พยับที่ ๑ ความทรงจำในสมุดหนัง
ผมอยู่บ้านนี้มาได้ประมาณสองสามเดือนแล้ว เจออะไรมาเยอะแยะทีเดียว คือไม่ใช่สิ่งลึกลับนะเว้ยหมายถึงพวกของ
เก่าๆน่ารักๆ กุ๊กกิ๊กไรงี้ บางวันเจอพัดงาช้าง เจอปิ่นปักผม แล้วแต่ว่าผมไปเก็บกวาดตรงไหน วันนี้ผมจะเก็บห้องทำงานที่ผมเอา
ทั้งของผม กับของเก่า เขามาสุมๆกันไว้จนแทบจะล้นออกมานอกห้องนี่ซะก่อน ไม่งั้นผมจะไม่มีที่ทำงาน
“ปั้ง โครม!!” เหยดดดดด คือผมแม่งจะปีนไปเอาของบนหลังตู้หนังสือลงมาครับ แล้วแม่งลื่น มือเลยกวาดเอาทุกอย่างลง
มากองทับบนตัวผมเลยทีเดียว เจ็บอ่ะ TT
“โอ๊ย...เชี่ยแม่ง!”ผมสบถเบาๆ ผมตกเก้าอี้บ้านสะเทือนเลื่อนลั่นขนาดนี้ยังไม่มีใครได้ยินอีกเหรอวะ T[]T โธ่ชีวิตบัดซบ
ของไอ่ทีป์
ลุกเองก็ได้วะ ผมค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมานั่ง ของบนตัวล่วงกราว แหมะ พื้นที่ร่างกายนี่มันรองรับได้หลายอย่างจริงๆ มี
ตั้งแต่สมุด หนังสือ หีบเล็กๆ เหมือนกล่องแหวน นาฬิกาพกเรือนน้อยๆแบบแขวนคอ ทั้งของที่ใหม่ๆแบบของผมแล้วก็ของเก่าๆ
ของเจ้าของคนเก่า...
“ก๊อกๆๆ”เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้องอันศิวิไลซ์ของผม สงสัยคงเป็นใครสักคนที่ได้ยินเสียงการแลนดิ้งของผมเมื่อกี้
“เปิดมาเลย ไม่ได้ล็อค”
“เอ่า ไอ่เชี้ยมึงลงไปทำห่าอะไรตรงนั้นวะทีป์?”ไอ่ตฤณทักผมด้วยความเป็นห่วง (?) ก่อนจะค่อยๆเยื้องย่างมา
พยุงผมขึ้นอย่างอ่อนโยน (?)
“โอ๊ย ไอ่เชี่ย มึงจะช่วยกูหรือจะฆ่ากูเนี้ยสัด”แม่งกระชากแขนผมขึ้นซะ -..- อย่างกับจะแยกร่างผมเสี่ยงๆนะครับแหม่
“ช่วยสิไอ่เหี้ย มึงเห็นกูฆ่ามึงรึไงควาย!!”ซึ้งใจสัดๆเลยครับ อย่างจะกระทืบเพื่อนรักคืนเป็นการตอบแทน เอ๊ะ หรือ
ผมจะยุให้พี่ชายผมจับมันทำเมียดี??
“ทำหน้าเจ้าเล่ห์นะไอ่สัส แล้วมึงจะบอกกูได้ยังว่าไปกองตรงนั้นได้ไง?”
“กูจะปีนขึ้นไปเก็บของบนหลังตู้หนังสือลงมา แล้วเนี้ยเสือกลื่นไอ่เก้าอี้ตัวเนี๊ยะ เลยลงมากองอยู่เนี้ย”ผมอยากจะทำ
ปากยื่นแล้วชักดิ้นชักงอแบบที่ชอบทำใส่ไอ่ธามตอนเด็กๆอยู่เหมือนกัน แต่กลัวไอ่ตฤณกระทืบ ไม่เอาดีกว่า -..-
“ควายจริงๆเลยมึง มากูช่วยเก็บ ละหัวไม่ได้กระแทบใช่มั้ย?”
“เออ ไม่กระแทกมีแต่ตูดกับหลังเนี้ยกระแทกเต็มๆ ห่าเอ๊ย!”
“โทษความโง่ของตัวมึงเองเถอะไอ่เพื่อนรัก”ปลอบซะกูหายเจ็บปวดเลยนะไอ่เหี้ย อย่างงี้อย่าเรียกปลอบเลยสัส แถวบ้านกู
เรียกซ้ำเติม - -;
“เออ ไอ่สัสมาช่วยกูเก็บเลยมึง”
“เออๆ”มันนั่งลงข้างๆผมแล้วหยิบของออกไปวางจำแนกเป็นกองๆ พวกหนังสือเก่า หีบเล็กหีบน้อย เครื่องประดับอย่างแหวน
เก่าๆ นาฬิกาพก แล้วก็พวกหนังสือใหม่ของผมที่ดันไปกองๆไว้ตอนแรก
“ของแม่งอย่างเยอะเลยว่ะ เจ้าของเก่าเค้าไม่เก็บไปรึไงวะ ของๆต้นตระกูลเค้าแท้ๆ”ไอ่ตฤณมันพูดแถมพลิกหีบไม้สลักลาย
ที่มันเพิ่งรื้อออกมาไปมา สายตาเป็นประกายบิ๊วกิ๊ง มันชอบของเก่าครับ หมอวินเทจ
“สงสัยเขาคงคิดว่าไม่สำคัญมั้ง ไม่งั้นเค้าคงไม่ขายบ้านหลังนี้ทิ้งหรอก บ้านก็เป็นบ้านต้นตระกูลเค้าเหมือนกันนะเว้ย”
“เออจริง เห้ยมึง นี่อะไรวะ?”ไอ่ตฤณมันหยิบหีบแบนๆออกมาจากกองของแล้วยื่นมาให้ผม อย่างกับหีบเก็บคัมภีร์ ผมรับหีบ
นั้นมา เหมือนมันจะล็อคอยู่ กุญแจของหีบนี่จะอยู่ที่ไหนกันนะ?
“วางไว้อีกกองละกัน มาๆแยกต่อจะได้เก็บถูก เออ แม่งแล้วกูจะเก็บของเก่าพวกนี้ไว้ไหนวะมึง??”บางอย่างแม่งเป็นหนังสือ
ครับ ผมจะเอาไปตั้งโชว์ก็ไม่ได้...แต่แปลก ทั้งๆที่บ้านเก่าขนาดนี้แต่หนังสือพวกนี้กลับดูไม่เก่าเท่าไหร่นัก ไม่มีรอบมอดหรือ
แมลงเจาะเลยด้วยซ้ำ
“เอาของจุ๊กจิ๊กน่ารักไปตั้งโชว์ ส่วนหนังสือ กูว่าคงต้องหาตู้ในบ้านสักตู้ใส่ไว้โชว์แขก ว่าเนี้ย ของเก่านะเว้ยเห้ย”เออ ถึง
ความคิดมันจะดูไร้สาระไปหน่อย แต่ก็น่าสนใจ...
ผมกับตฤณก้มหน้าก้มตาเก็บของที่หล่นลงมาต่อจนหมด แล้วจัดการเอาหนังสือเก่าๆไปไว้ที่มุมห้องก่อน ส่วนของที่เหลือก็
เอาใส่กล่องไว้ เอาไว้จัดต่อพรุ่งนี้ เพราะวันนี้มันก็จะค่ำล่ะ คงต้องแยกย้ายกันไปพักผ่อนเอาแรง
20.20 น.
ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนอน ช่วงนี้งานผมยุ่งๆ ที่สถานทูตมีคนมาติดต่อเยอะแยะไปหมด ผมทำงานตามรอยคุณพ่อของ
ผม...ใช่แล้ว คุณพ่อของผมเป็นทูต ส่วนผมเป็นลูกชายคนเล็กของท่านทูตที่อยากจะเป็นนักการทูตเหมือนพ่อ ผมเลยเรียนด้าน
รัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ จากมหาลัยชื่อดังด้านการเมืองแห่งหนึ่ง ผมเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง ทำเอาคุณ
พ่อหน้าบานไปเจ็ดวัน -3- ส่วนไอ่ตฤณ มันไม่ได้เรียนหมอที่เดียวกับผม แต่อีกมหาลัยชื่อดังด้านการแพทย์อีกที่หนึ่งของไทย แต่
เพราะเราสนิทกันมาตั้งแต่อนุบาลจนมัธยม สายสัมพันธ์มันเลยไม่ขาดไปไหน เรียกว่านัดเจอกันแทบทุกสัปดาห์ ถึงมันจะเจอหน้า
พี่ผมที่เป็นรุ่นพี่มันมากกว่าผมก็เหอะ...
“หาววว...”ผมบิดขี้เกียจเบาๆแล้วลุกขึ้นเดินไปเดินมา แหม ก็มันเมื่อยนี่ นั่งอยู่นานๆ ผมอาจจะตายก็ได้นะ เป็นแผลกดทับ
ตาย -..- (มึงคงต้องนั่งเป็นปีอ่ะค่ะแหม) ว่าไปไปเอาหีบนั่นมาดูหน่อยยดีกว่า
ผมหยิบหีบแบนๆที่เจอเมื่อตอนกลางวันมานั่งพิจารณา...อืมม...สวยดี ด้านบนหีบแกะเป็นรูปสิงโตสองตัวเคียงกัน ว่าแต่ผมจะเปิด
หีบนี่ยังไง? บางทีถ้าหีบอยู่ในห้องนี้กุญแจก็อาจจะอยู่ในห้องนี้ก็ได้ จะหาดูดีมั้ย? จะดูเสือกเรื่องของเค้าไปนิดนึงมั้ยวะ แต่ว่า
อยากรู้นี่หว่า...
“เพล้ง!”เชี่ย! เสียงอะไรแตกวะ ผมหันไปตามที่มาของเสียง ดังมาจากด้านนอก สงสัยต้องออกไปดู ก็มันดังอยู่ในปีกของผม
นี่นาปีกนู้นคงนอนหลับสบาย
“ฟู่ววว”พอผมเปิดประตูลมก็พัดใส่หน้าซะผมหลอนเลยครับ นึกถึงหนังผีน่ะ -..- สยองเลยทีเดียว ผมกดเปิดสวิตซ์ไฟด้าน
นอกจะได้เดินสำรวจเสียทีว่าอะไรมันตกลงมาแตก
[ God eye view ]
อีกด้านหนึ่งยังมีอีกสายตาหนึ่งที่จับจ้องนภทีป์อยู่ เขาไม่รู้ว่าเขามาอยู่บนเรือนลูกน้องคนหนึ่งในกรมได้อย่างไร...แล้วที่
ข้องใจคือ ทำไมบ้านลูกน้องถึงไม่เหมือนเดิม มีหลายอย่างผิดแผกไป อย่างเจ้านาฬิกานั่น เรือนกลมๆ ไม่มีนกกุ๊กกู๋เลยสักตัว
หรือเจ้าจอสี่เหลี่ยมที่คนในบ้านนี้เพิ่งดูอยู่เมื่อตอนเย็น และที่สำคัญหามีใครมองเห็นเขาไม่! เขาจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่
เขาถูกชะตาด้วยเป็นพิเศษ
“ตึก ตึก ตึก”ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่เดินได้เสียงดังเสียจริงกระดานลั่นจนหูเขาแทบระเบิด เห้อ อะไรทำให้ท่านเจ้าคุณแห่งกรมท่า
อย่างเขาต้องมาด้อมๆมองๆเด็กหนุ่มเหมือนเป็นพวกลักเพศเยี่ยงนี้นะ!! ว่าแต่ทำไมเด็กหนุ่มนี่ถึงมาอยู่บนเรือนของหลวงนพ ซ้ำ
ยังเดินเข้าออกห้องหลวงนพราวกับเป็นห้องของตัวเอง...แต่ดูที...เหมือนจักอยู่คนละภพกันอย่างไรอย่างนั้น เมื่อตะกี้เขาเผลอ
เดินไปชนรูปหลวงนพบนตู้หนึ่งตกลงมาแตกเสียงดัง คงเป็นเหตุให้เด็กหนุ่มนี่ต้องออกมาดู เขาได้แต่แปลกใจเหตุใดรูปหลวงนพ
ที่ยังหนุ่มแน่นถึงได้ดูแก่ขึ้นกว่าเดิมเสียเยอะ...คงน่าจะประมาณสามสิบกว่าๆ ทั้งๆที่ตอนนี้หลวงนพอายุแค่ยี่สิบเก้าเท่านั้น
“อ๋อ ที่แท้ก็กรอบรูปตกนี่เอง แมวที่ไหนมาวิ่งชนวะ ลำบากกูเก็บอีก”เด็กหนุ่มบ่นเบาๆ ทำเอาเจ้าคุณที่แอบดูอยู่ใกล้ๆ (ก็เขา
มองไม่เห็น) ขมวดคิ้วมุ่น เจ้าเด็กนี่
“เอ๊ะ นี่รูปใครวะ”เด็กหนุ่มหยิบกรอบรูปแตกๆขึ้นมา ก่อนจะลุกออกไป แล้วกลับมาใหม่พร้อมไม้กวาดกับที่ตักขยะ ที่คนที่
แอบดูอยู่ไม่ได้รู้เลยว่าไอ่ที่ตักขยะเนี้ย มันคืออะไร เขาเห็นแค่เด็กหนุ่มใช้ไม้กวาดหน้าตาประหลาดที่ไม่เหมือนกับไม้กวาดทาง
มะพร้าวที่เขาเคยเห็น บรรจงกวาดเศษแก้วจากรอบรูปใส่ในอะไรสักอย่างที่เขาไม่เคยเห็น...ก่อนจะเอาทุกอย่างไปเก็บ พร้อมกับ
ถือกรอบรูปเข้าไปในห้องด้วย...พิลึกจริงเชียวเจ้าหนุ่มคนนี้...
“ตามไปดูที เขาจักทำอันใดกันนะ?”ท่านเจ้าคุณในวัยสามสิบปลายๆค่อยๆเยื้องย่างตามหนุ่มน้อยเข้าไปในห้องนอนของคุณ
หลวง
สายตาที่ทอดมองจับภาพชายหนุ่มกำลังเพ่งพินิจพิจารณารูปภาพของลูกน้องในกรมของเขา ดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งกรมท่าซ้าย
คุณหลวงนพเทพอัครา นักเรียนนอก ลูกชายของท่านพระยาเทพอัครากับคุณหญิงแขไข ช่วงนี้ในเมืองหลวงต่างก็พูดถึงคุณหลวง
หนุ่มผู้นั้น...รูปร่างสูงใหญ่ ออกจะผิดชายชาวสยามทั่วไปเสียหน่อย หน้าตาคมเข้มงดงาม กิริยาท่าทางหรือคุณหญิงท่านก็สอน
มาดีเหลือเกิน สุภาพ อ่อนน้อม พูดอะไรก็ไพเราะไปเสียหมด เฮ้อ...นึกไปนึกมาทำไปคุณหลวงถึงได้ดีไปเสียหมดเยี่ยงนี้นะ? ว่า
แต่เจ้าหนุ่มน้อยนั่นจะจ้องรูปหลวงนพทำไมกัน?
“หล่อว่ะ”เด็กหนุ่มพึมพำเบาๆ แต่เจ้าคุณหนุ่มก็ได้ยิน แหมก็เขายืนอยู่ข้างหลังเจ้าเด็กนี่เองนี่นา ว่าแต่ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่
แล้วเขาจะกลับไปที่เรือนได้อย่างไรกันนะ?
“ว่าแต่ทำไมรูปมันนูนๆอะไรดันขึ้นมาวะ? รึว่าจะเป็นภาพนูนต่ำ?”เด็กหนุ่มยังพึมพำต่อไป แถมด้วยการงัดแงะแกะเกากรอบ
รูปไปพร้อมๆกัน เจ้าคุณหนุ่มได้แต่มองแบบงงงัน เจ้าหนุ่มน้อยนี่มันจะทำอันใดของมัน?
“เหี้ย!!”เสียงสบถลั่นทำเอาคุณหลวงสะดุ้งเฮือก ส่วนเด็กหนุ่มเบิกตาโพลงจ้องมองกุญแจดอกเก่าๆในมือ เด็กหนุ่มยกรูปที่มี
ข้อความเขียนด้วยหมึกจางๆอยู่ด้านหลังขึ้นมาอ่าน ท่านเจ้าคุณได้แต่หยีแต่เพ่งมองตามด้วยความอยากรู้อยากเห็นสุดๆ
“ความทรงจำของฉัน…เก็บไว้กับกุญแจดอกนั้น”เด็กหนุ่มอ่านจบก็ได้แต่ขมวดคิ้วงุนงง เก็บอะไรไว้กับกุญแจ กุญแจไม่
เห็นจะมีอะไร?
“หรือว่า...”สายตาของเด็กหนุ่มรีบเก็บกรอบรูปไปไว้บนชั้นที่เดิม ส่วนรูปถือติดมือไปพร้อมกุญแจ เขาแทบจะวิ่งกลับเข้าไป
ในห้องไปหยิบหีบแบนๆที่ยังเปิดไม่ได้สักทีมาลองไขดูสักที
“หึหึ ใช่แน่ๆ”เด็กหนุ่มจัดการใช้กุญแจลองสอดเข้าไปในรูกุญแจช้าๆ สีหน้าของเด็กหนุ่มดูลุ้นจนเหงื่อตก ท่านเจ้าคุณเองยัง
ลุ้นแทนอยู่ข้างๆ เหมือนว่าเป็นเรื่องของตัวเองยังไงยังงั้น
“กริ๊ก”เสียงกุญแจลั่นเบาๆท่ามกลางความเงียบสงัดของบ้าน นภทีป์ยิ้มสมใจที่มุมปาก ดวงตาโตเริ่มหยีเป็นประกาย
“หึหึ จะได้รู้กันสักทีว่าหีบนี่มันซ่อนอะไรอยู่”เขาค่อยๆเปิดฝาหีบออกช้าๆ ด้านในหีบมีสมุดบันทึกปกหนังสีน้ำตาลเก่าๆ
กระดาษเหลืองกรอบ...แหวนสองวง แล้วก็ดอกรักแห้งๆ กับพวงมาลัยกรอบๆกับกิ่งไม้แห้งๆอีกหนึ่งกิ่ง
เขาขมวดหัวคิ้วเข้าหากัน...
ของนี่เป็นของคนในรูปหรือ?
ส่วนท่านเจ้าคุณเอง ก็มีสีหน้าแปลกใจไม่แพ้กัน ถึงนภทีป์จะมองไม่เห็นท่านเจ้าคุณก็เถอะ ของๆหลวงนพ มิแปลกที่จะอยู่ในบ้าน
ของหลวงนพ แต่ว่าตอนนี้...เขาไม่เห็นหลวงนพเลย...ที่นี่ที่ไหนกัน
“แอบอ่านสักหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง”นภทีป์หยิบสมุดขึ้นมา ส่วนแหวนกับดอกไม้แห้งๆพวกนั้นเขาทิ้งไว้ในหีบ ปิดแล้วไข
กุญแจปิดเหมือนเดิม ส่วนสมุดคงอีกสักพัก กว่าจะได้เอากลับไปไว้ในหีบ นภทีป์เดินไปปิดไฟกลางห้อง...
เปิดเพียงโคมไฟหัวเตียงแสงนวลตา...ถึงจะดูเสือกเรื่องชาวบ้านไปนิด แต่เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะอ่านไดอารีที่แสนดึงดูดใจนี่
มือขาวพลิกเปิดหน้าแรกออกดูช้าๆ หน้าแรกมีเพียงข้อความสั้นๆเขียนไว้กลางหน้ากระดาษ ลายมือหวัดปลายน้อยๆ แต่สวย...
‘นพเทพอัครา’
เขาอ่านทวนชื่อนั้นในใจ...ไม่รู้ว่าทำไมชื่อนี้ถึงได้ดึงดูดให้เขาอยากเจอตัวคนนัก รวมทั้งหน้าคร้ามคมในรูป...เชอะก็แค่หล่อกว่า
เขาหน่อยเดียวเอง!!
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
“อือ...”นภทีป์มุดหัวลงไปใต้ผ้าห่มแพรเนื้อบาง เหมือนพยายามหลบเลี่ยงเสียงเคาะประตูเบาๆที่ดังอยู่ข้างนอก...
“คุณทีป์คะ นมเตรียมอาหารเช้าพร้อมแล้วนะคะ”เสียงผู้หญิงวัยกลางคนค่อนไปทางแก่ดังขึ้นจากอีกฝั่งของประตู แต่ไม่ได้
ทะลุเข้ากระดูกชิ้นไหนในรูหูของชายหนุ่มที่นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนเตียงเลยแม้แต่น้อย
“นมครับ ปล่อยมันนอนไปเหอะ เดี๋ยวนมค่อยอุ่นให้มันก็ได้ ตอนนี้ธามหิวแล้วเดี๋ยว รีบไปราวน์วอร์ดเดี๋ยวธามกินก่อนกับไอ่
ตฤณ”เสียงทุ้มต่ำของชายอีกคนดังมาจากอีกฝากของประตู นั้นแหละไม่ได้เข้าหูคนที่นอนอยู่หรอก แต่...มีคนหนึ่งได้ยิน...
ท่านเจ้าคุณแห่งกรมท่าซ้าย...
ไอ่หนุ่มนี่มันไม่เคยได้หลับนอนหรือไร สายจนตะวันแยงก้นเยี่ยงนี้ยังหารู้สึกตัวไม่...หากเป็นเขา...คนตื่นเสียก่อนย่ำรุ่ง ไม่
นอนกลิ้งเกลือกไปมาเยี่ยงนี้แน่ๆ ถึงอากาศจะน่านอนเพียงใดก็เถิด
สายลมพลิ้วแผ่ว...พัดผ้าม่านสีขาวโปรงบางปลิวไสวตามแรงลม หอบกลิ่นหอมของดอกไม้หลังบ้าน ทั้งความเย็นจาก
เจ้าพระยามาแตะผิวกาย...เอ่อ ถึงตอนนี้เขาจะดูโปร่งแสงแปลกๆก็เถิด
...ท่านเจ้าคุณสูดลมหายใจเข้าแผ่วเบา...
เขาเหมือนจะเป็นลักเพศเข้าไปทุกที...เหตุใดจึงต้องมานั่งมองเจ้าหนุ่มนี่นอนด้วย...ถึงเขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเจ้าหนุ่มนี่ก็
เถอะ
เฮ้อ...
เมื่อไรเขาจะได้กลับเรือนกันนะ...คิดถึงเรือน...
“อื้มมมมม”นภทีป์พลิกตัว ขาขาวนวลลอดออกมาจากกางเกงนอนตัวบาง...
เจ้าหนุ่มนี่มันคิดจักระวังตัวบ้างหรือไม่นะ? หากเขาเป็นลักเพศเห็นทีคงจะปลุกปล้ำไปเสียแล้วกระมัง
“ฮ้าววววววววววววววว”นภทีป์เหยียดตัวขึ้น ปิดปากหาวเสียงดังจนน้ำหูน้ำตาเล็ดไปหมด ท่านเจ้าคุณปรายหางตามอง พลาง
สั่นหน้าเบาๆ
เมื่อไหร่เขาจะได้กลับเรือนกัน...ต้องแอบมองเจ้าหนุ่มนี่ไปถึงเมื่อไร...
หลังจากตื่นได้ไม่นานนภทีป์ก็กลับไปขลุกตัวอยู่ในห้องทำงาน แปลเอกสารที่ได้รับมอบหมายมา...เขาทำงานในสถานทูต
แปลเอกสารอะไรต่อมิอะไรให้วุ่นไปหมด...เขาอยากทำงานนี้เพราะพ่อ...พ่อที่เป็นเอกอัครราชทูตอยู่ต่างแดน พ่อเป็นฮีโรสำหรับ
เขา เป็นแบบอย่าง...อยากจะโคลนนิ่งออกมาเสียให้หมด
“ก๊อกๆๆ”
“ครับ”
“นมเอาของว่างมาให้ค่ะคุณทีป์ จะรับไหมคะ?”
“เอาครับ เอาเข้ามาเลยนมผมไม่ได้ล็อกห้อง”เจ้าคุณหนุ่มในร่างโปร่งแสงเดินอ้อมโต๊ะไปแอบมองสิ่งที่นภทีป์ให้ความสนใจ
นักหนา ก่อนตาคมๆจะเบิกโต ก่อนคิดอะไรบางอย่างพลางยิ้มสมใจ รอยยิ้มที่ไม่ว่าใครๆได้เห็นก็มักจะบอกว่าท่านเจ้าคุณช่างยิ้ม
เจ้าเล่ห์เหลือเกิน
“แหม ทำงานคนหน้าตอบหมดแล้วนะคะคุณหนู ถ้าคุณผู้หญิงกลับมาเห็นคุณทีป์ผ่ายผอมขนาดนี้ป้าคงจะโดนคุณหญิงหัก
เงินเดือนแย่”หญิงวัยกลางคนกระเซ้ายิ้มๆ ก็คุณหนูคนเล็กของเธอน่ะ กินอยากเหลือเกิน เรื่องอื่นไม่เคยเรื่องมากจุกจิก เห็นจะ
เรื่องมากอยู่เรื่องเดียว เรื่องของกินนี่แหละ ผักก็กินอยู่แค่ผักกาดที่ต้องต้มเปื่อยๆ กินผักอย่างอื่นบ้างนานๆครั้ง เนื้อคาวๆบางครั้งก็
กินไม่ได้เสียเลย อ้วกออกเสียหมด
“คุณแม่จะมาว่าอะไรนมของทีป์ได้ละครับ”นภทีป์พูดยิ้มๆก่อนก้มหน้าลงไปง่วนกับเอกสารต่อเป็นอันตัดบทสนทนากับแม่นม
เธอส่ายหน้ายิ้มๆก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานของคุณหนูคนเล็ก ส่วนท่านเจ้าคุณหนุ่มหลังจากเห็นเอกสารที่นภทีป์ง่วนกับ
การแปลและอ่านอยู่ก็นึกอะไรได้บางอย่าง
อยากให้เจ้าหนุ่มนี่มีชีวิตอยู่ในร.ศ.111 ที่เขาอยู่ยิ่งนักคงจะดีไม่น้อยถ้ามีคนที่เชี่ยวชาญด้านภาษาขนาดนี้มาช่วยถึงแม้ที่นั้น
จะมีหลวงนพแต่คุณหลวงนั้นหาได้เชี่ยวชาญในภาษาฝรั่งเศสเยี่ยงนี้ไม่ ตัวเขาเองก็ไม่ได้เก่งกาจมากไปกว่าคุณหลวงสักเท่าไร
เอกสารส่วนมากที่ได้มาจึงผ่านการแปลไปอย่างล่าช้า เพราะต้องแปลกลับไปกลับมาระหว่างกภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และ
ฝรั่งเศส ยังดีที่เกรทบริเตนยังคงดูเชิงอยู่มิได้เข้ามารุกรานมากนัก หากกลับกันไปแล้ว ช่างแตกต่างจากฝรั่งเศสที่พร้อมจะหุบ
แผ่นดินสยามแทบจะทุกเวลา เขาจะต้องเช่นไร จึงจะรักษาแผ่นดินนี่ไว้ได้ ถึงรักษาได้ไม่หมดอย่างน้อยก็ขอให้มากที่สุด เท่าที่
บรรพบุรุษผู้หนึ่งจะทำให้ลูกหลานในอนาคตได้
เขาจะทำอย่างไรดี เขาจะพาเจ้าหนุ่มนี่กลับเรือนไปเสียพร้อมกันได้หรือไม่? เขาจะทำอย่างไรดี จะทำอย่างไร เขามาที่นี่ได้
อย่างไร เขาจะกลับไปอย่างไร แล้วเขาจะพาเจ้าหนุ่มนี่ไปด้วยได้อย่างไร คิ้วเข้มขมวดเป็นปม ริมฝีปากคมหยักเม้มแน่น จะทำ
อย่างไรดี??
“แกรกๆ”เสียงปากกาหัวแหลมแบบจุ่มหมึกขูดกระดาษไปมา ปากกาด้ามเรียวถูกบังคับให้ขีดเขียนด้วยมือกร้านคม ผิวขาว
เหลืองแบบคนโดดแดดบ้างหาได้ขาวซีด เจ้าของดวงหน้างามแบบรูปสลัก คิ้วเข้มปาดเฉียงเล็กน้อย ดวงตาคมโต หางตายกขึ้น
ตามหางคิ้ว ยิ่งทำให้ตาดูดุไปใหญ่ จมูกโด่งเป็นสันตรง ปากหยักลึก ที่ตอนนี้ไม่ค่อยงามเป็นรูปสลักแบบที่ชาวบ้านโจษจันกันเสีย
เท่าไร คิ้วคมเข้มขมวดเป็นปมแน่น
เกิดอะไรขึ้นกับท่านเจ้าคุณกันแน่
บ่าวที่เรือนท่านมาเรียนให้เขาทราบว่าท่านเจ้าคุณจู่ๆก็ล้มลง แล้วหาได้ตื่นขึ้นมาอีก เรือนนั้นยุ่งวุ่นวายกับการรักษากัน
เอิกเหริก ส่วนตัวเขาก็ได้แต่คิดว่าจะทำอย่างไรกับงานตรงหน้า ขาดท่านเจ้าคุณไปเสียคนเขาก็มิรู้ว่าต้องทำอย่างไร ท่านเจ้าคุณ
เป็นผู้ให้เอกสารลับฉบับนี้แก่เขา ยังมีเรื่องต้องหารือกันอีกมาก แต่ท่านเจ้าคุณมาล้มเจ็บเสียแบบนี้เขาจะทำอย่างไรได้ จะไปเฝ้า
สมเด็จฯในกรมหรือเขาก็หามีสิทธิมีเสียงขนาดนั้นไม่
เขาควรทำเช่นไร รอท่านเจ้าคุณฟื้นขึ้นมาได้เพียงอย่างเดียวเช่นนั้นหรือ หามีทางอื่นเลยเทียวหรือไร เห็นทีเขาคงต้องหาทางทำ
อะไรสักอย่าง หาไม่แล้วเกรงว่ากว่าท่านเจ้าคุณจักฟื้นคืนมา สยามประเทศจะขาดแหว่งไปหมดแผ่นดินเสียก่อน
ร่างสูงลุกคลายหัวคิ้วออก มือหนาปิดสมุดบันทึกเล่มหนาของเขา สมุดที่เริ่มขีดเขียนมันตั้งแต่สมัยไปเรียนที่
เกรทบริเตน ในแผ่นดินที่ตอนนี้กำลังรุกรานสยามประเทศ!!
“พ่อนพจ้ะ แม่เอาน้ำมะตูมมาให้จ้ะ”คุณหญิงแขไข ภริยาของท่านพระยาเทพอัคราผู้เป็นบิดาของคุณหลวงนพเทพอัคราเดิน
เข้ามาในห้องช้าๆ กิริยามารยาทอย่างผู้ดีทุกระเบียด หากหาได้ถือยศถืออย่างไม่
“ขอบคุณขอรับ เหตุใดแม่จึงเอาเข้ามาเอง ให้นางเล็กๆเอามาให้ลูกก็ได้”ชายหนุ่มละสายตาจากกองเอกสารตรงหน้า หันมา
คุยกับมารดา ญาติสนิทที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของเขา
“อยากเจอหน้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนะซี วันๆอยู่แต่กับงาน จะแต่งงานกับงานหรือจ้ะพ่อ?”คุณหญิงแขไขกระเซ้ายิ้มๆนั่ง
ลงตรงเก้าอี้มุมห้องทำงานของลูกชาย
“โธ่ คุณแม่ขอรับลูกหาได้ยุ่งกับงานถึงเพียงนั้นไม่ เพียงแต่ลูกยังไม่อยากมีดอกขอรับ”
“จ้ะ พ่อลูกชาย เอ่า กินเสียหน่อย แดดยังนายพ่อนพคงกระหายน้ำมาก”
“จ้ะแม่”คุณหลวงหนุ่มรับแก้วใบโตที่ภายในบรรจุน้ำสีน้ำตาลอ่อนๆอยู่เต็มมาจิบช้าๆ น้ำมะตูมสูตรคุณแม่ ยังชุ่มคอเหมือนเคย
“พ่อทีป์ มะรืนว่างหรือไม่ลูก?”
“คุณแม่มีอะไรหรือขอรับ ลูกหาได้มีธุระอันใดสำคัญให้ต้องเข้ากรมฯ ยิ่งท่านเจ้าคุณมาล้มเจ็บเสียอีก งานทุกอย่างแทบจะ
หยุดชะงักทีเดียวจ้ะ”
“อย่างนั้นหรือ? ท่านเจ้าคุณยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ เหตุใดจึงมีอันให้ล้มเจ็บได้นะ”
“ลูกเองก็จนใจจ้ะแม่ หามีใครรู้ไม่ว่าท่านเจ้าคุณล้มไปด้วยเหตุอันใด เหตุใดยามนี้ยังไม่ฟื้น แม่มีอะไรหรือจ้ะ ถึงถามลูก
เหมือนอย่างให้ลูกไปไหน?”
“แหม...รู้ดีจริงเทียวลูกแม่ ไปวัดเป็นเพื่อนแม่ทีได้หรือไม่จ้ะ?”
“ขอรับ ลูกเองช่วงนี้ก็ว้าวุ่นใจ เห็นทีจักต้องพึ่งใบบุญพระพุทธเข้าสักทีเสียเหมือนกัน”
“ดี แม่จะได้ให้หลวงตาท่านทำนายทายทักเนื้อคู่ให้บ้างเสียที”คุณหญิงแขไขยิ้มสมใจ ส่วนคุณหลวงเมื่อรู้ตัวว่าพลาดเสีย
แล้วจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆให้มารดา โธ่ เขายังมิได้อยากแต่งงานถึงเพียงนั้นเสียหน่อย!
เอาพยับที่ ๑ มาเสิรฟค่ะ