## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]  (อ่าน 232001 ครั้ง)

nueng_w

  • บุคคลทั่วไป
รอติดตามนะครับ เรื่องแปกใหม่ดีชอบมาก

ออฟไลน์ Pz_ready

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +107/-1



ตอนที่ 6



 บรรยากาศของโรงพยาบาลทั่วไปที่มักจะมีกลิ่นน้ำยาถูกพื้นที่พอดมแล้วให้ความรู้สึกสะอาดแต่ไม่คุ้นจมูกอบอวลไปทั่วทั้งห้องพักฟื้นผู้ป่วย ที่เจอตอนนี้กำลังมีเสียงเฮฮาผิดกับตอนแรกที่ได้ข่าวว่าคนป่วยถูกรถชน


อดุลย์มองลูกชายที่กำลังต่อว่าเพื่อนตัวโตใหญ่ผิวสองสีอย่างทานตะวันอย่างนึกขำ ด้วยเพราะอดุลย์โดนรถชนเพียงแต่คงโชคที่ที่หน้าห้างที่ทำงานอยู่เป็นจุดที่รถค่อนข้างติด ทำให้คนโดนชนยังคงยิ้มแย้มไม่ได้สาหัสอย่างที่คิด มีแค่อาการกระดูกขาร้าวเท่านั้น


“ทำกูใจเสียหมด เสียงมึงสั่นอย่างกับ...”ตะวันไม่อยากจะเอ่ยคำที่ถือว่าเป็นคำแช่งออกมา แค่คิดถึงก็ไม่อยาก เขายังจำความหวาดหวั่นตอนที่ได้ยินทานตะวันบอกว่าพ่อของถูกรถชนได้ดี แขนขาที่พากันหมดเรี่ยวแรงและก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายบีบแรงจนรู้สึกปวดไปหมด...ความกลัวที่จะสูญเสียเป็นแบบนี้เอง ตะวันก็พึ่งจะเข้าใจเป็นครั้งแรก


“กูก็ไม่รู้ แล้วน้าปิงปองก็เล่นลอยข้ามรถที่ชนเลยนะ แล้วดันสลบกูก็กลัวเหมือนกันเลยรีบโทรหามึงก่อน”เพื่อนตัวโตว่าแก้ต่างให้ตัวเอง ภาพติดตาของอุบัติเหตุยังจำได้ดี


“แล้วพ่อไปทำไงให้โดนรถชนได้ล่ะ”ตะวันหันมาถามผู้ป่วยที่นั่งยิ้มอย่างเคยอยู่บนเตียง สายตาค้อนของลูกชายแค่เห็นก็นึกเอ็นดูได้ไม่ยาก คงโกรธที่เขามีอุบัติเหตุ...อีกนัยหนึ่งคือกลัวอดุลย์จะบาดเจ็บมากกว่า


“ก็...พ่อแค่คิดอะไรเพลินๆน่ะ”ไม่รู้จะตอบคำถามว่าอย่างไรเลยตอบตามความเป็นจริงแต่ไม่หมดทุกอย่าง ตอนนั้นอดุลย์ก็คิดอะไรเพลินๆจริงๆ เขาคิดเรื่องงานใหม่...และ...เรื่องบางเรื่อง


“ตะวันโกรธจริงๆนะคราวนี้ พ่อทำให้ตะวันหัวใจแทบวาย แถมไอ้แดนไอ้กันเห็นตะวันร้องให้ด้วย”ตะวันพูดด้วยความเอาแต่ใจเล็กๆของตัวเอง หากคนอื่นมาเห็นคงนึกแปลกใจที่เห็นมุมนี้ของเขา แต่กลับอดุลย์และเพื่อนสนิทอย่างทานตะวันแล้วเห็นตะวันในมุมนี้ปล่อยชินนึกขันซะมากกว่า


“หืม...แล้วตะวันจะเอาอะไรล่ะครับคราวนี้ คราวที่แล้วที่พ่อทำให้โกรธก็เอารองเท้าผ้าใบไปแล้ว”อดุลย์พูดตอบอย่างใจดี จนทำให้หน้าที่ยู่เมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มฉีกเต็มใบหน้า พ่อปิงปองไม่เคยมีซักครั้งที่จะขัดใจ ขออะไรก็พยายามหามาให้


“ติดไว้ก่อน ตะวันยังไม่อยากได้อะไร ตอนนี้แค่อยากให้พ่อปิงปองของตะวันหายไวๆ เท่านั้นเอง”ร่างโปร่งเดินมาทรุดตัวลงข้างเตียงผู้ป่วยก่อนจะซบหน้าลงกับท้องแบนของผู้เป็นพ่อ และเหมือนกับอดุลย์เองก็รู้ว่าตะวันต้องการอะไรเขาจึงยกมือขึ้นลูบหัวอย่างเคย


“พ่อต้องอยู่กับตะวันไปตลอดเลยนะ ห้ามทิ้งตะวันไปไหนนะ...ห้ามนะครับ”เสียงสั่นที่รับรู้ได้เรียกน้ำตาของผู้เป็นพ่อได้ไม่ยาก ไม่บ่อยที่จะเห็นคนที่พยายามเข็มแข็งเพื่อจะเป็นหลักยึดให้เขาร้องไห้ ตะวันอยากจะเข้มแข็งให้ได้อย่างพ่อ อยากจะดูแลไม่ให้พ่อต้องทำงานหนัก


เพราะแบบนั้นจึงจำเป็นที่ต้องมีพ่อปิงปองอยู่ด้วยกัน...ไม่อย่างนั้นความฝันของเขาคงไม่มีวันเป็นจริง


“พ่อขอโทษ...พ่อ...”


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


เสียงเคาะประตูขัดจังหวะบทสนทนาของพ่อลูก ทานตะวันที่นั่งอยู่เฉยๆจึงอาสาเป็นคนเดินไปเปิดประตูให้เอง ร่างสูงของเด็กชายเดินไปเปิดเจอคนหน้าประตูเกิดอาการประหม่าทันที


เพราะ...ตาคม หน้าคม ผมสีน้ำตาล ... เหมือนตะวันเพื่อนสนิทของเขาจริงๆเพียงแต่คนตรงหน้าดูมีอายุและดูนิ่งกว่าและดูดุ...ดูน่ากลัว


รพีไม่ได้รอให้คนที่เปิดประตูเชื้อเชิญเข้ามาข้างในก็ถือวิสาสะเข้ามาเอง เขาเดินผ่านห้องน้ำเล็กๆจนมาเจอเตียงที่มีเด็กหนุ่มหน้าละหม้ายตัวเองที่เคยเห็นแต่ในรูปถ่ายกำลังนอนหนุนผู้ชายตัวเล็กที่พึ่งเจอกันเมื่อเช้าบรรยากาศที่ชวนให้ไม่ชอบใจทำให้ต้องเปิดปากทำลายบรรยากาศดีๆนั้นเสีย


“...สวัสดี”อดุลย์เงยมองคนมาใหม่เช่นเดียวกันกับตะวันที่พลิกหน้ามามอง แต่ปฏิกิริยาทั้งต่างกันโดยสิ้นเชิง อดุลย์มองด้วยความตกใจและวิตกว่ารพีจะพูดอะไรออกมา หากแต่ตะวันมองด้วยความสงสัยว่าคนตรงหน้าคือใคร จะว่าเป็นเพื่อนหรือคนรู้จักของพ่อคงเป็นไปได้ยาก ดูจากการแต่งตัวคงมีฐานะ...เขาไม่เคยรู้ว่าพ่อรู้จักสนิทสนมกับคนรวยที่ไหนถึงขนาดมาเยี่ยมยามเจ็บไข้


“สวัสดีครับคุณรพี”เสียงสั่นตอบตามมารยาท แต่ลูกชายกลับนิ่งเฉยเพราะหัวสมองกำลังคิดอยู่ว่ารพีคือใคร อดุลย์จึงต้องสะกิดเบาๆให้ตะวันกล่าวสวัสดีตามมารยาท


“น้องทาน...น้าวานไปซื้อน้ำมาให้คุณรพีหน่อยได้มั้ย...เอาตะวันไปด้วยนะ”อดุลย์เอ่ยขอ เขายังกลัว กลัวว่ารพีจะพูดให้ตะวันรู้ความจริง


เด็กหนุ่มทั้งสองรับปากก่อนจะเดินออกไปจากห้องทิ้งไว้เพียงแค่อดุลย์กับรพีที่มองตามตะวันออกไปจนประตูปิด ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรอดุลย์จึงต้องกันไม่ให้ตะวันอยู่ในห้อง


และก็ถือว่าอดุลย์ฉลาดที่รู้ทัน...เพราะรพีคิดจะพูดมันออกจริงๆ


“เป็นอย่างไรบ้าง”รพีถามตามมารยาทแต่ไม่แม้จะส่งสายตาเป็นห่วง แค่ถามเพราะต้องถามเท่านั้นอย่างไรอดุลย์ก็ถือเป็นพนักงานแถมยังเลี้ยงดูลูกของเขามาตั้งสิบห้าปี อย่างน้อยความเอื้ออาทรเล็กๆเขาก็พอจะมีให้บ้าง


“ไม่เป็นอะไรมากครับ”อดุลย์ตอบหวาดๆ ใจนึกอยากไล่คนตรงหน้าให้ไปพ้นๆ ติดแค่เขาไม่กล้าพอ ไม่กล้าจริงๆ


“เมื่อกี้...ลูกของผมซินะ”


“ไม่ใช่!!”ตอบตวาดแทบจะทันที อดุลย์หน้าเสียนึกขึ้นมาได้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร หากแต่คนที่โดนตวาดกลับยิ้มขำท่าทางหวาดกลัวตัวเองของคนป่วย


ไม่ใช่ขำเพราะนึกเอ็นดู


ไม่ใช่ขำเพราะนึกสนใจ


หากแต่ขำเพราะกำลังสนุกที่เหมือนกำลังล่าเหยื่อให้จนมุมก่อนที่จะยิงทิ้ง...เพื่อความสนุก



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••



ตามทางเดินของโรงพยาบาลที่เต็มไปด้วยผู้คน เด็กชายสองคนกำลังเดินไปซื้อของตามที่คนที่ป่วยสั่ง ตะวันทำตามอย่างไม่ได้สงสัยเกี่ยวคนมาเยี่ยม หากแต่อีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทนั้นข้องใจจนอดไม่อยู่


“ญาติมึงเหรอตะวัน?”ทานตะวันเอ่ยถามเพื่อนสนิท อดคิดไม่ได้ว่าคงเป็นญาติของตะวัน อาจเป็นญาติฝั่งแม่ที่ไม่เคยได้เจอมาก่อน เพราะหน้าตาละหม้ายกันจริงๆ


“ไม่ใช่หรอก กูไม่มีญาติที่ไหนมึงก็รู้ แล้วคุณเขาก็ดูรวยจะตาย ถ้ากูมีญาติรวยๆก็ดีซิ”ตอบอย่างไม่ได้คิดอะไรมากมาย ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเดินไปซื้อของแล้วจะได้รีบกลับไปอ้อนพ่อปิงปองต่อ


“แต่เขาหน้าเหมือนมึงมากเลยนะ อาจจะเป็นญาติฝั่งแม่รึเปล่า”ตะวันชะงักหยุดกับคำถามของเพื่อนผิวสี จะว่าไปเขาก็ไม่เคยติดต่อกับญาติทางฝั่งของแม่เลยซักครั้ง แค่รู้เรื่องราวของแม่คร่าวๆจากปากพ่อเท่านั้น นอกจากนั้นพ่อไม่เคยพูดถึงแม่ของเขาเลยซักครั้ง ซึ่งตะวันเองก็ไม่คิดจะซักถามเพราะคิดว่าพ่อคงไม่อยากพูดถึง


เด็กหนุ่มส่ายหน้าไล่ความคิดออกจากหัว ไม่มีเหตุผลที่จะคิดมากเพราะถึงเป็นญาติฝั่งแม่จริงๆก็ดี หรือไม่เป็นก็ดีทุกวันนี้เขาอยู่กันสองคนกับพ่อปิงปองก็เพียงพอแล้วไม่ได้ต้องการอะไรเพิ่มมาอีก


พอเห็นเพื่อนตัวเล็กกว่าไม่สนใจจะตอบแถมยังเพิ่มความเร็วในการเดินจนเหมือนว่าจะหนีจนคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังกลัวเหลือเกินว่าเพื่อนสนิทจะไปเดินสะดุดหกล้มอะไรเข้า


“โอ๊ะ!!”คิดไม่ทันไรคนตกหายก็ไปเดินชนชายหนุ่มวัยกลางคนที่ดูหนุ่มคนหนึ่ง ทานตะวันรีบเดินตามไปสมทบเพื่อนส่งมือให้จับเพื่อดึงตะวันให้ลุกยืน พร้อมกับยิ้มหน่อยๆที่เห็นความซุ่มซ่ามของตะวัน


“ขอโทษครับ”กล่าวขอโทษโดยไม่ได้เงยมองคนถูกชน ง่วงอยู่กับการสำรวจตัวเองอยู่


“ไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย...อ้าวตะวัน”ชายแปลกหน้าที่ถูกชนถามก่อนจะอุทานแปลกใจ ส่งให้คนที่เอาแต่ปัดเนื้อตัวอยู่ต้องเงยขึ้นมาแปลก คิ้วเข้มของตะวันขมวดนิดหน่อยเพราะคนตรงหน้าเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน


“ครับ...เรา รู้จักกันเหรอครับ”คนถูกถามยิ้มอย่างอบอุ่นให้กับหลานแท้ๆ ศูรมาที่โรงพยาบาลหลังจากรู้เรื่องว่ามีพนักงานห้างถูกรถชนและรู้ว่าคนคนนั้นคืออดุลย์จึงคิดจะมาเยี่ยมและแนะนำตัว ก่อนจะพูดเรื่องหลานชายที่เขาเองก็พึ่งรู้ว่ามี


“เรียกชั้นว่าปู่ก็ได้...แล้วถ้าอยากรู้อะไรค่อยไปถามนายอดุลย์อีกทีแล้วกันนะ”ตอบกลางๆเพราะ แม้จะถือว่าเป็นนักธุรกิจใจหินกับพ่อใจยักษ์ที่ตัดขาดลูกสาวอย่างไม่ใยดี แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปศูรเองก็เป็นแค่คนแก่คนหนึ่งที่ขี้เหงาเท่านั้น ถึงแม้จะอยากบอกความจริงกับตะวันแต่ก็เห็นใจคนที่เลี้ยงดูหลานของตนมากว่าสิบห้าปี


“....”ตะวันไม่ได้ตอบอะไร เพราะแน่ใจว่าพ่อของตนไม่มีญาติที่ไหนนอกจากน้าสาวที่ขายบ้านที่ตนอยู่ตอนนี้ให้ แล้วผู้ชายคนนี้บอกว่าเป็นปู่แสดงว่าต้องเป็นญาติฝั่งพ่อ...


“เอาไว้ค่อยคุยกันแล้วกัน แล้วนี่จะไปไหนกันรึ...ไปห้องพักอดุลย์หรือเปล่า ปู่กำลังจะไปเยี่ยมเขาพอดี”ศูรถามเพราะเห็นแววตาขัดข้องของหลานชาย พลางให้ไปมองเพื่อนตัวโตที่ยืนอยู่ข้างๆตะวัน จนทานตะวันนึกสะดุ้งเพราะกำลังคิดเพลินๆว่าทำไมวันนี้คนหน้าตาละหม้ายเพื่อนตัวเองถึงโผล่มาเยอะแยะอย่างนี้


“...ไปซื้อน้ำครับ”คนเป็นปู่พยักหน้ารับคำก่อนจะเอ่ยขอร่วมทางไปด้วย เสี้ยวหนึ่งของจิตใจที่แห้งเหี่ยวตามอายุขัยของศูรรู้สึกอิ่มเอิบเพียงแค่ได้เห็นหลานชายของตน ความรู้สึกรักและเอ็นดูผุดขึ้นมาแม้จะไม่เคยเลี้ยงดูเลยก็ตาม


ทั้งสามคนเดินไปซื้อของด้วยกันโดยไม่มีบทสนทนา ศูรเดินตามหลังมองตะวันไปเรื่อยๆ รอยยิ้มที่ไม่มีบนใบหน้าของเขาเกิดขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ต่างจากตะวันและเพื่อนสนิทที่เดินไปเกร็งไปตลอดทางเพราะคนข้างๆคือคนแปลกหน้าที่ไม่สนิทชิดเชื้อด้วยอีกทั้งผู้สูงอายุยังมองและยิ้มแปลกๆให้กับตะวันถึงจะไม่ใช่ยิ้มที่ดูร้ายกาจหรือน่ากลัวแต่อย่างใดก็ตาม


กว่าจะซื้อของและเดินกลับมาถึงห้องพักเวลาก็ผ่านไปอยู่พอสมควร ตะวันกำลังจะคว้าลูกบิดประตูเปิดห้องพักของผู้เป็นพ่อ แต่เป็นจังหวะเดียวกับที่คนข้างในเปิดออกมาเช่นกัน


รพีผงะนิดหน่อยที่คนตรงคือศูรที่ยืนอยู่กับตะวันและเพื่อนสนิท แต่แค่ไม่นานดวงตาคมก็กลับเป็นนิ่งและดูน่ากลัวเช่นเดิม คนพ่อเองก็ไม่ต่างไปจากรพี เพียงแค่เขากำลังรู้สึกถึงเรื่องไม่ดีที่กำลังจะเกิดไม่ใช่เพราะสัญชาตญาณของคนแก่ แต่เป็นเพราะรู้นิสัยเลวๆของลูกชายคนนี้ดีมากกว่า


ไม่มีทางที่รพี...จะมาเยี่ยมพ่อของตะวันอย่างเดียวแน่ๆ


“มาทำไม”เสียงเข้มของศูรพูดจนคนข้างๆเกร็งไหล่ เป็นเสียงที่ทรงอำนาจและดูมีพลังกดดัน เพียงแต่คนถูกถามเจอแบบนี้มาตลอดชีวิตจึงไม่ได้แสดงความเกรงกลัวออกมาแม้แต่น้อย จะมีก็เพียงแต่อาการไหวไหล่กว้างอย่างไม่ใส่ใจ


“แค่มาเยี่ยมครับ...ผมขอตัวกลับก่อนแล้วกันสวัสดีครับคุณพ่อ”รพีกล่าวลาผู้เป็นพ่อก่อนจะหันไปหาตะวันที่เป็นลูกชายแท้ๆของตัวเอง พึ่งจะเห็นหน้าชัดๆตอนนี้เองว่าหน้าตาเหมือนตัวเองขนาดไหน ยิ่งมองก็รู้สึกเหมือนมองรูปถ่ายของตัวเองในสมัยก่อน และไพล่คิดไปถึงคนที่พึ่งสนทนากันเมื่อครู่ คนตัวเล็กที่ไหล่สั่นด้วยความกลัว คนที่ร่ำไห้ด้วยคำพูดของเขา


“แล้วเจอกันนะ...ตะวัน”





มาต่อจนจบแล้วค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-09-2013 15:07:58 โดย Pz_ready »

ออฟไลน์ arovera

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาต่อไวไวน้า :z13:

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

ที่ต้องการตะวันไม่ใช่เพราะว่ารักลูก
แต่แค่ไม่มีทายาทสืบสกุลก็เลยจะมาเอาตัวคืน

ทุเรศสิ้นดี---อย่าไปยอมนะ

+ เป็ดจ้า

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
สงสารปิงปองที่เลี้ยงตะวันไว้เพราะรัก

แต่อีกคน อยากได้เพราะเอาไปสืบสกุล

เศร้านะ :sad4:

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
เมนต์ในมือถือไม่ได้อีกละ คงเป็นที่มือถือเราอ่ะ อะฮึก
ฮืออออออออออออ ร้องไห้ อยากยิงรพีทิ้ง ได้ไหมคะ?
สนุกเนอะ เหยื่อเรอะ อยากตายใช่ไหมรพี?
ปู่น่ารักอ่ะ ชอบมากกว่ารพีไปแล้ว หึ
ตะวันรีบเข้าไปหาพ่อปิงปองเร็วๆ โฮ พ่อปิงปองร้องไห้แย่แล้ว โฮ

nueng_w

  • บุคคลทั่วไป
สนุกน่าติดตามตอนต่อไปไม่ไหวแล้ว

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
อุ๊ย..ฉันหมั่นไส้นายระพีมากกกกกก...จนเกือบจะถึงขั้นเกลียดแล้วนะ
ดูเหมือนจะมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัว ที่ทำให้แต่คนอื่นเขาเสียใจและเป็นทุกข์นะนายระพี
ฉันจะรอดูวันที่ผลจากการกระทำของนายสนองคืนนาย วันที่นายต้องเจ็บต้องทุกข์บ้าง นายระพี
แล้วฉันจะหัวเราะเยาะนายเป็นภาษาฮิบรูเลย :hao6:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ใจร้าย ใจร้าย ใจร้าย ใจร้าย ใจร้าย  ขอบใจจร้า

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5

ออฟไลน์ Pz_ready

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +107/-1



ตอนที่ 7  [50 %]



เสียงรอบห้องพักผู้ป่วยสี่เหลี่ยมเล็กๆถูกดูดกลืนหายไปจนหมด เมื่อศูร ตะวันและทานตะวันเดินเข้ามาพบกับคนป่วยที่ก้มหน้าก้มตาส่งเสียงสะอื้นราวกับจะขาดใจอยู่ตรงหน้า เด็กน้อยทั้งสองดูจะไม่รู้เรื่องราวว่าทำไมอดุลย์ถึงเสียน้ำตาออกมา หากแต่ผู้ใหญ่คนเดียวในห้องนั้นรู้อยู่เต็มอก


ศูรนึกสังหรณ์ไม่ผิดกับท่าทางที่พึ่งเจอลูกชายคนเดียวหน้าห้องเมื่อครู่เพราะเมื่อครั้งยังเป็นหนุ่ม...ศูรเองก็เคยเป็นคนเลือดเย็นและเหย่อหยิ่งมากยิ่งกว่าใครๆเช่นกัน


ผู้ใหญ่สุดในห้องมองดูหลานชายแท้ๆของตัวเองเดินเข้าไปหาผู้ที่ตนคิดว่าเป็นพ่อด้วยท่าทางร้อนรน พยายามดึงหน้าของคนที้องไห้ให้เงยหน้าพร้อมกับพร่ำถามว่า...พ่อเป็นอะไร...เจ็บแผลตรงไหน...พอฟังแล้วก็เกิดนึกสลดและเสียใจกับสิ่งที่แม้ไม่ใช่ตัวเองทำแต่คนทำก็คือลูกชายที่ถูกถ่ายทอดพฤติกรรมของเขาไปทั้งสิ้น


อดุลย์ยังคงร้องไห้อยู่แบบนั้น ถึงจะรู้ว่าตะวันเข้ามาแล้วแต่เขาก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาของความเกรงกลัวไว้ได้อีกต่อไป กลัวเพราะคำพูดร้ายกาจที่ได้ฟังเมื่อครู่ กลัวจนไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถเงยหน้าไปมองลูกชายของตัวเองได้อีกหรือไม่...


“พ่อ...พ่องปิงปอง...ฮึก...พ่อเป็น...อะไร...ฮึก”เสียงกลั้นสะอื้นของตะวันทำให้ร่างเล็กบนเตียงรู้ตัว...เงยหน้ามองที่คนสำคัญที่เหลือเพียงแค่คนเดียวในชีวิต บนใบหน้าขาวใสนั้นกำลังมีหยดน้ำเลอะจนดูไม่ได้


อดุลย์กลั้นหายใจหยุดตัวเองให้เลิกร้องไห้...แม้จะไม่สามารถขจัดความกลัวออกไปจากใจ แต่เพียงสิ่งเดียวที่ตนไม่อยากจะทำ เป็นสิ่งที่ตนเองยึดมั่นมาตลอด


...ไม่อยากทำให้ลูกตะวันต้องเสียน้ำตา...


“พ่อ...ไม่เป็นอะไร...”ตอบพร้อมกับยิ้มอย่างเคยพลางยกมือซีดของตัวเองที่แม้จะสากระคายแต่ตะวันกลับชอบความรู้สึกเมื่อฝามือของพ่อลูบศรีษะของเขาเช่นตอนนี้


“แล้วพ่อร้องไห้ทำไม?”แม้น้ำตาจะยังไม่หยุดไหลแต่เสียงของตะวันถามอย่างเอาเรื่อง


“...พ่อ...เจ็บแผลน่ะ”อดุลย์ยกข้ออ้างเท่าที่จะคิดได้ หากเป็นปรกติลูกชายคนนี้คงจะไม่เชื่อเพราะพ่อปิงปองไม่เคยบ่นแม้จะบาดเจ็บซักแค่ไหน แต่คราวนี้เพราะไม่ปรกติ เพราะพ่อถูกรถชน...เพราะพ่อร้องไห้อย่างกับจะขาดใจไปตรงหน้า


“งั้นเดี๋ยวตะวันให้ไอ้ดำไปเรียกพยาบาลมาดูให้นะ...ไอ้ดำไปเรียกพยาบาลให้หน่อยดิ บอกว่าพ่อกูเจ็บแผล”ท้ายประโยคตะวันหันไปสั่งเพื่อนสนิททำให้อดุลย์เองต้องหันไปมองตาม


ทันทีที่เห็นอีกคนดวงตากลับเบิกกว้างขึ้นมากว่าเก่า...ศูร เรืองรัตนโยดม...เขารู้จักคนคนนี้ดี เวลาห้างจัดงานเลี้ยงพนักงานอดุลย์ก็จะเห็นอยู่เสมอ ทั้งๆที่วางมือจากธุรกิจไปอยู่บ้านเฉยๆแล้วแท้ๆ ผิดกับเจ้าของห้างตัวจริงที่ไม่เคยออกงานของพนักงานชั้นล่างเลยซักครั้ง


มือเล็กซีดรีบยกมือทันทีที่เจอหน้า พลางด่าว่าตัวเองว่าทำไมถึงไม่รู้ จะหน้าตาหรือรูปร่างก็คล้ายกันจนถ้ามองผ่านๆคงคิดว่าคนๆเดียวกัน ทำไมถึงไม่รู้ว่าที่ที่ตัวเองทำงานอยู่คือที่ของคนที่จะมาเอาลูกไปจากเขา


ศูรพยักหน้ารับไหว้ พยายามยิ้มอย่างที่คิดว่าจริงใจและใจดีสุดๆให้กับคนตรงหน้า เพราะเมื่อคู่ตาคมของเขาเห็นแวววิตกและกลัวเกรงออกมาอย่างเห็นได้ชัด อดุลย์คงรู้แล้วว่าเขามาเยี่ยมตนเรื่องอะไร


เพียงแต่ที่ศูรกังวลไม่ใช่เรื่องตะวันแม้แต่นิดเดียว...แต่กลับเป็นอดุลย์เองต่างหากที่กังวล


“คุณปู่เป็นปู่ของไอ้ตะวันจริงๆเหรอครับ”เพื่อนสนิทที่ยืนนิ่งอยู่นานเอ่ยถาม อดุลย์ได้ฟังเกิดอาการเกร็งไหล่ทันที พลางหันไปจ้องหน้าคนที่ถูกถาม ด้วยความหวังเพียงเล็กน้อยว่าตะวันอาจจะยังไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด


“น้องทาน...พาตะวันออกไปก่อนได้ไหม น้าขอคุยธุระหน่อยนะ”ไม่ทันที่ศูรจะเอ่ยปากตอบ เป็นอดุลย์เองที่ชิงพูดตัดหน้า พลางคะยั้นคะยอให้รีบพากันออกไปข้างนอกให้เร็ว ศูรที่เห็นท่าทางกลัวความจริงจะเปิดเผยแบบนี้ของร่างเล็กถึงได้เข้าใจ


เข้าใจว่าทำไมลูกชายของตัวเองถึงทำให้คนๆนี้ถึงกับร้องไห้ เพราะอดุลย์ดูลนลานจนเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตาสอดส่ายหาทางหนี...เหมือนกับลูกกวางที่กำลังวิ่งหนีลูกกระสุนของนายพราน


“หวังว่าตะวันกลับมาอีกคราวนี้พ่อจะไม่เจ็บแผลมากขึ้นหอกนะครับ”ก่อนจะออกจากห้องตะวันทิ้งไว้เพียงแค่ข้อความเตือน ใครว่าจะไม่รู้ว่าพ่อเขาผิดปรกติอะไรบ้าง ปฏิกิริยาของพ่อปิงปองตอนเจอกับคนที่บอกว่าเป็นปู่เหมือนกับคนที่มาเยี่ยมก่อนหน้าไม่มีผิด ใจจริงตะวันไม่อยากห่างพ่อไปไหน แต่ก็รู้ดีว่าเรื่องที่พ่อคุยคงสำคัญถึงขนาดที่เขารู้ไม่ได้


อดุลย์มองลูกชายกับเพื่อนสนิทเดินออกไป จึงหันมามองคนอีกคนในห้องอย่างช้าๆ รอยยิ้มที่พยามยามปลอบขวัญคนป่วยยังคงประดับอยู่บนใบหน้าของชายสูงอายุ


“คุณ...ศูรใช่มั้ยครับ”


“อืม...เราเคยเจอกันแล้วซินะ?”


“ครับ...คุณ...ฮึก...”ไม่ทันจะได้ถามไถ่ในสมองกลับมีแต่ความกลัวที่จะสูญเสียตะวันเต็มไปหมด น้ำตาเม็ดโตหยดลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ศูรหน้าเหวอเพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะร้องไห้ขึ้นมาแบบนี้ทั้งๆที่เขายังไม่ได้ทำอะไรแท้ๆ


“เฮ้ๆ อย่าร้องไห้ซิ เดี๋ยวตะวันมันเขามาก็นึกว่าชั้นเป็นคนทำให้แผลเกิดเจ็บอีก”พูดขำๆด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ หากแต่ไม่สามารถที่จะหยุดคนร้องให้ได้เลย


“เอาล่ะอดุลย์...หยุดร้องไห้ก่อน...แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชั้นฟัง...”เสียงพูดเล่นพูดหัวเมื่อครู่แปรเปลี่ยนอย่างฉับพลัน ศูรจับไหล่คนตรงหน้าอย่างที่จะให้ความมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองจะพูด


“...เล่ามาทั้งหมด ชั้นจะได้หาทางช่วยให้เธอ...”




ตอนนี้คุณปู่ศูรหล่อมากกกกกกก เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่ออีกครึ่งนะคะ

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
มาเร็วๆนะคะ ค้างอย่างแรง ปิงปองจะเจ็บแผลเพิ่มป่ะ  :katai4: :katai4: :katai4:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
แง แง   :ling1::ling1:ครานี้โดนคนเขียนแกล้งอ้ะ ตัดฉับเลย
รอ ด้วยความกระวนกระวาย+กังวลใจ ไปกับพ่อปิงปอง

nuum

  • บุคคลทั่วไป
 :o8:  ชอบบันทึกนี้ครับ  จะติดตามและตามติดตลอดไป ไป ไป ....... :katai5:

ออฟไลน์ arovera

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai1: อ่า50%จริงอะทำไมสั้นจัง ง่าห์อยากอ่านอยากอ่านเค้าจะเอายาวๆ ฮืออออ :hao5:

ออฟไลน์ full69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
พระเจ้าช่วย เชียร์ปู่ศูรกับพ่อปิงปองแทนได้ไหม!!!

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
ขอให้ปู่ศูรช่วยปิงปองได้

น่าสงสารอีกแล้ว อย่าบีบคอรพีให้ตายไปเลย

รพีเป็นคนที่ใจร้ายใจดำมาก ฮือ~

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
สงสารปิงปองมากอ่ะ ชีวิตจะรันทดไปไหนเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Pz_ready

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +107/-1
อีกครึ่งหนึ่งของตอนขอเลื่อนเป็นวันเสาร์นะค่ะ โดนอาจารย์สั่งงานด่วนส่งก่อนเที่ยงคืน
ขอโทษที่ผิดนัดค่ะ



 :mew2:

ออฟไลน์ yamapong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เอ้ยยยยย ชอบเรื่่องนี้มากกกกกกก รอติดตามต่อค่ะ อยากเชียร์คุณปู่จริงๆนะ 5555+ รพีจะเป็นพระเอกจริงหรอ อ๊ากกกกก เลวววว

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
พ่อปิงปองมีโอกาสเป็นพ่อของตะวันตลอดไป แน่นอน

ออฟไลน์ Pz_ready

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +107/-1


ตอนที่ 7 (ตอนหลัง)

บ้านหลังใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นที่อยู่ของครอบครัวเรืองรัตนโยดมเกิดบรรยากาศแช่มชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็น เมื่อนายใหญ่เจ้าของบ้านจริงๆอย่างศูร เรืองรัตนโยดมขับรถสีขาวคันโปรดเข้ามาจอดพร้อมกับเดินออกจากรถยนต์ของตัวเองด้วยรอยยิ้มที่ไม่ค่อยจะประดับบนหน้านอกจากเวลาออกงาน


เขาพึ่งกลับจากไปเยี่ยมอดุลย์และรับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่ส่วนใหญ่เขาเองก็รู้แล้วจากปึกกระดาษเอกสารที่จ้างคนสืบมาให้ หากแต่ในกระดาษนั้นไม่มีเรื่องราวของตะวันที่อดุลย์เป็นคนเล่าในวันนี้


เรื่องเมื่อตอนตะวันพูดคำแรกว่า...หม่ำหม่ำ วันไหนที่ตะวันเดินได้ครั้งแรก เรื่องตอนไปโรงเรียนวันแรกตะวันร้องไห้อยากกลับบ้านจนคนไปส่งต้องลางานครึ่งวันเพื่ออยู่ที่โรงเรียนกับลูกชาย ตอนตะวันป่วยเพราะโกรธที่อดุลย์ไม่ยอมพาไปเที่ยวตอนวันเกิดครบเจ็ดขวบ และอะไรหลายๆเรื่องของตะวัน...ที่คนเป็นปู่ไม่เคยรู้


ศูรคิดถึงเรื่องที่นั่งฟังอยู่นานแล้วอดที่จะยิ้มไม่ได้ ตะวัน...หลานของเขาดูจะเป็นเด็กที่ดี และศูรก็ยอมรับว่าอดุลย์เลี้ยงตะวันได้ออกมาดีจริงๆ


พอคิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าคมที่มีริ้วรอยตามอายุก็สลดลงไปทันตา อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากเขาไม่ปล่อยปะละเลยเรื่องที่คู่นอนคนหนึ่งของลูกชายตายในสมัยก่อนเขาอาจจะเป็นคนที่เลี้ยงดูตะวัน แต่เพราะเป็นเรื่องที่มีคนตายและเขาเองก็ไม่อยากจะเสียชื่อเสียง


ชายสูงอายุสะบัดหน้าไล่ความคิดเห็นแก่ตัวออกจากสมอง มันน่าจะดีกว่าก็จริงที่ถ้าเขาเป็นคนเลี้ยงดูตะวัน


แต่...ถ้าเป็นเขาในตอนนั้น...ตะวันคงจะไม่ใช่ตะวันในตอนนี้


อาจจะเป็นเหมือนรพี...และตัวศูรเองในอดีต


“สวัสดีค่ะ อารมณ์ดีอะไรมาคะคุณพ่อ”เสียงเรียกทักจากเด็กสาวเรียกทักศูรทันทีที่เดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ของลูกชายที่ตนยกให้ ศูรหันไปพยักหน้ารับให้กับปรางทิพย์ผู้หญิงคนใหม่ของลูกชายที่ไม่รู้ไปคว้ากันมาจากไหน เพราะเรื่องส่วนตัวของรพีศูรไม่ยุ่งวุ่นวายตั้งแต่ที่รพีเข้ามารับช่วงต่อธุรกิจ และก็เป็นปรางทิพย์คนนี้ที่ทำให้เกิดคดีฟ้องหย่าของภรรยาคนที่สองจนเกิดเรื่องอื้อฉาวมากมาย


“รพีอยู่ไหน”ถามสิ่งที่ต้องการจะรู้ทันที ไม่ได้ตอบคำถามอะไรที่ปรางทิพย์อยากรู้


“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ หนูพึ่งกลับมาจากช้อปปิ้ง”ตอบเสียงเล็กเสียงน้อยอย่างคนที่ไม่คิดก่อนพูด เป็นอีกเรื่องที่ศูรไม่ชอบใจผู้หญิงคนนี้ และเหมือนรพีจะรู้ว่าพ่อของตนไม่ชอบใจกับปรางทิพย์


นั้นคือเหตุผลที่ทำไมปรางทิพย์ถึงยังได้อยู่ในบ้านหลังนี้...


“ได้เงินมาจากรพีก็หัดเก็บไว้บ้าง ถึงวันไหนที่โดนเขี่ยทิ้งแล้วจะได้ไม่ลำบาก”ผู้สูงอายุกว่าพูดเรียบๆก่อนจะเดินไปในบ้าน ทิ้งให้เด็กสาวยืนปากค้างกับคำพูดที่เหมือนจะสั่งสอน หากแต่ไม่ใช่...ศูรตั้งใจจะบอกว่าอีกไม่นานเธอก็จะโดนรพีทิ้งต่างหาก


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


รพีเงยหน้าจากกองเอกสารตรงหน้าขึ้นมามองไปทางประตูห้องทำงาน และนึกแปลกใจอีกครั้งเมื่อคนที่เข้ามาคือพ่อของตัวเอง ที่ช่วงนี้จะเดินมาหาเขาก่อนเป็นว่าเล่น และเรื่องที่จะคุยคงไม่พ้น...เรื่องลูกของเขา


“พ่อมีอะไรหรือเปล่า...เหมือนเราพึ่งจะเจอกันไม่ใช่หรือครับ?”เป็นประโยคคำถามที่คงจะธรรมดาหากไม่ใช่รพีเป็นคนพูด


“ชั้นจะมาหาแกไม่ได้เลยรึไง?”ศูรยวนกลับไม่ต่างกัน


“ก็ได้ครับ ว่าแต่มีเรื่องอะไรพิเศษหรือเปล่า ถ้าเรื่องหลานชายพ่อผมจัดการให้แล้ว คิดว่าคงไม่มีอะไรผิดพลาด”รพีบอกก่อนจะก้มลงไปสนใจเอกสารตรงหน้าต่อ ชีวิตของเขาจะเหลวแหลกขนาดไหนแต่ก็มีงานพวกนี้แหละที่ยังทำให้เขาเป็นที่เชิดชูของวงสังคม 


“จัดการ...จัดการโดยที่ไปขู่พ่อของเด็กเนี้ยนะ”เสียงเข้มเอ่ยถาม หากแต่คนที่หมกหมุ่นกับงานไม่ได้สนใจ สายตายังคงไล่อ่านพร้อมกับปากที่เฉลยความอยากรู้ของผู้เป็นพ่อ


“เขาเรียกว่ากดดันครับ”


“แต่ชั้นเรียกว่าขู่...แกไปขู่ว่าถ้าไม่ยอมบอกความจริงพร้อมกับส่งตะวันคืนแกจะไล่เขาออก”คนถูกกล่าวหาเงยหน้ามายิ้มให้กับศูร แต่ไม่ใช่ยิ้มที่ดูจริงใจกลับเป็นยิ้มที่ดูยั่วโทสะ


“เขาบอกพ่อแค่นั้นเหรอครับ?...”ถามด้วยเสียงขำๆ ก่อนจะพูดต่อเพราะไม่เห็นว่าผู้เป็นพ่อตอบคำถาม


“ที่จริงผมบอกไปอีกว่าจะดิสเครดิตเขา จะไม่ให้เขาไปหางานทำที่ไหนได้อีก จะฟ้องศาลเพราะหลักฐานทางเราก็มีครบ แต่ถึงไม่ครบผมก็มีอำนาจมากพอที่จะทำให้ขาวเป็นดำ...อ้อ แล้วผมก็จะประจาน”เสียงกลั้วหัวเราะหยุดดูปฏิกิริยาของพ่อ ดวงตาคมเบิกกว้างเป็นสัญญาณบอกว่าอดุลย์คงเล่าให้ฟังไม่หมด


แค่นึกก็ทำให้ยกยิ้ม...ที่ไม่พูดไม่บอกทั้งหมดเพราะคงจะกลัวเขาอยู่ไม่น้อยเหมือนกันซินะ


“ประจานเรื่องที่เขาเป็นกระเทย”


“รพี!!!!”เสียงตวาดดังก้องไปทั่วทั้งห้องทำงาน คนถูกเรียกมองศูรออกอาการโกรธจนถึงกับขึงตามองเขาด้วยความโกรธ ทั้งๆที่ข้อมูลทั้งหมดนั้นก็ศูรไม่ใช่หรือที่เป็นคนหามาให้เขา


“พ่อจะโกรธไปทำไมครับ ผมแค่ก็อยากจะให้เรื่องมันจบไวๆก็เท่านั้น”


“ทำไมแกทำแบบนั้น!! ถึงเขาจะเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งแต่อย่างน้อยเขาก็เป็นคนที่เลี้ยงลูกแกนะ!!”ตวาดเสียงใส่ก่อนจะเดินออกไปจากห้องด้วยความโกรธเกรี้ยว


สายตาคมมองดูแผ่นหลังที่พึ่งหายไปพร้อมกับเสียงปิดประตูที่ดังสนั่น คิ้วเข้มของรพีขมวดกับคำพูดของผู้เป็นพ่อเมื่อครู่


นี่คือศูร เรืองรัตนโยดมแน่หรือ


“ที่ผมทำแบบนี้ก็เพราะพ่อนี่ครับ...ผมแค่ทำตามความต้องการของพ่อ...กับคำสอนของพ่อ”


“ทำ....มาโดยตลอด”





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2013 17:09:15 โดย Pz_ready »

ออฟไลน์ yamapong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อยากอ่านตินต่อปายยยย 5555+ ขอบคุณมากเลยค่าาาา

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
รพีOMG ทำไมเป็นคนแบบนี้

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
พ่อสอนลูก แสดงว่ารพี เชื่อฟังพ่อช่ายยยยย มั๊ยยยยยย เลือดเย็น เอาความสุขส่วนใหนมาเติมเต็มให้ชีวิตหว่า จิตใจหมานุดบางจำพวกเป็นแบบนี้ ศูรรักตะวันแล้วเนอะ พ่อปิงปองรักตะวัน ตะวันรักพ่อปิงปอง

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
ฉิบ รู้สึกผิดกับตัวเองที่คิดสงสารรพีขึ้นมากนิดหน่อย...
รพีร้าย แต่มันเป็นปกติของโลกที่จะใช้จุดอ่อนมา่นงานเพื่อให้ๆด้สิ่งที่ต้องการ และเราเป็นคนหนึ่งที่คิดว่ามันไม่ผิด แม้มันจะเรียกว่าถูกไม่ได้ก็ตามที
รอ ว่าต่อไปจะเป็นยังไง
ปล.พี่รู้ไม๊ ชั้นมารอพี่ที่บอร์ดทุกวันเลย...

ออฟไลน์ Pz_ready

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +107/-1



ตอนที่ 8 (50%)


ชายหนุ่ม ร่างสูงพร้อมกับชุดสูททำงานสีดำดูภูมิฐานกำลังเดินหน้ามุ้ยอย่างไม่พอใจจนคนที่เดินผ่านนึกหวาดหวั่น สำหรับพนักงานระดับล่างอาจจะคิดว่าผู้บริหารที่นี่คงใจดีดูจากสวัสดิการต่างๆที่ได้รับ แต่สำหรับพนักงานระกลางขึ้นไปที่ค่อนข้างจะคลุกคลีกับผู้บริหารบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า...ไม่ใช่


รพี เรืองรัตนโยดมผู้บริหารคนนี้น่ากลัวกว่าที่ใครๆคิด ยิ่งพอเห็นคนที่ปรกติหน้านิ่งกลับกลายเป็นหน้าโกรธเหมือนตอนออกจากห้องประชุมยิ่งไม่มีคนกล้าเข้าไปใกล้ให้เจ้าของห้างคนนี้ไม่พอใจกันเข้าไปกันใหญ่


สาเหตุที่ขัดใจคนอย่างรพีในช่วงนี้คงเป็นเรื่องเรื่องเดียว...นายอดุลย์


รพีทราบมาจากเลขาที่สั่งให้ไปตามเรื่องของคนที่ถูกรถชนเมื่อวานซืน แต่กลับได้คำตอบที่ทำเอาคิ้วขมวดอย่างลืมตัว คำตอบที่ได้คือทางฝั่งนั้นชิงลาออกไปก่อนแล้ว


สมองที่มักจะทันเกมธุรกิจอดคิดไม่ได้ว่านี่คือคำสั่งของศูรผู้เป็นพ่อ ดูท่าทางพ่อของเขาคงจะอยากรับตะวัน...ลูกของรพีมาเป็นหลานอย่างถูกกิจจะลักษณะเอาจริงๆ และก็คงหวงห่วงความรู้สึกของหลานคนใหม่คนนี้อย่างมากที่สุด ถึงขนาดที่หาวิธีทางที่จะรับตะวันมาโดยที่ไม่ทำให้จิตใจของฝ่ายนั้นบอบช้ำ


ความอ่อนโยนของผู้เป็นผู้ให้กำเนิด...ความเอื้อเฝือของผู้ที่เป็นผู้ปกครอง


...ทำไมศูรถึงไม่มีให้กับรพีบ้าง...


ร่างสูงสะบัดหัวเล็กน้อยให้เลิกคิดเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง พร้อมดึงประตูห้องทำงานของตัวเองออก ดวงตาคมหรี่ลงอย่างพินิจเมื่อคนตรงหน้า เป็นคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอในตอนนี้


“สวัสดีซัน”หญิงสาวในห้องหันมองเอ่ยสวัสดีเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด ผมยาวสลวยกับผิวขาวใสละเอียดช่วยปกปิดอายุจริงของเธอได้ไม่ยากเท่าไรนัก


 “มีเรื่องอะไรนลิน? ทำไมไม่ติดต่อผ่านทนายผม”น้ำเสียงเย็นชาพูดกับนลิน...หญิงสาวผู้เป็นภรรยาคนที่สองของรพีที่กำลังเป็นเรื่องเป็นราวให้ขึ้นศาลจนต้องวุ่นวายอยู่ไม่เว้นวัน


“แค่ผ่านมาเยี่ยม ลินไปเยี่ยมคุณพ่อมา แล้วก็แวะมาบอกเรื่องศาลนัดไกล่เกลี่ยครั้งหน้า”นลินอยู่เนือยๆ นึกขยาดกับความไร้หัวใจของคนตรงหน้าเต็มทน เมื่อก่อนไม่รู้อะไรมาบังตาถึงได้ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แต่งงานกับชายคนนี้ อาจเพราะรพีดูเป็นคนไม่รักใครจริง สัญชาตญาณของเธอที่อยากเอาชนะและทำให้รพีมารักตนให้ได้ แต่เธอก็พบกับความจริง


ว่ารพีนั้นมีหัวใจ...แต่หัวใจนั้นถูกย้อมด้วยสีดำที่เต็มไปด้วยคราบโคลนเต็มไปหมด...


“ผู้หญิงหน้าเงินเหมือนกันหมด”คำพูดของรพีทำเอานลินถึงกับหน้าชา ก่อนจะขึ้นสีด้วยความโกรธ แต่กลั้นข่มความโกรธนั้นลงไปเพราะไม่ได้อยากจะมามีเรื่องมีราว


“ซันคิดจริงๆเหรอว่าที่ลินฟ้องหย่ามันเป็นเรื่องเงิน ลินบอกซันไว้เลยนะว่าไม่ใช่...ลินแค่อยากกู้ศักดิ์ศรีกลับมา ซันเอาใครไม่รู้มาหย่ามหน้าไม่ไว้หน้ากันขนาดนี้แล้วลินจะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนล่ะ กลับกันถ้าลินทำบ้างซันจะรู้สึกอย่างไร?”นลินพูดยาวแล้วถามคำถามที่รพีหันไปมองด้วยตาคมที่แสนจะเย็นชา คำตอบภายในดวงตานั้นชัดเชนแจ่มแจ้งจนคนถามคำถามสะอึกซะเอง


เพราะแววตาของรพีตอบว่า...ไม่รู้สึกอะไรเลย


ติ๊ดดดดดดดดด


“ขอโทษค่ะ คุณศูรโทรหาค่ะคุณพี”รพีกดอินเตอร์โฟนฟังข้อความของเลขาหน้าห้อง ก่อนบอกว่าให้วางสายของผู้เป็นพ่อไปเลยแล้วจึงหยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตัวเองขึ้นดูเห็นมิสคอลของพ่อแค่หนึ่งสายจึงกดโทรกลับทันที


“งั้นลินขอตัวกลับก่อนแล้วกัน ยังไงจะให้ทนายติดต่อมาอีกที...”เหมือนคำพูดไม่ได้เข้าหูคนฟังซักคำ นลินเลือกจะเดินออกมาเมื่อรู้ว่ารพีกำลังโทรหาใคร ช่วงเวลาสองปีที่ได้อยู่ด้วยกันทำให้นลินรู้จักรพีดีขึ้น...รู้ในเรื่องที่บางทีรพีเองยังไม่รู้...เพราะถ้าเป็นเรื่องของศูร รพีจะรีบจัดแจงทันทีทันใด สำหรับรพีคงเป็นเรื่องปรกติ


หากแต่กับคนนอกมันไม่ใช่ กับคนนอกอย่างนลินที่พบว่าใจของรพีเป็นสีดำ...ใจที่เต็มไปด้วยโคลน...ที่เรียกร้องหาน้ำสะอาดจากศูรมาชะล้างตลอดเวลา


“มีอะไรครับ”ถามทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย


“ไปจัดการเอายัยปรางทิพย์ออกจากบ้านแกด้วย”เสียงเข้มปลายสายทำเอารพีข้องใจ ไม่บ่อยที่พ่อจะใช้คำพูดแนวบังคับแบบนี้กับเขา แม้จะไม่พอใจก็มักจะปล่อยผ่านอย่างไม่นึกสนใจมากกว่า


“มีเรื่องอะไรครับ?”


“จัดการตามที่บอกเถอะ ชั้นไม่อยากให้ลูกแกมีแม่ใหม่แทบจะเท่าตัวเองหรอก”รพีเงียบไม่ส่งเสียงตอบรับหรือส่งคำถามอะไรต่อ คนที่พูดสายพูดด้วยอารมณ์ดีอย่างที่ไม่เห็นได้ยินเมื่อพูดประโยคแปลกๆที่พาดพิงถึงตะวัน...


“ชั้นจะให้ตะวันมาอยู่ที่บ้าน อยู่กับแก”


“ผมก็ไม่ได้อะไรติดขัดหรอกครับ แต่เรื่องนายอดุลย์นั้นละ หรือที่เขาลาออกเป็นเพราะพ่อ...”พูดเองก็แปลกใจเอง ถึงจะเข้าใจว่าพ่อของตนนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเขาที่ถ้าต้องการก็พร้อมจะทำทุกอย่างให้ได้มา...หากแต่นั้นมันเป็นอดีต ท่าทีของศูรที่เห็นทำให้ไม่คิดว่าพ่อจะเป็นคนไล่อดุลย์ออกไปด้วยตัวเอง


“ใช่ชั้นให้เขาออกจากงานเอง.....ชั้นจะให้เขาไปอยู่บ้านเดียวกับแก”ตาคมเบิกกว้างอย่างตกใจกับคำของผู้เป็นพ่อ อุทานคำหยาบออกมาอย่างลืมตัว ศูรเองก็รู้ปฏิกิริยาของลูกชายอยู่ก่อนแล้วไม่ได้จึงไม่ถือสา


“พ่อนึกอะไรอยู่ นี่ความคิดพ่อหรือความคิดของไอ้กระเทยนั่น มันจะเข้ามากอบโกยเพราะเลี้ยงเด็กลูกเศรษฐีไว้ใช่มั้ย!!?”น้ำเสียงโกรธาไม่ได้ต่างอะไรจากที่ศูรคิด แต่คำปรามาสถึงผู้ชายที่ดูเป็นคนดีในสายของศูรทำเอาชายสูงวัยเดือดขึ้นมาจริงๆ


“ชั้นนี่แหละเป็นคนคิด ชั้นจะให้เขามาดูแลหลานชั้นเพราะแกคงเป็นพ่อที่ดีของตะวันไม่ได้ ทำตามที่ชั้นบอก เย็นนี้ให้ผู้หญิงคนนั้นออกไปจากบ้านแก จะเลี้ยงต่อชั้นไม่ว่า”เสียงเข้มของศูรที่พูดสิ่งที่ทำให้ต้องยกยิ้มเยาะให้กับตัวเอง ก่อนจะเอ่ยใส่คนปลายสายอย่างอดกลั้นเฉกเช่นเดียวกับอีกฝ่าย


“หึ...พ่อรู้ได้ไงว่าไอ้อดุลย์นั้นมันจะเป็นพ่อที่ดี...ในเมื่อพ่อไม่เคยเป็นพ่อในแบบนั้นเลย!!”






nuum

  • บุคคลทั่วไป
 :beat:  รพี เนี่ยปากดีจัง

            แต่เลวแบบ ไม่มีช่องว่างเลย     :z6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด