาทางผมยิ้มๆ โดยที่ไม่คิดจะช่วยกันสักนิด ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนและ...


                “เอ่อ..อยากจะให้ทุกคนฟังกันหน่อย เห็นถามกันมากเหลือเกิน ซินเองก็ขอพูดไปเลยแล้วกันดีกว่า คนนี้ไงครับ ที่ถ่ายคู่กับซินในโฟโต้บุ๊ค คนนี้แหละครับ” พูดจบ ก็ผายมือมาทางผมอย่างสวยงาม ขอบคุณมากครับ... ที่โยนขี้มาให้กัน


                ทุกสายตาหันมาทางผมเป็นตาเดียว พร้อมกับแสงแฟลชที่สาดเข้าหน้ากันแบบไม่ทันตั้งตัว ตาบอดไปชั่วขณะแล้วครับ หลายคนที่ได้ลายเซ็นไปแล้ววิ่งกรูเข้ามากันทันที จนทีมงานหลายคนต้องเข้ามากันเอาไว้ก่อนที่ผมจะโดนทุกคนเหยียบ


                เอ่อ เข้าใจหัวอกศิลปินก็วันนี้แหละครับ...


                “งั้นที่เขาบอกกันว่าเป็นบอดี้การ์ดของพี่ซินก็จริงสิคะ”


                “พี่คะ หนูขอลายเซ็นหน่อย”


                “ขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ”


                “ว้าย น่ารักจังเลย เป็นบอดี้การ์ดพี่ซินด้วยอ่ะ”


                “เข้ากั๊นเข้ากัน”


                อะไรคือเข้ากั๊นเข้ากันครับน้อง อธิบายด้วย


                และเสียงดังอื้ออึงอีกทั้งหลายแหล่ก็ตามมา บอกตรงๆว่าตั้งตัวไม่ทันครับ ไม่นึกว่าจะได้รับผลตอบรับมากขนาดนี้ เลยกลายเป็นว่างานนี้ ผมไม่ได้ทำหน้าที่บอดี้การ์ด แต่ต้องมายืนถ่ายรูปคู่กับซินแทน ทั้งๆชุดสูทสีดำนั่นแหละครับ


                จากความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ผมคาดว่า ตำแหน่งบอดี้การ์ดของผมเริ่มจะสั่นคลอนซะแล้วล่ะครับ


                ไม่น่าเลยจริงๆ...
           

                หลังจากงานที่แสนจะวุ่นวายจบลง แฟนคลับก็เริ่มทยอยกันกลับ ส่วนนักร้องของผมก็กำลังจะกลับเหมือนกันครับ แฟนคลับบางส่วนตามมาส่งที่รถ และตอนนี้ผมก็กลับมาทำหน้าที่เหมือนปกติแล้ว แต่ที่ไม่ปกติก็คือ หลายคนพยายามถ่ายรูปผมกับซินคู่กัน ชักเริ่มแปลกๆแล้วครับ


                และเมื่อถึงรถ ซินก็ขึ้นรถทันที ไม่ได้ยืนให้แฟนคลับถ่ายรูปต่อ เพราะเกรงว่าจะวุ่นวายกันมากไปกว่านี้ เราตรงกลับบริษัทกันทันทีครับ เพราะคาดว่างานจะเข้าคุณโอ๊ตกับซิน


                “ผู้ใหญ่เรียกเราเข้าไปคุย เดี๋ยวซินไปกับพี่ นัทรออยู่ที่ห้องเนี่ยแหละ” คุณโอ๊ตหันมาบอก ผมก็พยักหน้ารับ ก่อนที่คุณโอ๊ตจะหันไปหาซิน ตอนนี้เราถึงบริษัทเรียบร้อยแล้วครับ


                “เดี๋ยวพี่เข้าไปไกล่เกลี่ยก่อน อีกแป๊บซินค่อยตามเข้ามา โอเคนะ”


                “อืม”


                หลังจากที่คุณโอ๊ตออกไป ผมก็หันไปมองซินอย่างตั้งคำถามทันที เกิดอะไรขึ้นครับ ผมไม่เข้าใจ


                “เรื่องที่นัทถ่ายแบบ ตอนแรกพวกผู้ใหญ่ก็ยังไม่ได้คิดอะไร แต่พอมันมีเรื่องวันนี้ขึ้น เลยอาจจะมีปัญหานิดหน่อย เพราะนัทเป็นบอดี้การ์ดเรา แล้วมาถ่ายแบบอย่างนี้ ที่แย่ที่สุดคือ อาจจะต้องปลดนัทออกจากบอดี้การ์ด เพราะแฟนๆจะทำให้นัทลำบากเวลาทำงาน”


                ไม่มีทาง... ผมไม่ยอมโดนปลดแน่ๆ ทำไมต้องทำลายโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้ๆซินด้วยล่ะ ทำไมต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้ด้วย


                “ไม่เอานะ ฉันจะเข้าไปคุยเอง ยังไงก็ไม่ยอมให้ปลดกันหรอก ฉันจะเข้าไปคุยกับพวกเขาเอง จะไม่มีทางให้เรื่องแบบนี้มาทำให้การทำงานของฉันบกพร่องหรอกนะ ฉันทำหน้าที่ได้เต็มที่อยู่แล้ว ฉันต้องไปคุยกับพวกเขา...”


                “ใจเย็นๆนัท พี่โอ๊ตเข้าไปแล้ว ยังไงพี่โอ๊ตก็ต้องช่วยอยู่แล้ว นายเข้าไปจะยิ่งยุ่ง”


                “แต่...”


                “เถอะน่า เชื่อสิ เราก็จะช่วยพูดอีกแรง เดี๋ยวเราจะขอร้องแฟนคลับเรื่องนี้เอง อีกอย่าง สักพักกระแสมันจะซาไปเอง เรื่องนั้นผู้ใหญ่น่าจะเข้าใจ”


                ผมมองหน้าซินที่พยักหน้าให้ผมมั่นใจ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ซินยิ้มก่อนจะเอื้อมมือมาจับแขนผมเอาไว้ ผมจึงยกมืออีกข้างขึ้นกุมมือเขา ความอบอุ่นแผ่ซ่านออกมาจากมือบางส่งผลให้ผมใจเย็นลง จริงอย่างที่ซินว่า เดี๋ยวสักพักมันจะซาไปเอง


                “เดี๋ยวเราเข้าไปในห้องก่อน นัทก็รอที่นี่ ไม่ต้องคิดมาก มันไม่แย่อย่างที่คิดหรอก บางทีพวกผู้ใหญ่อาจจะเรียกไปชมก็ได้ที่ทำให้กระแสค่ายแรงขึ้น” ซินพูดไปหัวเราะไป ทำให้ผมยิ้มตาม เป็นเพราะปัญหาเรื่องนี้ ทำให้ลืมเรื่องไอ้พี่ดิวไปซะสนิท ดูเหมือนว่าคนตัวบางตรงหน้าก็จะลืมไปแล้วเหมือนกัน ผมจึงพยักหน้าให้เขาเบาๆ เขาถึงได้เดินออกจากห้องไป


                ผมนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงนั้น ก่อนจะพิงหลังลงไปอย่างเหนื่อยใจ ขออย่าให้ผลออกมาไม่ดีเลยเถอะ ผมไม่อยากห่างจากซินแล้วจริงๆ... เวลาเราที่ตรงกันสักที ขออย่าให้ต้องแยกกันอีกเลย


                หลังจากที่นั่งรอด้วยความกดดันอยู่สักพัก ซินกับคุณโอ๊ตก็เดินกลับมา รอยยิ้มของซินที่เปิดประตูเข้ามา ทำให้ผมโล่งใจทันที แค่เห็นซินยิ้ม ก็เบาใจได้แล้วครับ


                “เขาแค่เตือนนิดหน่อย ช่วงนี้นายเองก็ต้องระวังให้มากขึ้นนะนัท คงจะมีคนเข้ามาบ้าง แต่เดี๋ยวซินจะพูดกับแฟนคลับให้ เรื่องขอให้คุณบอดี้การ์ดได้ทำงานอย่างเต็มที่ ให้เขาไปคุยกันเอาเอง น่าจะพูดกันรู้เรื่อง” คุณโอ๊ตเป็นคนชี้แจงให้ผมฟัง ซึ่งผมก็พยักหน้ารับ


                “ซินไม่ได้โดนว่าอะไรใช่มั้ยครับ”


                “ซินจะโดนอะไรล่ะ กูสิครับโดน รับงานไม่ปรึกษา แต่ก็โชคดีไปที่คุณวิรัตน์เขาโทรมาเคลียร์ให้ไว้แล้วว่าเป็นความต้องการของเขาเอง เลยเบาลงหน่อย รอดตัวไปล่ะวะ” ได้ยินคุณโอ๊ตบ่นได้แบบนี้ก็โล่งอกไปทีครับ ทุกอย่างเคลียร์!


                ผมเลยยิ้มกว้างออกมาทันที ซินก็หันมายักคิ้วให้ผมพร้อมกับพูดไม่มีเสียง


                บอกแล้ว   ผมจึงยกนิ้วโป้งให้เขาไป


                “งั้นซินกลับเลยนะพี่โอ๊ต”


                “โอเค กลับกันดีๆล่ะ”


                คุณโอ๊ตหันมาโบกมือยิ้มให้ ก่อนที่พวกผมจะเดินออกมา รอลิฟต์สักพักก็มาครับ ในลิฟต์ที่มีเราแค่สองคน ผมมองเงาซินที่สะท้อนกับประตูลิฟต์ ใบหน้าหวานก็กำลังมองผมอยู่เหมือนกัน คิ้วเรียวขยับขึ้นลงก่อนจะแลบลิ้นใส่ผม ทำให้ผมหัวเราะออกมาทันที


                “ไม่นึกว่าจะทำหน้าเครียดเป็นนะ” ซินพูดขึ้น


                “หึ ทำเป็นพูด เครียดกว่านี้ก็เคยมาแล้ว”


                ซินยิ้มน้อยๆก่อนจะก้มหน้าลงมองพื้น 


                “ยังไม่อยากกลับบ้าน”


                ผมเลยเลิ้กคิ้วหันไปมองเขาตรงๆ นี่คือประโยคเชิญชวนหรือเปล่าครับ หึหึ


                “ไม่อยากกลับแล้วจะไปไหนครับ โรงแรมมั้ย” ผมพูดยิ้มๆแหย่เขาไปซินหันมามองผมตาเขียวทันที ฮ่าๆ


                “ไอ้บ้า”


                “แล้วอยากไปไหน”


                “อยากไปสวน แต่ตอนนี้คนน่าจะเยอะ” สวนที่ซินพูดถึงก็สวนสาธารณะที่เมื่อก่อนเราไปบ่อยๆน่ะครับ


                “อืม ตอนนี้คนคงเยอะแหละ ที่อื่นดีกว่า”


                “งั้นไปห้องนัทกันมั้ย...”


                ฮะ? ห้องผมเหรอครับ ห้องที่มีแต่ความทรงจำเก่าๆของเรานั่นน่ะนะ ห้องที่จะมีแค่เราสองคน...       


                 ห้องนี้ผมไม่ได้กลับมานานมากแล้วครับ ถึงจะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดให้ประจำอยู่แล้ว แต่ทุกๆอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม อะไรที่เคยอยู่ตรงไหนก็ยังอยู่ตรงนั้น เพราะผมไม่ได้มาแตะมันอีกเลย หลังจากที่ซินจากไปตอนนั้น ห้องนี้ก็กลายเป็นสถานที่ต้องห้ามสำหรับผมไปเลยครับ เพราะถ้ากลับมาในตอนที่ไม่มีซินแล้ว เกรงว่าจะกลั้นน้ำตาลูกผู้ชายเอาไว้ไม่ไหว


                แต่ตอนนี้ผมกลับมาพร้อมซิน ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วครับ

Eucalyp

  • บุคคลทั่วไป
                ผมไขกุญแจเข้าไปในห้อง เปิดไฟที่อยู่ด้านข้างประตู ภายในห้องจึงสว่างขึ้นทันที ภาพบรรยากาศเก่าๆลอยเข้ามาเป็นฉากๆเลยครับ ผมกับซินที่นั่งรวมหัวกันอยู่กลางห้องนั่งเล่นเพื่อแต่งเพลง และใส่ทำนอง เสียงคนสองคนเถียงกันเพราะความเห็นเริ่มแตกแยก ผมยิ้มให้กับภาพเหล่านั้นทันที


                ซินที่อยู่ด้านหลังเดินแทรกผมเข้าไปในห้องก่อนจะกระโดดขึ้นนั่งบนโซฟาที่ประจำเขาแหละครับ ผมจึงเดินตามเข้าไปมองรอบๆห้องก่อนจะนั่งลงข้างๆซิน


                “ยังเหมือนเดิมเลย” ซินพูดขึ้นพลางมองไปที่โพสต์อิทที่เขียนโน๊ตเพลงอยู่บนกำแพงเต็มไปหมด นิสัยเก่าๆครับ คิดอะไรได้โน๊ตแปะเอาไว้ก่อน มีทั้งโน๊ตเพลง เนื้อเพลงเป็นท่อนๆ แล้วก็รูปวาดที่ซินวาดเล่นทิ้งเอาไว้ แล้วผมเก็บเอามาแปะไว้


                “อืม ก็ไม่ได้เปลี่ยนตรงไหนเลยนี่ เคยทิ้งไปยังไงมันก็ยังคงอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ได้กลับมาแตะอีกเลย”


                “ไม่ได้สนใจอีกเลยสินะหลังจากนั้นอ่ะ”


                “สนใจให้ได้อะไรล่ะ นายก็ไม่อยู่แล้ว ชีวิตต้องเดินต่อ ฉันก็ต้องใช้ชีวิตในแบบของฉันต่อไปเหมือนกัน”


                “ใจร้ายว่ะ”


                “สิ่งที่นายทำมันใจร้ายกว่าฉันเยอะ” ผมมองซินที่หันมามองผมนิ่งๆ ก่อนจะยกมือขึ้นผลักหัวผมไปอีกทาง


                “พูดเรื่องอะไรเนี่ย จะชวนทะเลาะหรือไง”


                “ไม่เอาหรอก ไม่อยากทะเลาะแล้ว ทะเลาะกันมามากพอละ” ผมเลยกระแซะเข้าไปใกล้ซินก่อนจะคว้าตัวเขามากอดหลวมๆ


                “เนียนตลอดเลยนะ”


                “ไม่เนียนแล้วจะได้เหรอ”


                “ได้อะไรวะ พูดจาส่อตลอดดด”


                แล้วเราสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนที่ซินจะปลดแขนผมออกและลุกขึ้นเดินวนไปรอบๆห้อง เดินดูตรงนู้นทีตรงนี้ที ก่อนจะเดินหายเข้าไปห้องนอนผม แล้วก็โผล่ส่วนหัวออกมา ผมเลยมองเขายิ้มๆ


                อย่าครับ ได้โปรดอย่าเชิญชวนกันขนาดนั้น เครื่องติดขึ้นมาแล้วมันดับยากครับคนสวย


                ซินเดินออกมาจากห้องพร้อมกับหยิบสมุดเล่มนึงติดมือออกมาด้วย


                “ยังเก็บไว้อีกเหรอ” ผมมองสมุดที่ซินเอามาเปิดอ่านข้างๆผม สมุดวาดรูปครับ แต่ไม่ใช่ผมที่วาดนะ ไม่ได้มีความสามารถทางด้านวาดรูปเลยครับ เด็กถาปัตเขาวาดเล่นแล้วทิ้งเอาไว้นั่นแหละ ผมเอนตัวซบหัวลงบนไหล่เขา มองภาพในสมุดที่ซินพลิกไปเรื่อยๆ ก่อนจะไถลเถลือกหัวลงไปวางแหมะลงบนตักซิน ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไร


                “ซิน”


                “อือ” เจ้าตัวตอบรับเบาๆทั้งๆที่ยังไม่ละสายตาจากสมุดที่ถืออยู่


                “ง่วงป่ะ”


                “ไม่อ่ะ”


                “ไปนอนเล่นในห้องกัน”


                ซินเหล่ตามามองผมทันที ฮ่าๆ ไม่ได้คิดจริงจังนะครับ แค่อยากแหย่เล่นเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรเลย จริงจริ๊งง


                “ตลกและ” ผมหัวเราะซินที่มองมาตาเขียว ก่อนจะหันไปสนใจสมุดต่อ


                “ร้องเพลงกันมั้ยซิน” ผมที่นอนมองหน้าหวานอยู่ถามขึ้น อยู่ดีๆก็เกิดอยากฟังเสียงซินขึ้นซะงั้น


                “อารมณ์ไหนเนี่ย”


                “อารมณ์อยากได้ยินซินร้องอ่ะ”


                “ไอ้บ้านัท พูดจาดีๆ”


                “เอ้า ก็ร้องเพลงไง พูดไม่ดีตรงไหน คิดอะไรเนี่ยเรา” ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะยื่นมือไปบีบจมูกเขาอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนที่เขาจะหันหน้าหนีไป ผมเลยลุกขึ้นไปหยิบกีต้าร์ในห้องนอนออกมา


                “ถามเราบ้างมั้ยเนี่ยว่าอยากร้องมั้ย”


                “พี่นัทเล่นให้ น้องซินก็ต้องอยากร้องสิคะ”


                “ลามปามและ ใครพี่ใครน้องให้มันรู้ซะบ้าง”


                “ฮ่าๆ” ผมเอี้ยวตัวหลบซินที่ทำท่าจะขย้ำหัวผมให้ได้เลย


                “อย่าสิ เดี๋ยวกีต้าร์หล่นนะ โอ๊ยซิน อย่าดึงผมมม” หนังหัวหลุดติดมือไปแล้วมั้งครับนั่น โหยๆ เจ็บ น้ำตาจะไหล...


                “นิสัยเสีย! ลามก! ฉวยโอกาส! เจ้าเล่ห์!”


                “โอ๊ยๆๆๆๆ”


                ด่าหนึ่งคำพร้อมกับดึงผมของผมหนึ่งที แล้วดึงแต่ละทีนี่ไม่ใช่ค่อยๆนะครับ เจ็บนะเนี่ย!! ไม่ทนแล้วว


                ผมดึงกีต้าร์หลบไปวางไว้ที่อื่นก่อนจะหันไปรวบข้อมือเล็กๆเอาไว้ด้วยกันก่อนจะดึงให้เข้ามาใกล้ตัว ซินก็ปลิวหวือมานั่งลงบนตักผมพอดี โลเคชั่นเหมาะเหม็งมากครับ นิ่งสนิทเลยครับ เลิกดื้อเลิกซนกันเลยทันที


                “ปล่อยเรา”


                “ไม่เอาอ่ะ”


                “นัท...”


                “ครับ”


                “ปล่อย”


                “พูดดีๆก่อนสิคะ”


                “....”


                ในเมื่อเขาไม่พูด ผมก็ยิ่งกอดเขาแน่นขึ้น ยิ่งเห็นคนเก่งนักเก่งหนาเมื่อกี้หันหน้าหนีหลบสายตากันยิ่งอยากแกล้ง เลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆซะเลย ไม่รู้นะครับว่าซินชวนผมมาห้องทำไม แต่ไอ้นัทนี่คิดไกลไปแล้วครับ ไกลมากด้วยบอกเลย...


                “ไม่เล่นแล้วหรือไงกี้ต้าร์น่ะ” ซินถามขึ้นเบาๆ ใกล้มากๆครับตอนนี้ ปลายจมูกนี่เฉียดกันไปเฉียดกันมา มาถึงขั้นนี้ ลืมคอร์ดไปหมดแล้วครับ


                “ไม่อยากเล่นแล้ว อยากทำอย่างอื่นแทนมากกว่า” ผมขยับไปกระซิบข้างหูเขาเบาๆ


                “นัท...” เสียงเบาหวิวเอ่ยเรียกกัน ก่อนที่ผมจะฝังจูบลงไปบนต้นคอขาวๆ


                “อือ” ไม่มีกระจิตกระใจจะพูดคุยแล้วครับตอนนี้ เพราะน้องชายมันปวดหนึบไปหมดแล้วจริงๆ


                “เขิน...”


                .... ฮะ? เขิน? ใครพูด... ใช่ซินหรือเปล่า ไม่ใช่มั้งงง


                จะไม่ใช่ได้ไงก็อยู่กันสองคน!!!


                ผมรีบถอยห่างออกมามองหน้าซินให้ชัดๆทันที ไม่อยากพลาดครับโอกาสแบบนี้ ใบหน้าหวานที่ก้มงุดๆแดงระเรื่อ โคตรน่ารักอ่ะ!! ก็เป็นซะอย่างนี้ไง ไม่รักไหวเหรอครับ บทจะไม่พูดก็ไม่พูด บทจะพูดก็แทบจะฆ่ากันให้ตาย


                แล้วแบบนี้ใครจะอดใจไหวล่ะครับ


                “ซิน” ผมเรียกชื่อเขาทั้งๆที่ยังมองหน้าเขาอยู่อย่างนั้น แต่ซินสิ ไม่ยอมสบตาผม จนต้องเอื้อมมือไปเชยคางมนให้หันมามองหน้ากัน


                “นัทรักซิน รู้ใช่มั้ย”


                ซินไม่ตอบ แต่พยักหน้าช้าๆให้ผมแทน ผมถึงได้ยิ้มออก แล้วลูบแก้มใสนั้นอย่างเบามือ

                “เชื่อใจฉันมั้ย” ซินมองหน้าผมงงๆว่าผมกำลังพูดเรื่องอะไร ผมจึงยกตัวเขาลงนั่งบนโซฟาดีๆ ก่อนจะดันตัวบางให้นอนลงไปบนโซฟา โดยที่มีผมตามคร่อมลงไป คนตัวบางก็ยังคงมองผมตาปริบๆ ถ้าเป็นคนอื่นนี่นายเสร็จไปแล้วนะซิน

                ผมโน้มใบหน้าลงไปให้ปลายจมูกเราชนกัน ก่อนจะแตะริมฝีปากลงไปบนกลีบปากสวยเบาๆ และเลื่อนไปที่แก้มใส ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ใบหู

                “สัญญา ว่าจะไม่ทำให้เจ็บ” ผมกระซิบลงไปเท่านั้นก่อนจะงับติ่งหูขาวๆนั้นเบาๆ และใช้ปลายลิ้นหยอกเย้าทำให้เจ้าตัวหดคอหนี ผมค่อยๆขยับต่ำลงไปที่ซอกคอขาวจูบลงไปเบาๆก่อนจะกัดหยอกเย้าปลุกอารมณ์กัน คนตัวบางหายใจติดขัดทันที มือบางกำแขนเสื้อผมเอาไว้แน่น ผมที่ลากไล้ปลายลิ้นอยู่บนลำคอขาวเงยหน้าขึ้นมามองหน้าหวานที่แดงซ่านไปหมดแล้ว

                ก่อนจะประกบปากลงไป คราวนี้ไม่ได้อ่อนโยนหรือเบาหวิวแบบคราวที่แล้วหรอกนะซิน ผมบดริมฝีปากลงไปกัดปากล่างเขาอย่างหยอกเย้าก่อนจะแทรกลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกันในโพรงปากเล็ก ซินจูบตอบกลับมาแบบกล้าๆกลัวๆ ก่อนที่ไฟในร่างกายผมมันจะพัดกระหน่ำนำทางเขาไปให้ร้อนแรงยิ่งขึ้น                   

                มือผมลากต่ำลงไปลูบเอวบาง ก่อนจะสอดเข้าไปใต้ชายเสื้อเพื่อสัมผัสกับผิวเนียน ร่างบางกระตุกน้อยๆเมื่อผมลากนิ้วผ่านตุ่มไตเล็กบนหน้าอกเขา ก่อนจะสะกิดไปมาเบาๆ

                “อือ...” เสียงหวานถูกส่งออกมาอย่างพึงพอใจ

                ผมค่อยๆปลดกระดุมออกจากเสื้อเชิตทีละเม็ดๆ จนตอนนี้ไร้อุปสรรคขวางกั้นระหว่างเรา กระดุมเสื้อที่หลุดออก เผยให้เห็นผิวขาวใสภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวบางตัวนี้ที่ไม่มีวันที่ใครจะได้เห็นนอกจากผม

                “นัท...” เสียงเบาหวิวเอ่ยเรียกกัน พาให้อารมณ์ผมยิ่งเตลิดไปไกลเกินจะรั้งไหวแล้ว..

                ผมเลื่อนริมฝีปากต่ำลงมาหยอกล้อกับยอดอกของซิน ทันทีที่ปลายลิ้นของผมสัมผัสกับยอดอกเขา ซินก็สะดุ้งสุดตัวทันที ราวกับว่ามีใครสักคนมาปลุกซินที่กำลังเคลิ้บเคลิ้มของผมให้ตื่นเต็มตาขึ้นมา

                “นะ..นัท”

                “อือ...”

                “เรา... เราว่า..หยุด...เถอะ” เสียงซินขาดๆหายๆเพราะผมลากปลายลิ้นวนเวียนอยู่ตรงตุ่มไตเล็กๆนี่ อีกข้างหนึ่งก็ใช้ปรายนิ้วขยี้เบาๆ ตอนนี้ไม่ได้ยินหรือรับรู้อะไรแล้วครับ

                “นัท...”

                ผมลากไล้ริมฝีปากต่ำลงมาเลื่อยๆ ผ่านหน้าท้องแบนเรียบ กัดลงไปอย่างหมั่นเขี้ยว ฝากร่องรอยแห่งความรักเอาไว้ หน้าท้องเรียบเกร็งขึ้นมาทันที มือผมค่อยๆแกะกระดุมกางเกงของซินออก แต่ทันทีที่ซินรู้ว่าจะไรจะเกิดต่อไป เขาก็เด้งตัวลุกขึ้นมาทันที

                “นัท!” ผมเลยจำต้องเงยหน้าขึ้นมองเขา ด้วยใบหน้าขมวดมุ่น นัทน้อยจะทนไม่ไหวแล้วครับ

                “ว่าไงครับ” ผมรับคำแค่นั้นก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาเขาอีกรอบ บอกเลยครับ ตอนนี้ไอ้นัทหน้ามืดแล้ว

                “นัทๆ เดี๋ยว....อื้ออ~” ผมไม่รอให้ซินพูดจบ รีบปิดปากหวานๆนี่ในทันที สอดลิ้นเข้าไปชอนไชในโพรงปากหวานฉ่ำอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จนร่างที่เกร็งขืนโอนอ่อนผ่อนตาม ผมไม่รอช้า ปลดกระดุมกางเกงซินออกทันที และค่อยๆร่นมันลงในขณะที่อีกคนยังไม่รู้ตัว

                “อ๊ะ! นัท...!” ร่างบางผวาเฮือกเมื่อผมแตะสัมผัสกับจุดอ่อนไหวของเขาผ่านปราการด่านสุดท้าย ซินเองก็กำลังไม่ไหวแล้วเหมือนกันครับ ผมลูบไล้ผ่านส่วนนั้นของซินไปมา ร่างบางใต้ผมบิดเร่าๆในทันที

                “ถอด...นะ” ผมเอ่ยขอเขา ร่างบางที่ผงกหัวขึ้นมาส่ายหัวพรืด ถือว่าท่าทางแบบนี้คือคำตอบตกลงนะ

                ผมเลื่อนตัวขึ้นไปจูบเขาอีกครั้ง ก่อนจะบอกเขาทั้งๆที่ปากเรายังไม่ออกห่างจากกัน

                “ไปที่เตียงดีกว่า ตรงนี้ขยับตัวไม่ถนัดเลย” พูดจบผมก็อุ้มร่างบางขึ้น ก่อนจะรีบตรงไปที่ห้องนอน ซึ่งคนหน้าบางก็ซบหน้ากับอกผมแน่น ไม่ยอมสบตากัน

                พอถึงเตียงผมก็ค่อยๆวางเขาลง พร้อมๆกับที่ถอดกางเกงชิ้นสุดท้ายของเขาออก ถอดเสื้อตัวเองโยนทิ้ง และก้มลงประกบปากบาง ซินหุบขาเข้าหากันจนแน่น อย่างเกร็งๆ

                “ซิน แยกขาให้นัทหน่อยนะ สัญญา ว่าจะไม่เจ็บ ...นะ” ผมกระซิบเบาๆข้างๆหูเขา ซินจึงยอมผ่อนคลายลง

                มือข้างหนึ่งของผมกอบกุมส่วนนั้นของซินเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆขยับขึ้นลงช้าๆ

                “อือ...” เสียงหวานครางออกมาอย่างลืมตัวทันที ก่อนที่มือบางจะตะครุบปิดปากตัวเอง ผมจึงค่อยเปลี่ยนจังหวะเป็นเร็วขึ้นๆ ต้นขาขาวแยกออกจากกันอย่างไม่รู้ตัว ในตอนนั้นเองที่แรงอารมณ์กำลังฉุดซินขึ้นไป ผมจึงค่อยๆสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางรักของซิน ซินผวาเฮือกมากอดคอผมเอาไว้ทันที ผมจึงประเคนจูบร้อนแรงให้ เพื่อที่เขาจะได้ผ่อนคลาย

                “อย่างเกร็งนะซิน”

                “เรา..เจ็บ!! อ๊ะ... นัท”

                ผมค่อยๆขยับนิ้วเข้าออกช้าๆ เพื่อบรรเทาความเจ็บให้เขา ก่อนจะเร่งจังหวะตามแรงอารมณ์ ซินแอ่นตัวขึ้นรับสัมผัสนั้นทันที

                ผมเองก็กำลังจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ผมละมือจากซินและปลดกางเกงของตัวเองออกจนหมดในคราวเดียว ผมพร้อมซะยิ่งกว่าพร้อมอีกครับ แต่ก็กลัวว่าจะทำให้คนตัวบางตรงหน้านี้เจ็บ ต้องค่อยเป็นค่อยไป

                ผมกอบกุมส่วนแข็งขืนนั้นเอาไว้ในกำมือ ขยับขึ้นลงเร็วๆ ก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปในตัวซินอีกครั้ง เพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปอีก จนคิดว่าช่องทางของซินพร้อมแล้วสำหรับอะไรที่ใหญ่กว่านิ้ว

                “จะเข้าไปแล้วนะซิน อย่าเกร็งนะคนดี” ผมกระซิบข้างหูเขาเบาๆ ก่อนจะเอาส่วนกลางของผมไปจ่อที่ทางเข้าของซิน และค่อยๆสอดส่วนปลายเข้าไปช้าๆ ซินเกร็งตัวจิกเล็บลงบนหลังผมทันที ทำให้ผมขยับไม่ได้เลย

                “ผ่อนคลายนะซิน อย่าเกร็งนะ เดี๋ยวเจ็บ” ผมปลอบประโลมเขาพร้อมกับก้มลงไปประกบจูบเขาอีกครั้ง เขาจึงค่อยๆผ่อนคลายลง ผมจึงดันส่วนแข็งขืนของตัวเองเข้าไป จนสุด ซินกัดลงบนไหล่ผมเพื่อกลั้นเสียงร้อง

                แทบคลั่งแล้วครับ อยากทำตามสัญชาตญาณดิบใจแทบขาด แต่ก็กลัวซินจะเจ็บมากไปกว่านี้ ผมจึงต้องค่อยๆขยับตัวเข้าออกช้าๆ และค่อยๆเร็วขึ้น ซินจิกเล็บและข่วนหลังผมแทนการระบายอารมณ์จนหลังผมแสบไปหมด

                “อ๊ะ นัท ช้าหน่อย... อื้อ เรา...ไม่ไหว” เสียงหวานครางกระเส่าอยู่ที่ข้างๆหูผมนี่เอง แต่ผมไม่ไหวแล้วครับ

                ไม่ไหวแล้วจริงๆ

                “อืม...”   

                ผมกระทั้นกายเข้าหาเขา พร้อมๆกับที่ขยับส่วนนั้นของซินไปด้วย คนตัวบางด้านล่างผมก็กำลังจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ผมจึงเร่งจังหวะขึ้นในช่วงสุดท้าย กระทั้นกายเข้าไปจนสุด และพาเราไปจนถึงสุดทาง 

                “อ๊า....” ซินกระตุกน้อยๆก่อนจะปลดปล่อยออกมา ตามด้วยผมที่ปลดปล่อยภายในตัวเขาด้วยเช่นกัน

                ผมค่อยๆถอดถอนกายออกจากตัวเขาช้าๆ ทิ้งตัวนอนลงด้านข้างซินและคว้าเขามากอดไว้ ซินหอบตัวโยนเลยครับ ผมเองก็ไม่ต่างกัน

                ในที่สุด เราก็ ...เป็นของกันและกันแล้วครับ


                “คนโกหก” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเบาๆกับอกของผม ผมถึงได้ดันตัวเขาออกเพื่อฟังให้ชัดๆ


                “ไหนบอกว่าจะไม่เจ็บไง” ปากบางบ่นงุบงิบโดยที่ไม่มองหน้ากัน


                ผมยิ้มกับคำพูดนั้นทันที น่ารักเกินไปแล้วครับ


                “เจ็บแล้วมีความสุขมั้ย” ผมเอ่ยถาม ซึ่งซินก็เงยหน้ามามองผมตาเขียว แต่ตาเขียวแบบหน้าแดงๆ และหอบน้อยๆนะครับ แบบนี้เซ็กซี่เกินกว่าที่จะน่ากลัวจริงๆ


                “ไม่มีแรงแล้ว แบบนี้จะกลับบ้านได้ไง ป๊าเห็นเราสภาพนี้โดนฆ่าตายแน่ๆเลย”


                “งั้นคืนนี้นอนนี่มั้ย”


                “แบบนั้นก็ไม่ต่างกัน”


                ผมหัวเราะขึ้นเบาๆ จะมีอะไรที่มีความสุขมากไปกว่านี้อีกมั้ยครับ บอกผมที เพราะแค่นี้ผมก็สุขจนไม่รู้จะสุขยังไงแล้ว


                “ฉันรักนายนะซิน รักมากๆ รักมากจนรักใครไม่ได้อีกแล้ว”


                “พูดบนเตียงเนี่ย น่าเชื่อถือมากเลย”


                ผมเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว


                “จะให้พูดที่ไหนก็เชื่อถือได้ทั้งนั้นแหละคำพูดฉันน่ะ ป่ะ ลุกก่อน” ผมลุกขึ้นพร้อมกับฉุดซินลุกขึ้นตามมาด้วย


                “ไปไหน ไม่มีแรงแล้ว” คนตัวบางบ่น ก่อนจะทำตัวอ่อนให้ผมประคองเขาลุกขึ้น


                “ไปห้องน้ำ ไปบอกรักกันในนั้นต่อ... โอ๊ย! ซิน เจ็บนะ ไหนบอกว่าไม่มีแรงแล้วไง”


                “ไอ้หื่น”


                “หื่นแล้วรักมั้ยล่ะ”


                “ไม่รัก” โม้ตลอดกาล...


                แล้วเราก็พากันเข้าไปบอกรักกันในห้องน้ำต่อครับ แหนะๆ ไม่ต้องตามมาแล้วนะ แค่นี้พอแล้วครับ


                ผมเขิน >///<


TBC.
...
โอ้ย ตอนนี้เล่นเอาหมดพลัง
ไม่รู้ว่าชอบกันมั้ย
ในที่สุด!!!
ฮ่าๆๆๆๆๆ >.,<
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นเช่นเคยค่า
เจอกันตอนหน้าน้าาา จุ้บๆ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
โอ่ยยย น่ารักมากเล้ย
ชอบเวลาหยอกกัน พี่นัทน่ารักสุดๆๆๆ
เพ้อไปแล้ว

ตอนล่าสุดนี่แบบว่า555
มีความสุข
ไม่รู้ว่าเป็นครั้งแรกนะคะ :hao6:

ออฟไลน์ machan000

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

Mauve

  • บุคคลทั่วไป
 :heaven ที่สุดอ่ะ

ออฟไลน์ toshika

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 819
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-4
ตายอย่างสงบเลยเรา :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

อ่านตอนนี้ฟินมากกกกกกกกกก

พี่ซินน่ารักที่สุด

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
อร๊ายยยยยยยยสุดท้ายซินก็เป็นของนัทเต็มรูปแบบบบบบ!!!!ซินน่ารักมากกกกก

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
น่ารักอ่ะตอนนี้ น้ำตาลเรียกพี่เลย :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :oo1:


ลืมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

Eucalyp

  • บุคคลทั่วไป
12

((คู่จิ้น))


                หลังจากเหตุการณ์วาบหวิวในตอนนั้นผมก็พาเขากลับไปส่งที่บ้าน แอบขนหัวลุกนิดๆตอนที่ป๊าออกมาเปิดประตูรับ แต่ขนหัวลุกได้ไม่นานหรอกครับ เพราะพอลูกชายคุณป๊าเขาเข้ารั้วไปปุ๊บ ประตูปิดปั๊บ ไอ้นัทก็โดนไล่กลับบ้านแบบไม่ต้องเอ่ยปากเลย


                โธ่...ป๊าครับ อยากจะบอกว่า หวงตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วจริงๆ หึหึ ลูกชายป๊าเป็นของผมแบบทั้งตัวและหัวใจแล้วครับ ฮ่าๆๆ เก่งแต่ในใจพอครับผม


                ผ่านวันนั้นมาก็สองวันแล้ว ยังไม่ได้เจอซินเลย ได้แต่คุยโทรศัพท์กันนิดหน่อยๆเท่านั้นเอง


                แต่วันนี้วันดีครับ เพราะนักร้องของผมมีเล่นไลฟ์ตอนกลางคืน ได้เจอกันสักที ตอนนี้ผมเลยดี๊ด๊าเป็นพิเศษ ยืนมองซินที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเก้าอี้ เจ้าตัวก็เล่นนั่นเล่นนี่ไปเรื่อยฆ่าเวลา


                “วันนี้กลับยังไงซิน”


                “ป๊ามารับ”


                “อ้าว งี้ก็ไม่ได้ไปส่งอ่ะดิ” ซินเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นยักคิ้วให้ผมสองที ก่อนจะก้มลงไปกดโทรศัพท์ต่อ ไอ้เครื่องสี่เหลี่ยมเล็กๆนั่นมันมีอะไรน่าสนใจนักเนี่ย มันน่ามองกว่าผมหรือไง


                “อยากไปส่งอ่ะ”


                “อย่าง๊องแง๊งนัท เดี๋ยวใครได้ยิน”


                ผมถอนหายใจแรงๆทันทีเมื่อได้ยินเขาพูด อยากจะให้ขี้มูกกระเด็นไปโดนผมสวยๆนี่จริงๆ


                “ดึกดื่นแล้ว รบกวนป๊าทำไม ให้ป๊านอนไปสิ เดี๋ยวฉันไปส่งเอง” ยังครับ ยังไม่เลิก


                “ก็ป๊าบอกว่าจะมารับ เป็นอะไรเนี่ยนัท” ซินวางโทรศัพท์ก่อนจะเงยหน้ามาหาผมอย่างจริงจัง


                นั่นแหละครับที่ผมต้องการ ^^ ความจริงก็ไม่ได้อยากง๊องแง๊งอะไรหรอกครับ เรียกร้องความสนใจอ่ะ รู้จักป่ะ ฮ่าๆ


                “ก็คนมันคิดถึง ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน”


                “สองวัน หลายวันตรงไหนวะ”


                “พูดไม่เพราะนะซิน ไม่น่ารัก”


                “ไม่ได้ขอให้รักเลยครับ”


                “แต่ใจมันรักไปแล้ว เลิกไม่ได้จริงๆนี่คะ” ผมแสร้งทำเป็นกระพริบตาปริบๆใส่เขา ด้วยท่าทางของสาวน้อย ซินหัวเราะออกมาทันที ก่อนจะส่ายหน้า


                “กระแดะ”


                “โห แรงว่ะ”


                “สมน้ำหน้า”


                “ซิน เตรียมตัวได้แล้ว” เสียงคุณโอ๊ตตะโกนมาบอก ทำให้ฟองอากาศสีชมพูที่ล้อมเราอยู่แตกดังโพล๊ะเลย ขัดตลอดอ่ะคนนี้ ขอให้ได้ขัดเถอะ นิดหน่อยก็ยังดี


                ซินจึงลุกขึ้นและเดินไปทางคุณโอ๊ต ผมก็เดินตามเขาไปด้วย ซินไปยืนอยู่ข้างเวทีขนาบข้างด้วยผมกับคุณโอ๊ต แฟนคลับบางส่วนที่อยู่ด้านหน้าเวทีหันมาเห็นก็กรี๊ดกันสนั่น แค่เห็นหน้าก็สติหลุดกันแล้วครับ ได้ยินเสียงเรียกพี่ซินๆมาเป็นระยะๆ แต่เอ๊ะ ผมหูแว่วไปหรือเปล่าที่ได้ยินใครเรียก พี่นัทๆ ผมหันไปมองซินทันที ซึ่งเขาก็หันมามองเหมือนกัน


                “ได้ยินป้ะ” ผมกระซิบถามเขาเบาๆไม่ให้คุณโอ๊ตได้ยิน


                “ได้ยิน กระแสโฟโต้บุ๊คแหละ ไม่มีไรหรอก” ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันกลับมา ผมคิดไปเองหรือเปล่านะ เมื่อกี้ตอนหันไปคุยกับซิน แลดูกล้องมันจะหันมาทางนี้เยอะเป็นพิเศษ...     
     

                เสียงเรียกซินจากพิธีกรบนเวที ทำให้ซินก้าวขึ้นไปบนเวทีด้วยรอยยิ้ม เรียกเสียงกรี๊ดได้ถล่มทลายครับ ซินก็กล่าวทักทายแฟนคลับชวนคุยไปเรื่องนู้นเรื่องนี้ ก่อนจะเริ่มร้องเพลง ผมก็ยืนมองเขาจากตรงนี้เหมือนเช่นทุกครั้ง มองดูนักร้องของผมร้องเพลงอย่างมีความสุข ถึงแม้จะแอบร้องเนื้อเพลงผิดตอนร้องเพลงคนอื่นก็เถอะ น่ารักดีครับ ร้องเพลงคนนู้นบ้างคนนี้บ้าง และเพลงสุดท้ายก็กลับมาร้องเพลงตัวเอง แฟนคลับก็ร้องตามกันได้ทุกเพลงจนจบไลฟ์นั่นแหละครับ


                แฟนคลับก็รั้งชวนคุยนู่นนี่ ยืนถ่ายรูปบ้าง รับของบ้าง ไม่ได้ลงจากเวทีสักที จนคุณโอ๊ตต้องให้ผมขึ้นเรียก ผมจึงต้องขึ้นไปบนเวทีและสะกิดเขาเบาๆ ซินจึงหันกลับมา เท่านั้นแหละครับ


                เสียงกรี๊ดดังไปสามบ้านเจ็ดบ้าน เสียงตะโกนพี่นัทๆจากทุกสารทิศเลยครับ ขาตายเลยผม ขยับตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว ทำได้แค่แจกรอยยิ้มโฆษณายาสีฟันไป


                “พี่นัทพี่ซิน ยืนใกล้ๆกันหน่อยสิคะ”


                “น่ารักอ่ะ”


                “ขอถ่ายรูปคู่หน่อย”


                “พี่นัทยิ้มหน่อยค่ะ”


                แล้วก็ตามมาด้วยเสียงเรียกร้องอีกมากมาย เอ่อ ขอโทษครับน้อง พี่เป็นบอดี้การ์ดครับ ไม่ใช่นายแบบ ทำตัวไม่ถูกครับ


                ผมเลยหันไปหาซินอย่างของตัวช่วย แต่เจ้าตัวก็แค่ยิ้มตอบกลับมาแบบสะใจเท่านั้น ไม่ได้ช่วยเลยครับ ไอ้ตัวดีรู้ล่ะสิว่าถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้แล้วผมจะไปไม่เป็น เรื่องนี้ต้องยอมเขาครับ เพราะเขายืนอยู่ตรงนี้ตลอด แต่ผมมันไม่ใช่! ไม่เคยโดนแสงแฟลชมากขนาดนี้สาดใส่มาก่อนเลย นอกจากตอนรับปริญญา อันนี้ก็ถ่ายกันจนเบื่อแหละครับ


                เฮ้ย กลับมาก่อน อย่าเพิ่งนอกเรื่อง ผมรีบดึงแขนซินเบาๆทันที เพื่อเร่งให้เขาลงจากเวทีได้แล้ว ก่อนที่ผมจะกลายเป็นหินไป ซึ่งซินก็ยอมเดินตามมาแต่โดยดี บันไดขึ้นลงเวทีค่อนข้างเล็กแล้วก็มืด เลยลงลำบากนิดหน่อย ผมจึงต้องลงไปก่อน และรอรับซินจากด้านล่าง


                แต่เจ้าตัวดันสะดุดสายไฟตรงนั้นซะก่อน และทำท่าจะตกลงมา ผมเลยรีบเข้าไปรับเขาเอาไว้ได้แบบทันท่วงที คุณโอ๊ตนี่ร้องเสียงหลงไปแล้วครับ แต่ไม่ต้องห่วง นัทซะอย่าง ซินจึงปลอดภัยอยู่อ้อมอกผมนี่แหละครับ ฉากแบบนี้คุ้นๆมั้ย พบได้ตามละครไทยช่องทั่วๆไปครับ ฮ่าๆ


                “เจ็บรึเปล่า” ผมถามเขาเบาๆ ซินส่ายหัวช้าๆก่อนจะดันตัวออก คุณโอ๊ตรีบเดินเข้ามาทันที


                “เป็นอะไรเปล่าซิน เจ็บตรงไหนมั้ย เกือบไปแล้วๆๆ”


                “ไม่เจ็บๆ ไม่เป็นไรพี่โอ๊ต” ซินพูดพลางส่ายหัวไปมา


                แต่บรรดาแฟนคลับนี่กรี๊ดกันเสียสติไปแล้วครับ ไม่รู้ว่าเพราะกลัวซินเจ็บ หรือเพราะช็อตเด็ดเมื่อกี้กันแน่ ลางสังหรณ์ผมเริ่มจะทำงานอีกแล้วครับ ผมกับซินจึงมองหน้ากันนิ่งๆก่อนที่ซินจะยิ้มออกมานิดๆเพื่อจะบอกว่าไม่เป็นไร


                เมื่อเห็นว่าซินไม่ได้เป็นอะไร คุณโอ๊ตจึงดันเราทั้งสองคนให้เดินกลับไปที่หลังเวที แฟนคลับหมดสิทธิ์ตามครับ เพราะคนภายนอกห้ามเข้า


                “เกือบหน้าทิ่มแล้วมั้ยซิน ไม่เจ็บตรงไหนแน่นะ” พอมาถึงที่หลังเวทีคุณโอ๊ตก็ถามอีกครั้ง ก่อนจะซินหมุนตัวไปมา


                “ไม่เป็นไร ซินไม่เป็นไร พอแล้วพี่โอ๊ต” ซินหยุดก่อนจะจับไหล่สองคุณโอ๊ตเอาไว้และบอกว่าไม่เป็นไร คุณโอ๊ตถึงได้ถอนหายใจออกมา


                “ทีหลังต้องระวัง ถ้าตกลงมาขาแข้งหักกันพอดี”


                “ครับๆ”


                “แต่กูว่างานเข้ากูแหงๆพรุ่งนี้...” คุณโอ๊ตบ่นพึมพำเบาๆก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋า ผมมองซินที่มองตามคุณโอ๊ตไปนิ่งๆ ผมพอจะเข้าใจ เพราะตอนนี้เริ่มมีกระแสเรื่องผมกับซินขึ้นมามั่งแล้ว เห็นได้ตามบล็อคหรือเพจทั้งหลายเรื่องรูป ผมเองก็เห็นผ่านๆตามาบ้าง พวกบรรดาสาวๆเรียกผมกับซินว่า คู่จิ้น ผมได้ไปถามปรมาจารย์เกิ้ลที่ตอบได้ทุกอย่างมาแล้วว่ามันคืออะไร พอได้คำตอบมาก็ถึงบางอ้อทันที


                ตอนแรกก็ยังไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่ากระแสไม่น่าจะแรง แต่ตอนนี้เริ่มคิดหนักแล้วครับ จะว่าไปคนคิดได้นี่ก็เก่งนะ เพราะผมกับซินก็ไม่ได้แสดงอะไรออกหน้าออกตาไปทางทำนองนั้นเลยนะ เอ๊ะ หรือว่าแสดงไปตอนไม่รู้ตัววะ บ้าน่า... ไม่มีทางอยู่แล้ว


                นี่ผมกำลังจะทำให้ซินเดือดร้อนหรือเปล่าเนี่ย...


                “ซินกลับยังไง” คุณโอ๊ตตะโกนข้ามห้องมาถามซิน


                “ป๊ามารับ นี่ก็น่าจะมาแล้วมั้ง...” ซินก้มลงมองมือถือตัวเองที่ป๊าโทรมาพอดี ก่อนจะกดรับสาย


                “นัทกลับไง กลับด้วยกันมั้ยรถบริษัท” คุณโอ๊ตหันมาถามผมบ้าง ผมเลยต้องละสายตาจากซินหันไปมอง


                “เดี๋ยวผมกลับเองดีกว่า จะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา”


                “โอเค งั้นพี่กลับนะ นัทไปส่งซินที่รถด้วยล่ะ”


                “ครับ”


                คุณโอ๊ตหันมาโบกมือให้ซิน ซึ่งเจ้าตัวก็โบกตอบกลับไป


                “ฮะ ป๊ารอตรงนั้นแหละ เดี๋ยวซินออกไป ...ครับ” ผมมองซินที่คุยกับป๊าก่อนที่จะวางสายไป


                “ป๊ามายัง”


                “มาแล้ว อยู่ข้างหน้า นัทกลับไง”


                “บีทีเอสมั้ง”


                “อ้าว ไม่ได้ขับรถมาเหรอ”


                “เปล่า มารถบริษัท”


                “ให้ป๊าไปส่งมั้ย” ตากลมโตหันมาสบผมยิ้มๆ อย่าๆ อย่ามาทำน่ารักเรี่ยราดซิน เดี๋ยวอดใจไม่ไหวกระโดดจูบมันตรงนี้แล้วจะแก้ข่าวไม่ทัน


                “แหม ไม่ต้องหรอก เกรงใจ”


                “กลัวอ่ะดิ”


                “ใครที่ไหนกลัว ไม่มี๊ จะกลัวทำไม ก็แค่ป๊าซิน”


                “ปากดี”


                ผมหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะพาเขาเดินออกมาด้านนอก แฟนคลับยังเหลืออยู่สามสี่คนครับ เลยวิ่งกรูกันเข้ามาถ่ายรูป แต่ผมกันเอาไว้ก่อน และค่อยๆพาซินเดินไป เสียงชัตเตอร์นี่ระรัวเลย ซินก็ยิ้ม โบกมือบั้ยบายไปตามเรื่อง จนมาถึงที่รถนั่นแหละครับ


                ป๊าซินเปิดกระจกลงชะโงกมามองผมนิดๆ ก่อนจะหันไปยิ้มให้บรรดาแฟนคลับ ผมเปิดประตูให้ซิน คนตัวบางก็เดินเข้าไป แต่ตอนที่เขาเดินผ่านหน้าผมไปนั้นผมก็แอบกระซิบเร็วๆให้เขาได้ยิน


                “เดี๋ยวโทรหานะ”


                ซินหันมายิ้มให้แฟนคลับอีกครั้ง ก่อนจะหันมามองหน้าผมนิดๆเป็นอันว่าเข้าใจ พอผมปิดประตูรถ ป๊าซินก็ออกรถไปเลย ผมมองตามรถจนหายลับไปก่อนจะหันกลับมาเจอสายตาสี่คู่เข้าให้เต็มๆ สะดุ้งเลยครับ นึกว่าไปแล้วซะอีก


                “พี่นัท...”


                รู้จักผมด้วยครับ...


                “ครับ?” ผมเองก็รับคำไปอย่างงงๆ งานเข้าแล้วครับ อยู่คนเดียวซะด้วยสิ


                “พี่นัทเป็นบอดี้การ์ดของพี่ซินเหรอคะ” หนึ่งในนั้นถามผม


                “ใช่ครับ”


                “เป็นนานหรือยังคะ ทำไมเราไม่เคยเห็นเลย ><”


                “ก็เพิ่งจะเป็นไม่นานหรอกครับ”


                “พี่นัทกับพี่ซินเป็นแฟนกันหรือเปล่าคะ!!”


                ....... ตรงกว่านี้มีอีกมั้ยครับน้อง อ้อมสักนิดดีมั้ย น้องเล่นแบบนี้พี่ตั้งตัวไม่ทัน


                “เอ่อ ไม่ใช่ครับ เป็นแค่บอดี้การ์ดเฉยๆครับ”


                “จริงเหรอ ว้า... เสียดายจัง น่าจะเป็นแฟนกันจริงๆอ่ะ” น้องควรจะทำท่าทางเสียดายแบบนั้นเหรอครับ น้องเป็นผู้หญิงนะ! ทำไมสนับสนุนให้ผู้ชายได้กัน โลกนี้นี่ชักจะอยู่ยากขึ้นทุกวันแล้ว…!


                “แล้วพี่นัทมีแฟนหรือยังคะ”


                “ยังครับ”


                “จริงเหรอ! งั้นแปลว่ายังมีโอกาส!” โอกาสอะไรครับ โอกาสที่พี่จะชอบน้อง โอกาสที่น้องจะมาเป็นแฟนพี่ หรือโอกาสอะไร


                “แสดงว่ากับพี่ซิน อาจจะเป็นไปได้ ใช่มั้ยคะ!”


                ฮะ? ยังคงสนับสนุนให้ชายไทยได้กันเองอยู่ครับ ผมนี่ไม่เข้าใจหัวอกผู้หญิงพวกนี้เลยจริงๆ เธอควรจะเสียใจสิที่ชายไทยหันมาได้กัน ผมมองพวกเธอที่ทำท่าทางดี๊ด๊าก่อนจะบั้ยบายผมและพากันกระโดดโลดเต้นออกไป


                เกิดอะไรขึ้นกับหญิงไทยสมัยนี้ครับ ผมล่ะงง...


                ผมส่ายหัวช้าๆก่อนจะเดินทางกลับบ้านตัวเอง


                ตอนนี้ผมกำลังนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงครับ เหนื่อยและง่วงมาก รู้งี้ขับรถไปเองดีกว่า ตาจะปิดแล้วนะเนี่ย แต่ทำไมยังไม่นอนน่ะหรือ ก็เพราะว่าไอ้ตัวดีไม่ยอมรับโทรศัพท์ผมน่ะสิ ยังไม่นอนหรอกผมรู้ แต่มัวทำอะไรอยู่นี่สิ! มันน่าจูบให้ปากแตกกันไปข้างจริงๆ


                ผมฟังเสียงรอสายจนเริ่มเคลิ้มจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ปลายสายก็รับพอดี


                (ว่าไง) ซินรับสายเสียงใสเลยครับ เห็นใจคนง่วงจะตายแล้วบ้างมั้ยเนี่ย


                “ทำไรอยู่ ทำไมไม่รับโทรศัพท์” ผมก็กรอกเสียงที่งัวเงียเต็มที่ลงไป ให้มันรู้กันไปเลยว่าง่วงเต็มที่แล้วครับ


                (คุยกับม้าอยู่)


                “ม้ายังไม่นอนอีกเหรอ”


                (ถ้าม้านอนแล้ว เมื่อกี้เราคุยกับใครล่ะ)


                “อ้าวซิน ผีหลอกแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอคะ”


                (ไอ้นัท ถ้าไม่มีธุระก็แค่นี้นะ) เสียงใสดุขึ้นมาทันควัน โห ไม่ได้รู้สึกผิดเลยใช่มั้ยเนี่ยที่ปล่อยให้รอเนี่ย


                “ซิน ผู้ใหญ่จะว่าเรื่องข่าวนายกับฉันมั้ย” เลิกเล่นและอ้อมค้อมได้แล้วครับ ก่อนที่จะง่วงมากและพูดไม่รู้เรื่อง ผมรีบเข้าประเด็นที่ตั้งใจจะคุยกับเขาในทันที


                (ไม่รู้สิ ถ้ากระแสมันเริ่มเยอะขึ้น อาจจะโดนเรียกไปคุย)


                “เท่าที่เห็นวันนี้ก็พอสมควรแล้วนะ”


                (อย่าเพิ่งคิดมากเลย เรารับมือได้น่า ไม่ต้องห่วงหรอก นี่ใคร นี่ซินนะ) ผมยิ้มน้อยๆให้กับประโยคนี้ เก่งจริงๆ ถ้าอยู่ใกล้ๆจะจับจูบซะให้เข็ดเลย หมั่นเขี้ยว


                “ครับๆ เก่งเหลือเกิน แต่สัญญาก่อนได้มั้ย ว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้น อย่าตัดสินใจแทนกัน ถามฉันก่อน คุยกันก่อนได้มั้ย”

                (รู้แล้วน่า)


                “สัญญาสิ”


                (อือๆ)


                “โอเค ตอนนี้นัทไม่ไหวแล้ว ง่วงมากเลย กล่อมนอนหน่อยสิ”


                (มากไปๆ)


                “งั้นพูดหวานๆส่งเข้านอนหน่อยสิครับ”


                ซินเงียบไปสักพักก่อนจะตอบ...


                (หวาน)


                “....” ...แป้กมั้ยครับ พี่ซินเขาเล่นมุกแหนะ ช่วยกันขำหน่อยเร็ว หึหึ


                (แค่นี้นะ) เสียงน้อยใจมาเต็มๆครับ ที่ผมไม่ยอมต่อมุกเขา ฮ่าๆๆ เล่นเองโกรธเองแบบนี้น่ารักไปมั้ยเนี่ย จะทำให้ตกหลุมรักกันไปถึงไหนนน


                “โอ๋ๆๆ ไม่เอาหวานแบบนี้สิซิน ไม่เล่นมุกแล้วนะ ง่วงมากๆ”


                (ง่วงก็นอน)


                “งั้นฝันดีนะซิน ราตรีสวัสดิ์ครับ”


                (อื้ม ราตรีสวัสดิ์เหมือนกัน)


                “นัทรักซินนะ”


                (รู้แล้ว)


                “ซินรักนัทมั้ยครับ”


                (ไปนอนไปนัท พูดเหมือนคนเมาเข้าไปทุกที)


                “ก็ง่วงอ่ะ”


                (ง่วงก็นอน เราก็จะนอนแล้ว แค่นี้นะ)


                “ครับ ฝันดีอีกรอบนะซิน”


                (ฝันดี)


                พูดจบซินก็วางสายไป ผมยิ้มให้โทรศัพท์นิดๆ ก่อนจะกดปิดเสียงปิดสั่นแล้วโยนมันไปไกลๆ จะไปเฝ้าพระอินทร์แล้วครับ ตอนนี้อะไรก็ฉุดหนังตาเอาไว้ไม่อยู่แล้วจริงๆ คืนนี้ยังไงก็ขอให้ฝันถึงซินนะ จะได้ฝันดีอย่างที่เจ้าตัวเขาอวยพร ^^
           

                “นัท นัทลูก ตื่นรึยัง”


                ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะเสียงแม่ที่มาปลุกแต่เช้า เหลือบตาไปมองนาฬิกา เพิ่งจะแปดโมงเองนะ วันนี้ผมไม่มีงานด้วยนี่นา หรือว่ามีเรื่องอะไร


                “นัท”


                “ครับแม่”


                “รับโทรศัพท์หน่อยลูก คุณโอ๊ตเขาโทรมาบอกว่ามีเรื่องด่วน”


                คุณโอ๊ตโทรมา มีอะไรแต่เช้า หรือว่ามีงานด่วน ผมหันไปหยิบโทรศัพท์ที่ปิดเสียงไว้เมื่อคืนขึ้นมาดู มิสคอลสิบสายจากคุณโอ๊ต สองสายจากซิน ท่าจะไม่ดีซะแล้วครับ ผมรีบลุกขึ้นวิ่งไปรับโทรศัพท์บ้านทันที


                “มีเรื่องอะไรกันลูก”


                “ไม่รู้เหมือนกันครับแม่” ผมตอบแม่เร็วๆขณะที่วิ่งลงมาข้างล่าง โดยมีแม่ตามมาห่างๆ


                “ครับ” ผมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากรอกเสียงลงไปทันที


                (นัท เข้าบริษัทด่วนเลย งานเข้าว่ะ ผู้ใหญ่เรียกคุย) เสียงคุณโอ๊ตตอบกลับมาแบบเป็นกังวล


                “เรียกผมด้วยเหรอ”


                (ใช่ เรียกนายด้วย เรื่องกระแสในเน็ตของนายกับซิน ยังไงก็เตรียมคำตอบดีๆเอาไว้หน่อย ไปรับซินด้วยนะ ฉันโทรบอกเขาแล้ว)


                “เรื่องใหญ่มากมั้ยครับ ซินจะเดือดร้อนมั้ย” ชักใจไม่ดีซะแล้วสิ ไม่อยากให้ซินต้องมาเดือดร้อนด้วยเลย


                (ไม่รู้ว่ะ ยังไม่รู้เลยว่าจะออกหัวออกก้อย ยังไงทำใจเย็นๆมาก่อน ตอบเฉพาะที่เขาถามเท่านั้น นอกนั้นก็นิ่งฟังอย่างเดียวพอ เดี๋ยวฉันกับซินจัดการเอง รีบมาๆ)


                “ครับ”


                ผมรีบไปอาบน้ำแต่งตัวแบบเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ลงมาอีกทีก็เจอพ่อกับแม่รออยู่ที่ด้านล่างแล้ว


                “มีเรื่องอะไรกัน” พ่อเป็นคนถามขึ้นมาก่อนครับ


                “มีปัญหาเรื่องงานนิดหน่อย ไม่มีไรหรอกครับ”

                “เรื่องโฟโต้บุ๊คนั่นอีกหรือเปล่า”


                “ไม่ใช่ เรื่องนั้นจบไปแล้ว ไม่มีไรหรอก ผมรีบ ไปก่อนนะครับ” ผมยกมือไหว้พ่อกับแม่คนละที ก่อนจะรีบวิ่งออกมา อยากจะเอาไอ้ลูกชายไปเหมือนกันจะได้เร็วๆ แต่ติดที่ต้องไปรับซินด้วยนี่สิ เอารถยนต์ไปดีกว่า ผมที่กำลังตรงไปที่โรงรถได้เสียงฝีเท้าหนักๆของคนวิ่งตรงมา ไม่ต้องเดาหรอกครับว่าใคร


                “พี่นัท!”


                “อะไรอีก วันนี้ฉันรีบ ไม่มีเวลามาเล่นด้วยนะ” ผมหันไปหาไอ้กัสที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามา


                “ข่าวนี่อะไรอ่ะ!!!” ไอ้ตัวดียื่นโทรศัพท์มันให้ผมดู ผมเลยหยิบมาดูแบบรีบๆ แต่พอเห็นแบบเต็มๆแล้วก็ต้องส่งคืนมันไป ข่าวผมกับซินนั่นแหละ คราวนี้มีรูปตอนที่ผมรับซินตอนกำลังตกเวทีเมื่อวาน แต่ดูรูปอย่างเดียวแล้วเหมือนกำลังกอดกันอยู่เลย มุมกล้องชัดๆเลยครับ


                “ไม่มีไรหรอก ก็แค่ข่าว” ผมรีบตอบปัดไปก่อนจะก้าวขึ้นรถ แต่ไอ้กัสดันมายืนขวางประตูเอาไว้ก่อน รถเลยปิดประตูไม่ได้


                “แล้วรูปอ่ะ นี่มันกอดกันเลยนะ” ไอ้ตัวแสบก็ยังคงตะแง๊วตะแง๊วใส่ผมไม่เลิก ชักหงุดหงิดแล้วนะครับ


                “ฉันรับเขาตอนตกจากเวที ไม่มีอะไรมากกว่านั้น โอเค้ ทีนี้หลบ ฉันรีบ”


                “ทำไมพี่นัทได้ก่อนพี่ซิน แต่กัสไม่ได้กอดวะ พี่นัทไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้พี่ซินแบบกัสซะหน่อยอ่ะ กัสชอบพี่ซินมาตั้งนานแล้วนะเว้ย ปลายนิ้วยังไม่เคยแตะเลย” ไอ้เด็กนี่เริ่มงี่เง่าและ เป็นอะไรของมันวะเนี่ย


                “เออๆ เอาไว้ค่อยคุย กูรีบโว้ยยย ถอยๆๆ” ผมดันมันออกไปให้พ้นทางก่อนจะรีบปิดประตูดังปัง! มันยืนมองค้อนผมใหญ่เลย แอบสะใจเล็กๆ


                ในระหว่างที่เหยียบคันเร่งจนมิดก็คว้าโทรศัพท์มาโทรหาซินไปด้วย รอสายแป๊บเดียวอีกฝ่ายก็รับ


                “กำลังไปรับนะ”


                (อืม รออยู่ เมื่อเช้าโทรหาไม่รับนะ)


                “ยังไม่ตื่น ขอโทษๆ”


                (อืม ขับรถอยู่ใช่มั้ยเนี่ย)


                “ใช่”


                (แล้วโทรศัพท์ทำบ้าอะไร เดี๋ยวตบหัวทิ่ม) เสียงหวานตวาดกันในทันที ฮ่าๆ เป็นห่วงอ่ะดี้ แต่โหดขึ้นทุกวันแล้วนะ


                “ก็จะโทรมาบอกไงว่ากำลังไปรับ”


                (เออ รู้แล้ว วางไปเลย เดี๋ยวมาไม่ถึง)


                “ครับๆ” ผมวางสายก่อนจะโยนโทรศัพท์ไปที่เบาะข้างคนขับ ร้อนใจครับ อยากไปถึงเร็วๆ อยากเห็นหน้าซินไวๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร และไม่นานผมก็มาถึง ยังไม่ทันจะลงไปเรียก ซินก็เดินออกมาพอดีกับคุณป๊าสุดที่รัก ผมนี่รีบลงจากรถแทบไม่ทัน


                “สวัสดีครับ” ลงมาเพื่อกล่าวทักทายคุณพ่อตาโดยเฉพาะเลยนะ ก้มลงกราบได้นี่ก้มไปแล้วนะเนี่ย เกรงใจ...


                “สร้างปัญหาอะไรไว้อีกล่ะ”


                .... เป็นคำทักทายที่จริงใจอย่างตรงไปตรงมามากครับ ._.


                “ป๊า ซินไปนะครับ ขากลับเดี๋ยวให้นัทมาส่ง” ซินหันไปไหว้ป๊าเขาใกล้ๆ ก่อนจะรีบเดินมาขึ้นรถ ผมก็ทำได้แค่ยิ้มแหะๆ แหละครับ


                “ระวังตัวไว้หน่อยนะ” ป๊าพูดแค่นั้นก่อนจะเดินเข้าบ้านไป เป็นคำเตือนหรือคำขู่ครับป๊า ไอ้นัทไม่กลัวหรอกครับ อยากจะบอก (จริง?)


                ทันทีที่ขึ้นรถ ผมก็คว้ามือซินมาจับไว้ทันที เขาเลยหันมามองผมงงๆ


                “อยากจับเฉยๆ”


                “ขับรถเหอะ เดี๋ยวค่อยจับ เวลามีเยอะ”


                “ถึงตอนนั้นขอจับอย่างอื่นแทนนะ”


                “ใช่เวลามั้ยเนี่ย ไปเหอะ ผู้ใหญ่รออยู่”


                “วันนี้จะเป็นไรมั้ยซิน” ผมถามขึ้นเบาๆ ขณะที่ปล่อยมือเขาและขับรถออกมา


                บอกตรงๆเลยว่าผมกลัว ถ้าเกิดคนพวกนั้นบอกให้ปลดผมออกล่ะ เขาเป็นเจ้านายซินกับคุณโอ๊ต ซินกับคุณโอ๊ตก็ต้องทำตามใช่มั้ย แต่ผมไม่มีทางยอมแน่ๆ ผมมั่นใจว่าผมวางตัวถูกแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นมันก็เป็นอุบัติเหตุทั้งนั้น โตๆกันแล้วก็น่าจะเข้าใจ หวังว่าผลที่ออกมาจะไม่ใช่ในทางลบนะ


                “มันต้องไม่เป็นไร”


                ผมหันไปหาซินที่ส่งยิ้มนิดๆมาให้ ผมจึงยิ้มกว้างตอบกลับไปพร้อมกับยื่นมือไปบีบจมูกเขาส่ายไปมา


                “น่ารักเกินไปแล้ว”


                “ปล่อยเลย เจ็บ” ซินยกมือขึ้นมาหยิกมือผมเบาๆ ผมถึงได้ปล่อยเขา และเลื่อนขึ้นไปลูบหัวเขาแทน


                “ไม่ว่ายังไงฉันจะไม่ไปไหนแน่ๆ จะอยู่ข้างนายอยู่ตรงนี้นี่แหละ แค่ฉันเท่านั้นที่ดูแลนายได้ดีที่สุด ไม่ยอมยกหน้าที่นี้ให้ใครหรอก”


                “หึ ทำให้ได้อย่างที่พูดแล้วกัน ปล่อยเลย ลามปามเกินไปแล้ว” ซินพูดเบาๆก่อนจะโยกหัวหลบมือผม


                ผมหัวเราะเบาๆก่อนจะชักมือกลับมา พอดีกับที่รถติดไปแดง ผมมองไปที่รถคันข้างๆ เป็นคุณลุงมีอายุคนหนึ่ง ส่วนอีกฝั่งก็เป็นฝรั่ง ไฟแดงนี่ก็นานเหลือเกินครับ ไม่เหมือนตอนไฟเขียวเลยนะ เผลอกระพริบตาทีเดียวนี่ก็เหลืองแล้ว


                หันมามองคนข้างตัวก็เห็นว่าเขากำลังกดโทรศัพท์ผมเล่นอยู่ ฮั่นแน่ แอบเช็คโทรศัพท์ผมนี่หว่า หึหึ


                “ดูอะไรครับ”


                “เปล่า”


                “ไม่มีเบอร์สาวหรอกน่า”


                “ก็ไม่ได้ดูซะหน่อย”


                “ถึงมีก็ไม่เมมชื่อให้จับได้หรอก”


                สายตาเขียวปั้ดถูกส่งมาให้ทันที ฮ่าๆ ไหนบอกไม่ได้ดูไงจ๊ะ แหม น่ารักขนาดนี้จะต้องไปหาใครอีกล่ะครับ ไปไหนไม่รอดหรอกไอ้นัทเนี่ย


                “ซิน เป็นสิวเหรอ” ผมถามเขาพร้อมกับยื่นหน้าไปใกล้ๆ เจ้าตัวรีบหันหน้ามาหาผมทันที


                “ตรงไหน มีเหรอ เมื่อเช้าส่องกระจกไม่เห็นมี”


                “ไหนขอดูใกล้ๆหน่อย” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆอีก ซินหรี่ตามองผมทันที ก่อนจะยกมือขึ้นและ ...ตบหัวผมหนึ่งทีแบบเน้นๆ ขอย้ำว่าเน้นๆ


                “เจ็บนะซิน!”


                “มุกเดิมๆใช้ไม่ได้ผลหรอกว่ะ ขอโทษที” ซินยิ้มแสยะมองผมก่อนจะหันไปกดโทศัพท์ผมต่อ


                รู้ทันได้ไงวะ! ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆพร้อมกับออกรถเมื่อไฟเขียว โธ่... นึกว่าจะได้กำลังใจก่อนไปถึงสนามรบซะหน่อย เซ็งเลยอ่ะ เฮ้อ


                ขอให้วันนี้ผ่านไปด้วยดีที่เถ๊อะ สาธุ!     


TBC.
....
เอาคู่จิ้นมาเสิร์ฟแล้วค่าาาา
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นน้าาาา
ชอบเสียงกรี๊ดในเม้นจัง ฮ่าๆ
ขอบคุณที่ติดตามผลงานและชอบนะคะ ดีใจมากกกกเลย ^^
เจอกันตอนหน้าค่า

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai5:

จะผ่านไหม น๊า !!

Mauve

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
เป็นกำลังใจให้นัทกับซินนะตอนนี้ยังน่ารักและแอบหวานกันด้วย

ออฟไลน์ toshika

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 819
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-4
ลุ้นตล๊อดดดดดดดด  ผู้ใหญ่จะว่ายังไงบ้างเนี่ย

ขอให้ผ่านไปได้นะคะ

พี่บอดี้การ์ดนี้ ได้ทีหยอดตลอดดดดดดดดดด :hao3:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
พ่อขู่ตลอดเวลา555 :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ลุ้นทุกตอน ซินกับนัทจะเจออะไรอีก

พ่อตาก็โหดเนอะ

รอตอนต่อไป เจ้าคะ

Eucalyp

  • บุคคลทั่วไป
13

((โกรธ))


 
                ทันทีที่มาถึงบริษัท เราก็รีบตรงไปหาคุณโอ๊ตทันที คุณโอ๊ตกำลังคุยเรื่องงานกับศิลปินคนอื่นอยู่ เราจึงต้องนั่งรอกันอยู่ที่นอกห้องพักหนึ่ง ก่อนที่ศิลปินคนนั้นจะออกมา ซินก็พูดทักทายเขาไปนิดหน่อย พอเขาไปเราก็เข้าไปในห้อง แล้วเราสามคนก็ไปพบผู้ใหญ่ที่นัดไว้พร้อมกัน แต่ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป คุณโอ๊ตก็หันมากำชับกับผมอีกรอบ


                “พยายามทำใจเย็นๆ ไม่ว่าพวกผู้ใหญ่จะพูดอะไร โกรธแค่ไหนก็ต้องเก็บเอาไว้ก่อน พยายามอย่าใช้อารมณ์เพราะมันจะไปกันใหญ่ โอเคนะ”


                “ครับ”


                “โอเค” คุณโอ๊ตหันไปเคาะประตูห้องสองสามครั้ง ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป


                ภายในห้องมีโต๊ะยาวคล้ายโต๊ะประชุมอยู่ตรงกลาง มีคนนั่งอยู่แล้วสามคน สองคนค่อนข้างมีอายุนิดหน่อย ส่วนอีกคนน่าจะอายุมากกว่าพวกเราไม่มาก


                “สวัสดีครับ” ซินกับคุณโอ๊ตกล่าวทักทายโดยที่ผมก็สวัสดีตามไปด้วยก่อนจะนั่งลง ทั้งสามคนก็ทักตอบกลับมาอย่างคุ้นเคย ก่อนจะหันมามองทางผม


                เราสามคนนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับพวกเขาครับ เริ่มที่ผม ซิน แล้วก็คุณโอ๊ต


                “คนนี้สินะ” หนึ่งในนั้นพูดขึ้น ผมรีบหันไปมองหน้าคุณโอ๊ตทันที


                “ครับคนนี้แหละครับ บอดี้การ์ดของซิน” คุณโอ๊ตตอบ


                “เห็นข่าวแล้วใช่มั้ย” ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งถามผม


                “เห็นแล้วครับ” ผมจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงมั่นคง แค่คิดว่าผมไม่ได้ผิดอะไร ก็ไม่จำเป็นต้องกลัว


                “คิดว่ายังไงบ้าง”


                “ก็ไม่ได้คิดว่ายังไงครับ” ผมตอบกลับไปเสียงนิ่งๆ ซินรีบหันมามองผมในทันที ก็ไม่มีอะไรจำเป็นต้องคิด เพราะมันไม่มีอะไร


                “ไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจบ้างเหรอกับสิ่งที่เกิดขึ้นน่ะ”


                “ไม่ครับ เพราะมันคืองานที่ผมต้องทำอยู่แล้ว ส่วนเรื่องโฟโต้บุ๊คนั่นก็น่าจะเคลียร์ไปเรียบร้อยแล้ว”


                “เรื่องโฟโต้บุ๊คนั่นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร กระแสที่ตามมาต่างหากที่เป็นปัญหา”


                “เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ ตอนนี้มีกระแสอะไรออกมาก็น่าจะรู้ๆกันอยู่แล้ว ซึ่งทางเราเนี่ยไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ เพราะมันค่อนข้างที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของซินเสียหาย แล้วอีกอย่างหน้าที่คุณก็คือบอดี้การ์ด ไม่ควรจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ซินเองอยู่ตรงนี้มานานก็น่าจะเข้าใจเรื่องนี้ดีไม่ใช่เหรอ” ผู้ใหญ่อีกคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ มือผมที่อยู่บนหน้าตักกำเข้าหากันในทันที


                “เข้าใจครับ เพียงต่ว่า...” ซินที่กำลังตอบต้องหยุดลงเพราะผู้ใหญ่คนนั้นพูดแทรกขึ้นมา


                “การกระทำตัว หรือการวางตัวควรทำยังไง ซินก็น่าจะรู้ เพราะที่ผ่านก็ทำได้ดีมาตลอด แต่แล้วอยู่ๆทำไม...”


                “ไม่เกี่ยวกับซินหรอกครับ เรื่องทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของซินเลย มันก็เป็นแค่กระแสที่แฟนคลับเขาคิดกันขึ้นมาเอง ไม่ใช่ความผิดของเราสักหน่อย!” ไม่ไหวนะครับ ถ้าจะพูดกันไม่รู้เรื่อง อยู่ๆมาว่าซินทำไม เจ้าตัวอยู่เฉยๆแท้ๆ ซินกับผมกอดกันกลางเวทีเหรอ บอกรักกันออกสื่อหรือไงกัน!


                “นัท...” ซินหันมาเรียกชื่อผมเบาๆ ก่อนจะบีบแขนผมที่อยู่ใต้โต๊ะเพื่อให้ใจเย็นๆ


                “เอ่อ คือยังนี้ครับ” คุณโอ๊ตพยายามจะช่วยไกล่เกลี่ยให้อีกคน แต่ก็ต้องหยุดไป เพราะคนพวกนั้นไม่เปิดโอกาสให้พูดต่อ ยังคงพูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร


                “ในฐานะที่คุณเป็นคนทำให้เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้น และตัวศิลปินเองก็เดือดร้อน เราคงปล่อยให้คุณทำหน้าที่นี้ต่อไปไม่ได้อีก เพราะถ้าขืนปล่อยไปมากกว่านี้ กระแสนี้ก็จะแพร่หลายไปมากยิ่งขึ้น และคงเกินสามารถเราที่จะลบกระแสนี้ทิ้งไป” เขายื่นรูปที่คาดว่าคงก็อบมาจากในเน็ต และปริ้นออกมาให้พวกผมดู รูปซินที่ตกจากเวทีมาอยู่ในอ้อมกอดผมนั่นเอง


                “ผมไม่สน เรื่องนี้มันไม่มีเหตุผลอะไรเลย ผมไม่ได้ทำอะไร ซินเองก็ไม่ได้ทำอะไร ที่ผมทำไปทั้งหมดก็คือหน้าที่ เพื่อความปลอดภัยของซิน แล้วถ้าจะเอารูปบ้าๆนี่มาอ้าง ผมก็บอกได้เลยว่ามันเป็นอุบัติเหตุ มันเป็นมุมกล้อง พวกคุณซะอีกที่ทำงานตรงนี้มานานแต่กลับไม่เข้าใจ” ผมผุดลุกขึ้นยืนและพูดเสียงดังในทันที


                ซินรีบคว้ามือผมเอาไว้ และดึงลงให้ผมนั่ง แต่ผมฝืนไว้ ทำไม ผมเองก็มีเหตุผลของผมเหมือนกัน จะห่วงแต่ชื่อเสียงของค่ายตัวเอง โดยที่ไม่สนใจความรู้สึกของศิลปิน นึกอยากจะพูดอะไรก็พูดได้งั้นสิ ศิลปินอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีค่ายก็จริง แต่ค่ายเองก็อยู่ไม่ได้เหมือนกันถ้าไม่มีนักร้อง! นี่มันเรื่องบ้าบอแท้ๆเลย


                “พวกคุณจะบอกว่าพวกคุณไม่แคร์เหรอ ที่มีข่าวแบบนี้ออกมา ไม่รู้สึกแย่เลยเหรอที่มีคนหาว่าพวกคุณเป็นเกย์”


                “ผมไม่แคร์ สิ่งเดียวที่ผมแคร์คือความปลอดภัยของนักร้องของผม ไม่ว่าพวกคุณจะพูดว่าอะไร ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมมั่นใจว่าผมทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว”


                “เอ่อ... เอ่อ...” คุณโอ๊ตลุกขึ้นจากโต๊ะในทันที พลางหันมามองทางผมอย่างไม่รู้จะทำยังไง


                “ผมว่าให้นัทออกไปรอด้านนอกดีกว่า แล้วเดี๋ยวคุยกับเราสองคนแทน คือว่า...”


                “ไม่ต้องหรอก แค่นี้ก็น่าจะพอเข้าใจแล้ว” แต่ทางด้านนั้นกลับตอบกลับมาด้วยใบหน้านิ่งเฉย


                “ต่อไปนี้เราจะระวังให้มากกว่านี้ครับ จะพยายามไม่เข้าใกล้กันมากเท่าที่ควร จะวางตัวให้ดีกว่านี้ เรื่องที่ผ่านมาเราต้องขอโทษด้วยครับ”


                ผมรีบหันไปมองซินที่ยกมือไหว้ก้มหัวให้พวกผู้ใหญ่ทันที ทำไมล่ะซิน ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย! ความผิดเราเหรอ ทำไม...


                “พอๆ พอได้แล้ว” แต่คนที่นั่งมองพวกเราเงียบๆมาสักพักกลับพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม


                รอยยิ้ม...?


                “ปฏิกิริยาตอบโต้ดีเหลือเกินนะคุณบอดี้การ์ด น่าประทับใจมากทีเดียว”


                ผมนิ่งไปทันที


                หืออ...? นี่เขากำลังพูดเรื่องอะไร ผมไม่เข้าใจ ผมรีบหันไปมองซินอย่างงงๆ ซึ่งซินเองก็กำลังมองสามคนนั้นอย่างแปลกใจเช่นกัน


                “ที่เรียกมาคุยนี่ก็แค่อยากจะดูปฏิกิริยาของพวกคุณเฉยๆ ว่าจะเป็นยังไง โดยเฉพาะคุณ” คนพูดหันมามองทางผม


                อะไรวะ ผมงง ใครก็ได้อธิบายที คนพวกนี้กำลังทำอะไรอยู่


                “ดูแลซินดีเหลือเกินนะ ความจริงแล้วก็ไม่ได้มีอะไรหรอก แค่อยากเรียกมาคุยเฉยๆ ว่าเพลาๆลงหน่อย ให้มันมีข่าวพอกรุบกริบได้ สร้างกระแสน่ะมันก็ดี แฟนคลับก็ชอบด้วยนี่ ถือว่าเซอร์วิสแฟนๆไปละกัน”


                คุณโอ๊ตปล่อยแฟ้มที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะเสียงดัง ทำให้ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว คุณโอ๊ตที่ยกมือขึ้นทาบอกรีบหยิบแฟ้มขึ้นมาก่อนจะยิ้มกว้าง


                ซินเองก็เข่าอ่อน นั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรงทันที เฮ้ย อธิบายที... ไอ้นัทตามไม่ทันครับ


                “นั่งก่อนเถอะคุณบอดี้การ์ด เอาเป็นว่าตอนนี้เราไม่ได้ทะเลาะกันแล้วนะ” ผมประมวลผมเรื่องทั้งหมดช้าๆ ก่อนจะตอบและค่อยๆนั่งลงที่เดิม


                “ค..ครับ”


                “โอเค การที่จะมาทำงานตรงนี้ พวกคุณต้องเจอกับความกดดันมากมาย ไม่ว่าคุณจะใช่หรือไม่ใช่อย่างที่ข่าวเขาว่า พวกคุณก็ต้องอดทน แล้วอีกอย่าง ผมก็แค่อยากรู้ว่าคุณดูแลนักร้องของผมได้ดีแค่ไหน คุณจะไม่กลัวข่าวแล้วหนีหายไปให้นักร้องของเราเดือดร้อนใช่หรือเปล่า แต่การที่คุณแสดงออกแบบนี้ มันก็ค่อนข้างที่จะชัดเจนอยู่แล้ว พวกเราก็ดีใจ ที่ได้คนแบบคุณมาดูแลความปลอดภัยของศิลปินให้เรา แถมยังช่วยสร้างกระแสให้ได้ด้วย แบบนี้มันก็โอเคอ่ะนะ แค่อย่าเยอะไปก็พอ คุณทำดีแล้ว ก็ทำดีแบบนี้ต่อไปละกัน”


                เข้าใจคำว่ายกภูเขาออกจากอกก็วันนี้แหละครับ ให้ตายเถอะ นี่ลองใจกันหรือไง นี่มันฆ่ากันตายทางอ้อมแท้ๆเลย ผมถอนหายใจก่อนจะยิ้มออกมานิดๆ


                “ขอบคุณครับ” ผมได้ยินตัวเองพูดตอบกลับไปแบบนั้น ตัวมันเบาหวิวๆ ทำอะไรลงไปก็ยังไม่ค่อยจะรู้ตัวครับตอนนี้


                “เอาล่ะ พวกคุณไปได้แล้ว ขอบคุณที่มาวันนี้”


                “ขอบคุณครับ” แล้วพวกเราก็พูดขอบคุณพร้อมกัน ก่อนจะเดินออกมาจากห้อง


                ทันทีที่ปิดประตูลง คุณโอ๊ตก็ยกมือขึ้นกุมหัวตัวเอง


                “โอ๊ยยย เมื่อกี้ความเครียดทำให้อายุกูสั้นลงไปสิบปี!! นึกว่าหัวใจจะวายย” ก่อนที่แกจะหันมาทางผม


                “เอ็งน่ะ! ทำข้าจะตาย! ใครใช้ให้เถียงผู้ใหญ่แบบนั้นฟะ!! โอ๊ย เส้นเลือดในสมองแทบแตก”


                “ก็เขาพูดไม่ถูก ...สุดท้ายก็ออกมาดีไม่ใช่หรือไง” ผมเองก็ยกมือขึ้นลูบหน้าอกตัวเองเบาๆ หัวใจยังเต้นแรงอยู่เลย ไม่อยากจะเชื่อ


                “กลับๆ บ้านใครบ้านมันเลย!” แล้วคุณโอ๊ตแกก็เดินโวยวายออกไป โดยที่มีซินมองตามไปขำๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะหันมามองผม ดวงตาเป็นประกายแปลเปลี่ยนไปเป็นโกรธเต็มที่ทันที


                ฉิบหาย สงสัยจะโล่งใจไวไปครับ...


 

                ซินคว้าแขนผมก่อนจะบีบแรงๆ แล้วลากไปที่ห้องประจำของเราในบริษัททันที ทันทีที่ถึงซินก็เปิดประตูเข้าไป ก่อนจะเหวี่ยงผมลงบนโซฟาตัวประจำของเขาเต็มแรง จุกเลยสิครับ


                “อะ..อะไรอ่ะซิน”


                “บอกแล้วไง! ว่าให้ใจเย็นๆ ถ้าเมื่อกี้นี้ทางผู้ใหญ่เขาไม่ได้ล้อเล่นขึ้นมาจะทำยังไง ไปเถียงเขาแบบนั้นน่ะโดนไล่ออกได้ง่ายๆเลยนะ ทำไมไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจตัวเอง! ควบคุมอารมณ์น่ะ ทำไม่เป็นหรือไง!” ผมมองซินที่ขึ้นเสียงว่าผมรวดเดียวจบโดยที่ไม่เว้นวรรคหายใจ ใบหน้าหวานแดงก่ำเลยครับ


                โมโหผมขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย...


                “ก็คนพวกนั้นกำลังว่านาย...”


                “ไม่ต้องมาแก้ตัว เราบอกแล้วว่าเราจัดการได้ เรื่องแบบนี้เราเจอมาตั้งเยอะตั้งแยะทำไมจะไม่รู้ว่าควรทำไง ทำไมพูดอะไรถึงไม่ฟังกัน!!”


                “คือว่า...”


                “ถ้าโดนไล่ออกไปจะทำยังไง! ถ้าต้องมีคนอื่นมาทำหน้าที่นี้แทนนายแล้วฉันจะต้องทำยังไง! คิดจะมาทำให้ฉันเป็นแบบนี้แล้วก็ทิ้งกันกัน หายไปเฉยๆแบบเดิมอีกแล้วหรือไง”


                “ซิน...” ผมเรียกชื่อซินช้าๆอย่างตกใจ เมื่อน้ำเสียงตวาดกลายเป็นเสียงสั่นเครือในตอนท้าย ก่อนที่น้ำใสๆจะหยดลงมาจากดวงตากลมโตเป็นทาง


                ผมชาวาบไปในทันที ซิน คิดมากเรื่องนี้ขนาดนั้นเลยเหรอ... ซินโกรธมากผมรู้ดี ดูได้จากสรรพนามเรียกแทนตัวเองที่เปลี่ยนไป แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนั้นเลยนะ ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งกันไปไหนเลย ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ๆซินนะ...


                ผมค่อยๆเอื้อมมือไปจับมือบาง แต่เจ้าตัวก็สะบัดมันทิ้ง ก่อนจะหมุนตัวหันหน้าหนีไปอีกทาง กำลังพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้คงที่ ผมจึงลุกขึ้นและเดินเข้าไปใกล้ๆเขา จับไหลบางให้หันมามองหน้ากัน ดวงตาสวยกำลังแดงช้ำเพราะน้ำตา ซึ่งสาเหตุนั้นมาจากผมเอง


                “ขอโทษ...” ผมเอ่ยออกไปเบาๆ ไม่อยากเห็นเลย น้ำตาของคนที่เรารัก ไม่อยากเห็นมันไหลออกมาอีกเพราะผมเลย...


                ตากลมโตกระพริบถี่ๆ ก่อนจะบิดไหล่ออกจากมือผม


                “ช่างเถอะ ขอโทษ ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว” น้ำเสียงเย็นชากลับมาอีกครั้ง ซินเดินผ่านตัวผมไปก่อนจะนั่งลงบนโซฟาแทนที่ผม ผมถึงได้เดินกลับไปคุกเข่าลงตรงหน้าเขา


                “ซิน...” ผมยกมือไปคว้ามือเรียวมากุมไว้ ซึ่งเจ้าตัวก็หันหน้าหนีไปทางอื่น


                “ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆนะ ฉันเองก็ไม่ได้อยากไปไหน อยากจะทำงานอยู่ข้างๆนายตรงนี้ ที่ทำไปก็เพราะว่านัทอยากอยู่ใกล้ๆซินนะ”


                “....” คนสวยของผมก็ยังคงไม่มองหน้ากันอยู่อย่างนั้น


                “ขอโทษ ฉันขอโทษ ฉันผิดเอง ฉันโมโหมากไป ฉันไม่ยอมควบคุมอารมณ์ตัวเอง นิสัยไม่ดี แต่ซินอย่าเป็นแบบนี้สิ นะ... ไม่เงียบ ไม่เย็นชาใส่กันแบบนี้นะคะ”


                “....” เงียบ


                “ซิน... ไม่เอาแบบนี้อ่ะ หายโกรธนะ สัญญาว่าต่อไปนี้จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว จะฟังซิน เชื่อซินทุกอย่างเลย”


                “....” ก็ยังคงเงียบ ไอ้นัทจะร้องไห้แทนแล้วนะครับ


                “ซิน หายโกรธเถอะนะ ให้ทำอะไรยอมทุกอย่างเลย...” คนสวยหันมามองทางผมในทันที


                “ทุกอย่างแน่นะ” ซินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก


                เอ่อ...ชักไม่ชอบแบบนี้แล้วสิ...               

Eucalyp

  • บุคคลทั่วไป
                ตอนนี้ผมกำลังเป็นคนขับรถของคุณหนูซินอยู่ครับ คุณหนูซินเธอบอกว่าอยากกลับบ้าน ผมก็ต้องไปส่งเพราะพูดไปแล้วว่าจะยอมทุกอย่างเลย แต่จน ณ บัดนี้ คุณซินก็ยังคงไม่หยุดแผ่รังสีเย็นเยือกออกมานะครับ และยังคงพูดน้อยคำเหมือนเดิม


                ทันทีที่ถึงบ้าน ซินก็เปิดประตูและเดินเข้าไปในบ้านเลย ไม่เปิดประตูรั้วให้ ไม่ได้หันมาบอกอะไรทั้งนั้น อ่าว... แล้วผมควรทำไงล่ะครับ ตามซินเข้าไป หรือว่ายังไงดี


                “จะเข้ามาป่ะ หรือจะกลับบ้าน แล้วแต่นะ อยากไปไหนก็ไป” ซินเดินออกมาเรียกผมที่กำลังยืนเก้ๆกังอยู่หน้าบ้านเขา แหม... แล้วแต่นะ แต่น้ำเสียงนี่ไม่ได้ฟังดูเหมือนแล้วแต่เลยนะครับ


                ผมเดินตามซินเข้าไปในบ้าน ห้องนั่งเล่นว่างเปล่าครับ ไม่มีคุณม้าหรือคุณป๊าอยู่เลย เอ๊ะ หรือว่าจะไม่มีคนอยู่


                “ป๊ากับม้าไม่อยู่เหรอซิน” ผมถามซินที่เดินออกมาจากในครัวพร้อมแก้วน้ำในมือ แต่แก้วใบเดียวนะครับ สำหรับตัวเขาเอง ส่วนผม ถ้าหิวก็หากินเองครับ


                “เห็นใครมั้ยล่ะ” เสียงหวานตอบกลับมาพร้อมกับเดินมาทิ้งตัวลงที่โซฟา


                “ไม่เห็นครับ แหม... ก็แค่ถามดู”


                “ป๊ากับมาไปทำธุระ กลับค่ำๆมั้ง”


                “ชวนมาบ้านสองต่อสองนี่คิดไรเปล่าเนี่ย” ผมยื่นหน้าไปแซวใกล้ๆ ซินเงื้อแก้วขึ้นทำท่าจะสาดน้ำใส่ผมทันที


                “อย่าๆๆ ล้อเล่นเฉยๆเองซินอ่ะ”


                “เราโกรธอยู่นะ”


                “ครับ ทราบแล้วครับว่าโกรธ ถึงได้มานั่งให้โขกสับอยู่ตรงนี้นี่ไง” ผมกระแซะไปใกล้ๆเขาก่อนจะเห็นแมวตัวหนึ่งเดินออกมา มันชื่อว่าทองครับ แมวซินเขานั่นแหละ ผมมองมันเดินมาก่อนจะกระโดดขึ้นตักเจ้านายมัน ซินก็วางแก้วน้ำลงก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวมัน


                เห็นท่าทางสบายๆแบบนั้นแล้วมันหมั่นไส้ ผมเลยยื่นมือเข้าไปใกล้ๆมันบ้าง


                “เฮ้ย...” ชักมือกลับแทบไม่ทันครับ เพราะไอ้คุณทองมันเล่นกางเล็บออกมาตะปบกันซะงั้น ซินนี่ขำคิกคักเลย


                “นิสัยไม่ดีเลย เวลาเล่นทำไมไม่เก็บเล็บ” ผมหันไปดุมัน ซึ่งมันก็ลอยหน้าลอยตามองผมอย่างไม่รู้ไม่ชี้ เหมือน... เหมือนมากครับ เหมือนเข้านายมันมากๆ


                “อย่าว่านะ ทองนิสัยดี คนบางคนต่างหากที่นิสัยไม่ดี ทองเลยไม่ชอบ” โอ้โห ใช่ซี้ ไอ้นัทคนนี้ทำอะไรก็ผิดไปหมดแหละ


                ซินอุ้มทองขึ้นมาอยู่ในระดับอก ก่อนจะเอาจมูกไปถูๆหัวมัน โอ้ยยยยย อิจฉาโว้ยยยย ซินของผมนะน่ะ!! ไอ้ท้องง ไอ้แมวบ้าเอ๊ยย


                “ซินนนน อย่าทำแบบนั้นนน” ผมดึงแขนซินที่อุ้มไอ้ทองอยู่ออก ไอ้ตัวปุยสีส้มมันจึงยกมือขึ้นตะปบผมอีกที


                อ๊ากกก เพราะแบบนี้ผมถึงไม่ชอบแมวไง ทำไม่รู้จักเก็บเล็บวะ เลือดออกเลยเนี่ย


                “ซิน มันข่วนฉันอ่ะ เลือดออกด้วย” ผมรีบยื่นมือไปฟ้องซินทันที ซึ่งเจ้าตัวก็ทำเป็นไม่สนใจ


                “สมน้ำหน้า เน้อะทองเน้อะ ...อะไรนะ ทองว่าอะไรนะ หิวน้ำเหรอ อยากให้นัทไปเอาน้ำให้เหรอ” ผมมองซินที่ก้มลงคุยกับทองเบาๆ อะไรครับ โกรธผมอะเข้าใจ แต่ตอนนี้ทำอะไรอยู่ครับ กำลังสื่อสารกับแมวเหรอซิน ฮ่าๆๆ น่ารักไปแล้ว หมั่นเขี้ยวจริงๆเล้ย ผมเลยเอื้อมมือไปอยากจะหยิกแก้มยุ้ยๆนั่นซะทีหนึ่ง


                “อย่านะ” แต่ซินกลับยกไอ้ทองมาขึ้นมาตะปบมือผมแทน หน็อย เดี๋ยวถ้าซินเผลอเมื่อไหร่นะ จะเอามันใส่หม้อต้มยำ


                “หายโกรธได้หรือยังครับ” เอาลูกอ้อนเข้าว่าไว้ก่อนครับ


                “ยัง”


                “แล้วจะให้ฉันทำไงอ่ะ” ซินมองผมยิ้มๆก่อนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา


                “ทองบอกว่าหิวน้ำ นัทไปเอาน้ำให้ทองหน่อยสิ”


                น้ำ... โอเค ได้ แค่นี้จิ๊บๆ พักยกทะเลาะกับแมวก่อนก็ได้ เพื่อดีกับซิน แค่นี้คุ้มแสนคุ้มครับ ผมลุกขึ้นทำท่าจะเดินเข้าไปในครัว แค่ซินกลับเรียกเอาไว้ซะก่อน


                “จะไปไหน”


                “ไปเอาน้ำให้ไอ้ทองไง”


                “ที่ไหน” ซินหันมาทำตาบ้องแบ๊งใส่กัน อย่าๆ โกรธอยู่ก็กดได้นะครับ... เอ๊ยย ไม่ใช่แล้วว หื่นขึ้นทุกวันละนะผมเนี่ย


                “ในครัว”


                “ทองไม่กินน้ำเปล่า ทองอยากกินน้ำแร่ เน้อะทองเน้อะ” หันไปพูดเป็นตุเป็นตะกับแมวอีกแล้วครับ แหมไอ้ทอง กระแตมาก อยากกินน้ำแร่


                “โอเคครับ น้ำแร่อยู่ไหนครับ ในตู้เย็นใช่มั้ยครับคุณทอง” เอากับเขาหน่อยครับ ยอมมาถึงขั้นนี้แล้ว


                “อยู่ที่เซเว่น หน้าปากซอย” ผมนี่หยุดกึกในทันที หน้าปากซอย... หน้าปากซอย! ไม่ใช่ใกล้ๆนะครับ เริ่มเห็นความซวยมารำไร เพราะดูท่าคุณซินเธอคงไม่ให้ผมขับรถไปแน่ๆครับ


                “ไกลไปมั้ยครับทอง กินน้ำเปล่าก็พอมั้งครับ”


                “ตามใจนะ ไม่อยากไปก็กลับบ้าน”


                “โหซิน พูดแบบนี้บอกมาเลยดีกว่าว่าต้องไปอ่ะ”


                “ก็ไม่ได้บังคับ ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป”


                แล้วผมปฏิเสธได้เหรอครับ... แดดตอนนี้ก็ไม่ใช่น้อยเลยนะครับเนี่ย แดดประเทศไทยอ่ะครับ ที่คนในเฟสเข้าบอกกันว่าตากผ้าผ้ายังไหม้เลยอ่ะครับ แล้วกระผมต้องแบกหน้าหล่อๆออกไปตอนนี้อ่ะ แต่เพื่อ(แมว)ซิน ผมก็ต้องยอมครับ


                “โอเคๆ ไปก็ไป ขับรถไปได้มั้ย ไปด้วยกันเปล่า”


                “ใกล้แค่นี้ไม่ต้องขับรถไปหรอก ช่วยชาติประหยัดน้ำมัน เดินไปแหละ แป๊บเดียว หรือจะขี่จักรยานไปก็ได้นะ แต่เอ๊ะ... ยางมันแตกนี่นา เดินไปแหละดีแล้ว”


                นั่นแหละครับ ชะตากรรมของผม


                “แต่เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่งไป ข้างนอกมันร้อน หาไรใส่หลบแดดหน่อยดีกว่า”


                ผมนี่หูตั้งรีบเดินไปหาซินทันที อย่างน้อยก็ห่วงกันละว้า ปากร้ายใจดี... น่ารักที่สุดอ่ะคนเนี้ยะ ^^


                “รอเนี่ย เดี๋ยวไปเอามาให้” พูดจบซินก็อุ้มทองมาวางไว้บนโซฟา เขาเองก็เดินขึ้นข้างบน


                หึหึ ไอ้ทอง อยู่ตัวเดียวแล้วนะเมิงงง เสร็จกรู... ผมอาศัยจังหวะที่มันกำลังเลียขนตัวเองอยู่ ยื่นมือเข้าไปใกล้ๆมันอย่างระมัดระวัง และทันใดนั้นผมก็ดีดหูมันสุดแรง! เพี๊ยะ!! สะดุ้งเฮือกเลยครับ ฮ่าๆๆๆ สะใจโว้ยยย ไอ้ทองรีบลุกขึ้นหางชี้ตั้ง พองขนในทันที มาเด้ มาเล้ยย ซินไม่อยู่นัทสู้ตายเว่ยเฮ้ย!


                “ทำไรอ่ะ” เสียงซินดังขึ้นที่บันไดทำให้ผมรีบหันไปมองเขาทันที


                “เปล่าครับ” ก่อนจะยิ้มแป้นตอบกลับไป


                แต่เฮ้ย... อะไรอยู่ในมือซินครับ สีชมพูสะท้อนแสงเลยนะครับ แถมเป็นเส้นๆ หมวกแบบนี้มีด้วยเหรอซิน...


                โอ้ว... เมื่อมองดีๆแล้วมันไม่น่าจะใช่หมวกอ่ะครับ มันคือ...


                วิกผม สีชมพู ชมพูแบบชมพู๊ชมพูอ่ะครับ ชมพูสะท้อนแสงอ่ะ พอนึกภาพออกมั้ย เอามาทำไมจ๊ะที่รัก หวังว่าคงจะไม่...


                “ใส่นี่ไปด้วยนะ”


                =[]=


                ……


                หูแว่ว หรือว่าหูฝาด หรือว่าซินพูดผิด หรือว่า... ไม่นะครับ ม้ายยยย


                “ล่อเล่นเปล่าซิน ใครจะใส่วิกนั่นเดินนอกบ้าน อายเขาตายเลย” เหงื่อเย็นๆเริ่มไหล่ออกมาตามไรผม ตอนนี้อยู่ในสภาวะเครียดจัดแล้วครับ


                “ไหนบอกว่าจะทำทุกอย่างไง” น้ำเสียงเย็นชาแบบจัดเต็มมาอีกแล้วครับ


                “โธ่ซิน.. จะให้นัทใส่ให้ซินดูทั้งวันอ่ะนัทยอมเลย แต่ถ้าจะให้ใส่ไอ้นี่ไปเดินเซเว่น... มัน....” ใครเขาจะได้หาว่าผมบ้าสิครับเนี่ย แดดร้อนแบบนี้ เขาจะหาว่าผมสติแตกไปปล้นเซเว่นหรือเปล่า


                “แล้วแต่นะ ไม่ได้บังคับ” ตามมาด้วยน้ำเสียงห้วนแบบไร้เยื่อใย...


                ผมสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ เอาวะ!! เพื่อซินเลยนะ เพื่อซินคนเดียวเลย!


                “โอเค้ ใส่ก็ใส่ ใส่มาเลย! แต่ถ้ากลับมาแล้วต้องดีกันนะ”


                “โอเค” ซินตอบกลับมาเบาๆ ผมเห็นนะเว้ยว่ากัดปากกลั้นยิ้มอยู่อ่ะ


                ร้าย... ร้ายกาจมากก เดี๋ยวก่อนเถอะ ถึงทีผมบ้างล่ะน่าดู!


                ในที่สุดซินก็ยัดไอ้วิกนั่นลงบนหัวผมได้สำเร็จ ยังมีการเอากระจกมาส่องให้ผมดูด้วยนะ แล้วพอใส่ให้เสร็จแล้วก็เลิกเก๊กเลยครับ ขำออกมาแอบสุดชีวิตโดยที่ไม่กลัวผมอายกันเลยทีเดียว


                “สวยว่ะนัท ฮ่าๆๆ ใส่บ่อยๆนะ โคตรสวยเลยอ่ะ” ซินชี้หน้าผมพูดไปขำไป


                “แหม ขำแบบนี้หายโกรธแล้วใช่ป้ะ จะได้ไม่ต้องไป” ชะงักกึกเลยครับ หน้านิ่งขึ้นมาทันที แห๊ม เก่งนะเนี่ย รางวัลออสก้าปีนี้ยกให้ซินเลยดีมั้ย


                “ยัง!” เสียงดังฟังชัดมากครับ


                “โอเค งั้นไปแล้วนะ”


                “ยังก่อน ยังไม่ครบองค์ประกอบ” ซินมองผมนิ่งๆก่อนจะควักอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เอาอะไรมาเซอร์ไพรส์ผมอีกล่ะครับ!


                “ผมสวยแล้ว แต่หน้ายังไม่สวยเลย”


                ลิปสตลิกครับผม... สีแดง สวย เป็นมันแวววาว ของมียี่ห้อด้วยนะครับ...


                “เดี๋ยวๆๆ ซิน มีของพวกนี้ได้ไงเนี่ย อย่าบอกนะว่าที่โลกส่วนตัวสูงนี่ก็เพราะ....”


                “เลิกคิดเลยนัท” ซินผลักหัวที่ใส่วิกแสล๋นนี่ทันทีก่อนที่ผมจะพูดได้จบ


                “วิกนี่ได้มาตอนงานปีใหม่บ้านญาติๆ ไม่รู้ป๊าหรือม้าหยิบติดมา ส่วนลิปสติกนี่ก็ของม้า ไม่ต้องคิดบ้าๆเลย เดี๋ยวจะไม่ได้ไปแค่เซเว่น”


                “โอเคครับ ยอมทุกอย่างเลย แค่เซเว่นนี้ก็พอแล้วครับพ่อคุณทูลหัวทูลกระหม่อม”


                “หึหึ” กลั้นขำเต็มที่เลยนะซิน...


                สุดท้ายผมก็ต้องยอมให้ซินระแรงลิปนั่นลงบนปากผมจนเสร็จ แต่เข้าใจคนไม่เคยทาลิปให้คนอื่นมั้ยครับ มันก็เลยเลยขอบปากออกไปทางนู้นทีทางนี้ที เยี่ยมมากครับ ไม่เคยเห็นตัวเองน่าสมเพชเวทนาขนาดนี้มาก่อนเลย


                “สวยมากเลยนัท!”


                เออ อยากพูดไรพูดไปเลยครับ ไอ้ทองตัวดีที่กระแดะอยากกินน้ำแร่มันหายหัวไปไหนแล้ววะ มาเซ่... มาร่วมกันเยอะเย้ยฉันร่วมกับเจ้านายแกอีกตัวสิ!


                “ไหน เอาโทรศัพท์นัทมาดิ้”


                ผมรีบกำโทรศัพท์ตัวเองเอาไว้อย่างหวงแหนทันที จะทำไมอี๊กกก


                “นัท... เอามา”


                “เดี๋ยวรีบไปรีบมาเลยไงซิน ไปนะ”


                “นัท...” รังสีเย็นยะเยือกแผ่ออกมาอีกแล้ว...


                “เราโกรธอยู่นะ...”


                “โอเคๆ ยอมแล้วๆ ยอมทุกอย่างเลยครับ อยากทำไรทำได้เต็มที่เลยครับที่รัก” ผมเดินสะดีดสะดิ้งไปหาซินก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้เขา ซินเองก็รับไปก่อนจะยกยิ้มนิดๆ


                “เอ้า ยิ้มหน่อยเร็ว”


                หึ! ผมก็แสยะยิ้มให้กล้องไป ไม่มีอะไรจะเสียแล้ววว


                “สวยมากเลย อ่ะ ไปได้แล้ว” ซินยื่นโทรศัพท์คืนให้ผม ไม่อยากดูแต่ก็ต้องดูครับ


                ทันทีที่เห็นหน้าจอที่ซินเปิดค้างไว้ ความดันก็ขึ้นทันที ...หึหึหึ อินสตาแกรม กับรูปสุดแสนจะอุบาท กับคำบรรยายใต้ภาพว่า...


                ไม่เคยสวยเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต ...จีบได้ ยังว่างอยู่...


                …ใครฟอลโล่กูอยู่ อันฟอลกูที...


                หลังจากนั้นก็ไม่ต้องบรรยายมากนักหรอกนะครับว่าผมบากหน้าไปเซเว่นยังไง คนนี่มองผมทั้งแต่หน้าบ้านยันปากซอย โชคยังดีที่แถวนี้ไม่มีคนรู้จักผม เพราะถ้าเป็นแถวบ้านล่ะก็ กิจการพ่อผมคงเจ๊งอ่ะ ลูกเจ้าของค่ายบอดี้การ์ดชื่อดัง เป็นบ้า เพราะอากาศร้อนเกินเหตุ คลุ้มคลั่งออกเดินรอบซอย อับอายสุดจิตสุดใจเลยครับ


                แต่ที่น่าอัปยศที่สุดนั่นคือไอ้พนักงานเซเว่นแม่งขอถ่ายรูปคู่กับผม!! เชรี่ยยยย ขอหยาบคายหน่อยเถอะ คนนี่มองกันให้พรึบพรั่บครับ หึ... แต่มีเด็ดกว่านั้น ด้วยคำพูดของไอ้พนักงานคนเดิม...


                “น้ำแร่ยี่ห้อนี้ไม่มีนะพี่ ผมว่าพี่ไปห้าง...ใกล้ๆนี่ดีกว่า น่าจะมี แต่ผมแนะนำให้พี่ลบลิปที่ปากหน่อยนะ มันเลยขอบปากอ่ะ ...ผมโคตรชอบพี่เลยว่ะ แม่งโคตรเจ๋งอ่ะ!”


                เวรรรรรรเอ๊ยย


                ก็คุณซินเธอกำชับมานักหนาว่าต้องเอายี่ห้อนี่เท่านั้น คงมั่นใจแน่นอนเลยล่ะสิว่ามันไม่มีอ่ะ ย๊ากกกก ใครบรรยายความรู้สึกผมตอนนี้ได้ช่วยบอกคนอื่นที!! ผมพูดไม่ออกแล้วครับบ อยากจะร้องไห้เป็นภาษาบาลี


                แล้วสุดท้ายผมก็ต้องแบกหน้าแหกๆนั่นกลับมาหาซิน ไม่ต้องคิดนะครับว่าผมจะไปห้างในสภาพนี้ ไม่ต้องคิดเลย!!


                “อ้าว มาแล้วเหรอ ทำไมหายไปนานจัง” ซินหันมาพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง กว้างมากครับ กว้างมากจนน่าหมั่นไส้


                “ไม่ต้องมายิ้มเลยยยย” ผมพุ่งเข้าหาซินทันที ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้หลบไปไหน นั่งหัวเราะงอหงายอยู่ที่เดิม หึ่ย..


                “แกล้งกันเหรอซิน!!”


                “มาถึงขั้นนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอนัท ฮาว่ะ ไหนๆ น้ำแร่อ่ะ”


                “มันไม่มี!!!”


                “มีก็แปลกแล้ว ฮ่าๆๆๆ”


                “หายโกรธได้ยัง” เปลี่ยนโหมดมาจริงจังก่อนครับ ยอมให้กันขนาดนี้แล้วถ้าไม่หายก็คงต้องแบกหน้าไปห้างจริงๆแล้วนะ


                “หายแล้ว สงสาร หึหึ” พูดไปขำไปนะซิน คราวนี้ถึงตาผมเอาคืนมั่งนะ!


                “ดี!!”


                “เฮ้ย...”


                ซินร้องเสียงหลงทันทีที่ผมโถมตัวเขาหาเขาและประกอบจูบลงไป เอาสิ ทาลิปมันด้วยกันนี่เลย


                “อื้อ...” ซินดิ้นไปมาอยู่สักพักก่อนจะนิ่งไป ผมจึงค่อยๆถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง มองหน้าหวานนิ่งๆ


                “นัทขอโทษนะซิน ต่อไปนี้อย่าร้องไห้อีกนะ สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ดีกันนะครับ”


                ซินยิ้มนิดๆก่อนจะพยักหน้า ผมจึงกดจูบลงไปบนหน้าผากเขาเบาๆ เลื่อนลงมาที่จมูก ก่อนจะจบลงที่กลีบปากสวยอีกครั้ง และถอยออกมาดูผลงานตัวเอง...


                ซินคงจะลืมไป ...ว่าปากผมเลอะอยู่ ฮ่าๆๆๆ


                ซินที่เห็นผมขำตาโตขึ้นทันทีก่อนจะยกมือขึ้นจับหน้าตัวเอง


                “ไอ้บ้า หน้าเราเลอะหมดเลย”


                “โอ๊ยๆๆ อย่าตีสิ เจ็บ ฮ่าๆๆๆ โอ๊ยซิน อย่ากัด!”


                นั่นแหละครับ แล้วเราก็จบลงด้วยเสียงหัวเราะเหมือนเช่นเคย


                หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผมต้องยอมซินมากมายขนาดนี้ แต่ถ้าคุณได้รักใครสักคน แล้วคุณเคยที่จะต้องเสียเขาไปในวันหนึ่ง แต่สุดท้ายคุณก็ได้เขากลับคืนมา ความเจ็บปวดที่คุณเคยได้รับจะทำให้คุณรู้ว่า คนคนนี้มีค่ากับคุณมากแค่ไหน ความอายที่ผมได้รับในวันนี้ เทียบไม่ได้เลย กับความรู้สึกตอนที่เสียซินไป


                ดังนั้นอะไรที่ยอมได้ ก็ยอมไปเถอะครับ ดีกว่าไม่เหลือใครไว้ให้คุณยอมเขาเลย... 


TBC.
...
แอบอยากเห็นพี่นัทสภาพนั้นนะ เคยเห็นแต่ใส่วิก 555
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นเช่นเคยค่าา
เจอกันตอนหน้านะคะ คุณผู้อ่านที่รัก! <3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ machan000

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :เฮ้อ:  โล่งอก นึกว่าจะโดนไล่ออกนะนี่

ว่าแต่ขอต่ออีกนิดไม่ได้หรอไรท์เตอร์   :mew2:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ชอบตรงนี้อ่ะที่พี่นัทบอกว่า ถ้าเรารักใครซักคน สูญเสียเค๊าไป

พอได้เค๊ากลับมา ถ้าเรายอมไรเค๊าได้ เราก็ยอมเค๊าไปถอะ

มันเป็นอะไรที่พระเอกมากเลย คนรักกันมันมาจากข้างในจริงๆ

 o13 :a5: o13

ออฟไลน์ toshika

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 819
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-4
พี่ซินแสบมาก....... :hao7:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
พี่ซินเล่นพี่นัทซ่ะแสบเลยอ่ะ
น่ากลัวมากกกกกก
^...^

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
น่ารักอีกแล้ววววววนึกว่าซินจะไม่หายโกรธนัทซะอีกแต่วิธีแก้เผ็ดของซินนี่เด็ดชะมัดเลยยย ฮ่าๆๆ

Mauve

  • บุคคลทั่วไป

คุณบอดี้การ์ดนี้แจ่มจรัสมากอ่ะ  o13
คุณหนูซินก้อช่างคิดวิธีแกล้งซะเหลือเกินเนอะ :katai2-1:






Eucalyp

  • บุคคลทั่วไป
14

((แปลกไป))


 
                หลังจากความอัปยศเมื่อวาน วันนี้ผมก็พบว่า คนไลค์อินสตาแกรมผมเยอะมากกก เยอะมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ รูปหล่อๆที่เคยมีมาไม่เคยได้ไลค์เยอะเท่านี้ เริ่มรู้สึกชีวิตดีขึ้น แต่ในทางไหนนี่ไม่ต้องคิดตาม... เคนะ หึ!


                วันนี้ศิลปินไร้งานอีกเช่นเคย ผมเลยต้องมาเดินเตร็ดเตร่อยู่ที่โรงฝึกเนี่ยแหละ แต่มีเรื่องหนึ่งที่แปลกมากครับ ไม่เคยประสบเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลย ไอ้กัสตัวดีมันไม่คุยกับผมครับ แค่มองหน้านิดๆ ก่อนจะเชิดหน้าไปทางอื่น อะไรของมันวะ เดี๋ยวนี้ชักจะท่าทางแต๋วขึ้นไปทุกที ผมเหลือบมองไอ้กัสที่มองมาทางผมและสะบัดหน้าไปหาคู่ซ้อมของมันต่อ เดี๋ยวต้องจับมาคุยกันซะหน่อยละ


                ผมยืนมองมันทุ่มคู่ซ้อมอยู่สักพัก ก่อนที่มันจะเลิกซ้อมและเดินมาทางผม แต่ไม่ได้เดินมาทักนะ เดินมาหยิบขวดน้ำที่วางอยู่ข้างๆผมเท่านั้น มันคว้าขวดน้ำขึ้นกระดกด้วยท่าเท่ๆแบบที่สาวกรี๊ด ก่อนจะทำท่าเดินออกไป แต่ผมคว้าไหล่มันเอาไว้ก่อน มันเลยหันสายตาเหวี่ยงๆมาทางผม


                “เป็นอะไร มองหน้ากวนตีนหลายรอบแล้ว” ผมถามมันด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่มันกลับเอี้ยวไหล่บิดตัวหนีมือผมไป


                “เปล่า” แถมตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเฉื่อยๆแบบผิดปกติ เข้าใจมั้ยครับ ปกติมันจะอะเลิท พูดมาก และค่อนข้างติดผมพอสมควร แต่ตอนนี้มันกลับไม่ยอมพูดกับผมเลยสักคำเดียว แปลก...


                “มีเรื่องอะไรก็พูดมา อย่าเอาแต่มองหน้า รำคาญว่ะ”


                ดวงตาใสแข็งกร้าวขึ้นทันทีกับคำว่ารำคาญของผม


                “เออ รำคาญก็ไม่ต้องมายุ่งดิวะ” พูดจบมันก็ทำท่าจะเดินหนีไปอีกครั้ง แต่คำพูดผมรั้งมันเอาไว้เสียก่อน


                “ทำไม โกรธเรื่องข่าวฉันกับซินรึไง นี่ชอบซินมากขนาดนั้นเลยดิ”


                “ถ้าชอบแล้วจะทำไม” บอกตรงๆว่าผมไม่ชอบน้ำเสียงหยิ่งๆแบบนี้ของมันเลย น้ำเสียงกวนประสาทแบบแต่ก่อนยังดูน่าฟังมากกว่านี้อีก


                “ก็ไม่ทำไม แต่จะบอกให้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว เพราะซินกับนายมันอยู่กันคนละโลก”


                “แล้วจะบอกว่าพี่นัทอยู่โลกเดียวกับพี่ซินหรือไง พี่เป็นแค่บอดี้การ์ด แต่พี่ซินเป็นถึงนักร้อง มันก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกัน”


                ผมมองตามันนิ่งๆ ก่อนที่มันจะหลบสายตาผมไป... มันกำลังพูดเรื่องอะไร นี่มันกำลังหวงซินอยู่หรือเปล่า ในฐานะอะไร แฟนคลับคนนึง หรือว่ามันชอบซินจริงๆ จะเป็นไปได้เหรอ นี่มันชอบซินขนาดนั้นเลยหรือไง ในฐานะแฟนคลับเนี่ยนะ


                “ไร้สาระว่ะไอ้กัส ไปซ้อมไป”


                “ไม่ซ้อมแล้ว เบื่อ ไปหาคุณป้าดีกว่า” คุณป้าที่มันว่าก็แม่ผมนี่แหละครับ สนิทกันจนจะเป็นแม่ลูกกันไปอยู่แล้ว


                ผมมองมันเดินสะบัดตูดออกจากโรงฝึกไปก่อนจะถอนหายใจ ช่างหัวมัน ไม่สนใจละ โทรหาซินดีกว่า ^^


                ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาคนที่กำลังคิดถึงอยู่ทันที ฟังเสียงรอสายสักพักอีกฝ่ายก็รับ


                (ฮัลโหล) เสียงหวานดังลอยมาตามสายโทรศัพท์ทำให้ผมยิ้มออก


                “ทำอะไรอยู่”


                (นั่งเล่น)


                “อยู่กับใครครับ อยู่บ้านเหรอ”


                (อื้อ อยู่บ้าน มีธุระอะไรหรือเปล่า เรามีแขก)


                แขกใคร มาทำไม แขกที่ไหน ขายถั่วหรือเปล่า...? แล้วมาทำอะไรที่บ้านซินของผมล่ะ


                “ใครอ่ะ”


                (พี่ดิว) คำตอบที่ได้รับทำให้ผมนิ่งไปในทันที ไอ้พี่ดิวเหรอ แล้วเสนอหน้าไปทำอะไรที่บ้านซิน แถมยังนั่งอยู่ด้วยกันอีก แล้วป๊ากับม้าไปไหน ทำไมให้อยู่กันสองต่อสอง ทีกับผมล่ะจับตาดูไม่คลาดสายตาเลย


                “มันไปทำอะไร” ไม่ได้อยากชวนทะเลาะนะครับ แต่น้ำเสียงมันนิ่งไปเองโดยอัตโนมัติ


                (ทำไมต้องตอบ) น้ำเสียงแข็งตอบกลับมาทันที ซินเป็นแบบนี้เสมอครับ ถ้าถูกเร่งรัดในเรื่องอะไรแล้วทำให้ไม่พอใจ หรือคิดว่ากำลังถูกอีกฝ่ายก้าวล้ำเส้นส่วนตัวเมื่อไหร่ จะทำให้เขามีปฏิกิริยาต่อต้านในทันที ซึ่งผมรู้จักนิสัยแบบนี้ดีครับ


                “ซิน... นัทถามดีๆนะครับ เขามาทำไม” ผมพยายามใช้น้ำเสียงปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อถามเขาใหม่อีกครั้ง


                (มาเฉยๆ) แต่ก็ต้องถอนหายใจกับเสียงนิ่งๆของซินที่ตอบกลับมา ก่อนจะถามไปอีก


                “ป๊ากับม้าอยู่มั้ย”


                (ไม่อยู่ นัทแค่นี้ก่อนนะ เรามีแขก ไม่ว่างคุย)


                “ซิน...” แต่ก่อนที่ผมจะได้ตอบอะไรออกไป โทรศัพท์ที่แนบหูอยู่ก็ถูกดึงออกไปซะก่อน ผมรีบหันไปหามือปริศนานั่นทันที ยังพูดกับซินไม่รู้เรื่องเลยนะ!


                ไอ้กัส!!


                “อะไรวะ! ไอ้กัส เอาโทรศัพท์มานี่!” ผมโมโหจริงๆนะ มันเป็นบ้าอะไรของมันวะ จะงี่เง่าจะอะไรไม่ว่า แต่นี่มันชักจะเกินไปแล้ว คนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่นะ ใช่เวลามาล้อเล่นมั้ยเนี่ย ยิ่งหงุดหงิดอยู่นะ!!


                “คุณป้าให้มาเรียก มัวแต่ทำอะไรอยู่ได้ เรียกตั้งนานแล้ว” น้ำเสียงกวนประสาทกับใบหน้ากวนตีนกระแทกอารมณ์ผมเต็มๆ ยอมรับนะครับว่าตอนนี้กำลังหงุดหงิดเรื่องซินมาก แล้วก็กำลังพาลแบบสุดๆ


                “เอาโทรศัพท์ฉันมา” ผมพยายามทำใจเย็น แบมือขอโทรศัพท์คืนดีๆ แต่ไอ้กัสกลับเฉย แถมยังยักคิ้วกวนอารมณ์กันอีก แบบนี้ชักเกินจะทนแล้วครับ


                ผมเดินย่างสามขุมเข้าไปหามัน แต่ไอ้กัสกลับตั้งท่าจะเตะผมซะก่อน แล้วมีหรือครับที่ผมจะยอมให้มันเตะ ก็หลบสิครับ อาสัยจังหวะที่มันตั้งตัวไม่ทัน คว้าแขนสกัดขาเหวี่ยงมันลงกระแทกกับพื้นโรงฝึกดังโครม! ตรงนี้ไม่มีพื้นยางรองนะครับ หลังที่กระแทกกับไม้แข็งๆเต็มๆ ทำให้คนในโรงฝึกหันมามองกันให้พรึ่บ


                ไอ้กัสจุกหน้าเขียวไปเลย ผมก้มลงไปคว้าโทรศัพท์ของผมคืนมา โดยที่มันจ้องหน้าผมอย่าง... น้อยใจ?


                มันเนี่ยนะน้อยใจ ผมอาจจะตาฝาดไปเอง คนอย่างไอ้แสบกัสทำเป็นแต่กวนตีนเท่านั้นแหละครับ


                “อย่าเล่นแบบนี้อีก ฉัน-ไม่-ชอบ!” ผมเน้นสามคำสุดท้ายให้มันฟังชัดๆ และหันหลังเดินกลับบ้าน ได้ยินเสียงไอ้ตัวดีตะโกนตามหลังมา


                “เออ! ก็ไม่ได้ขอให้ชอบโว้ย!” ผมหันไปมองตามเสียงมัน เห็นไอ้กัสลุกขึ้นนั่งจับหลังตัวเองอยู่มองมาทางนี้เหมือนกัน


                มันเป็นบ้าอะไรของมันวะ หรือว่าวันนี้กินยาลืมเขย่าขวด


                ผมสะบัดหัวหันหน้าหนีกลับมา ไม่อยากอยู่นาน เดี๋ยวได้ฆ่ากันตาย ยิ่งอยากหาที่ระบายอารมณ์อยู่ คนยิ่งหงุดหงิดมายั่วโมโหกันแบบนี้เดี๋ยวได้ตายกันไปข้าง ผมก้มมองโทรศัพท์ตัวเองที่ซินคงวางสายไปนานแล้ว ก่อนจะตัดสินใจโทรกลับไปใหม่ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมรับ


                ป๊ากับม้าไม่อยู่ แสดงว่าอยู่กันสองคน! ทำอะไรกันอยู่ คุยเรื่องอะไรกัน ซินกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่นะ กำลังยิ้มแบบที่เคยยิ้มให้ผมหรือเปล่า...


                โอ๊ย! ไม่ไม่ไม่ ผมไว้ใจซิน ซินไม่ใช่คนแบบนั้น ไม่มีทาง ต้องเชื่อใจกันสิ เรื่องแย่ๆกว่านี้ก็ผ่านมาเยอะแล้วนะ... เรื่องแค่นี้ต้องไม่เป็นอะไร 


                เมื่อผมเดินเข้าไปในบ้านก็เจอกับแม่ที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่น ผมรีบเดินเข้าไปนั่งข้างๆแม่ทันที


                “ว่าไงลูก ซ้อมเสร็จแล้วเหรอจ๊ะ” แม่หันมาถามผมด้วยรอยยิ้ม อ้าว... ไหนไอ้กัสบอกว่าแม่เรียกผมไง


                “ก็แม่เรียกผมไม่ใช่เหรอครับ” ผมถามแม่งงๆ แม่เองก็หันมามองผมอย่างงงๆเช่นกัน


                “เปล่านี่ลูก ก็เมื่อกี้กัสเข้ามาบ่นๆว่าเหนื่อย มากอดแม่อยู่สักพักบอกว่าโกรธนัท แต่ไม่ยอมบอกว่าโกรธเรื่องอะไร แล้วก็เดินออกไป บอกจะไปหานัทนั่นแหละ แล้วตกลงมีเรื่องอะไรกันลูก มีอะไรก็พูดกับน้องดีๆนะ ช่วงนี้นัทยุ่งๆ ไม่ค่อยมีเวลาเล่นกับน้องเลย น้องก็บ่นๆว่าเหงา”


                ผมนิ่งคิดตามที่แม่พูด ก็จริงนะ เมื่อก่อนนี้ผมเคยเป็นคู่ซ้อมให้มันบ่อยๆ แต่หลังๆมานี่ไม่ค่อยมีเวลาเล่นด้วยกันเลย งั้นแสดงว่าที่มันทำตัวแปลกๆก็เพราะว่ามันงอนผมอ่ะดิ...


                ฮ่าๆๆๆ คนอย่างไอ้กัสก็ขี้น้อยใจเหมือนกันเว้ยเฮ้ย ผมเองก็ทำเกินไปจริงๆแหละ อารมณ์ล้วนๆเลยครับเมื่อกี้ ทุ่มมันไปซะเต็มแรงเลยด้วย น่าจะเจ็บเอาการ ไม่ใช่ว่าตอนนี้มันแอบหนีไปนอนร้องไห้อยู่คนเดียวหรอกนะ


                “งั้น เดี๋ยวผมไปหามันก่อน” พูดจบผมก็รีบลุกขึ้นจากโซฟา เดินกลับไปที่โรงฝึกอีกรอบ


                ไอ้กัสนั่งอยู่คนเดียวที่ด้านนอกโรงฝึกบนม้าหินอ่อน ตีหน้ายุ่งมองกล่องซีดีอะไรสักอย่าง ผมจึงเดินเข้าไปยืนค้ำหัวมัน ไอ้ตัวแสบเลยเงยหน้าบูดๆขึ้นมามอง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทำให้ผมที่ยืนอยู่แทบชิดกับมันรีบถอยหลังอย่างตกใจ


                “เป็นไรวะ งอนเป็นตุ๊ดเลยนะ” ผมพูดกับมันเล่นๆก่อนจะขยี้หัวมันไปอย่างหมั่นเขี้ยว แต่ไอ้กัสกลับปัดมือผมออก


                “ถามว่าเป็นอะไร นี่มาพูดด้วยดีๆแล้วนะ” น้ำเสียงเริ่มกลับมาหงุดหงิดอีกครั้งครับ ชักเยอะไปแล้วนะไอ้เด็กนี่ อุตส่าห์ยอมมาง้อแล้วนะ


                “พูดกันดีๆหลังจากที่ทุ่มกันหลังแทบหักแล้วเนี่ยนะ”


                “ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไม่ใช่หรือไง ถ้าตั้งใจทุ่มจริงๆคงไม่ได้มายืนทำหน้ากวนโอ๊ยใส่กันอยู่แบบนี้หรอก”


                “เหอะ!”


                “ประชดประชันเป็นผู้หญิงเลยนะเดี๋ยวนี้”


                ผมก้มลงมองสิ่งที่ไอ้กัสถืออยู่ก็พบว่ามันคืออัลบั้มของซินที่ผมไปขอลายเซ็นมาให้นั่นเอง อื้อหือ ดูท่าว่ามันจะรักของมันจริงๆนะนั่น


                “เอาไว้เดี๋ยวว่างๆ จะชวนซินมานั่งเล่นที่นี่ โอเคป่ะ”


                ไอ้แสบตาโตทันทีที่ผมยื่นข้อเสนอให้


                “จริงป่ะ!” แหม ลืมไปเลยนะว่าเคยโกรธกันน่ะฮะ


                “เออ ถ้าเขาว่างแล้วเขาอยากมา จะลองชวนดู”


                ไอ้กัสตาวาวขึ้นมาทันทีก่อนจะมองมาทางผม แต่แล้วสายตาสดใสก็เริ่มซึมๆไป ก่อนที่น้องมันจะมองเหม่อออกไปทางอื่น อะไรของมันวะ ตกลงว่าดีใจหรือไม่ดีใจ


                “กัส เป็นอะไร มีอะไรพูดกันตรงๆดิ เอาเป็นว่าเมื่อกี้ฉันขอโทษ พอดีกำลังคุยธุระสำคัญอยู่ ก็เลยโมโหมากไปหน่อย ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นายเจ็บนะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ช่วงหลังๆมานี่ยุ่งๆ ไม่ค่อยมีเวลาเล่นด้วยเลย เหงารึเปล่า” ผมวางมือลงบนหัวกลมๆของกัสเบาๆ แล้วลูบไปมา ไอ้แสบก็เลยเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม แล้ว...


                สะกัดขาผมก่อนจะทิ้งตัวด้านข้างทับลงมาเต็มแรง…


                ไอ้เด็กเวรเอ๊ยยยยยยย จุกฉิบหายเลยครับ ขออภัยที่ต้องหยาบคาย แต่แบบว่า ศอกมันกระแทกลงมาที่ลิ้นปี่ จุกเกินกว่าจะบรรยายได้จริงๆครับ


                “ฮ่าๆๆๆ สมน้ำหน้า เอาคืนได้แล้วโว้ยยย ล้มพี่นัทได้แล้ววว” พูดจบมันก็วิ่งตะโกนประโยคนั้นไปทั่วโรงฝึก นี่แม่งแกล้งผมเหรอวะ แม่งแกล้งน้อยใจผมเพื่อช็อตนี้ช็อตเดียวใช่มั้ยได้เด็กแสบบบบบบบ ลุกแทบไม่ขึ้นนะครับจุดนี้ ไอ้เด็กห่านี่ ฝากไว้ก่อนเถอะ...


                ยังด่าไม่ทันขาดคำมันก็วิ่งกลับมา


                “สัญญาแล้วนะว่าจะพาพี่ซินมา ทำตามสัญญาด้วย ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำนะ!” ดูมันๆ ดูมันทำหน้าตากวนตีนล้อเลียนผม


                “ไม่พามาแล้วโว้ย แม่ง ล้มทับมาได้ไงวะ จุกนะเนี่ย”


                “เออ ความรู้สึกเดียวกันแหละ เหวี่ยงลงมาได้ไงวะ ไม่มีเบาะรองนะเนี่ย!”


                “เขาเรียกว่าเป็นการฝึกฝนในสถานการณ์จริง! ไม่มีเบาะมารองรับตอนเอ็งจะร่วงลงพื้นหรอกนะเว้ย”


                “เออ งั้นก็เป็นการฝึกของพี่นัทเหมือนกัน ว่าเวลาจริงๆ เขาไม่ให้ประมาทคู่ต้องสู้ ก๊ากกก ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้าว่ะ”


                ไอ้-เด็ก-เวร..   


                ผมหอบสังขารเดี้ยงๆกลับเข้ามาในบ้าน แต่แม่ไม่อยู่แล้ว สงสัยไปเดินเล่นที่สวนหลังบ้าน รายนั้นชอบต้นไม้ครับ ส่วนพ่อก็คงตามไปขนปุ๋ยขนดินอยู่ข้างๆนั้นแหละ รักกันจนลืมลูกลืมเต้าเหมือนอย่างเคย ผมค่อยๆหย่อนตัวลงบนโซฟาเบาๆ ก่อนจะยืดตัวเหยียดยาวนอนลงบนโซฟา และคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู


                หมายเลขโทรออกล่าสุดที่ปลายสายไม่ยอมรับ โทรกลับไปอีกรอบดีมั้ย จะหาว่าจุกจิกกันหรือเปล่านะ จะไม่รับสายกันอีกหรือเปล่า จะโมโหรำคาญกันมั้ย...


                เฮ้ย นี่ผมเป็นอะไรเนี่ย จะต้องคิดอะไรมากมาย แค่อยากโทร...ก็โทรสิ ยังไงซินก็ต้องเห็นผมสำคัญกว่าไอ้นั้นอยู่แล้ว จริงมั้ย...?


                คิดได้แบบนั้นมือมันก็กดโทรออกไปเองโดยอัตโนมัติ ผมจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่สักพัก และเอามันขึ้นแนบหู


                (ว่าไงนัท) เสียงหวานจากปลายสายทำให้ความคิดถึงที่มีอยู่แล้วมันยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก


                “ทำอะไรอยู่...” ผมพยายามถามเขาด้วยน้ำเสียงธรรมดาๆเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะไม่อยากทะเลาะกันแล้วล่ะครับ


                (กำลังจะออกไปข้างนอก) คำตอบของซิน ทำให้ผมต้องหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับอารมณ์ของตัวเอง


                “ไปไหน ไปกับใครครับ” เย็นไว้ ใจเย็นๆไว้...


                (ไปกินข้าว พี่ดิวชวนไปหาอะไรกินข้างนอก)


                นะโม พุทธทัง กะละมังถังแตก... โอ้ย!! สวดผิดสวดถูกแล้วโว้ยยย ทำเป็นไม่ได้ยินก็ไม่ได้เพราะมันกรอกลงมาเต็มๆสองหูเลย! ไปทำไม ข้าวที่บ้านไม่มีกินหรือไง แล้วทำไมต้องไปด้วยกันสองต่อสอง ชักจะมากเกินไปแล้วมั้งเนี่ย


                “จำเป็นต้องไปด้วยเหรอ”


                (ก็พี่เขาชวน จะให้เราปฏิเสธพี่เขาหรือไง)


                “ก็ปฏิเสธไปสิ”


                (นัท... ถ้าพูดแบบนี้...) ซินที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างด้วยความไม่พอใจ ซึ่งถ้าผมเดาไม่ผิดก็คือจะตัดสายทิ้งกันนั่นแหละต้องหยุดลง เพราะผมพูดแทรกเขาไปซะก่อน


                “แล้วการที่นายทำแบบนี้ ฉันรู้สึกยังไงล่ะ นายรู้บ้างมั้ย”


                (....)


                “ฉันพยายามไม่คิดมาก พยายามไม่ทำตัวน่ารำคาญให้นายไม่พอใจ แต่นายเคยคิดบ้างมั้ยว่าการที่ทำแบบนี้มันจะทำให้ใครคิดมาก... นายไม่ชอบให้ใครมาก้าวก่าย อันนั้นฉันเข้าใจ แต่นี่เราเป็นอะไรกัน... ฉันจะห้าม จะหึง จะหวง คนที่ตัวเองรักบ้างไม่ได้เลยเหรอ”


                (....) ซินไม่ได้ตอบ แต่ผมได้ยินเสียงไอ้ดิวแว่วๆมาจากปลายสายว่าจะออกเดินทางหรือยัง พร้อมๆกับที่ซินตอบรับกลับไป


                “แคร์ความรู้สึกกันบ้างมั้ยซิน หรือว่ามีแค่ฉันเท่านั้นที่แคร์นาย...”


                (แค่นี้ก่อนนะนัท เราต้องไปแล้ว) ปลายสายตัดไปแค่นั้น แต่ความรู้สึกของผมมันได้หลุดลอยไปไกลแล้วครับ


                นี่สรุปว่าที่ผ่านมาผมคิดไปเองคนเดียวเหรอว่าซินเองก็รักผมเหมือนกัน ผมคิดผิดใช่มั้ยเรื่องที่คิดว่าซินเองก็เห็นว่าผมสำคัญ ผมมันก็แค่คนไม่สำคัญ ที่คิดไปเองคนเดียว


                ใช่มั้ย...?


                มือที่ถือโทรศัพท์คาหูอยู่อ่อนแรงปล่อยแขนลงที่ข้างโซฟา โทรศัพท์จึงหลุดมือหล่นไปด้านล่าง แต่ช่างเถอะครับ


                บางที การที่คนคนหนึ่งจะยอมวิ่งตามใครสักคนมาได้ไกลขนาดนี้มันก็เหนื่อยแล้วนะ แต่กลับต้องมาพบว่าเขาเองไม่เคยที่จะหยุดรอเราเลย มันเหนื่อยยิ่งกว่า อาจจะดูเหมือนว่าใกล้ เกือบสัมผัสไป แต่กลับกลายเป็นว่า มันเริ่มไกลออกไปทุกที


                ผมหลับตาลงช้าๆ ไล่ภาพบ้าๆที่เริ่มจินตนาการเองขึ้นมาในหัวให้พ้นไป ไม่อยากคิด ไม่อยากใส่ใจ ผมเหนื่อยแล้วจริงๆ เอาเป็นว่า ลองหยุดดูสักพัก หายใจได้สบายตัวเมื่อไหร่ ค่อยก้าวต่อไป...


                เสียงฝีเท้าแผ่วๆเดินเข้ามาใกล้ๆ อาจจะเป็นแม่ที่กลับเข้ามา อาจจะเป็นพ่อที่ทนร้อนไม่ไหว หรืออาจจะเป็นใครสักคน แต่ตอนนี้ผมยังไม่อยากลืมตา กลัวว่าไอ้น้ำใสๆของคนอ่อนแอมันจะไหลออกมา


                หึ บอดี้การ์ดสุดเท่ ล้มคู่ต่อสู้มานักต่อนัก แต่กลับต้องมาแพ้คนแค่คนเดียว


                เงาของใครสักคนที่ชะโงกเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะค้างอยู่ตรงนั้นสักพัก ใครคนนั้นหยิบโทรศัพท์ของผมขึ้นมาจากพื้นและวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะได้ยินเสียงลมจากแรงยวบบนโซฟาตัวเล็กด้านข้าง แล้วทุกอย่างก็เงียบสนิทลง


                อาจจะเป็นแม่กลับมานั่งเล่นล่ะมั้ง...


                ผมนอนหลับตาอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้เวลาเลยผ่านไป นานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ จนกระทั่งคนที่นั่งอยู่บนโซฟาลุกขึ้นยืน พร้อมๆกับหมอนใบโตที่กระแทกลงมาบนหน้าผมจังๆ


                สะดุ้งสุดตัวเลยครับ...


                ไม่ใช่แม่แล้วเนี่ย!! เดาไม่ยากหรอกว่าใคร!


                ผมปัดหมอนทิ้งไปแรงๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง เห็นไอ้กัสมันยืนค้ำหัวผมอยู่ใกล้ๆนี่แหละครับ แม่งยักคิ้วกวนตีนผมอีกแหนะ เก่งจริงๆเรื่องยั่วโมโหกันเนี่ย


                “อะไรอีก ไม่มีอารมณ์เล่นด้วยจริงๆว่ะตอนนี้” ผมบอกมันไปด้วยน้ำเสียงนิ่ง ก่อนจะเอนหลังพิงโซฟา


                “เป็นไรเนี่ย ทำท่าอย่างกับคนอกหัก สาวทิ้งรึไง” ดูมันถามสิครับ กวนตีนมั้ยเนี่ย


                “ไปเล่นที่อื่นไป”


                “ไม่ได้อยากเล่น อยากซ้อม แต่ไม่มีคู่ ทุ่มใครก็ไม่มันส์เท่าทุ่มพี่เลยว่ะ”


                ไอ้เด็กห่านี่ ได้ทีหน่อยเอาใหญ่เลยนะครับ ไอ้กัสมันเคยมาทุ่มผมที่ไหนกันล่ะ ฝีมืออย่างมันนี่เตะโดนผมก็เก่งแล้วครับ เรื่องเมื่อกี้นี้มันไม่ได้ระวังตัวต่างหากล่ะ


                “ปากดีๆ”


                “ไปดูผมซ้อมยิงปืนหน่อยดิ” ผมมองไอ้ลูกหมาที่ทำหน้าทำตาน่าสงสาร


                เอาวะ ไหนๆจิตใจมันห่อเหี่ยวแล้วก็ไปหาอะไรทำซะหน่อยดีกว่า เล่นกับมันหน่อยแล้วกัน ถือซะว่าแก้เครียด


                “เออๆ ไปดิ”


                ไอ้กัสยิ้มกว้างก่อนจะวิ่งแจ้นนำผมออกไปโรงฝึกทันที ดูมันนะครับ อิจฉามันจริงๆให้ตายสิ ยิ้ม บ้า ปัญญาอ่อน หาเรื่องสนุกมาทำได้ทุกวี่ทุกวัน ไม่เคยเห็นมันเครียดเรื่องอะไรเลยจริงๆ


                ผมส่ายหัวช้าๆ และเดินตามมันไป แต่ก่อนที่ผมจะเข้าไปในโรงฝึก ก็ต้องสะดุดเข้ากับรถคันหนึ่งที่แสนคุ้นเคย มันแล่นมาช้าๆก่อนจะจอดลงตรงหน้าบ้านผม ผมจึงมองทะลุกระจกหน้ารถเข้าไปที่คนขับด้านใน ทำให้ต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ


                ผมจำได้ว่าเขาไม่เคยมาที่นี่นะ


                แล้วมาได้ยังไง...


                เขารู้ว่าผมอยู่ที่นี่ เพราะผมเคยชวนมาหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยยอมมาสักครั้งเดียว


                คนคนนี้ไม่ค่อยขับรถเองสักเท่าไหร่ แต่วันนี้เขากลับขับรถออกมาเองคนเดียว...


                ผมมองคนตัวบางที่ก้าวลงมาจากรถช้าๆ ผมสวยนั่นยุ่งฟูนิดๆ ก่อนที่ร่างคุ้นเคยจะหยุดยืนมองผมจากข้างๆรถของเขา คิ้วสวยกำลังขมวดมุ่นเข้าหากัน กลีบปากล่างถูกกัดเอาไว้หลวมๆ 


                ผมรีบกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะขยี้ตาตัวเองอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังเห็นอยู่ตอนนี้ นี่เรื่องจริงเหรอ โกหกหรือเปล่า หรือว่าผมกำลังฝันกลางวัน เขาจะมาที่นี่ได้ยังไง... ในเมื่อเขากำลังจะออกไปข้างนอกกับคนอื่นไม่ใช่หรือไง คนอื่นที่ไม่ใช่ผม


                ถูกต้องแล้วครับ...


                ซินนั่นเอง ซินมาหาผม มาที่บ้านผมด้วยการขับรถมาด้วยตัวคนเดียว ซึ่งหายากมากๆนะ


                คนสวยมองผมนิ่งๆ เดินเข้ามาใกล้ๆ และหยุดลงตรงหน้ากัน บอกตรงๆว่าตอนนี้ช็อคเกินกว่าที่จะทำอะไรได้แล้วครับ ก็ไหนซินบอกว่าจะไปกับไอ้ดิวไง ก็ซินไม่ได้แคร์ผมไม่ใช่เหรอ ผมมันก็แค่คนที่สำคัญคนตัวเองผิดไปไม่ใช่หรือไง


                แล้วตอนนี้ทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้...


                “กำลังคิดอะไรอยู่” เสียงหวานที่ติดจะขุ่นนิดๆถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขุ่ย แต่ผมกำลังสับสน ไม่เข้าใจคำถามที่เขาถามเลยครับ


                “มาได้ยังไงเนี่ยซิน ขับรถมาคนเดียวเหรอ” ก็เลยถามเรื่องอื่นไปแทน


                “เราถามว่า กำลังคิดอะไรอยู่” ซินถามขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนิ่งกว่าเดิม


                “แล้วนายคิดว่าฉันกำลังคิดอะไรล่ะ”


                “ถ้ารู้ แล้วจะมาถามถึงนี่หรือไง”


                “ไม่ไปกินข้าวกับพี่ดิวเหรอซิน” ผมไม่ตอบ แต่กลับถามไปเรื่องอื่นแทน


                คิ้วเรียวผูกเข้าหากันมากกว่าเดิม ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้อีกนิด มือเรียวยื่นมากำชายเสื้อผมเอาไว้ โดยที่ไม่ได้พูดอะไร เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูด ผมก็เลยถามเขาออกไปอกีครั้ง


                “ฉันถามว่า นายมาที่นี่ทำไม ไม่ได้ไปกินข้าวกับพี่ดิวหรอกเหรอ มาแบบนี้เขาจะรออยู่หรือเปล่า”


                มือที่กำชายเสื้อผมอยู่เริ่มกำเน้นขึ้น ผมจึงยกมือขึ้นจับมือข้างนั้นเบาๆ ก่อนจะปลดมันออก มือเรียวจึงเปลี่ยนมาจับมือผมแทน มือซินเย็นมากๆครับ ผมจึงเลื่อนสายตาขึ้นไปสบกับดวงตากลมโตอีกครั้ง


                ตอนนี้ผมยังหายใจไม่ค่อยสบายตัวเลย ยังไม่พร้อมจะก้าวต่อไปจริงๆ...


                “เขารออยู่หรือเปล่า” ผมถามซินไปเบาๆ


                “เปล่า กลับไปแล้ว”


                “อ้าว ไหนบอกว่าจะไปกินข้าวด้วยกันไง”


                “เรายังไม่หิว...”


                “แล้ว…”


                “นัท!” เสียงหวานเรียกชื่อกันเสียงดัง ทำเอาสะดุ้งไปเลย


                “อะ...อะไรครับ”


                “คิดอะไรอยู่!” น้ำเสียงข่มขูเริ่มมาอีกแล้ว


                “....”


                “แล้วไม่ต้องบอกว่าไม่ได้คิด เพราะรู้ว่ากำลังคิดอยู่”


                “แคร์กันด้วยเหรอซิน” แค่นี้แหละครับที่ผมกำลังคิดอยู่ตอนนี้ คนคนนี้ที่ผมแคร์เขามากที่สุด เขาเคยแคร์ผมบ้างมั้ย...


                “ถ้าไม่แคร์ จะมาอยู่ตรงนี้รึไง...”


                เสียงหวานจากคนตรงหน้า กับดวงตาใสๆแบบแมวตัวน้อยๆที่มองมาเหมือนกำลังรู้สึกผิด


                ใครก็ได้ตบหน้าผมที และบอกว่านี่ไม่ใช่ฝันไป ซินมาง้อผมเหรอครับ!!!


                จดบันทึกเอาไว้ในกินเนสบุ๊คเลยนะ!! ว่าวันนี้เวลาเท่านี้ซินมาง้อผมถึงที่บ้าน!!! แต่ก่อนที่ผมจะได้ดีใจมากไปกว่านี้ หรือได้พูดอะไร เสียงตกใจจากหน้าโรงฝึกก็ดังขึ้นมาซะก่อน


                “พี่ซิน...” เสียงนั้นทำให้ทั้งผมและซินหันไปมองพร้อมกัน


                ไอ้ตัวแสบเดินออกมาจากโรงฝึกช้าๆ พร้อมกับที่มองหน้าซินอย่างตกใจ...


                แหม... คำขอของมัน เป็นจริงไวไปมั้ยเนี่ย


TBC.
...
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นเช่นเคยนะคะ
เจอกันตอนหน้าค่าาาา


Mauve

  • บุคคลทั่วไป
ซินอุตส่าห์มาง้อเลยนะ  :mc4:

ว่าแต่กัส คิดไรกะคุณบอดี้การ์ดใช่ป่ะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ตามอ่านยาวเลยคราวนี้
โอ้ยคุณนักร้องน่ารัก
แต่ประเด็นคือ น้องกัสหึงพี่นัทรักพี่ซินเรอะ รึยังไง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด