กฤตภาสพยักหน้าให้ลูกน้องสาวหลังลงลิฟต์มาถึงชั้นล่าง เขาเดินไปที่รถของตัวเองแล้วก็ขับออกมาจากลานจอดด้วยใจที่ไม่สงบ แต่ก็ไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร
อาจเพราะตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลก็ยังไม่ได้พักผ่อนเต็มที่เลยล่ะมั้ง ยังดีที่หมอบอกว่าแผลโดนยิงไม่น่าเป็นห่วงแล้ว...
เขารีบขับรถตรงกลับบริษัทโดยไม่แวะกินข้าวกลางวัน เมื่อไปถึงก็พบว่าพนักงานทุกคนไปพักกันหมดแล้ว ไม่มีใครอยู่ในอาคารเลยยกเว้นพนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์ชั้นล่างกับแม่บ้านสองคนที่นั่งกินข้าวอยู่ในห้องครัว
กฤตภาสเดินตรงไปที่ห้องประจำตำแหน่ง เขาไขประตูแล้วก็เดินไปนั่งที่โต๊ะพลางเปิดคอมพิวเตอร์ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นห่อกระดาษสีน้ำตาลที่วางอยู่ตรงมุมโต๊ะรวมกับซองจดหมายและเอกสารอื่นๆ
'ฝากถึงคุณกฤตภาส'บนห่อไม่มีรายละเอียดอย่างอื่นระบุไว้ บ่งบอกว่าคงมีคนนำมาส่งให้โดยไม่ได้ผ่านไปรษณีย์ เขามุ่นคิ้วขณะหยิบห่อกระดาษห่อนั้นมาฉีกดูของด้านใน
เสื้อตัวนี้...
กฤตภาสหรี่ตาจ้องเสื้อตัวนั้นอยู่อึดใจหนึ่งด้วยความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา จากนั้นก็ลุกพรวดขึ้นเมื่อนึกได้ว่าใครน่าจะส่งเสื้อตัวนี้มาให้ เขารีบเดินไปที่ครัวแล้วก็กระชากประตูเปิดจนแม่บ้านทั้งสองตกใจ
"คุ...คุณกฤตจะเอาอะไรหรือเปล่าคะ?"
"ใครเป็นคนส่งเสื้อตัวนี้มา?"
"เอ๋? เสื้อเหรอคะ?"
ทั้งสองมองหน้ากันอย่างงุนงง กฤตภาสจึงพยายามข่มใจถามต่อ "มันอยู่ในห่อกระดาษสีน้ำตาลที่ไม่มีชื่อคนส่ง ใครเป็นคนเอามาให้ แล้วเอามาตั้งแต่เมื่อไหร่?"
หนึ่งในสองแม่บ้านค่อยแสดงสีหน้าว่าเข้าใจ "อ๋อ เมื่อเช้านี้มีวินมอเตอร์ไซค์ขับเอามาส่งค่ะ เขาบอกว่าคนที่ฝากมาไม่ได้บอกชื่อไว้ แต่เห็นว่าจ่าหน้าถึงคุณกฤตก็เลยเอาไปวางให้ที่โต๊ะ"
กฤตภาสกำเสื้อในมือแน่นขึ้น ขณะที่กำลังจะหมุนตัวเดินจากไปก็นึกอะไรได้จึงหันกลับไปถาม
"วันนี้ตี้มาทำงานรึเปล่า?"
"น้องตี้เหรอคะ ไม่เห็นเลยนะคะ แกล่ะเห็นมั้ย?"
แม่บ้านอีกคนก็ส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่เห็นเช่นกัน กฤตภาสพยายามสูดหายใจเข้าลึกเพื่อข่มอารมณ์ขณะเดินกลับไปที่ห้อง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือมากดโทรออก
ขออย่าให้ลางสังหรณ์ของเขาถูกก็แล้วกัน...
Rrrrrrrrrrrrrr.......
เสียงโทรศัพท์มือถือปลุกธีระที่กำลังนั่งหลับให้งัวเงียตื่นขึ้น เขารูดซิปเปิดหาโทรศัพท์ในช่องด้านหน้าของกระเป๋าเป้ออกมาดูแล้วก็ขยี้ตา หมายเลขที่ปรากฏบนหน้าจอช่วยให้ความง่วงงุนแทบจะหายเป็นปลิดทิ้งในชั่ววินาที
คุณกฤต...
ธีระนั่งนิ่งอย่างตัดสินใจไม่ได้ แต่เมื่อเห็นคนที่นั่งที่เบาะด้านหน้าหันกลับมามองด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจเพราะหนวกหูเสียงโทรศัพท์ เขาจึงกดปุ่มลดระดับเสียงให้เหลือเพียงระบบสั่น จากนั้นก็เบนสายตาออกไปนอกหน้าต่าง
ตอนนี้เที่ยงกว่าๆ แสดงว่าเพิ่งออกจากกรุงเทพฯมาได้ไม่เท่าไหร่สินะ
เด็กหนุ่มคิดก่อนจะสัมผัสได้ว่าโทรศัพท์สั่นอีกครั้ง และคนที่โทรเข้ามาก็ยังเป็นกฤตภาสเช่นเดิม เขาเม้มปากขณะที่ในใจเกิดความขัดแย้งว่าควรจะรับแล้วคุยให้จบ หรือไม่รับแล้วปล่อยให้กฤตภาสเลิกโทรไปเองดี
แต่คนอย่างคุณกฤตจะเลิกล้มอะไรง่ายๆ ได้หรือ แถมสาเหตุที่โทรมาก็น่าจะเพราะเดาได้แล้วว่าทำไมเขาถึงฝากคนอื่นไปคืนเสื้อตัวนั้นให้ด้วย...
ธีระถอนหายใจเฮือกเมื่อโทรศัพท์นิ่งไป แต่เพียงชั่วอึดใจมันก็สั่นขึ้นอีกครั้ง คล้ายจะแทนการสื่อสารจากกฤตภาสว่าให้ 'รับสายเดี๋ยวนี้'
คุยให้จบก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้ไม่รู้สึกว่ามีอะไรติดค้างในใจก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีก...
เด็กหนุ่มตัดสินใจกดรับสายก่อนที่จะสูญเสียความกล้า จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นแนบหูอย่างไม่รีบร้อน
"สวัสดีครับ"
"นี่อยู่ที่ไหน?"
ธีระมองไปนอกหน้าต่าง เขาเห็นป้ายบอกทางที่ระบุว่าถึงไหนแล้วแต่ก็เลือกจะไม่พูดความจริง
"กำลังไปสนามบินครับ"
"หมายความว่ายังไง? แล้วที่คืนเสื้อตัวนี้ก็ด้วย นี่เธอคิดอะไรอยู่!?"
น้ำเสียงไม่พอใจของกฤตภาสทำให้ธีระยิ้มบางๆ ออกมาได้ แต่มันกลับเป็นการยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกขมเฝื่อนในใจเหลือเกิน
"คุณกฤตน่าจะเข้าใจนะครับ ของที่ไม่ใช่ของของผมก็ต้องส่งคืนสิครับ ไม่ต้องห่วง ผมซักแล้วก็รีดให้เรียบร้อยแล้ว"
"ตี้" น้ำเสียงของกฤตภาสแสดงออกว่าใกล้จะหมดความอดทน "อย่าแกล้งทำเป็นเฉไฉ เธอก็รู้ว่านั่นไม่ใช่คำถามของฉัน ฉันถามว่าคิดยังไงถึงได้จู่ๆ ก็จะหนีไปแบบนี้?"
หนีงั้นเหรอ...ในสายตาของคุณกฤตคงเห็นเป็นแบบนั้นสินะ แต่มันอาจเป็นการหนีจริงๆ ก็ได้ เพราะเขาทนถูกทำเหมือนเป็นตุ๊กตาที่ไม่มีหัวใจไม่ไหวแล้วนี่นา
"ผมคิดว่าคำตอบน่าจะชัดเจนนะครับ ก่อนหน้านี้ผมยอมทำตามเงื่อนไขเพราะรูปที่คุณกฤตถ่ายไว้ แต่ในเมื่อคุณบอกว่าไม่มีรูปพวกนั้นแล้ว...ผมก็ไม่มีความจำเป็นต้องทนอยู่ต่อไป เรื่องที่ฝึกงานนี่ก็เหมือนกัน ผมขอลาออกเดี๋ยวนี้เลย การที่ผมหายไปสักคนก็น่าจะช่วยให้คุณประหยัดค่าจ้างพนักงานได้ด้วย จะได้ไม่ต้องจ่ายเงินเดือนให้ผมตามที่สัญญากับแม่ไว้"
ปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนที่กฤตภาสจะถามด้วยเสียงที่ควบคุมอารมณ์ได้อีกครั้ง
"เพราะข่าวนั่นใช่มั้ย?"
"ก็ไม่เชิงครับ ผมแค่คิดว่ามันคงดีกว่าถ้าพวกเราไม่ต้องข้องแวะกันอีก การอยู่กับคุณทำให้ผมเหนื่อยมาก และผมเชื่อว่ามีคนอีกเยอะที่อยากอยู่ในสถานะแบบผมแต่ไม่มีโอกาส คุณกฤตไปหาคนพวกนั้นดีกว่าครับ"
กฤตภาสกำโทรศัพท์แน่นขึ้น ความรู้สึกไม่พอใจพลุ่งพล่านดุจมีลาวาร้อนไหลอยู่ในอก และเขาไม่เคยนึกโมโหใครจนปวดหัวจี๊ดเท่านี้มาก่อนเลย
เด็กคนนี้...กล้าไล่เขางั้นหรือ...
"เธอแน่ใจแล้วเหรอที่จู่ๆ ก็คิดจะหนีไปแบบนี้ คิดว่าฉันจะตามหาไม่เจอหรือไง?"
"ผมรู้ว่าถ้าคุณกฤตตั้งใจจะหาผมจริงๆ ล่ะก็ยังไงก็เจอ ดังนั้นผมอยากจะขอร้องเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย...ว่าปล่อยผมไปเถอะครับ คุณกฤตเล่นกับความรู้สึกของผมมาเยอะแล้ว"
กฤตภาสนิ่งเงียบอย่างไร้คำโต้ตอบ เขาคิดว่าได้ยินเสียงสั่นเครือช่วงท้ายประโยคจากธีระที่แผ่วจนไม่แน่ใจว่าหูเฝื่อนหรือไม่ และมันทำให้เขายิ่งอยากให้เจ้าตัวมาอยู่ตรงหน้ามากขึ้นไปอีก
อยากเห็นสีหน้าตอนที่พูดประโยคขอร้องนั้น อยากรู้ว่าเจ้าตัวจะทำแววตาเช่นไรตอนที่มองเขา แต่หลังจากที่รู้แล้วเขาจะทำอย่างไรต่อไป กฤตภาสก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
"เธอคิดมากเกินไปแล้ว"
"ไม่หรอกครับคุณกฤต ผมอาจจะมองอะไรแบบเด็กๆ ก็ได้ถึงได้คิดแบบนี้ แต่ว่า...ยิ่งอยู่ใกล้คุณผมก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ดังนั้นกรุณาอย่าทำให้ผมรู้สึกอย่างนี้อีกต่อไปเลยครับ อย่างน้อยเราก็จะได้จบกันด้วยดี"
พูดไปแล้ว...ธีระคิดก่อนจะกดวางสายและปิดโทรศัพท์ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องอธิบายอะไรอีกต่อไป อย่างน้อยคำขอร้องอันน้อยนิดเท่านี้คงไม่ยากเกินกว่าที่อีกฝ่ายจะทำตาม
ธีระไม่ได้เอ่ยคำว่ารักเพราะรู้ดีว่ามันไม่มีความหมายกับกฤตภาส และในเมื่อเขาตั้งใจจะจบความสัมพันธ์นี้อยู่แล้วก่อนที่จะถึงวันครบกำหนดสัญญา ยิ่งตัดการอารัมภบทที่ยืดเยื้อออกไปได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น อย่าให้เงาของเขาหลงเหลืออยู่ในใจของอีกฝ่ายได้เลยจะยิ่งดีเข้าไปใหญ่
ส่วนเงาของกฤตภาสที่ฝังลงในใจเขาไปแล้วนั้น... ขอเพียงไม่ต้องพบเจอกันอีก ไม่ช้าเงานั้นก็คงจะรางเลือนจนไม่หลงเหลือร่องรอยไปเองตามกาลเวลา
ธีระเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วก็เอนเบาะลงมองทิวทัศน์ผ่านกระจกรถอย่างเงียบๆ อีกครั้ง โดยหารู้ไม่ว่าคู่สนทนาที่อยู่ปลายสายยังคงถือโทรศัพท์แนบหู ทั้งที่เสียงเดียวที่ยังได้ยินคือสัญญาณอันว่างเปล่าราวจะตอกย้ำว่าการเชื่อมต่อระหว่างพวกเขาถูกตัดขาดตลอดไป
++---TBC---++
A/N: สารภาพว่าตอนแรกเคยตั้งใจว่าเรื่องนี้น่าจะจบในสามสิบตอน ซึ่งดูท่าจะเป็นไปไม่ได้แล้ว ยังไงก็ลุ้นให้กำลังใจน้องตี้กันต่อไปเรื่อยๆ นะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่หายไปนานค่า 