◑﹏◐ ดินต่างฟ้า ♂ รักของเด็กปั๊มกับคุณชาย [ตอน39-40 P.19] - 14/07/60
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◑﹏◐ ดินต่างฟ้า ♂ รักของเด็กปั๊มกับคุณชาย [ตอน39-40 P.19] - 14/07/60  (อ่าน 146713 ครั้ง)

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เจ้าเลห์ละเมอนะคุณชาย  :o8:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เจอกันซักทีนะคุณชาย   แต่คนอ่าน "ค้าง" :serius2:     

ออฟไลน์ tomnub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ดีใจจังที่ทั้งสองเข้าใจกันซักที......รักข้าวและคุณชาย...รักกันๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
เนียนเกินไปแแล้วคุณชายยยยย

ออฟไลน์ April❤

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
เย่~เจอกันซักที
รอตอนต่อไปค่าาา

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เจอแล้วก็อย่าดื้อนะชาย ระวังข้าวไม่รัก  :hao3:

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :katai1: :katai1: :katai1:  อิคุณชายมันหาเจอได้ไงฟร๊ะ  o22 

แบบว่าเห้ยประเทศไทยนะเฟร๊ย แล้วเค้าไปตั้งเหนือ แม่งเก่งชิบหายไปละ  :katai1: 

แบบว่ามันยังไม่พออ่ะ อิคุณชายตอนทำไม่คิดทีนี้ล่ะมาคิดได้ น่าจะโดนสั่งสอนให้มากกว่านี้ 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
ตอน 30


ผลการตรวจพิษไข้ของคุณชายไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คุณหมอบอกว่าเพราะตากฝนจึงทำให้ตัวร้อนและร่างกายอ่อนเพลีย เพื่อป้องกันไม่ให้พิษไข้ลุกลาม คุณชายจึงโดนฉีดยาไปหนึ่งเข็มพร้อมกับได้ยากลับมารับประทานอีก 3 ซอง


“ข้าวอ่ะ!” คุณชายทำเสียงงอนหลังจากที่รับยาเสร็จสรรพ “บอกว่าไม่ฉีดยา ๆ ก็ดันทุรังจะให้ฉีดอยู่นั่นแหละ”


“ก็ผมเป็นห่วงคุณชายนี่” ผมเถียง พอรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปก็เบือนหน้าหนีแล้วรีบแก้ต่าง “ก็ห่วง... ห่วงว่าคุณหญิงจะเป็นห่วง”


“ปากแข็ง” คุณชายบ่นอุบอิบ


“เอ้อ... คุณชายครับ พูดถึงคุณหญิง ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ ช้างโทรมาหาผม ทุกคนที่บ้านเป็นห่วงคุณชายมากเลยนะครับ โดยเฉพาะคุณหญิง” พูดจบผมก็หยิบโทรศัพท์ออกมา หากแต่ยังไม่ทันที่จะได้กดเบอร์โทรออกไปใครบางคนที่แสนดื้อด้านก็ดันเอื้อมมือมาแย่งเอาไปเสียก่อน


“จะทำอะไร” คุณชายถามเสียงเข้ม มือข้างหนึ่งกำโทรศัพท์ของผมแน่น


“โทรหาช้างครับ คุณหญิงและทุกคนจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”


“ไม่ต้อง” คุณชายงัดแงะโทรศัพท์ผมก่อนจะถอดแบตออกมา แล้วจึงยื่นตัวเครื่องเปล่า ๆ กลับมาให้ผม “ฉันถามผู้จัดการที่ปั๊มมาแล้ว ข้าวลาหยุดเจ็ดวันใช่ไหม นี่ก็หมดไปหนึ่งวันแล้ว ฉันขออะไรได้ไหมข้าว...”


คุณชายจงใจเว้นจังหวะเพื่อให้ผมถาม “ขออะไรครับ”


“ให้วันหยุดที่เหลืออยู่ของข้าวอีกหกวัน มีแค่ฉันกับข้าวเท่านั้น เราสองคนจะไปเที่ยวด้วยกัน กินด้วยกัน นอนด้วยกัน อยากทำอะไรก็ทำตามใจ ไม่ต้องอายสายตาผู้คนและที่สำคัญเราจะไม่ติดต่อกับคนที่บ้านรวมถึงพี่ปั๊มของข้าวด้วย แล้วก็... ไอ้คนที่มันรับโทรศัพท์ของข้าว”
สิ้นเสียงของคุณชายหัวใจของผมก็กระตุกวูบ ใบหน้าของปอมลอยเข้ามาในความคิดแล้วความสงสัยต่าง ๆ ก็ถาโถมเข้ามา


“ปอม! ปอมมันคุยอะไรกับคุณชายครับ” มันเป็นสิ่งที่ผมสงสัยและกระวนกระวายใจมาตลอด


“มันไม่สำคัญหรอก” คุณชายตอบด้วยใบหน้าที่แย้มยิ้มมิหนำซ้ำยังยักคิ้วเจ้าเล่ห์อีกต่างหาก


“สำคัญสิ! เผื่อคุณชายไปได้ยินอะไรผิด ๆ มา” หากแต่ผมไม่ได้รู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับคุณชายด้วย จะให้ผมฝืนยิ้มทั้งที่ยังคาใจในบทสนทนาระหว่างคุณชายกับปอมไม่ได้หรอก


“ไปหาลุงบุญส่งกันเถอะ ป่านนี้คงหลับรอเราแล้วมั้ง” คุณชายไม่สนใจจะตอบคำถามแถมยังเดินนำลิ่ว ๆ ไปยังนอกตัวอาคารแล้วตรงไปยังลานจอดรถ


ผมได้แต่เร่งฝีเท้าเดินตามทั้งที่ยังคาใจ ระหว่างทางก็พยายามถามตลอดทางว่าคุณชายคุยอะไรกับปอมแต่คุณชายก็ไม่ยอมบอกสักนิด มิหนำซ้ำยังมีหน้ามาหัวเราะแล้วบอกว่าสะใจเวลาที่เห็นผมเป็นแบบนี้อีกต่างหาก ...ไอ้เด็กกวนบาทาเอ๊ย!!! อย่าให้ถึงทีพี่บ้างนะ พี่จะแกล้งให้จำไม่ลืมเลย!!!


ลุงบุญส่ง... คุณลุงผู้แสนใจดีช่วยรับคุณชายซึ่งกำลังยืนตากฝนอยู่กลางถนนในยามนี้กำลังหลับพริ้มอยู่ภายในรถซึ่งเปิดกระจกเอาไว้เพื่อถ่ายเทอากาศ ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น แต่คุณชายก็ไม่ได้สนใจสักนิดเดินมั่นหน้าไปปลุกคุณลุงขึ้นมาอย่างน่าตาเฉย ใจคอไม่คิดจะให้คุณลุงพักให้หายเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย


“คุณลุงครับ เสร็จแล้วครับ”


“อะ... เอ้อ ๆ เสร็จแล้วเหรอ ขึ้นรถมาสิลูก” คุณลุงลุกลี้ลุกลนตอบ มือเอื้อมไปจับพวงมาลัยขับรถโดยอัตโนมัติทันทีที่รู้สึกตัว


“คุณลุงไหวไหมครับ เดี๋ยวผมขับรถไปส่งบ้านดีกว่า” คุณชายเอ่ยถามด้วยความสุภาพ เวลาที่คุณชายทำตัวสุภาพ ๆ แบบนี้มันทำให้ดูมีเสน่ห์มากยิ่งกว่าตอนทำหน้าบูดบึ้งหลายเท่าเชียวล่ะ


 “ไม่เป็นไร ๆ ลุงไหว” ลุงบุญส่งพยายามปฏิเสธ


“ไม่เอาน่าครับลุง เดี๋ยวผมไปส่งดีกว่า มันดึกมากแล้วและที่สำคัญลุงก็ช่วยผมมาตั้งเยอะ” คุณชายถือวิสาสะเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วพยุงลุงบุญส่งให้ลุกขึ้นมา ลุงมีทีท่าอึกอักใจเล็กน้อย “นะครับลุง”


“ก็ได้ ๆ ไว้เดี๋ยวลุงบอกทางนะ แล้วก็ไม่ต้องรีบนะ ทางมันมีแต่เขาอันตราย” สุดท้ายลุงบุญส่งก็ยอมแพ้ให้กับความน่ารักของคุณชายจนได้ คนอย่างคุณชายลองได้อยากทำอะไรแล้วล่ะก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจง่าย ๆ หรอก ...แต่เดี๋ยวสิ ลุงบุญส่งไม่น่าจะแพ้ให้กับความน่ารักของคุณชายนะ คนที่แพ้น่าจะเป็นผมมากกว่า ไม่!!!


   “ครับผม”






   ถนนหนทางในจังหวัดแม่ฮ่องสอนช่างคดเคี้ยวกว่าที่ไหน ๆ แสงไฟข้างทางก็แทบไม่มีให้เห็น แต่ยังโชคดีที่เส้นทางจากตัวเมืองไปบ้านลุงบุญส่งไม่อันตรายมากนัก หากขับรถช้า ๆ และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ไม่แซงในที่ที่ควรแซงและชะลอความเร็วในช่วงที่มีป้ายห้าม เพียงแค่นี้ก็จะถึงจุดหมายได้อย่างสวัสดิภาพแน่นอน


   แน่นอนว่า... คุณชายกับลุงบุญส่งถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ หากแต่คำว่าสวัสดิภาพนั่น มันไม่สามารถใช้กับผมที่ต้องจำใจนั่งอยู่บนกระบะหลังสักนิด แม้ฝนจะหยุดตกไปแล้ว แต่ความเย็นจากไอน้ำที่ชุ่มฉ่ำกอปรกับแรงลมที่พัดมาปะทะตลอดทางมันทำให้ผมรู้สึกเหน็บหนาว เท่านั้นไม่พอ เส้นผมของผมก็กะเซอะกะเซิงไม่ต่างจากคุณชายที่เปียกปอนมาก่อนหน้านี้เลยสักนิด มิหนำซ้ำกระบะหลังยังไม่มีเหมาะนุ่ม ๆ ให้รองนั่งบั้นท้ายผมในยามนี้จึงระบมไปหมดแล้ว


   บ้านของลุงบุญส่งอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ซึ่งบ้านทุกหลังภายในหมู่บ้านละแวกเดียวกันล้วนเป็นบ้านไม้ บางหลังชั้นเดียว บางหลังสองชั้น แต่สิ่งที่เหมือนกันทุกหลังคือไฟฟ้าภายในบ้านดับสนิท มืดมิดไร้แสงใด ๆ สอดส่อง เหลือเพียงหลังเดียวเท่านั้นที่ภายในบ้านยังส่องสว่าง และถ้าผมเดาไม่ผิดบ้านหลังนั้นจะต้องเป็นบ้านของลุงบุญส่งแน่นอน


   ทันทีที่คุณชายดับเครื่องรถกระบะ ลุงบุญส่งก็เดินลงจากรถแล้วก้าวขาตรงไปยังตัวบ้านด้วยความฉับไว ทันใดนั้นร่างของหญิงชราร่างหนึ่งก็เปิดประตูออกมาต้องรับ ผมของเธอหยิกสั้นระต้นคอและมีสีขาวโพลนไปทั่วศีรษะ มือข้างซ้ายของเธอยืนค้ำไม้เท้าเอาไว้อย่างมั่นคง หากมองแล้วผ่านไปก็คงไม่มีอะไรน่าประทับใจ ทว่าในตอนนี้... ผมที่กำลังจับจ้องอยู่ตลอดเวลาถึงกับน้ำตาคลอเบ้ากับภาพที่เห็น
   หญิงชราค่อย ๆ พยุงไม้เท้าแล้วก้าวขาเพื่อมาหาลุงบุญส่งที่กำลังเดินไป เมื่อทั้งสองคนอยู่ในรัศมีที่สามารถสัมผัสร่างกายกันได้ ชายชราอย่างลุงบุญส่งก็โอบกอดร่างนั้นด้วยความรัก เช่นเดียวกับหญิงชรา ทั้งคู่กอดกันอยู่นานจนกระทั่งผมเดินไปใกล้ ๆ ถึงเห็นน้ำตาของหญิงชราไหลรินไม่ขาดสาย และสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจไปมากกว่านั้นคือ คุณลุงยกมือขึ้นมาปาดหยดน้ำตาแล้วบอกว่าไม่มีอะไร จากนั้นคุณป้าจึงบอกให้คุณลุงเข้าไปทานอาหารภายในบ้าน


   “เข้ามาทานด้วยกันสิลูก” คุณลุงหันมาชวน


   “ขอบคุณครับ” คุณชายเอ่ยพร้อมพยักหน้ารับก่อนจะก้าวขาแล้วเดินตามคุณลุงกับคุณป้าไป ไม่ลืมที่จะเอื้อมมือมาจับที่มือของผมให้ก้าวตามเข้าไปด้วย


   ผมเดินตามไปอย่างว่าง่าย สาเหตุที่เราสองคนไม่เรียกท่านทั้งสองว่าคุณปู่คุณย่าหรือคุณตาคุณยายเพราะเกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาท แม้ว่าทั้งคู่จะดูชราภาพน่าจะอายุสัก 60 ปลาย ๆ ก็ตาม ทว่าลุงบุญส่งยังดูแข็งแรงเกินวัย ส่วนคุณป้าแม้ต้องใช้ไม้เท้าค้ำพยุงตลอดเวลาเหมือนคนเดินไม่ไหว แต่พอมียาใจอยู่ใกล้ ๆ กลับดูกระฉับกระเฉงขึ้นอย่าน่าอัศจรรย์


   บ้านของลุงบุญส่งไม่มีโต๊ะอาหาร อาหารทุกจานถูกวางอยู่บนเสื่อซึ่งถูกปูราบกับพื้นบ้านซึ่งนั่นไม่ได้ลำบากเกินไปสำหรับคุณชายเพราะตอนที่ไปเที่ยวทะเลแล้วพักอยู่บ้านของยามบอลคุณชายก็นั่งรับประทานอาหารกับพื้นมาแล้ว แต่ที่ดูเหมือนจะเป็นการลำบากเพราะอาหารมื้อนี้คงดูไม่น่าพิสมัยสำหรับคุณชายเท่าไรนัก


   “เอ่อ... ข้าว...” คุณชายแอบมากระซิบที่ข้างหู “ไอ้เม็ดขาว ๆ ที่อยู่ในจานนั่นมันคืออะไรแถมยังมีมดอีก แล้วอีกชามอ่ะมีตัวอะไรดึ๊กดึ๋ยด้วย ยังกะลูกอ๊อด”


   “ก็ลูกอ๊อดไงครับ เขาเรียกว่าแกงฮวก ส่วนไอ้เม็ดขาว ๆ นั่นคือยำไข่มดแดงน่ะครับ” ผมตอบอย่างรู้ดี แม้จะไม่ชอบกินผักแต่ให้ตายเถอะไอ้สัตว์ประหลาดที่คนอื่นเขาไม่ค่อยกล้ากินกันผมน่ะชอบยิ่งนักขอให้จัดมาเยอะ ๆ เถอะ โซ้ยได้ทุกสายพันธุ์ไม่มีข้อโต้แย้งแน่นอน ผิดกับไอ้คนที่มันชอบอวดเก่งเรื่องกินผักตอนนี้หน้าซีดเป็นไก่ต้มเชียวล่ะ


   “กินอาหารพวกนี้ได้ไหมลูก เดี๋ยวป้าไปเจียวไข่มาเพิ่มดีไหม”


   “ดีเลย...” ยังไม่ทันที่คุณชายจะพูดจบ ผมก็รีบยื่นมือไปปิดปากเพราะรู้ว่าคุณชายจะต้องตอบตกลงแน่นอน


   “สบายครับป้า ไม่ต้องไปเจียวไข่เพิ่มหรอก แกงฮวกกับยำไข่มดแดงของโปรดผมเลยล่ะครับ เนอะ...” ไม่วายที่จะหันไปทำหน้าเยาะเย้ยคุณชายแถมยังส่งคำถามแบบมัดมือชกให้อีกด้วย


   “อ่อ งั้นเดี๋ยวป้าไปตักข้าวมาให้นะ”


   “ครับผม” ผมตอบรับด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความสุขใจเป็นที่สุด นานทีปีหนจะมีโอกาสได้แก้แค้นคุณชายบ้าง มาอยู่ติดดินพึ่งบ้านคนอื่นก็ต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับคนในพื้นที่ ไม่ใช่จะมาเอาแต่ใจเป็นเด็ก ๆ ต้องการอะไรจะต้องได้อย่างนั้น


   “ไอ้ข้าว!!!” คุณชายส่งเสียงรอดผ่านไรฟัน “ฝากไว้ก่อนเถอะ”


   ผมไม่ได้โต้ตอบอะไร รอจนกระทั่งคุณป้าตักข้าวมาให้ เราสองคนยกเว้นคุณชายจึงรับประทานอาหารมื้อนี้อย่างเอร็ดอร่อย แม้ผมจะรับประทานมาแล้วจากที่บ้านของพี่ปั๊มแต่ก็ยังไม่อิ่มเพราะบรรยากาศไม่เป็นใจจึงทำให้ทานได้เพียงนิดเดียว ผิดกับตอนนี้ที่ข้าวบนจานของผมแทบไม่เหลือสักเม็ด


   ผมหันไปมองดูคุณชายเป็นระยะ ๆ คุณชายนั่งตัวแข็งทื่อ พยายามตักแค่ผักต้มกับน้ำพริกมารับประทานเท่านั้น


   “ลองดูหน่อยครับ อร่อยนะ” ผมตักยำไข่มดแดงมาให้ คุณชายส่งสายตาคาดโทษมาอย่างน่าสยดสยองหากแต่นั่นยิ่งทำให้ผมได้ใจเลยตักลูกอ๊อดน่ารัก ๆ ในถ้วยแกงมาให้อีก 3 ตัว “แกงฮวกก็อร่อยครับกินเยอะ ๆ นะครับ”


   “ใช่ ๆ ลูก อร่อยนะ ลองทานดู” คุณป้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามช่วยสนับสนุน


   “ครับ” คุณชายตอบอย่างสุภาพ ท่าทางของคุณชายในยามนี้ดูใจเย็นขึ้นกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า หากเป็นเมื่อก่อนคงวางจานกับข้าวลงแล้วเดินหนีไปไม่ยอมรับประทานแน่นอน แต่ในครั้งนี้ไม่ใช่


   คุณชายพยายามตักไข่มดแดงขึ้นมารับประทานด้วยความยากลำบาก ทันทีที่อาหารเข้าไปในปาก ใบหน้าที่พะอืดพะอมในทีแรกก็มีสัญญาณดีขึ้น ปากที่เคี้ยวเม็ดข้าวอย่างเชื่องช้ากลับมีจังหวะถี่รัวขึ้นราวกับว่าสิ่งที่เพิ่งรับประทานเข้าไปมันเอร็ดอร่อยอย่างไม่เคยสัมผัส จนกระทั้งข้าวคำนั้นถูกเคี้ยวลงคอ


   “อร่อยจริงด้วย” คุณชายมากระซิบที่ข้างใบหู จากนั้นก็ตักยำไข่มดแดงมารับประทานอีกหลายคำจนกระทั่งกับข้าวในจานหมด เหลือเพียงลูกอ๊อดตัวเล็ก ๆ ในจาน 3 ตัวเท่านั้นที่คุณชายไม่กล้ารับประทาน


   “แต่ไอ้แกงฮวกอะไรนั่นไม่ไหวจริง ๆ นะข้าว ขอเถอะ”


   “ครับผม” คุณชายไม่รับประทานก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็กล้าพอที่จะรับประทานอะไรประหลาด ๆ อย่างไข่มดแดงแค่นี้ก็เก่งมากพอแล้ว
   การรับประทานอาหารในมื้อนี้จบลงด้วยดี โชคดีที่บ้านของลุงบุญส่งมีห้องว่างอยู่หนึ่งห้อง และท่านทั้งสองก็ไม่รังเกียจที่จะให้พวกเราค้างที่นี่ด้วย 1 คืน เนื่องจากตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว จะกลับไปในตัวเมืองก็ไม่มีรถรับส่ง ผมกับคุณชายจึงต้องนอนพักที่บ้านหลังนี้


   ห้องว่างที่ว่านี้อยู่บนชั้นสอง เป็นห้องไม้สี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ภายในหองไม่มีเฟอร์นิเจอร์สักชิ้น ผมกับคุณชายต้องขนมุ้ง เสื่อและหมอนจากห้องเก็บของชั้นล่างขึ้นไปยังห้องนั้นด้วยกัน ระหว่างที่กำลังทำกิจกรรมเหล่านั้น ผมสังเกตท่าทีของคุณชายเป็นระยะ ๆ อยากรู้ว่าจะมีสีหน้าที่เบื่อหน่ายบ้างไหม หากแต่สิ่งที่ปรากฏบนใบหน้าของคุณชาย มีเพียงรอยยิ้มที่เปื้อนไปด้วยความสุขสนุกสนานเท่านั้น ไม่มีความเบื่อหน่ายหรือไม่พอใจใด ๆ แสดงออกมาแม้แต่นิดเดียว


   คุณชายเปลี่ยนไปแล้ว... เปลี่ยนไปมากเสียจนผมคิดว่าเป็นคนละคนเสียอีก ใครจะไปคิดล่ะว่าคุณหนูที่อยู่แต่ในรั้วในวังมาตลอดอย่างคุณชายจะกล้ารับประทานอาหารประหลาด ๆ เท่านั้นไม่พอยังยอมนอนบนเสื่อแข็ง ๆ ภายในมุ้งซึ่งไม่มีแม้แต่พัดลม


   “นอนได้จริงนะครับ” ผมเอ่ยถามขณะที่กำลังกางมุ้ง ส่วนคุณชายกำลังนั่งพิงผนังอยู่มุมห้องแล้วมองผมอย่างสบายใจเฉิบ


   “ได้สิครับ” พูดจามีหางเสียงด้วย ผมล่ะรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ กับท่าทีออดอ้อนของคุณชายแบบนี้เสียจริง “ขอแค่นอนกับข้าวอ่ะ ที่ไหนก็ได้หมดนั่นแหละ”


   “อ่อ... เหรอ... แล้วก่อนหน้านี้ล่ะครับ” ผมอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงเรื่องนั้น ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่เราได้คุยกันตามลำพัง ถึงอย่างไรผมก็ขอเอ่ยถามให้หายคาใจสักหน่อยเถอะ “ทำไม... ถึงต้องทิ้งผม ไล่ผมให้ไปจากชีวิตคุณชายด้วยล่ะครับ”


   “ข้าว...” คุณชายถอนหายใจออกมา “ขอโทษ”


   แล้วก็จบเพียงเท่านั้น ไม่มีเหตุผลใด ๆ อธิบายออกมา


   “ผมไม่ได้โกรธคุณชายนะ เพราะฉะนั้นคุณชายไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ” พูดจบผมก็เดินอ้อมไปหาคุณชาย เพราะกางมุ้งเสร็จพอดี “แต่คุณชายช่วยบอกผมได้ไหมว่าเพราะอะไร ถ้าผมรู้ว่าผมทำอะไรผิดไป ผมจะได้ไม่ทำให้คุณชายโกรธอีก ผมไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นอีก เพราะผมคงทำใจไม่ไหวถ้าต้องเสียใจกับเรื่องเดิม ๆ เป็นครั้งที่สอง”


   “ข้าวไม่ได้ทำอะไรผิด” ทันทีที่ผมพูดจบคุณชายก็รีบพูดต่อทันที “ฉันต่างหากล่ะที่ผิด ฉันไม่กล้าที่จะยอมรับความรู้สึกตัวเอง ฉันยอมรับไม่ได้กับสิ่งที่ตัวเองเป็นเลยคิดไปว่าการไล่ข้าวไปให้พ้น ๆ จากชีวิตมันจะทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น ไม่ต้องทนทุกข์กับความจริงที่เกิดขึ้น แต่พอไม่มีข้าว... ฉันกลับรู้สึกทรมาน... ทรมานมากยิ่งกว่าเก่า มันลำบากมากเลยนะข้าวกับการที่จะต้องยอมรับว่าตัวเอง... เป็นพวกรักร่วมเพศ”


   น้ำเสียงประโยคสุดท้ายที่เอ่ยออกมาสั่นเครือเล็กน้อย ผมไม่แปลกใจเลยสักนิดที่คุณชายจะคิดแบบนั้น เพราะทั้งยศถาบรรดาศักดิ์ ฐานะเงินทองรวมถึงแวดวงทางสังคมของคุณชายที่มีมาก เลยทำให้คุณชายเป็นที่จับจ้องของใครหลาย ๆ คน และคงไม่ใช่เรื่องดีนักหากคนเหล่านั้นต้องรับรู้ว่าคุณชายเป็นพวกรักร่วมเพศ


   “แล้วตอนนี้ล่ะ คุณชายยอมรับได้แล้วเหรอครับ” ที่ถามออกไปไม่ใช่ว่าจะตอกย้ำความกังวลใจ แต่เพื่อความแน่ใจ ถ้าคุณชายไม่สามารถยอมรับในความรู้สึกของตัวเองได้ ผมจะได้รับรู้ว่าต่อจากนี้ควรจะปฏิบัติตัวเช่นไรกับคุณชาย


   “ไม่แน่ใจเหมือนกัน” คุณชายตอบเสียงเบา ก่อนที่ชั่วครู่ใบหน้าละมุนละไมที่ยังคงแดงระเรื่อเพราะพิษไข้จะเงยขึ้นแล้วมองมาทางผม มีความอีกอึดอัดใจบางอย่างแฝงอยู่ในแววตาคู่นั้น “ขอพิสูจน์หน่อยได้ไหม”


   ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัยกับสิ่งที่ได้ยิน “พิสูจน์อะไรครับ”


   “ก็พิสูจน์ความรู้สึกของตัวเองน่ะสิ” พูดจบคุณชายก็โน้มร่างเข้ามาให้ผมในทันที


   ปฏิบัติการพิสูจน์ความรู้สึกของคุณชายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนผมไม่ทันตั้งแต่ มือทั้งสองข้างของคุณชายถูกยกขึ้นมากอดกับร่างของผมอย่างแนบแน่น ใบหน้าของคุณชายซบลงตรงหัวไหล่ของผมก่อนที่ชั่วครู่มือข้างหนึ่งจะเลื่อนขึ้นมาลูบศีรษะของผมด้วยความเอ็นดู
   ไอร้อนจากพิษไข้ที่ส่งผ่านมาทางอ้อมกอดมันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกร้อนตามไปด้วยเลยสักนิด ร่างอุ่น ๆ นั้นกลับทำให้ผมรู้สึกเคลิบเคลิ้มกับการกระทำที่แสนพิเศษแบบนี้ ผมอยากให้คุณชายกอดผมแบบนี้ไปนาน ๆ นานจนกว่าจะเช้าเลยยิ่งดี แต่บางทีคุณชายอาจจะไม่ได้คิดแบบผม เพราะในเวลาต่อมา อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นก็ถูกผละออกไป มือทั้งสองข้างของคุณชายเปลี่ยนมาจับที่หัวไหล่ด้วยความเกร็ง
   ผมแหงนหน้ามองดูร่างที่โตกว่าเล็กน้อยด้วยความรู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าการพิสูจน์ครั้งนี้มันจะจบอย่างไร ผมไม่อาจคาดเดาความคิดจากสายตาที่สบมองมาของคุณชายในยามนี้ได้เลยสักนิด มันไม่มีความกังวลอยู่ในนั้น แต่มันกลับดูแน่นิ่ง เย็นชา จนน่ากลัวว่าคุณชายจะไม่ได้คิดเช่นเดียวกับผม


   โชคดีที่คุณชายไม่ปล่อยให้ผมต้องมโนไปมากกว่านี้ เพราะการกระทำของคุณชายที่เกิดขึ้นในวินาทีต่อมาชัดเจนแล้วว่าคุณชายยอมรับความรู้สึกของตัวเองได้หรือไม่


   มือทั้งสองข้างของคุณชายเปลี่ยนมาช้อนที่ปลายคางของผมจนใบหน้าเงยขึ้นอีกเล็กน้อย คุณชายไม่รอช้ารีบใช้จังหวะนี้โน้มใบหน้าของตัวเองลงมาใกล้ ๆ แล้วบังคับให้ริมฝีปากของตัวเองมาประกบกับริมฝีปากของผมอย่างนุ่มนวล ก่อนที่ในเวลาต่อมาคุณชายจะออกแรงบดขยี้เล็กน้อยด้วยความเร่าร้อนจากรสสัมผัส แล้วก็หยุดนิ่งปล่อยค้างไว้ทั้งอย่างนั้น โดยที่มีข้างหนึ่งถูกลดระดับลงมาโอบร่างของผมเอาไว้


   ลมหายใจอุ่นร้อนถูกพ่นออกมากระทบกับใบหน้าของผมตลอดเวลา... รู้สึกดีจัง การกระทำแบบนี้ อยู่แบบนี้อีกสักนิดจะได้ไหม อย่าเพิ่งปล่อยให้เวลาแห่งความสุขมันจบลงเลย


   เหมือนว่าคำภาวนาในจิตใจจะได้ผล คุณชายไม่ยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ มือข้างหนึ่งยังช้อนใบหน้าของผมอย่างมั่นคงส่วนอีกข้างยังคงโอบกอดผมเอาไว้แน่น จนกระทั่งเวลาผ่านไปได้สักพัก คุณชายก็ค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าให้ออกห่างหากแต่นัยน์ตาที่เปี่ยมล้นด้วยความสุขยังคงสบมองผมไม่หันเหไปทางไหน


   “ฉันรู้แล้วล่ะข้าว ว่าฉันรู้สึกยังไง” น้ำเสียงของคุณชายเบาหวิว “ฉันจะไม่ยอมให้ข้าวจากไปไหนแล้วนะ ข้าวจะต้องอยู่กับฉัน เป็นของฉัน และรักฉันคนเดียวเท่านั้น”


   ประโยคที่เอ่ยออกมาชัดเจนแล้วว่าคุณชายเลือกที่จะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง หากแต่คำพูดที่ทำให้ผมดีใจที่สุดในชีวิตนั้นกลับทำให้ผมไม่แน่ใจ... ไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ที่แสนวิเศษนับจากนี้มันจะยืดระยะได้ยาวแค่ไหน เพราะยังคุณชายยังมีเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่ต้องพบเจอ


   “ถ้าคุณชายไม่ไล่ ผมก็ไม่ไปไหนหรอกครับ” ผมเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อรวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยคำถามที่ค้างคาใจออกมาบ้าง “แล้วคุณหญิง คุณท่าน หม่อมย่าและพี่หญิงดาวล่ะครับจะว่ายังไง”


   “กังวลใจเหรอครับ” คุณชายพูดจามีหางเสียงอีกแล้ว ไม่รู้ว่าไอ้เด็กเอาแต่ใจคนนี้จะรู้บ้างไหมว่ามันทำผมจิตใจปั่นป่วนแค่ไหน “ข้าวก็รู้จักนิสัยของฉันไม่ใช่เหรอ ถ้าฉันอยากได้อะไร เลือกอะไรหรือตัดสินใจอะไรไปแล้ว ไม่มีใครที่จะมาเปลี่ยนแปลงความคิดหรือขวางฉันได้เด็ดขาด แม้แต่คุณแม่ก็ตาม! อ้อ มีเพียงคนเดียวที่เปลี่ยนใจฉันได้ คนนั้นก็คือข้าวเองไม่ใช่เหรอ”


   คำพูดของคุณชายหนักแน่น เช่นเดียวกับท่าทางที่แสดงออกตลอดเวลา มือไม้ทั้งสองข้างจะต้องวนเวียนสัมผัสร่างกายของผมเพื่อเป็นการตอกย้ำให้ผมมั่นใจ แต่ถึงจะอย่างนั้นผมก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดีว่าเรื่องของเรามันจะยืดยาวสักแค่ไหน เพราะผมและคุณชายนั้นต่างกันเหลือเกิน


   คุณชายเปรียบเสมือนท้องฟ้าที่สวยงามและสูงส่งยากที่ใครจะเอื้อมถึง ต่อให้เป็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่หมองหม่นเพียงใด ก็ยังมีดวงจันทร์และดวงดาวหลายดวงที่คอยสาดแสงให้ความสว่างประดับบารมี ส่วนผมมันก็แค่เศษดินเม็ดเล็ก ๆ ที่ไร้ค่าพร้อมที่จะถูกผู้คนย่ำเหยียบตลอดเวลา ถ้าคนหนึ่งเป็นฟ้าอีกคนเป็นดิน... ฟ้ากับดินมันจะอยู่คู่กันได้จริงหรือ


   “ข้าวรู้ไหมว่านามสกุลของข้าวหมายถึงอะไร” อยู่ ๆ คุณชายก็เอ่ยถาม


   “ต้นข้าว วสุธา... วสุธาหมายถึงดินไงครับ” ผมตอบอย่างฉะฉาน ใครบ้างล่ะจะไม่รู้จักความหมายของนามสกุลตัวเอง ขนาดนามสกุลยังตอกย้ำให้ผมต้องจำเอาไว้เลยว่าผมน่ะมันก็เป็นได้แค่เศษดินเศษทรายเม็ดเล็ก ๆ เท่านั้น


   “แล้วนามสกุลของฉันล่ะ”


   “สุริยะวิทู... พระอาทิตย์กับพระจันทร์ใช่ไหมครับ” ความหมายนามสกุลของคุณชายผมก็รู้ดีเช่นกัน เพราะผมเคยสงสัยว่าวังสุริยะวิทูมันมีที่มาอย่างไร มาสืบทราบทีหลังว่าชื่อของวังถูกตั้งจากนามสกุล จากนั้นผมจึงไปหาความหมายของคำนี้ว่ามันหมายถึงอะไรและคำตอบที่ได้ก็อย่างที่ผมบอกกับคุณชายนั่นแหละ


   “เก่งนี่” คุณชายยื่นมือมาขยี้ศีรษะ “ใครจะไปคิดล่ะเนอะว่าผืนดิน กับสิ่งที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าจะมาบรรจบกันได้ แต่ก็นั่นแหละความแตกต่างมันก็เป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์อวดอ้างเพื่อที่ผู้ที่มีมากจะได้ยกตัวเองให้สูงขึ้นโดยการกดคนอื่นให้ต่ำลง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นมาจากใจ ไม่สำคัญสักนิดว่าฉันเป็นใคร ข้าวเป็นใคร แค่เรารู้สึกเหมือนกันเท่านั้นก็พอ”


   “นั่นสิครับ” ผมพยักหน้าเห็นด้วย กลับเป็นผมที่คิดเองเออเองว่าตัวเองต้อยต่ำไม่คู่ควรกับคุณชาย แท้จริงแล้วคุณค่าของสิ่งเหล่านั้นมันเป็นเป็นเพียงนามธรรมที่ไม่สามารถจับต้องได้ ต่อให้ใครจะมองว่าเราต่างกันเพียงใดมันก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเรารักกันมากพอที่จะจับมือแล้วก้าวข้ามอุปสรรคทั้งหมดที่เกิดขึ้นนับจากนี้ได้หรือเปล่า


   “อาบน้ำกันดีกว่า” อยู่ ๆ คุณชายก็เปลี่ยนเรื่อง แถมยังส่งสายตาแปลก ๆ มาให้อีกด้วย คงไม่ได้คิดว่าจะลากผมไปอาบด้วยหรอกนะ





จบตอน ^^ .



------------

ตอบคนอ่านจ้า  ^^

สำหรับคำถามที่ว่า คุณชายมันหาเจอได้ไง
ได้กล่าวเอาไว้ในเนื้อเรื่องสั้นๆว่า คุณชายได้ที่อยู่บ้านพี่ปั๊ม มาจากผู้จัดการปั๊มน้ำมันนะครับ
แต่ไมไ่ด้บอกรายละเอียดว่าไปคาดคั้น เอามาได้ยังไง จากนั้นพอได้ที่อยู่ ก็เลยเดินทางจาก กรุงเทพฯ บินตรงสู่เชียงใหม่
และต่อรถมาที่ ปาย และเข้าแม่ฮ่องสอนต่อทันที แต่ทว่า รถที่เหมาจากปาย ไปแม่ฮ่องสอนนัั้นเกิดดับ
จึงต้องหารถคันใหม่ที่แล่นผ่านไปมาระหว่างทาง จนกระทั่งได้รถของลุงบุญส่ง
ซึ่งลุงบุญส่งก็เป็นคนแม่ฮ่องสอนนั่นแหละ แม้ไม่ได้อยู่ใน อ.เมือง แต่พอรู้ที่อยู่ ก็เลยพางมไปถูกครับผม

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2014 16:13:21 โดย gugzabb »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รักกันให้มากน่ะอุปสรรคใหญ่อีกเยอะรออยู่ข้างหน้า

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
จะว่าอะไรมั๊ยที่ตอนนี้เรารอและอยากอ่านตอนที่อิสาระแนปอมมันจะโดนจัดการซักทีมากกว่าตอนหวานๆซะอีก
คือตอนเค้าสวีทกันอ่านแล้วก็มีความสุขดีนะแต่มันไม่สุด ไม่ใช่แต่งไม่ดีนะครับแต่ว่ามันตะหงิดๆในใจเรื่องอีปอม
มันเลยเหมือนห่วงหน้าพะวงหลัง พอจะมีความสุข ก็ดันมามีเรื่องอีปอมโผล่ขึ้นมาในใจ เหมือนยังไม่ได้รับการสะสาง
หรือคนเลวยังไม่ได้รับกรรม เลยกลัวและกังวลว่ามันจะมาสร้างปัญหาอะไรต่ออีกอ่ะ แต่ที่แน่ๆฝาก :z6:  :beat: มันซักสิบที :katai1:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
คุณชายอยาเอาแต่ใจตัวเองนาาาาา
สงสารคนอื่นมั่งนะ เขาจะทุกข์ร้อนสักเพียงไหน
ป่านนี้ พี่ปั้ม น้องโด้ คงกระวนกระวาย แน่ ๆ
ที่ติดต่อข้าวไม่ได้

ออฟไลน์ jamelovelove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-5

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
หวานๆกันโหน่ยยยย
สภาพร่างคนอ่านกำลังขาดน้ำตาลขั้นโคม่า :hao7:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ข้าวนี่หลงคารมคุณชายเข้าเต็มๆเลยนะเนี่ย

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Brow_Ney

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 162
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ปรับความเข้าใจกันแล้ว รักกันดีๆล่ะ อุปสรรคข้างหน้ายังรออยู่ ^^

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
   “อาบน้ำกันดีกว่า” อยู่ ๆ คุณชายก็เปลี่ยนเรื่อง แถมยังส่งสายตาแปลก ๆ มาให้อีกด้วย คงไม่ได้คิดว่าจะลากผมไปอาบด้วยหรอกนะ



            “ดีเลยครับ คุณชายน่ะรีบไปอาบเลย ตากฝนมาตั้งนานเดี๋ยวไข้จะขึ้นหนักเอา” ผมตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่ปกติ พยายามข่มความคิดเอาไว้



            “ไม่อ่ะ อาบพร้อมกันนะ” คุณชายทำสีหน้าออดอ้อน ...นั่นปะไร ผมว่าแล้วเชียว “นะข้าว นะนะ”



            “บ้าน่าคุณชาย” ผมปฏิเสธ “คุณชายไปอาบเลยไป”



            “ไม่เอา ข้าวต้องอาบด้วย” คุณชายยังแสดงอิทธิฤทธิ์ความเอาแต่ใจไม่ยอมจบและตบท้ายด้วยการออดอ้อน “นะ... น้า...”



            ผมส่ายหน้าปฏิเสธท่าเดียว ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากอาบพร้อมคุณชายหรอกนะ แต่ถ้าผมต้องเห็นเรือนร่างของคุณชายชุ่มฉ่ำไปด้วยหยดน้ำมีหวังผมต้องสลบตายอยู่ในห้องน้ำแน่ ๆ กล้ามหน้าอกของคุณชายใช่ว่าจะเล็กที่ไหน ต้นแขนอีกล่ะ มันดูดีเกินกว่าที่ผมจะข่มใจให้ไม่รู้สึกอะไรเลยเวลาที่มองไม่ได้หรอก



            “ถ้างั้นไปรอหน้าห้องน้ำหน่อย... มันมืด”



            “อ๋อ...” ผมแสร้งพยักหน้าช้า ๆ อย่างเข้าใจอะไรบางอย่าง “กลัวผีก็บอก”



            “ไอ้ข้าว!!!”



            “กลัวผีสินะ ฮ่า ๆ” ผมแกล้งทำท่าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่



            “หึ... ใครกลัว” พูดจบก็เข้ามาประชิดร่างผมด้วยความฉับไวมิหนำซ้ำล็อกคอผมเอาไว้อีกต่างหาก แม้ตัวจะยังรุม ๆ ด้วยพิษไข้หากแต่นั่นไม่ได้ทำให้เรี่ยวแรงของคุณชายลดลงเลยสักนิด “ลองพูดอีกทีสิ ใครกลัวผี”



            ผมขนลุกซู่ทันที คุณชายเล่นโน้มหน้ามากระซิบที่ข้างใบหูแถมยังเป่าเข้ามาในรูหูของผมอีกต่างหาก



            “จะตอบได้หรือยัง” คุณชายคาดคั้น



            “มะ...ไม่ครับ ไม่มีใครกลัวผี”



            “ดีมาก...” คุณชายคลายวงแขนออกก่อนจะยกมือขึ้นมาขยี้ศีรษะผมเล่นแล้วพูดต่อ “เออข้าว... ถอดเสื้อให้หน่อยดิ”



            ผมเบิกตาโพลงด้วยความตกใจทันที ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นกายเนื้ออันน่าสัมผัสของคุณชาย หากแต่ความรู้สึกในตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ความสัมพันธ์ที่เหมือนจะเลื่อนขั้นจากนายจ้างกับลูกจ้าง กลายมาเป็นความสัมพันธ์ที่คล้ายกับคนรักมันเลยทำให้ผมรู้สึกหวั่นไหวได้ง่ายยิ่งขึ้น



            “อะไรนะครับ” ผมถามย้ำทั้ง ๆ ที่ได้ยินเต็มสองรูหู



            “ถอดเสื้อให้หน่อย” พูดจบก็ชูมือขึ้นสูงตั้งท่าพร้อมให้ผมถอดเสื้อให้เต็มที



            ผมลอบถอนหายใจออกมาแล้วเบือนหน้าหนี พยายามหลบสายตาคุณชายแล้วเหล่มองที่ชายเสื้อยืด นับหนึ่งถึงสามในใจแล้วมือก็เอื้อมไปจับที่ชายเสื้อก่อนจะยกขึ้นจนกระทั้งมันหลุดออกมาตามแรง



            ไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัว คุณชายก็ถือวิสาสะยื่นมือมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวที่ผมใส่ กระดุมเม็ดแรกถูกปลดอย่างง่ายดาย แต่ก่อนที่เม็ดที่สองจะโดนปลดผมก็ยกมือขึ้นมาจับเอาไว้พร้อมหันหน้าที่เบือนหนีกลับมามองคุณชายตรง ๆ



            สายตาที่อ่อนโยนกับรอยยิ้มหวานของคุณชาย สะกดให้ผมต้องยืนอยู่นิ่ง ๆ มือที่จับแขนของคุณชายเอาไว้อ่อนแรงลงอย่างน่าประหลาด คุณชายดูซูบผอมลงเล็กน้อยหากแต่มัดกล้ามบนแผ่นอกยังคงงดงามเช่นเดียวกับส่วนอื่น ๆ ผิวขาวอมชมพูซึ่งถูกฉาบอยู่บนเรือนร่างอันแข็งแกร่งมันช่างน่าสัมผัสเสียจริง



            ฝ่ามือของคุณชายค่อย ๆ เลื่อนลงตามเม็ดกระดุมจนกระทั่งถึงเม็ดสุดท้าย ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าคุณชายถอดเสื้อให้ผมเสร็จตั้งแต่เมื่อไร พอรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงของคุณชายดังแว่วเข้ามาในรูหู



            “ข้าว... เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ”



            เสียงของคุณชายชัดทุกประโยค แต่ทำไมผมถึงมองไม่เห็นคุณชายเลยสักนิด... พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นอะไรไม่รู้เป็นสีขาวอมชมพูพอลองกดใบหน้าพร้อมแนบใบหูลงไปก็ได้ยินเสียงเต้นของอะไรบางอย่างสะท้อนกลับมา



            “จะซบอีกนานไหม ถ้าไม่ไหวก็ไปนอนกันเลยไหม”



            ผมรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน 'ใครซบคุณชาย..' ทั้งที่ในห้องนอนควรมีแค่เราสองคนไม่ใช่หรือ หัวใจของผมร้อนลุ่มรู้สึกไม่พอใจกับคำ ๆ นี้ ความไม่พอใจส่งผลให้ผมต้องอ้าปากกัดกับอะไรที่ให้ความรู้นุ่ม ๆ ตรงหน้าเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ทันที



            “โอ๊ย!!! ไอ้ข้าว” เสียงของคุณชายดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือที่ดันศีรษะผมออกสุดแรง “กัดทำไมวะ”



            ผมมองซ้าย มองขวา เมื่อพบว่าไม่มีใครจึงหันกลับไปสบตาคุณชายก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ใครซบคุณชายครับ”



            “ใครล่ะ!  ก็ข้าวนั่นแหละ กำลังถอดเสื้อให้อยู่ดี ๆ แล้วจู่ ๆ ก็มาซบที่อกฉันซะงั้น ถามอะไรก็ไม่ตอบ ไอ้เราก็นึกเป็นห่วงว่าไม่สบายหรือเปล่า แต่สุดท้ายเป็นไงล่ะ โดนกัดซะงั้น!!!”



            ผมมองที่หน้าอกของคุณชาย รอยเขี้ยวของผมชัดเจนมาก มันเป็นวงอยู่รอบหัวนมเม็ดเล็ก ๆ ข้างซ้ายของคุณชายพอดิบพอดี เห็นสายตาดุ ๆ ที่มองมาก็ได้แต่ก้มหน้าแล้วยิ้มแหย ๆ อย่างสำนึกผิด



            “ผมขอโทษครับ” บ้าจริง... ผมอยากจะเอาปืนมายิงกบาลตัวเองให้ตายเสียรู้แล้วรู้รอด เผลอทำอะไรที่น่าอับอายลงไปแบบไม่รู้ตัว จำได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่คุณชายถอดเสื้อให้ สายตาที่แสนดื้อด้านมันเหลือบไปมองเรือนร่างของคุณชายทั้งที่พยายามข่มใจแล้ว แล้วหลังจากนั้นมันก็รู้สึกอยากสัมผัส อยากอยู่ใกล้ ๆ แล้วสติก็ดับวูบไปปล่อยให้กิเลสตัณหาเข้ามาครอบงำ



            “หึ” คุณชายเค้นเสียงพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา “ชอบเหรอ”



            “เปล่าครับ!” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง



            “ชอบเหรอ” คุณชายถามอีกครั้ง น้ำเสียงในคราวนี้อ่อนโยนลงเล็กน้อย



            “ปะ... เปล่าครับ” น้ำเสียงของผมอ่อนลงตามคุณชาย หัวใจของผมเกิดอาการสั่นรัวอีกครั้ง



            “ชอบเหรอครับ” คุณชายเขยิบเข้ามาใกล้ ๆ แล้วยกมือขึ้นมาจับใบหน้าของผมให้เงยมองตา



            เมื่อได้สบตากับคุณชาย ริมฝีปากที่ตั้งใจจะตอบออกไปเหมือนอย่างเคยกลับขยับไม่ได้ คุณชายรู้จุดอ่อนข้อนี้ของผม ...ผมไม่สามารถพูดโกหกคุณชายได้ในขณะที่กำลังจ้องมองตากับคุณชายอยู่ และในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน



            ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ คุณชายฉีกยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มของผู้มีชัย



            “ฉันไม่ยอมให้ใครกัดฟรี ๆ หรอกนะ” น้ำเสียงของคุณชายเจ้าเล่ห์



            “ครับ” ผมก้มหน้ายอมรับความผิดต่อไป “คุณชายจะให้ผมชดใช้ยังไงผมยอมทุกอย่างครับ”



            “ดี... แต่ก่อนที่จะชดใช้เราไปอาบน้ำกันก่อนดีกว่า”


            “ครับ” ผมพยักหน้าอีกครั้ง

 






            บ้านของลุงบุญส่งมีห้องน้ำไว้เพื่อขับถ่ายเท่านั้น ถ้าต้องการอาบน้ำจำเป็นต้องเดินอ้อมไปทางด้านหลังของตัวบ้าน ซึ่งผมกับคุณชายเพิ่งทราบหลังจากที่ออกมาจากห้องพักเป็นจังหวะเดียวกับที่ลุงบุญส่งนำผ้าขาวม้ามาให้พอดีและลุงบุญส่งได้แยกตัวกลับห้องนอนเพื่อไปพักผ่อนทันที จากนั้นเราสองคนจึงถอดเสื้อแล้วผูกผ้าขาวม้าไว้ที่เอวเหมือนเวลาที่ผูกผ้าขนหนูทันที



            สถานที่อาบน้ำอยู่กลางแจ้ง มีรั้วไม้เล็ก ๆ ล้อมรอบเป็นทรงสี่เหลี่ยม ภายในรั้วกั้นมีโอ่งน้ำสองใบสูงประมาณเอว



            “อาบตรงนี้เลยเหรอ” คุณชายเอ่ยถาม เกิดมาเคยอาบน้ำแต่ในห้องน้ำหรู ๆ คงประหลาดใจกับภาพที่เห็น



            “ใช่ครับ” ผมตอบพร้อมเดินไปหยุดอยู่หน้าโอ่งทันที คุณชายเดินตามมาติด ๆ



            “แล้วมันต้องอาบยังไงอ่ะ” คุณชายถามอีกครั้ง เห็นสบู่และแชมพูวางระแกะระกะอยู่บนถาดรองระหว่างโอ่งสองใบคงทำอะไรไม่ถูก



            ผมไม่ได้ตอบคำถามในทันที หากแต่เดินไปหยิบขันในอ่างพร้อมตักน้ำขึ้นมาก่อนจะหันไปส่งยิ้มอันแสนเจ้าเล่ห์ให้คุณชายแล้วสาดน้ำในขันออกไปทางร่างนั้นด้วยความสะใจ



            “แบบนี้ไงครับ”



            “ไอ้ข้าว!!!” คุณชายขึ้นเสียงพร้อมเดินไปหยิบขันในอ่างแล้วตักน้ำขึ้นมาสาดผมบ้าง



            เราสองคนสาดน้ำใส่กันไปมาอย่างสนุกสนาน พอน้ำบกลงจึงยื่นมือไปเปิดก็อกแล้วหันมาสาดน้ำใส่กันต่ออย่างสนุกสนานจนกระทั่งเป็นฝ่ายผมที่ยอมแพ้แล้วหยุดสาดก่อน

            คุณชายที่ผมเห็นหยุดสาดสักพักจึงหยุดตามแล้วเอื้อมมือไปหยิบสบู่ก้อนที่อยู่ในถาดซึ่งวางอยู่ระหว่างโอ่งสองใบมา ผมนึกว่าคุณชายจะถูสบู่ให้ตัวเองเสียอีกแต่ที่ไหนได้



            “เขยิบมาสิ” ไม่รอให้ผมตอบหรือทำตามคำสั่ง มืออีกข้างของคุณชายก็เอื้อมมาดึงร่างของผมเข้าไปหาทันที จากนั้นสบู่ในมือของคุณชายที่ถูกหยำน้ำจนละลายเป็นฟองก็ได้ละเลงไปทั่วเรือนร่างของผม



            ผมรู้สึกจั๊กจี๋แปลก ๆ ยิ่งตอนที่ฝ่ามืออันนุ่มนวลของคุณชายมาละเลงที่หน้าอกของผมมันทำให้ผมจนลุกซู่ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ หากแต่ร่างกายไม่ได้ปฏิเสธกลับชอบความรู้สึกแบบนั้นเสียด้วยซ้ำ



            เมื่อร่างกายส่วนบนด้านหน้าถูกคุณชายผู้หล่อเหลาจัดการจนสะอาดหมดจด เขาก็จัดการต่อด้วยการเขยิบเข้ามาใกล้ ๆ จนร่างติดกัน จากนั้นมือทั้งสองข้างก็ถูกสอดผ่านใต้วงแขนของผมแล้วมาละเลงสบู่เล่นที่แผ่นหลังในท่วงท่าที่คล้้ายกับว่ากำลังสวมกอด



            ผมยืนตัวเกร็ง ปล่อยให้คุณชายเล่นเรือนร่างได้อย่างสบายใจจนกระทั่งฝ่ามือของคุณชายค่อย ๆ ไหลลู่ต่ำลง... ต่ำลงเรื่อยตามกระดูกสันหลังจนอีกนิดเดียวเท่านั้นมันก็จะเลื่อนลงไปถึงบั้นท้าย



            “เอ้อ... คุณชายครับ” ผมเอ่ยขึ้นพร้อมดันร่างของคุณชายออกอย่างเบามือ คุณชายทำสีหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ผมจึงรีบแย่งสบู่ในมือของคุณชายมา “เดี๋ยวผมถูกให้คุณชายบ้างดีกว่า”



            ไม่รอให้คุณชายแสดงความคิดเห็นใด ๆ รีบตักน้ำขึ้นมาราดสบู่เล็กน้อยเพราะอยากให้มีฟองมากกว่านี้จากนั้นก็ละเลงสบู่ไปบนเรือนร่างของคุณชายบ้าง



            กายเนื้อของคุณชายช่างขาวละมุนหากแต่แข็งแกร่งเสียจริง ผมแกล้งกดมือลงตรงหน้าอกที่นูนออกมาเป็นกล้ามมัดเล็ก ๆ อย่างไม่รู้ตัวจน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงรู้สึกอ่อนไหวและชอบสัมผัสกับส่วนนี้ของคุณชายที่สุด



            “ถูที่อื่นบ้างก็ได้” จนกระทั่งคำพูดของคุณชายที่เปล่งออกมา ผมถึงได้รู้ว่ามือของผมมันหมุนรอบแผ่นอกของคุณชายซ้ำแล้วซ้ำเล่า



            ผมเงยหน้ามองคุณชายก่อนจะยิ้มแหย ๆ ให้ ร่างตรงหน้ายิ้มกลับมาด้วยความชอบใจ …โถ่เอ๊ย! ไอ้ข้าว อ่อนไหวทุกทีสิน่า



            “เอาไปถูเองเลยครับ” พูดจบผมก็ยัดสบู่ในมือคืนคุณชายจากนั้นจึงรีบตักน้ำขึ้นมาชำระร่างกายจนฟองสบู่ที่คุณชายบรรจงถูให้หายไปจากเรือนร่างจนหมด



            คุณชายถอนหายใจออกมาแต่ไม่ได้โต้เถียงอะไรและตั้งใจถูสบู่ให้ตัวเองทุกซอกทุกมุมก่อนจะตักน้ำขึ้นมาราดรดร่างกายของตัวเองบ้าง จนกระทั่งร่างกายสะอาดหมดจดไม่ต่างกับผม



            “ป่ะ ขึ้นห้องกันเถอะ” คุณชายเอ่ยขึ้นพลางยื่นมือมาจับแขนผมหากแต่ผมเกร็งตัวเอาไว้ไม่ยอมก้าวขาตาม



            “เดี๋ยวครับ” คุณชายชะงักกึก หันมามองผมด้วยความแปลกใจ “คุณชายตากฝนมา ยังไม่ได้สระผมเลยนะครับ”



            “ต้องสระด้วยเหรอ” คุณชายทำสีหน้าไร้เดียงสาสุด ๆ คงจะคิดว่าตัวเองน่ารักสิท่า ซึ่งมันก็ไม่ผิดสักนิดถ้าจะคิดแบบนั้น แต่ไอ้คนไม่น่ารักอย่างผมเห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้



            “ต้องสระครับ” ผมพยักหน้า



            “ไม่สระได้ไหม ขี้เกียจ” ตอบปัด ๆ ไปอย่างไม่สนใจสักนิด



            “ไม่ได้ครับ” ผมปฏิเสธท่าเดียว จะยอมให้คุณชายขึ้นมานอนโดยที่ไม่สระผมไม่ได้หรอก ตากฝนมาไม่รู้นานกี่นาทีแค่นี้หวัดก็เล่นงานแล้ว



            “ก็คนมันขี้เกียจนี่” คนชายทำเสียงเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่วายเอื้อมมือไปหยิบขวดแชมพูที่วางอยู่ในถาดระหว่างโองสองใบมา ผมยิ้มแป้นแล้นทันทีเป็นการชื่นชม หากแต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นรอยยิ้มของผมก็หุบลงเมื่อได้ยินประโยคต่อไป “สระให้หน่อยสิ”



            “เฮ้อ...” ผมลอบถอนหายใจออกมาพร้อมยื่นมือไปคว้าขวดแชมพูในมือของคุณชาย... ให้มันได้อย่างนี้สิน่า เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง ชอบบังคับจิตใจคนอื่น พอไม่ได้ดั่งใจก็โมโหร้าย



            ...แต่เอ๊ะ นี่คุณชายไมได้บังคับนะ แต่ขอร้องต่างหาก ผมจะปฏิเสธก็ได้นี่นา แต่ไม่เอาดีกว่าทำ ๆ ไปน่ะดีแล้ว เกิดปฏิเสธไปแล้วไม่ได้สระผมให้ ผมจะรู้สึกเสียดายเสียเอง



            ผมทำตามความประสงค์ของคุณชายจนเสร็จสิ้น จากนั้นเราจึงเดินกลับไปที่ห้องนอนพร้อมกัน โชคดีที่คุณชายพกไดร์เป่าผมมาในกระเป๋าเดินทางด้วย จึงช่วยให้เส้นผมของคุณชายแห้งภายในเวลาไม่กี่นาที



            เราสองคนคลานรอดเข้าไปในมุ่งตาม ๆ กันจากนั้นต่างคนต่างทิ้งร่างที่แสนหนักหน่วงของตัวเองไปกับเสื่อแข็ง ๆ โชคดีที่ยังมีหมอนนุ่ม ๆ ให้ได้นอนหนุนไปตลอดคืน



            ก่อนที่ผมจะหลับตา สายตาอันแสนดื้อด้านของผมดันเหลือบไปมองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ด้วยความใคร่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร จะแอบมองผมเหมือนที่ผมกำลังแอบมองบ้างไหม



            คำตอบที่ได้น่าผิดหวังเล็กน้อย เพราะเปลือกตาของคุณชายปิดสนิท ไม่หันมามองผมเลยสักนิด ...โถ่ คนใจร้าย ทำให้ผมหวั่นไหวหัวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาตลอดทั้งคืนแล้วมาหลับเอาง่าย ๆ แบบนี้มันน่าตีซะให้รู้สึกนึกนัก



            ความผิดหวังส่งผลให้ผมพ่นลมหายใจออกมา จังหวะที่ผมกำลังพลิกตัวไปอีกทางเพราะไม่อยากมองใบหน้าของคุณชายที่กำลังหลับตาพริ้ม คนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ก็ดันยืดแขนข้างหนึ่งมาคว้าร่างของผมเอาไว้ มิหนำซ้ำยังออกแรงดึงจนผมต้องยอมเขยิบเรือนร่างไปตามแรงนั้น



            “อย่าใจร้ายนักสิ” เสียงของคุณชายเบาหวิว “นอนด้วยกันทั้งทีจะทำเมินพลิกตัวหนีแบบนี้เหรอ”



            ได้ยินดังนั้นผมก็งงสิ... ไอ้คนที่ทำตัวเมินมันคุณชายไม่ใช่เหรอ เข้ามุ้งมาก็หลับตาพริ้มไม่สนใจผมสักนิด แล้วยังมีหน้ามาโยนความผิดให้ผมอีก



            “ผมเปล่าใจร้ายนะครับ” แม้จะอยากต่อล้อต่อเถียงเพียงใด แต่ท้ายที่สุดผมก็ต้องปฏิเสธออกไปด้วยถ้อยคำที่สุภาพอยู่ดี



            “อืม” คุณชายรับคำสั้น ๆ เสียงของคุณชายดูอ่อนล้ากว่าที่เคย “นอนเถอะ”



            พูดจบก็กระชับแขนให้แน่นขึ้น... แน่นขึ้น... แน่นเสียจนผมรู้สึกอึดอัด แต่ผมก็พยายามอยู่นิ่ง ๆ ไม่อยากรบกวนคุณชายให้มากมายนัก เพราะแม้ความรู้สึกภายนอกจะอึดอึดแต่มันก็ขัดกับความรู้สึกที่ก่อเกิดขึ้นภายในจิตใจที่กำลังเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขจนผมไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นพูดได้



            ผมหลับตาลงพร้อมทั้งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่หลายนาทีจนผมคิดว่าคนที่กอดผมเอาไว้อย่างแนบแน่นจะหลับสนิทเสียแล้ว แต่อยู่ ๆ ร่างนั้นก็กระซิบขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่บางเบาว่า



            “หลับยัง”



            “ยังครับ” ผมตอบในทันที “ผมนึกว่าคุณชายหลับไปแล้วซะอีก”



            “ก็เกือบแล้วล่ะ” คุณชายตอบกลับมา “แต่นึกขึ้นได้ว่าข้าวยังไม่ได้ชดใช้เลย”



            “ชดใช้?” ผมทวนถามด้วยความฉงน ไม่รู้ว่าไปติดค้างอะไรคุณชายตั้งแต่เมื่อไร ถ้าเรื่องเงินล่ะก็ไม่ใช่แน่ คนรวยล้นฟ้าอย่างคุณชายไม่เคยคิดจะทวงตังค์ผมอยู่แล้ว และผมเองก็ไม่เคยไปขอยืมตังค์คุณชายมาใช้แน่ ๆ มีแต่คุณชายเต็มใจมอบให้ทั้งนั้น ...จนกระทั่งประโยคถัดไปที่คุณชายเอ่ยออกมา ผมถึงนึกได้ว่าผมไปติดค้างอะไรคุณชายเอาไว้



            “ใช่! ก็ที่ข้าวดูดอกเล่นไง”



            “ไม่ได้ดูด แค่เผลอกัดนะครับ” ผมรู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้า พอคิดถึงเหตุการณ์นั้นมันก็ทำให้ผมนึกอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี



            “ ถ้าอย่างนั้น... คืนนี้... คืนนี้... ข้าว...” คุณชายจงใจพูดช้า ๆ เว้นจังหวะให้ผมรอลุ้นจนเผลอกลืนน้ำลายเสียงดังเอื้อกไปหนึ่งที คุณชายจึงยอมพูดต่อ “ข้าวต้องเป็นของผมนะครับ นะครับ...”



            ให้ตายเถอะ... คุณชายเล่นมาไม้นี้แล้วผมจะปฏิเสธได้อย่างไร ผมยอมรับว่าผมกลัวในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ไม่ใช่กลัวว่าร่างกายจะต้องเจ็บปวดแต่อย่างใด หากแต่กลัวใจของคุณชายจะยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นไม่ไหวแล้วตัดสินใจเลือกที่จะเดินหนีผมไปอีกครั้งต่างหาก สำหรับคุณชายน่ะ... เจ็บหายแค่ไหนผมก็ทนได้ แต่ถ้าต้องเจ็บที่หัวใจน่ะผมคงทนไม่ไหวอีกแล้วจริง ๆ



            “นะครับข้าว” คุณชายลูบศีรษะของผมด้วยความเอ็นดู พร้อมกับค่อย ๆ ละเลงริมฝีปากมาที่หัวไหล่ก่อนจะเลื่อนไปที่ลำคอแล้วเอ่ยถามอีกครั้ง “นะครับ”



จบตอน



Talk

ตอบคุณ AMINOKOONG :: ^^ ฮ่าๆ ไม่ว่าครับ ดีใจที่ยังมีคนสนใจเรื่องปอมอยู่ อย่างที่บอกเลย แต่งเองยังพะวงเองเลยครับว่าปอมจะโผล่มาอีกเมื่อไหร่ หึหึ แต่รอได้เลยครับ ช่วงนี้ให้พระ-นาย ได้หวาๆนกันสักนิดก่อนครับ T^T ไม่อยากให้ดราม่าเกินไป แหะๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2014 21:42:15 โดย gugzabb »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อย่ารุนแรงนักละประเดี๋นวคุณตาคุณยายจะนอนไม่หลับ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ระวังบ้านพังนะ คนเฒ่าคนแก่ก็อยู่เกรงใจบ้างอะไรบ้าง

ใครก็ได้ถอดความมาเป็นบทอัศจรรย์แบบเต็มที อิอิ

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:   ข้าวนะข้าว  อิตาคุณชายยังไม่จัดการชีวิตตัวเองให้ดีกว่านี้เลย ยังไปยอมให้มันกินตับอีก


อีกหน่อยพออิคุณชายมันเจอปัญหาอะไรอีก ก็คงวิ่งหนีอีกตามเคย อิตาคุณชายตุ๊ดเอ๊ย  :z6:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
คุณชายไม่ค่อยชัดเจนเลยค่ะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
และแล้ว ก็มีกระท่อม ฝนตกไม่หยุด
ร่างกายเปียกฝน หลังจากนั้น จุด จุด จุด
 :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
และแล้ว เขาก็รวมเป็น 1 ..

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
   ตอนที่32


ว่ากันว่า... เวลาที่คนเรามีความสุขถึงขีดสุดแล้วเผลอหลับไป เราจะไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกเลย


   เห็นทีคำกล่าวนี้จะเป็นจริง เพราะกว่าที่ผมจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตะวันก็โด่ส่องแสงผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาแยงตา พอพลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ก็เห็นเข็มสั้นมันชี้อยู่ที่เลข 9 ส่วนเข็มยาวชี้อยู่ที่เลข 6 แล้ว


   “ตื่นแล้วเหรอข้าว” ผมคงพลิกตัวแรงไปคุณชายเลยรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาบ้าง ...เล่นนอนกอดผมทั้งคืนคงจะเหนื่อยน่าดูสิท่า


   “ตื่นแล้วครับ” ผมตอบพลางเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของคุณชาย ซึ่งอุณหภูมิที่ส่งผ่านมาเป็นสัญญาณดีว่าคุณชายใกล้จะหายเป็นปกติแล้ว


   “ตื่นก็ไปอาบน้ำได้แล้วไป” คุณชายสั่ง “เพราะเดี๋ยวต้องรีบเดินทางแล้ว ไม่อยากเสียหนึ่งวันไปกับการนอนยาว ๆ ของไอ้คนขี้เซาหรอกนะ”


   “ใครขี้เซา” จำได้ว่าผมตื่นก่อนคุณชาย พอพลิกตัวเบา ๆ เท่านั้นแหละ คุณชายเลยตื่นตามนี่นา ถ้าผมขี้เซาคุณชายก็ต้องโคตรขี้เซาเลยล่ะ


   “ก็ข้าวไง” ได้ยินดังนั้นผมก็ขมวดคิ้วมุ่น พอลองพิจารณาดูคุณชายชัด ๆ ก็พบว่าใบหน้าที่สดใส เส้นผมที่เป็นระเบียบแม้จะยังนอนหนุนหมอน กับเสื้อยืดหล่อ ๆ พร้อมกางเกงยีนส์ขาสามส่วนนั่นมันหมายความว่าคุณชายได้ตื่นมาก่อนหน้านี่และอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จสรรพแล้ว


   “ไม่จริงใช่ไหมครับ ตั้งแต่ไม่ไหร่กันล่ะเนี่ย” ผมบ่นพึมพำอย่างไม่เชื่อสายตาพลางยื่นหน้าไปใกล้ ๆ กับต้นคอของคุณชายแล้วสูดลมหายใจสุดแรง กลิ่นสบู่เป็นสิ่งยืนยันได้ชัดเจนเลยว่าสิ่งที่ผมเพิ่งเอ่ยถามออกไปเป็นเรื่องจริง   


   “แต่เช้าเลยนะ” พูดจบก็ดันศีรษะผมออกแถมยังแสร้งทำท่ารังเกียจกับการกระทำของผม ทีเมื่อคืนล่ะ กอดผมไม่ยอมปล่อยเลยนะ “เร็ว! ไปอาบน้ำได้แล้วไป”


   “ไปอาบแน่ครับ... แต่เดี๋ยวก่อน ที่บอกว่าแต่เช้าเลยนะคุณชายหมายความว่าไง” ผมกระตุกคิ้วด้วยความสงสัย คงไม่ใช่ว่ากำลังคิดอะไรทะลึ่ง ๆ อยู่หรอกนะ


   “หมายความว่าไงล่ะ” คุณชายนอนยิ้มแล้วเอ่ยออกมาอย่างสบายใจ “อยู่ ๆ เล่นยื่นหน้ามาแล้วสูดลมหายใจแบบนี้มันคิดเป็นอย่างอื่นได้ด้วยเหรอ... ไอ้ทะลึ่ง!!!”


   ประโยคต้นผมไม่ถือสาเท่าไหร่ แต่ไอ้ประโยคสุดท้ายที่คุณชายด่าผมว่า 'ไอ้ทะลึ่ง' เนี่ยผมไม่ยอมรับหรอกนะ มันไม่ใช่นิสัยผมเลยสักนิด ผมก็แค่พิสูจน์กลิ่นดูกลัวว่าคุณชายจะแค่ล้างหน้า แปรงฟังแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไม่ผ่านการอาบน้ำอย่างที่ชอบทำอยู่เป็นประจำต่างหาก!


   “หยุด! อย่าเถียง” พอผมจะอ้าปากแก้ต่างออกไปคุณชายก็เอ่ยขัดขึ้น “ไปอาบ!”


   แกล้งทำเสียงดุแบบนี้ มีหรือที่ไอ้ข้าวผู้เปรียบเสมือนลูกไก่ในกำมือจะกล้าเถียง  ได้แต่พยักหน้ารับแล้วปั้นหน้าให้อยู่ในท่าทีที่ยิ้มแย้มแจ่มใสก่อนจะเดินออกไปอาบน้ำตามคำสั่ง


   แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวข้ามผ่านธรณีประตู เสียงที่ดังขึ้นส่งท้ายก็ทำให้ผมต้องหันกลับไปทำหน้าดุ ๆ ใส่คุณชายทันที


   “ดีมากไอ้ทะลึ่ง!” คุณชายสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมองเห็นผมกลับมา แต่มันก็แค่เล็กน้อยเท่านั้นเพราะเมื่อคุณชายแสร้งถลึงตากลับผมก็กลับมาตัวหดเท่าไข่มดแดงเหมือนเดิม


   ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานมากนัก เพราะการอาบน้ำกลางที่โล่งแจ้งในเวลาที่สายจนตะวันโด่แบบนี้มันไม่ใช่วิสัยของผมมากนัก คนที่แวะเวียนผ่านไปมายังหน้าบ้านของลุงบุญส่งย่อมสามารถมองลอดผ่านรั้วไม้ที่กั้นเป็นห้องน้ำเล็ก ๆ มาเห็นเรือนร่างของผมได้อย่างง่ายดายแม้ไม่ชัดเจนก็ตาม


   ผมมารู้ทีหลังว่าคุณชายลงไปอาบน้ำตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพราะแอบถามลุงบุญส่งก่อนจะขึ้นห้อง ...ร้ายนักนะไอ้เด็กคนนี้ ตื่นแต่เช้าแล้วไม่ยอมปลุก ไม่เพียงเท่านั้นยังมีเรื่องที่น่าขำอีกเรื่องคือ....


   “เอ้อ... เมื่อคืนแผ่นดินไหว โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร” ลุงบุญส่งพูดก่อนที่ผมจะก้าวขาขึ้นห้อง


   “ตอนไหนครับ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ผมทำสีหน้าสงสัย เกิดมาไม่เคยประสบกับแผ่นดินไหวอยากรู้เหมือนกันว่ามันจะสะเทือนแรงแค่ไหน


   “ก็ตอนดึก ๆ นั่นแหละ แผ่นดินไหวแรงมาก บ้านสั่นด้วยนะเออ มีเสียงโครม ๆ ด้วยนี่ไม่รู้สึกตัวกันเลยเหรอลูก เมียลุงก็บอกว่าไหว แต่แปลกนะถามบ้านอื่นก็ไม่เห็นมีใครรู้สึก ถามไอ้หนุ่มหน้าขาวมันก็บอกไม่รู้สึก รึว่าลุงกับเมียลุงอาจจะฝันไปก็ได้ แต่แปลกนะฝันเรื่องเดียวกันเฉยเลย”


   ผมพยายามนึกตามที่ลุงบุญส่งพูด พอจะเข้าใจแล้วว่าที่บ้านเสียง และมีเสียงไม้ดังโครม ๆ มันเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ คิดดังนั้นผมจึงตอบออกไปว่า


   “ไม่มีแผ่นดินไหวจริง ๆ ครับ ผมก็ไม่รู้สึกตัวเลย สงสัยลุงจะฝันนะครับ ยังไงเดี๋ยวผมไปแต่งตัวก่อนนะครับ ชอบคุณนะครับลุง” จะให้ผมตอบถึงสาเหตุตรง ๆ ได้อย่างไรเล่า





   “คุณชาย... ทำไมไม่ยอมปลุกผม” ผมแสร้งทำน้ำเสียงโมโหทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไป


   “ก็เหนื่อยไม่ใช่เหรอ อยากให้พักเยอะ ๆ” คำตอบช่างแสนดีเหลือเกิน แต่มันออกจะขัดแย้งกับใบหน้าที่ยักคิ้วยียวนกวนบาทา


   “เปล่าเลยครับ” ผมปฏิเสธออกไปทั้งที่เมื่อคืนน่ะผมรู้สึกอย่างที่คุณชายว่าจริง ๆ แต่ความเหนื่อยของผมมันขี้ประติ๋วเดียวเองถ้าต้องเทียบกับความเหน็ดเหนื่อยของคุณชายที่ทั้งเดินทางหลายชั่วโมงแถมยังยืนตากฝนโบกรถอีก “แล้วคุณชายไม่เหนื่อยเหรอครับ”


   “ใช้สมองส่วนไหนคิดคำถามนี้เนี่ยข้าว เมื่อวานฉันต้องเจอกับอะไรบ้างก็น่าจะรู้ ไม่เหนื่อยมั้ง” ตอบอย่างจงใจยั่วโมโหชัด ๆ แต่ก็เพราะรู้ว่าเหนื่อยนั่นแหละถึงถามแต่ที่แปลกใจคือคุณชายเอาเรี่ยวแรงที่ไหนลุกลงไปอาบน้ำตั้งแต่ 6 โมงเช้าต่างหาก


   “แล้วทำไมไม่นอนพักเยอะ ๆ ล่ะครับ” ผมถามพลางเดินไปหยิบเสื้อยืดของคุณชายที่เตรียมออกมาไว้ให้มาสวม มันหลวมเล็กน้อยเพราะคุณชายตัวโตกว่าผมแต่ใส่เสื้อหลวม ๆ ก็สบายตัวไปอีกแบบ


   “ถ้านอนก็ไม่ได้ยินไอ้ทะลึ่งละเมอสิ” สิ้นเสียงของคุณชายผมก็หน้าแดงก่ำทันที


   ใช่ครับ... เมื่อคืนผมฝันถึงคุณชาย มันเป็นฝันที่เต็มไปด้วยฉากอีโรติกจนผมไม่อยากจะคิดถึงมันอีก จำได้ว่าในฝันผมพูดและทำอะไรที่อับอายออกไปหลายอย่างแต่ไม่คิดว่าจะละเมอออกมา


   “ถึงได้เรียกว่าไอ้ทะลึ่งไงล่ะ ตื่นมาก็ยังไม่ยอมหยุด หึ! ไปเอานิสัยแบบนี้มาจากใครเนี่ย” ได้ทีก็แซวผมใหญ่เลย


   “ก็คนแถวนี้ล่ะครับ” ผมตอบทีเล่นทีจริง หากแต่คนที่ร้อนตัวกลับลุกขึ้นแล้วก้าวขาตรงมาหาผมด้วยความฉับไวก่อนจะพันธนาการร่างของผมเอาไว้แน่นด้วยอ้อมแขนที่แข็งแกร่ง


   ผมเงยหน้าสบตามองคุณชายชัด ๆ เพิ่งสังเกตว่านัยน์ตาที่กลมโตฉายแววถึงความน่ารักเจ้าเล่ห์นั้นมันเยิ้มเสียจนจะหลับมิหลับแหล่ พอนึกถึงคำพูดของคุณชายเมื่อครู่นี้ที่บอกว่า 'ถ้านอนก็ไม่ได้ยินผมละเมอสิ' ถึงได้เข้าใจว่า...
   “คุณชายยังไม่ได้นอน”


   “อืม” คุณชายพยักหน้าพลางยกมือขึ้นมาปิดที่ปากของผม “เลิกเรียกฉันว่าคุณชายจะได้ไหม”


   ผมส่ายหน้าปฏิเสธด้วยความฉับไว ก็คุณชายเองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนปลูกฝังความคิดนี้ให้ผมตั้งแต่ตอนที่ผมไปทำหน้าที่พี่เลี้ยงวันแรก บอกให้ผมต้องเรียกว่า 'คุณชาย' และต้องลงท้ายด้วยคำว่า 'ครับ' ทุกประโยค ซึ่งผมเองก็ชินกับการเรียกและพูดแบบนี้แล้วด้วย


   “ฐานะของเรามันไม่เหมือนเดิมแล้วนะ ก็คบกันแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องเรียกว่าคุณชายแล้วก็ได้”


   ดวงตาของผมเบิกโพลงทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่คุณชายพร่ำเพ้อออกมา พอพยายามจะอ้าปากเถียงมือที่แข็งแกร่งก็ดันออกแรงกดริมฝีปากผมแน่น ผมจึงทำได้แค่เพียงส่งเสียง อู้อี้ๆ เป็นการประท้วงเท่านั้น พร้อมส่งคำถามผ่านทางสายตาว่าเราตกลงคบกันตั้งแต่เมื่อไร เพราะไม่เห็นจะจำได้สักนิดว่าตอนไหนที่เราสองคนตกลงคบกันแบบแฟน


   “เรียกว่าเป๊กเฉย ๆ เข้าใจป่ะ” คุณชายยังคงบังคับจิตใจของผมต่อ ส่วนผมก็เอาแต่ส่ายหน้าปฏิเสธท่าเดียวเพราะยังพูดไม่ได้


   “เรียกว่าเป๊ก เข้าใจไหม” ครั้งที่สอง น้ำเสียงยังคงปกติ


   “เข้าใจไหม” ครั้งที่สาม น้ำเสียงเริ่มเปลี่ยนไปให้ความรู้สึกถึงความกดดันชัดเจน


   “ไม่เข้าใจใช่ไหม” ครัั้งที่สี่ ประโยคที่เอ่ยออกมาเปลี่ยนไปเล็กน้อย หากแต่คำ ๆ นี้กับให้ความรู้สึกน่ากลัวประหลาด ๆ จนผมต้องส่ายหน้าแล้วพยายามส่งเสียงอู้อี้ออกมาว่า


   “เอ้าไอแอ๊วอั๊บ” ...เข้าใจแล้วครับ... เท่านั้นแหละคุณชายถึงยอมปล่อยผมให้หลุดจากพันธนาการที่แน่นหนา และทันทีที่หลุดออกมาผมก็เปิดฉากต่อว่าทันที “คุณชายขี้กะ...” โกง...


   “เป๊ก! เรียกสิ” คุณชายเอ่ยขัด สีหน้าดูขัดใจเล็กน้อย


   ผมทำสีหน้ายุ่งยากใจเล็กน้อย พอจะเข้าใจในความต้องการของคุณชายอยู่หรอก แต่ถึงอย่างไรเรียกแบบปกติมันก็ติดปากแล้ว อีกทั้งยศถาบรรดาศักดิ์ของคุณชายมันก็สูงส่งเหลือเกิน จะให้ผมเรียกแค่ชื่อเล่นสั้น ๆ คงไม่สนิทใจ


   “แค่นี้ทำเพื่อฉันไม่ได้เหรอ” น้ำเสียงที่งอนง้อแบบนั้นเริ่มทำผมใจอ่อนแล้วสิ


   ผมลังเลใจอยู่สักพัก พอเห็นแววตาที่แสร้งทำเป็นน้อยอกน้อยใจของคุณชาย กับท่าทีที่ก้มหน้าแล้วเบือนหน้าหนี ...เพียงแค่นั้น หัวใจของผมก็อ่อนยวบและยอมทำตามคำปรารถนาของคุณชายทันที


   “โถ่... อย่างอนนะ...” ผมขยับร่างเข้าไปใกล้ ๆ กับคนที่เบือนหน้าหนี “นะเป๊ก อย่างอนผมนะ น๊า...”


   ได้ผล... คุณชายหันหน้ากลับมา แววตาเปลี่ยนไปกับเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง


   “เรียกอีกทีซิ... ไม่เอา... เอาอีกหลาย ๆ ทีเลยดีกว่า” น้ำเสียงตื่นเต้นราวกับเด็กสามขวบที่เพิ่งได้ของเล่นชิ้นถูกใจ


   “เป๊ก... เป๊ก... เป๊ก... เป๊ก...” ผมเอ่ยชื่อเล่นของคุณชายซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง มันไม่ชินปากจริง ๆ แต่พอเรียกไปเรื่อย ๆ ก็ชักจะรู้สึกชินขึ้นมาแล้วเหมือนกัน “เป๊ก... เป๊ก... เป๊ก... ไอ้เป๊ก”


   “โอ๊ย...” ฝ่ามืออรหันต์ของคุณชายที่โบกเข้าที่กลางกบาลทำให้ผมเผลอร้องเสียงหลงออกมาทันที


   “ได้ทีแล้วลามปาม”


   “ก็แค่ลองใจ” ผมบ่นอุบอิบ แค่ล้อเล่นหน่อยเดียวเองจะได้ชินปากทำไมต้องลงโทษกันรุนแรงแบบนี้ด้วยนะ “ไม่คิดว่าจะโดนตอบกลับด้วยฝ่ามือของคนโหดเหี้ยม”


   “เรียกเป๊กก็พอ ส่วนคำว่าไอ้น่ะมันไม่น่ารักเลยนะ” คุณชายพูดออกมาได้อย่างมั่นหน้า ทีกับผมน่ะบอกได้ว่ามันไม่น่ารักฃอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ตัวเองกลับชอบเรียกผมว่าไอ้ข้าวบ่อย ๆ น่ะมันน่านัก “แล้วอย่าเถียง ที่ฉันเรียกว่าไอ้ข้าวน่ะ เพราะมันน่าเอ็นดู เข้าใจ”
   

“เหตุผลฟังเข้าท่าดีนะครับ” ผมแกล้งประชด “งั้นผมเอ็นดูคุณชายเป๊กก็เรียกแบบนั้นได้เหมือนกันดิครับ”


   “หึ... ถ้าชอบก็เอา เรียกสิไอ้เป๊ก” ได้ทีท้าใหญ่เลย ก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าผมแค่แกล้งพูดไปอย่างนั้นไม่กล้าทำจริงหรอก “เรียกสิเร็ว เรียกไอ้เป๊กสิ”


   ผมส่ายหน้ารัว ๆ อย่างสำนึกผิด เล่นกับใครไม่เล่นดันไปเล่นกับไอ้เด็กเอาแต่ใจ ขี้โมโห ขี้โวยวาย ชอบเอาชนะคนอื่นอย่างคุณชายเป๊ก การัณญภาสฌ์ สุริยะวิทู คิดผิดไปแล้วจริง ๆ ไอ้ข้าว


“หึ... ไอ้กระจอก ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิถึงได้ชอบ” พูดจบก็เดินออกจากห้องไม่หันมามองผมอีกเลย แต่ไม่ลืมที่จะตะโกนให้ท้ายว่า “แต่งตัวเสร็จก็รีบลงมานะ จะเตรียมอาหารไว้รอด้านล่าง”


   “คร้าบ...” ผมตอบรับเสียงหวาน หากแต่ในใจกำลังก่นด่าคุณชายว่า ‘ไอ้ขี้เก๊ก’ ไม่ยอมหยุด จะบอกว่าชอบออกมาตรง ๆ ก็ลีลาท่ามากอยู่นั้นล่ะ


   หลังจากที่คุณชายเดินลงไป หัวของผมก็ดันไปนึกถึงเรื่องที่ลุงบุญส่งพูด...

เมื่อคืนคุณชายรุนแรงขนาดบ้านสั่นเลยเหรอเนี่ย มิน่าล่ะผมถึงยังรู้สึกระบมไม่หาย อย่าให้ถึงคราวผมบ้างนะจะเอาคืนให้สามสมเลยคอยดู



จบตอน

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ได้ยินเสียงครางเหรอ คุณลุงคุณป้า แผ่นดินไหวมันจังหวะแปลกๆนะ

เรียก เป๊กรู้สึกแปลก ฉันขอเรียก อิคุณชายต่อไปแล้วกันนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด