เสียงของคนตอบสะดุดเล็กน้อย คงยังไม่ชินจะแทนตัวว่าพี่กับเขา แต่นั่นไม่สะกิดใจธีระเท่าน้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกความรู้สึก
"ตี้ไม่ได้คิดอย่างนั้น ก็แค่อยากเคลียร์เรื่องนี้ให้ชัดเจน พวกเรา...ไม่ได้คบกันเพราะรูปพวกนั้นแล้วนี่นา"
ถ้าหากยังมีรูปพวกนั้นอยู่...ก็ไม่ต่างจากระเบิดเวลาในความสัมพันธ์ของพวกเขาเลยน่ะสิ เขาไม่ต้องการจะเริ่มนับถอยหลังทั้งที่เพิ่งรู้ว่าใจตรงกันหรอกนะ
กฤตภาสมองคนที่กำลังจ้องเขาด้วยแววตาวิตกกังวล ชายหนุ่มเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะเอื้อมหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมายื่นส่งให้ จากนั้นก็เอ่ยด้วยเสียงเรียบๆ
"ในนั้นมีอัลบัมนึงที่มีแต่รูปของตี้ ถ้าดูแล้วอยากจะลบให้หมดก็ตามใจ"
ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมและฉวยซองบุหรี่ออกไปที่ระเบียง ธีระผุดลุกขึ้นนั่งพลางมองแผ่นหลังกว้างอย่างกระวนกระวาย แต่แล้วก็ตัดใจหันกลับมาหาโทรศัพท์ในมือ
อย่างน้อยกฤตภาสก็ยอมให้เขาดูรูปเพื่อตัดสินใจเอง ดังนั้นเขาย่อมมีสิทธิ์ชอบธรรมที่จะลบรูปพวกนั้นทิ้ง อะไรก็ตามที่สุ่มเสี่ยงว่าอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ในอนาคตของพวกเขาจะต้องถูกทำลายให้หมด มีแต่วิธีนี้เท่านั้นจึงจะขุดรากถอนโคนความตะขิดตะขวงใจได้อย่างเด็ดขาด
"อัลบัมนี้ไม่ใช่ อันนี้มีแต่รูปรถ ส่วนนี่..."
โชคดีที่กฤตภาสไม่ใช่คนถ่ายรูปพร่ำเพรื่อ นอกจากนั้นยังจัดประเภทของรูปอย่างเป็นระเบียบ ธีระจึงหาอัลบัมที่มีรูปถ่ายของตัวเองพบอย่างรวดเร็ว
แต่เพราะว่าเคยเห็นรูปพวกนั้นมาแล้วครั้งหนึ่ง แม้จะผ่านมาค่อนข้างนานพอสมควร แต่เขาก็จำได้ว่ารูปที่เคยเห็นนั้นต่างจากรูปที่กำลังดูอยู่อย่างสิ้นเชิง
รูปที่กฤตภาสเคยถ่ายในคืนแรกที่มีอะไรกันนั้นมีหลายสิบรูป แต่ละรูปล้วนแล้วแต่เปิดเผยไม่ได้เพราะเจ้าตัวจงใจถ่ายให้เห็นหน้าพวกเขาในรูปเดียวกัน แถมอิริยาบถต่างๆ ยังบ่งชัดว่ากำลังทำเรื่องไม่เหมาะสมกันอย่างไร้ข้อกังขา
ทว่ารูปถ่ายที่เห็นอยู่ตอนนี้กลับต่างออกไป นอกจากจำนวนรูปในอัลบัมจะมีแค่ไม่กี่รูปแล้ว แต่ละรูปยังเน้นถ่ายเฉพาะตอนที่เขานอนหลับโดยมีผ้าห่มคลุมถึงคางอย่างมิดชิด เป็นรูปที่ต่อให้ถูกเผยแพร่ก็คงไม่มีใครนำไปขยายประเด็น เพราะไม่มีอะไรน่าสนใจแม้แต่นิดเดียว
"ดูแล้วยังอยากลบอยู่อีกมั้ย?"
ธีระหันไปตามเสียงเลื่อนเปิดประตูกระจก ร่างสูงใหญ่ที่ยืนตระหง่านดูน่าเกรงขามด้วยแสงเงาจากโคมไฟ แต่แววตาที่ทอดมองมากลับอบอุ่นจนในอกของธีระสะท้าน
"พี่กฤตถ่ายรูปพวกนี้ตั้งแต่ตอนไหน?"
เพราะดูจากแสงและมุมแล้วรูปพวกนี้ไม่น่าจะถูกถ่ายในคืนเดียวกัน กฤตภาสยักไหล่ก่อนจะเดินมานั่งลงบนเตียง กลิ่นบุหรี่เมนทอลยังคงอวลรอบตัวอย่างเจือจาง แต่สำหรับธีระแล้วมันกลับช่วยให้ใจที่เต้นผิดจังหวะสงบลง
"ตั้งแต่คืนที่...ไปเดินตลาดแล้วตี้ไข้ขึ้นล่ะมั้ง ตอนนั้นไม่รู้ทำไมถึงอยากถ่ายรูปเก็บไว้ หลังจากนั้นพอตี้หลับก่อนเมื่อไหร่ก็จะถ่ายรูปเก็บไว้ตลอด แต่พอโดนยิงจนเข้าโรงพยาบาลก็ไม่ได้ถ่ายอีกเลย"
ถ้าอย่างนั้น...ก็ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะหนีกลับบ้านอีกน่ะสิ
"แล้วรูปที่เคยถ่ายก่อนหน้านั้นกับคลิปเสียงล่ะ?"
"โดนลบหมดแล้วอย่างที่เคยบอก ต่อให้ตี้ไม่ได้ลบเองตั้งแต่แรก พี่ก็คงลบมันทิ้งไปนานแล้วล่ะ"
มือใหญ่ไล้ปลายนิ้วไปตามวงโค้งบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม นัยน์ตาถ่ายทอดความมุ่งมั่นที่จะได้ตัวเขามาเคียงข้างอย่างแน่วแน่ อกของธีระเต็มตื้นเพราะนี่คือสิ่งที่เคยคาดหวังว่าวันหนึ่งจะได้ครอบครอง เพียงแต่ไม่เคยคิดว่าคนที่ก้าวเข้ามาทำให้ความหวังลมๆ แล้งๆ ของเขากลายเป็นความจริงจะเป็นกฤตภาส ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดอยากหนีห่างให้ไกลที่สุดคนนี้
ทันใดนั้นหัวใจก็อุ่นวาบเมื่อตระหนักถึงความจริงบางอย่าง
"พี่กฤต รักตี้ตั้งแต่วันนั้นสินะ"
"ไม่รู้สิ อาจจะก่อนหน้านั้นแล้วก็ได้ แต่แค่ยังไม่รู้สึกตัว"
กฤตภาสตอบโดยไม่หลบตา สัมผัสอ้อยอิ่งบนแก้มถ่ายทอดความอบอุ่นที่พุ่งตรงเข้าสู่หัวใจ หยาดน้ำใสวาวรื้นบนขอบตาของเด็กหนุ่มอีกครั้ง
"ตี้ก็รักพี่กฤต...นานแล้วเหมือนกัน"
ธีระโผเข้ากอดคอของคนตรงหน้า ไออุ่นจากคนตัวใหญ่กว่าขับไล่ความเหน็บหนาวบนร่างให้มลายสิ้น อ้อมแขนที่โอบรัดตอบทำให้เด็กหนุ่มยิ้มและหันไปแนบริมฝีปากบนแก้มที่มีไรเคราสีเขียวจาง
ไม่มีเศษเสี้ยวของความไม่มั่นใจตกค้างในอกของเขาอีกแล้ว
"ต่อไปเวลาจะถ่ายรูปตี้ พี่กฤตต้องบอกก่อนแล้วก็เข้ามาถ่ายด้วยกันนะ ตี้ไม่อยากมีแต่รูปตัวเองในมือถือพี่กฤต อยากให้มีรูปคู่ของเราสองคนด้วย"
กฤตภาสเลิกคิ้ว ประกายซุกซนบนใบหน้าเปื้อนยิ้มที่แหงนเงยขึ้นมองมีฤทธิ์ราวกับโรคติดต่อ เพราะเขาห้ามริมฝีปากไม่ให้ยิ้มตามไม่ได้
"อยากแสดงความเป็นเจ้าของหรือไง?"
"ก็ตี้มีสิทธิ์แล้วนี่นา อ้อ! บอกก่อนนะว่าพี่กฤตเคยสัญญากับพ่อแม่ไว้แล้วว่าจะทำให้ตี้มีความสุข พ่อฝากบอกมาว่าถ้าผิดสัญญาจะไม่ให้พี่กฤตได้เข้าใกล้ตี้อีกเลย"
คนฟังคำรามในคออย่างหงุดหงิด คิ้วหนาขมวดมุ่นเพราะรู้ว่าพ่อแม่อีกฝ่ายไม่ยอมรับเขาง่ายๆ "ถ้าอย่างนั้นก็บอกไปได้เลยว่าไม่ต้องห่วง อ้อยเข้าปากช้างแล้วไม่คายออกง่ายๆ หรอก ไม่มีวันคายด้วย"
เด็กหนุ่มหัวเราะเมื่อริมฝีปากอุ่นซุกไซ้ลงมาบนซอกคอ แต่แล้วเสียงหัวเราะก็เปลี่ยนเป็นเสียงหายใจติดขัดเมื่อร่างสูงใหญ่ดันเขาให้เอนลงบนเตียง ใบหน้าเนียนร้อนผ่าวเมื่อสัมผัสได้ถึงความตื่นตัวที่กดทับอยู่เบื้องล่าง
นัยน์ตาสองคู่สอดประสานอย่างไม่มีใครหลบเลี่ยง สะเก็ดของไฟพิศวาสที่ลามเลียอย่างแช่มช้าแตกตัวพร่างพราย กลายเป็นกองเพลิงที่หอบม้วนทั้งสองเข้าสู่ใจกลางในที่สุด
พายุปรารถนาพัดโหมจนสติการรับรู้แทบเลอะเลือน ร่างที่ถูกตระกองกอดทำได้เพียงร้องครางขณะเกาะเกี่ยวร่างหนาที่ทรมานเขาแทบขาดใจด้วยความสุขสม กระทั่งความปั่นป่วนอันร้อนแรงแปรเป็นไออุ่นอ่อนหวานดุจพรายน้ำค้าง กฤตภาสจึงค่อยก้มลงมอบจุมพิตแก่คนในอ้อมแขน ริมฝีปากบางเผยอขึ้นกระซิบถ้อยคำที่ไม่เคยเอ่ยกับใคร เพราะมันถูกสงวนไว้ให้คนที่กุมหัวใจของเขาเพียงคนเดียว
คนที่ดึงดูดให้ชายหนุ่มหลงใหลเจียนจะคลั่ง แล้วผันแปรเป็นความผูกพันจนไม่อาจปล่อยมือคนนี้
"ห้ามหนีไปไหนอีกนะ"
"ต่อให้พี่กฤตเบื่อ ตี้ก็ไม่มีวันยอมไปไหนอีกแล้วล่ะ"
ไม่มีวันไปไหนอย่างแน่นอน ธีระยิ้มขณะทาบมือลงตรงจุดที่หัวใจใต้แผ่นอกหนากำลังเต้น เพราะรู้ว่าที่ตรงนี้...มั่นคงพอที่จะปกป้องความสุขให้เขาได้
เมื่อมองย้อนไปยังวันคืนที่ล่วงผ่าน ความบังเอิญทั้งมวลคล้ายเกิดขึ้นดุจพรหมบันดาลไว้ หากกฤตภาสไม่ได้เข้ามาช่วยในคืนที่ธีระถูกวางยา หากพวกเขาแยกจากโดยไม่ได้กลับมาพบกันใหม่ บางทีเด็กหนุ่มก็คงไม่อาจลืมความหลังที่ถูกใช้เป็นตัวแทนของใครบางคน และกฤตภาสก็คงหลงระเริงกับชีวิตที่ไร้ความรักเรื่อยไป
ไม่มีใครบอกได้ว่าเส้นทางความรักที่เพิ่งบรรจบสายนี้จะราบรื่น แม้การตอบรับคนอารมณ์รุนแรงอย่างกฤตภาสอาจเป็นการตัดสินใจที่ผลีผลาม กระนั้นธีระก็ยินดีวางเดิมพัน เพราะได้ประจักษ์แล้วว่าพวกเขาล้วนยึดติดกับความรู้สึกของตัวเองไม่ต่างกันเลย และมีแต่คนเช่นนี้เท่านั้นจึงจะโอบกอดความรักทั้งหมดของเขาได้ เช่นเดียวกับที่สามารถถมช่องว่างในใจจนไม่อาจเปิดให้ใครอื่นล่วงล้ำ ไม่ว่าจะในอนาคตที่ยาวนานอีกเพียงไรก็ตาม
จบสิ้นกันทีกับเล่ห์ที่คอยลวงหัวใจตลอดมา...
++---END---++
A/N: สวัสดีทุกคนที่ติดตามเล่ห์ลวงใจมาตั้งแต่แรก และที่เพิ่งมาอ่านรวบยอดด้วยนะคะ
ในที่สุดก็ได้พิมพ์คำว่า End เสียที ตอนที่เริ่มเขียนเรื่องนี้เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2556 เราคิดว่า “คราวนี้วางพล็อตไว้ทั้งหมดตั้งแต่ต้น สักสิบตอนก็คงจบมั้ง” ไปๆ มาๆ พอเริ่มเข้าตอนยี่สิบกว่าๆ ก็เริ่มเหงื่อตก เอาละสิ...สงสัยต้องทะลุสามสิบตอนแหงม พอขึ้นตอนที่สามสิบกลางๆ ก็เหงื่อแตกอีกรอบ แย่แระ...นี่จะต้องขึ้นหลักสี่สิบให้ได้ใช่ไหม ยังดีนะที่สุดท้ายก็จบลงได้ที่ตอน 42 ไม่งั้นถ้าทะลุไปถึงตอนที่ห้าสิบจริงๆ เกรงจะไม่มีใครตามอ่าน 555+
สำหรับที่มาของเล่ห์ลวงใจนี้ ก็เพราะมีเสียงเรียกร้องกันเยอะว่าอยากอ่านเรื่องที่น้องตี้ซึ่งโผล่มาแว้บๆ ใน “ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก” ได้เป็นตัวเอกบ้าง ตอนที่กำลังจะเริ่มเขียนก็เกร็งพอควรเพราะความจริงแล้วมีคนชอบและชังน้องตี้แบบครึ่งต่อครึ่ง เลยได้แต่ฝากความหวังไว้ที่พระเอกซึ่งเป็นแบดบอยคนแรกในบรรดานิยายของ Bellbomb และจากคอมเม้นต์ของนักอ่านก็ช่วยให้ใจชื้นว่าเราจับมวยถูกคู่ คนที่เคยหมั่นไส้น้องตี้ก็พากันมาหมั่นไส้ตากฤตแทน ทำให้เขียนเรื่องนี้ได้เร็วเป็นประวัติการณ์ทั้งที่เนื้อหายาวที่สุดในบรรดานิยายที่เคยเขียน (ถึงจะปาไปปีครึ่งกว่าจะเขียนจบ แต่ก็นับว่าเร็วแล้วจริงๆ นะ)
สำหรับเรื่องนี้ นับเป็นนิยายที่เราได้คอมเม้นต์ออนไลน์เยอะที่สุด บางคอมเม้นต์ก็แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวละครและการตัดสินใจของเขา ขณะที่บางคนก็มีรีเควสต์ว่าอยากให้เขียนอะไรลงในเนื้อเรื่อง ซึ่งบางรีเควสต์ก็ตรงกับที่เราตั้งใจจะเขียนอยู่แล้ว ขณะที่บางรีเควสต์ไม่ตรงกับที่เราวางพล็อตไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่สนใจความเห็นของนักอ่านนะคะ เพียงแต่ในฐานะผู้รังสรรค์เรื่องนี้ขึ้นมา เราเชื่อว่านิยายแต่ละเรื่องมีจุดเหมาะสมในตัวเอง เช่นว่าควรจะจบเมื่อไหร่ เหตุการณ์ไหนสำคัญหรือไม่สำคัญ และเชื่อมั่นในทุกตัวอักษรที่เขียนว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วในการสื่อสารกับคนอ่าน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยินดีรับฟังทุกข้อติชมในเชิงสร้างสรรค์ค่ะ เพราะคิดเสมอว่าตราบใดที่ไม่เลิกเขียนนิยาย ก็เท่ากับเรายังมีพื้นที่ให้พัฒนาตัวเองได้เสมอ
นานๆ ทีจะเขียนทอล์คยาวๆ เนื่องจากว่านี่เป็นตอนจบแล้ว ต้องขอขอบคุณทุกคนอีกครั้งที่คอยให้กำลังใจและทำให้เราเข็นเรื่องนี้ออกมาได้สำเร็จ หลังจากนี้คงทิ้งช่วงพอสมควรกว่าจะเขียนเรื่องใหม่ออกมาให้ติดตาม แต่ถ้าคิดถึงก็เข้าไปทักทายที่แฟนเพจได้ แล้วก็รับรองว่าเล่ห์ลวงใจจะมีการรวมเล่มทั้งแบบตีพิมพ์และอีบุ๊ค ดังนั้นท่านไหนที่สนใจแต่ยังไม่ได้ลงอีเมลเพื่อรับข่าวสารไว้ ก็ไปทิ้งอีเมลไว้ที่ http://goo.gl/forms/sD3fkPr5Wx ได้เลยนะคะ หรือจะรอประกาศเปิดจองอย่างเป็นทางการก็ได้ สำหรับตอนพิเศษอื่นๆ ก็จะเขียนเพิ่มให้ในฉบับรวมเล่มเหมือนกัน
สุดท้ายก่อนจากกันไป...มาเม้นต์ตอนจบให้ตากฤตกับน้องตี้เยอะๆ นะคะ จะรออ่านน้า 