เล่ห์ลวงใจ - ตอนพิเศษ แสงแรกแห่งปีใหม่ โพสต์วันที่ 1/1/59 (p.101)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เล่ห์ลวงใจ - ตอนพิเศษ แสงแรกแห่งปีใหม่ โพสต์วันที่ 1/1/59 (p.101)  (อ่าน 1057688 ครั้ง)

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ตี้ร้องไห้อีกแล้ว อิตากฤต น่าตบเจง ๆ

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4

ออฟไลน์ toou

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3
คุณกฤตขาาาาาาาาา  ตามหาน้องให้เจอ ตามหัวใจตัวเองให้เจอไวๆได้ล๊าววววววววววว 
สงสารน้องตี้จับใจ ><

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
อยากเห็นอิลุงทุรนทุราย~~~

ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ four4

  • รักนี้ชั่วนิรันด์
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เอาอีกๆ เอาอีกๆ นะครับ

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
ตี้เข้มแข็งนะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เราเคยผ่านมันไปได้แล้วนะ

อีกครั้งนึง เอง แค่อีกครั้งเดียววว

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
 :mc4:  ดีใจด้วยกับการเคลียของสำเร็จ  o13   แต่ยังไม่ได้จองเลยอ่ะ  อยากได้   :ling1:  ถึงจะมีแล้วทุกเรื่อง  แต่ภาคพิเศษแบบนี้ไม่อยากพลาดอ่ะ    :hao7:


 :hao5:  สงสารน้องตี้อีกแล้วล่ะค่ะ  เพราะดูเหมือนจะเป็นว่าพอเรื่องนึงดีขึ้นก็ยังมีอีกเรื่องที่ยังไม่เคลีย  คล้ายหน้าฝน  ที่ฟ้ามีดครึ้มตลอดเวลาแม้ว่าฝนจะเพิ่งหยุดตกก็ตาม  มันไม่สดใสอ่ะ  แต่ก็จะติดตามต่อไปนะคะ  ยังหวังว่าสักวันน้องตี้จะเป็นเด็กที่โชคดีที่สุดคนนึง  ที่ได้มีคนรักอย่างคุณกฤต  แม้ตอนนี้จะยังมองไม่เห็นว่าคุณกฤตจะมาเป็นคนรักที่ดี  และตามใจน้องตี้ คอยง้อเอาใจได้ยังไงก็ตาม  :เฮ้อ:  แต่ก็หวัง (อย่างจริงจัง) ว่าคู่นี้จะมีโมเม้นท์น่ารัก ๆ บ้างในอนาคตนะคะ   :กอด1:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:



ออฟไลน์ chen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
น้องตี้น่าสงสาร อกหักรักคุดจริงๆ
แต่ก็ดีนะเจอพี่รงค์กะไรอันรอบนี้ จะได้เขี่ยปมนี้ออก
ลุงกฤต ยังขับรถมาไม่ถึงเชียงรายนะฮะ
แต่ที่ไรอันพูดก็ถูกนะ ตี้ควรได้เจอคนที่รักตี้มากกว่านี้
ยกเว้นลุงรู้ใจและยอมรับใจตัวเองนะ เราถึงจะให้อภัย555

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
เห้อ.....ใหญ่ บางคนก็ใจร้าย เด็กน้อยไร้เดียงสา ต้องทำใจนะ

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ดีจังที่การเจอ พี่รงค์ไม่ทำร้ายตี้  ว่าแต่เมื่อไหร่อีตาบ้านั่นจะมาตามหาตี้ซะทีน๊า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ raluf

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ขนาดไม่เจอหน้ายังทำน้องตี้ร้องไห้อีกแล้ว สงสารน้องตี้จริงๆ

ออฟไลน์ bowlyngz

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอบคุณค่ะ  รอตอนต่อไป มาม่ายังเหลืออยู่มั้ย^^

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
เศร้าจัง :katai4:

ออฟไลน์ myapril

  • Tomorrow
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-3
ยังไม่ไดัเจอกันเลยอ่ะ เมื่อไหร่จะเคลียร์กันได้นะ
พอกลับกรุงเทพ ให้ตี้ไปกินข้าวกับพี่รงค์ พี่รัก สักมื้อสองมื้อสิ
ชิ หมั่นไส้ อีตาคุณกฤตมากนะเนี่ย บอกเลย

ที่ตี้ไม่เจ็บปวดเวลาเจอพี่รงค์ เพราะตี้รักคุณกฤตไปแล้วไง *^*

ออฟไลน์ GAZESL

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
โฮฮฮฮฮ น้องตี้สู้ๆนะ เข้มแข็งๆ
เรื่องพี่รงค์น้องตี้คงไม่มีอะไรค้างคาแล้ว
รอเจออิคุณกฤตแล้วค่อยสอยให้ร่วงเลย

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao5: ฮือ เศร้า
อ่านแล้วเจ็บตามตี้
อิตากฤตเอานี่ไปกิน :beat: :beat:

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3

ออฟไลน์ myapril

  • Tomorrow
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-3
เข้ามาบวกหนึ่งบวกเป็ด ให้น้องตี้ค่ะ ^^
จะได้มีแรงใจสุ้กับคุณกฤต 55

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
เล่ห์ลวงใจ บทที่ 33


วันนี้ท้องฟ้าเหนือกรุงเทพฯ เป็นสีฟ้าสดใส ใยเมฆซึ่งลอยอยู่บางเบาแทบไม่ช่วยกรองแสงอาทิตย์ที่แผ่ลงมาอย่างแรงกล้า ชวนให้คิดว่าพายุฝนเมื่อไม่กี่วันก่อนมาจากความเผอเรอของธรรมชาติที่จำฤดูผิดก็ไม่ปาน
 
บ่ายนี้กฤตภาสออกมาประชุมกับลูกค้านอกสถานที่ หลังเสร็จสิ้นการประชุมก็ลงลิฟต์ไปยังลานจอดรถซึ่งอยู่ด้านนอกอาคาร เขารู้สึกว่าต้องใช้ความพยายามมากกว่าปกติในการบังคับร่างกายให้เดินไปถึงที่หมายโดยไม่ล้ม กระทั่งแฟ้มเอกสารและไอแพดที่ถืออยู่ก็หนักอึ้งจนต้องกำไว้แน่นเพื่อไม่ให้หล่นกระจัดกระจาย
 
ร่างสูงใหญ่ถอนหายใจยาวเมื่อได้ก้าวขึ้นนั่งหลังพวงมาลัย เขารู้สึกราวกับในหัวมีอะไรบางอย่างกดทับจนสมองพร้อมจะระเบิดอยู่ตลอดเวลา ตอนที่อยู่ในห้องประชุมเมื่อครู่นี้เขาต้องฝืนตัวเองอย่างมากในการพูดคุยและนำเสนอแผนงานให้ลูกค้าใหม่ซึ่งไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน และเนื่องจากเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่อาจได้เซ็นสัญญาร่วมงานระยะยาว กฤตภาสจึงหมายมั่นปั้นมือมากที่จะไม่ทำให้อีกฝ่ายคลางแคลงในความสามารถของเขาในฐานะผู้นำบริษัท
 
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายอันเหนียวหนืดลงคอ เสื้อที่สวมอยู่ดูเหมือนจะไม่ช่วยระบายไอร้อนที่ระอุออกมาจากผิวกายได้สักเท่าไรนัก หลังจากชั่งใจอยู่ชั่วครู่ เขาก็ตัดสินใจยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาหัวหน้าฝ่ายบุคคลซึ่งอาวุโสเท่ากับเขา
 
“คุณญา เย็นนี้ผมคงไม่กลับเข้าออฟฟิศ ฝากบอกเด็กๆ ด้วยว่าถ้ามีงานที่ต้องให้ตรวจก็ส่งเมลหาผม ขอบคุณมาก”
 
เมื่อฝากเรื่องแล้วกฤตภาสก็ขับรถออกมาจากลานจอด อาการครั่นเนื้อครั่นตัวทำให้ต้องใช้เวลามากกว่าปกติกว่าจะกลับถึงคอนโด หลังจากขึ้นมาถึงห้องแล้วเขาก็ทิ้งตัวลงบนเตียงโดยไม่กินดื่มอะไร ความรู้สึกคล้ายมีตะกั่วถ่วงในหัวทำให้ชายหนุ่มหมดสติก่อนที่หัวจะถึงหมอนเสียอีก
 
ติ๊งต่อง...ติ๊งต่อง...ติ๊งต่อง...
 
เสียงออดที่ดังไม่หยุดรบกวนโสตประสาทจนกฤตภาสที่กำลังหลับใหลรู้สึกตัว ชายหนุ่มหรี่ตาขึ้นและเห็นแต่ความมืดสลัวในห้อง เขาค่อยๆ พลิกตัวไปเปิดโคมไฟแล้วเอามือลูบหน้า พอได้นอนไปหนึ่งตื่นก็ดูเหมือนสมองจะปลอดโปร่งขึ้นมาเล็กน้อย กระนั้นความเมื่อยล้าตามเนื้อตัวก็ทำให้เขาไม่อยากขยับเขยื้อนมากนัก แต่เสียงออดที่พิรี้พิไรก็ทำให้ความหงุดหงิดชักจะพุ่ง
 
“ห้องนี้ส้วมยังไม่เต็ม ถ้าจะดูดส้วมก็ไปห้องอื่น”
 
“โวะ! เจอหน้ากันก็จะเปลี่ยนอาชีพให้กูซะละ ทำไมพวกคุณชายในละครเขามีแต่สุภาพเรียบร้อย ไม่เห็นมีใครปากเสียแบบมึงเลยวะเนี่ย?”
 
“เพราะกูไม่ใช่คุณชายในละคร และมึงรบกวนการนอนของกู”
 
กฤตภาสย้อนหลังจากพบว่าผู้มาเยือนยามวิกาลคือเพื่อนสนิท ศุภวัฒน์ยักไหล่ก่อนจะถอดรองเท้าแล้วเดินตามเจ้าของห้องที่ย่ำเท้ากลับเข้าไปด้านใน เขามองคนที่ทิ้งตัวลงนอนเหยียดยาวบนโซฟาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
 
“หิวมั้ยมึง พอหม่าม้ารู้ว่ามึงไม่สบายก็รีบกุลีกุจอไปซื้อของบำรุงมาให้เลย บอกว่ามึงอยู่คนเดียวไม่มีใครดูแล ถ้ากูที่เป็นเพื่อนยังไม่มาเยี่ยมอีกเดี๋ยวมึงตายไปแล้วน้อยใจ กลายเป็นผีมาหลอกกู"
 
น้ำเสียงของเพื่อนที่แกล้งล้อเลียนผู้เป็นแม่ทำให้กฤตภาสหัวเราะหึเบาๆ เพราะว่าแม่ของเขากับแม่ของศุภวัฒน์คบหากันมาตั้งแต่ยังสาว หลังแต่งงานแล้วก็ยังนัดเจอกันบ่อยจนลูกชายทั้งสองได้เล่นหัวกันมาตั้งแต่เด็ก
 
แต่ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นก็จบลงเมื่อหม่อมหลวงมุกตาภาตัดสินใจหย่ากับสามีและพาเขาไปอยู่อังกฤษ หลังจากนั้นทั้งสองครอบครัวก็ห่างกันไป ยังดีที่กฤตภาสได้กลับมาเยี่ยมคุณยายบ้างจึงได้พบปะกับครอบครัวของศุภวัฒน์เป็นระยะ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยอย่างถาวรหลังเรียนจบปริญญาโท
 
“ฝากขอบคุณหม่าม้าด้วยก็แล้วกัน แต่ตอนนี้กูยังไม่อยากกินอะไร มึงวางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวหิวแล้วกูกินเอง”
 
นายแพทย์หนุ่มกลอกตาเพราะรู้ดีว่าคนป่วยมักจะเบื่ออาหาร แต่ก็ไม่อยากจะจู้จี้ตราบใดที่เพื่อนยังรู้วิธีดูแลตัวเอง
 
“ว่าแต่คุณชายจอมถึกอย่างมึงไม่สบายได้ไงวะ? ถ้าไม่ใช่เพราะกูเอะใจหลังมึงไม่รับสายก็เลยโทรไปถามที่ออฟฟิศ ป่านนี้ก็คงไม่รู้ว่ามึงป่วยจนถึงกับต้องลาหยุด”
 
คนป่วยส่งเสียงคำรามต่ำในคอ “คงติดหวัดมาจากเด็กๆ ที่ออฟฟิศนั่นแหละ ช่วงนี้ฝนตกบ่อยเลยไม่สบายกันหลายคน”
 
เขาไม่อยากบอกความจริงว่าน่าจะเป็นเพราะตนออกไปยืนตากฝนอย่างบ้าบิ่นอยู่นอกห้องเมื่อไม่กี่วันก่อน เพราะถ้าบอกไปคงโดนถามว่าทำไมถึงทำเรื่องไร้สติแบบนั้นได้ และสาเหตุเบื้องหลังมันน่าสังเวชจนแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อยากยอมรับ
 
ก็แค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินออกไปจากชีวิต...ไม่ควรจะมีอิทธิพลสั่นคลอนความมั่นใจของเขาได้ขนาดนี้ ไม่ควรจะทำให้เขาทุรนทุรายยามจินตนาการว่าตอนนี้เด็กนั่นกำลังอยู่ที่ไหนหรืออยู่กับใครเลยสักหน่อย...
 
“แค่ก! แค่กๆ!”
 
“เฮ้ย! เป็นไรรึเปล่า!? มึงได้ไปหาหมอมารึยังเนี่ย!?”
 
กฤตภาสพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อกดอาการระคายคอจนอยากจะไอเอาปอดออกมา เขาหันไปหยิบกระติกน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะมาจิบก่อนจะถอนใจยาวเมื่ออาการเจ็บหน้าอกค่อยบรรเทาลง
 
“หวัดแค่นี้จะไปหาทำไม อีกอย่างหมอก็มาหากูถึงที่แล้วนี่ ไหนๆ แล้วก็จ่ายยาให้กูเลยสิ”
 
"ขำตายละไอ้คุณชาย มึงเห็นกูถือเครื่องมืออะไรมาด้วยมั้ยล่ะ? ไม่สบายก็ไปหาหมอให้เป็นเรื่องเป็นราวสิวะ จะฝืนไว้ให้อาการยิ่งแย่ทำไม ทำยังกับเป็นพระเอกละครน้ำเน่าตอนอกหักไปได้"
 
แววตาคมกริบที่ตวัดมองมาทางเขาอย่างไม่พอใจทำให้นายแพทย์หนุ่มหุบปากฉับ เขาทำทีเป็นมองไปรอบๆ แล้วก็ถามเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
 
“ว่าแต่ตี้ไปไหนล่ะ? ออกไปซื้อข้าวให้อยู่เหรอ? ปกติมาห้องมึงต้องเจอน้องเขานี่”
 
คำถามนั้นไม่ต่างจากหมัดฮุคเข้าที่ท้องน้อย แต่กฤตภาสพบว่าตนไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นบริภาษคนถามให้สาแก่ใจ
 
ตลกสิ้นดี...เมื่อไม่นานมานี้เขาโดนยิงแต่ยังมีเด็กคนนั้นคอยดูแลไม่ห่าง มาตอนนี้เขาแค่เป็นไข้หวัด แต่คนที่เคยไว้ใจยอมให้มาเฝ้าอยู่ข้างๆ กลับหายตัวไปแล้ว
 
“หือ? ว่าไงวะกฤต?”
 
“ไม่เห็นก็คือไม่อยู่ ถ้าจะพูดให้ถูกคือมึงน่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วมากกว่า”
 
“อ้าว? ทำไมวะ?”
 
กฤตภาสนึกอยากเขวี้ยงอะไรอุดปากเพื่อนจะได้หยุดถามซอกแซกเสียที “ไม่ได้เจออีกก็แปลว่าเขาไปแล้วไง ดังนั้นต่อให้มึงมาหากูอีกกี่ครั้งก็ไม่มีวันเจอเขาแล้ว เข้าใจหรือยัง?”
 
“ฮะ!?”
 
นายแพทย์หนุ่มเลิกคิ้วสูงจนแทบชนตีนผม เขาจับจ้องกฤตภาสที่หันหนีไปอีกทางด้วยสีหน้าเหมือนเพิ่งได้ยินว่าแมวที่บ้านออกลูกเป็นไข่ จริงอยู่ว่าเขาเคยได้พบกับธีระเพียงไม่กี่ครั้ง แต่นับจากวันที่กฤตภาสแกล้งพาเด็กหนุ่มไปตรวจสุขภาพกับเขาที่คลินิกจนถึงวันที่เขาเอาหนังสือพิมพ์มาหาที่ห้องนี้ เขาก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงท่าทีที่เปลี่ยนไประหว่างคนทั้งสอง เพราะไม่ว่าจะแววตาของธีระยามมองเพื่อนของเขา หรือท่าทีและถ้อยคำที่กฤตภาสใช้กับเด็กหนุ่มก็ตาม มีแต่คนที่ตาบอดแถมยังหูหนวกเท่านั้นที่จะเดาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้
 
“ทะเลาะกันเหรอ? มึงก็ไปตามง้อเขาสิวะ เด็กๆ ก็ขี้งอนแบบนี้แหละ นี่คงไปพูดอะไรไม่เข้าหูเขาสิท่า เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นเรื่องข่าวที่ลงหนังสือพิมพ์ตอนนั้น? นี่แหละน้า กูถึงได้บอกว่ามึงน่ะชอบทำตัวเข้าใจยากเกินไป แบบนี้ใครเขาจะทนอยู่ด้วยไหว”
 
ศุภวัฒน์ยังบ่นต่ออีกยืดยาวแต่กฤตภาสไม่ได้ฟัง เขาเพียงแต่สะดุดใจกับคำว่า ‘เด็ก’ ที่อีกฝ่ายใช้ จริงอยู่ว่าธีระอายุน้อยกว่าเขาถึงสิบสองปี แต่ถึงแม้จะเป็นคนคิดอย่างไรแสดงออกอย่างนั้น การได้คลุกคลีกันอย่างใกล้ชิดก็ทำให้เขารู้ว่าฝ่ายนั้นไม่ได้มีความคิดอ่านแบบเด็กๆ เลย คำพูดคำจาที่สะท้อนความคิดแต่ละอย่างอาจกล่าวได้ว่ามีวุฒิภาวะกว่าลูกน้องบางคนของเขาด้วยซ้ำ
 
“กฤต ตกลงมึงฟังกูอยู่รึเปล่าเนี่ย?”
 
“กูได้ยินเสียงวี้ๆๆ เหมือนเสียงแมลงวัน ตกลงนั่นเสียงมึงหรอกเหรอ?”
 
ดูเหมือนอาการป่วยจะไม่ได้ช่วยลดวาจาเผ็ดร้อนของกฤตภาสได้สักกี่มากน้อย ศุภวัฒน์คิดในใจว่าอยากให้แม่ของตัวเองได้มาเห็นตัวจริงของ ‘ลูกกฤต’ ที่ชื่นชมนักหนาเสียเหลือเกิน เพราะเจอกันทีไรก็มีแต่เขาที่โดนจิกกัดจนเหวอะหวะแทบทุกครั้ง
 
“เอาเหอะ ไม่ได้ฟังก็ช่าง เอาเป็นว่ามึงก็ไปง้อเขาสิ ไว้หายป่วยแล้วค่อยไปก็ได้ หรือถ้าอยากเล่นบทพระเอกน้ำเน่าก็ไปง้อทั้งๆ ที่ป่วยอยู่นี่แหละ รับรองได้คะแนนสงสารตรึม”
 
บางทีกฤตภาสก็สงสัยจริงๆ ว่าเวลาที่ศุภวัฒน์ไม่ได้ตรวจคนไข้คงนั่งดูละครทั้งวัน เขาทำเสียงเดาะลิ้นอย่างขัดเคืองก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ
 
“เขาเป็นคนพูดเองว่าให้ปล่อยเขาไป แล้วมึงยังจะให้กูหน้าด้านไปตามเขาอีกเหรอ?”
 
“บอกให้ปล่อย...น้องตี้เนี่ยนะพูด? อ้าวเฮ้ย! แล้วนั่นมึงจะไปไหน?”
 
“เข้าส้วม”
 
“เฮ้ย! ไอ้กฤต!!"
 
กฤตภาสยังเดินไปไม่ถึงประตูห้องน้ำ ทันใดนั้นภาพตรงหน้าก็หมุนคว้างเป็นวง พื้นห้องราวกับมีพลังแม่เหล็กดึงดูดจนเขาสะดุดหัวทิ่ม ในหูได้ยินเพียงเสียงตะโกนเรียกอย่างตกใจของศุภวัฒน์ก่อนที่ทุกอย่างรอบตัวจะกลายเป็นสีดำมืด

 
 
++------++
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-09-2014 22:28:12 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
เสียงเข็มนาฬิกาที่เดินไปข้างหน้าอย่างเป็นจังหวะคือเสียงแรกที่กฤตภาสได้ยินเมื่อรู้สึกตัว ร่างสูงใหญ่ปรือตาขึ้นอย่างเชื่องช้าและเห็นฝ้าเพดานห้องที่ไม่ชินตา ขณะเดียวกันก็มีบางสิ่งในบรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกเหมือนเคยอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน
 
“อ้าว ตื่นแล้วรึ”
 
เสียงแหบทุ้มอันคุ้นเคยดึงสายตาของกฤตภาสไปที่ข้างเตียง และพบว่าเจ้าของเสียงคือโกเมท จันทร์เรือง พ่อของเขาเอง
 
ชายหนุ่มเหลือบมองเข็มน้ำเกลือที่เสียบอยู่บนแขน จากนั้นจึงค่อยเบนสายตาขึ้นมองบิดาอีกครั้ง
 
“เหวินพาผมมาโรงพยาบาลเหรอครับ?”
 
“อืม เห็นว่าลูกไข้สูงจนน็อคก็เลยพามาแอดมิทที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อเย็นวาน ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง? ยังเวียนหัวหรือพะอืดพะอมบ้างหรือเปล่า?”
 
กฤตภาสส่ายหน้า เขาปรายตามองนาฬิกาแขวนผนังแล้วก็ออกปากถามอีกครั้ง
 
“จะสิบโมงแล้ว ผู้บริหารใหญ่มาโอ้เอ้อยู่ที่นี่จะดีเหรอครับ?”
 
“อะไรกัน เพิ่งเห็นหน้าพ่อก็จะไล่กันแล้วรึ ไม่ต้องห่วง เช้านี้ไม่มีงานด่วน พ่อมาเฝ้าลูกชายก่อนได้”
 
คำพูดหยอกเย้าและมือที่บีบลงบนบ่าช่วยถ่ายทอดความห่วงใยได้เป็นอย่างดี กฤตภาสมองคู่สนทนาอย่างพิจารณา เส้นผมสีดอกเลาของอีกฝ่ายถูกหวีเสยไว้อย่างเรียบร้อย รอยย่นบริเวณหางตายามที่ยิ้มมองเขาให้ความรู้สึกอบอุ่นโดยไม่ได้ลดทอนความผึ่งผาย เขาซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวแทบจะไม่ได้รับรู้ความเป็นไปของอีกฝ่ายมากนักเพราะตั้งแต่เด็กก็ได้ใช้เวลากับผู้เป็นพ่อน้อยมาก กระนั้นก็ให้นึกสงสัยว่าทำไมแม่จึงแยกทางกับผู้ชายคนนี้ได้ลง
 
“พ่อ ผมถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
 
“หือ? เอาสิ”
 
“หลังจากที่หย่ากัน พ่อเคยคิดที่จะตามไปขอคืนดีกับแม่บ้างหรือเปล่า?”
 
คำถามอันไม่คาดฝันของกฤตภาสทำให้โกเมทนิ่งอึ้ง เขาสบตากับลูกชายที่จ้องมองเขาอย่างสงบ จากนั้นก็หลับตาลงแล้วระบายลมหายใจยาว
 
“มาพูดตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะกฤต”
 
“ผมไม่ได้อยากให้พ่อกับแม่คืนดีกันเพราะผมไม่ใช่เด็กแล้ว สมมติว่าตอนนั้นทั้งคู่ไม่ได้มีผมก็ได้ ถ้าหากหลังแต่งไปแล้วเกิดหย่ากันขึ้นมา พ่อยังคิดว่าจะตามไปขอคืนดีกับแม่หรือเปล่า?”
 
ไม่รู้อะไรดลใจกฤตภาสให้ถามคำถามที่รู้ดีว่าเปล่าประโยชน์เช่นนั้นออกไป เพราะสิ่งที่ผ่านมาแล้วย่อมย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ กระนั้นเขาก็ยังอยากฟังคำของผู้ให้กำเนิดอีกคนบ้างหลังจากที่ฟังความข้างเดียวจากผู้เป็นแม่ตลอดมา
 
โกเมทระบายลมหายใจอีกเฮือก ผู้สูงวัยมองออกไปทางหน้าต่างที่มีม่านโปร่งช่วยกรองแสงแดดจากภายนอก จากนั้นก็ค่อยเปิดปากเล่าช้าๆ คล้ายลังเลที่จะเปิดประตูสู่ความทรงจำที่ปิดล็อคมานานเอาไว้
 
“พ่อกับแม่รู้จักกันเพราะว่าพวกเราเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ตอนนั้นคุณมุกเป็นถึงดาวมหาวิทยาลัย เธอสวย ครอบครัวก็มีฐานะ ส่วนพ่อเป็นแค่ลูกชาวสวนที่สอบชิงทุนเข้าไปเรียนได้ ตอนที่พวกเราเริ่มคบกัน พ่อยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะลดตัวลงมาคบกับคนที่ต้องปั่นจักรยานไปเรียนอย่างพ่อ มาตอนหลัง...พ่อถึงค่อยรู้ว่าคุณมุกขัดแย้งกับที่บ้านจนยอมแต่งงานกับพ่อที่ไม่มีทรัพย์สมบัติติดตัวเพื่อประชด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยบ่นน้อยเนื้อต่ำใจหรือขอให้หานั่นนี่ให้ พ่อถึงได้มุ่งมั่นกับการทำงาน ตั้งใจว่าจะสร้างเนื้อสร้างตัวให้เธอภูมิใจ ให้ลูกที่จะเกิดได้มีทุกสิ่งไม่น้อยหน้าคนอื่นๆ เขา”
 
กฤตภาสรู้มาก่อนแล้วว่าพ่อกับแม่รู้จักกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย แต่ที่เขาไม่เคยรู้คือเรื่องที่แม่เคยขัดแย้งกับครอบครัว เนื่องจากกว่าเขาจะจำความได้ คุณตาก็เสียไปก่อนแล้วเพราะโรคมะเร็ง ญาติฝ่ายแม่จึงเหลือเพียงคุณยายที่ค่อนข้างใจดีและเอ็นดูเขา กับคุณป้าที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของแม่เท่านั้น
 
“ตอนที่ลูกเกิดเป็นช่วงเวลาที่พ่อเพิ่งจะได้เริ่มลืมตาอ้าปากในงานที่ทำตอนนั้น มันทำให้พ่อต้องรีบสร้างฐานะเพื่อลูกที่กำลังโต โดยที่ลืมไปว่าคุณมุกไม่ใช่ผู้หญิงที่เคยชินกับการเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียว พวกเราเริ่มทะเลาะกันจนกระทั่งสุดท้ายก็หย่าขาดแล้วลูกถูกพาไปอยู่ที่อังกฤษ ใช่ว่าพ่อจะไม่เคยอยากขอคืนดีกับแม่เขาหรอกนะ พ่อพยายามแล้ว...หลายครั้งหลายหน แต่คุณมุกก็ปฏิเสธทุกครั้งเพราะว่าทนนึกถึงช่วงเวลาที่พ่อทิ้งเขาไปหมกหมุ่นกับงานไม่ได้”
 
โกเมทเงียบไปอึดใจหนึ่งเมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ ฝ่ายกฤตภาสก็ไม่ได้ซักไซ้ เขาเพียงแต่รับฟังเรื่องราวจากปากคำของบิดาอย่างเงียบๆ ครู่หนึ่งผู้สูงวัยที่ดูจะดึงตัวเองกลับมาจากอดีตได้แล้วจึงหันมาหาเขาอีกครั้ง
 
“ชีวิตคู่ของพ่อกับแม่ล่มเพราะทิฐิของเราทั้งคู่ แต่จะให้พูดว่าที่ครอบครัวเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้เพราะคุณมุกก็พูดได้ไม่เต็มปาก จริงอยู่ที่คุณมุกปฏิเสธทุกครั้งที่พ่อพยายามจะขอคืนดี แต่บางทีถ้าตอนนั้นพ่อยอมออกจากงานแล้วตามไปเฝ้าเขาที่อังกฤษเขาก็อาจจะใจอ่อน แต่เพราะพ่อเห็นแก่ตัวเกินกว่าจะทิ้งงานทางนี้ไป สุดท้ายพอไม่ได้เจอกันนานเข้าความรู้สึกโหยหามันก็จืดจางไปเอง แต่นั่นเป็นคนละเรื่องกันสำหรับลูกเพราะว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ไม่มีวันไหนเลยที่พ่อไม่เสียดายที่ไม่เคยทำหน้าที่ของพ่อให้ดีตอนที่พวกเรายังอยู่ด้วยกัน พ่อขอโทษด้วยนะกฤต”
 
คำขอโทษอย่างจริงใจทำให้กฤตภาสรู้สึกจุก เขาเพียงแค่ถามเรื่องในอดีตเพราะอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น แต่ไม่ได้คาดหวังเลยว่ามันจะทำให้ได้ฟังคำสารภาพจากผู้ให้กำเนิดเช่นนี้
 
ตอนเด็กเขาเคยอิจฉาเพื่อนๆ ที่ทุกคนในครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา กระทั่งตอนที่ยอมรับได้แล้วว่าพ่อกับแม่จะไม่มีวันคืนดีกันก็ยังหวังให้พ่อไปหา แต่ด้วยวันคืนที่ล่วงเลยมานานทำให้เขาไม่คิดร่ำร้องต้องการความเอาใจใส่เช่นนั้นอีกแล้ว กระนั้นเมื่อได้ยินคำขอโทษก็ยังหยุดความรู้สึกแน่นหน้าอกไม่ได้
 
“ช่างมันเถอะครับ พ่อไม่ผิด”
 
“แม่เขาก็ไม่ผิดเหมือนกัน เพียงแต่นั่นเป็นการตัดสินใจเพราะเขายึดติดกับอดีตมากเกินไปจนไม่ยอมให้โอกาสพ่อ จำไว้นะกฤต เราไม่รู้หรอกว่าการตัดสินใจในวันนี้จะส่งผลต่อความสุขในอนาคตแค่ไหน พ่อไม่อยากให้ลูกเจริญรอยตามพ่อกับแม่ หากลูกทำอะไรแล้วมีความสุขพ่อก็ยินดีสนับสนุน หากลูกไม่ต้องการให้พ่อก้าวก่าย พ่อก็จะไม่ยุ่งเพราะลูกก็โตเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้ว เพียงแต่ขอให้ฟังคำแนะนำของพ่อแล้วเอาไปคิด สุดท้ายแล้วลูกจะตัดสินใจยังไง พ่อก็คงทำได้แค่ให้กำลังใจเท่านั้น”
 
ชายต่างวัยแต่ผูกพันด้วยสายเลือดทั้งสองสบตากัน และกฤตภาสรับรู้ได้ว่าคำพูดของบิดาแฝงความนัยที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวรู้อะไรมากกว่าที่เพิ่งเอ่ย
 
“ไอ้เหวินปากเปราะอีกแล้วสินะ”
 
โกเมทหัวเราะหึๆ “พ่อดีใจนะที่ลูกมีเพื่อนที่เป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้ ส่วนกับเด็กคนนั้น...พ่อไม่มีปัญหาถ้าเขาเป็นคนที่ลูกเลือก แต่ก่อนจะทำอะไรก็คิดให้ดีๆ ก่อนก็แล้วกัน ถึงจะบอกว่าอย่าถอดใจแต่ก็ไม่หมายความว่าพ่อแนะนำให้ใช้กำลังบังคับ  เพราะบางทีการข่มขู่ให้เขาอยู่ข้างตัวอาจเป็นความสุขของเราบนความทุกข์ของเขาก็ได้ ไม่มีความสุขไหนที่ยั่งยืนถ้าทั้งสองฝ่ายไม่เท่าเทียมกันหรอก พ่อคงแนะนำได้แค่นี้ล่ะนะ”
 
ผู้สูงวัยกล่าวก่อนจะบีบมือเขาอย่างให้กำลังใจ กฤตภาสรับรู้ได้ถึงความหยาบกร้านของฝ่ามือของผู้ให้กำเนิดที่สู้ชีวิตมาตลอดเวลาร่วมหกสิบกว่าปี หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็บีบมือข้างนั้นตอบ
 
“สวัสดีค่ะ อาการดีขึ้นหรือยังคะ? เดี๋ยวขอเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นะคะ”
 
นางพยาบาลเอ่ยขณะเปิดประตูเข้ามาในห้อง โกเมทจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อเปิดทางให้เธอทำหน้าที่ได้สะดวก กฤตภาสเห็นผู้สูงวัยชำเลืองมองนาฬิกาแขวนผนังจึงเอ่ยขึ้น
 
“ไปทำงานเถอะครับพ่อ ผมดีขึ้นกว่าเมื่อวานเยอะแล้ว ถ้าหากมีอะไรจะโทรไปบอก”
 
“อืม ถ้าอย่างนั้นพ่อกลับก่อนก็แล้วกัน ดูแลตัวเองด้วยนะ”
 
ผู้สูงวัยเอ่ยก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมแล้วก็เดินออกไป กฤตภาสไม่ทันได้เอะใจ พยาบาลสาวก็เอ่ยขึ้นระหว่างที่ช่วยเขาถอดเสื้อ
 
“ไม่รู้ได้นอนหรือยังนะคะนั่น”
 
“หือ?”
 
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขณะที่อีกฝ่ายดึงเสื้อออกจากแขนของเขา เธอจึงอธิบายพร้อมร้อยยิ้ม
 
“เมื่อวานหลังจากคุณมาแอดมิทแล้วคุณพ่อท่านเป็นคนมาเฝ้าน่ะค่ะ ตอนกลางคืนนิ่มอยู่เวรก็เลยได้เข้ามาช่วยดูอาการเป็นระยะ เห็นคุณพ่อท่านนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงตลอดไม่ยอมไปนอนเลย ท่าทางจะเป็นห่วงคุณมากนะคะ”
 
เธอเล่าพลางเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาจนเสร็จ จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้าชุดเก่าแล้วเดินออกจากห้องไป กฤตภาสนึกถึงภาพแรกที่เห็นตอนที่ตื่นขึ้นมาเมื่อเช้า แล้วก็นึกได้ว่าสีหน้าของบิดามีร่องรอยอ่อนล้าจริงๆ แต่เขานึกว่าคงเพราะอีกฝ่ายโหมทำงานหนักเสียอีกจึงไม่ได้ทัก
 
ไม่นึกเลยว่าสาเหตุที่แท้จริงจะเป็นเพราะอดนอนทั้งคืนเพื่อเฝ้าไข้เขา
 
ชายหนุ่มหลับตาลงแล้วระบายลมหายใจยาว บางทีการที่เขารู้สึกอ่อนไหวเป็นพิเศษในวันนี้คงเพราะพิษไข้กระมัง แม้แต่เรื่องเล็กน้อยที่ไม่ควรจะสะเทือนจิตใจก็ยังทำให้ในอกหนักอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก จะลุกขึ้นมาหาเรื่องอื่นทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจก็ทำไม่ไหว หลังจากพยายามจะหลับต่ออยู่นานอย่างไร้ผล ความคิดของเขาก็หวนกลับมายังคำพูดที่โกเมทฝากไว้เมื่อไม่กี่อึดใจก่อนจนได้
 

“บางทีการข่มขู่ให้เขาอยู่ข้างตัวอาจเป็นความสุขของเราบนความทุกข์ของเขาก็ได้ ไม่มีความสุขไหนที่ยั่งยืนถ้าทั้งสองฝ่ายไม่เท่าเทียมกันหรอก”

 
ความเท่าเทียมกันงั้นหรือ...เขาไม่เคยมองความสัมพันธ์กับใครในแง่มุมนี้มาก่อนเลย ถูกล่ะว่าในแง่ของการดำเนินธุรกิจแล้วเราย่อมต้องเสียบางสิ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งอีกสิ่งหนึ่งเสมอ มันเป็นกฎเกณฑ์สากลที่กฤตภาสปฏิบัติตามมาโดยตลอด แต่ในแง่อื่นแล้วเขาไม่เคยตั้งคำถามเลยว่าตนเคยเสียอะไรให้คนอื่นเท่ากับที่เรียกร้องกลับคืนหรือไม่
 

“ปล่อยผมไปเถอะครับ คุณกฤตเล่นกับความรู้สึกของผมมาเยอะแล้ว”
 

นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่ธีระเอ่ยกับเขา...คำขอร้องครั้งแรกและครั้งสุดท้าย แต่คำแนะนำที่เพิ่งได้รับจากพ่อทำให้กฤตภาสไม่แน่ใจว่าควรจะไปตามหาเด็กหนุ่มหรือว่าปล่อยมือไปทั้งแบบนี้ จริงอยู่ว่าตอนนี้ความรู้สึกบางอย่างที่เคยเบาบางในอกยามที่เขาคิดถึงธีระนั้นได้แจ่มชัดขึ้นเป็นรูปร่างจนแทบจะสัมผัสได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้น...เขาก็ไม่มั่นใจว่าความรู้สึกนั้นเข้มข้นพอที่เขาจะยอมจะสละความเป็นตัวของตัวเองที่เคยชินมาตลอดสามสิบสามปีเพื่อแลกเปลี่ยนกับการได้ใครบางคนมาหรือยัง


 
 
++---TBC---++



A/N: หลังจากตอนก่อนเราได้ติดตามชีวิตน้องตี้กันแล้ว คราวนี้มาดูฝั่งตากฤตกันบ้าง ใครคิดถึงน้องตี้รอกันหน่อยนะคะ รับรองตอนหน้าได้เจอน้องแน่ๆ ค่ะ (คนอ่านได้เจอนะ แต่ตากฤตได้เจอรึเปล่า...ไม่โบกกกก)

ปล. กฤตภาสนี่เป็นพระเอกที่ใช้ประกันสุขภาพคุ้มจริงๆ พระเอกคนอื่นเขาเข้าโรงพยาบาลกันคนละรอบ นี่เข้าสองรอบติดๆ กันเลยพ่อคุณ
  :katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-09-2014 22:27:17 โดย bellbomb »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ McKnight

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
มาแล้วจริงๆ

ดีใจสุดๆเลยครับ

คิดถึงน้องตี้

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
มาต่อแล้ว.......เย้ เย้

สงสัย ต้องลงข่าวว่า คุณกฤต ตรอมใจ ตี้ถึงจะมาดูใจ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จะว่าอะไรไหมถ้าจะบอกว่าสะใจอะ

ออฟไลน์ ppoi

  • When nothing goes right... GO LEFT.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 720
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-12
ยังไม่อิ่ม ไม่อืดมาม่าพอนะตากฤต หึหึ  o3

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ยังไม่สาแก่ใจอ่ะ อยากให้คุณกฤตทุรนทุรายกว่านี้ ไม่อยากให้ตี้ใจอ่อนง่ายๆ ให้มีคนใหม่ดีๆ เข้ามาจีบตี้เลยดีกว่า

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
ตามติดให้กำลังใจกฤต!!!!!!

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
มาจองก่อนน้าาาา :katai2-1:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
แต่เก๊าอยากให้มีรอบที่ 3 นะ หมั่นไส้อ่ะ

แบบนี้ให้รอจนแห้งตายไปซักพักน่าจะดีแฮะ

ออฟไลน์ myapril

  • Tomorrow
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-3
ตลอดๆๆอ่ะคนนี้
จะทำอะไรก็เอาทุกเรื่องไปโยงกับธุรกิจ ส่วนได้ส่วนเสีย กำไร ขาดทุน
ขัดใจจริงๆ .. หัดเอาความรุ้สึกจจริงๆิเพียงอย่างเดียวบ้างเถอะค่าา

ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
จนถึงตอนนี้คุณกฤตยังไม่รู้ความรู้สึกของตัวเองเลยยย ยิ่งปล่อยไว้นานมันจะยิ่งแย่นะ แต่ก็อยากให้คุณกฤตแกได้รับบทเรียนมากกว่านี้อีกนิด เราเมนน้องตี้นี่เนอะ  :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด