เล่ห์ลวงใจ - ตอนพิเศษ แสงแรกแห่งปีใหม่ โพสต์วันที่ 1/1/59 (p.101)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เล่ห์ลวงใจ - ตอนพิเศษ แสงแรกแห่งปีใหม่ โพสต์วันที่ 1/1/59 (p.101)  (อ่าน 1061291 ครั้ง)

ออฟไลน์ poonparamount

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :hao5:  อ่าาาาาาาาาาาาา เรื่องนี้ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น "คุณลุงซึนเดเระกะหนุ่มน้อยสายแอ๊บ" แล้วล่ะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2014 00:03:40 โดย poonparamount »

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
รอค่ะรอ กาซิกๆ

ออฟไลน์ Takarajung_TK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-2
เข้ามาให้กำลังใจน้องตี้ :กอด1:

ออฟไลน์ มะลิลา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
รอตอน 29 อย่างใจจดจ่อว่าน้องตี้จะเอาไงต่อ
เป็นกำลังใจให้ล่วงหน้าเลยนะ

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
เล่ห์ลวงใจ บทที่ 29


สายน้ำเย็นเฉียบที่หลั่งลงมาจากฝักบัวช่วยขจัดความงัวเงียในยามเช้า ธีระลูบมือไปตามเนื้อตัวเพื่อล้างฟองสบู่ออก จากนั้นก็หันไปหยิบผ้าขนหนูมาซับน้ำบนร่างก่อนจะเหน็บชายรอบเอวเพื่อกันหลุด

มีเสียงออดดังขึ้นที่ประตูหน้าขณะที่เขากำลังออกจากห้องน้ำ แต่เด็กหนุ่มไม่นำพาเพราะรู้ว่าเดี๋ยวเจ้าของห้องคงไปเปิดรับเอง เขาเช็ดเท้าบนพรมแล้วก็เดินไปนั่งที่โต๊ะหน้ากระจกเงียบๆ อึดใจหนึ่งประตูห้องนอนก็เปิดออก เผยให้เห็นกฤตภาสซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตที่พับแขนขึ้นกับกางเกงยีนส์ยี่ห้อดังที่รวมราคากันแล้วคงเท่าเงินเก็บของเขาทั้งปี สายตาของทั้งสองประสานกันผ่านภาพสะท้อนในกระจกโดยไม่มีใครเอ่ยอะไรอยู่ครู่ใหญ่ 

"นี่กระเป๋าเธอ ฉันให้อาร์ทจ้างเมสเซนเจอร์ข้างนอกให้เอามาส่งให้"

"...ขอบคุณครับ"

ธีระกล่าวเนือยๆ ก่อนจะหลุบตาลงเพื่อเลี่ยงแววตาที่กำลังจับจ้องเขาในกระจก อย่างน้อยการใช้บริการส่งของจากคนนอกบริษัทก็เป็นการแสดงความรอบคอบของกฤตภาส เขาควรจะขอบคุณที่ยังไม่ทำให้อับอายเพื่อนร่วมงานมากไปกว่านี้กระมัง

"ทำไมอาบน้ำเสร็จแล้วไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก"

น้ำเสียงที่อาจกล่าวได้ว่านุ่มนวลกว่าปกติดังขึ้นด้านหลังเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ เด็กหนุ่มเม้มปากแต่ไม่พูดอะไร อึดใจต่อมาก็มีผ้าขนหนูอีกผืนคลุมลงบนบ่าก่อนที่เจ้าของห้องจะหยิบไดร์มาเสียบปลั๊ก

"ถึงจะหายหวัดมาพักใหญ่แล้วก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่เป็นอีกหรอกนะ เดี๋ยวผมแห้งแล้วก็แต่งตัวซะ ฉันต้มโจ๊กไว้ให้ในครัว"

"...ครับ"

ธีระตอบขณะปล่อยให้กฤตภาสเป่าผมให้ กระทั่งอีกฝ่ายปิดไดร์เมื่อผมแห้งสนิทแล้วเขาจึงลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าชุดเดียวกับเมื่อวานขึ้นสวม ตลอดเวลานั้นกฤตภาสเพียงแต่ยืนกอดอกพิงผนังดูเขาทำทุกอย่างเงียบๆ จนกระทั่งเห็นว่าสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้วถึงค่อยเดินนำออกจากห้องนอน

ทั้งสองนั่งกินอาหารเช้าอย่างไม่รีบร้อนทั้งที่เลยเวลาเข้ามางานมามาก สำหรับกฤตภาสนั้นจะเข้าไปตอนไหนก็ได้อยู่แล้วในเมื่อเป็นเจ้าของบริษัท แต่ธีระขอลาหนึ่งวันโดยไม่อธิบายเหตุผลว่าเพราะยังไม่พร้อมจะไปพบหน้าเพื่อนร่วมงานวันนี้ โชคยังดีที่กฤตภาสคงพอจะเดาได้ จึงอนุมัติโดยไม่ซักไซ้ไล่เลียงว่าทำไมถึงต้องขอหยุด

หลังจากจัดการมื้อเช้าแล้วทั้งสองก็ออกจากคอนโดด้วยกัน ธีระหันไปไหว้ขอบคุณเมื่อกฤตภาสขับรถมาส่งถึงหน้าหอพัก ขณะที่กำลังปลดเข็มขัดนิรภัยก็ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ

"เย็นนี้ฉันจะมารับไปกินข้าวตอนทุ่มนึง ถ้ามีร้านไหนที่อยากไปก็บอกก็แล้วกัน"

ธีระหันไปสบตากับนัยน์ตาสีนิลซึ่งดูสุขุมแต่ลึกล้ำไร้ก้นบึ้ง แล้วก็เพียงแต่ก้าวลงจากรถโดยไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่าป่วยการจะบ่ายเบี่ยงในเมื่อถึงอย่างไรกฤตภาสก็คงหาวิธีให้เขาต้องไปจนได้

เด็กหนุ่มเดินเข้าไปยังหอพักด้วยฝีเท้าอันเฉื่อยเนือยโดยที่ตระหนักดีว่ามีสายตาจับจ้องอยู่ตลอด จนกระทั่งเขาก้าวเข้าไปด้านในอาคารแล้วถึงค่อยเห็นรถแลนด์โรเวอร์สีดำเคลื่อนจากไป ครู่หนึ่งเขายืนเคว้งอยู่กับที่เพราะนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรดี กระทั่งผ่านไปอึดใจใหญ่ถึงค่อยตัดสินใจขึ้นไปตั้งหลักที่ห้อง เพราะแม้ว่าจะไม่มีที่อื่นให้ไป อย่างน้อยห้องเล็กๆ ที่เขาใช้หลับนอนมาตลอดสามปีนี้ก็ยังนับได้ว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวอย่างแท้จริง

พอถึงห้องแล้วธีระก็เปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น เขาเอนหลังลงบนเตียงแล้วก็นอนจ้องเพดานนิ่ง คำตอบที่กฤตภาสมอบให้ต่อคำถามเมื่อวานนี้ยังดังก้องอยู่ในหัวไม่หาย


"ฉันถูกใจเธอมากกว่าคนอื่น"


ก็แค่ถูกใจ...งั้นหรือ...

ธีระอดจะคิดถึงความหมายของคำคำนี้ไม่ได้ การเป็นคนที่ 'ถูกใจ' สำหรับเขาแล้วไม่ได้มีความหมายเท่าเทียมกับคำว่า 'ชอบ' ดังนั้นจากมุมมองของกฤตภาส เขาคงจะเป็นแค่คู่นอนที่บังเอิญต้องตาแต่ไม่ต้องใจ ถึงได้ไม่มีค่าแม้แต่จะโกหกด้วยคำหวานหูให้ได้มีความหวังบ้างเลยสินะ 


"...พี่อยากให้ตี้มองไปถึงอนาคตข้างหน้ามากกว่า อนาคตที่ตี้มีโอกาสที่จะมีความสุขมากกว่าตอนนี้"


นั่นเป็นอีกประโยคที่ธีระจำได้แม่นยำจากคนที่เคยมอบหัวใจให้เป็นคนแรก ณรงค์เคยปลอบใจเขาด้วยถ้อยคำซึ่งไม่ต่างจากมีดอาบน้ำผึ้งในวันสุดท้ายที่พบกัน บัดนี้มันไม่สร้างความเจ็บช้ำให้เท่ากับคำพูดของกฤตภาสเมื่อคืนอีกแล้ว กระนั้นก็ยังมีอานุภาพตอกย้ำให้เขายิ่งสมเพชกับความไร้วาสนาของตัวเองมากขึ้นไปอีก

พี่รงค์...อนาคตข้างหน้าที่มีความสุขมันอยู่ตรงไหนเหรอ หรือสำหรับตี้แล้วมันไม่มีวันที่จะมาถึงกันแน่...

ความหดหู่เศร้าหมองดึงน้ำตาให้เอ่อขึ้นมากบขอบตาอีกครั้ง เด็กหนุ่มนอนตะแคงแล้วก็โอบแขนรอบตัวเองแน่น เขาเบื่อการเป็นคนเจ้าน้ำตาเหมือนเด็กไม่รู้จักโตเต็มทน แต่จะให้อดกลั้นไว้ได้อย่างไร ในเมื่อแต่ละเรื่องที่พานพบมันช่างชวนให้ทดท้อกับการไขว่คว้าความรักเหลือเกิน

RRrrrrrr......

เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังฝ่าความเงียบทำให้ธีระสะดุ้ง เขาปาดน้ำตาออกขณะผุดลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์มาดู เมื่อเห็นว่าชื่อคนโทรเข้าคือแม่ นิ้วมือก็อ่อนแรงจนเกือบกำโทรศัพท์ไม่อยู่

ใจเย็นๆ นะตี้ ใจเย็นๆ...แม่อาจยังไม่เห็นหนังสือพิมพ์ก็ได้

เด็กหนุ่มเตือนตัวเองแม้จะรู้ว่าเป็นไปได้ยาก เขาสูดหายใจลึกก่อนจะรับสายด้วยเสียงที่พยายามควบคุมให้นิ่งที่สุด

"ฮัลโหล?"

"ตี้เหรอลูก? แม่เห็นข่าวในหนังสือพิมพ์แล้วนะ ลูกเป็นยังไงบ้าง?"

น้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใยทำให้ลำคอของธีระตีบตัน ทั้งที่เผื่อใจไว้แล้วว่าแม่คงรู้เรื่องนั้นถึงได้โทรมาหา แต่พอรู้ว่าอีกฝ่ายรู้แล้วจริงๆ ก็ยังอดสะท้อนใจไม่ได้

"ตี้? ยังอยู่มั้ยลูก"

"ยังอยู่แม่ ตี้ไม่เป็นไร ตี้...ตี้ขอโทษ"

เขาไม่อาจห้ามเสียงไม่ให้ขึ้นจมูก เช่นเดียวกับที่ไม่สามารถห้ามน้ำตาไม่ให้เอ่อจากทำนบถึงแม้จะพยายามแล้วก็ตาม เสียงสั่นเครือของเขาคงลอดลำโพงไปถึงปลายสาย เพราะน้ำเสียงที่คู่สนทนาเอ่ยต่อจากนั้นไม่มีสำเนียงดุด่าเลยแม้แต่นิด

"โธ่ตี้ เข้มแข็งเอาไว้ลูก แม่จะไม่ถามนะว่าเรื่องราวเป็นมายังไง แต่ที่ลูกร้องไห้แบบนี้แปลว่าที่เขาเขียนในข่าวมันไม่จริงใช่มั้ย? หรือว่าตี้โดนคุณกฤตบังคับ? ที่ตอนนั้นไม่อยากกลับไปทำงานกับคุณกฤตเพราะอย่างนี้ใช่มั้ย?”

ถูกบังคับหรือ...คำถามนั้นทำให้ธีระอึ้งไป จริงอยู่ว่าจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์นี้มาจากการที่กฤตภาสใช้เงื่อนไขมาบังคับเขา แต่พอผ่านไปมันก็เริ่มไม่ใช่ มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขามากมายกว่านั้น แม้แต่กับรูปที่ถูกแอบถ่ายไปลงหนังสือพิมพ์นี่ก็เถอะ ธีระไม่อาจพูดได้ว่าไม่พอใจตอนที่ถูกกฤตภาสจูบ แต่ที่ทำให้เขาเจ็บหัวใจคือท่าทางมึนตึงของเพื่อนร่วมงานหลังได้เห็นข่าว และตัวคู่กรณีที่ไม่แม้แต่จะถามว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นต่างหาก

"ตี้?"

"ครับแม่ ตี้ขอโทษ ตี้...ตอนนี้ตี้คิดอะไรไม่ออก"

จนป่านนี้แล้ว...ทำไมเขาถึงยังปกป้องคนแบบนั้นอยู่อีก...

มีเสียงถอนหายใจเบาๆ ดังมาจากปลายสาย "เอาล่ะ เรื่องมันคงกะทันหันเกินไปตี้ก็เลยสับสน เอาเป็นว่าตี้กลับมาอยู่บ้านไหมลูก? แม่ขอโทษที่ก่อนหน้านี้บอกให้กลับไปฝึกงานกับคุณกฤตเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ แต่ถ้าหากตี้ไม่สบายใจก็กลับมาอยู่บ้านเถอะ ถ้าคุณกฤตมาหาอีกแม่จะไม่ให้เขาได้เจอตี้เด็ดขาด ถ้าใครมาถามถึงเรื่องนี้ก็จะบอกให้เงียบให้หมดด้วย"

ความร้อนใจของมารดาที่ถ่ายทอดมาทางน้ำเสียงทำให้ธีระมีสติมากขึ้น เขารู้สึกว่าจิตใจสงบลงหลังจากได้รู้ว่าอย่างน้อยคนในครอบครัวก็ไม่ได้มองเขาด้วยสายตาเย็นชาแม้ว่าจะเกิดเรื่องที่ทำให้ครอบครัวขายหน้าก็ตาม

ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากกลับบ้าน อยากไปอยู่ให้ไกลจากกฤตภาสเพราะนาทีนี้เขาอ่อนล้าเหลือเกิน การต้องหัวใจแหลกสลายติดต่อกันช่างสร้างรสชาติขมปร่าในอกจนแทบกล้ำกลืนอะไรไม่ลง แต่ถ้าหากกลับบ้านแล้วก็คงไม่อาจหลบเลี่ยงคำซุบซิบนินทาของเพื่อนบ้านได้ ต่อให้กฤตภาสจะบอกว่าเดี๋ยวผู้คนก็ลืม แต่สำหรับหมู่บ้านเล็กๆ ในต่างจังหวัดนั้นไม่เหมือนกัน เพราะถึงเขาจะเอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้าน พวกญาติๆ หรือเพื่อนฝูงของพ่อแม่ที่มาเยี่ยมก็คงถามเรื่องนี้ขึ้นมาจนได้

และที่สำคัญที่สุด...กฤตภาสก็รู้แล้วว่าบ้านเขาอยู่ที่ไหน ดังนั้นถ้าเขาหายไปก็คงจะพยายามไปตามกลับมาอีกเพียงเพราะไม่อยากยอมแพ้มากกว่าจะอยากได้เขาไว้เคียงข้างอย่างแท้จริง และเขาไม่ต้องการให้วงจรซ้ำซากนั้นดำเนินไปอีกแล้ว

"ขอเวลาตี้คิดก่อนนะแม่ ตอนนี้ตี้ยังเหนื่อยๆ ยังไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ไว้ถ้าตัดสินใจได้แล้วตี้จะโทรไปบอกแม่นะ"

"ได้จ้ะ จำไว้นะตี้ ถ้าไม่รู้จะไปไหนก็กลับบ้าน ลูกคนเดียวพ่อกับแม่ปกป้องได้ ห้ามคิดทำอะไรที่จะทำให้พ่อกับแม่เสียใจเด็ดขาด เข้าใจที่แม่พูดใช่มั้ย?"

"ครับ ขอบคุณครับแม่"

ธีระวางสายด้วยความรู้สึกตื้นตัน เขารู้ดีว่าแม่คงกลัวเขาจะคิดทำอะไรโง่ๆ เพราะเป็นคนอ่อนไหวง่าย แต่เขาไม่ใช่คนบ้าบิ่นถึงขนาดนั้น การอยากทำร้ายตัวเองเพียงเพื่อประชดใครสักคนมันก็เท่ดีหรอก แต่หากทำแล้วได้กลับมาเพียงความเห็นใจ ถ้าอย่างนั้นเขาไม่สู้ทำแบบนั้นตั้งแต่ตอนที่เลิกกับณรงค์ดีกว่าหรือ เพราะถึงจะเคยใช้เขาชดเชยความเหงา...ณรงค์ก็ยังเอาใจใส่ความรู้สึกของเขามากกว่ากฤตภาสเสียอีก

เด็กหนุ่มนั่งนิ่งอยู่นานจนเริ่มรู้สึกว่ากำลังหายใจทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ เขาลุกขึ้นไปหยิบตะกร้าผ้าที่ซักแห้งแล้วตั้งแต่วันก่อนมาพับก่อนจะจัดเสื้อผ้าเหล่านั้นเข้าตู้ พลันหางตาก็เหลือบเห็นถุงกระดาษที่วาดซุกอยู่ตรงมุมด้านใน เขาขมวดคิ้วก่อนจะดึงถุงนั้นออกมาเปิดดู และพบว่าในถุงคือกระเป๋าที่ปิยพลซึ่งเป็นญาติผู้พี่ส่งมาให้เมื่อไม่นานนี้

กระเป๋าจากพี่ปิ๊ก...

นัยน์ตากลมโตทอประกายครุ่นคิดขณะถือกระเป๋าใบนั้นไว้ในมือ เขาลูบนิ้วไปมาบนหนังฟอกขณะที่เกิดความคิดบางอย่างขึ้นในหัว เด็กหนุ่มมองไปนอกหน้าต่างหลายนาทีเพื่อชั่งใจ ก่อนที่จะตัดสินใจวางกระเป๋าลงแล้วหยิบโทรศัพท์มากดหมายเลขที่ต้องการในที่สุด



++------++



พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าแล้วตอนที่โทรศัพท์ของธีระส่งเสียงว่ามีข้อความเข้า เมื่อเขาอ่านจบแล้วก็เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า หลังจากหันไปสำรวจความเรียบร้อยหน้ากระจกอีกครั้งจึงค่อยออกจากห้องแล้วก็ลงลิฟต์ไปหาคนที่จอดรถรออยู่ชั้นล่าง

กฤตภาสสวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ตัวเดียวกับเมื่อเช้าซึ่งหมายความว่าพอเลิกงานก็ตรงมาหาเขาเลย ธีระสังเกตเห็นแต่ก็เลือกจะไม่ถามว่าวันนี้ที่บริษัทเป็นอย่างไร แต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าคงไม่มีใครกล้าพูดถึงข่าวในหนังสือพิมพ์ต่อหน้าเจ้าตัวแน่

"ตกลงมีร้านไหนที่อยากไปเป็นพิเศษหรือเปล่า?"

"ไม่มีครับ แล้วแต่คุณกฤตเถอะ"

เด็กหนุ่มตอบหลังจากก้าวขึ้นนั่งบนรถ ความจริงแล้วเขาคิดว่าตัวเองน่าจะกินอะไรไม่ค่อยลงเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นต่อให้โดนพาไปร้านจิ้มจุ่มข้างถนนหรือห้องอาหารบนดาดฟ้าโรงแรมห้าดาวก็ไม่ต่างกันในยามนี้

กฤตภาสปรายตามามองแวบหนึ่งแต่ก็ไม่คาดคั้น ชายหนุ่มขับรถเข้าตัวเมืองแล้วก็พาธีระไปยังร้านอาหารซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ลักษณะของร้านเป็นบ้านทรงโคโลเนียลสีครีมที่ภายในถูกดัดแปลงเป็นร้านอาหาร แต่ละโต๊ะถูกจัดวางให้ห่างกันอย่างค่อนข้างเป็นสัดส่วน ดังนั้นถึงแม้ลูกค้าจะเต็มทุกโต๊ะแต่ก็ไม่รู้สึกว่าบรรยากาศชวนให้อึดอัด

พนักงานต้อนรับเดินนำทั้งคู่ขึ้นไปบนชั้นสองเนื่องจากชั้นแรกไม่มีโต๊ะว่าง กฤตภาสเลือกโต๊ะริมหน้าต่างซึ่งมองออกไปเห็นทิวทัศน์ของแม่น้ำและบ้านเรือนฝั่งตรงข้ามได้ชัดเจน จากนั้นก็สั่งอาหารในเมนูซึ่งเป็นกับข้าวมาสองสามอย่างเพื่อกินกับข้าวสวย

ธีระฆ่าเวลาระหว่างรอด้วยการนั่งเท้าคางมองเรือประดับไฟหลากสีที่ล่องอยู่ในแม่น้ำ ไม่นานพนักงานก็นำอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟที่โต๊ะ เมื่อคล้อยหลังพนักงานคนนั้นแล้วเขาถึงค่อยหันไปชวนกฤตภาสคุยก่อนเป็นครั้งแรกของวัน

"มาที่นี่บ่อยเหรอครับ?"

"หืม? ก็แค่ปีละครั้งหรือสองครั้งล่ะมั้ง ถามทำไม?"

"ก็ผมเห็นพนักงานเรียกคุณด้วยชื่อ"

"อ๋อ" กฤตภาสยักไหล่ก่อนจะคลี่ผ้าเช็ดปากวางบนตัก "ไม่แปลกหรอกเพราะร้านนี้ของคุณยายฉัน พวกพนักงานเห็นฉันมาที่นี่ตั้งแต่เด็กก็ต้องจำได้อยู่แล้ว"

ธีระเลิกคิ้วขณะมองอีกฝ่ายเริ่มตักกับข้าว มิน่าเล่าพวกพนักงานถึงได้ดูพินอบพิเทาเหลือเกิน แถมเมื่อครู่คนที่มาต้อนรับและเสิร์ฟอาหารให้พวกเขาน่าจะเป็นผู้จัดการเองด้วยซ้ำ

แต่ก็นั่นแหละ ยังมีอะไรเกี่ยวกับกฤตภาสที่จะทำให้เขาประหลาดใจได้อยู่อีกหรือ

ทั้งสองต่างกินอาหารมื้อเย็นที่สั่งมาโดยไม่พูดกันสักคำ กระนั้นธีระก็รับรู้ได้ถึงแววตาที่เหลือบขึ้นจับจ้องเขาเป็นระยะ ประเมินท่าที...น่าจะเป็นคำบรรยายสิ่งที่กฤตภาสกำลังทำได้ดีที่สุดกระมัง แต่เขาไม่มีแก่จิตแก่ใจจะชวนทะเลาะจึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

อาหารมื้อนั้นดำเนินไปอย่างราบเรียบ แต่หลังจากที่พนักงานมาเก็บจานออกไปแล้ว ธีระก็ชะงักมือที่กำลังจะยกแก้วน้ำขึ้นจิบเมื่อจู่ๆ กฤตภาสก็เอ่ยขึ้น

"ไม่ต้องห่วงเรื่องพวกที่บริษัทหรอก"

ธีระเหลือบตาขึ้นพลางมุ่นคิ้ว คู่สนทนาสังเกตใบหน้าที่ฉายแววสับสนของเขาอยู่อึดใจหนึ่งก็อธิบายต่อ

"ฉันถามอาร์ทแล้วว่าเมื่อวานมีเรื่องอะไรที่บริษัท เมื่อตอนบ่ายก็เลยเรียกกิฟท์มาคุยเรื่องนี้ไปแล้ว"

เด็กหนุ่มฟังแล้วมืออ่อนจนแทบจับแก้วน้ำไม่อยู่ ยังดีว่าไม่ถึงกับปัดแก้วจนตกแตกหรือทำน้ำหก "เรียกพี่กิฟท์มาคุยเรื่องนี้? คุณคุยไปว่าอะไร?"

"เท่าที่ฉันรู้คือคนเดียวที่มีปฏิกิริยากับข่าวในหนังสือพิมพ์คือกิฟท์ ฉันเลยเรียกมาเตือนว่าให้แยกแยะระหว่างเรื่องส่วนตัวของเพื่อนร่วมงานกับมารยาทในการทำงานร่วมกัน แล้วถามว่าถ้ากับฉันจะแสดงท่าทางเหมือนที่ทำกับเธอมั้ย ถ้าหากคำตอบคือไม่ ถ้าอย่างนั้นก็ห้ามทำแบบนั้นกับเธอหรือกับคนอื่นๆ ด้วย"

ธีระวางมือทั้งสองข้างลงบนตัก เขามองหน้ากฤตภาสอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อหู ความรู้สึกในใจสับสนพัวพันระหว่างความยินดีที่อีกฝ่ายทำเหมือนช่วยปกป้องเขา แต่ขณะเดียวกันก็เป็นห่วงว่ากนิษฐาจะรู้สึกเช่นไรกับการถูกเรียกไปตักเตือนเรื่องนี้

"แล้ว...พี่กิฟท์ตอบว่ายังไงครับ?"

"ก็รับทราบและจะทำตาม แล้วฉันก็ย้ำว่าให้บอกคนอื่นด้วยว่าถ้าใครทำแบบนี้อีกฉันจะเรียกมาเตือนทีละคน ฉันไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวของใครตราบใดที่ทำงานได้ดี และฉันก็หวังว่าแต่ละคนจะเคารพสิทธิส่วนตัวทั้งของฉันและเพื่อนร่วมงานคนอื่น ต่อให้คนนั้นเป็นแค่เด็กฝึกงานก็ตาม"

กฤตภาสตอบแล้วก็หันไปเรียกพนักงานถึงแม้ผู้จัดการร้านจะยืนยันว่าไม่ต้องจ่าย เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินนำกลับไปที่รถซึ่งจอดอยู่ในลานจอด ฝ่ายธีระได้แต่เดินตามไปด้วยความรู้สึกเหมือนร่างกายกับสมองแยกจากกันอย่างอธิบายไม่ได้

ตลอดทางที่กฤตภาสขับรถไปส่งนั้นธีระไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม เขาเพียงแต่หันไปไหว้ลาเมื่อคนขับจอดรถให้ที่หน้าหอ กระทั่งเมื่อขึ้นมาถึงที่ห้องและปิดประตูแล้ว เข่าทั้งสองข้างก็อ่อนยวบจนเด็กหนุ่มทรุดตัวลงไปนั่งแปะกับพื้นด้วยนัยน์ตาล่องลอย


“ฉันก็หวังว่าแต่ละคนจะเคารพสิทธิส่วนตัวทั้งของฉันและเพื่อนร่วมงานคนอื่น ต่อให้คนนั้นเป็นแค่เด็กฝึกงานก็ตาม"


ชัดเจนแล้ว...ไม่เหลือข้อสงสัยใดๆ ตกค้างให้คาใจอีก สรุปแล้วกฤตภาสคงไม่เคยมองว่าเขาเป็นมากกว่าเด็กฝึกงานเลยตลอดเวลาที่ได้รู้จักกัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไป ไม่ว่าจะเรื่องที่ตั้งเงื่อนไขมาบังคับให้เขานอนด้วย เรื่องที่ไว้ใจเรียกให้ไปคอยเฝ้าอาการที่โรงพยาบาล หรือเรื่องที่เข้ามาช่วยเหลือเมื่อคืนที่ถูกอนุชิตลวนลามก็เช่นกัน ทั้งหมดนั่นทำไปเพียงเพราะเขาเป็นเด็กฝึกงานของบริษัทก็เท่านั้น

ไม่ใช่เพราะมีความสลักสำคัญเป็นพิเศษอะไรเลยสักนิด...

เด็กหนุ่มนึกถึงแววตาของกฤตภาสตอนที่เล่าเรื่องที่เรียกกนิษฐาไปตักเตือน ทั้งที่รู้ดีว่าสิ่งที่อีกฝ่ายทำไปนั้นถูกต้องตามหลักการ แต่ในใจของเขากลับไม่อาจหลุดพ้นความคิดที่ว่ากฤตภาสมองเรื่องนี้ว่าเป็นแค่ ‘ลูกน้องอิจฉากัน’ เพราะบังเอิญมีนักข่าวเก็บภาพหลักฐานไว้ได้เท่านั้นเอง

มันไม่ใช่สิ่งที่ยืนยันถึงความพิศวาสหรือความรู้สึกพิเศษใดๆ ที่มอบให้กับเขา และยิ่งตระหนักถึงเรื่องนี้...ใจเขาก็มีแต่จะแหลกเหลวเหมือนโดนบีบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบไม่เหลือรูปร่างเดิม

เป็นนานกว่าธีระจะมีเรี่ยวแรงยันตัวขึ้นจากพื้น เขาเดินโผเผไปดึงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกจากตู้แล้วก็หยิบเสื้อผ้ายัดลงไป พลันปลายนิ้วก็ไปสะดุดกับเสื้อที่แขวนไว้ตัวหนึ่งซึ่งไม่ใช่ของเขา แต่เป็นตัวที่กฤตภาสเคยให้ยืมใส่กลับบ้านตั้งแต่คืนแรกที่ไปนอนที่คอนโดของเจ้าตัว

เขายังไม่ได้คืนเสื้อตัวนี้ไปอีกหรือ...

เสื้อตัวนั้นเปรียบเหมือนกุญแจที่เปิดสู่ความทรงจำระหว่างเขากับกฤตภาส หากจะบอกว่าเรื่องราวเหล่านั้นล้วนแล้วแต่น่าประทับใจก็คงเป็นการโกหก ทว่าเขากลับจำรายละเอียดของทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คำพูดทุกคำที่กฤตภาสเคยเอ่ยกับเขาได้ขึ้นใจ ราวกับว่าตลอดสองเดือนที่ผ่านมาไม่เคยมีวันไหนที่อีกฝ่ายไม่เข้ามารบกวนความคิดและความรู้สึกของเขาเลยสักวัน
 
แต่ความสัมพันธ์อันบิดเบี้ยวที่นำมาซึ่งความหลงใหลข้างเดียวเช่นนี้ควรจะปิดฉากเสียที หากกฤตภาสไม่ยินดีให้มันจบ เขาก็จะเป็นคนจบมันด้วยตัวเอง เพราะเขาไม่ต้องการจะเป็นฝ่ายที่ถูกบอกเลิกเพราะหมดประโยชน์เหมือนที่เคยเจอมาก่อนหน้านี้อีกแล้ว

เด็กหนุ่มใช้หลังมือปาดคราบชื้นบนใบหน้าแล้วก้มลงเก็บข้าวของอื่นๆ ต่อ กระทั่งกระเป๋าเดินทางทั้งใบอัดแน่นจนไม่อาจยัดอะไรเพิ่มได้ ธีระจึงค่อยรูดซิปปิดกระเป๋าใบนั้นแล้วก็หลับตาลง บางทีหลังจากที่ปล่อยให้คนอื่นชักนำความวุ่นวายมาสู่ชีวิตเขาไม่หยุดหย่อน นี่อาจจะเป็นครั้งแรกในชีวิต...ที่เขาได้ตัดสินใจทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองเสียที



++---TBC---++



A/N:งานยุ่งเลยไม่ได้มาลงซะนานเลย คิดถึงทุกคนนะค้า ใครคิดถึงน้องตี้บ้างขอเสียงหน่อยเร้ว (บางทีก็รู้สึกว่าช่วงทอล์คของตัวเองนี่ทำลายมู้ดของเนื้อหาจังเลยแฮะ ^^")

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ได้เวลาหนีสามีแล้วสินะ

คุณกฤตตายแน่ๆ หุๆ รอสมน้ำหน้า

ปล. คนเขียนกลับมา น้องตี้ก็หนีพอดี ห้าๆ

ออฟไลน์ Takarajung_TK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-2
เข้ามาบอกรักน้องตี้  :กอด1:

ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
น้องตี้ทำถูกแล้วค่ะ คนแบบตากฤตต้องเจอแบบนี้แหละ ทำอะไรไม่เคยคิดถึงใจคนอื่นอะ
เอาใจช่วยน้องตี้ไม่ให้ใจอ่อนอีกนะคะ ขอให้พระเอกได้รับบทเรียนที่สาสมหน่อย เอาแต่ใจตัวเองมาตลอดทั้งเรื่องล่ะ  :z6:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ มะลิลา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เชียร์ให้ตากฤตหาน้องตี้ไม่เจอจนอกแตกตาย 55
 :m20:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ item

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
สงสารตี้ :ling1:

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
 :กอด1: คิดถึงน้องตี้ที่สู้ดดดดดด น้องตี้อย่าคิดมากน้า

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
ตีความไปได้นะตี้ บวกคำพูดเฮียแรงบาดใจ
ตัดจบแบบนี้ รีบมาต่อตอนหน้าด่วนๆเลย
อยากให้หนีไปนานๆ เผื่อบางคนจะคิดได้

ออฟไลน์ ppoi

  • When nothing goes right... GO LEFT.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 720
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-12
โอยยย... มันค้างมาก  :z3: :z3: :z3:

ระทึกกะการรอความสะใจ น้องตี้ได้โอกาสหนีซะที สมน้ำหน้าอิลุง วะฮะฮ่าฮ่าาาาาาาาาาาา  :laugh3:
และเนื่องในโอกาสอันดีงามนี้ ขอพระรองเริ่ดๆมาใส่มาม่าอีกซักคน มันจะฟินมว๊ากกกกกกกกกกกกก

สุดท้ายนี้ จะไม่ขออะไรอีก... นอกจากตอนต่อไปมาเร็วๆ  :impress:

ออฟไลน์ omyim_jjj

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
คิดถึงน้องตี้มากกกกก

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
งานเข้าแล้วคุณกฤต

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ในเมื่อไม่มีความสุขในความสัมพันธ์ครั้งนี้ก็ควรจบมัน ทำตามใจตัวเองเถอะน้องตี้

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
ตี้จะหนีไปไหน ไม่ใช่บ้านแน่ๆ เพราะคุณกฤตรู้จัก เป็นไงล่ะคุณกฤต เงื้อง่านักน้องตี้หนีไปอีกแล้ว
สำหรับคุณกฤตมันคือเรื่องเล็กที่จัดการได้ แต่สำหรับน้องตี้มันคือเรื่องใหญ่ เคป่ะ
ประเด็นคือรักเขาแล้วอ่ะลูก และคิดว่าตัวเองรักข้างเดียว กลายเป็นเจ้าสาวที่กลัวฝนไปซะแล้ว
ที่จริงคุณกฤตทำไปก็เพื่อปกป้องน้องนะ แต่คำพูดอาจชวนให้คนคิดมาก คิดมากเข้าไปใหญ่
ซึ้งใจคุณแม่เนอะเข้าใจลูก น่ารักกกกก
แหม่ ตอนหน้าได้เห็นพระเอกคลั่งตามหาของตายไม่เจอใช่มะคะ อยากอ่านคุณกฤตไซด์มากค่ะ

ขอบคุณค่ะ มาต่อเร็วๆ นะคะ

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
อยากให้มาลงอีกเร็วๆจัง อยากรู้ว่าน้องตี้จะทำอย่างไรต่อไป เก็บกระเป๋าแบบนี้จะหนีไปไหน แล้วคุณกฤตจะคลั่งหรือเปล่าเมื่อน้องหายไป

ออฟไลน์ jessiblossom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
น้องตี้ซึน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
น้องตี้!!!! ดีใจมากที่น้องตี้ตัดสินใจได้ ไม่อยากเห็นน้องตี้ช้ำชอกไปกว่านี้แล้ว รู้สึกเศร้า  :hao5: :hao5:
คุณกฤตก็ห่วงตี้อะแหละ แต่ก็ไม่รู้สินะ ตี้เป็นคนรักจริงจนเห็นแล้วปวดใจเลยเวลาที่ต้องเสียใจ ในเมื่อคุณกฤตให้ในสิ่งที่ตี้ต้องการไม่ได้ ก็ดีแล้วที่ตี้จะเฟดตัวเองจากไป แต่จริง ๆ ก็อยากให้คุณกฤตรู้ว่าตี้คิดอะไรอยู่ คุณกฤตจะได้ชัดเจนแล้วตัดสินใจว่าจะปล่อยตี้ไป หรือจะยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อตี้ แต่ทำได้ป่าวเหอะ อะโด่
หลังจากนี้ก็เยียวยาตัวเองนะตี้ ทางคุณกฤตจะทำยังไงจะรู้สึกอะไรต่อดิฉันไม่สนละ  สะบัดปอม ๆ ให้น้องตี้คนเดียวเลยงานนี้

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
น้องตี้ ตัดสินใจอะไรคิดดีๆ น๊ะ

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
เย่ รอฉากนี้มานานแระ 5555

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
ดีใจที่น้องตี้เริ่มคิดอะไรได้ ในเมื่ออีตาลุงไม่รัก ก็ไม่ต้องไปสนใจและไม่ต้องเสียใจอะไรอีก ถึงเวลาที่ตี้จะต้องเข้มแข็งแล้วนะ
หนีไปให้ไกลเลย เอาให้คุณกฤตคลั่งตายไปเลย เพราะหาตี้ไม่เจอ อยากเห็นคุณกฤตกระวนกระวายใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ
เพราะมัวแต่คิดถึงน้องตี้ จนในที่สุดก็จะรู้ใจตัวเอง  แต่สำหรับคุณกฤต กว่าจะคิดอะไรได้ มันก็คงจะเกือบสายไปแล้วนั่นแหละ
ถือเป็นว่าช่วงระหว่างที่น้องตี้หนีไป  เป็นบทลงโทษที่มอบให้คุณกฤตแล้วกันนะ  ทีหลังจะได้ไม่ต้องทำร้ายหัวใจใครอีก

ตอนหน้าขอพาร์ทคุณกฤตเยอะๆ นะคะคุณริน อยากรู้อาการคลั่งของคนโง่น่ะค่ะ 555555555 สะใจจริงๆ  :katai3:

ออฟไลน์ karenoo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 406
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
เอาเลยอีหนูตี้....เอามันให้เข็ด :katai2-1:

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
ตี้เอ๊ยอยากให้ทนจนฝึกงานจบจัง เทอมนึงจะเสียไปเปล่าๆนะ

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
ป้าจะไปรอส่งหนูที่สุวรรณภูมินะจ๊ะตีตี้น้อย  หนีไปให้ไกล ๆ จากคนใจร้าย  พักอกพักใจซะบ้างจะได้ไม่ต้องไล่ตามอยู่ฝ่ายเดียว  ให้คนที่สับสนในตัวเองมากกว่ามาวิ่งตามหาซะบ้าง เอาให้ร้อนอกร้อนใจไปเลยจะได้เห็นคุณค่าในตัวเรา  ขาดน้องตี้แล้วคุณกฤตจะรู้สึก   :a14:  สงสารน้องต้องเจอแต่ความรักที่ได้มายาก ๆ    :z10:  เครียด  (แต่น้อยกว่าดูอิตาลีเจออุรุกวัย  :z3: อยากจะหลับซะตอนนี้แล้วตื่นมาเจอผลเลยจะได้ไม่ต้องลุ้นจนจะช็อคหัวใจวายตายอยู่แล้ว  :a11: )


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:



ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
คุณกฤตจะได้รู้ตัวสักที น้องตี้หนีไปให้ไกลเลยนะ อยากเห็นคนทุรนทุราย555

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
หนีไปเลยๆ

ออฟไลน์ four4

  • รักนี้ชั่วนิรันด์
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
น้องตี้จะไปไหนนะ ไปหารุ่นพี่คนนั้นแน่ๆ
คุณกฤต 5555 ถึงคราวดราม่าแล้วล่ะ เอิ้กๆ ทำให้นายเอกช้ำใจมานาน กร๊ากกกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด