ณ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่พร้อมสรรพด้วยเครื่องและความสามารถทางการแพทย์ ร่างสูงที่ไม่ได้ลุกขึ้นยืนด้วยขาตัวเองกำลังถูกเข็นไปตามทางเดินสุดยาวของทางโรงพยาบาลที่รายล้อมไปด้วยพรรณไม้ดอกไม้ประดับที่สวยงามเป็นที่ที่ให้ผู้ป่วยไข้และญาติที่กำลังเครียดกับภาวะการเจ็บไข้ได้ผ่อนคลายลงบ้างซักนิดก็ยังดี
แต่กลับรพี สวนรอบข้างไม่ได้น่าสนใจจนทำให้เขามอง รพีแค่หันหน้าไปด้านข้างอย่างไม่รู้จะมองอะไร ปล่อยให้ดอกไม้ดอกแล้วดอกเล่าผ่านตาไปอย่างไม่มีจุดหมาย นางพยาบาลพิเศษที่ศูรจ้างมาดูแลก็จนปัญญาจะทำให้ผู้ป่วยคนนี้ร่าเริงขึ้นมาได้แต่เข็นชมธรรมชาติที่พ่อของคนไข้บอกว่าลูกชายชอบได้ช่วยบรรเทาจิตใจ
กว่าอาทิตย์ที่ผ่านมารพีต้องทนทุกข์ทรมานจิตใจกับเรื่องที่เขาพิการ แม้จะมีพ่อที่ดูแลอยู่ไม่ห่าง แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่ศูรต้องมารับช่วงต่อจากเขา ทำให้มีแค่ตอนดึกเท่านั้นที่ศูรจะมานอนเฝ้าและได้พูดเจอกัน
เขาเริ่มจะเข้าใจพ่อขึ้นมาบ้างแล้ว ที่พ่อต้องทำงานไม่ใช่ว่าพ่อรักงานมากกว่าตัวเขา
เพียงแต่พ่อรักเขาเลยต้องทำงาน...และที่จริงพ่อเองก็ไม่อยากจะห่างเขา
เพียงแต่พ่อมีภาระหน้าที่ที่ต้องทำ เหมือนที่ทุกคนมีหน้าที่ที่เป็นของตัวเอง...ศูรเองจำเป็นต้องห่างเหินเขาในวัยเด็ก...วัยที่เขาไม่พยายามจะเข้าใจพ่อเลยซักครั้ง จนกระทั้งมันเกินที่จะฟังซึ่งกันและกันกลายเป็นสาเหตุที่เขากับพ่อ...ไม่เข้าใจกัน
“คุณรพีอยากจะนั่งพักตรงนี้มั้ยค่ะ”พยายามสาวถามด้วยความใส่ใจ เธอนึกสงสารคนตรงหน้าด้วยเพียงแค่ไม่กี่วันที่รับจ้างงานนี้
ผู้ชายคนนี้เธอเคยเห็นบ่อยๆในโทรทัศน์ แต่ตอนนี้ร่างสูงที่ดูสง่ากลับกลายเป็นที่คนมีแววตาเลื่อนลอย กลับใบหน้าที่ซูบเซียวลงไปทุกวันทุกวัน เธอเองไม่รู้ถึงสาเหตุว่าทำไมรพีถึงพิการ แต่ในข่าวก็ไม่มีออก ตอนที่รับงานเธอเองก็ให้คำสัตย์ว่าจะปิดเรื่องรพีเป็นความลับ และโรงพยาบาลนี้ก็มีมาตรการรักษาความเป็นส่วนตัวมากพอคนวงนอกถึงไม่รู้ความเป็นไปของนักธุรกิจที่น่าสงสารคนนี้ซักคน
“เข็นชั้นไปที่ห้องเถอะ ชั้นเหนื่อย”รพีพูดเสียงเนิบนาบ ด้วยอากาศที่บริสุทธิ์เกินไปของที่แห่งนี้พาลทำให้คิดถึงตอนที่ไปเที่ยวเขาใหญ่
...ตะวัน...อดุลย์...
“ค่ะ”นางพยาบาลรับคำก่อนจะเข็นรถไปช้าๆ จนกระทั้งถึงหน้าห้องพักที่มีดาวกำลังถือกระเช้าผลไม้สีสดใสอยู่ในมือ คิ้วเข้มขมวดมองกระเช้าธรรมดาอย่างสงสัย ท่าทางของสาวใช้ที่มาอยู่คอยช่วยเหลือเขาอีกแรงเหมือนพึ่งกลับมาจากข้างนอกห้อง แต่ถือกระเช้าที่เขาไม่เคยเห็นแสดงว่ามีคนมาหาเขาเหรอ?
“ใครมา”รพีเอ่ยถามเสียงเข้มขึ้น มีคนน้อยมากที่รู้ว่าเขาป่วยอยู่ที่นี่ นอกจากวัชรและไตรเทพศูรก็ไม่อนุญาตให้บอกใครนอกจากนี้ และสองคนนั้นก็มาเยี่ยมเขาแล้ว แถมมาเกือบทุกวันด้วยซ้ำไป
“เอ้อ...”
“ดาว...”หญิงสาวใช้มองสอดส่ายสายตามองซ้ายทีขวาทีอย่างออกพิรุธ แล้วพอคนที่นั่งอยู่ในรถเข็นเรียกก็สะดุ้งตัวทันที
“คือ...คุณหนูตะวันมาค่ะ”
ตึ่ง!!!!!!
“คุณผู้ชาย!!/คุณรพี!!”
ทันทีที่สาวใช้บอกคำตอบ รพีก็ลืมตัวพยายามจะดันตัวขึ้นจากรถเข็นเพื่อไปตามหาคนที่มาเยี่ยมแต่ด้วยเพราะส่วนล่างที่ใช้การไม่ได้ ทำให้เสียหลักร่างหล่นจากรถเข็นลงไปกองกับพื้นจนทำให้หญิงสาวสองคนตกใจเสียงดัง พร้อมกับพยายามพยุงร่างสูงขึ้นมาท่ามกลางเสียงโวยวายอย่างไม่สนใจสถานที่
“ตะวันล่ะ!! ตะวันอยู่ไหน ดาว!! ปล่อยให้ตะวันไปทำไม ทำไมไม่ให้อยู่พบชั้นก่อน...แล้วอดุลย์ล่ะ อดุลย์มาหรือเปล่า ดาว!! ชั้นถามทำไมไม่ตอบ ไปตามพวกเขากลับมาหาชั้นก่อน ไปสิดาว!!ไม่ต้องมาช่วยชั้น ไปตามพวกเขามา!!”เสียงโวยวายของชายที่สะบัดแขนไม่ยอมรับการช่วยเหลือใดๆจากคนทั้งสองที่อยู่ล้อมหน้าล้อมหลัง ดาวอึกอักที่ไม่รู้จะฟังคำสั่งของผู้เป็นนายหรือทำอย่างที่ควรทำคือช่วยให้รพีลุกมานั่งได้เสียก่อน
แต่ไม่ทันที่ใครจะคิดอะไร...มือขาวเรียวที่ยืนมาสอดใต้รักแร้ของคนที่ล้มกองพร้อมร่างเพรียวที่สอดเข้ามาคลุกวงในแล้วพยายามใช้แรงที่ตัวเองมีทั้งหมดยกรพีขึ้นมาในทีเดียว
“....ตะวัน....”ครางราวกับเห็นความฝัน เสียงของรพีทำให้คนที่เข้ามาช่วยสะอึกในใจ น้ำเสียงที่ดูอ่อนระโหยโรยแรงแบบนี้ ถึงเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กับพ่อแท้ๆมากนัก แต่พอได้ยินก็รู้สึกแย่ไม่ได้ที่เขามีส่วนให้พ่อต้องมาเป็นแบบนี้
เมื่อครู่ตะวันมาเยี่ยมพ่อและถือผลไม้ที่อดุลย์จัดกระเช้าด้วยตัวเองมาด้วย เขามาเพียงคนเดียวเพราะยังสับสนกับเรื่องของพ่อทั้งสองของเขา แต่พอมาถึงกลับเจอเพียงแต่พี่ดาวในห้องเลยฝากกระเช้าแล้วของตัวกลับทันที ดาวเองก็เดินตามมาตื้อให้อยู่ต่อแต่เขาก็รั้นไม่อยากรอ อีกฝ่ายจึงเดินกลับไปพร้อมของฝาก
...แต่...เด็กชายที่กำลังจะกลับเห็นชายที่นั่งรถเข็นอยู่หน้าโรงพยาบาล เป็นชายที่ค่อนข้างแก่ เขานั่งอยู่คนเดียวเพียงลำพังใช้สองมือของตัวเองเข็นรถเอง แม้มีคนเข้ามาช่วยแต่ชายคนนั้นก็กล่าวปฏิเสธ
คนอื่นอาจมองเห็นความเข้มแข็ง...แต่ไม่ใช่กับตะวัน...เด็กน้อยเห็นแค่ความโดดเดี่ยวจนน่าสงสาร ด้วยความเผลอนึกถึงพ่อแท้ๆของตัวเอง ขาของเขาก็มีหยุดอยู่ตรงที่ที่มีแต่เสียงโวยวายของคนที่อยากมาเจออีกครั้ง
“เข้าข้างในนะครับพ่อ เดี๋ยวตะวันพาไป”ตะวันเอ่ยบอกก่อนจะพยุงคนที่เอาแต่มองลูกชายด้วยความนึกถึง ตลอดมาเขาไม่เคยรู้สึกต้องการลูกมากขนาดนี้ แต่พอตะวันและอดุลย์หายไปจากชีวิจกลับรู้สึกว่าแทบจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ หากไม่มีศูรเขาเองก็อยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอดไปด้วยซ้ำ
“สบายมั้ยครับ”รพีพยักหน้าเมื่อถูกยกไหล่มานอนที่เตียง เอาแต่มองหน้าลูกชายแบบนั้น จ้องเข้าที่ดวงตาที่คล้ายตัวเองจดจำใบหน้าที่ไม่เคยสนใจจะมองจริงๆ เผื่อ...ไม่มีโอกาสได้มองอีก
“พี่ดาวกับพี่พยาบาลออกไปก่อนได้มั้ยครับ ตะวันอยากคุยกับพ่อ”ตะวันหันมามองพร้อมยิ้มเรียบๆให้ ดาวพยักหน้าดีใจที่ตะวันมาเยี่ยมเจ้านายของเธอเสียที แม้ไม่มีปิงปองมาด้วยแต่รพีก็น่าจะดีขึ้นถ้าได้กำลังใจจากลูกชาย ส่วนนางพยาบาลก็พยักหน้ารับ ถึงนึกสงสัยในใจแต่ก็ไม่เอ่ยปากถามเพราะเกินกว่าที่หน้าที่ต้องรู้
“พ่อซันสบายดีนะครับ”
“เห็นชั้นสบายดีเหรอ...พิการแบบนี้คือสบายดีหรือเปล่าล่ะ”รพียังไงก็คือรพี แม้จะดีใจแค่ไหนเขาก็ไม่แสดงออกไป ปากร้ายใช้คำพูดที่ทำให้ลูกชายอยากจะลุกหนีกลับทันที
“ตะวันถามดีๆ”รพีถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้ตัวว่าเผลอใช้คำไม่ดีกับลูกชาย
“ชั้น...พ่อไม่สบาย”คำแทนตัวใหม่ทำให้เด็กชายสะดุดในใจ รพีไม่เคยแทนตัวเองว่าพ่อ ถึงเขาจะพยายามอ้อนแล้วอ้อนเล่าแต่รพีก็ยังคงนิ่งเงียบแบบเดิมตลอดมา
“ตะวันขอโทษ”เพราะรู้ว่าอะไรคือสาเหตุ...เพียงแต่เขาก็แค่อยากมาคุยให้เข้าใจ
“ไม่จำเป็น...ลูกไม่ผิด”แค่คำพูดนี้จบลงน้ำตาใสก็หล่นลงมาจาตาคม รู้สึกเสียใจและรู้สึกอยู่ในทีเดียวกัน พลางคิดว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นเด็กที่ทำแต่เรื่องให้คนอื่นเดือดร้อนอยู่ร่ำไป แต่ทุกคนก็ไม่เคยโทษว่าเป็นความผิดของเขาซะคนเดียว
“ตะวัน...อยากฟังจากพ่อซัน...เรื่องทั้งหมด”ตะวันบอกถึงความต้องการของตัวเองออกมาทั้งที่น้ำตานองหน้า รพีมองลูกชายที่ร้องไห้อย่างไม่เข้าใจ และไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรออกมาก่อน เขาไม่รู้อะไรเลยทั้งเหตุผลที่อดุลย์พาตะวันหนีเขาไปหรือแม้แต่ทำไมวันนี้ตะวันถึงมาหาเขา
“ตะวันฟังมาจากพ่อปิงปอง...พ่อซันข่มขืนพ่อปิงปอง”ตะวันเอ่ยเล่าเรื่องที่อดุลย์บอกมาแก่เขาทั้งหมดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพ่อของตะวันทั้งสองคน
แต่ถึงพ่อปิงปองบอกว่าพ่อซันใช้กำลังข่มเหง ใช้อารมณ์รุนแรงกับพ่อแต่พ่อซันก็ยังปกป้องพ่อ ในความรู้สึกของปิงปองเขาเองก็ไม่เข้าใจรพีเหมือนกัน ปิงปองเล่าแค่มุมมองที่ตัวเองเห็น ทั้งความดี...และไม่ดี
“พ่อ...ขอโทษ”คำที่ออกมาบ่อยเหลือเกินในช่วงนี้ รพีก้มหน้าฟังเรื่องในมุมของคนที่เขาข่มเหงแล้วรู้สึกเสียใจอยู่ในใจ เป็นคนจริงทั้งหมดที่ตะวันบอก เข้ารังแกอดุลย์ทั้งหมด ทำร้ายทั้งจิตใจและร่างกาย...
“เพราะแบบนั้นเขาถึงทิ้งพ่อไปเหรอ?”รพีถามเสียงเศร้าพลางเงยหน้ามองลูกชาย ด้วยจิตใจที่โศกเศร้า
“เปล่าครับ...แต่เป็นตะวัน ตะวันบอกให้พ่อออกจากบ้านหลังนั้น บอกให้พ่ออย่าเอ่ยชื่อคนบ้านหลังนั้นมาอีก”ตาคมเบิกกว้างเมื่อได้คำตอบ ก่อนจะหรี่ลงอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าทำไมตะวันถึงทำแบบนั้น
ลูกชายเขาคงจะ...เกลียดเขาซินะ
“ผมโกรธพ่อซันที่ทำร้ายพ่อปิงปอง โกรธคนบ้านนั้นที่ไม่ดูแลพ่อปล่อยให้พ่อต้องถูกรังแก โกรธกระทั้งตัวเองที่ไม่รู้เรื่องราวแม้ซักนิดเดียว”เสียงที่ซ่อนความคับแค้นใจไม่มิดบอกมา
“ทั้งชีวิตของตะวันมีแค่พ่อปิงปอง เรามีกันแค่สองพ่อลูกมาตลอด ตะวัน...”
“ไม่ต้องพูดแล้วตะวัน...พ่อเข้าใจ พ่อผิดเอง”รพีพูดแทรก รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นช้าลงไปจนแทบไม่ได้ยินเสียง อากาศรอบข้างก็ดูเบาบางลงจนหายใจไม่ออก
“ไม่ครับพ่อซัน...ที่ผิดคือตัวตะวัน”รพีเงยหน้ามองลูกชายด้วยคิ้วขมวดแสดงความสงสัยในคำพูดของเด็กตรงหน้า
“ตะวันโกรธพวกพ่อแทนพ่อปิงปอง แต่ตะวันลืมถามพ่อปิงปองว่ารู้สึกยังไง บอกให้พ่อปิงปองออกมาจากทุกคน เพราะตะวันเอาแต่คิดว่าพ่อต้องไม่มีความสุข”รพีมองลูกชายอย่างตั้งใจ ดวงตาที่คล้ายเหลือเกินกำลังสื่อความรู้สึกทั้งหมดที่มี
“แต่พอไม่กี่วันหลังออกมา ตะวันก็รู้ได้ว่าตะวันคิดผิด”
“พ่อดูไม่มีความสุขเลยซักวัน ถึงพ่อจะยังยิ้มให้ตะวัน ทำให้ตะวันมีความสุขแต่พอพ่ออยู่คนเดียวพ่อดูเศร้า พ่อปิงปองบอกตะวันไว้ว่า สมัยก่อนพ่อเคยตกหลุมรักพ่อซันมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ความรักนั้นพ่อก็ลืมไปหมดแล้ว”หัวใจของรพีเริ่มเต้นแรงขึ้นทันทีที่ได้ฟังเรื่องที่ตะวันกำลังจะพูด รู้สึกตื้นเต้นจนเผลอกำผ้าปูเตียงจนยับคามือ
“แต่...พอพ่อซันพาพ่อไปงานเลี้ยง บางครั้งก็ยิ้มให้พ่อ บางครั้งก็คุยดีด้วย และครั้งสุดท้ายคือที่พ่อซันปกป้องพ่อปิงปอง...พ่อปิงปองบอกว่าเขาก็...รักพ่อขึ้นมาอีกครั้ง”ไม่ทันได้รู้ตัว ริมฝีปากหน้าบนใบหน้าที่ซูมโทรมก็ยกยิ้มอย่างลืมตัว ใบหน้าที่ซีดเซียวดูมีสีสันขึ้นราวกับมีชีวิตใหม่
“แล้วพ่อล่ะครับ...พ่อรักพ่อปิงปองเหมือนกันหรือเปล่า”เพราะถึงอดุลย์บอกมาแล้วว่ารักรพี แต่อดุลย์เองก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่รพีทำให้ตัวเองคืออะไรเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมา...กับรพีก็ไม่ได้ดีกันมากเท่าไร
“....”
“ว่าไงครับพ่อ”
“พ่อ...รักอดุลย์”ความรู้สึกที่กลั้นกรองออกมาจากจิตใจตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าอีกฝ่ายทิ้งตนไปทำให้รู้ถึงความในใจของตัวเอง รพีบอกลูกชายด้วยความมั่นใจ
“....ตะวันก็คิดอยู่แล้วว่าพ่อต้องตอบแบบนี้”เด็กชายถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกปั่นป่วนในใจแต่ก็ไม่รู้ความหมายของสิ่งนั้น เขาไม่อยากให้พ่อซันรักพ่อปิงปองเลย
...ไม่ใช่ว่ารับไม่ได้ที่พ่อทั้งสองจะเป็นแบบนี้...แต่ตะวันเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
“ตะวัน...เสียใจ...”
“ไม่เป็นไร พ่อเข้าใจ”รพีตอบ แม้ใจจริงจะไม่เข้าใจความคิดลูกชายเท่าไร แต่แค่ได้ยินว่าอดุลย์รักเขาและไม่ได้อยากทิ้งเขาไปก็มีกำลังใจมากขึ้นมากแล้ว ไหนจะได้เจอหน้าลูกชายที่ไม่คิดว่าจะโหยหาได้ขนาดนี้อีก
ท่ามกลางความเงียบงัน มือใหญ่ที่แนบข้างลำตัวของรพีก็ยกขึ้นลูบหัวลูกชายด้วยมือที่สั่นเทาด้วยความหวั่นไหว ตะวันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกสัมผัสที่แปลกใหม่ของพ่อซันที่ทำเหมือนกับที่พ่ออีกคนชอบทำ
“...ถ้าไม่ฝืนใจลูกเกินไป...พ่อขอให้พ่อได้เจออดุลบ้างได้มั้ย”มือหนาที่ยกลูบหัวกลมพลางพูดคำขอร้องที่ในชีวิตไม่ค่อยจะได้ใช้ ตะวันมองกลับไปที่รพีดวงตาคมของพ่อดูเว้าวอนมากจนปฏิเสธไม่ลงต้องพยักหน้ารับอย่างเดียว
“ขอบคุณนะตะวัน”
“ครับ...งั้นตะวันกลับก่อน วันหน้าจะมาใหม่นะครับ...พ่อรักษาตัวดีๆนะครับ”ตะวันผละออกจากมือหนาที่ยกค้างไว้อย่างเสียดาย รพีพยักหน้าให้นิ่งๆ แม้เสียดายที่ตะวันมาแค่แปปเดียวก็ตาม
“พ่อฝากอะไรถึงอดุลย์หน่อยได้มั้ยตะวัน”
“ครับ?”
“....พ่อสัญญา ถ้าคราวหน้ามีโอกาสได้ทานข้าวเช้าฝีมือเขาอีก พ่อจะรับ...จะไม่ปฏิเสธอีกแล้ว...”