“อาบน้ำกันดีกว่า” อยู่ ๆ คุณชายก็เปลี่ยนเรื่อง แถมยังส่งสายตาแปลก ๆ มาให้อีกด้วย คงไม่ได้คิดว่าจะลากผมไปอาบด้วยหรอกนะ
“ดีเลยครับ คุณชายน่ะรีบไปอาบเลย ตากฝนมาตั้งนานเดี๋ยวไข้จะขึ้นหนักเอา” ผมตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่ปกติ พยายามข่มความคิดเอาไว้
“ไม่อ่ะ อาบพร้อมกันนะ” คุณชายทำสีหน้าออดอ้อน ...นั่นปะไร ผมว่าแล้วเชียว “นะข้าว นะนะ”
“บ้าน่าคุณชาย” ผมปฏิเสธ “คุณชายไปอาบเลยไป”
“ไม่เอา ข้าวต้องอาบด้วย” คุณชายยังแสดงอิทธิฤทธิ์ความเอาแต่ใจไม่ยอมจบและตบท้ายด้วยการออดอ้อน “นะ... น้า...”
ผมส่ายหน้าปฏิเสธท่าเดียว ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากอาบพร้อมคุณชายหรอกนะ แต่ถ้าผมต้องเห็นเรือนร่างของคุณชายชุ่มฉ่ำไปด้วยหยดน้ำมีหวังผมต้องสลบตายอยู่ในห้องน้ำแน่ ๆ กล้ามหน้าอกของคุณชายใช่ว่าจะเล็กที่ไหน ต้นแขนอีกล่ะ มันดูดีเกินกว่าที่ผมจะข่มใจให้ไม่รู้สึกอะไรเลยเวลาที่มองไม่ได้หรอก
“ถ้างั้นไปรอหน้าห้องน้ำหน่อย... มันมืด”
“อ๋อ...” ผมแสร้งพยักหน้าช้า ๆ อย่างเข้าใจอะไรบางอย่าง “กลัวผีก็บอก”
“ไอ้ข้าว!!!”
“กลัวผีสินะ ฮ่า ๆ” ผมแกล้งทำท่าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่
“หึ... ใครกลัว” พูดจบก็เข้ามาประชิดร่างผมด้วยความฉับไวมิหนำซ้ำล็อกคอผมเอาไว้อีกต่างหาก แม้ตัวจะยังรุม ๆ ด้วยพิษไข้หากแต่นั่นไม่ได้ทำให้เรี่ยวแรงของคุณชายลดลงเลยสักนิด “ลองพูดอีกทีสิ ใครกลัวผี”
ผมขนลุกซู่ทันที คุณชายเล่นโน้มหน้ามากระซิบที่ข้างใบหูแถมยังเป่าเข้ามาในรูหูของผมอีกต่างหาก
“จะตอบได้หรือยัง” คุณชายคาดคั้น
“มะ...ไม่ครับ ไม่มีใครกลัวผี”
“ดีมาก...” คุณชายคลายวงแขนออกก่อนจะยกมือขึ้นมาขยี้ศีรษะผมเล่นแล้วพูดต่อ “เออข้าว... ถอดเสื้อให้หน่อยดิ”
ผมเบิกตาโพลงด้วยความตกใจทันที ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นกายเนื้ออันน่าสัมผัสของคุณชาย หากแต่ความรู้สึกในตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ความสัมพันธ์ที่เหมือนจะเลื่อนขั้นจากนายจ้างกับลูกจ้าง กลายมาเป็นความสัมพันธ์ที่คล้ายกับคนรักมันเลยทำให้ผมรู้สึกหวั่นไหวได้ง่ายยิ่งขึ้น
“อะไรนะครับ” ผมถามย้ำทั้ง ๆ ที่ได้ยินเต็มสองรูหู
“ถอดเสื้อให้หน่อย” พูดจบก็ชูมือขึ้นสูงตั้งท่าพร้อมให้ผมถอดเสื้อให้เต็มที
ผมลอบถอนหายใจออกมาแล้วเบือนหน้าหนี พยายามหลบสายตาคุณชายแล้วเหล่มองที่ชายเสื้อยืด นับหนึ่งถึงสามในใจแล้วมือก็เอื้อมไปจับที่ชายเสื้อก่อนจะยกขึ้นจนกระทั้งมันหลุดออกมาตามแรง
ไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัว คุณชายก็ถือวิสาสะยื่นมือมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวที่ผมใส่ กระดุมเม็ดแรกถูกปลดอย่างง่ายดาย แต่ก่อนที่เม็ดที่สองจะโดนปลดผมก็ยกมือขึ้นมาจับเอาไว้พร้อมหันหน้าที่เบือนหนีกลับมามองคุณชายตรง ๆ
สายตาที่อ่อนโยนกับรอยยิ้มหวานของคุณชาย สะกดให้ผมต้องยืนอยู่นิ่ง ๆ มือที่จับแขนของคุณชายเอาไว้อ่อนแรงลงอย่างน่าประหลาด คุณชายดูซูบผอมลงเล็กน้อยหากแต่มัดกล้ามบนแผ่นอกยังคงงดงามเช่นเดียวกับส่วนอื่น ๆ ผิวขาวอมชมพูซึ่งถูกฉาบอยู่บนเรือนร่างอันแข็งแกร่งมันช่างน่าสัมผัสเสียจริง
ฝ่ามือของคุณชายค่อย ๆ เลื่อนลงตามเม็ดกระดุมจนกระทั่งถึงเม็ดสุดท้าย ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าคุณชายถอดเสื้อให้ผมเสร็จตั้งแต่เมื่อไร พอรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงของคุณชายดังแว่วเข้ามาในรูหู
“ข้าว... เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ”
เสียงของคุณชายชัดทุกประโยค แต่ทำไมผมถึงมองไม่เห็นคุณชายเลยสักนิด... พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นอะไรไม่รู้เป็นสีขาวอมชมพูพอลองกดใบหน้าพร้อมแนบใบหูลงไปก็ได้ยินเสียงเต้นของอะไรบางอย่างสะท้อนกลับมา
“จะซบอีกนานไหม ถ้าไม่ไหวก็ไปนอนกันเลยไหม”
ผมรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน 'ใครซบคุณชาย..' ทั้งที่ในห้องนอนควรมีแค่เราสองคนไม่ใช่หรือ หัวใจของผมร้อนลุ่มรู้สึกไม่พอใจกับคำ ๆ นี้ ความไม่พอใจส่งผลให้ผมต้องอ้าปากกัดกับอะไรที่ให้ความรู้นุ่ม ๆ ตรงหน้าเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ทันที
“โอ๊ย!!! ไอ้ข้าว” เสียงของคุณชายดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือที่ดันศีรษะผมออกสุดแรง “กัดทำไมวะ”
ผมมองซ้าย มองขวา เมื่อพบว่าไม่มีใครจึงหันกลับไปสบตาคุณชายก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ใครซบคุณชายครับ”
“ใครล่ะ! ก็ข้าวนั่นแหละ กำลังถอดเสื้อให้อยู่ดี ๆ แล้วจู่ ๆ ก็มาซบที่อกฉันซะงั้น ถามอะไรก็ไม่ตอบ ไอ้เราก็นึกเป็นห่วงว่าไม่สบายหรือเปล่า แต่สุดท้ายเป็นไงล่ะ โดนกัดซะงั้น!!!”
ผมมองที่หน้าอกของคุณชาย รอยเขี้ยวของผมชัดเจนมาก มันเป็นวงอยู่รอบหัวนมเม็ดเล็ก ๆ ข้างซ้ายของคุณชายพอดิบพอดี เห็นสายตาดุ ๆ ที่มองมาก็ได้แต่ก้มหน้าแล้วยิ้มแหย ๆ อย่างสำนึกผิด
“ผมขอโทษครับ” บ้าจริง... ผมอยากจะเอาปืนมายิงกบาลตัวเองให้ตายเสียรู้แล้วรู้รอด เผลอทำอะไรที่น่าอับอายลงไปแบบไม่รู้ตัว จำได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่คุณชายถอดเสื้อให้ สายตาที่แสนดื้อด้านมันเหลือบไปมองเรือนร่างของคุณชายทั้งที่พยายามข่มใจแล้ว แล้วหลังจากนั้นมันก็รู้สึกอยากสัมผัส อยากอยู่ใกล้ ๆ แล้วสติก็ดับวูบไปปล่อยให้กิเลสตัณหาเข้ามาครอบงำ
“หึ” คุณชายเค้นเสียงพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา “ชอบเหรอ”
“เปล่าครับ!” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง
“ชอบเหรอ” คุณชายถามอีกครั้ง น้ำเสียงในคราวนี้อ่อนโยนลงเล็กน้อย
“ปะ... เปล่าครับ” น้ำเสียงของผมอ่อนลงตามคุณชาย หัวใจของผมเกิดอาการสั่นรัวอีกครั้ง
“ชอบเหรอครับ” คุณชายเขยิบเข้ามาใกล้ ๆ แล้วยกมือขึ้นมาจับใบหน้าของผมให้เงยมองตา
เมื่อได้สบตากับคุณชาย ริมฝีปากที่ตั้งใจจะตอบออกไปเหมือนอย่างเคยกลับขยับไม่ได้ คุณชายรู้จุดอ่อนข้อนี้ของผม ...ผมไม่สามารถพูดโกหกคุณชายได้ในขณะที่กำลังจ้องมองตากับคุณชายอยู่ และในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ คุณชายฉีกยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มของผู้มีชัย
“ฉันไม่ยอมให้ใครกัดฟรี ๆ หรอกนะ” น้ำเสียงของคุณชายเจ้าเล่ห์
“ครับ” ผมก้มหน้ายอมรับความผิดต่อไป “คุณชายจะให้ผมชดใช้ยังไงผมยอมทุกอย่างครับ”
“ดี... แต่ก่อนที่จะชดใช้เราไปอาบน้ำกันก่อนดีกว่า”
“ครับ” ผมพยักหน้าอีกครั้ง
บ้านของลุงบุญส่งมีห้องน้ำไว้เพื่อขับถ่ายเท่านั้น ถ้าต้องการอาบน้ำจำเป็นต้องเดินอ้อมไปทางด้านหลังของตัวบ้าน ซึ่งผมกับคุณชายเพิ่งทราบหลังจากที่ออกมาจากห้องพักเป็นจังหวะเดียวกับที่ลุงบุญส่งนำผ้าขาวม้ามาให้พอดีและลุงบุญส่งได้แยกตัวกลับห้องนอนเพื่อไปพักผ่อนทันที จากนั้นเราสองคนจึงถอดเสื้อแล้วผูกผ้าขาวม้าไว้ที่เอวเหมือนเวลาที่ผูกผ้าขนหนูทันที
สถานที่อาบน้ำอยู่กลางแจ้ง มีรั้วไม้เล็ก ๆ ล้อมรอบเป็นทรงสี่เหลี่ยม ภายในรั้วกั้นมีโอ่งน้ำสองใบสูงประมาณเอว
“อาบตรงนี้เลยเหรอ” คุณชายเอ่ยถาม เกิดมาเคยอาบน้ำแต่ในห้องน้ำหรู ๆ คงประหลาดใจกับภาพที่เห็น
“ใช่ครับ” ผมตอบพร้อมเดินไปหยุดอยู่หน้าโอ่งทันที คุณชายเดินตามมาติด ๆ
“แล้วมันต้องอาบยังไงอ่ะ” คุณชายถามอีกครั้ง เห็นสบู่และแชมพูวางระแกะระกะอยู่บนถาดรองระหว่างโอ่งสองใบคงทำอะไรไม่ถูก
ผมไม่ได้ตอบคำถามในทันที หากแต่เดินไปหยิบขันในอ่างพร้อมตักน้ำขึ้นมาก่อนจะหันไปส่งยิ้มอันแสนเจ้าเล่ห์ให้คุณชายแล้วสาดน้ำในขันออกไปทางร่างนั้นด้วยความสะใจ
“แบบนี้ไงครับ”
“ไอ้ข้าว!!!” คุณชายขึ้นเสียงพร้อมเดินไปหยิบขันในอ่างแล้วตักน้ำขึ้นมาสาดผมบ้าง
เราสองคนสาดน้ำใส่กันไปมาอย่างสนุกสนาน พอน้ำบกลงจึงยื่นมือไปเปิดก็อกแล้วหันมาสาดน้ำใส่กันต่ออย่างสนุกสนานจนกระทั่งเป็นฝ่ายผมที่ยอมแพ้แล้วหยุดสาดก่อน
คุณชายที่ผมเห็นหยุดสาดสักพักจึงหยุดตามแล้วเอื้อมมือไปหยิบสบู่ก้อนที่อยู่ในถาดซึ่งวางอยู่ระหว่างโอ่งสองใบมา ผมนึกว่าคุณชายจะถูสบู่ให้ตัวเองเสียอีกแต่ที่ไหนได้
“เขยิบมาสิ” ไม่รอให้ผมตอบหรือทำตามคำสั่ง มืออีกข้างของคุณชายก็เอื้อมมาดึงร่างของผมเข้าไปหาทันที จากนั้นสบู่ในมือของคุณชายที่ถูกหยำน้ำจนละลายเป็นฟองก็ได้ละเลงไปทั่วเรือนร่างของผม
ผมรู้สึกจั๊กจี๋แปลก ๆ ยิ่งตอนที่ฝ่ามืออันนุ่มนวลของคุณชายมาละเลงที่หน้าอกของผมมันทำให้ผมจนลุกซู่ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ หากแต่ร่างกายไม่ได้ปฏิเสธกลับชอบความรู้สึกแบบนั้นเสียด้วยซ้ำ
เมื่อร่างกายส่วนบนด้านหน้าถูกคุณชายผู้หล่อเหลาจัดการจนสะอาดหมดจด เขาก็จัดการต่อด้วยการเขยิบเข้ามาใกล้ ๆ จนร่างติดกัน จากนั้นมือทั้งสองข้างก็ถูกสอดผ่านใต้วงแขนของผมแล้วมาละเลงสบู่เล่นที่แผ่นหลังในท่วงท่าที่คล้้ายกับว่ากำลังสวมกอด
ผมยืนตัวเกร็ง ปล่อยให้คุณชายเล่นเรือนร่างได้อย่างสบายใจจนกระทั่งฝ่ามือของคุณชายค่อย ๆ ไหลลู่ต่ำลง... ต่ำลงเรื่อยตามกระดูกสันหลังจนอีกนิดเดียวเท่านั้นมันก็จะเลื่อนลงไปถึงบั้นท้าย
“เอ้อ... คุณชายครับ” ผมเอ่ยขึ้นพร้อมดันร่างของคุณชายออกอย่างเบามือ คุณชายทำสีหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ผมจึงรีบแย่งสบู่ในมือของคุณชายมา “เดี๋ยวผมถูกให้คุณชายบ้างดีกว่า”
ไม่รอให้คุณชายแสดงความคิดเห็นใด ๆ รีบตักน้ำขึ้นมาราดสบู่เล็กน้อยเพราะอยากให้มีฟองมากกว่านี้จากนั้นก็ละเลงสบู่ไปบนเรือนร่างของคุณชายบ้าง
กายเนื้อของคุณชายช่างขาวละมุนหากแต่แข็งแกร่งเสียจริง ผมแกล้งกดมือลงตรงหน้าอกที่นูนออกมาเป็นกล้ามมัดเล็ก ๆ อย่างไม่รู้ตัวจน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงรู้สึกอ่อนไหวและชอบสัมผัสกับส่วนนี้ของคุณชายที่สุด
“ถูที่อื่นบ้างก็ได้” จนกระทั่งคำพูดของคุณชายที่เปล่งออกมา ผมถึงได้รู้ว่ามือของผมมันหมุนรอบแผ่นอกของคุณชายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผมเงยหน้ามองคุณชายก่อนจะยิ้มแหย ๆ ให้ ร่างตรงหน้ายิ้มกลับมาด้วยความชอบใจ …โถ่เอ๊ย! ไอ้ข้าว อ่อนไหวทุกทีสิน่า
“เอาไปถูเองเลยครับ” พูดจบผมก็ยัดสบู่ในมือคืนคุณชายจากนั้นจึงรีบตักน้ำขึ้นมาชำระร่างกายจนฟองสบู่ที่คุณชายบรรจงถูให้หายไปจากเรือนร่างจนหมด
คุณชายถอนหายใจออกมาแต่ไม่ได้โต้เถียงอะไรและตั้งใจถูสบู่ให้ตัวเองทุกซอกทุกมุมก่อนจะตักน้ำขึ้นมาราดรดร่างกายของตัวเองบ้าง จนกระทั่งร่างกายสะอาดหมดจดไม่ต่างกับผม
“ป่ะ ขึ้นห้องกันเถอะ” คุณชายเอ่ยขึ้นพลางยื่นมือมาจับแขนผมหากแต่ผมเกร็งตัวเอาไว้ไม่ยอมก้าวขาตาม
“เดี๋ยวครับ” คุณชายชะงักกึก หันมามองผมด้วยความแปลกใจ “คุณชายตากฝนมา ยังไม่ได้สระผมเลยนะครับ”
“ต้องสระด้วยเหรอ” คุณชายทำสีหน้าไร้เดียงสาสุด ๆ คงจะคิดว่าตัวเองน่ารักสิท่า ซึ่งมันก็ไม่ผิดสักนิดถ้าจะคิดแบบนั้น แต่ไอ้คนไม่น่ารักอย่างผมเห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้
“ต้องสระครับ” ผมพยักหน้า
“ไม่สระได้ไหม ขี้เกียจ” ตอบปัด ๆ ไปอย่างไม่สนใจสักนิด
“ไม่ได้ครับ” ผมปฏิเสธท่าเดียว จะยอมให้คุณชายขึ้นมานอนโดยที่ไม่สระผมไม่ได้หรอก ตากฝนมาไม่รู้นานกี่นาทีแค่นี้หวัดก็เล่นงานแล้ว
“ก็คนมันขี้เกียจนี่” คนชายทำเสียงเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่วายเอื้อมมือไปหยิบขวดแชมพูที่วางอยู่ในถาดระหว่างโองสองใบมา ผมยิ้มแป้นแล้นทันทีเป็นการชื่นชม หากแต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นรอยยิ้มของผมก็หุบลงเมื่อได้ยินประโยคต่อไป “สระให้หน่อยสิ”
“เฮ้อ...” ผมลอบถอนหายใจออกมาพร้อมยื่นมือไปคว้าขวดแชมพูในมือของคุณชาย... ให้มันได้อย่างนี้สิน่า เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง ชอบบังคับจิตใจคนอื่น พอไม่ได้ดั่งใจก็โมโหร้าย
...แต่เอ๊ะ นี่คุณชายไมได้บังคับนะ แต่ขอร้องต่างหาก ผมจะปฏิเสธก็ได้นี่นา แต่ไม่เอาดีกว่าทำ ๆ ไปน่ะดีแล้ว เกิดปฏิเสธไปแล้วไม่ได้สระผมให้ ผมจะรู้สึกเสียดายเสียเอง
ผมทำตามความประสงค์ของคุณชายจนเสร็จสิ้น จากนั้นเราจึงเดินกลับไปที่ห้องนอนพร้อมกัน โชคดีที่คุณชายพกไดร์เป่าผมมาในกระเป๋าเดินทางด้วย จึงช่วยให้เส้นผมของคุณชายแห้งภายในเวลาไม่กี่นาที
เราสองคนคลานรอดเข้าไปในมุ่งตาม ๆ กันจากนั้นต่างคนต่างทิ้งร่างที่แสนหนักหน่วงของตัวเองไปกับเสื่อแข็ง ๆ โชคดีที่ยังมีหมอนนุ่ม ๆ ให้ได้นอนหนุนไปตลอดคืน
ก่อนที่ผมจะหลับตา สายตาอันแสนดื้อด้านของผมดันเหลือบไปมองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ด้วยความใคร่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร จะแอบมองผมเหมือนที่ผมกำลังแอบมองบ้างไหม
คำตอบที่ได้น่าผิดหวังเล็กน้อย เพราะเปลือกตาของคุณชายปิดสนิท ไม่หันมามองผมเลยสักนิด ...โถ่ คนใจร้าย ทำให้ผมหวั่นไหวหัวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาตลอดทั้งคืนแล้วมาหลับเอาง่าย ๆ แบบนี้มันน่าตีซะให้รู้สึกนึกนัก
ความผิดหวังส่งผลให้ผมพ่นลมหายใจออกมา จังหวะที่ผมกำลังพลิกตัวไปอีกทางเพราะไม่อยากมองใบหน้าของคุณชายที่กำลังหลับตาพริ้ม คนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ก็ดันยืดแขนข้างหนึ่งมาคว้าร่างของผมเอาไว้ มิหนำซ้ำยังออกแรงดึงจนผมต้องยอมเขยิบเรือนร่างไปตามแรงนั้น
“อย่าใจร้ายนักสิ” เสียงของคุณชายเบาหวิว “นอนด้วยกันทั้งทีจะทำเมินพลิกตัวหนีแบบนี้เหรอ”
ได้ยินดังนั้นผมก็งงสิ... ไอ้คนที่ทำตัวเมินมันคุณชายไม่ใช่เหรอ เข้ามุ้งมาก็หลับตาพริ้มไม่สนใจผมสักนิด แล้วยังมีหน้ามาโยนความผิดให้ผมอีก
“ผมเปล่าใจร้ายนะครับ” แม้จะอยากต่อล้อต่อเถียงเพียงใด แต่ท้ายที่สุดผมก็ต้องปฏิเสธออกไปด้วยถ้อยคำที่สุภาพอยู่ดี
“อืม” คุณชายรับคำสั้น ๆ เสียงของคุณชายดูอ่อนล้ากว่าที่เคย “นอนเถอะ”
พูดจบก็กระชับแขนให้แน่นขึ้น... แน่นขึ้น... แน่นเสียจนผมรู้สึกอึดอัด แต่ผมก็พยายามอยู่นิ่ง ๆ ไม่อยากรบกวนคุณชายให้มากมายนัก เพราะแม้ความรู้สึกภายนอกจะอึดอึดแต่มันก็ขัดกับความรู้สึกที่ก่อเกิดขึ้นภายในจิตใจที่กำลังเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขจนผมไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นพูดได้
ผมหลับตาลงพร้อมทั้งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่หลายนาทีจนผมคิดว่าคนที่กอดผมเอาไว้อย่างแนบแน่นจะหลับสนิทเสียแล้ว แต่อยู่ ๆ ร่างนั้นก็กระซิบขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่บางเบาว่า
“หลับยัง”
“ยังครับ” ผมตอบในทันที “ผมนึกว่าคุณชายหลับไปแล้วซะอีก”
“ก็เกือบแล้วล่ะ” คุณชายตอบกลับมา “แต่นึกขึ้นได้ว่าข้าวยังไม่ได้ชดใช้เลย”
“ชดใช้?” ผมทวนถามด้วยความฉงน ไม่รู้ว่าไปติดค้างอะไรคุณชายตั้งแต่เมื่อไร ถ้าเรื่องเงินล่ะก็ไม่ใช่แน่ คนรวยล้นฟ้าอย่างคุณชายไม่เคยคิดจะทวงตังค์ผมอยู่แล้ว และผมเองก็ไม่เคยไปขอยืมตังค์คุณชายมาใช้แน่ ๆ มีแต่คุณชายเต็มใจมอบให้ทั้งนั้น ...จนกระทั่งประโยคถัดไปที่คุณชายเอ่ยออกมา ผมถึงนึกได้ว่าผมไปติดค้างอะไรคุณชายเอาไว้
“ใช่! ก็ที่ข้าวดูดอกเล่นไง”
“ไม่ได้ดูด แค่เผลอกัดนะครับ” ผมรู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้า พอคิดถึงเหตุการณ์นั้นมันก็ทำให้ผมนึกอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี
“ ถ้าอย่างนั้น... คืนนี้... คืนนี้... ข้าว...” คุณชายจงใจพูดช้า ๆ เว้นจังหวะให้ผมรอลุ้นจนเผลอกลืนน้ำลายเสียงดังเอื้อกไปหนึ่งที คุณชายจึงยอมพูดต่อ “ข้าวต้องเป็นของผมนะครับ นะครับ...”
ให้ตายเถอะ... คุณชายเล่นมาไม้นี้แล้วผมจะปฏิเสธได้อย่างไร ผมยอมรับว่าผมกลัวในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ไม่ใช่กลัวว่าร่างกายจะต้องเจ็บปวดแต่อย่างใด หากแต่กลัวใจของคุณชายจะยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นไม่ไหวแล้วตัดสินใจเลือกที่จะเดินหนีผมไปอีกครั้งต่างหาก สำหรับคุณชายน่ะ... เจ็บหายแค่ไหนผมก็ทนได้ แต่ถ้าต้องเจ็บที่หัวใจน่ะผมคงทนไม่ไหวอีกแล้วจริง ๆ
“นะครับข้าว” คุณชายลูบศีรษะของผมด้วยความเอ็นดู พร้อมกับค่อย ๆ ละเลงริมฝีปากมาที่หัวไหล่ก่อนจะเลื่อนไปที่ลำคอแล้วเอ่ยถามอีกครั้ง “นะครับ”
จบตอน
Talk
ตอบคุณ AMINOKOONG :: ^^ ฮ่าๆ ไม่ว่าครับ ดีใจที่ยังมีคนสนใจเรื่องปอมอยู่ อย่างที่บอกเลย แต่งเองยังพะวงเองเลยครับว่าปอมจะโผล่มาอีกเมื่อไหร่ หึหึ แต่รอได้เลยครับ ช่วงนี้ให้พระ-นาย ได้หวาๆนกันสักนิดก่อนครับ T^T ไม่อยากให้ดราม่าเกินไป แหะๆ