ภายในบ้านหลังใหญ่ของเรืองรัตนโยดมเงียบเชียบราวกับป่าช้าทั้งๆที่มีคนนั่งอยู่สามคน แต่กลับไม่มีใครเปิดปากเอื้อนเอ่ยคำพูดอะไรออกมาซักคำ ศูรนั่งเคียงคู่โทรศัพท์เฝ้ากดโทรออกหาหลานชายที่ไม่มีท่าทีว่าจะรับ ส่วนลูกชายของบ้านอย่างรพีนั่งมองหน้าของร่างบางที่ก้มหน้าก้มตามองแค่มุมตัวเองที่กุมแน่นกันอยู่ที่ตัก
เป็นเพราะข่าวที่ออกมาเมื่อช่วงกลางวันของวันนี้ แต่กลับกลายเป็นเรื่องทอคออฟเดอะทาวน์ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงกับภาพหลุดของชายสองคนที่จูบกันภายในลานกว้างของลานจอดรถแห่งหนึ่ง
ในรูปไม่เห็นแน่ชัดว่าผู้ชายตัวสูงนั้นคือใครราวกับคนที่กดถ่ายภาพพยายามใช้มุมกล้องปกปิดใบหน้าอีกคนเอาไว้จะมีเด่นชัดก็แค่ใบหน้าของชายอีกคนที่ตัวเล็กกว่า กำลังรับตาพริ้มรับสัมผัสอ่อนไหว ดูเป็นภาพที่เป็นเพียงภาพคู่รักของชายกับชายธรรมดาถ้าไม่ติดว่าหัวข่าวถูกจั่วว่า นักธุรกิจใหญ่เจ้าของห้างใหญ่พลอดรักกลางที่จอดรถหลังพากันมาสวีทหวานในงานเปิดสินค้าแบรนดัง...
ดูเหมือนพาดหัวข่าวจะเป็นที่พูดถึงว่าผู้ชายในภาพอีกคนคือใคร แต่สำหรับคนใกล้ชิดไม่ต้องเดาให้ยาก ทุกคนเลยต้องมานั่งเครียดกันอยู่ในห้องรับแขกภายในบ้านหลังใหญ่แบบนี้
และแม้จะกังวลเรื่องข่าวมากขนาดไหนแต่ทว่าตอนนี้ทั้งสามคนเป็นห่วงเรื่องของหัวแก้วหัวแหวนของบ้านหลังนี้มากที่สุด
ตั้งแต่ข่าวและภาพแอบถ่ายของอดุลย์กระจายออกไป ก็ยังติดต่อตะวันไม่ได้เลย
“อดุลย์...พอจะคิดออกมั้ยว่านอกจากเด็กที่ชื่อทานตะวัน...มีใครอีกที่ตะวันน่าจะอยู่ด้วยตอนนี้”ศูรถามเสียงอ่อน อดุลย์ส่ายหน้าอย่างคิดอะไรไม่ออก กังวลเรื่องลูกไปหมดจนทำอะไรไม่ถูก โทษก็ต้องโทษตัวเองไปเผลอตัวทำเรื่องน่าเกลียดแบบเมื่อไม่กี่วันก่อนเข้าเอง
ศูรมองคนที่ส่ายหน้าน้อยๆก็ถอนหายใจออกมาอย่างเสียไม่ได้ หันไปมองลูกชายที่เอาแต่จ้องอดุลย์ส่งผ่านความห่วงใยแบบนั้นก็ยิ่งกลุ้ม ตอนไหนกันที่รพีให้ความสนใจกับอดุลย์...แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้...เป็นเพราะเขาไม่ใส่ใจหรือเปล่าถึงเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นมา
“รพี...แกโทรหาวัชรถามข่าวคราวที”ศูรเอ่ยบอก ก่อนหน้ารพีสั่งให้วัชรไปตามหาลูกชายที่หอเพื่อนที่วัชรเคยไปส่ง เวลาล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแต่วัชรก็ยังไม่ติดต่อกลับมา
“ครับ”รพีรับคำ ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดหาปลายสายแต่ตายังไม่วายมองอดุลย์อยู่ ความเป็นห่วงเป็นใยผุดออกมาจากหัวใจ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกกระวนกระวายแทนคนที่ตรงหน้า หนักใจและกังวลใจกลัวแทนไปต่างๆนานา
“ได้เรื่องว่าไงบ้างวัชร”รพีเอ่ยถามทันทีที่ปลายสายรับ เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดเรื่องที่อดุลย์เงยหน้าขึ้นมาจ้องตาของรพี ร่างบางรอฟังคำตอบที่เป็นข่าวดีแต่กลับไม่ใช่อย่างที่หวัง
“กำลังตามหาอยู่ครับ เพื่อนของตะวันไปทำงานพิเศษไม่อยู่ที่ห้องซักคน ผมกำลังไปหาพวกเขาที่ที่ทำงานครับ”
“โอเค ได้เรื่องยังไงบอกชั้นด้วย”กดวางสายแล้วส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“ผมขอออกไปตามตะวันนะครับ ให้นั่งอยู่แบบนี้ผมไม่ทำไม่ได้”ร่างบางผุดขึ้นยืนก่อนจะจะรีบก้ามเท้าออกจากห้อง ได้ยินจากวัชรว่าไม่มีข่าวของตะวันยิ่งร้อนใจ ทำไมเขาจะไม่รู้นิสัยของตะวัน
ตะวันใจร้อนมาก แล้วตอนนี้คงเห็นภาพที่เป็นข่าวแล้วแน่นอน เวลาลูกชายเจออะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจจะหนีหายไปช่วงหนึ่งพอถึงเวลาที่คิดได้ก็จะเดินกลับบ้านต้อยๆเข้ามาอ้อนอดุลย์อย่างที่เคยทำ แต่คราวนี้มันน่ากลัวเกินไปสำหรับอดุลย์ที่จะไม่ออกตามหา
กลัวเหลือเกินว่าตะวันจะไม่กลับมาขอโทษที่ทำตัวไม่ดี...กลัวว่าตะวันจะหนีหายจากชีวิตเขาไปตลอดกาล
“เดี๋ยวชั้นไปด้วย”รพีที่รีบลุกตามอดุลย์มาคว้าเข้าที่ข้อมือบางหวังจะรั้งไม่ให้อดุลย์ต้องออกไปคนเดียว
“...ไม่เป็นไรครับ ผมไปคนเดียวดีกว่า”คนตัวเล็กกว่าพยายามจะแกมือหนาที่กุมข้อมือตัวเองไว้แน่นแต่ก็ไร้ความหมาย รพีออกแรงดึงอีกคนไปที่รถของตัวเอง ใจเขาก็เป็นห่วงตะวันไม่ตายกันแต่ที่ตามมาก็เพราะเป็นห่วงอดุลย์เช่นกัน
“ปล่อยครับคุณรพี...ปล่อย!!”ขึ้นเสียงแทบจะตวาดจนคนที่ลากจูงชะงักตัวหันมามองอดุลแต่ก็ยังไม่ปล่อยตามคำขอร้อง อารมณ์ที่ปะปนกันมั่วไปหมดทั้งกลัว กังวลสับสนและความไม่เข้าใจอะไรหลายๆอย่างทำให้คนที่มักจะกดเก็บอารมณ์ระเบิดอย่างง่ายดาย
อดุลย์สะบัดข้อมืออีกทีอย่างแรงเพื่อจะให้หลุดจากอีกคน และคราวนี้หลุดออกมาอย่างง่ายดาย
“อย่ามายุ่งกับผม!! แค่นี้เรื่องมันก็วุ่นวายมากแล้ว!! ผมจะบ้าตายแล้วนะ!!”ตวาดใส่คนตรงหน้าที่ยืนน้ำนิ่งไม่แสดงอารมณ์ทั้งๆที่ในใจมีไฟลุกโชน ถึงจะเป็นห่วงหรือนึกถึงใจอดุลย์มากเท่าไรแต่รพีก็ยังมีความเป็นรพี ไม่ชอบให้ใครมายืนด่ายืนว่าไล่เป็นหมูหมาแบบนี้
“แล้วนายจะไปยังไง มีรถขับหรือไง ตะวันมีรถป่านนี้เตลิดไปไหนไกลขนาดไหนไม่มีใครรู้”รพีพยายามพูดด้วยเหตุผลแม้จะรู้สึกอยากจะยกมือขึ้นมาบีบคอคนตรงหน้ามากขนาดไหน แต่อีกเสี้ยวในใจบอกห้ามเอาไว้เลยยังยอมอยู่แบบนี้
สิ่งที่รพีพูดยิ่งทำให้อดุลย์เม้มปากแน่น เพราะสิ่งที่รพีบอกเป็นเรื่องจริง ตะวันมีรถยนต์ส่วนตัว ทุกวันจะมีคนขับรถที่เป็นลูกจ้างในบริษัทของรพีเป็นคนขับให้ แต่วันนี้หลังเกิดเรื่องเป็นข่าวใหญ่โต รพีให้วัชรโทรหาคนขับรถคนนั้นก็ได้คำตอบว่าตะวันบอกว่าเขาจะขับรถเองเลยไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งแต่เที่ยงแล้ว
“ยังไงคุณก็ไม่ต้องยุ่ง!!”อดุลย์ยังควบคุมอารมณ์ไม่ได้เช่นเดิม และรพีเองก็ไม่อยากโดนคนตรงหน้าไล่ไปมากกว่านี้ มือหนายกขึ้นบีบคอเล็กอีกฝ่ายแบบตั้งใจพร้อมกับผลักอดุลย์จนหลังชนเข้ากับรถเก๋งด้านหลัง แม้ไม่ได้ออกแรงบีบมากแต่ด้วยความสูงที่แตกต่างทำให้อดุลย์รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก เชิดหน้าขึ้นตามมือที่บีบคอตัวเอง และพยายามสะบัดหน้าหาทางหลีกเลี่ยง
“อย่าพูดกับชั้นแบบนั้น!! ชั้นไม่ใช่ลูกของนายอดุลย์ ชั้นไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งนาย นายต่างหากที่มีแต่ต้องทำตามคำของชั้น!!”เสียงเข้มตวาด ไหล่บางเกร็งตามคำเสียงดังของรพี ความรู้สึกกลัวอีกฝ่ายที่ไม่ปรากฏมานานก่ออีกครั้งในจิตใจ หน่วยตาคลั่งไปด้วยหยาดน้ำตารอจะไหลรินออกมาหากแต่เจ้าของพยายามสะกดกลั้นเอาไว้
ทว่าความเจ็บและความกลัวก็ผลักดันให้ร่างบางต้องร่ำไห้ออกมาแบบสุดกลั้น
“เงียบ!! ชั้นบอกให้เงียบ!!”รพีตวาดเสียงดัง ขัดใจคนตรงหน้าที่ร้องไห้ ตอนนี้มือหนาปล่อยให้คอเล็กของอีกฝ่ายเป็นอิสระแล้ว ร่างบางล้มลงไอโครกพร้อมๆกับเสียงร้องไห้เสียใจกับน้ำตาที่ราวเขื่อนแตก
“โธ่เว้ย!! จะร้องหาอะไรห๊ะ!!”เพราะอารมณ์ตัวเองก็ร้อนไม่แพ้ใคร ยิ่งเห็นน้ำตาของอดุลย์กับรอยนิ้วแดงบนคอขาวยิ่งอารมณ์เสียขึ้นเป็นเท่าตัว
“...ลุก!! จะไปหาลูกมั้ยห๊ะ!! หรือจะนั่งร้องไห้อยู่แบบนี้”
“ม...ไม่!! ยังไงผมก็ไม่ไปกับคุณ”อดุลย์เงยหน้าที่นองด้วยน้ำตา แต่ก็ยังขัดขื่นอีกฝ่ายให้ได้อารมณ์เสียมากขึ้นไปอีก
“ทำไม!!”
“ไม่ใช่เพราะคุณเหรอที่ทำให้มีไอ้รูปบ้าๆนั้น ที่ตะวันต้องหายไปแบบนี้ ตะวันต้องผิดหวังในตัวผมมากขนาดไหน...เกลียดผมหรือเปล่า...เขาจะเกลียดผมมากขนาดไหน...จะมองหน้าผมอีกหรือเปล่า...”แรกเหมือนอดุลย์ยังโกรธเคืองแต่พอนึกถึงความรู้สึกลูกชายน้ำเสียงก็แผ่วลง น้ำลายในคอเหนียวหนืดขึ้นมาทันทีจนฟังแทบไม่เป็นคำ
“ตะวัน...เขาผิดหวังขนาดไหนตอนที่รู้ว่าผมเป็นพ่อเขาคุณรู้หรือเปล่า ตอนนั้นคุณก็เป็นคนทำกับมือ ถ้าตะวัน...ตะวันรู้...รู้ว่าผมเป็น...เขาจะผิดหวังขนาดไหน ทำไม!! ทำไมถึงเป็นคุณที่ต้องเป็นคนทำลายมันทุกครั้ง!!”ร่างบางลุกยืนประชันหน้ากับอีกคน ตอนนี้แม้จะกลัวโดนทำร้ายแต่อดุลย์ไม่สนใจ เขาระเบิดทุกอย่างที่กดเก็บออกมาตอกใส่หน้าอีกคนที่ใช้ตาคมมองดุตัวเองอยู่
“...คุณมัน...เป็นตัวทำลายความสุขของคนอื่นชัดๆ!!”อดุลย์ตวาดใส่หน้ารพพีเสียงดัง ไม่ได้มองท่าทีที่เปลี่ยนไปของร่างสูงเลยซักนิด ทันทีที่คำสุดท้ายหลุดออกจากปากบางสีสวย ร่างของรพีเกร็งตึงไปทั้งตัว ดวงตาคมที่ดูดุไม่ฉายแววอะไรในนั้น แสงนัยน์ตาดูอ่อนลงจนดูหม่นหมอง
“...ชั้นคิดว่านายจะต่างจากคนอื่น คิดว่า...บางทีนายอาจจะเป็นคนที่มองเห็นชั้น แต่ก็เปล่า นายเองก็มองว่าชั้นเป็นแค่ตัวปัญหา...ก็จริงที่ว่าชั้นมันทำลายความสุขของนาย แต่นายเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือเปล่า นายเอาทุกอย่างมาโยนให้ชั้นทั้งๆที่นายเองก็โกหกมาตลอด...”รพีพูดเสียงอ่อน หลับตาลงไม่อยากเห็นอะไรในตอนนี้ ความรู้สึกวูบในอกเมื่อได้ยินถ้อยคำเมื่อครู่ยังตราตรึงอยู่ภายในหู
“บอกชั้นทีอดุลย์...คนอย่างชั้น...มันไม่สมควรมีความสุขเลยใช่หรือเปล่า”
เดี๋ยวมาต่อให้ตอนดึกค่ะ (รอลูกนอนก่อน)
ไม่รู้เป็นอะไร พอเข้าโหมดดราม่าคนเขียนมักจะเขียนไวกว่าตอนปรกติ
ตอนนี้เลยมาต่อไว
ตอนที่ผ่านๆมาไม่ได้พูดคุยทักทายกล่าวขอบคุณกันเลย
ที่จริงแอบตกใจที่เห็นคนติดตามเรื่องเขาเราเยอะขึ้น ขอบคุณคนที่ชอบ คนที่เอาเรื่องไปแนะนำ
(แอบเข้าไปดูมา เขียนสโคปเรื่องเราได้สุดยอดมากๆ)
ขอบคุณอีกครั้งที่ให้กำลังใจค่ะ บางตอนอาจไม่ได้กล่าวขอบคุณเพราะกว่าจะพิมเสร็จก็ดึกมาก
ส่วนใหญ่เราจะพิมหลังสี่ทุ่มหลังจากเอาลูกนอนแล้ว พอเสร็จก็ดึกมากแล้วง่วงเลยก๊อปแปะโพสแล้วก็นอนเลย
วันนี้ว่างหน่อยเลยได้พร่ำเพ้อเยอะ ฮ่าๆ