◑﹏◐ ดินต่างฟ้า ♂ รักของเด็กปั๊มกับคุณชาย [ตอน39-40 P.19] - 14/07/60
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◑﹏◐ ดินต่างฟ้า ♂ รักของเด็กปั๊มกับคุณชาย [ตอน39-40 P.19] - 14/07/60  (อ่าน 145830 ครั้ง)

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
 :a5:  ป๊าดดดดดด  แผ่นดินไหว  เร่าร้อนรุนแรงแท้น้อ   :o8:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ลุงต้องไปดูฝาบ้านแล้ว มีร้งมีร้าวหรือเปล่า
ไหวซะขนาดนั้น คริ คริ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เปลี่ยนชื่อจากเป็กเป็นเก็กแทนไหมคะคุณชาย..

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
โห บ้านสะเทือนเลยเหรอ รุนแรงนะเนี่ยะ  :z1:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
แผ่นดินไหว ไม่รู้กี่ครั้ง แต่คงหลายริกเตอร์ ..

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สงสารคุณตาคุณยาย นี้ถ้าได้ยินเสียงด้วยคงนึกว่ผีหลอกแน่ๆ

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
ตอน 33

            บรรยากาศการเดินทางในจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นอะไรที่ชวนปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นที่สุด ไม่ว่าจะเส้นทางไหน ๆ ก็คดเคี้ยวจนน่ากลัว แต่ยังดีที่วิวทิวทัศน์ข้างทางมันสวยงาม ขอบคุณธรรมชาติที่สรรสร้างสิ่งดี ๆ ให้อยู่คู่กับประเทศไทย


            “ไหวไหมครับ” ผมเอ่ยถามคนหน้าซีดที่เพิ่งเดินกลับออกมาจากห้องน้ำในรถทัวร์ คุณชายลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาเจียนเป็นครั้งที่สามแล้ว



            “ไหว สบายมาก” ก็ยังปากเก่งไม่เคยเปลี่ยน “ข้าวอ่ะเป็นไงบ้าง”



            “ก็ไหวครับ หลับ ๆ ตาเอา พยายามไม่มองออกไปนอกหน้าต่าง” ผมตอบ “แล้วเมื่อคืนคุณชายไปไงมาไงเนี่ย ไม่เห็นอ้วกเลย”



            “ก็ในหัวมันคิดแต่เรื่องข้าวนี่ ไม่ได้สนใจอะไรเลย” พูดจบก็ขยับร่างมาใกล้ ๆ เบียดจนตัวผมจะติดและแบนราบกับกระจกรถอยู่แล้ว “รู้ไหม ข้าวสำคัญกับฉันมาก ๆ นะ”



            “ไม่รู้ครับ” ผมส่ายหน้า แกล้งทำหน้าตาใสซื่อไร้เดียงสา ไม่ได้จงใจจะกวนประสาทคุณชายเลยสักนิด เพราะแม้คุณชายจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเพราะอะไรผมถึงสำคัญกับคุณชาย



            “ฮืม! ไอ้ทะลึ่ง” คุณชายทำเสียงฟึดฟัดแล้วเขยิบออกไปนั่งที่เบาะของตัวเองแบบปกติก่อนจะยกแขนขึ้นมากอดอกแล้วหลับตาไม่สนใจอะไร



            ผมหันไปมองด้วยความสนใจ อยากรู้ว่าคุณชายงอนจริงหรือแกล้งงอน แต่เวลาผ่านไปหลายวินาที คุณชายยังคงหลับตานิ่งไม่แม้แต่จะเปิดเปลือกตามามองผมดูบ้าง



            ‘หรือคุณชายจะงอนจริง ๆ’ ผมไม่คิดว่าการที่ไม่รู้ตัวว่าสำคัญกับคุณชายอย่างที่คุณชายพูดมันจะทำให้คุณชายโกรธผมจริง ๆ พอลองเอามือจิ้ม ๆ ที่แขนคุณชายก็ดันเขยิบร่างออกห่างไปอีกราวกับรำคาญ ถึงกระนั้นก็ยังไม่ยอมเปิดเปลือกตามาโต้ตอบกับผมอยู่ดี



            ให้ตายเถอะ! ถึงผมจะเคยง้อและอ่อนข้อให้กับคุณชาย แต่ทุกครั้งคุณชายก็เล่นโวยวายแบบออกนอกหน้า ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะเมินเฉยไม่พูดไม่จาแบบนี้



            ผมลองนั่งลอบมองสังเกตไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งรถถึงจุดหมาย คุณชายจึงลุกขึ้นหยิบกระเป๋าแล้วหันมาพยักหน้าให้ผมก่อนจะเดินลงจากรถไปไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ



            “เป๊ก... เป๊กครับ” ผมเอ่ยเรียก พยายามทำน้ำเสียงให้อ่อนหวานที่สุดเท่าที่ผู้ชายอย่างผมจะทำได้



            “ไร” แต่คำที่ได้รับกลับมากับเป็นคำสั้น ๆ อย่างเย็นชา



            ผมได้แต่ลอบกัดริมฝีปากด้วยความหมั่นไส้ขณะที่เดินตามหลังก่อนจะสูดให้ใจเข้าลึก ๆ แล้วลองสรรหาคำมาพูดให้คุณชายหายจากอาการแบบนี้บ้าง



            “ก็ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าผมสำคัญกับเป๊กยังไง” ได้ผลคุณชายหยุดนิ่งราวกับจะรอฟังหากแต่ยังไม่ยอมหันหน้ากับมามอง “แต่ถ้าถามว่าเป๊กสำคัญกับผมมากแค่ไหน ผมคงตอบได้ง่าย ๆ เลยล่ะว่ามาก... มากถึงมากที่สุด ผมชอบเวลาที่ได้อยู่ใกล้ ๆ เป๊ก ได้รับใช้เป๊ก ทำตามคำสั่งของเป๊กนะ ชอบเวลาที่เห็นเป๊กยิ้มมีความสุข ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเริ่มรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าผมจะรู้สึกดีกับไอ้เด็กอวดเก่ง ปากดี งี่เง่า เอาแต่ใจ ไร้เหตุผล แบบนี้ไม่ได้ แต่ถึงจะ... โอ๊ยยย!”



            ยังไม่ทันจะพูดจบคุณชายก็ส่งมะเหงกแรง ๆ มากลางกบาลผมหนึ่งที



            “พูดให้มันดี ๆ” แถมยังส่งเสียงดุ ๆ มาอีกต่างหาก



            “ก็ยังพูดไม่จบนี่ครับ ไม่เอาแล้ว ไม่พูดแล้ว” ไม่ได้โกรธหรืองี่เง่าหรอก แต่อดหมั่นไส้คุณชายไม่ได้



            “ไม่เอาน่า อย่างอนเป็นเด็กสิ พูดต่อให้จบนะ... นะ รอฟังแล้วเนี่ย” คุณชายเดินเข้ามาอ้อนเหมือนกับเด็กที่กำลังออดอ้อนขอของเล่นชิ้นใหม่



            “โห!!! ใครงอนครับ เป๊กไม่ใช่เหรอที่งอน” ผมโต้กลับ “เล่นนั่งเงียบมาตลอดทาง”



            “แค่แกล้ง” ตอบกลับสั้น ๆ พร้อมยักคิ้วกลับมาให้



            “ฮืมมมม!!!” ผมพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ อยากจะก่นด่าไอ้คนตรงหน้าให้หายเครียดเสียบ้างแต่ก็ด่าไม่ลงจริง ๆ เพราะโดนปลูกฝังมาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรกับคุณชายผู้สูงส่งคนนี้



            “เอาน่า ไปกันต่อเถอะ ขี้โมโหไปได้” พูดจบก็เดินมาโอบไหล่แล้วตบบ่าเบา ๆ ใช่สิ... ตัวเองไม่ใช่คนที่โดนงอนนี่นา อย่าเผลอทำให้ผมงอนบ้างล่ะ จะเอาคืนให้หนัก ๆ เลย



            คุณชายพาผมเดินไปขึ้นรถสองแถวอย่างชำนาญ สังเกตเห็นบนตัวรถเขียนจุดหมายปลายทางเอาไว้ว่า ‘ปางอุ๋ง’



            “จะพาไปไหนครับ” ผมเอ่ยถามขึ้นทันที ไอ้ปางอุ๋งอะไรนั่นชื่อประหลาดชอบกล อ่านครั้งแรกแล้วรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็จำง่ายดี



            “ไปเที่ยวไง” ตอบแบบกำปั้นทุบดินสุด ๆ



            “ที่ไหน ไกลป่ะครับ”



            “อ่านไม่ออกเหรอ นู่น” คุณชายพยักพเยิดใบหน้าไปทางตัวอักษรที่เขียนคำว่าปางอุ๋งเอาไว้ “ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไกลไหม ไม่เคยมา”



            “ครับ” ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “คงเป็นสวนมะปรางของคุณอุ๋งล่ะมั้ง ไปเที่ยวสวนมะปรางก็ดีนะครับ อยากกินผลไม้อยู่พอดี”



            “สวนมะปรางของคุณอุ๋ง?” คุณชายทวนคำก่อนจะเลิกคิ้วอย่างงุนงง แล้วขำพรวดออกมาเสียงดังลั่นอยู่หลายวินาทีจนหน้าขึ้นสี “เดี๋ยวนะข้าว… ไอ้นี่มันเป็นมุกใช่ไหม สวนมะปรางของคุณอุ๋งเนี่ย”



            ผมส่ายหน้าปฏิเสธอย่างฉับไวเป็นคำตอบ พร้อมทำแววตาใสซื่อสุดฤทธิ์ “แล้วมันไม่ใช่เหรอไงครับ”



            “ไม่ใช่! ไอ้บ้า นอกจากทะลึ่งแล้วยังบ้าอีกนะ ฮ่า ๆ” พูดไปก็ขำไปไม่หยุด



            ผมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่รู้จะขำอะไรนักหนาก็คนมันไม่รู้จักนี่นา “แล้วมันคืออะไรล่ะครับ”



            “ไปถึงเดี๋ยวก็รู้” คุณชายพูดเสียงสั่น พยายามกลั้นหัวเราะสุดฤทธิ์ “แต่ไม่ใช่สวนมะปรางแน่ ๆ”



            “ฮืม!!!” ผมคำรามรอดไรฟัน พลางคิดในใจว่าอย่าให้เป็นสวนมะปรางนะพ่อจะขำให้ฟันร่วงเลยคอยดู ชอบขำคนอื่นดีนัก



            หลังจากที่เราสองคนสนทนาด้วยวาจาสุภาพกันอยู่สักพัก นักท่องเที่ยวก็ทยอยขึ้นรถจนเต็มรถ ผมกวาดสายตาดูทั่วรถสังเกตได้ว่าไม่ได้มีเพียงคนไทยเท่านั้น ฝรั่งหัวแดงก็มี หรือคนเอเชียผิวเขาซึ่งน่าจะเป็นชาวจีน เกาหลี หรือญี่ปุ่นก็มี ซึ่งนั่นทำให้ผมเริ่มตงิดใจขึ้นมาแล้วว่ามันต้องไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวธรรมดา ๆ แน่นอน



            รถแล่นไปได้ไม่นานมากนักผมเริ่มรู้สึกอึดอัด ไม่ใช่เพราะผมอ้วนขึ้นจนนั่งเบียดเสียดกับผู้คนเยอะแยะไม่ได้หรอกนะ แต่คุณชายเล่นนั่งเบียดเสียจนจะสิงเข้ามาในร่างของผมยู่แล้ว



            “เบียดทำไมครับ” ผมกระซิบถาม



            “เงียบเหอะน่า นั่ง ๆ ไป” ไม่ตอบแถมยังทำเสียงดุอีกต่างหาก คนอะไรใจร้ายชะมัด ใจร้ายมาตั้งแต่เด็กเสมอต้นเสมอไป พอผมทำท่าจะเถียง คุณชายก็ถลึงตาใส่แล้วเอ่ยขัด “ถ้าพูดออกมาอีกคำจะโดนกอด”



            เล่นขู่กันแบบนี้มีหรือที่ผมจะไม่ทำตาม โดนกอดน่ะไม่กลัวหรอก แต่บนรถสองแถวมันไม่เหมาะสม เพราะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เด็กและเยาวชน นี่ถ้าไม่เห็นว่ามีเด็กเล็ก ๆ อยู่บนรถ 2 คนผมคงเถียงคุณชายกลับไปแล้ว



            “ก็แค่เนี้ย” ยังจะมากระซิบยั่วโมโหอีกแถมยังเบียดไม่ยอมเลิก ผมไม่เข้าใจจริง ๆ คนมันก็ไม่ได้แออัดอะไรขนาดนั้นแล้วจะมาเบียดทำไม หรือว่าตั้งแต่ยอมเปิดใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นเลยอยากอ้อน อยากแสดงออก



            ‘ก็น่ารักอยู่หรอก แต่มันอึดอัดนะครับ’ ทำได้แค่บ่นในใจ



            นั่งตัวลีบเพราะโดนเบียดอยู่ไม่รู้ว่าเป็นเวลานานเท่าไหร่ รถสองแถวก็จอดสนิท ผู้คนทยอยลงจนหมดโดยมีผมและคุณชายเดินลงเป็นคู่สุดท้าย



            รอบด้านในตอนนี้คือหมู่บ้านเล็กๆ บ้านทุกหลังเป็นบ้านไม้และมีขนาดกะทัดรัดราวกับเป็นที่พักของนักท่องเที่ยวมากกว่า และไม่ว่าจะมองไปทางใด ก็เห็นแต่ต้นไม้กับภูเขา ซึ่งมันน่าจะสวยงามกว่านี้ถ้าไม่ติดที่ว่าตอนนี้ร้อนไปหน่อย



            “ป่ะ” เสียงของคุณชายดังขึ้น ก่อนจะก้าวขาเดินนำฉับ ๆ ไปด้วยความไว เล่นเอาผมเดินตามแทบไม่ทัน แต่ท้ายที่สุดก็หยุดชะรอผมเอาดื้อ ๆ “เดินช้าจริง”



            ผมมองใบหน้าคุณชายที่ขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัย คุณชายดูอารมณ์เสียแปลก ๆ ตั้งแต่ตอนที่อยู่บนรถสองแถวแล้ว



            “เป็นอะไรครับ”



            “ถามมาก! ตามมา” พูดจบก็เอื้อมมือมาจับข้อมือของผมแล้วเดินนำไปอย่างชำนาญราวกับรู้ว่าจุดหมายปลายทางที่จะไปต้องเดินไปทางไหน



            ผมก้าวขาเดินตามคุณชายไปเรื่อย ๆ รู้สึกว่ามือของคุณชายบีบแน่นขึ้น เหมือนกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง ผมพยายามครุ่นคิดว่าผมไปทำอะไรผิดใจตอนไหน แต่ไม่ว่าจะนึกอย่างไรก็นึกไม่ออกเสียที จนกระทั่งคุณชายเดินฝ่าดงป่าสนมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านพักหลังหนึ่ง



            หลังคาของตัวบ้านมีลักษณะเป็นจั่วแหลมสูง กำแพงเป็นไม้จักรสานดูสวยงาม แม้ว่าตัวบ้านจะดูเล็กแต่พอมองไปรอบ ๆ กลับกลายเป็นว่าบ้านหลังนี้ใหญ่ที่สุด



            คุณชายปล่อยมือออกจากผมแล้วเดินอ้อมไปยังตัวบ้านหลังหนึ่งในละแวกนั้น สักพักก็เดินกับมากับชายวัยกลางคนรูปร่างสมส่วนและมีผิวขาวตามแบบฉบับของชาวเหนือ



            “หลังนี้นะครับ” ชายวัยกลางคนชี้ไปยังตัวบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับบ้านหลังที่ผมยืนอยู่



            “ครับ” คุณชายตอบกลับ จากนั้นชายวัยกลางคนก็ยิ้มให้คุณชายก่อนจะเดินจากไป ผมได้แต่สงสัยว่าคุณชายไปตีสนิทกับพนักงานที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปจนกระทั่งคุณชายเดินนำขึ้นตัวบ้าน



            ภายในบ้านเป็นโถงโล่งกว้าง มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงเสื่อ หมอน มุ่งและพัดลมเท่านั้น โชคดีที่ยังมีห้องน้ำในตัวเพราะเวลาต้องออกทริปไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือทัศนะศึกษากับทางโรงเรียนและมหาวิทยาลัย สิ่งที่ผมไม่ชอบเลยคือการต้องไปใช้ห้องน้ำรวมกัน... ไอ้เรื่องอาบน้ำน่ะมันขี้ประติ๋วอยู่แล้ว แต่ที่ผมรับไม่ได้คือ... อย่าให้ผมต้องกล่าวเลย ละไว้ในฐานที่เข้าใจละกัน แค่คิดก็ขยะแขยงแล้ว



            พูดถึงห้องน้ำ ก็เลยต้องขอตัวไปสำรวจสักหน่อย แม้ว่ารูปทรงของตัวบ้านจะดูไม่ทันสมัย อาจเพราะต้องการให้เข้ากับบรรยากาศและชุมชนของคนที่นี่ แต่ห้องน้ำต้องบอกได้เลยว่าสะอาดและถูกใจมาก มันไม่ได้ดูหรูหราเหมือนห้องน้ำในห้างใหม่ ๆ ที่สร้างจนทันสมัย แต่เพราะความสะอาดอ้านต่างหากที่ทำให้ห้องน้ำธรรมดา ๆ กลับดูมีราคาขึ้นมาทันใด



            หลังจากที่ผมออกจากห้องน้ำ ก็เห็นร่างของคุณชายกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเสื่อ



            “คุณชาย... ” คนมันติดเรียกคุณชายไปแล้ว อยู่ ๆ มาให้เรียกชื่อเล่นเลยไม่ค่อยชินเท่าไหร่เผลอพูดออกไปอย่างลืมตัว



            “งีบแป๊บนึง” คุณชายตอบกลับมาในทันที



            “ครับ” ผมลอบถอนหายใจออกมาอย่างเสียดาย ว่าจะชวนคุณชายไปเดินเล่นสักหน่อย เห็นต้นไม้สูง ๆ บรรยากาศดี ๆ เลยอยากไปเดินดูให้ทั่ว ๆ แต่ทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อเมื่อคืนคุณชายได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมง ให้พักผ่อนสักหน่อยก็น่าจะดี



            “ข้าว”คุณชายเอ่ยเรียกทั้งที่เปลือกตายังปิดสนิท “มานอนด้วยกันสิ”



            พูดจบก็ตบมือลงบนเสื่อข้าง ๆ กับร่างของตัวเอง



            “ไม่ง่วง” ผมบอกออกไปตรง ๆ



            “ก็ฉันง่วงนี่” ผมขมวดคิ้วมุ่น คุณชายง่วงแล้วเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ “มันไม่มีหมอนข้าง นอนไม่หลับ”



            “ข้ออ้างชัด ๆ” ผมบ่นเบา ๆ คุณชายไม่ได้ยินหรอก โตจนป่านนี้แล้ว เห็นหลายครั้งไม่ต้องมีหมอนข้างก็ยังนอนหลับสนิทเสมอนี่นา อยากกอดผมก็บอกตรง ๆ เถอะ



            “งั้นไม่เป็นไร” คุณชายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่บางเบา ก่อนจะนอนพลิกร่างไปอีกด้านที่ไม่ใช่ด้านที่ผมยืนอยู่ “ฉันคงบังคับข้าวมากเกินไป งั้นข้าวอยากทำอะไรก็ทำเถอะครับ ฉันนอนก่อนนะ”



...ให้ตายสิ น้ำเสียงน้อยใจและคำพูดที่สื่อชัดเจนว่ากำลังงอนนั่นมันหมายความว่าอะไรกัน



            “ไม่เอาน่าคุณชาย” ผมเดินเข้าไปหาก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ กับร่างของคุณชาย



            “เรียกคุณชายอีกแล้ว” คุณชายถอนหายใจด้วย



            “เอ้อ... จริงด้วย” ผมร้องเสียงสูง ก็คนมันลืมตัวนี่นา “ขอโทษครับ จะพยายามพูดให้ชินน๊า ว่าแต่เป๊กอ่าอย่างอนสิ ดีกันน๊า นะนะนะ”



            ผมเอื้อมมือไปจับที่แขนของคุณชายแล้วเขย่าเบา ๆ เป็นการง้อ หากแต่คุณชายยังคงนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงเลยสักนิด



            ‘ไอ้ขี้งอนเอ๊ย’ ผมอยากจะตะโกนออกไปดัง ๆ แต่ก็ทำไม่ได้ ขืนพูดออกไปมีหวังชาตินี้โดนงอนจลอดชีวิตแน่ ท้ายที่สุดก็เลยต้องง้อต่อ “นอนด้วยก็ได้ แต่ถ้าตื่นแล้วสัญญานะต้องไปเดินเล่นกับผม”



            ไม่รอให้คุณชายตอบอะไร ผมรีบเหยียดกายนอนบนเสื่อข้าง ๆ กับร่างของคุณชาย... หนุนหมอนใบเดียวกันกับคุณชายและเอื้อมมือไปโอบกอดคุณชายที่ยังนอนพลิกใบหน้าไปอีกด้านอยู่



            คุณชายเลื่อนฝ่ามือมากุมกับฝ่ามือของผมที่กำลังโอบร่างอยู่



            “สัญญาครับ” พูดสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงที่บางเบา แล้วสุดท้ายก็ผล็อยหลับไปไม่รับรู้อะไรอีกเลย สงสัยคงจะง่วงจัด



            ผมคิดแล้วก็ขำกับนิสัยเด็ก ๆ ของคุณชาย แม้ในบางมุมจะชอบทำตัวเก่ง ปกป้องและช่วยเหลือผมต่าง ๆ นานา แต่อย่างไรเด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ ทั้งกลัวผี ทั้งปากแข็ง ทั้งขี้งอน ทั้งขี้โวยวาย ไหนจะง่วงแล้วเผลอหลับเอาง่าย ๆ แบบนี้อีกล่ะ ...นี่ใช่ไหมที่เขาบอกว่าความรักทำให้คนตาบอด ไม่ว่าคนรักจะมีข้อเสียอะไร เราก็ไม่ถือสาเลยสักนิด บางข้อเสียยังคิดว่าน่าเอ็นดูเสียอีก



            ผมนอนคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาระหว่างเราสองคนแล้วเผลอยิ้มออกมาอยู่หลายครั้งจนกระทั่งท้ายที่สุดผมก็เผลอหลับ.ไปตามคุณชาย... หลับไปโดยที่แขนยังคงโอบกอดร่างของคุณชายเอาไว้





 

            ทำไมรู้สึกอึดอัดจัง อากาศรอบด้านค่อย ๆ ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ พอจะลองพลิกทางซ้ายก็ไม่ได้ พลิกทางขวาก็ไม่ได้ ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจลืมตาขึ้นมา



            “เฮ้ย!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อเห็นว่าใบหน้าของผมมันกำลังซุกอยู่กับร่างของใครสักคน ฝ่ามือที่ไวเท่าเสียงเผลอผลักร่างนั้นออกไปจึงได้เห็นเต็มตาว่านั่นคือคุณชาย



            “ตกใจอะไร” คุณชายทำเสียงดุ


            “เอ้อ เปล่า ๆ ครับ” ผมยกมือขึ้นมาขยี้ศีรษะ จำได้ว่าตอนก่อนนอนผมเป็นคนกอดคุณชาย แต่พอตื่นมาทำไมผมถึงโดนคุณชายกอดไปได้นะ แถมยังซุกที่อกอีกต่างหาก น่าอายชะมัด



            “ไปล้างหน้าล้างตาไป” คุณชายไล่



ผมพยักหน้ารับ “คร้าบ คุณผู้ชาย...”


หลังจากที่ผมและคุณชายล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว เราสองคนก็เดินออกจากที่พักทันที ทัศนียภาพรอบด้านในยามนี้ล้วนเป็นสีทองด้วยอานุภาพของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน ต้นไม้ที่สูงใหญ่ซึ่งกำลังแข่งกันเริงระบำเนื่องจากสายลมเย็น ๆ ที่พัดมา



ผมก้าวขาลงจากตัวบ้านตามคุณชายไปอย่างเชื่องช้า ที่แห่งนี้ราวกับดินแดนบนสรวงสวรรค์มันงดงามเกินกว่าที่ผมจะพรรณนาออกมาได้ และพอเดินตามคุณชายไปเรื่อย ๆ ตามเส้นทางที่ทอดยาวซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ตลอดทาง จนกระทั่งเห็นหนองน้ำขนาดใหญ่ มันใสจนมองเห็นฝูงปลา พอปะทะกับแสงอำพันของดวงอาทิตย์มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่งดงามที่สุดเท่าที่ผมเคยสัมผัสมา



หนองน้ำสีทองเป็นประกายระยิบระยับ บรรยากาศรอบด้านที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้และสายลมมันทำให้ผมอยากจะปักหลักตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่เสียให้รู้แล้วรู้รอด ความเครียดต่าง ๆ นานาที่มากมายพลันสลายหายไปเมื่อได้พบกับสิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์จนสวยงามภายในสถานที่แห่งนี้



ผมก้าวขาไปหยุดอยู่ใกล้ ๆ กับหนองน้ำก่อนจะเอนกายลงนอนกับผืนดินเพื่อดื่มด่ำธรรมชาติให้เต็มที่



คุณชายเดินมาหยุดอยู่ข้างแล้วนอนลงเช่นเดียวกับผม จากนั้นมือข้างที่อยู่ใกล้กันของเราสองคนก็ขยับเข้าไปสัมผัสกันอย่างไม่ตั้งใจ ผมกุมมือของคุณชายไว้แน่น ไม่อยากให้หายไปไหน ผมเกลียดการจากไปโดยที่ไม่รู้อะไรสักคำ



“อย่าทิ้งผมไปไหนอีกนะ” ปากพร่ำเพ้อออกไปโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจสักนิด แค่กำลังรู้สึกถึงความสุขที่เกิดขึ้น มันมากล้นเสียจนไม่อยากให้ความสุขนี้ต้องจางหายไป


“ฮืม...” คุณชายเค้นเสียงออกมาเบา ๆ “ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรรออยู่ข้างหน้า เราจะต้องกุมมือแล้วฝ่าฟันปัญหาเหล่านั้นไปด้วยกัน”



“ผมพร้อมที่จะกุมมือแล้วฝ่าฟันปัญหาไปกับเป๊ก”



“ไม่ว่ามันจะร้ายแรงแค่ไหน ข้าวต้องไม่ทิ้งฉันไปไหนนะ” น้ำเสียงของคุณชายแสดงออกถึงความกังวลใจ แม้มันจะไม่ชัดเจนแต่ผมก็สังเกตเห็น คงมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ทำให้คุณชายกังวลใจจนต้องเอ่ยออกมาแบบนี้



“มันจะไม่มีวันนั้นแน่นอนครับ” นั่นคือคำมั่นสัญญาที่ผมได้ให้ไว้กับตัวเอง ผมพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างคุณชายทุกวินาทีที่มีโอกาส พร้อมที่จะเผชิญทุกปัญหาไม่ว่ามันจะร้ายแรงแค่ไหน



ผมเคยกังวลในความแตกต่างของเราที่เหมือนจะเป็นเส้นขนานไม่มีวันที่จะมาบรรจบกัน แต่คุณชายก็ทำให้ผมเชื่อมั่นได้แล้วว่าคุณชาย 'รัก' เหมือนที่ผม 'รัก' คุณชาย เพราะถ้าคุณชายไม่คิดอย่างนั้น คงไม่ดั้นด้นมาตามหาผมถึงที่นี่แน่นอน



ผมพลิกตัวขึ้นไปคร่อมอยู่บนร่างของคุณชาย สายตาจองเราทั้งสองจับจ้องกันอยู่สักพัก แม้ไม่มีคำพูดใด ๆ เอ่ยออกมาแต่เราต่างก็รับรู้ถึงความปรารถนาของกันและกัน



ผมบรรจงโน้มใบหน้าลงไปช้า ๆ จนริมฝีปากของผมไปประทับกับริมฝีปากของคุณชาย สายลมที่พัดหวิวช่วยสร้างบรรยากาศให้อบอุ่น ผมกดริมฝีปากลงเล็กน้อยเพื่อดื่มด่ำถึงความสุขที่แสนคุ้มค่าโดยไม่เกรงกลัวสายตาใด ๆ ว่าจะมีใครผ่านมาละแวกนี้หรือไม่ เพราะจุดที่ผมกับคุณชายนอนอยู่นั้นมันเป็นจุดที่อับผู้คน



คุณชายไม่ปล่อยให้ผมสนุกอยู่ฝ่ายเดียว เขาดันร่างผมลงก่อนจะพลิกขึ้นมาคร่อมอยู่บนร่างของผมบ้าง จากนั้นการจูบอันเร่าร้อนก็เริ่มขึ้นอย่างกะทันหัน คุณชายไม่ปล่อยให้ผมตั้งตัวได้ทัน ทันทีที่โน้มหน้าลงมา ลิ้นเจ้ากรรมก็ละเลงไปทั่วปากจนผมขนลุกซู่หลับตาปี๋ปล่อยให้คุณชายได้เล่นอย่างสนุกสนาน จนกระทั่ง...



“พอแล้ว” ผมเอ่ยออกไปเพราะกลัวควบคุมอารมณ์ไม่ไหว คุณชายค่อย ๆ ผละริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้าก่อนที่จะบรรจงโน้มมันลงมาที่หน้าผากอย่างทะนุถนอม



“ครับ” คุณชายเอ่ยขึ้นเบา ๆ “โทษฐานที่ข้าวทำตัวน่ารัก คืนนี้จะยอมเป็นของข้าวบ้างละกัน”



พูดจบก็เบือนหน้าหนี...



“เป็นอะไรครับ” ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณชายสื่อ



“ถามมาก” คุณชายทำเสียงดุ “อย่ามาทำแกล้งโง่ ไร้เดียงสาหน่อยเลย”



“เอ้า… อะไรคุณชาย ก็คนมันไม่รู้จริง ๆ นี่” ผมคะยั้นคะยอ มือทั้งสองข้างก็เขย่าร่างของคุณชายเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ



“ไอ้ทะลึ่ง” แล้วผมไปทะลึ่งตอนไหนล่ะเนี่ย อยู่ ๆ ก็มาว่าผมซะงั้น “ให้เวลาคิดสิบวินาทีถ้าคิดไม่ออกก็ไม่ต้องแล้วนะคืนนี้”



“เฮ้ย! อะไรเนี่ย” ผมพยายามคิด



“หนึ่ง... สอง... สาม...” คุณชายนับไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง “เก้า...”



“เอ้อ... รู้แล้วครับ ไม่สิบนะไม่สิบ หยุด!!!” พูดไปทั้งที่ยังคิดไม่ออกเพราะกลัวว่าจะอดกับเรื่องที่คุณชายพูด ช่างเถอะ... ไม่ว่าคุณชายจะหมายถึงอะไร เดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ แค่รอให้ถึงคืนนี้เร็ว ๆ ก็เท่านั้น



‘ตกลงที่คุณชายบอกว่าจะยอมเป็นของผมมันคืออะไรน๊า...’



จบตอน >.<



ปล.สำหรับใครที่คอมเม้นท์ตอนนี้ เดี๋ยวส่งฉาก NC เล็กๆน้อยๆในข้อความให้นะครับ - - ไม่กล้าลงเพราะไม่รู้ว่าเว็บมีระบบแบนฉาก NC เหมือน เด็กดีรึเปล่า และก็กลัวมันประเจิดประเจ้อดาเมจหนักเกินไป แหะๆ แต่งฉากนี้ไม่ค่อยเป็นด้วย แต่ก็ลองแต่งดูไปแล้วครับ แหะๆ แต่ฉาก NC ถึงไม่อ่าน ก็สามารถอ่านตอนต่อไปได้รู้เรื่องปกติครับผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-09-2014 20:56:54 โดย gugzabb »

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
แวบแรกที่อ่าน คือ  :a5: คุณชายจะยอมให้ข้าวเสียบเหรอ!!!!!!!!  //  โดนโบกโทษฐานตรงเกิน




ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ตกลงคุณชายเป็นนายเอกหรือนี่
อืมห์ รอฉาก... ดีกว่า
 :hao6: :hao6: :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย  :jul1:
คุณชายจะโดนกดมั่งแล้ว ไม่อยากจะเชื่อ

เท่าที่รู้นะ เอ็นซีลงได้เต็มที่แหละ แต่ภาษาที่ใช้ห้ามโจ่งแจ้งต้องใช้คำแทนอะไรงี้
เห็นหลายๆเรื่องเอ็นซีแรงๆก็ยังปกติ

ปอลิง: ถ้าไม่กล้าลง เราจะรออ่านในข้อความนะ อิอิ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :pig4:  ขอบคุณที่อนุเคราะห์ส่ง....มาให้ค่ะ   :z1: อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด แต่ชอบค่ะ  o13

ออฟไลน์ t_cus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อยากได้ๆ ไรเตอร์ส่งมาให้ด้วยนะคะ
รอฉาก NC หุๆๆ    :hao7:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ loveaaa_somsak

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-3

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Brow_Ney

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 162
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ข้าววววจะไหวป่าว คุณชายยิ่งตัวใหญ่กว่าด้วย  o18
อยากอ่านๆๆๆๆ nc nc nc

ออฟไลน์ JAROEN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-9
ตายแล้ว ใครจะขี่ใครอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
ตอนที่ 34


ความสุขที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่กี่วัน กลายเป็นความทรงจำที่น่าจดจำไปชั่วชีวิต



แล้ววันเดินทางกลับกรุงเทพฯ ก็มาถึง ผมต้องตื่นจากโลกแห่งความฝันแล้วกลับคืนมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง การมาพักผ่อนครั้งนี้คือสิ่งวิเศษที่สุดในชีวิตของผม ผมไม่มีวันลืมมันแน่นอน



คุณชายเดินจับมือผมไปตลอดทาง แม้จะมีสายตาหลายคู่มองมาทางเราเป็นระยะ ๆ แต่คุณชายก็ไม่คิดที่จะปล่อยมือผมให้หลุดพ้นไป แถมยังดูออดอ้อนมากกว่าปกติอีกด้วย... สงสัยจะติดใจในลีลาของผมในคืนนั้นก็เป็นได้...



คืนนั้นผมเหมือนสัตว์ประหลาดที่ไม่รู้ว่าโดนตัวอะไรเข้าสิง คึกยิงกว่าเสือสิงห์กระทิงแรดเสียอีก... คุณชายได้กล่าวเอาไว้แบบนั้น และเช้าวันต่อมาผมยังโดนบ่นจนหูแฉะเพราะคุณชายไม่มีแรงจะลุกไปอาบน้ำ(ผมคิดว่าสำออยมากกว่า) แถมยังต้องเสียเงินค่าปรับที่ผมเผลอรุนแรงจนขาเตียงหัก คิดแล้วก็น่าอายชะมัด เพิ่งรู้ว่าการเป็นฝ่ายกระทำมันสนุกแบบนี้นี่เอง ชักจะติดใจแล้วสิ



“ฮืม... ไอ้ข้าว คิดไรอยู่” เสียงของคุณชายที่ดังขึ้นเรียกสติของผมให้กลับคืนมา



“เปล่านี่ครับ” ผมรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวที่วูบขึ้นมาบนใบหน้า



“อย่าริอาจคิดเรื่องคืนนั้นนะโว้ย” คุณชายรู้ทัน “อยู่ ๆ ก็หน้าแดง รู้นะคิดอะไรอยู่”



“ครับผม ไม่คิด ๆ” ผมเอื้อมมือไปคลำศีรษะของคุณชายด้วยความเอ็นดู รู้ว่าคุณชายติดใจเรื่องคืนนั้นแน่นอนแต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมาตรง ๆ ไอ้คนขี้เก๊กไม่มีที่สิ้นสุดเอ๊ย…



ระหว่างที่รอขึ้นเครื่องบินอยู่นั้น คุณชายได้คืนแบตโทรศัพท์มาให้ผม แล้วบอกให้ผมโทรหาพี่ปั๊มเพื่อที่พี่ปั๊มจะได้ไม่ต้องรอกลับพร้อมผม เข้าใจเปลี่ยนเรื่องดีนะคุณชายของผมเนี่ย



ผมรับแบตโทรศัพท์นั้นมาก่อนจะใส่มันลงไปในโทรศัพท์แล้วกดเบอร์โทรหาพี่ปั๊มทันที



“ข้าว!!! มึงอยู่ไหน ไอ้สัส ไอ้เชี่ย ไม่ติดต่อกลับมาหากูไม่เลยนะ รู้ไหมว่ากูเป็นห่วง ทุกคนเขาวุ่นวายตามหามึง ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย ไอ้โด้บอกว่ามึงไปกับคุณชายตั้งแต่คืนนั้น แล้วมึงก็ไม่กลับมาอีกเลย ไอ้น้องเวรเห็นคุณชายดีกว่ากู แม่งเอ๊ย... แล้วนี่โทรมาทำไม โทรมาหาวันจะกลับสินะรู้วันดีจริง เออไม่ต้องห่วง กูจองตั๋วรถไว้เผื่อมึงแล้วนะ รีบกลับมาที่บ้านกูด้วยล่ะ รถออกบ่ายสี่โมงเย็น”



ทันทีที่พี่ปั๊มกดรับโทรศัพท์ เขาก็พูดยืดยาวไม่ยอมหยุด ไม่มีแม้กระทั้งการเว้นวรรคจังหวะเพื่อหายใจ แถมยังใส่อารมณ์ในน้ำเสียงรุนแรงจนน่าตกใจอีกต่างหาก ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะผมผิดเองที่ไมได้ติดต่อกลับไปเลย



“ผมขอโทษนะพี่” ผมเอ่ยอย่างสำนึกผิด ใช่ว่าผมไม่อยากติดต่อกลับไปเสียเมื่อไรล่ะ แต่คุณชายเล่นซ่อนแบตมือถือไว้ ครั้นจะแอบหยอดเหรียญโทรศัพท์สาธารณะไปหาก็จำเบอร์ใครไม่ได้สักคน “คือผมกำลังจะบินกลับกรุงเทพกับคุณชายแล้วครับ ไว้ผมเล่ารายละเอียดให้ฟังนะครับ แล้วเจอกันที่นู่นนะพี่”



“เออ!!!” พี่ปั๊มรับคำอย่างไม่พอใจ “กูซื้อตั๋วรอมึงเก้อสินะ ดีจริง... ไว้เจอกัน แค่นี้ล่ะ”



พูดจบก็ตัดสายทันที ไม่รอให้ผมพูดอะไรอีกเลยสักนิด ผมรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่แปลกที่พี่ปั๊มจะโกรธ ผมเล่นหายตัวไปแล้วยังไม่ยอมติดต่อกลับ ถ้าผมเป็นพี่ปั๊มก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน



“ไม่คิดมากน่า” ใบหน้าของผมคงแสดงถึงความกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด คุณชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เลยเอื้อมมือมาโอบบ่าให้กำลังใจ “ปั๊มโกรธข้าวได้ไม่นานหรอก เชื่อสิเดี๋ยวก็หาย”



“ครับ” ผมรับคำสั้น ๆ และคิดแบบนั้นเช่นกัน พี่ปั๊มอาจจะเป็นคนขี้น้อยใจหรือโมโหง่ายในบ้างเรื่อง แต่ข้อดีคือไม่เคยโกรธใครได้นานซึ่งผมก็หวังว่าครั้งนี้ก็เช่นกัน



            “รออยู่นี่แป๊บนึงนะ ไปซื้อของกินก่อน” คุณชายตบบ่าผมอีกครั้งแล้วยั้งกายให้ลุกขึ้น



            ผมพยักหน้ารับ ระหว่างนั้นผมลองโทรกลับไปหาพี่ปั๊มอีกสองครั้ง แต่พี่ปั๊มก็ไม่ยอมรับสาย ผมจึงทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น



            “พี่ครับ ๆ” อยู่ ๆ เสียงของเด็กน้อยคนหนึ่งก็ดังขึ้น พร้อมกับฝ่ามือเล็ก ๆ ที่เดินมากระตุกขาของผมเบา ๆ



            “ครับ” ผมมองดูเด็กคนนี้ด้วยความสงสัย อายุของเด็กคนนี้น่าจะประมาณ 6-7 ขวบ เขามีผิวเขา รูปร่างสมส่วน ตาตี่ แถมยังมีลักยิ้มด้วย



            “มีคนฝากมาให้ครับ” พูดจบก็ยื่นอมยิ้มสีรุ่งมาให้พร้อมกระดาษโน้ตแผ่นเล็ก ๆ สีขาว



            ผมพลิกแผ่นกระดาษขึ้นมาดูจึงเห็นข้อความเขียนเอาไว้ว่า ‘ยิ้มบ้างนะ ทำหน้าบึ้งแบบนี้ไม่น่ารักเลย แต่ถ้ายังไม่หายก็แกะอมยิ้มมาอมซะนะ ไอ้ทะลึ่ง…’



ทันทีที่อ่านจบ ริมฝีปากของผมก็ฉีกออกเป็นรอยยิ้มโดยอัตโนมัติ แค่มองแว๊บแรกผมก็จำได้แล้วว่าเป็นลายมือไก่เขี่ยแบบนี้เป็นของใคร ยิ่งเห็นประโยคสุดท้ายที่เขียนไว้ นอกจากคุณชายแล้วก็ไม่มีใครเรียกผมแบบนี้สักคน



พอผมเงยหน้าจะขอบคุณเด็กน้อยตัวเล็ก ๆ เด็กคนนั้นก็หายไปเสียแล้วกลายเป็นคุณชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า



“ยิ้มแล้ว” คุณชายเอ่ยยิ้ม ๆ “อย่าเครียดนะ ฉันขอโทษ”



ผมพยักหน้ารับพร้อมกับยกอมยิ้มและโน้ตในมือขึ้นมาโชว์ “ใครมันจะไปเครียดลงล่ะ”



“ก็ข้าวไง” คุณชายเถียง



“หายแล้วครับ”



“แกะมาอมดิ” คุณชายยื่นมือหวังจะมาแย่งอมยิ้มที่อยู่ในมือของผม



“ไม่ครับ” ผมขยับมือมาซ่อนไว้ข้างหลังไม่ให้คุณชายแย่งอมยิ้มไป “อมไม่ลงหรอก เป๊กอุตส่าห์ซื้อให้”



“ก็ซื้อให้อมไง จะได้ยิ้ม”


“ก็ยิ้มแล้วไงครับ ไม่แกะนะ” ผมยื่นหน้าไปใกล้ ๆ ทำสายตาออดอ้อนสุดฤทธิ์ เมื่อคุณชายยังคงหน้านิ่งผมจึงเอ่ยต่อ “นะ ๆ ขอเก็บไว้ดูดีกว่า”



“ไอ้บ้า ใครเขาให้เก็บอมยิ้มไว้ดู” คุณชายต่อว่าก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ


“ผมไง” ผมยิ้มแป้นแล้นแล้วยัดมันลงในกระเป๋ากางเกงทันที






 

การเดินทางเหนือน่านฟ้าเป็นการเดินทางที่สะดวกสบายและรวดเร็วที่สุด หากแต่ความสะดวกสบายย่อมต้องแลกมาด้วยจำนวนเงินที่มากกว่า ซึ่งผมคงไม่มีวันที่จะมีโอกาสได้นั่งเครื่องบินแน่ ๆ หากไม่ใช่ว่าคุณชายเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้



ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเดินทางโดยเครื่องบิน คุณชายใจดีให้ผมนั่งชิดติดขอบหน้าต่าง ผมมองผ่านกระจกเครื่องเห็นท้องฟ้า เห็นก้อนเมฆที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วรู้สึกตื่นเต้น จนกระทั่งเครื่องบินโลดแล่นเข้าสู่เมืองหลวง ผมเพิ่งรู้ว่ากรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่มีขนาดกว้างขวางและใหญ่โตมโหฬารถึงเพียงนี้ มองจากมุมสูงสามารถเห็นแผนผังเมืองและตึกได้อย่างชัดเจน มันกว้างขวางเสียจนผมรู้สึกทึ่งอย่างบอกไม่ถูก



การที่ได้นั่งเครื่องบินในครั้งนี้ มันทำให้ผมรู้ว่าโลกของเรานั้นกว้างใหญ่ไพศาลแค่ไหน มนุษย์เราเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ในโลกใบนี้ไม่ต่างจากฝูงแมลงสักนิด



หลังจากที่ลงจากเครื่องบิน คุณชายก็ไปรับกระเป๋าและเดินทางกลับบ้านทันทีโดยที่พาผมไปด้วย



ระหว่างที่นั่งแท็กซี่อยู่นั้น ผมพยายามไม่คิดถึงเรื่องร้ายแรงต่าง ๆ นานาทั้งสิน เพราะคาดเดาได้ว่าคุณหญิงและคุณท่านจะต้องโกรธคุณชายแน่นอน อาจมีการทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้น แต่ผมก็ยังหวัง... หวังว่าทุกอย่างจะเป็นปกติไม่มีการโต้เถียงระหว่างครอบครัว แม้มันจะเป็นความหวังที่ริบหรี่ก็ตาม



“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าวจะต้องอยู่ข้างฉันนะ” คุณชายเอ่ยเบา ๆ ก่อนยื่นมือมาจับที่ฝ่ามือของผม ซึ่งเราทั้งสองคนต่างนั่งแท็กซี่เบาะหลังด้วยกัน



“แน่นอนครับ” ต่อให้คุณชายจะเจอกับอะไร ผมก็พร้อมที่จะอยู่ข้างคุณชาย ผมเป็นลูกผู้ชายพอ ไม่มีวันที่จะผิดคำพูดของตัวเองอยู่แล้ว



...แต่ว่าทำไม ยิ่งรถแล่นไปในเส้นทางที่คุ้นเคย ใกล้ถึงบ้านคุณชายเรื่อย ๆ ผมถึงยิ่งกังวลมากขึ้น มากจนผมไม่รู้ตัวเลยว่าร่างกายของผมมันขยุกขยิกไปมา เหงื่อไหลทั้ง ๆ ที่แอร์เย็น



‘อย่าคิดมากน่าข้าว มันไม่มีอะไรหรอก คุณผู้หญิงรักคุณชายจะตายไป’ ผมพยายามปลอบใจตัวเอง อดเป็นห่วงคุณชายไม่ได้จริง ๆ



ผมสรรหาคำพูดมาปลอบใจตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งถึงที่หมาย



มองผ่านกระจกเห็นลุงแช่มลุกลี้ลุกลนมาเปิดประตู และพอร่างของคุณชายก้าวลงจากรถก็รีบกุลีกุจอมาถือกระเป๋าให้อย่างเต็มใจก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยว่า



“คุณชายรีบเข้าบ้านเลยครับ คุณหญิงท่านเป็นห่วงคุณชายมากนะครับ ท่านไม่ยอมทานอะไรเลยได้แต่นอนซมอยู่บนห้องนอนครับ” ลุงแช่มเลือกที่จะไม่เซ้าซี้ถามว่าคุณชายไปไหน เพราะเรื่องสำคัญกว่าตอนนี้ก็คือเรื่องของคุณหญิงและหม่อมย่า “พอหม่อมย่าของคุณชายได้ข่าวว่าคุณชายหายตัวไป ท่านเลยแวะมาหาคุณหญิงที่นี่นะครับ ท่าทางไม่พอใจเอาเรื่องเหมือนกันนะครับ”



“หม่อมย่ามาเหรอ” คุณชายทวนถาม สังเกตเห็นว่าคิ้วของคุณชายกระตุกเล็กน้อยอย่างไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้ว่ายินดีหรือเสียใจกันแน่



“ใช่ครับ มาตั้งแต่คืนแรกที่คุณชายหายตัวไป” ลุงแช่มตอบ คุณชายพยักหน้ารับก่อนจะเร่งฝีเท้าก้าวขาเข้าไปในบ้านทันที แต่แทนที่คุณชายจะเดินเข้าไปคนเดียว มือข้างหนึ่งกลับยื่นมาจับแขนของผมแน่นจนผมต้องก้าวขาเดินตามไปด้วย



บ้านของคุณชายยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สิ่งของทุกอย่างยังคงวางถูกที่ถูกทางเหมือนเดิม ทันทีที่คุณชายเดินเข้าไปในตัวบ้าน เหล่าแม่บ้านและคนรับใช้ต่างส่งเสียงวี้ดว้ายด้วยความดีใจที่เห็นคุณชายกลับมา จนกระทั่งเสียงที่ทรงอำนาจมหาศาลของใครบางคนดังขึ้นสั้น ๆ ความเงียบจึงกลับมาในบันดล



“หยุด! เอะอะโวยวายอะไรกัน” 



น้ำเสียงทรงพลังจนผมเองยังแอบสั่นผวาในใจ นี่เป็นน้ำเสียงของใครกัน... ผมไม่คุ้นเคยเลยสักนิด พอหันไปมองตามต้นเสียงจึงพบกับร่างของหญิงวัยชราหากแต่สภาพร่างกายยังคงดูแข็งแรงสมบูรณ์ เส้นผมของเธอถูกเกล้าขึ้นมามีปิ่นปักผมสีทองเสียบอยู่บนม้วนผมนั้น เธอแต่งกายด้วยชุดลูกไม้สีขาวแขนยาว ท่อนล่างเป็นซิ่นสีทองอร่าม มือข้างขวาถือพัดสีเงินดูมีราคา บุคลิกของเธอดูน่าเกรงขามจนทำให้ผมรู้สึกประหม่าไม่กล้าสบตา



“สวัสดีครับคุณย่า” ก่อนที่หญิงชราจะได้เอ่ยปากพูดอะไร เป็นคนชายที่แย่งพูดขึ้นมาก่อน คุณชายยกมือไหว้และโค้งศีรษะลงอย่างนอบน้อมจนผมต้องปฏิบัติตาม



“สวัสดีครับ”



หม่อมย่าของคุณชายก้มหน้าเล็กน้อยเป็นการรับไหว้แต่ก็ไม่ได้สนใจผมไปมากกว่านั้น เพราะสิ่งที่เธอสนใจคือหลายสุดรักสุดหวงต่างหาก



“หายไปไหนมาฮะตาเป๊ก” หม่อมย่าทำเสียงดุพร้อมกับก้าวขาฉับ ๆ แล้วยกพัดมาตีแขนคุณชายเบา ๆ หลายที “นี่แน่ะ ๆ”



“โอ๊ย... คุณย่าครับ เป๊กเจ็บแล้วครับ” คุณชายแสร้งทำเสียงเจ็บปวด



“เจ็บก็ดี จะได้สำนึกไว้บ้างว่าคราวหลังจะไม่หายไปแบบนี้อีก”



“คุณย่าอ่ะ” คุณชายแกล้งทำหน้างอนก่อนจะโอบกอดร่างของหม่อมย่าแล้วใช้ลูกอ้อนสารพัดทั้งหอมแก้ม ทั้งออกแรงกอดแน่น ๆ จนหม่อมย่าต้องยอมแพ้ให้กับความน่ารักของคุณชาย



“พอได้แล้วชายเป๊ก ย่ายอมแล้ว ปล่อย ๆ” คุณย่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ดูท่าทางท่านสนุกสนานและชอบใจจนลืมความผิดของหลานชายจอมแสบไปแล้ว ภาพที่ดูทรงอำนาจพังทลายลงในบันดลทันทีที่ได้กระเซ้าเย้าแหย่กับหลานชายสุดที่รัก



คุณชายหันมายักคิ้วให้ผมแล้วเอ่ยว่า



“คุณย่าครับ นี่ข้าวนะครับ”  ผมยิ้มให้หม่อมย่าด้วยความประหม่าพลางผงกศีรษะเล็กน้อย



“เด็กคนนี้เหรอที่พาหลานย่าเหลวไหล” คำพูดของหม่อมย่าทำให้ผมแทบลมจับ ผมเนี่ยนะพาคุณชายเหลวไหล คุณชายต่างหากล่ะที่เป็นคนชอบทำอะไรตามใจ หม่อมย่าจะมาโยนความผิดให้ผมดื้อ ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ เป็นลมดีกว่า... แต่ถ้าผมต้องกลายเป็นคนผิดแล้วคุณชายไม่ต้องทะเลาะกับครอบครัวผมก็ยอม



“ใช่ครับ” เอาสิ... คุณชายดันตอบออกไปแบบนั้นเสียด้วย แถมยังส่งสายตากวนบาทามาให้ผมอีก



หลังจากที่ได้ยินคุณชายตอบแบบนั้น หม่อมย่าก็ผละร่างออกจากอ้อมกอดของคุณชายแล้วก้าวขาฉับ ๆ มาหาผมด้วยความฉับไวทันที ผมนึกทึ่งในท่าทีคนสูงอายุที่น่าจะอ่อนแอแต่กลับแข็งแรงกระฉับกระเฉงราวกับสาวแรกรุ่น



หม่อมย่าจ้องหน้าจ้องตาผมอย่างพินิจพิจารณา จนผมรู้สึกเกร็งต้องหลบสายตา



“ซื่อ ๆ แบบนี้คงไม่น่าจะใช่” หม่อมย่าพูดเพียงเท่านั้นแล้วเดินกลับไปหาคุณชายทันที “บอกย่ามาซะดี ๆ หายไปไหนมา แล้วทำไมไม่ยอมติดต่อกลับมาที่บ้าน รู้ไหมแม่ชายน่ะเป็นห่วงชายมากเลยนะ”



“รู้ครับคุณย่า” คุณชายก้มหน้า “พอดีมีปัญหานิดหน่อย เป๊กขอโทษนะครับ ว่าแต่ตอนนี้คุณแม่เป็นไงบ้างครับ”



“อุ๊ย...” หม่อมย่าทำสีหน้าตกใจพร้อมกับยกมือทาบอก “ย่าลืมไปเลยว่าแม่ของชายกำลังนอนป่วยอยู่บนห้อง รีบขึ้นไปหาแม่วลีลาวัลย์เถอะ ป่านนี้คงตรอมใจที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนหายออกจากบ้านจนแทบจนขาดใจแล้วมั้ง”



“โถ่... คุณย่า” คุณชายทำเสียงสำนึกผิดก่อนจะเดินจูงขึ้นย่าขึ้นบันไดไปยังชั้นสองทันที และไม่ลืมที่จะหันหน้ามาหาผมแล้วพยักหน้าบอกเป็นเชิงให้ผมขึ้นไปด้วย... ผมจึงยอมเดินตามไปห่าง ๆ



คุณชายก้าวขาอย่างชำนาญเดินผ่านห้องของตัวเองแล้วตรงไปยังห้องที่มีประตูไม้บานใหญ่กั้นอยู่ ผมรู้ว่านี่คือห้องของคุณหญิงและคุณท่านแม้ผมจะคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้แต่ผมก็ไม่เคยย่างกายเข้าไปในห้องนั้นสักครั้งเพราะคิดว่ามันไม่สมควร



คุณชายเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับหม่อมย่า



“ชายเป๊กลูกแม่” เสียงของคุณหญิงวลีลาวัลย์เล็ดรอดออกมา น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ “หายไปไหนมาตั้งหลายวันเนี่ย ไม่ติดต่อกลับมาหาแม่บ้างเลย โถ่... มีลูกชายคนเดียวแต่ดันไม่ได้รับการเหลียวแล น่าน้อยใจที่สุด”



“ไปแม่ฮ่องสอนมาครับ” เสียงคุณชายที่เอ่ยตอบดังแว่วออกมา แต่ก่อนที่จะได้ยินอะไรไปมากกว่านั้น ผมคิดว่าผมยังไม่ควรที่จะเข้าไปขัดจังหวะในตอนนี้ ...กลับบ้านดีกว่า



ในระหว่างที่หันหลังกลับ ผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นร่างที่ยืนนิ่ง ๆ ของหม่อมราชวงศ์กริชกร สุริยะวิทูจ้องผมด้วยสายตาที่เขม็ง มือข้างหนึ่งกำซองเอกสารสีน้ำตาลเอาไว้ กำจนแน่นเสียจนซองยับยู่ยี่...



แววตาที่เคยอบอุ่นอ่อนโยนสมกับเป็นผู้ใหญ่ใจดีนั้นแปรเปลี่ยนเป็นแววตาที่มีแต่ความโกรธเกลียดชิงชัง ...ผมสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แต่ผมไม่ทราบว่าเพราะอะไร คุณท่านถึงมีท่าทีที่ไม่พอใจผมแบบนี้



“สวัสดีครับ” ผมพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด หากแต่คุณท่านไม่รับไหว้แถมยังฝากวาจาที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินให้ผมช้ำใจเล่นเสียด้วย



“ออกไปจากวังซะ แล้วอย่ากลับมาเหยียบที่นี่อีก” พูดจบก็เดินตรงไปยังห้องนอนทันที



ผมรู้สึกตัวชาไปชั่วขณะ ทำตัวไม่ถูก ในหัวเต็มไปด้วยคำถามที่ว่าผมทำผิดอะไรทำไมจึงโดนห้ามไม่ให้มาเหยียบที่นี่อีก ผมรู้ดีว่าสถานที่ที่มีค่ามีราคามากมายมหาศาลอย่างวังหลังนี้ไม่ใช่ของผม ผมไม่ได้ต้องการจะเรียกร้องสิทธิอะไรแค่อยากจะทราบถึงเหตุผลเท่านั้น



...โถ่เอ๊ยข้าว ครั้งก่อนโดนคุณชายไล่อย่างกับหมูกับหมา กลับมาครั้งนี้ดันเจอคุณท่านไล่ นี่โชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรกับผมเนี่ย




จบตอน




ขอบคุณทุกคนที่เม้นท์และติดตามจนถึงตอนล่าสุดนะครับ แหะๆ  :3123:


ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ขอสารภาพตามตรงว่าพออ่านจบตอนนี้ประโยคแรกในหัวสมอง คือ

อ้าว เฮ้ย   :a5: ทำไมต้องมาจบดอนนี้ด้วยล่า 

กำลังลุ้นเลยนะ  คาดว่าพ่อคุณชายเป๊กคงได้รับรู้ความจริงของลูกชายเข้าแล้วแน่ๆ  :katai1:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อ้าว ข้าวเพิ่งจะเดินเข้ามาหยก ๆ
กลับโดนไล่ ให้ออกไปซะแล้ว
ว่าแต่ ใสซองเอกสารนั้น เป็นภาพของ
ข้าวกับคุณชาย ใช่ไหมเนี่ย
 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ฝีมือนักสืบไม่ก็คนไม่ค่อยจะหวังดีสินะ
เตรียมกินมาม่าเลย
ทางที่ดีคุณชายควรบอกว่า "ผมมีสามีแล้วครับ" ฮ่าฮ่าฮ่า  :laugh:

ออฟไลน์ chen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
คือมันดินต่างฟ้ากันเกินไปจริงๆนะ
ข้าวจะทำยังไง ชายเป๊กก็ดูว่าจะเข้มแข็งพอปกป้องข้าวมั๊ย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Brow_Ney

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 162
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
กำลังเริ่มจะหวานกัน
ดราม่ามาอีกแล้ว TT

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ดราม่ากำลังเกิด + ขอบคุณสำหรับ ตอนพิเศษ นะคับ ..

ออฟไลน์ IöLIKE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-6

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด