หลบรักII - 01(Ik x Kao)
เสียงโทรศัพท์ในเช้าวันหยุดเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดที่สุดในสามโลก โดยเฉพาะวันหยุดที่คืนก่อนหน้านี้เมาหัวทิ่มหัวตำจนหลับคากองอ้วก
ผมปรือตาเปิดขึ้นเพราะเสียงเครื่องมือสื่อสารกรีดร้องอย่างเอาเป็นเอาตายใต้หมอนรอบที่สาม พลางกวาดมือไปตามแหล่งกำเนิดเสียงก่อนคว้าไอโฟนตกรุ่นที่สั่นแข่งกับดนตรีที่ทะลุแก้วหูมากดรับ ลำคอแห้งผาก ปวดหัวจนแทบระเบิด สิ่งที่กินไปเมื่อคืนตีตื้นขึ้นมาถึงคอหอย แต่ยังคงต้องกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ด้วยอาการวิงเวียนไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่ด้วยความจำใจ
“...คร้าบบบ”
“ยังไม่ตื่นอีกเหรอ?”
ผมพยักหน้าตอบ แต่ปลายสายยังคงชวนคุยด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ผมไม่ได้ดูชื่อคนโทรเข้าแต่เวลานี้ โทนเสียงแบบนี้ไม่ต้องเสียเวลาแหกตาดูให้เมื่อยตุ้ม หนีไม่พ้นป๋าไอ้ไอซ์ที่โทรตามน้องชายตั้งแต่แดดยังเลียตูดได้ไม่ถึงครึ่งซีก
“เมื่อคืนเมากันมากหรือเปล่า?”
“อืออ นิดหน่อย ไอซ์กลับมาก่อน ไปนอนห้องรุ่นน้องข้างล่างนี่แหละ เฮียโทรไปห้อง 1206 ดิ”
“ไม่ได้มาตามไอซ์ เก้า ลุกมาเปิดประตูก่อน”
อะไรของมันวะะ! ไอ้เฮียอิ๊กก็กวนตีน พูดจบเคาะประตูรัวหลายรอบจนผมต้องเลื้อยจากที่นอนนุ่ม ๆ ไปหน้าประตู ปลดล็อกได้คนที่รออยู่แต่แรกก็เปิดผลัวะเข้ามาหน้าตาบึ้งตึง
“กลิ่นหึ่งเลย”
“ก็ไปกินเหล้ามา”
“แล้วเมื่อคืนกลับยังไง”
“รุ่นน้องมาส่ง” ผมตอบแล้วพุ่งหลาวลงเตียงอีกรอบ ไม่กี่วันก่อนไอ้ไอซ์เพิ่งใจดีเอาไปซักให้ ซุกตัวลงหมอนกับผ้าห่มทีกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มยังลอยตลบ เฮียอิ๊กเดินไปเปิดม่านที่ใช้กันแสงจนทึบแล้วปิดแอร์ ก่อนรื้อเสื้อผ้าในตู้ของผมหาอะไรไม่รู้ดังกุกกัก
“ค้นอะไรวะเฮียยยยย”
ผมลากเสียงถามคนบุกรุกยาวเหยียด ผมกับเฮียสนิทกันครับ รู้จักกันตั้งแต่ปี 1 มันเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ใจดี อายุห่างจากพวกผมประมาณเจ็ดแปดปี ตอนนี้อายุขึ้นเลขสามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายอะไรซักอย่างของบริษัทเตี่ยตัวเอง และยังโสดสนิท แต่ผมรู้มาว่าเฮียแม่งแอบคุยกับไอ้กิ๊บ น้องสาวผมอยู่เมื่อราว ๆ ปีก่อน
“เรานี่มันน่าตบกะโหลก วันนี้นัดพี่มารับให้พาไปสมัครงานที่บริษัทตอน 10 โมง ไอ้เก้า”
“แต่นี่มันเพิ่งเจ็ดโมงเองนะเฮีย”
“แล้วจะวาร์ปไปหรือไง ลุกขึ้นมาอาบน้ำอาบท่า เดี๋ยวจะพาไปกินข้าวก่อน แล้วเอกสารสมัครงานเตรียมหรือยัง?”
“อยู่ในแฟ้มบนโต๊ะคอมนั่นแหละ ผมปวดหัว ผมอยากนอน ครึ่งชั่วโมงนะ”
หลังจากต่อรองกับพี่ชายนอกสายเลือดอยู่นานก็ฝังหน้าลงบนหมอนนุ่ม ได้ยินเสียงถอนหายใจยาวก่อนรู้สึกถึงเบาเตียงที่ยวบลง มือใหญ่แต่นุ่มสไตล์คุณชายขยี้ลงบนหัวผมรุนแรงด้วยความหมั่นเขี้ยว สักพักถึงผ่อนแรงมาผ่อนแรงมาเป็นลูบเบา ๆ ไล้ลงมาตามกรอบหน้า ผมเอียงแก้มเข้าฝ่ามือกว้างเหมือนลูกแมวขี้เซา พร้อมกันกับเสียงหัวเราะต่ำที่ลอยมาจากผู้มาเยือนอย่างชอบอกชอบใจ
เฮียอิ๊กเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการพอสมควรสำหรับผม แต่ไม่เคยเห็นมันจะจุกจิกอะไรใส่ไอซ์มากนัก เฮียบอกไอซ์มันรับผิดชอบตัวเองได้ เป็นคนฉลาดและคิดอะไรก่อนทำมากกว่าผม และเนื่องจากที่ผมเป็นเพื่อนสนิทไอซ์ที่ไม่ได้เรื่องที่สุดเท่าที่เฮียเคยเจอมันก็อดห่วงว่าผมจะพาน้องมันเหลวไหลไม่ได้เลยต้องมาคอยดูแลอยู่บ่อย ๆ สุดท้ายเรื่องที่คอยดูแลเลยกลายเป็นความเคยชินอย่างไม่ตั้งใจ เหมือนผมมีพี่ชายอีกคนที่คอยเอาใจใส่ไม่ห่าง สมัครงานนี่ก็ด้วย เดิมทีผมอยากจะอยู่ว่าง ๆ ไปสักสามสี่เดือนค่อยหางาน แต่พอไอซ์มันตัดสินใจต่อโทขณะที่ผมไม่ เฮียก็บังคับผมไปสมัครงานที่บริษัทมันเฉย แถมมีขู่ว่าถ้าไม่รีบงานสบาย ๆ เงินเดือนดีแบบนี้คงชวด เพราะช่วงนี้เขาเปิดรับพนักงาน เด็กจบใหม่มาสมัครกันให้ลึ่ม
แปดโมงตรงไม่ขาดไม่เกิน ผมถูกปลุกอีกครั้งด้วยกลิ่นอาหารหอมฉุยจากเตาไมโครเวฟ ผู้ชายในเสื้อเชิร์ตที่ยับด้านหลังกับเนคไทค์ที่คลายปมออกสบาย ๆ เอี้ยวตัวมาหาผมเมื่อได้ยินเสียงครางบิดขี้เกียจ เฮียอิ๊กเป็นคนหล่อ หล่อโคตร ๆ ยิ่งเวลามันยิ้มแบบนี้ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่ามันหล่อจนน่าอิจฉา ไอ้ไอซ์เป็นลูกคนละแม่กับเฮีย แต่มีเค้าโครงที่เหมือนกันอยู่บ้าง อย่างเช่นรูปหน้า จมูก และริมฝีปาก ตากับคิ้วต่างหากที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นอกจากนั้นก็เรื่องอัธยาศัย บุคลิกที่ผิดกัน ไอ้ไอซ์มันแสดงออกเหมือนเด็กมีปัญหา ไม่พูดไม่จา ทั้ง ๆ ที่ผมทราบมาว่ามันเป็นลูกตามทะเบียนสมรส แม่เฮียต่างหากที่เป็นเมียเก็บซึ่งถูกซุกไว้หลายปี
เสียงสัญญาณจากเตาไมโครเวฟร้องเมื่ออาหารถูกอุ่นจนได้ที่ เฮียเปิดฝาไมโครเวฟเพื่อยกถ้วยโจ๊กออกมากลิ่นยิ่งหอมตลบ ยั่วน้ำลายจนท้องร้องโครกคราก
“ไปอาบน้ำแล้วรีบมากิน“
เฮียบอกทั้งที่ไม่ได้หันมามอง ผมพยักหน้าอย่างว่าง่าย กระโดดลงจากเตียงจนหัวเกือบทิ่ม ใช้เวลาวิ่งผ่านน้ำไม่นานก็กลับออกมาด้วยชุดทูพีซ คือกางเกงบ๊อกเซอร์กับผ้าเช็ดตัวพาดบ่า มีน้ำหยดลงติ๋งติ๋งพอให้เฮียอิ๊กบ่นผ่านสายตา
“ใส่ขิงปะวะ?”
“ไม่ได้ใส่”
“โหยยยย รู้ใจแบบนี้สิรักกันจริง เช็ดหัวแป๊บเดี๋ยวมากิน”
ผมเดินกลับไปไดร์ผมแล้วปล่อยให้เฮียอิ๊กนั่งอ่านเรซูเม่บนเตียง โจ๊กถูกวางไว้ข้างคอมยังส่งควันหอมฉุย พอผมแห้งหมาดก็กลับมาซัดมื้อเช้าที่อุ่นกำลังดี ผมเป็นพี่ชายคนโต บ้านอยู่จังหวัดในภาคเหนือตอนล่างเข้ามาเรียนในกรุงเทพตั้งแต่ ม.ปลาย เมื่อก่อนอยู่กับญาติ พอเข้ามหาลัยได้ก็ออกมาอยู่หอคนเดียว นาน ๆ ทีไอ้กิ๊บกับพ่อแม่จะมาเยี่ยมบ้าง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ด้วยตัวเองมากกว่า ผมเป็นคนมีเพื่อนเยอะ เป็นเด็กกิจกรรม เป็นรุ่นพี่ที่ดีทั้งนิสัยและหน้าตา (โดยเฉพาะหน้า เรียกได้ว่าหน้าตาดีมาก) เป็นที่พึ่งพาให้หลาย ๆ คนได้แต่ขณะเดียวกันกลับมีแค่เฮียที่ผมต้องขอความช่วยเหลือจากมันเสมอ ๆ เฮียบอกว่าแลกกัน ให้มันดูแลผม ส่วนผมก็ดูแลไอซ์เวลาที่มันอยู่มหาวิทยาลัย รายนั้นมันเข้ากับคนยาก เป็นพวกปิดตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ๆ
แหม เหมือนจะดูดีใช่ไหมครับ แต่ไอ้เฮียน่ะมันกะตีซี้ผมเคลมไอ้กิ๊บมัน ทำไมผมจะดูไม่ออก เจ้าเล่ห์จะตาย ผู้ชายอายุ 30 เนี่ย
หลังจากที่ซัดโจ๊กจนพุงตึงผมก็ถูกพาขึ้นรถยุโรปที่นั่งสบายตูด เปิดวิทยุพลางคลอเพลงไปเรื่อย ๆ กระทั่งสารถีเลี้ยวมาจอดเทียบฟุตบาทข้างตึกสูงใหญ่ ผมพยายามเอาหน้าแนบกระจกว่าชั้นบนสุดอยู่ที่ไหนแต่ก็ไม่สามารถมองเห็นจากในตัวรถได้ เฮียเรียกผมด้วยวิธีป่าเถื่อนโดยใช้สันแฟ้มที่ไว้ใส่เรซูเม่เคาะหัวผมเบา ๆ หนึ่งที
“เดี๋ยวไปแลกบัตรที่ Information แล้วขึ้นไปยื่นเอกสารที่ชั้น 7 เสร็จแล้วก็ไปรอที่ลานจอดรถด้านหลัง จำทะเบียนเอาไว้ มีที่จอดประจำ”
เฮียอิ๊กกำชับผมสั้น ๆ แต่พี่รถข้างหลังเขาใจร้อนเลยบีบแตรไล่จนหูแทบแตก ผมกุลีกุจอลงมาโดยไม่ลืมหยิบเอกสารการสมัครงานมาจากมือเฮียด้วยด้วย เฮียอิ๊กทำงานที่นี่หลังกลับมาจากเยอรมันเพราะเตี่ยไอ้ไอซ์เป็นหนึ่งในสี่หุ้นผู้บริหารระดับสูง สำหรับเด็กจบใหม่หลายคนอิชินะคือความฝัน ใครได้งานในบริษัทนี้และผ่านโปรได้ถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตวัยทำงานที่ดีมาก คุณภาพของคนที่นี่ถูกการันตีจากทุกฝ่ายว่าถ้าจะเข้าอิชินะไม่ใช่แค่เกรดต้องดี แต่ประวัติในด้านอื่น ๆ ก็ต้องโดดเด่นด้วย
ผมเดินตรงมาที่ Information และทำตามที่เฮียบอกทุกอย่าง ระหว่างอยู่ในลิฟท์ก็เจอเพื่อนร่วมชะตาอีก 2 -3 คนที่มาสมัครงานเหมือนกัน เพียงแต่ไม่มีใครเริ่มพูดคุยเพื่อทำลายบรรยากาศกดดันที่แผ่รอบตัวเราเท่านั้น
“คุณกรุณา เชิญห้อง 1 ค่ะ”
หลังจากยื่นใบสมัครได้สักพักพี่สาวคนสวยก็ออกมาตาม ผมเดินเข้าไปตามที่ถูกเรียกแล้วยกมือไหว้ พี่ฝ่าย HR แนะนำตัวก่อนให้โอกาสผมแนะนำตัวบ้าง
พื้นเพผมไม่ใช่คนขี้อาย หลังจากแนะนำตัวเสร็จก็ตอบคำถามที่อีกฝ่ายตั้งมาน้ำไหลไฟดับ ชวนคุยทั้งสาระและไร้สาระจนบรรยากาศหม่น ๆ ในทีแรกคลี่คลายเป็นเสียงหัวเราะเบา ๆ กระทั่งประโยคสุดท้ายที่ทำให้ผมหน้าชาเมื่ออีกฝ่ายหลุดพูดมายิ้ม ๆ
“...เรานี่น่ารักกว่าที่พี่คิดไว้เยอะเลย ประวัติการศึกษา กิจกรรมก็ดี ตอนแรกนึกว่าเป็นเด็กคุณอธิษฐ์แล้วจะไม่เอาไหนจนต้องมาฝากทำงานที่นี่เสียอีก โอเคค่ะ ไปรอด้านหน้านะ เดี๋ยวสัก 11 โมงคุณอธิษฐ์จะลงมาสัมภาษณ์อีกที ถ้าได้งาน ภายในสองสัปดาห์ทางบริษัทจะเรียกมาเซ็นต์สัญญา พี่ขอให้น้องเก้าโชคดีค่ะ”
ผมยกมือไหว้ด้วยความรู้สึกวูบโหวง ตัวเองเคยแซวไอ้ไอซ์ไว้ตั้งแต่ปี 1 ยันเรียนจบไม่เคยได้คิดว่าเวลาถูกเข้าใจผิดมันจะหนักอึ้งในอกแบบนี้ อาจเป็นเพราะผมไม่ใช่ไอซ์ที่ไม่สนโลก ผมอยู่ในแวดวงที่แคร์สายตาทุกคนเสมอ ๆ และสิ่งที่ทำให้รู้สึกหน้าตึงยิ่งกว่านั้น คือสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ ไม่ได้ต่างจากการใช้ความสนิทสนมของอีกฝ่ายมาเอารัดเอาเปรียบเพื่อนร่วมงานคนอื่นจริง ๆ
เด็กคุณอธิษฐ์...
ไม่ใช่โว้ย!“เธอ ๆ เมื่อกี๊เขาถามอะไรบ้างเหรอ?”ขณะที่ผมกำลังทึ้งหัวตัวเองในมุมเงียบ ๆ ผู้หญิงท่าทางเรียบร้อยที่จะถูกเรียกคิวต่อไปก็มาชวนคุยอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ผมพยายามผ่อนลมหายใจแล้วหันกลับไปยิ้มให้ เธอชื่อมิลค์ มิลค์ที่แปลว่านมนั่นแหละครับ จากอารมณ์บูด ๆ เมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้งเลย ชื่อสมกับหน้าอกหน้าใจจริง ๆ ปากนิดจมูกหน่อย ไว้ผมยาวแต่ดัดลอนที่ปลาย รวบตึงแล้วพาดมาบนบ่าด้านขวาของเสื้อแขนยาวสีชมพูอ่อน ตัวเล็กกว่าผมเกือบสิบเซ็นต์ เหยดดด โคตรสเป๊กอะ เรื่องเด็กเฮียอะไรนั่นช่างแม่ง ตอนนี้ผมหาเด็กเก้ามาเก็บในสังกัดท่าดีกว่า คนวัยกำลังเจริญเติบโต อยากหาแม่นมพันธุ์ดีเอาไว้ครับ หุหุ
ผมชวนมิลค์คุยต่อจากนั้นแบบไม่ต้องมีใครสอน ทฤษฎีการหลีหญิงของผมแน่นปึ๊ก ถึงไม่ค่อยได้เอามาใช้ก็เถอะ แต่พักเดียว บรรยากาศในการสมัครงานที่แรกของเด็กจบใหม่ก็ถูกปกคลุมด้วยสีชมพูอ่อน ๆ กระทั่งประตูกระจกของแผนกถูกเปิดออก ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ในชุดสูทขนาดพอดีตัวก็เดินเข้ามา เฮียอิ๊กเวลานี้ดูเคร่งขรึมผิดหูผิดตาสุด ๆ ดูดบาเรียสีหวานฟุ้งของผมไปเป็นสีดำทมึน กึ่ง ๆ ม่วงของปีศาจได้ทันตา
“น้องมัณฑนาเชิญห้องสัมภาษณ์ก่อนเลยค่ะ”
มิลค์หันมายิ้มให้ผมหลังจากพี่ฝ่าย HR ออกมาเรียก เราสบตากันก่อนผมจะชูสองนิ้วให้เป็นกำลังใจ ใช้เวลาไม่นานคนอื่น ๆ ที่มาสมัครงานก็ถูกเรียกเข้าไปทีละคนตามลำดับ กระทั่งถึงคิวผม ก็ลุกเดินเข้าห้องไปด้วยท่าทางสบาย ๆ
“นั่งสิ เป็นไงบ้าง”
เฮียทักก่อน ผมเลยเบะปากใส่นิด ๆ แล้ววางแขนลงบนโต๊ะ “อะไรเป็นไง”
“เวลาอยู่บริษัทไม่ต้องถึงกับเรียกพี่ว่าคุณอธิษฐ์ น้อง ๆ ในแผนกเรียกพี่อิ๊กกันทุกคน แต่จะเล่นหัวเหมือนอยู่ข้างนอกไม่ได้ กฏที่นี่เคร่ง ทำงานภายใต้ความกดดัน คิดว่าไหวป่าว?”
“พี่ HR คิดว่าผมเป็นเด็กเฮีย”
“เรียกพี่อิ๊ก”
“เออ นั่นแหละ ผมไม่ชอบว่ะ บอกตรง ๆ แม่งรู้สึกแย่ ผมมาสมัครเพราะเฮียแนะนำ ไม่ใช่อยากมาสมัครเพราะใช้เส้นเฮียนะ”
“จะถูกคิดว่าใช้เส้นก็เพราะมัวแต่เรียกเฮียนี่แหละ คิดว่าฉันชวนนายมาสมัครเพราะเห็นนายเป็นแค่เพื่อนสนิทไอซ์เหรอ นายเป็นยังไงฉันก็ดูมาตลอด คิดว่าน่าจะเอามาช่วยงานที่บริษัทได้ อย่าลืมสิ นี่บริษัทเตี่ยฉัน ใครอยากจะเสียเงินเดือนละหลายหมื่นเพื่อเอาใจแค่เพื่อนลูกชายตัวเองกัน”
“แต่ผมไม่ชอบได้ยินใครเรียกว่าผมเป็นเด็กเฮียนี่หว่า ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย”
“ไม่ต้องคิดมาก” เฮียพูดแล้วยิ้ม ปิดแฟ้มผมทั้งที่ไม่ได้มีทีท่าว่าอ่านอยู่แล้วตั้งแต่แรก “ที่ออฟฟิศก็เป็นแค่เจ้านายลูกน้อง ถึงได้ให้เรียกว่าพี่อิ๊กเหมือนคนอื่นนี่ไง”
ผมถอนหายใจ วางมือลงบนโต๊ะแล้วเคาะนิ้ว
“งั้นพี่มีอะไรจะสัมภาษณ์ผมอีกหรือเปล่า?”
“ไปรอที่ลานจอดรถ เสร็จแล้วเดี๋ยวตามไป”
TBC
คิดถึงฉันไหม คนดี

เอาเก้ามาเสิร์ฟคร้าบบ
ผิดแผนนิดหน่อย คือตอนแรกตั้งใจจะให้เก้าคู่คนอื่น สงสารเฮียอิ๊ก T_T แต่ก็นะ คงไม่มีใครดูแลเก้าได้เท่าเฮียแล้ว ตกเป็นเหยื่ออารมณ์เสียดี ๆ
3 ตอนจบเหมือนเดิม ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะจ๊ะ
คิดถึงคนอ่านที่น่ารักทุกคนเลย เจอกันตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ *กอดแน่นๆ 1 ที*
