เล่ห์ลวงใจ บทที่ 2อะไรกันน่ะ อาการวูบวาบ เดี๋ยวก็ร้อนเดี๋ยวก็หนาวแบบนี้...
ธีระคิดขณะแทรกคนในร้านไปจนถึงทางเข้าห้องน้ำบนชั้นสอง พอผลักประตูเข้าไปได้ก็เดินไปที่อ่างล้างมือแล้ววักน้ำขึ้นลูบหน้า อุณหภูมิของน้ำทำให้สมองเขาแจ่มใสขึ้นนิดหน่อย กระนั้นแรงกระตุ้นที่แผ่ลามไปตามร่างกายก็ทำให้แขนขาอ่อนเปลี้ยจนแทบยืนไม่อยู่
หรือว่าเครื่องดื่มเมื่อกี้ใส่อะไรไว้ เขาโดนวางยางั้นหรือ?
ธีระคิดพลางพยายามสะบัดศีรษะที่เริ่มตื้อ เมื่อครู่มีผู้ชายที่ไม่รู้จักเดินเข้ามาทักทายเขาที่นั่งเฝ้าโต๊ะอยู่คนเดียว ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะก็เคยมีคนแปลกหน้าพยายามเข้ามาทำความรู้จักเขาอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่สมัยที่ยังเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนฝูง แต่เพราะครั้งนี้เขาไม่มีอารมณ์จะคุยเล่นจึงไม่ได้สนทนาด้วยมากนัก ผู้ชายคนนั้นจึงขอเลี้ยงเครื่องดื่มสักแก้วในโอกาสที่ได้รู้จักกันแล้วก็จะกลับไปหาเพื่อนๆ เขาก็เลยตอบตกลงเพื่อตัดบทโดยกำชับว่าต้องไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ แต่ไม่คิดจริงๆ ว่าม็อคเทลสีสวยแก้วนั้นจะมีอะไรผิดปกติ
คงเพราะมัวแต่ใจลอยก็เลยไม่ทันสังเกตว่าถูกใส่ยาในแก้ว แบบนี้ไม่ดีแน่...รีบไปบอกซันกับเมธให้พากลับดีกว่า...
ธีระรับรู้ได้ว่าสมองเริ่มมึนงง สวนทางกับแรงกดดันในกายที่ทวีความพลุ่งพล่าน จึงพยายามวักน้ำเย็นขึ้นลูบหน้าและตามลำคอมากขึ้นเพื่อประคองสติไว้ เขารู้ว่าต้องรีบลงไปหาเพื่อนๆ ให้เร็วที่สุด จึงไม่ได้สนใจเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออก และเพียงใช้มือยันผนังเพื่อประคองตัวเองเดินออกไปโดยไม่ให้ชนกับผู้มาใหม่ แต่แล้วก็สะดุ้งเมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็ยื่นมือมาจับต้นแขน
“บังเอิญจัง ทำไมสีหน้าไม่ค่อยดีเลย ให้พี่ช่วยดูไหมครับว่าเป็นอะไร”
ธีระขนลุกตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาเงยหน้าขึ้นและจำได้ทันทีว่านี่คือเสียงของผู้ชายที่เพิ่งมาขอเลี้ยงเครื่องดื่มเมื่อไม่กี่นาทีก่อน รอยยิ้มบนใบหน้านั้นถูกปั้นให้ดูนุ่มนวล แต่มันกลับไม่ต่างจากรอยแสยะยิ้มของปิศาจร้ายภายใต้แสงสลัว
ความรู้สึกร้อนวูบวาบแผ่พุ่งจากบริเวณต้นแขนที่ถูกจับ ธีระกำหมัดแน่นเพื่อบังคับร่างกายไม่ให้โผเข้าหาอีกฝ่ายและทำอะไรที่ร่างกายสั่งให้ทำเพื่อปลดเปลื้องความอึดอัด ลมหายใจของเขาหอบถี่ขณะพยายามขืนตัวหนีอย่างอ่อนแรง
"ไม่ต้อง"
“หืมม์? ไม่สบายไม่ใช่เหรอครับ? ให้พี่ช่วยดีกว่านะ”
ลมหายใจอุ่นๆ ระบนใบหูเมื่ออีกฝ่ายดึงเขาเข้าไปในห้องน้ำด้านในสุดและกดล็อค ธีระรับรู้ได้ถึงความวาบหวิวที่แล่นเป็นริ้วเมื่ออีกฝ่ายพยายามจะก้มลงซุกไซ้ซอกคอและล้วงมือเข้าใต้เสื้อ ขณะเดียวกันก็รู้สึกขยะแขยงจนคลื่นไส้
“...สารเลว! ปล่อยนะ!!”
“ไม่เอาน่า ยิ่งฝืนก็ยิ่งอึดอัดไม่ใช่เหรอ เวลาเป็นแบบนี้แล้วไม่ทำให้หายมันทรมานมากนะ”
เสียงปลอบโยนนั้นแสนจะรื่นหูราวเคลือบด้วยน้ำเชื่อม ทว่าธีระยังพยายามฉุดรั้งสติไว้ ต่อให้อีกฝ่ายไม่บอกเขาก็รู้อยู่แก่ใจ เพราะร่างกายกำลังกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งให้เลิกต่อต้านเพื่อจะได้เป็นอิสระจากความไม่สบายตัวเสียที แต่ศักดิ์ศรีก็ทำให้เขาไม่อยากยอมแพ้ให้กับคนที่ใช้วิธีสกปรกมาทำให้ต้องโอนอ่อนทั้งที่ปฏิเสธอย่างชัดเจนไปแล้ว
พี่รงค์...ถ้าหากตอนนี้พี่รงค์ยังอยู่ด้วย พี่รงค์จะมาช่วยตี้ไหม...
ความคิดอันหม่นหมองช่วยเหนี่ยวรั้งปราการในใจของธีระ การตระหนักรู้ว่าตอนนี้ไม่มีใครช่วยเขาได้นอกจากตัวเองทำให้เด็กหนุ่มแสร้งหยุดต่อต้านและพยายามเลื่อนมือสะเปะสะปะไปตามผนังห้องน้ำ เขาเบี่ยงหน้าหนีคนที่พยายามจะก้มลงจูบจนริมฝีปากอีกฝ่ายเพียงเฉียดผ่านแก้ม กระทั่งเมื่อปลดล็อคประตูห้องน้ำได้สำเร็จ เขาก็รวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้าย แทงเข่าขึ้นไปกลางหว่างขาคนที่ยืนคร่อมเต็มแรงแล้วโผออกจากห้องน้ำทันที
“อุ๊บ!”
ธีระส่งเสียงเมื่อสะดุดฝีเท้าหน้าทิ่มไปชนใครบางคน เด็กหนุ่มยื่นมือออกไปเพื่อทรงตัวขณะเงยหน้าขึ้น และพบว่าตนอยู่ในอ้อมแขนของชายแปลกหน้ารูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง เนื่องจากอีกฝ่ายก้มมองเขาโดยมีหลอดไฟส่องจากด้านหลัง ทำให้ใบหน้านั้นอยู่ในความสลัวจนเห็นเครื่องหน้าไม่ชัด
วูบหนึ่งธีระนึกอยากให้คนตรงหน้าเป็นคนที่เขาคาดหวังว่าจะมาช่วยเหลือเกิน แต่ถึงแม้จะไม่ใช่ อย่างน้อยการได้เห็นคนอื่นในสถานการณ์เช่นนี้ก็ทำให้อุ่นใจขึ้น
"ขอโทษครับ ช่วยด้วย ผมโดนวางยา"
“เฮ้ยนี่!...”
คนที่กระชากประตูห้องน้ำตามออกมาชะงักเมื่อเห็นว่ามีใครอีกคนอยู่ด้วย ความตกใจทำให้ผู้ชายคนนั้นยืนเก้ๆ กังๆ ครู่เดียวก็รีบเดินเบี่ยงตัวหนีไปที่ประตูห้องน้ำใหญ่ แต่ก่อนออกไปก็ยังไม่วายเหลียวกลับมามองธีระด้วยความเสียดาย จนเมื่อมั่นใจว่าหมอนั่นออกไปพ้นห้องน้ำแน่นอนแล้ว เด็กหนุ่มก็ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกโต
รอดแล้ว...
เหตุการณ์ชวนใจหายใจคว่ำเมื่อครู่ทำให้ธีระลืมอาการเรียกร้องของร่างกายไปชั่วขณะ แต่แล้วความต้องการอันรุนแรงระลอกใหม่ก็ปะทุจนเขาตัวงอ ความต้องการอันเกรี้ยวกราดแล่นพล่านทั่วกายจนต้องจิกมือลงบนแขนของคนที่ช่วยประคองแน่น
แข็งใจไว้นะตี้...อย่าเผลอตัวทำอะไรบ้าๆ กับคนไม่รู้จักอีกนะ...
“...ขอบคุณนะครับ แล้วก็ขอโทษด้วย”
ธีระเอ่ยเสียงพร่าขณะพยายามถอยตัวออก พลันเด็กหนุ่มก็ส่งเสียงอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ แขนที่ประคองเขาไว้กลับดึงรั้งตัวเข้าไปหา นัยน์ตากลมโตกะพริบถี่ด้วยความมึนงง แต่แล้วเมื่อถูกรั้งต้นคอให้เงยหน้าขึ้น ริมฝีปากที่ประทับลงมาก็ราวกับการเปิดทำนบเขื่อนที่กำลังเชี่ยวกรากให้หลั่งทะลัก
ฝืนไม่ไหวแล้ว...
“อืม...ฮึ...”
ความยับยั้งชั่งใจของธีระปลาสนาการไปในทันที ริมฝีปากที่เผยออยู่แล้วดุจจะเชิญชวนให้อีกฝ่ายฉกฉวยความหอมหวานโดยไม่ต้องเปล่งเสียง ร่างกายปรีเปรมดิ์กับรสสัมผัสจนไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีก และดึงดูดให้เขาได้แต่พยายามบดเบียดร่างเข้ากับร่างสูงใหญ่เพื่อระบายความรุ่มร้อนในกาย วูบหนึ่งเขานึกกลัวที่ฤทธิ์ยาที่ได้รับรุนแรงขนาดนี้ แต่ความคิดนั้นก็หายไปในเวลาอันรวดเร็วเมื่อถูกมือใหญ่เลื่อนลงกอบเนินสะโพก
คอแห้งจังเลย...
ลำคอที่แห้งผากทำให้ธีระโน้มคออีกฝ่ายลงดูดดุนปลายลิ้นเพื่อหาความชุ่มชื้น รสชาติวิสกี้อ่อนจางยิ่งทำให้เด็กหนุ่มเตลิดจนสอดมือเข้าลูบไล้ผิวแกร่งใต้เสื้อยืด หูเขาได้ยินเสียง “อุ้ย” แว่วๆ จากหน้าประตู แต่เสียงดนตรีที่ดังจนชวนหูอื้อในร้านก็อาจทำให้เขาหูเฝื่อนไปเองก็ได้
“ไปที่อื่นกันดีกว่า”
เสียงทุ้มห้าวเอ่ยกระซิบขณะที่ธีระปรือตาขึ้นอย่างงุนงง ที่อื่นงั้นหรือ? ที่ไหนกันล่ะ? เด็กหนุ่มรู้สึกว่าตนกำลังถูกเพลิงปรารถนาเผาผลาญราวกับตัวเองเป็นปลาในลำธารอันแห้งขอด จึงไม่ขัดขืนเมื่อถูกโอบกึ่งประคองออกจากห้องน้ำไปทางบันไดหนีไฟ แหล่งแสงที่มาจากป้ายทางออกเหนือประตูเท่านั้นทำให้บรรยากาศในช่องบันไดแคบๆ ยิ่งมืดสลัวมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ปลุกความฮึกเหิมในใจให้พลุ่งพล่าน
ในเมื่อเขาหลีกเลี่ยงเพราะฤทธิ์ยาไม่ได้แล้ว ก็ให้มันจบที่นี่ไปเลยก็แล้วกัน
"อื๋อ?"
กฤตภาสส่งเสียงอย่างแปลกใจเมื่อถูกธีระดันหลังไปติดผนังบนชานพักบันได จากนั้นเด็กหนุ่มก็โถมตัวเข้ากอดเขาไว้แล้วรั้งคอลงจูบอย่างเร่งร้อน มือที่พยายามทึ้งเสื้อของเขาและการพยายามจะบดเบียดกายเข้าหาทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะทำอะไร
"แน่ใจเหรอว่าจะทำตรงนี้?"
ถึงแม้แสงจะสลัวจนแทบไม่เห็นหน้ากัน กระนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่าคนในอ้อมแขนพยักหน้าและพยายามจะจูบแผ่นอกของเขา การรุกเร้าอันเร่งรีบทำให้เขาเกิดความคิดสองอย่าง หนึ่งคือยาที่อีกฝ่ายโดนเข้าไปจะต้องมีฤทธิ์กระตุ้นรุนแรงมาก ส่วนอีกอย่างคือเด็กคนนี้นอนกับใครก็ได้ไปทั่ว
และความคิดอย่างหลังก็ทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาถนัดใจ
"อื้มมมม"
จู่ๆ ธีระก็เป็นฝ่ายถูกดันหลังให้ชนกำแพง ชายหนุ่มแปลกหน้าเชยคางเขาขึ้นแล้วบดจูบบนริมฝีปากอย่างแรงจนเด็กหนุ่มแยกไม่ออกระหว่างความสุขสมและเจ็บปวด ท่ามกลางสติที่พร่ามัวเพราะหมอกแห่งความปรารถนา เสี้ยวหนึ่งเขาเกิดความสงสัยว่าทำไมผู้ชายคนนี้จึงต้องทำท่าเหมือนโกรธเขาด้วย
แต่ที่แน่นอนอย่างหนึ่งก็คือ พวกเขาสองคนคงจะบ้าไปแล้วที่มาทำแบบนี้กันตรงนี้...
"อึ๊!!...ฮะ..."
หลังจากการเล้าโลมที่กินเวลาไม่นาน ธีระก็ถูกชายหนุ่มแปลกหน้ารั้งขาทั้งสองขึ้นให้เกาะเกี่ยวเอวเจ้าตัวไว้ จากนั้นความเจ็บแปลบก็แล่นวาบมาจากบริเวณที่อีกฝ่ายใช้ความแข็งแกร่งล่วงล้ำเข้ามา แต่ฤทธิ์ยาที่ยังไม่สร่างทำให้ความเจ็บถูกแทนที่ด้วยความสุขสมอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากพวกเขาอยู่ในทางหนีไฟที่แม้จะแทบไม่มีคนใช้ในเวลาปกติ แต่ก็ไม่อาจประมาทได้ว่าจะไม่มีคนมาพบ กฤตภาสจึงตัดสินใจไม่ถอดเสื้อผ้าของทั้งคู่ออกจนหมด เพียงแต่ร่นเสื้อและกางเกงในส่วนที่สะดวกแก่การ ‘ประกอบกิจ' เท่านั้น โชคดีที่เสียงดนตรีดังกระหึ่มในร้านช่วยกลบให้เสียงครวญครางของคนในอ้อมแขนเขาไม่อาจหลุดไปด้านนอกได้มากนัก
"อ๊ะ...อ๊ะ..."
เสียงหอบเครือหวานล้ำดังชิดริมหูเมื่อกฤตภาสเพิ่มการกระแทกกระทั้นมากขึ้น สรีระที่กะทัดรัดของอีกฝ่ายทำให้ชายหนุ่มสามารถอุ้มเด็กหนุ่มเข้าเอวได้อย่างไม่มีปัญหา ยิ่งเขาออกแรงมากขึ้นเท่าไหร่ คนในอ้อมแขนก็ยิ่งบิดกายและส่งเสียงครางดังขึ้นจนเขาต้องคอยจูบเพื่อไม่ให้เสียงนั้นเล็ดลอดออกไปดึงความสนใจของคนอื่นได้
ธีระหลับตาแน่นเมื่อรับรู้ได้ถึงระลอกคลื่นแห่งความสุขสมที่กำลังสาดซัด เด็กหนุ่มจิกมือบนไหล่กว้างจนเกิดรอยเล็บเพราะความหฤหรรษ์ที่ได้รับ แต่เสียงกรีดร้องของเขาก็ถูกริมฝีปากอุ่นดูดกลืนจนเหลือเพียงเสียงอู้อี้ในคอ
น้ำหอมกลิ่นนี้...
อาจเพราะตอนอยู่ในห้องน้ำเมื่อครู่มีแต่กลิ่นน้ำหอมปรับอากาศจึงทำให้เขาไม่ทันสนใจ แต่เมื่อได้อยู่ใกล้กันในที่ที่อากาศไหลเวียนน้อย กลิ่นโคโลญจน์ที่อีกฝ่ายใช้จึงกระสาเข้าจมูกของธีระโดยไม่อาจเลี่ยง แม้จะเป็นเพียงกลิ่นอ่อนจาง แต่กลับมีฤทธิ์ขับความต้องการของเขาให้ทะยานลิ่วอย่างเข้มข้น
ร่างผอมเพรียวหอบหายใจหนักหน่วงเมื่อความสุขสมอันบ้าคลั่งหอบสติสัมปชัญญะของเขาให้หลุดลอย มือทั้งสองขยุ้มเสื้อบนไหล่กว้างขณะที่สองขาเกร็งหนีบเอวสอบแน่น จวบจนเมื่อพายุอารมณ์พัดผ่านและความอ่อนล้าเริ่มไต่ไปตามกล้ามเนื้อบนร่าง สติของเขาจึงได้กลับคืนมาจากความรู้สึกล่องลอยเหมือนอยู่บนที่สูงทีละน้อย เช่นเดียวกับการรับรู้ว่าร่างกายของเขายังคงแนบชิดกับผู้ชายที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ
นี่เขายังเหลือศักดิ์ศรีในตัวให้ภูมิใจอยู่อีกไหม...
กฤตภาสซบหน้าลงหอบหายใจกับซอกคอของคนในอ้อมแขน มือหนึ่งเขายังกอดอีกฝ่ายไว้ขณะที่มืออีกข้างยันฝาผนังเพื่อช่วยทรงตัว น่าแปลกที่แม้เด็กหนุ่มจะมีเหงื่อผุดซึมออกมาทั้งร่าง กระนั้นกลิ่นกายอ่อนๆ กลับยิ่งดึงดูดให้อยากฝังจมูกลงสูดดมไม่รู้เบื่อ เขาจึงไม่ฝืนความต้องการและก้มลงเลาะเล็มซอกคอและติ่งหูนิ่ม ทำให้ได้ยินเสียงครางแผ่วหวานที่ยิ่งได้ยินแล้วก็อยากจะได้ยินซ้ำ
มือทั้งสองข้างที่กำไหล่เขาอยู่ค่อยๆ คลายออกและเลื่อนขึ้นประคองหน้าชายหนุ่มไว้ กฤตภาสเงยหน้าและสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นจัดที่ระลงบนริมฝีปาก นัยน์ตาที่เริ่มชินกับความสลัวทำให้เขามองเห็นสิ่งต่างๆ ชัดเจนขึ้น และภาพนัยน์ตากลมโตที่มีหยาดน้ำขังคลอเต็มหน่วยตาก็ทำให้เขาขมวดคิ้ว เพราะแววตาอันเลื่อนลอยคู่นั้นกำลังจ้องหน้าเขา แต่ขณะเดียวกันก็เหมือนกำลังมองไปยังใครบางคนที่อยู่แสนไกลจนเกินจะเอื้อมมือคว้า
"พี่รงค์..."
เสียงเล็กสั่นเครือก่อนที่มือซึ่งแนบอยู่บนหน้าเขาจะตกผล็อยลง เช่นเดียวกับศีรษะของอีกฝ่ายที่โน้มมาข้างหน้า อาการแน่นิ่งทำให้กฤตภาสรู้ว่าเด็กหนุ่มหมดสติไปแล้ว กระนั้นคิ้วของเขาก็ยังขมวดมุ่นเมื่อคิดถึงชื่อของคนที่ลอยเข้าหู
พี่รงค์...เป็นใคร?
++---TBC---++
A/N: ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์ และเอาใจช่วยน้องตี้กันต่อไปด้วยนะค้าาาาาา 