เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ. ตอนพิเศษ 2-2(ครึ่งหลัง) (24/12/56)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ. ตอนพิเศษ 2-2(ครึ่งหลัง) (24/12/56)  (อ่าน 115922 ครั้ง)

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
หนูกีใจดีจังเลย

 o13 o13

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
กีช่างเป็นคนที่จิตใจดีจริงๆ
รอติดตามว่าใครจะเป็นรายต่อไปที่ กี จะได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริง

ฟอนต์แบบเดิมก็ดีนะ แต่เอาแบบไหนก็ได้ไม่มีผลอะไรอยู่แล้วจ้า อิอิ

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ไปอยู่ในมาไม่รู้เพิ่งเห็น  :z3:

เราชอบความใสซื่อของน้องกีจังเลย  :mew1:

ต้องคู่กะพระเอกที่ซึนๆชิมิ อิอิ  :hao6:

netthip

  • บุคคลทั่วไป
จาอ่านต่ออออออออออออออออ :katai1:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
..เท่าที่สังเกตดู พอใส่โค้ดขยายตัวจะดำ ๆ หนา ๆ อ่านลำบาก ดังนั้นจึงจะใช้ฟอนต์ไซส์ดั้งเดิมบอร์ด แต่ถ้าใครอยากอ่านตัวใหญ่ ปัดแนะนำให้กด .....คีย์บอร์ด ปุ่ม Ctrl พร้อมกับ ปุ่มเลข + (บวก) ..... หน้าจออักษรก็จะขยายตัวอักษร ให้อ่านง่ายขึ้น แต่ถ้าจะให้ลด ก็กดปุ่มเลข - (เครื่องหมายลบ) แทน  และถ้ากดเพลิน จนมึนว่ากดไปกี่รอบ จนหน้าจอเพี้ยน ก็ให้กด ปุ่ม Ctrl พร้อมกับ ปุ่มเลข 0(ศูนย์) หน้าจอก็จะกลับมาค่ามาตรฐานของบราวเซอร์ที่เราใช้ค่ะ ^^




ตอนที่ 7
จับโจร




    หลังจากพูดคุยทำความเข้าใจกันเรียบร้อย เวธน์ก็ขอตัวลากลับไปพร้อมความสบายใจมากขึ้นกว่าเดิม เพราะแม้ว่ากีรติจะล่วงรู้ความจริงของหมู่บ้านแห่งนี้ แต่ก็ยังไม่กลัวจนหนีไป ซ้ำยังตั้งใจจะใช้ชีวิตร่วมกับทุกคนอีก และถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีอย่างที่เขาคาดไว้ เขาก็คงไม่ต้องลำบากหาพนักงานรักษาความปลอดภัยกะเช้าคนใหม่อีกแล้ว

     “อ๊ะ...ได้เวลาใกล้เปลี่ยนกะแล้วนี่ครับ หือ...คุณแฟนธอมกำลังตรงมาที่ป้อมยามแล้วล่ะครับ”

    อเล็กซ์บอกกับกีรติซึ่งกำลังยืนทำหน้าที่ประจำป้อม  กีรติหันมองไปตามที่อีกฝ่ายบอก แล้วก็ได้เห็นว่าแฟนธอมกำลังเดินตรงมาที่เขายืนอยู่

    “อย่าเผลอทักทายผมตอนกลับแบบคุณเวธน์อีกล่ะครับ คุณกีรติ”

    อเล็กซ์เอ่ยเตือนเบา ๆ ทำให้กีรติสะดุ้ง แล้วจึงตอบกลับค่อย ๆ

    “แหะ ๆ รู้แล้วครับ”

    และเมื่อแฟนธอมเดินมาถึงป้อม เขาก็พิจารณาร่างตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ก็ยังคงแฝงความเป็นห่วงให้ได้สัมผัสเบาบาง

    “เป็นไง พอจะทำงานนี้ไหวไหม”

    “ไหวครับ ไม่มีปัญหา ทุกคนที่นี่ใจดีมาก ๆ เลยล่ะครับ”

    กีรติตอบพร้อมยิ้มกว้าง ทำให้คนฟังสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเขานึกแปลกใจที่กรกฎเรียกเวธน์มาพบ และพอเวธน์คุยกับกีรติเสร็จ ก็ดันแวบหายตัวทิ้งงานหนีไป ทำเอาเขาต้องฟังกรกฎบ่นเรื่องของอีกฝ่ายจนนึกรำคาญเลยทีเดียว

    “ถ้านายสามารถทำงานที่นี่ได้โดยไม่มีปัญหา มันก็ดี...”

    แฟนธอมเอ่ยอย่างคาดหวังนิด ๆ ทำให้คนฟังยิ้มกว้างตอบ

    “แน่นอนครับ ผมจะพยายามทำงานให้เต็มที่ และจะพยายามทำตัวเข้ากับทุกคนที่นี่ให้ได้ครับ”

    แฟนธอมยิ้มตอบรับ ซึ่งกีรติคิดว่าคนตรงหน้าเขาเวลายิ้มก็ดูอ่อนโยนมาก น่าเสียดายที่ใส่หน้ากากแบบนั้น แต่เขาก็ยังคงเชื่อมั่นว่า คงจะมีสักวัน ที่แฟนธอมจะเจอใครสักคนที่ไว้ใจ พอที่จะยอมปลดหน้ากากให้อีกฝ่ายได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงอย่างแน่นอน

    “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวล่ะนะครับ ...เอ่อ ลาล่ะครับ”

    ท้ายประโยคกีรติเหลือบไปที่ป้อมยามแวบหนึ่ง แล้วหันกลับมายิ้มให้กับแฟนธอมอีกครั้ง ทำให้ชายสวมหน้ากากขมวดคิ้วนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ทักอะไรออกไป และเมื่อลับหลังกีรติไปแล้ว เจ้าตัวจึงเอ่ยถาม AI อัจฉริยะด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

    “วันนี้เหตุการณ์ปกติดีไหม อเล็กซ์”   

    อเล็กซ์นิ่งเงียบไปเล็กน้อย แล้วจึงตอบตามที่ได้รับคำสั่งมาก่อนหน้านั้น

    “ก็ปกติดีนี่ครับ”

    “หือ...แน่ใจหรือ”

    แฟนธอมย้ำถามพร้อมกับจ้องเขม็ง อเล็กซ์นึกขอบใจที่เจอรัลด์ไม่ได้สร้างเขาเป็นหุ่นยนต์ ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะหลุดอาการเล็กน้อย ให้อีกฝ่ายจับผิดก็เป็นได้

    “แน่ใจครับ คุณกีรติปฏิบัติหน้าที่ได้ดีมาก ไม่เชื่อคุณก็ลองถามคุณเวธน์ดูก็ได้นะครับ เพราะคุณเวธน์มาสอบถามคุณกีรติด้วยตนเองว่า มีปัญหาเรื่องงานไหม ซึ่งคุณกีรติก็ยืนยันว่าตนไม่มีปัญหาครับ”

    แฟนธอมนิ่วหน้า เพราะแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว เวลาอเล็กซ์ให้ข้อมูลที่บิดเบือนความจริงกับเขา เจ้าตัวก็มักจะยกเหตุผลยืดยาวมารองรับเสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน

    “เหอะ...เอาเป็นว่าฉันจะเชื่อตามนั้นก็ได้ เพราะยังไงนายก็ขัดคำสั่งมาสเตอร์ของนาย หรือไม่ก็คุณเวธน์ไม่ค่อยได้อยู่แล้วนี่นะ”

    แฟนธอมเปรยตอบอย่างเอือมระอา แม้จะไม่รู้ว่าอเล็กซ์ปิดบังเรื่องอะไร แต่การจะคาดคั้นซักไซ้ให้เจ้าตัวตอบก็คงทำได้ยากอยู่ และอีกอย่างเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของอเล็กซ์โดยตรงด้วย

    “...ยังไงผมก็ขอยืนยันว่า วันนี้คุณกีรติปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดี และไม่มีปัญหาจริง ๆ นะครับ”

    อเล็กซ์เอ่ยตามมาอีกอย่างนึกขอบคุณที่แฟนธอมไม่ได้ซักไซ้อะไรตนมาก และที่สำคัญแฟนธอมนั้นเป็นเสมือนเพื่อนคุยกับเขามาตั้งแต่เขาเริ่มปฏิบัติงาน ถ้าไม่มีอีกฝ่ายเขาก็คงจะรู้สึกถึงสิ่งที่เรียกว่าเหงาอยู่มากไม่น้อย

    “อืม...ได้ยินแบบนั้นฉันก็สบายใจ”

    แฟนธอมเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็เข้าประจำหน้าที่ของตน พวกชาวบ้านหลายคนก็ทยอยกลับบ้าน มีบางคนที่เผลอลืมตัวแสดงพฤติกรรมเคยชิน จนต้องโดน รปภ.ประจำป้อมมองเขม็งเขม่นเตือนเข้าให้



    อีกด้านหนึ่งกีรตินั้น พอออกเวรแล้วเขาก็ตรงไปที่ร้านของดาหลา  ร้านอาหารตามสั่งเพิ่งเริ่มจัดของ แต่แม่ค้าสาวก็เชื้อเชิญคนที่ยืนมองห่าง ๆ ให้เข้าไปนั่งรอในร้านได้ก่อนเลย

    “เชิญเลยจ้ะกี เข้ามารอได้เลย เดี๋ยวฉันเตรียมของแป๊บเดียวก็เสร็จแล้วล่ะ”

    ดาหลาเอ่ยทักทายกับอีกฝ่ายอย่างสนิทสนมมากกว่าเดิม ซึ่งกีรติก็รู้สึกพอใจที่ได้ยินเช่นนั้น

    “ขอบคุณครับ ขอโทษนะครับ ที่มารบกวนไวแบบนี้”

    หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ แล้วโบกไม้โบกมือตอบ

    “ไม่เป็นไร ๆ มีคนมาเข้าร้าน ดีกว่าไม่มีลูกค้า อีกอย่างลูกค้าน่ารัก ๆ ไม่เรื่องมากอย่างกีน่ะมีน้อย ในหมู่บ้านนี้มีแต่พวกตาแก่ขี้เหล้ามานั่งแช่ที่ร้านของฉันทั้งคืนอยู่ประจำนั่นล่ะจ้ะ”

    กีรติยิ้มเจื่อน ๆ ตอบ และพอดาหลาจัดของเรียบร้อยเขาก็สั่งเมนูอาหารของตน ก่อนจะชะงักเมื่อคิดถึงรุ่นพี่ที่เข้าเวรต่อจากเขา

    “เอ่อ...แล้วคุณแฟนธอม ปกติเขาจะแวะมาทานข้าวเย็นตอนอยู่เวรไหมครับ”

    “หือ แฟนธอมน่ะหรือ รายนั้นบางทีก็สั่งอาหารให้ฉันไปส่ง แต่บางครั้งก็อยู่เวรเพลินไม่กินอะไรกับเขาหรอก คนนั้นเขาไม่ค่อยใส่ใจสุขภาพตัวเองสักเท่าไร  จริงสิ...ยังไงก็ฝากกีช่วยดูแลด้วยได้ไหม”

    ดาหลาลองเอ่ยปากขอร้อง แล้วลอบพิจารณาดูว่ากีรติจะตอบว่ายังไง

    “ได้สิครับ! เดี๋ยวผมดูแลให้เอง แล้วคุณแฟนธอมเขาทานมื้อเย็นประมาณกี่โมงล่ะครับ ผมจะได้สั่งอาหารแล้วไปส่งเขาให้ คุณดาหลาจะได้ไม่ต้องทิ้งร้านไปส่งยังไงล่ะครับ”

    คนฟังชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มหวานตอบอย่างถูกใจ ที่กีรตินั้นเป็นคนดีอย่างที่เธอคิดเอาไว้ไม่มีผิด

    “อืม...ก็ประมาณสักหกโมงเย็นราว ๆ นั้นล่ะจ้ะ ถ้าเจ้าตัวลืมก็ยาวเลยประจำ”

    “งั้นหรือครับ ถ้างั้นเดี๋ยวตอนใกล้หกโมง ผมจะแวะไปสอบถามคุณแฟนธอมให้แล้วกันครับ แล้วจะได้มาสั่งอาหารจากร้านคุณดาหลาไปส่งให้เขา”

    กีรติรับคำพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งดาหลาก็ยิ้มตอบ แล้วลงมือทำอาหารของชายหนุ่มอย่างสุดฝีมือ พออิ่มหนำสำราญดีแล้ว กีรติก็จ่ายค่าอาหาร ก่อนจะออกไปเดินเล่นแถวบริเวณสวนสาธารณะหน้าหมู่บ้านต่อ  ซึ่งแต่ละคนแถวนั้นพอเห็นกีรติก็ต่างทักทายอย่างเป็นกันเองและเป็นมิตร ทำให้ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกชื่นชอบคนในหมู่บ้านแห่งนี้มากขึ้น แม้จะรู้เต็มอกว่าผู้อาศัยส่วนใหญ่ที่นี่จะไม่ใช่มนุษย์ก็ตาม



    หลังจากที่อาสานำข้าวเย็นไปส่งให้รุ่นพี่ของตน โดยที่อีกฝ่ายไม่ค่อยเต็มใจนักเรียบร้อย กีรติก็นั่งคุยเป็นเพื่อนแฟนธอมจนเกือบสามทุ่ม จากนั้นจึงถูกไล่ให้ไปนอนพักผ่อนอีกตามเคย  ทว่าพอเขาเริ่มเคลิ้มหลับยังไม่ทันไร เสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดังขึ้น ก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งตื่น และตัดสินใจออกไปข้างนอก เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

    ภาพเบื้องหน้าของกีรติมองดูคล้ายกับว่าเขากำลังชมภาพยนตร์จอยักษ์แนวแฟนตาซีอยู่ไม่มีผิด ต่างกันแค่เพียงว่าภาพที่เห็นตอนนี้ มันคือของจริงแท้แน่นอน

    “ฮะ ๆ ไม่ใช่คนกันจริง ๆ ด้วย ...สุดยอดเลยแฮะ”

    ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่วด้วยความตกตะลึงระคนตื่นเต้น นี่ถ้าไม่รู้มาก่อนล่วงหน้า เขาก็อาจจะตกใจกลัวบ้าง แต่พอได้รู้ก่อนแบบนี้ก็ทำให้เขาพอจะตั้งสติได้ง่ายกว่าเดิมที่ควรจะเป็น

    “กำลังทำอะไรกันอยู่นะ ถึงได้คืนร่างจริงกัน...หรือว่านี่เป็นเรื่องปกติกันแน่นะ”

    กีรติพึมพำกับตัวเองอย่างสงสัย ก่อนจะตัดสินใจวิ่งไปสมทบกับคนอื่น ๆ ที่ตอนนี้มีทั้งมนุษย์หมาป่า สุนัขจิ้งจอกสีขาวตัวโตกว่าเสือโคร่งเต็มวัย  คนตัวสูงใหญ่เกือบสามเมตร  นกยักษ์ที่มีใบหน้าเป็นคน  ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตรูปร่างแปลกประหลาดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ยืนออกันอยู่บริเวณนั้นเต็มไปหมด

    “เอ่อ...เกิดอะไรขึ้นหรือครับ...คุณภูผา”

    กีรติถามมนุษย์หมาป่าที่เขาจำได้ว่าน่าจะเป็นคนเดียวกับภูผาที่เขาเคยเห็น คำถามนั้นทำเอาเจ้าตัวที่กำลังจด ๆ จ้อง ๆ อยู่บริเวณนั้นสะดุ้งเฮือก พร้อมกับหันขวับมามอง เบิกตากว้าง แล้วตะโกนออกมาดังลั่นอย่างลืมตัว

    “เฮ้ย! กี! มาได้ยังไงเนี่ย!”

    ขาดคำ ทุกสายตาในบริเวณนั้นต่างหันขวับมามองยังชายหนุ่มเป็นตาเดียว และแม้จะรู้ว่าแต่ละคนไม่น่าจะเป็นอันตรายกับเขา แต่พอถูกรุมจ้องแบบนั้นกีรติก็ชักจะเริ่มหวาด ๆ เข้าให้เหมือนกัน

    “กีรติ! นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน!”

    เสียงของแฟนธอมที่ดังขึ้นห่าง ๆ พร้อมกับการปรากฏกายของชายสวมหน้ากากที่แหวกฝูงชนในหมู่บ้านเข้ามาหา และพอเห็นว่าเป็นใคร กีรติก็เริ่มรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาบ้าง

    “คุณแฟนธอม...ขอโทษทีครับ คือผมได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ก็เลยออกมาดู แล้วก็เลยถามคุณภูผาเขา ...เอ่อ แต่ไม่คิดว่าเขาจะตกใจที่เห็นผมแบบนี้”

    กีรติบอกไปตามตรง ทำให้หลายคนมองชายหนุ่มตาปริบ ๆ

    “ที่ภูผาตกใจมันก็ไม่น่าแปลกหรอก... แต่ฉันแปลกใจที่ว่า ทำไมเธอถึงไม่ตกใจที่เห็นพวกเรามากกว่าน่ะสิ!”

    เสียงของชายหนุ่มที่มีร่างเป็นนกแต่ศีรษะเป็นมนุษย์เอ่ยขึ้นบ้าง กีรติมองแล้วก็คุ้น ๆ ตา แล้วก็จำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคนที่เคยทะเลาะกับลีตอนเขาเจอวันแรกนั่นเอง

    “คือผม...”

    “เฮ้ย! เลิกคุยก่อน ไอ้โจรอีกคนที่เหลือนั่น มันหนีมาทางนี้แล้ว!”

    เสียงหนึ่งขัดการสนทนาขึ้น และประโยคนั้นทำให้หลายคนหันขวับไปอีกทางแทบพร้อมกัน

    “กีรติ! นายไปหลบในป้อมก่อน ทางนี้อันตราย เดี๋ยวพวกเราจะจัดการเอง!”

    แฟนธอมหันมาออกคำสั่ง แต่กีรติแย้งกลับโดยไม่ต้องคิด

    “ให้ผมอยู่ด้วยเถอะครับ ถ้าเกินความสามารถเมื่อไหร่ ผมจะหาที่หลบเอง!”

    “ไม่ต้องห่วงครับคุณแฟนธอม เดี๋ยวผมจะคอยอารักขาคุณกีรติให้เอง”

    เสียงของอเล็กซ์ที่ขัดขึ้นมา ทำให้แฟนธอมชะงัก ก่อนจะกัดฟันกรอดตามมา

    “ก็ได้! ไว้จัดการเรื่องนี้ได้แล้ว เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกยาวแน่ อเล็กซ์! นายด้วยกีรติ!”

    กีรติชะงักเช่นเดียวกับอเล็กซ์ที่พยายามประมวลหาข้ออ้างเพื่อแก้ตัวไว้ก่อน แต่พอเสียงระเบิดตูมตามดังขึ้น พวกเขาก็ต่างให้ความสนใจกับสิ่งเบื้องหน้าทันที

    “อะไรกันครับคุณอเล็กซ์ โจรเข้าหมู่บ้าน ทำไมมีเสียงระเบิดด้วยล่ะครับ!”

    กีรติสอบถามอีกฝ่ายอย่างสงสัย ซึ่งอเล็กซ์ก็ตอบคำถามนั้นอย่างไม่คิดปิดบัง

    “ก็โจรพวกนี้ไม่ใช่โจรกระจอกทั่วไปน่ะสิครับ  มันเป็นโจรจากองค์กรลับที่ส่งมาขโมยข้อมูลของมาสเตอร์  ที่สำคัญมันไม่ใช่มนุษย์ครับ มันเป็นหุ่นยนต์สังหาร พวกเราเลยต้องลำบากกันหน่อย”

    กีรตินิ่งอึ้ง มิน่าแฟนธอมถึงเป็นห่วงเขานัก และคนในหมู่บ้านถึงต้องคืนสู่ร่างจริงเช่นนั้น

    “แล้วทุกคนจะเป็นอันตรายไหมครับ ผมจะช่วยอะไรทุกคนได้บ้าง...”

    กีรติถามอย่างร้อนรนด้วยความเป็นห่วงทุกคน และก่อนที่อเล็กซ์จะตอบ ก็มีเสียงทุ้มคุ้นเคยดังขึ้นใกล้ ๆ เสียก่อน

    “ไม่ต้องห่วง ...ศัตรูระดับนั้นทำอะไรทุกคนไม่ได้หรอกครับ”

    กีรติหันขวับไปทางคนพูด แล้วก็ต้องอุทานเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างแปลกใจ เมื่อบุคลิกของเจ้าตัวยามนี้ดูแตกต่างจากตอนที่เขาเห็นเมื่อตอนเช้าอย่างสิ้นเชิง

    “คุณริว...”

    “เดี๋ยวผมกับทุกคนจะรีบจัดการให้เรียบร้อยเองครับ คุณจะได้กลับไปหลับพักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้จะได้มาทำงานต่อไหวยังไงล่ะครับ”

    ริวเอ่ยต่อพร้อมรอยยิ้ม ทำให้กีรติชะงักก่อนจะพยักหน้าตอบรับด้วยแววตาจริงจัง

    “ครับ!”

    ริวยิ้มตอบ เขาเดินก้าวเข้าไปสมทบกับทุกคนที่กำลังสกัดไม่ให้หุ่นสังหารรูปร่างมนุษย์ตรงหน้าหนีไปได้

    “ชิโระ! ใช้น้ำแข็งตรึงมันไว้!”

    ขาดคำของริว จิ้งจอกสีขาวตัวใหญ่ที่กำลังช่วยทุกคนล้อมศัตรูอยู่ก็ชะงัก ก่อนจะปฏิบัติตามคำสั่งนั้นทันทีโดยไม่มีข้อแย้ง จิ้งจอกขาวอ้าปากพ่นไอเย็นไปที่เท้าของอีกฝ่ายจนมันจับตัวเป็นน้ำแข็งขยับเขยื้อนไม่ได้

    “หนอย! ไอ้หุ่นกระป๋อง ทำเอาชาวบ้านชาวช่องเดือดร้อนไปหมด!”

    ลีเดินเข้าไปใกล้ร่างที่ถูกผนึกอย่างหงุดหงิด ส่วนกีรติที่มองอยู่ห่าง ๆ นั้นสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงสภาพเหมือนเดิม แสดงว่าเจ้าตัวก็น่าจะเป็นมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้แน่

    “เฮ้ย! ระวัง ไอ้หนูลี!”

    เสียงตะโกนจากปีศาจนกดังเตือนขึ้น เมื่อเจ้าหุ่นสังหารที่เหมือนจะขยับไม่ได้ จู่ ๆ ก็ปล่อยหมัดออกจากแขนพุ่งตรงมายังลีที่เดินเข้ามา

    “หนอย! ไอ้หุ่นกระป๋อง!”

    ลีตะโกนด่าพร้อมกับใช้สองมือรับหมัดที่ลอยมา พลางสูดลมหายใจเข้าปอด พร้อมกับดันมันลอยกระเด็นไปอีกทาง

    “โอ๊ย! เจ็บมือชะมัด! หมัดมันแข็งน่าดู!”

    พอจัดการเรียบร้อยเจ้าตัวก็สะบัดมือเร่า ๆ ส่วนกีรติที่กำลังมองอยู่ด้วยความตกใจได้รับการอธิบายจากอเล็กซ์ว่า นั่นเป็นการใช้กำลังภายใน และลีเป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะแขนงนั้น แถมลียังเป็นมนุษย์ในหมู่อมนุษย์มากมายในหมู่บ้านแห่งนี้อีกด้วย

    “นอกจากคุณลีแล้ว ก็ยังมีคุณริวอีกคนที่เป็นมนุษย์แท้ ๆ แต่คุณริวเขาเป็นพวกนักพรตองเมียว …สำหรับรายหลังนี้ถ้านับจากความแข็งแกร่ง ผมจัดประเภทให้เขาอยู่ใกล้เคียงกับพวกปีศาจในหมู่บ้านมากกว่ามนุษย์นะครับ”

    อเล็กซ์อธิบายต่อเนื่องให้กีรติได้รับฟัง เพราะยังไงกีรติก็ได้เห็นด้วยตาตนเองแล้ว ก็เท่ากับว่าเขาไม่ได้ขัดคำสั่งของเจอรัลด์เรื่องการให้ข้อมูลเสริมต่ออีกฝ่ายนั่นเอง

    “และคนนั้น ...รุ่นพี่ของคุณ ก็จัดได้ว่าอยู่ในประเภทของมนุษย์เช่นเดียวกัน แต่อาจจะแตกต่างไปจากมนุษย์ทั่วไปสักหน่อย...”

    อเล็กซ์เอ่ยต่อมา ในขณะเดียวกับที่กีรติกำลังมองแฟนธอมที่เดินตรงไปใกล้เจ้าหุ่นสังหารตรงหน้า พร้อมกับหยิบกระบองที่คาดเอวออกมาถือ ชายหนุ่มกดปุ่มบนกระบอง จากนั้นก็ปรากฏปลายแท่งเหล็กหนาคมกริบยื่นยาวขึ้นมา  ชายสวมหน้ากากมองร่างตรงหน้าด้วยแววตาเย็นชา ก่อนจะตวัดปลายแท่งเหล็กไปยังลำคอนั้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้ศีรษะกับลำตัวหลุดขาดจากกันทันที  ส่งผลให้ร่างหุ่นสังหารหมดฤทธิ์และหยุดแน่นิ่งอยู่เช่นนั้น

    “แหม...ยังเด็ดขาดเหมือนเดิมเลยนะครับ สมกับที่เคยได้ชื่อว่า ปีศาจในหมู่มนุษย์ เลยนะครับนั่น”

    น้ำเสียงที่คล้ายกับอเล็กซ์ พร้อมเสียงปรบมือเบา ๆ ที่ดังจากเงามืด และพอร่างนั้นปรากฏกายออกมา ก็ทำให้คนถูกเรียกเม้มปากแน่นอย่างไม่สบอารมณ์

    “ทีหลังหัดจัดการธุระของตัวเองให้เรียบร้อยหน่อยนะเจอรัลด์! ไม่ใช่ปล่อยให้ศัตรูของนาย เข้ามาสร้างความเดือดร้อนในหมู่บ้านแบบนี้!”

    แฟนธอมตวาดใส่ชายตรงหน้า ซึ่งพอกีรติเพ่งมองดูก็เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างสูงเพรียว ผมสีน้ำตาลหยักศกลองทรงปรกคอ ดวงตาสีแดงประหลาด จมูกโด่งคมสัน ใบหน้าคมคายสะดุดตาผู้พบเห็น

    “ขออภัยเป็นอย่างสูงครับคุณแฟนธอม และขอโทษทุกคนด้วยนะครับ ผมประมาทไปหน่อย เลยปล่อยให้พวกมันบางตัว หนีหลุดรอดจากระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านพักไปได้”

    เจอรัลด์โค้งให้คนตรงหน้าอย่างนอบน้อม แล้วหันไปบอกกับคนอื่นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทำให้แฟนธอมยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ส่วนคนอื่น ๆ พากันถอนหายใจอย่างเอือมระอา เพราะเรื่องวุ่น ๆ ในหมู่บ้านนี้ ส่วนใหญ่ก็มักจะมาจากเจอรัลด์เป็นต้นเหตุนี่ล่ะ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ได้บ่นอะไรชายหนุ่มนัก เพราะการได้ออกกำลังไล่ล่าแบบนี้ ก็ทำให้แต่ละรายรู้สึกผ่อนคลายและหายเบื่อได้เป็นอย่างดี  อีกอย่างถ้าเจอรัลด์เอาจริง แค่ตัวคนเดียวผีดิบหนุ่มอัจฉริยะผู้นี้ก็สามารถกำจัดศัตรูได้สบาย ๆ อยู่แล้ว

    “ว่าแต่เหมือนผมจะเห็นสมาชิกเกินมา กว่าที่ควรจะเป็นในคืนนี้อยู่หนึ่งรายไม่ใช่หรือครับ”

    เจอรัลด์ที่หันมาเห็นกีรติเอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ ทำให้แต่ละคนนึกขึ้นได้ แล้วหันขวับไปที่กีรติแทบจะพร้อมกันทันที

    “เอ่อ...”

    กีรติอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ มองแต่ละคน ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอด แล้วมองตอบทุกคนนิ่ง พร้อมกับโพล่งออกไป

    “ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนอีกครั้งนะครับ!  ผมหวังว่าทุกคนคงจะยอมรับผมเป็นสมาชิกคนหนึ่งของที่นี่ได้นะครับ!”

    กีรติบอกออกไปพร้อมกับนิ่งเงียบรับฟังคำตอบด้วยหัวใจเต้นระทึก ทุกคนนิ่งเงียบไปนาน ก่อนที่จะมีเสียงหัวเราะจากบางคนดังขึ้นเบา ๆ แล้วจึงประสานเสียงกันตามมาดังลั่นในแต่ละราย จนคนถูกหัวเราะใส่มองซ้ายมองขวาเลิ่กลั่กอย่างตกใจ

    “นายนี่มัน... ประหลาดมนุษย์แท้ ๆ เลยนะ”

    แฟนธอมพึมพำ แล้วจึงเดินตรงมาหากีรติ ก่อนจะตบบ่าอีกฝ่ายค่อย ๆ

    “ยินดีต้อนรับสู่หมู่บ้านมีสุขนะกีรติ  ฉันและทุกคนยินดีต้อนรับนายเป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านนี้อย่างแน่นอน”

    กีรติชะงักก่อนจะยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้าหงึก ๆ ตอบรับรัว จนแฟนธอมอึ้งไปชั่วครู่ แล้วจึงหลุดหัวเราะตามมาดังเช่นคนอื่น ๆ

    “หึ ๆ ไม่เสียทีที่ไม่ให้คุณกีรติบอกไปเสียแต่แรก... เก็บภาพไว้ให้หมดนะอเล็กซ์  โดยเฉพาะภาพตอนคุณแฟนธอมหัวเราะน่ะ ฉันขอทุกมุมมองเท่าที่นายจะทำได้เลยนะ”

    เจอรัลด์พึมพำกับเครื่องมือติดต่อสื่อสารกับ AI ของเขาโดยตรง ซึ่งอเล็กซ์ก็ตอบกลับผ่านเครื่องมือนั้นโดยไม่ให้คนอื่นได้ยินเสียงเช่นกัน

    “ครับ มาสเตอร์ ผมจะเก็บภาพให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยครับ”

    เจอรัลด์ยิ้มรับคำพูดนั้น พร้อมกับจ้องมองภาพเบื้องหน้าที่ล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทุกคนในหมู่บ้านประสานกันไป ชายหนุ่มยกยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปร่วมวงพูดคุยและแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับกีรติดังเช่นคนอื่น ๆ อีกครั้งหนึ่ง



… TBC …


ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4

ตอนที่ 8
นักพรตองเมียว




    กีรติลืมตางัวเงียลุกมากดนาฬิกาปลุกที่เขาตั้งไว้ ปกติเขาจะเป็นคนตื่นเช้า แต่เมื่อคืนนี้สมาชิกในหมู่บ้านฉลองต้อนรับเขาอย่างเป็นทางการ ทำให้กว่าจะได้นอน ก็ปาไปเกือบตีสองเลยทีเดียว

    “งืม...ต้องออกไปจ่ายกับข้าวด้วยสินะ”

    ชายหนุ่มลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นและออกมาดักรอรถกับข้าวเช่นเดียวกับคนอื่น ที่ตอนนี้ล้วนแต่แสดงตัวตนที่แท้จริงอย่างไม่คิดจะปิดบังอีกต่อไป

    “อรุณสวัสดิ์ครับ”

    กีรติทักทายชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทางด้านไกรสรนั้นได้รับฟังเรื่องเล่าจากบางคนในหมู่บ้าน ก็ทำให้เขานึกทึ่งกีรติมากยิ่งขึ้นไปอีก จนถึงกับแถมของซื้อของขายมาให้หลายรายการเลยทีเดียว

    “รู้ไหมกี ว่าฉันเริ่มจะเขียนนิยายที่มีตัวเอกเป็นคาแรกเตอร์ของเธอแล้วล่ะนะ”

    ปัณณ์ที่แวะมาซื้อกับข้าวในตอนเช้าเช่นเดิมเอ่ยขึ้นกับชายหนุ่มร่างเล็ก ซึ่งพอปัณณ์พูดจบคนอื่น ๆ ที่อยู่แถวนั้นก็หันขวับไปทางชายหนุ่มแทบจะพร้อมกัน

    “เพลา ๆ หน่อยนะปัณณ์ เดี๋ยวกีจะทนไม่ไหว ย้ายหนีเอาเข้า คุณเวธน์ก็จะมาบ่นพวกเราเข้าให้อีก อุตสาห์เจอมนุษย์ที่เข้ากับพวกเราเพิ่มขึ้นมาได้ทั้งทีแท้ ๆ”

    หนึ่งในนั้นเอ่ยขอร้อง ทำให้ชายหนุ่มสวมแว่นขมวดคิ้วยุ่ง ส่วนกีรติมีสีหน้างุนงง

    “อะไรกัน! ทำยังกับฉันจะไปทำอะไรเขาอย่างนั้นนั่นล่ะ ฉันก็แค่เอาคาแรกเตอร์ของเขามาเป็นแบบในการบรรยายตัวเอกในนิยายของฉันแค่นั้นเอง!”

    “ไอ้แค่นั้นของนายน่ะ ทำเอามีคนย้ายหนีเพราะความรำคาญที่ถูกตื๊อไปกี่รายแล้วล่ะ ทีแรกก็เห็นว่าใช้แค่คาแรกเตอร์ แต่หนัก ๆ เข้านี่เล่นสโตกเกอร์ตามติดเจ้าตัวแทบยี่สิบสี่ชั่วโมงประจำเลยไม่ใช่หรือไง”

    ชายคนเดิมเปรยบ่นอย่างเบื่อหน่าย ทำให้ปัณณ์ที่รับถุงกับข้าวและกำลังจ่ายเงินในส่วนที่ค้างไว้ของเมื่อวานด้วยถึงกับหน้าบึ้ง ก่อนจะกระแทกเสียงตอบอย่างหงุดหงิด

    “พวกนายนี่มันหาเรื่องกันชัด ๆ ฉันก็แค่เก็บข้อมูลเขียนนิยายปกติแท้ ๆ  ฮึ! ไปดีกว่า ขี้เกียจพูดกับคนไม่เข้าใจความเซนซิทีฟของนักเขียนแบบพวกนายหรอก!”

    ชายหนุ่มตัดบทแล้วสะบัดหน้าหนี เดินกระแทกเท้ากลับบ้านพักไปทันที ทำเอาไกรสรมองอึ้ง ๆ ก่อนจะชะงักแล้วโพล่งขึ้นตามมา

    “เฮ้ย! หมอนั่นลืมจ่ายเงินอีกแล้ว! พวกนายนี่ก็เหมือนกัน ทีหลังอย่าชวนเขาคุยก่อนจะจ่ายเงินฉันได้ไหม!”

    กีรติมองแต่ละคนตาปริบ ๆ แล้วจึงกระแอมขึ้นเบา ๆ

    “เอ่อ ถ้ายังไงให้ผมจ่ายให้ก่อน แล้วไปตามเก็บจากคุณปัณณ์ทีหลังให้แทนดีไหมครับ”

    ไกรสรหันมามองคนพูด เขานิ่งคิด แล้วจึงสั่นศีรษะปฏิเสธ

    “ไม่เป็นไร ๆ อย่าลำบากเธอเลย อีกอย่างปัณณ์เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะโกงอะไรหรอก เพียงแต่มันต้องมีเหตุให้เขาไม่ได้จ่ายเงินฉันเสียบ่อย ๆ น่ะ  อีกอย่างถ้าจะทวงจริง ๆ ฉันไปทวงที่หน้าบ้านเขาก็ได้”

    กีรติพยักหน้ารับรู้ จากนั้นจึงขอตัวไปก่อน เพราะนี่ก็ใกล้เวลาทำงานของเขาเข้าไปทุกทีแล้ว

   

    พอได้เวลาทำงาน กีรติก็รีบมาที่ป้อม จนแฟนธอมที่กำลังจะเลิกงานต้องลอบยิ้มต่อความขยันขันแข็ง และตรงต่อเวลาของรุ่นน้องคนใหม่ของเขาคนนี้

    “ถ้าอย่างนั้นฝากหมู่บ้านด้วยนะ แต่ถ้าไม่ไหวก็กลับมานอนแล้วกัน หรือจะแอบงีบก็ไม่มีใครเขาว่าหรอก เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ดึกมากไม่ใช่หรือ”

    กีรติยิ้มเจื่อน ๆ ส่วนอเล็กซ์ก็รีบเอ่ยแทรกตามมา

    “คุณแฟนธอมทำอย่างนั้นประจำเลยล่ะครับ แต่จะไม่ให้ง่วงได้ยังไงล่ะนะ ตอนที่หมู่บ้านขาดคนทีไร คุณแฟนธอมก็ดันเล่นควงสองกะอยู่บ่อย ๆ  ขนาดมาสเตอร์แอบมาดูตอนหลับใกล้ ๆ ยังไม่ตื่นเลยล่ะครับ”

    แฟนธอมสะดุ้งโหยง แล้วหันขวับไปที่ป้อมยามทันที

    “หมอนั่นทำอะไรแบบนั้นด้วยหรือ แล้วมาดูอย่างเดียวใช่ไหม คงไม่ได้ทำอะไรทุเรศ ๆ กับฉันหรอกนะ!”

    ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเข้ม ทำเอากีรติสะดุ้งตาม ส่วนอเล็กซ์ที่เผลอหลุดปากรายงานความลับของผู้สร้าง ก็นิ่งคิดสักพัก แล้วจึงเลี่ยงตอบกลับไป

    “ผมไม่มั่นใจเท่าไหร่ครับ....พอดีช่วงนั้นกำลังตรวจสอบสภาพรอบ ๆ หมู่บ้าน เลยไม่ได้ทันสังเกต”

    แฟนธอมกัดฟันกรอดนิด ๆ ลองอเล็กซ์เลี่ยงตอบแบบนี้ แสดงว่าเจอรัลด์นั้นต้องแอบแกล้งอะไรบางอย่างในตอนที่เขาเผลอหลับไปเป็นแน่

    “ไว้คืนนี้ฉันจะเช็คกล้องวงจรปิดที่ป้อมยามย้อนหลังในคืนที่ฉันเผลอหลับไปแล้วกัน เตรียมข้อมูลให้ดี ๆ ล่ะ แล้วอย่าคิดสร้างหลักฐานเท็จเด็ดขาดนะ...ถ้าจับได้เมื่อไหร่ ฉันจะพังนายให้เละเลยทีเดียว!”

    แฟนธอมทิ้งท้าย แล้วหันไปลากีรติด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวเล็กน้อย ทางด้านกีรติยิ้มเจื่อน ๆ ส่งให้ และเมื่อลับร่างของชายสวมหน้ากากไปแล้ว กีรติจึงหันไปทางป้อมยามแล้วถามอเล็กซ์ด้วยความสงสัย

    “คุณแฟนธอมเขาไม่ถูกกับคุณเจอรัลด์หรือครับ”

    “ก็ไม่เชิงหรอกครับ...เพียงแต่เพราะว่ามาสเตอร์ชอบคุณแฟนธอมมาก ๆ แล้วพอชอบมาก ก็เลยอยากแกล้ง อยากแหย่เรียกร้องความสนใจตามปกติ  แต่คุณแฟนธอมดูเหมือนจะไม่เข้าใจเจตนาดีของมาสเตอร์ ก็เลยไม่ค่อยสบอารมณ์ทุกครั้งที่ได้เห็นหน้ากันนั่นล่ะครับ”

    กีรตินึกอยากจะแย้งว่า คนที่เป็นฝ่ายถูกแกล้งน้อยคนนักที่จะมองว่าคนแกล้งมีเจตนาดีกับตนเองอย่างอเล็กซ์บอก แต่ขืนเขาพูดไปแบบนั้นก็อาจจะทำให้ AI อัจฉริยะไม่พอใจได้ เพราะยังไงเจอรัลด์ก็เป็นคนสร้างอเล็กซ์ขึ้นมาอยู่ดี

    “ว่าแต่คุณกีรติอยู่ยามไหวไหมครับ จากสภาพดวงตาที่ดูอิดโรยของคุณ ผมแนะนำให้คุณหลับยามอย่างที่คุณแฟนธอมบอกไว้ก็ดีเหมือนกันนะครับ”

    อเล็กซ์บอกตามมาด้วยความเป็นห่วงเพื่อนใหม่ ทำให้กีรติยกยิ้มน้อย ๆ พร้อมกับกล่าวขอบคุณตอบไป

    “ขอบคุณนะครับ แต่ผมไม่เป็นไรหรอกครับ โต้รุ่งทำงานก็เคยมาแล้ว แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ จะขอนอนพักสักงีบแล้วกัน”

    คำพูดที่แสดงถึงการยอมรับและไม่ฝืนตัวเอง ทำให้อเล็กซ์พึงพอใจ เพราะอย่างน้อยกีรติก็ไม่ดื้อรั้นจนเกินไปนัก



    กีรตินั่งเฝ้ายามและทักทายคนผ่านไปมาได้สักพัก เวธน์ก็แวะมาพบเขา พร้อมกับกรกฎเลขาสุดหล่อของเจ้าตัว

    “ผมได้รับแจ้งข่าวว่าเกิดเรื่องวุ่นวายเมื่อคืน แถมคุณก็ยังได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของคนในหมู่บ้าน แต่ก็ยังอาสาจะอยู่ที่นี่ต่อสินะครับ”

    เวธน์เอ่ยกับอีกฝ่ายอย่างถูกใจ ซึ่งกีรติก็ยิ้มน้อย ๆ พลางพยักหน้าตอบรับ

    “ครับ ...เพราะทุกคนที่นี่ใจดีและมีน้ำใจ ผมถึงอยากทำงานที่หมู่บ้านแห่งนี้ต่อไปน่ะครับ”

    เวธน์เลิกคิ้วนิด ๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ 

    “ผมดูคนไม่ผิดจริง ๆ กีรติ ดีใจนะที่ได้คุณมาทำงานด้วย  แล้วอยู่ต่อนาน ๆ ล่ะ ถ้าเงินเดือนไม่พอใช้ยังไงก็บอกผมแล้วกัน”

    เวธน์บอกกับคนตัวเล็กตรงหน้า แล้วทำท่าจะตรงไปที่รถยนต์ของเจ้าตัวที่จอดไว้ใกล้ ๆ ป้อมยาม ทว่ากรกฎนั้นคว้าแขนผู้เป็นนายจ้างเอาไว้เสียก่อน

    “จะรีบไปไหนครับ คุณเวธน์”

    “หือ...อืม...ก็ว่าจะแวะไปตรวจงานที่ร้านสักหน่อย เดี๋ยวก็กลับน่า”

    เวธน์รีบแก้ตัวด้วยใบหน้าที่แสร้งทำเป็นยิ้มแย้ม แต่คนที่ทำงานด้วยกันมานานนั้นรู้ทัน กรกฎยิ้มเยียบเย็นตอบ แล้วจึงเอ่ยขึ้นบ้าง

    “ถ้าอย่างนั้น ผมจะไปเป็นเพื่อนนะครับ จะได้ช่วยงานคุณทางนั้นให้เสร็จไวขึ้น  แล้วจะได้มาสะสางเอกสารยุ่งยากที่รอการตรวจสอบทางนี้อีกหลาย ๆ อย่าง”

    กรกฎเน้นย้ำคำ ทำให้คนฟังลอบถอนหายใจ ก่อนจะยกมือยอมแพ้ แล้วตามเลขาของตนกลับสำนักงานหมู่บ้านไปแต่โดยดี

    “งานเอกสารในหมู่บ้านมีเยอะขนาดนั้นเลยหรือครับ”

    กีรติถามอเล็กซ์ด้วยความสงสัย ซึ่งอเล็กซ์ก็ให้คำตอบอย่างไม่คิดปิดบัง

    “ถ้าเอกสารเกี่ยวกับงานหมู่บ้านจริง ๆ ก็ไม่มีเท่าไหร่หรอกครับ...แต่ที่เยอะเพราะคุณเวธน์ต้องคอยมาวุ่นวายเรื่องปลอมแปลงเอกสารราชการต่าง ๆ ของแต่ละครอบครัวในหมู่บ้าน ให้เข้ากับยุคสมัยที่เจ้าตัวอยู่ เอกสารเก่า ๆ ที่น่าจะหมดอายุก็ต้องทำลายแล้วสร้างใหม่ ให้พวกเขาเป็นบุคคลตัวตนใหม่ ไม่อย่างนั้น ก็คงวุ่นวายตามมาหลายอย่าง”

    กีรติยิ้มเจื่อน ๆ พร้อมพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย

    “ผมว่าผมเข้าใจเรื่องที่บอกดีทีเดียวล่ะครับ โชคดีที่คุณเวธน์ไม่เรียกตรวจเอกสารอะไรมากมาย ไม่อย่างนั้นผมก็คงต้องยุ่งหัวหมุนเหมือนกัน”

    คำพูดที่ได้ยินทำให้ AI อัจฉริยะรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย แต่แล้วทั้งคู่ ก็ต้องหันไปให้ความสนใจกับอีกทาง เมื่อเห็นใครบางคนแปลกหน้า สวมสูทดำ แว่นตาดำ กำลังเดินตรงมาทางป้อมยาม

    “เอ่อ...สวัสดีครับ จะมาพบใครหรือครับ”

    กีรติสอบถามอีกฝ่าย เพราะอเล็กซ์กระซิบว่าคนผู้นั้นไม่ใช่คนในหมู่บ้านแห่งนี้

    “...ยูกิมูระ  ริว”

    คำตอบที่ได้รับทำให้กีรติชะงัก และก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงอเล็กซ์ตะโกนเตือน

    “ระวังครับ คุณกีรติ! หมอนั่นไม่ใช่มนุษย์!”

    เนื่องจากอเล็กซ์ได้ลอบใช้โปรแกรมแสกนตรวจสอบว่าอีกฝ่ายพกพาอาวุธอันตรายเข้ามาในหมู่บ้านหรือไม่ จึงทำให้ได้พบว่าชายคนนั้นไม่ใช่มนุษย์อย่างที่ควรจะเป็น

    “เดี๋ยวก่อนครับ!”

    กีรติตะโกนห้ามร่างในชุดสูทที่วิ่งผ่านหน้าเขาตรงเข้าไปในซอยกลางหมู่บ้าน ชายหนุ่มตัดสินใจวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว จนอเล็กซ์ห้ามไม่ทัน

    “โธ่! คุณกีรติ! ช่วยไม่ได้แล้วนะแบบนี้ ...ระบบป้องกันตัวระดับ 3 ทำงาน!”

    เสียงไซเรนที่ดังขึ้นจากทั่วหมู่บ้านทำให้คนที่กำลังนอนหลับพักผ่อน รวมไปถึงกำลังทำการทำงานสะดุ้งโหยง แล้วต่างรีบพรวดพราดออกมาจากบ้านทันที

    “ระดับ 3 ...พวกอมนุษย์อย่างนั้นหรือ”   

    เจอรัลด์ที่กำลังทดลองสิ่งประดิษฐ์ในห้องใต้ดินขมวดคิ้วยุ่ง แล้วจึงออกไปสมทบกับคนอื่น ๆ ที่เหลือในหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว

    “หยุดนะครับ! ระเบียบหมู่บ้านไม่ให้คนนอกเข้าออกตามใจชอบนะครับ!”

    กีรติวิ่งไปคว้ามืออีกฝ่ายได้ แล้วก็ต้องหลบวูบเมื่อคนตรงหน้าหันขวับมาชกหมัดตรงใส่เขา และเพราะถูกจู่โจม กีรติจึงโต้ตอบโดยการจับคนในชุดสูทเหวี่ยงข้ามศีรษะในท่าทุ่มแบบยูโดทันที

    “อ๊ะ! ตายละ ลืมตัวอีกแล้ว!”

    คนที่ถูกฝึกฝนศิลปะป้องกันตัวแทบจะทุกแขนงมาแต่เด็กจนติดในนิสัยอุทานอย่างตกใจ เพราะการทุ่มคนลงบนพื้นปูนมันค่อนข้างอันตรายไม่น้อย

    “ระวัง! หลบเร็ว!”

    เสียงตะโกนเตือนดังไกล ๆ ทำให้กีรติสะดุ้งโหยง เขาหลบวูบโดยสัญชาตญาณ พร้อมกับรู้สึกถึงความชาแปลบที่แขนอีกข้างของตน ส่วนร่างที่โดนทุ่มและเปลี่ยนแขนของตัวเองให้กลายเป็นใบมีดที่ยืดยาวได้นั้น กำลัง จัดการหดแขนของตัวเองกลับมา พร้อมเอียงคอดังกรอบแกรบในองศาที่มนุษย์ทั่วไปทำไม่ได้แน่นอน

    “มันคือชิกิงามิ ...ถ้าจะเปรียบกับของไทย ก็คงคล้ายกับพวกหุ่นพยนต์นั่นล่ะครับ”

    ริวเข้ามาขวางหน้ากีรติพร้อมอธิบายให้ฟัง ขณะที่ชายในชุดสูทกำลังเริ่มเปลี่ยนแปลงร่างเป็นก้อนดำ ๆ ขยุกขยุย ชวนให้ขนลุกขนพองยิ่งนัก

    “ชิกิงามิ...หุ่นพยนต์...”

    กีรติทวนคำอย่างงุนงง ทำให้คนที่อธิบายชะงักเล็กน้อย ก่อนจะขมวดคิ้วนิด ๆ แล้วเอ่ยต่อ โดยที่สายตายังคงจับจ้องมองร่างสีดำตรงหน้านิ่ง

    “อืม...ถ้าจะอธิบายง่าย ๆ มันก็คือสิ่งที่สร้างขึ้นมาจากเวทมนตร์ คาถา ยังไงล่ะครับ”

    กีรติอุทานเบา ๆ อย่างนึกทึ่ง ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเสียงหนึ่งดังขัดแทรกการสนทนาของพวกเขาขึ้นมา

    “ริว! ทำไมไม่รีบจัดการมันสักที เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนร่างเสร็จหรอก!”

    ชิโระ จิ้งจอกขาว สัตว์อสูรของหนุ่มญี่ปุ่น ปรากฏกายขึ้นในรูปร่างจิ้งจอกตัวน้อย กีรติมองอย่างตกใจในตอนแรก แต่เพียงแค่ชั่วครู่ เขาก็จับจ้องจิ้งจอกน้อยนิ่งด้วยความสนใจแทน

    “ไม่ต้องรีบร้อนหรอกชิโระ ฉันเองก็อยากเห็นร่างจริงของมันเหมือนกัน อยากรู้ว่าคราวนี้ ทางนั้นจะส่งชิกิงามิมีฝีมือขนาดไหนมากันแน่”

    ริวบอกพร้อมเหยียดยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก ทำให้ดูเคร่งขรึมเย็นชา ผิดจากใบหน้าใจดียามปกติที่กีรติเคยเห็นก่อนหน้านั้น

    “ริวก็แบบนี้ทุกที แทนที่จะรีบ ๆ จัดการให้เสร็จเรียบร้อย จะได้ไม่ต้องเหนื่อย...อ๊ะ คนอื่น ๆ มากันแล้วล่ะ”

    ชิโระเหลือบไปมองคนในหมู่บ้านที่พากันออกมามุงดู และพอเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบางคนก็ยักไหล่ บางคนก็ถอนหายใจ

    “คราวนี้ของริวหรอกหรือ ...ทางโน้นก็ยังตื๊อไม่เลิกเลยนะริว แต่คราวนี้มาน้อยไปหน่อยหรือเปล่านั่น”

    ลีที่ตามมาสมทบเอ่ยขึ้น พร้อมกับมองซ้ายมองขวาอย่างแปลกใจ เพราะริวนั้นเป็นนักพรตองเมียวที่เก่งกาจมาก ทำให้คนในตระกูลของเจ้าตัวต้องการให้ริวกลับไปเป็นผู้นำตระกูล กระทั่งฝ่ายคู่แข่งร่วมอาชีพ ก็ยังอยากได้ตัวริวมาทำงานด้วยเช่นเดียวกัน

    “คงลดปริมาณแต่เน้นคุณภาพแทนมั้งครับ”

    ริวตอบยิ้ม ๆ เมื่อเห็นก้อนดำขยุกขยุยตรงหน้ากลายร่างเป็นแมงมุมยักษ์แปดขาตัวสูงกว่า 3 เมตร

    “ขอโทษที่รบกวนความสงบของทุกคนนะครับ ...เดี๋ยวผมจะจัดการเจ้านี่เองครับ”

    ริวบอกกับทุกคนด้วยรอยยิ้ม แต่กีรติยังคงรู้สึกว่าชายหนุ่มในตอนนี้ยังคงดูน่าเกรงขามอยู่ดี   

    “ชิโระ ฝากดูแลคุณกีรติทีนะ”

    ริวออกคำสั่งกับสัตว์อสูรของเขา ชิโระเหลือบมองกีรติ ก่อนจะรับคำตามมา ทางด้านกีรติมองคนตรงหน้าอย่างไม่วางตาด้วยความตื่นตะลึง โดยเฉพาะยามที่ริวหลับตาประสานมือและพึมพำอะไรบางอย่างที่เขาฟังไม่เข้าใจ ทว่าเจ้าแมงมุมดำที่กำลังคืบคลานเข้ามากลับมีไฟลุกท่วมตัว และดิ้นทุรนทุรายพร้อมกับเสียงกรีดร้องแหลมสูงดังไปทั่วหมู่บ้าน

    “ริวของฉัน ยังเท่เหมือนเคยเลยแฮะ”

    ชิโระเอ่ยชมเจ้านายของตน ส่วนกีรติมองร่างที่ค่อย ๆ ไหม้เกรียมตรงหน้าอย่างนึกทึ่ง ทว่าพอริวหันกลับและเดินมาหาเขาเพื่อดูอาการบาดเจ็บก่อนหน้านั้น กีรติก็เห็นร่างที่ไหม้เกรียมขยับน้อย ๆ และพ่นใยพุ่งตรงออกมา โดยเป้าหมายก็คือคนที่อยู่ตรงหน้าเขานั่นเอง

    “คุณริว! ระวังครับ!”

    กีรติรีบวิ่งออกไปขวางทางใยแมงมุมนั้น จนมันหุ้มกายเขามิด ก่อนจะถูกลากเข้าไปหาซากดำเกรียมนั่นอย่างรวดเร็ว

    “กีรติ!”

    แฟนธอมที่ตามมาสมทบตะโกนเรียกรุ่นน้องของเขาอย่างตกใจ แล้วพุ่งตรงเข้าไปหยิบกระบองเหล็กมาฟาดเส้นใยที่กำลังลากร่างของกีรติไปเต็มแรง แต่มันก็กระเด้งออกมาทันที

    “คุณแฟนธอม ระวังครับ!”

    เจอรัลด์ตะโกนบอกพร้อมกับพุ่งรวบร่างของแฟนธอมหลบเส้นใยอีกกลุ่มที่พุ่งตรงมาหมายจะสังหารผู้ขัดขวาง เส้นใยที่พลาดเป้าเจาะทะลุกำแพงอิฐแถวนั้นจนเป็นรู แฟนธอมพึมพำขอบคุณอีกฝ่ายที่ช่วยเขา ส่วนริวนั้นรีบร่ายเวทเพื่อทำลายเส้นใยของชิกิงามิตรงหน้าอย่างรวดเร็ว จนเส้นใยที่กำลังลากร่างกีรติไปนั้นลุกติดไฟและขาดออกจากกลุ่มก้อนใยที่พันร่างของชายหนุ่มเอาไว้ ก่อนที่ไฟนั้นจะเริ่มลามลุกไปที่ร่างของแมงมุมดำตรงหน้า เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับที่ร่างนั้นค่อย ๆ สลายกลายเป็นฝุ่นธุลีไปในที่สุด

    “คุณกีรติ! เป็นยังไงบ้าง!”

    ริวรีบตรงไปที่กลุ่มใยซึ่งค่อย ๆ สลายตามแมงมุมดำไปอย่างรวดเร็ว กีรติไอกึ่งหอบด้วยความทรมาน เพราะเมื่อครู่นี้ใยนั้นพันรัดคอเขาแน่นจนเกือบหายใจไม่ออก

     “...มะ ไม่เป็นไรแล้วครับ ขอบคุณนะครับที่ช่วยผมไว้”

    กีรติบอกอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่ฝืนยิ้มอย่างอ่อนแรง พอริวเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับชะงัก แล้วจึงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นแทน

    “ทีหลังอย่างทำแบบนั้นอีกนะครับ บางทีอาจจะไม่โชคดีรอดชีวิตแบบนี้อีกก็ได้”

    บอกแล้วริวก็ช่วยประคองร่างเล็กให้ลุกขึ้นนั่ง แล้วขยับถอยหนีออกไปยืนห่าง ๆ เมื่อคนอื่นพากันมารุมล้อมดูอาการของกีรติอย่างเป็นห่วงเช่นเดียวกัน

    “บ้าระห่ำจริง ๆ ถ้าเมื่อครู่มันคิดจะฆ่าแทนจับตัว ป่านนี้ท้องนายทะลุไปแล้วรู้ไหม!”

    แฟนธอมโพล่งใส่รุ่นน้องอย่างเป็นห่วง คนอื่นพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย ทำเอากีรติต้องยิ้มเจื่อน ๆ เข้าไปใหญ่ พลางแก้ตัวเสียงอ่อยตามมา

    “ก็พอเห็นว่ามันจะเล่นงานคุณริว เท้ามันก็ก้าวไปเองนี่ครับ”

    “เอาน่าคุณแฟนธอม คุณกีรติเขาทำไปเพราะหวังดี คุณก็อย่าดุเขาเลยนะครับ”

    เจอรัลด์ช่วยแก้ตัวแทนชายหนุ่มอีกเสียง ทำให้แฟนธอมต้องทำเสียงในลำคออย่างหงุดหงิด จะต่อว่ากลับก็ไม่ได้ เพราะเพิ่งได้อีกฝ่ายช่วยชีวิตเขาเอาไว้เมื่อครู่เช่นเดียวกัน

    “กีรติ นายเลือดออกด้วยนี่”

    แฟนธอมที่ยื่นมือมาฉุดร่างเล็กให้ลุกขึ้นสังเกตเห็นรอยแผลที่มีเลือดซึมตรงแขนอีกฝ่าย

    “อ๊ะ...โดนเฉี่ยวนิดหน่อยเองครับ เดี๋ยวเอาน้ำล้าง แปะพลาสเตอร์ก็หาย”

    กีรติบอกแล้วยิ้มกว้าง แต่คนฟังนิ่วหน้า ทว่ายังไม่ทันพูดอะไร ริวก็เดินเข้ามา แล้วเอ่ยขัดเสียก่อน

    “ไปทำแผลที่บ้านผมดีกว่าครับ แผลที่เกิดจากชิกิงามิ อาจจะมีพิษหรือคำสาปแฝงไว้ก็ได้  ผมจะทำพิธีปัดเป่าให้เอง”

    แฟนธอมเหลือบมองริว แล้วก็นึกแปลกใจที่เห็นอีกฝ่ายดูเคร่งขรึมกว่าปกติ แต่ก็ยังคงเห็นด้วยกับคำพูดนั้น

    “ถ้าอย่างนั้นผมฝากเขาด้วยแล้วกันนะคุณริว”

    “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะช่วยดูแลเอง”

    ริวตอบพร้อมยิ้มน้อย ๆ จากนั้นเขาก็เข้ามาช่วยประคองกีรติให้เดินไปด้วยกัน แม้กีรติจะปฏิเสธเพราะความเกรงใจ แต่พอลองเดินเองเขากลับเดินเซ ๆ จนริวต้องเข้ามาช่วยพยุงอีกครั้ง และเพราะสีหน้าเคร่งขรึมของหนุ่มญี่ปุ่น ทำให้กีรติไม่กล้าปฏิเสธ  ส่วนคนอื่น ๆ เห็นดังนั้นก็พากันแยกย้ายกลับบ้านของตัวเองไปคนละทาง

    “หือ....แบบนั้นก็ดีเหมือนกันแฮะ”

    เจอรัลด์มองกีรติที่เดินไปพร้อมริว แล้วยกยิ้มนิด ๆ อย่างถูกใจ จนแฟนธอมที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ต้องหันไปถามอย่างสงสัย

    “อะไรที่ว่าดี”

    “ก็ถ้าคู่นั้นปิ๊งกัน  ผมก็จีบคุณได้ โดยไร้คู่แข่งน่ะสิครับ”

    เจอรัลด์ตอบพร้อมยิ้มกว้าง ทว่าคำพูดของเขานั้นกลับทำให้คนฟังขมวดคิ้วยุ่ง

    “จีบบ้าบออะไร  ใช้สมองทำงานมากจนเพี้ยนรึ!”

    เจอรัลด์หัวเราะเบา ๆ แล้วยกสองมือคล้ายยอมแพ้ ทำให้คนสวมหน้ากาก ทำเสียงในลำคออย่างหงุดหงิดที่ถูกแกล้งเข้าให้อีกหน จากนั้นจึงแยกกลับที่พักดังเช่นคนอื่น ๆ ในหมู่บ้าน โดยที่เจอรัลด์ได้แต่มองตามไล่หลัง แล้วจึงหลุดยิ้มน้อย ๆ อย่างอ่อนโยนส่งให้ อันเป็นจังหวะเดียวกับที่แฟนธอมหันกลับมาพอดี เพราะรู้สึกคล้ายกับกำลังมีใครมองเขาอยู่

    “คุณแฟนธอม...”

    เจอรัลด์ชะงักเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าแฟนธอมจะหันกลับมา ทางด้านแฟนธอมหลังจากเห็นรอยยิ้มของเจอรัลด์ เขาก็นิ่งเงียบไปสักครู่ จากนั้นจึงเริ่มรู้สึกตัว ชายหนุ่มหันกลับไปอีกครั้ง ก่อนจะเดินต่อไปเงียบ ๆ โดยไม่หันกลับมามองคนข้างหลัง จนกระทั่งลับสายตาอีกฝ่ายไป 

    “เฮ้อ...นึกว่าจะรู้แล้วเสียอีก”

    เจอรัลด์บ่นพึมพำกับตัวเอง ทั้งโล่งอกและเสียดายไปในคราวเดียว  จากนั้นนักประดิษฐ์หนุ่มจึงตรงกลับเข้าบ้านพักของตนบ้าง เช่นเดียวกับสมาชิกร่วมหมู่บ้านคนอื่น ๆ พวกเขาไม่คิดสนใจตรวจสอบเรื่องศัตรูที่อาจจะหลงเหลืออยู่  เพราะต่างมั่นใจว่าคนที่ส่งชิกิงามิมาเล่นงานริว คงไม่โง่พอที่จะบุกเข้าหมู่บ้าน เพื่อให้ถูกจัดการอีกครั้งอย่างแน่นอน



… TBC …

ว่าไงคะ ? เริ่มจับคู่กันได้หรือยังเอ่ย ?  เรื่องนี้มีหลายคู่ หลายตัวละครอยู่นะคะ แต่จะเฉลี่ยบทกันไปคนละนิดละหน่อย ยกเว้นตัวละครประจำก็จะโผล่มาแจมกันเรื่อย ๆ นั่นล่ะค่ะ  หวังว่าคงจะไม่มึนงง ตัวละครกันนะคะ ^^"

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เดาใจคุณแฟนทอมไม่ออกว่าจะคู่กับกีรึมาสเตอร์
แต่อยากให้คู่กับมาสเตอร์มากกว่า
ส่วนกีคู่กับใครดี เปิดตัวละครใหม่อีกตัวได้ปะ ฮ่าๆ
เพราะว่ามองว่าทั้งกีทั้งริวเคะทัั้งคู่เลย
คุณเวธก็คงคู่กับคุณเลขาเนาะ เดาเอา 5555

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3

ออฟไลน์ Thyme103

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
มีหลายคู่นะเนี่ย รออ่านตอนต่อไปค่า

Anyann

  • บุคคลทั่วไป
อ้าว แฟนท่อมไม่ได้คู่กับกีหรอนี่ เห็นออกมาบ่อยๆจนเราจิ้นเป็นพระเอกไปซะละ 5555

แต่ไม่เป็นไรค่ะ หนุ่มๆคนอื่นก็น่ารักไม่แพ้กัน จะจับคู่กับใครก็น่าอ่านไปหมดค่ะ :)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
กีต้องคู่กับแฟนธอมอยู่แล้ว

แต่มาสเตอร์นี่สิ  อาจจะคู่กับริวก็ได้เนอะ

ส่วนคุณเจ้าของที่ดินก็ต้องคู่กับคุณเลขาแน่ๆ

ชอบจังมีหลายคู่ให้ลุ้น 

รอตอนต่อไปนะคะ  บวกเป็ด

 :pig4:

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
มีหลายคู่จับคู่ไม่ถูกชอบหมดอ่ะ

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
อ้าว คิดว่ากีคู่กะแฟนธอมซะอีก แฟนธอมออกจะห่วงใยกีน้า

ออฟไลน์ arun

  • 我是水。
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
 :o8: So cool
Have many cute  :-[
I wait... for read a next lesson
I wait..wait..wait..wait..
Please coming soon :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ toye

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
สนุกมากกกกกๆเลย
ชอบแนวนี้มากเลยค่ะ แฟนตาซีบนโลกเสมือนจริง :hao5:
อยากให้กีคู่กะแฟนธอม คิดว่าสองคนนี้คู่กันมาตลอด
แต่พออ่านตอนนี้รัศมีเคะของแฟนธอมเริ่มแผ่ยังไงไม่รุ้แหะ
ผีดิบหนุ่มก็หล่อเชียว หุๆๆ เชียร์ไม่ถูก :hao7:

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
จริงๆอยากให้แฟนธอมคู่กับกีนะ แต่คุณผีดิบก็น่าสนใจอยู่หรอก

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
คุณแฟนธ่อมต้องคู่กับกีสิ แต่เจอรัลด์ล่ะ เอาไงดีๆ
คุญเจ้าของที่ดินกับคุณเลขาชัวร์ๆ


ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สนุกสุดๆ เลย
ยังกะอ่านแฮรี่ พอตเตอร์
นึกถึงเรื่องม่านราตรี แต่ที่นี่สมาชิกเยอะกว่า เพี้ยนกว่า 55

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4

ตอนที่ 9
เปิดใจ




    ริวพากีรติมาบ้านของเขาซึ่งตั้งอยู่ในซอยสอง กีรติเหลือบมองสวนหน้าบ้านของอีกฝ่ายซึ่งเป็นสวนหินกรวด มีต้นไม้เขียวเล็ก ๆ ปลูกแซม และมีอ่างน้ำใบย่อมวางอยู่กลางสวน 

    “สวนสวยดีนะครับ เรียบ ๆ แต่ดูแล้วชวนให้ใจสงบดี”

    กีรติเอ่ยชม ทำให้เจ้าของบ้านชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ ทางด้านชิโระที่เกาะบ่าของริวมาตลอด ก็กระโดดลงพื้นแล้วกลายร่างเป็นสุนัขจิ้งจอกสีขาวตัวใหญ่ เดินนำหน้าไปยังห้องนั่งเล่นของบ้าน ที่ดูแล้วโล่งสบายตา แทบไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรตั้งเกะกะ นอกจากโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็ก และเบาะรองนั่งสองเบาะกลางห้อง นอกจากนี้ยังสามารถเปิดประตูกระจกบานใหญ่ในห้อง แล้วนั่งชมสวนหินหน้าบ้านได้อีกด้วย

    “นั่งตรงนี้ก่อนนะครับ...ชิโระไปเอากล่องปฐมพยาบาลมาที”

    ชิโระพยักหน้ารับรู้ แล้วจึงเดินหายไป สักพักสุนัขจิ้งจอกสีขาวก็คาบกล่องปฐมพยาบาลมาส่งให้ริวที่ห้องนั้น

    “โชคดีที่แผลไม่ลึกมาก ...คราวหลังอย่าประมาทแบบนี้อีกนะครับ ถ้ามีสัญญาณไซเรนดังขึ้นเมื่อไหร่ แสดงว่าผู้บุกรุกนั้นไม่ใช่มนุษย์แน่นอน หรือถ้าใช่ก็เป็นมนุษย์ที่ร้ายกาจมาก พวกนั้นไม่ใช่คู่มือที่มนุษย์ธรรมดาอย่างคุณจะต่อสู้ได้ ถึงคุณจะมีความสามารถด้านการต่อสู้มาบ้างก็ตาม”

    ริวบอกเสียงขรึมระหว่างทำแผล และเมื่อเขาพันผ้าสีขาวบนแขนนั้นเสร็จ กีรติก็มองอีกฝ่ายตาปริบ ๆ

    “เอ่อ...เสร็จแล้วหรือครับ”

    “ครับ ก็แค่ทำแผล ไม่ได้ใช้เวลานานนักหรอกครับ”

    ริวตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทำให้กีรติยิ้มเจื่อน ๆ

    “แล้วเรื่องพิษหรือคำสาปที่คุณริวว่าต้องทำพิธี...”

    “ผมโกหกน่ะครับ แค่อยากจะหาโอกาสเตือนคุณเรื่องพวกนี้โดยตรง เลยพามาที่บ้านแทน”

    หนุ่มญี่ปุ่นเอ่ยขัดก่อนที่กีรติจะพูดจบ แถมยังคงแสดงท่าทีเฉยชา ทำให้ชิโระต้องหันไปลอบถอนหายใจ ส่วนกีรตินิ่งอึ้งไปชั่วครู่ แล้วจึงพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ ตามมา

    “ผมเข้าใจแล้วครับ...ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณริวต้องเสียเวลาแบบนี้”

    ริวมองคนพูดที่หน้าสลดเล็กน้อยด้วยใบหน้านิ่งเฉยชั่วครู่ ส่วนชิโระนั้นคอยดูว่าเจ้านายของตนจะทำอย่างไรต่อไป เพราะเขาไม่ค่อยได้เห็นริวเป็นห่วงใคร และโมโหใส่ใครขนาดนี้มานานมากแล้ว

    “เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นผมไม่อยู่รบกวนคุณริวดีกว่าครับ อีกอย่างผมทิ้งป้อมยามมาได้สักพักแล้ว ผมคงจะต้องกลับไปทำงานตามเดิมแล้วล่ะครับ”

    กีรติที่ไม่อยากอยู่สร้างความลำบากใจให้อีกฝ่ายรีบบอก ทว่าพอเขาลุกขึ้นจะเดินออกไป ริวก็คว้าข้อมือชายหนุ่มเอาไว้ก่อน

    “เดี๋ยวผมไปส่งให้ที่ป้อมยาม... ผมอยากจะไปตรวจสอบดูสักหน่อย ว่ายังมีพวกนั้นหลงเหลืออีกบ้างไหม”

    ริวอธิบายตามมา ทำให้กีรติไม่มีทางเลือกและยอมให้อีกฝ่ายเดินไปส่งเขาอย่างที่เจ้าตัวต้องการ



    ทั้งสองเดินกันไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รีบร้อนนัก ทว่ากลับไม่มีใครพูดอะไรสักคำ แต่พอใกล้จะถึงป้อมยาม ริวก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน

    “จริง ๆ แล้วคุณก็ไม่ได้ผิดอะไรมากนักหรอก ...ผมก็แค่หงุดหงิดที่ตัวเองเป็นสาเหตุให้คุณบาดเจ็บ และเป็นห่วงคุณที่ชอบทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนั้น ถึงแม้จะทำเพื่อช่วยใครสักคนก็ตามเถอะ”

    กีรติหยุดชะงักฝีเท้า แล้วจึงหันมามองคนพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจกึ่งตกใจเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ มีรอยยิ้มอย่างยินดีปรากฏบนใบหน้าอ่อนเยาว์นั้น

    “ค่อยยังชั่ว ...ผมคิดว่าจะถูกคุณริวเกลียดเข้าให้แล้วเสียอีก”

    ริวเงียบกริบ เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทว่าในใจของเขากลับเกิดความรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด หลังจากได้เห็นใบหน้ายิ้มแย้มไร้เดียงสาของอีกฝ่ายที่มีให้กับเขา

    “คราวหน้าผมจะระวังตัวกว่านี้นะครับ แล้วจะตัดสินใจให้รอบคอบ ไม่ทำให้ตัวเองเจ็บตัวจนคุณต้องเป็นห่วงอีกแล้วล่ะครับ!”

    กีรติบอกพร้อมรอยยิ้มแล้วโค้งศีรษะน้อย ๆ ให้คนที่มาส่งเขา ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ป้อมยามอย่างอารมณ์ดีกว่าเดิม เจ้าตัวเอ่ยทักทายอเล็กซ์ แล้วหัวเราะเจื่อน ๆ เมื่อถูกอเล็กซ์บ่นว่าเขาใจร้อนเกินเหตุ จนเกือบทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้

    “...ประหลาดคนจริง ๆ นั่นล่ะนะ”

    ริวพึมพำกับตัวเองแผ่วเบา และยังคงยืนมองกีรติที่พูดคุยกับอเล็กซ์อยู่สักพัก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วหันหลังเดินตรงกลับบ้านพักของเขาเงียบ ๆ ไปตามลำพัง

 

     เช้าวันถัดมากีรติก็ต้องพบกับความประหลาดใจ เมื่อคนที่ยิ้มแย้มและพูดคุยกับเขาในวันแรกของการทำงาน ในวันนี้กลับเพียงแค่พยักหน้าทักทายเขาและเดินผ่านไปเท่านั้น

    “หือ...วันนี้คุณริวดูแปลก ๆ ไปนะครับ”

    อเล็กซ์เอ่ยทักขึ้นอย่างสงสัย เพราะปกติแล้วริวจะมีมนุษยสัมพันธ์มากกว่านี้ ถึงแม้จะไม่มีใครเฝ้าป้อมอยู่เลย  อเล็กซ์ก็ยังมักจะได้รับการทักทายพูดคุยด้วยเสมอแท้ ๆ   

     “คงจะเป็นเพราะผมล่ะมั้งครับ ...การที่คนอย่างผมเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ของคุณริวเมื่อวาน แล้วช่วยอะไรเขาไม่ได้ แถมยังเกือบแย่อีกด้วย ก็คงทำให้คุณริวลำบากใจ จนไม่อยากเข้าใกล้ผมอีกก็ได้”

    กีรติพึมพำตอบ ซึ่งพออเล็กซ์ได้ฟัง เจ้าตัวก็เอ่ยตามมาในสิ่งที่ทำให้กีรติสะดุ้ง

    “นั่นสิครับ คนธรรมดาอย่างคุณ ขืนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกนั้น ก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วงเสียมากกว่า”

    “ฮะ ๆ นั่นสิครับ”

    กีรติรับคำเสียงแผ่ว ด้วยใบหน้าฝืนยิ้ม อเล็กซ์เงียบไปสักครู่ แล้วจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

    “แต่ถึงอย่างนั้น ความรู้สึกห่วงใยและต้องการช่วยปกป้องผู้คนที่นี่จากใจจริงของคุณ มันก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนเกลียดคุณไม่ใช่หรือครับ  สำหรับคุณริว ผมคาดเดาว่า เขาคงพยายามตีตัวออกห่าง เพราะไม่อยากให้คุณต้องมาโดนลูกหลงหรือเสี่ยงอันตราย เพราะเขาเป็นต้นเหตุมากกว่า”

    กีรตินิ่งอึ้งไปชั่วครู่ แล้วจึงมีรอยยิ้มแจ่มใสให้ได้เห็นอีกครั้ง

    “ขอบคุณนะครับ คุณอเล็กซ์!”

    “ไม่เป็นไรครับ ผมก็แค่พูดตามข้อมูลที่มีเท่านั้น”

    อเล็กซ์ตอบไปตามตรง แต่สำหรับกีรติแล้วแม้จะไม่มีชีวิต หรือเป็นเพียงแค่ข้อมูลสังเคราะห์ขึ้นมา ทว่าอเล็กซ์ก็เปรียบเสมือนเพื่อนของเขาคนหนึ่งเลยทีเดียว

    “แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องขอบคุณ คุณอเล็กซ์อยู่ดี ถ้าไม่มีคุณคอยอยู่เป็นเพื่อนคุย ผมคงจะเหงาแย่เลย”

    อเล็กซ์เงียบกริบไปสักพัก แล้วจึงทำเป็นคุยเรื่องลมฟ้าอากาศแทน ปฏิกิริยาของ AI อัจฉริยะ ถ้าเป็นมนุษย์ กีรติก็คงคิดได้อย่างเดียวว่าอีกฝ่ายคงเขินอยู่นั่นเอง

    จากนั้นพอริวกลับมาจากเก็บกวาดหน้าหมู่บ้านเรียบร้อย เจ้าตัวก็เดินเงียบ ๆ ผ่านป้อมยามของกีรติไปเช่นตอนขาออกมา ทว่าชายหนุ่มก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อกีรตินั้นตะโกนเรียกชื่อเขาดังลั่น

    “คุณริวครับ!”

    หนุ่มญี่ปุ่นหันไปมองคนที่เรียกเขาอย่างแปลกใจ แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นกีรติยิ้มกว้างให้เขา พร้อมกับทักทายตามมา

    “อรุณสวัสดิ์ครับ!”

     “เอ่อ...อรุณสวัสดิ์”

    ริวตอบรับอย่างงุนงง ชายหนุ่มร่างเล็กยิ้มพร้อมกับโค้งให้เขา แล้วจึงหันไปยืนยามต่อ แต่ใบหน้าน่ารักนั่นก็แดงระเรื่อนิด ๆ ให้พอสังเกตเห็นได้อยู่ดี

    “ริว...อย่าเพิ่งรีบตัดรอนกันเลยนะ ริวก็เห็นไม่ใช่หรือว่า กีรติเขายังกล้าที่จะเป็นฝ่ายเข้าหาริวก่อน ทั้งที่ริวแกล้งทำเป็นไม่สนใจเขาแท้ ๆ น่ะ”

    ชิโระสัตว์อสูรของหนุ่มญี่ปุ่น ปรากฏกายกระซิบบอกขณะที่ริวกำลังคิดจะเดินตรงกลับบ้านพักของเขา และนั่นจึงทำให้ริวนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจตามมาค่อย ๆ แล้วหันไปทางกีรติ พลางบอกกับชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ

    “ตั้งใจทำงานนะครับ คุณกีรติ”

    กีรติสะดุ้งโหยง พลางรีบหันมามองคนพูด และเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของริว ชายหนุ่มร่างเล็กจึงมีรอยยิ้มกว้างสดใสกว่าเดิม ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักตอบรับจนริวนึกขำ จากนั้นหนุ่มญี่ปุ่นจึงขอตัวกลับบ้าน ส่วนจิ้งจอกขาวก็อมยิ้มอย่างยินดี ที่เห็นเจ้านายของตนเริ่มเปิดใจคบหามนุษย์คนอื่น เพิ่มขึ้นมาอีกคนเช่นนี้

     “ดีจังเลย คุณริวไม่ได้รำคาญผมจริง ๆ ด้วยล่ะครับ คุณอเล็กซ์!”

    “ผมก็บอกแล้วไงครับ ว่าไม่มีใครในหมู่บ้านนี้รังเกียจ หรือรำคาญ คนที่ปรารถนาดีกับพวกเขาจากใจจริงหรอกครับ”

    กีรติยิ้มรับถ้อยคำนั้น แล้วจึงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็งเสียยิ่งกว่าเดิม จนอเล็กซ์ต้องบอกให้เจ้าตัวหาเวลานั่งพักผ่อนเสียบ้าง เพราะถ้าว่างจากตรวจตรารอบหมู่บ้าน กีรติก็เอาแต่ยืนยามไม่ยอมนั่งพักจนเกือบทั้งวันเลยทีเดียว

   

    ตกบ่ายคล้อยใกล้เย็น คนที่ต้องทำงานกะดึกก็ลืมตาตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย เนื่องจากตั้งแต่เมื่อวานที่เกิดเรื่อง เขาก็ยังไม่ได้นอนหลับเลยสักนิด และพอเพลียจนเคลิ้มหลับมาได้เกือบชั่วโมง นาฬิกาปลุกที่เขาตั้งเวลาไว้ก็ดังขัดจังหวะการนอนเสียก่อน ชายหนุ่มควานหานาฬิกาบนหัวเตียงที่วางใกล้กับหน้ากากที่เขามักจะถอดออกยามนอนเสมอ ก่อนจะกดปิดเสียงปลุกที่ดังขึ้นต่อเนื่องนั่นลง

    “เจ้าซอมบี้งี่เง่านั่น  เพราะนายคนเดียว ทำเอาฉันนอนไม่หลับเลยนะ...เจ้าบ้า”

    แฟนธอมพึมพำกับตัวเองอย่างหงุดหงิด เขาตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมต้องหวนคิดถึงรอยยิ้มอ่อนโยนที่อีกฝ่ายมีให้เขา และถ้าตอนนั้นเขาไม่บังเอิญหันกลับไปมอง เขาก็คงไม่มีโอกาสได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่อีกฝ่ายเก็บงำซ่อนเอาไว้เป็นแน่ 

    ‘ทุกทีก็ชอบทำเป็นคอยหาเรื่องแกล้งกวนประสาทชาวบ้านตลอด ด่าว่าอะไรก็ทำเป็นหน้าด้านหน้าทนเสมอ ...แล้วทีกับเรื่องนี้ ดันไม่กล้าพูดตรง ๆ นี่นะ ...งี่เง่าชะมัด!’

    แฟนธอมคิดในใจระหว่างที่ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำ เขาชะงักเมื่อเห็นใบหน้าที่ไม่ได้สวมหน้ากากของตนเองสะท้อนกับกระจกติดผนัง ก่อนจะเม้มปากน้อย ๆ

    “นายมันบ้า...เจอรัลด์ ...แถมยังรสนิยมแย่อีกด้วย”

    แฟนธอมลูบไล้เงาสะท้อนบนกระจก ที่เป็นแผลเป็นจากไฟไหม้แผลใหญ่บนซีกหน้าข้างขวาของเขา ชายหนุ่มหลับตาแล้วหันหลังให้กระจก ก่อนจะจัดการทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย และออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้า สวมหน้ากากที่วางไว้บนหัวเตียง เพื่อรอทำงานกะดึกต่อจากกีรติ แม้ว่าเขาจะยังรู้สึกเพลียและเวียนหัวอยู่มากก็ตาม

   

    กีรติมองคนที่เดินโงนเงนมาเปลี่ยนเวรกับเขาอย่างเป็นห่วง เพราะสังเกตเห็นสภาพอิดโรยจากดวงตาของอีกฝ่าย แต่แฟนธอมก็ยังคงยืนกรานจะทำงานต่อ และบอกให้รุ่นน้องของเขาคลายกังวลว่าหากไม่ไหว จะนอนพักในป้อมเอง

    “ห่วงไม่เข้าเรื่องจริง ๆ เลยนะ...”

    แฟนธอมพึมพำเมื่อเห็นกีรติเดินไปพลางเหลียวกลับมามองเขาไปพลางจนกระทั่งลับตาไป

    “แต่วันนี้ดูคุณอาการแย่ผิดปกตินะครับคุณแฟนธอม นอนพักผ่อนไม่เพียงพอหรือครับ”

    เสียงอเล็กซ์ถามขึ้น ทำให้แฟนธอมสะดุ้งโหยง เพราะน้ำเสียงของอีกฝ่ายนั้น เหมือนกับคนที่ทำให้เขากังวลจนนอนไม่หลับนั่นเอง

    “เปล่าสักหน่อย! นายอย่ามายุ่งกับฉันนักเลยน่า!”

    แฟนธอมหันมาโวยวายใส่ แล้วก็ชะงักอย่างตั้งสติได้ ก่อนจะเอ่ยพึมพำตามมาอย่างสำนึกผิด

    “ขอโทษทีนะอเล็กซ์ ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่านายหรอก  นั่นสิ...ฉันคงอาการแย่จริง ๆ  เพราะตั้งแต่เมื่อวานมา ฉันเพิ่งได้หลับไม่ถึงสองชั่วโมงดีเลยด้วยซ้ำน่ะ”

    “ผมเข้าใจครับ พอร่างกายไม่ปกติ สภาพจิตใจก็จะแย่ไปด้วย ...คุณควรกลับไปพักผ่อนนะครับ คุณแฟนธอม ที่ป้อมนี่ผมดูแลเองได้อยู่แล้ว”

    อเล็กซ์บอกตามมาอย่างไม่ถือสา แม้จะแปลกใจท่าทางของอีกฝ่ายในตอนแรกนักก็ตาม

    “ไม่ดีกว่า...ขืนกลับห้อง เดี๋ยวกีรติก็จะเป็นห่วงเอา  ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ฉันก็จะหลับในป้อมแทนแล้วกัน”

    แฟนธอมบอกกับ AI ประจำป้อม ซึ่งอเล็กซ์แม้จะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่เมื่ออีกฝ่ายยืนกรานเช่นนั้น เขาก็คงจะห้ามไม่ได้อยู่ดี อีกทั้งตอนนี้แฟนธอมก็ยังไม่ได้มีอาการผิดปกติจนน่าห่วงสักเท่าใดนักด้วย 


  แฟนธอมยืนยามอยู่เกือบชั่วโมง ก่อนจะฝืนกินข้าวที่กีรติมาส่งให้เมื่อครู่นี้ไปได้ไม่กี่คำ เขาก็ต้องหยุดกิน เพราะรู้สึกผะอืดผะอมขึ้นมา จนต้องอาศัยป้อมยามเป็นที่นั่งพักชั่วครู่

    “คุณเป็นไข้แล้วล่ะคุณแฟนธอม อุณหภูมิร่างกายคุณตอนนี้สูงเกือบสี่สิบองศาทีเดียว  ผมว่าผมแจ้งมาสเตอร์ให้ทราบดีกว่าครับ”

    อเล็กซ์บอกกับชายหนุ่ม ทว่าคำพูดนั้นทำให้แฟนธอมหน้าร้อนวาบ แล้วรีบปฏิเสธออกไปอย่างลืมตัว

    “ห้ามบอกหมอนั่นนะ!”

    อเล็กซ์รู้สึกแปลกใจต่อพฤติกรรมของแฟนธอมในวันนี้ แต่ก็ยังคงเลือกที่จะปฏิบัติตามคำสั่งนั้น เพราะเขาถูกตั้งโปรแกรมให้เชื่อฟังแฟนธอม รองจากเจอรัลด์และเวธน์นั่นเอง ทว่าหากไข้ของอีกฝ่ายขึ้นสูงกว่านี้อีกสัก 1 หรือ 2 องศา เขาก็คงจำต้องยอมขัดคำสั่งของแฟนธอมแล้วแจ้งเจอรัลด์ให้ทราบในเรื่องนี้เสียแล้ว 

    “เอ่อ...พักสักครู่ก็ไข้ลดเองนั่นล่ะ... ให้ตายสิ นี่ฉันไม่ได้ป่วยมานานขนาดไหนแล้วนะ”

    แฟนธอมพึมพำเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะกังวลที่เขาหลุดแสดงอาการแปลก ๆ ออกไปเช่นกัน ซึ่งพอได้ยินแฟนธอมพูดดังนั้น อเล็กซ์ก็ดึงข้อมูลที่บันทึกไว้มาตอบอย่างฉะฉาน

    “ครั้งสุดท้ายที่คุณป่วยก็ตอนที่คุณควงกะเช้าค่ำ ติดกันสามวันเมื่อสองเดือนก่อน ตอนนั้นพอมาสเตอร์ได้รับรายงานจากผม ก็รีบอุ้มคุณไปหาหมอเพชรถึงบ้านของเขาเลยนะครับ แถมยังถีบประตูบ้านหมอเพชรพังเพราะเรียกแล้วเขาไม่ยอมตื่นอีกด้วย”

    แฟนธอมสะดุ้งโหยงอย่างตกใจ เพราะไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

    “ไม่เห็นหมอเพชรเคยบอกเลยว่าเจ้าซอมบี้...เอ่อ เจอรัลด์เป็นคนพาฉันไปหาเขาน่ะ”

    “หืม...สงสัยคงเพราะหมอเพชรจะโมโหที่มาสเตอร์ทำประตูบ้านเขาพังล่ะมั้งครับ เลยไม่ยอมบอกเรื่องนี้ให้คุณทราบ”

    อเล็กซ์ตอบอย่างคาดเดา ซึ่งแฟนธอมก็นิ่วหน้าน้อย ๆ พลางหวนคิดถึงเรื่องเมื่อสองเดือนก่อนที่พอจะจำได้ลาง ๆ  เขาถามหมอเพชรว่าเขามาที่บ้านอีกฝ่ายได้ยังไง หมอเพชรที่ทำเหมือนจะตอบก็กลับชะงักเงียบไปชั่วครู่ แล้วบอกว่าคนในหมู่บ้านแถวนั้นที่ผ่านมาช่วยพามาส่ง แถมยังยิ้มแปลก ๆ ให้เขาอีก  พอวันรุ่งขึ้นที่เขาค่อยยังชั่ว เจอรัลด์ก็เริ่มมาวุ่นวายป้วนเปี้ยนใกล้เขา แต่พอเขาไล่ไปด้วยความรำคาญ เจ้าตัวก็มีสีหน้าผิดหวังแปลก ๆ ให้เห็น

    “บ้าจริง...อะไรของหมอนั่นกันนะ จะพูดตรง ๆ ชัด ๆ ให้มันรู้เรื่องไปเลยไม่ได้หรือไง...เอาแต่ทำทีเล่นทีจริงแบบนั้น ใครมันจะไปเข้าใจได้เล่า...”

    แฟนธอมพึมพำกับตัวเองอย่างหงุดหงิด เขารู้สึกเหมือนไข้ของตนจะขึ้นสูงกว่าเดิม จนภาพเบื้องหน้าเขาเริ่มเบลอไปหมด

    “คุณแฟนธอม! คุณแฟนธอมครับ! แย่ละ สงสัยต้องติดต่อมาสเตอร์ด่วนแล้ว!”

    แฟนธอมที่ได้ยินคำพูดนั้นของอเล็กซ์ พยายามจะเอ่ยปากห้าม แต่ก็แทบไม่มีเสียงเล็ดรอดออกจากปากของเขา สักพักเขาก็ได้ยินเสียงเดิมที่ใกล้เคียงกันดังขึ้น ทว่าเสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยอารมณ์ห่วงใยแกมหวั่นวิตก ซึ่งแตกต่างจาก AI ประจำป้อมหลายเท่านัก

    “คุณแฟนธอม! ทำใจดี ๆ ไว้นะครับ! เดี๋ยวผมจะพาคุณไปหาหมอเอง!”

    เจอรัลด์บอกพลางประคองร่างที่เป็นลมล้มพับไปกับพื้นเพราะพิษไข้ไว้แนบอก และช้อนร่างนั้นอุ้มออกจากป้อม เร่งฝีเท้าเดินไปยังสถานที่พักของหมอประจำหมู่บ้าน ที่มีฝีมือในการรักษาได้ทั้งมนุษย์ธรรมดาและพวกปีศาจด้วยกันเอง

    “เจอรัลด์...”

    แฟนธอมที่รู้สึกตัวคล้ายกึ่งหลับกึ่งตื่น เรียกชื่อคนที่กำลังอุ้มเขาเดินไปหาหมอแผ่วเบา ทำให้เจอรัลด์ชะงักแล้วก้มมองคนในอ้อมกอดของตน

    “เป็นอะไรไปหรือครับคุณแฟนธอม...ทรมานมากไหม รอเดี๋ยวนะครับ อีกนิดเดียวก็จะถึงบ้านหมอแล้ว”

    เจอรัลด์บอกกับคนในอ้อมกอดแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แต่ถึงกระนั้นสีหน้าของอีกฝ่ายก็ยังคงแฝงความเป็นห่วงและกังวลให้ได้เห็นอยู่ดี

     “อือ...ไม่ต้องรีบนักหรอก ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก...”

    แฟนธอมพึมพำเสียงแหบ แม้จะรู้สึกทรมานเพราะพิษไข้ แต่อ้อมกอดของคนที่อุ้มเขาก็อบอุ่นเสียจนทำให้เขารู้สึกสบายใจได้เช่นกัน

    “ไม่มากอะไรกันครับ...อเล็กซ์นี่ก็แย่จริงเชียว ควรจะแจ้งผมทราบตั้งแต่ตอนที่คุณเริ่มมีอาการไม่ดีให้เห็นแล้วด้วยซ้ำ!”

    เจอรัลด์บ่นแล้วพาลไปถึงสิ่งประดิษฐ์ของเขา ทำให้แฟนธอมต้องยกมือแตะหน้าอีกฝ่ายค่อย ๆ เพื่อต้องการให้ชายหนุ่มใจเย็นลงกว่านี้

    “ไม่ใช่ความผิดของอเล็กซ์สักหน่อย ...ฉันห้ามไม่ให้เขาบอกนายเองต่างหาก...เพราะฉัน...”

    แฟนธอมบอกแล้วก็เงียบไป ก่อนจะหลุบตาหลบไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย  ทางด้านเจอรัลด์ชะงักนิ่ง ชายหนุ่มจ้องมองคนในอ้อมกอดอย่างพยายามค้นคว้าหาคำตอบ ถึงการกระทำและคำพูดอันแตกต่างจากยามปกติ ที่อีกฝ่ายมีต่อเขา

    “เฮ้! นั่นจะพาคนไข้มาให้ฉันรักษาใช่ไหมเจอรัลด์ ถ้าอย่างนั้นก็พามาได้แล้ว ฉันขี้เกียจซ่อมประตูบ้านเองทีหลังอีก!”

    เสียงตะโกนที่ดังขัดขึ้นทำให้เจอรัลด์และแฟนธอมสะดุ้ง ทางด้านเจอรัลด์นั้นพอรู้สึกตัวว่าเขากำลังจะพาแฟนธอมมารักษาตัว ชายหนุ่มก็รีบเร่งฝีเท้าเดินไปหาชายหนุ่มตรงหน้าเขาทันที

    “หมอเพชร! คุณแฟนธอมมีไข้สูงมากครับ! ช่วยรักษาเขาเร็ว ๆ เข้าเถอะ!”

    ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าหมอเพชร เป็นชายรูปร่างผอม และสูงพอ ๆ กับเจอรัลด์ ไว้ผมดำสั้นรองทรงปรกคอ และมีนัยน์ตาสองสีประหลาดเป็นสีทองข้างซ้ายและดำข้างขวา ใบหน้าเรียวได้รูป จัดว่าเป็นชายที่มีใบหน้าสวยเสียยิ่งกว่าผู้หญิงจริง ๆ ด้วยซ้ำ

    “เออ! รู้แล้วน่า อเล็กซ์แจ้งมาก่อนล่วงหน้าแล้ว นายอุ้มเขาเข้ามาดี ๆ เหอะ อย่ามาถีบประตูบ้านฉันพังอีกล่ะ!”

    คนเป็นหมอบอกอย่างหงุดหงิด เพราะกำลังนั่งพักผ่อนสบาย ๆ อยู่ดี ๆ อเล็กซ์ก็ส่งสัญญาณฉุกเฉินเข้ามาในบ้านของเขา แล้วบอกว่าเจอรัลด์กำลังพาแฟนธอมที่ไม่สบายไปหา ทำเอาเขาต้องรีบวิ่งพรวดพราดมาเปิดประตูบ้านไว้รอล่วงหน้า เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะใจร้อน จนถีบประตูบ้านเขาพังอย่างคราวก่อนอีกครั้ง

    “เอาล่ะ! นายออกไปรอนอกห้องโน่น ฉันจะรักษาเขาให้เอง ขืนมายืนกดดันกันแบบนี้ เดี๋ยวฉันก็หยิบยาผิดยาถูกกันพอดี!”

    หมอเพชรไล่ให้เจอรัลด์ออกไปรอนอกห้องรักษา แม้ว่าผีดิบหนุ่มจะไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะแกล้งไม่รักษาแฟนธอมเข้าให้จริง ๆ จึงจำต้องยอมทำตามคำสั่งนั้นแต่โดยดี

    “หึ! หมอนั่นจะยอมเชื่อฟังกันก็เฉพาะเวลาที่มีคุณอยู่ด้วยเท่านั้นล่ะนะแฟนธอม”

    หมอหนุ่มเอ่ยกระเซ้าคนที่นอนไข้ขึ้นสูง ใบหน้าใต้หน้ากากนั้นร้อนวูบวาบหลังจากได้ฟัง ซึ่งแฟนธอมเองก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะพิษไข้ หรือเพราะความรู้สึกประหลาด ๆ ที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นในตอนนี้

    “คราวก่อนก็ทีหนึ่งแล้ว ...อ้อ ผมไม่ได้บอกคุณสินะ ว่าเขาอุ้มคุณมาส่งที่นี่ตอนคุณป่วยเมื่อสองเดือนก่อนน่ะ”

    หมอเพชรเปรยบอกระหว่างที่เปิดตู้ยา หายาฉีดลดไข้ให้กับอีกฝ่าย

    “เอ่อ...เรื่องนั้น อเล็กซ์เพิ่งบอกให้ผมรู้...เมื่อก่อนหน้านี้สักพักเอง”

    หมอหนุ่มชะงักมือของตน เมื่อได้ยินน้ำเสียงอ้ำอึ้งของแฟนธอม แล้วจึงเหลือบมามองคนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างประหลาดใจ เจ้าตัวค่อย ๆ จัดการถอดหน้ากากของอีกฝ่ายออก โดยที่แฟนธอมก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร เพราะคนที่เคยรักษาเขายามร่างกายบอบช้ำ อ่อนแรง และเต็มไปด้วยบาดแผล เมื่อครั้งที่มาหมู่บ้านนี้ใหม่ ๆ ก็คือหมอเพชรคนนี้นี่เอง

    “เป็นปฏิกิริยาที่ค่อนข้างเกินคาดนะ...ถ้าอย่างนั้นก็คงใกล้ถึงเวลาที่คุณจะยอมเปิดเผยใบหน้าใต้หน้ากากนี่ ให้เขาเห็นได้แล้วล่ะสิ”

    แฟนธอมหน้าแดงหนักขึ้น แล้วพยายามหลบสายตาของอีกฝ่าย ทำให้หมอหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหยิบยาลดไข้มาฉีดเข้ากล้ามเนื้อที่ต้นแขนของอีกฝ่าย แล้วชวนคนไข้ของเขาคุยไปด้วย

    “คุณเองก็อยู่มานานจนน่าจะมองออกว่าใครคิดยังไงกับคุณ  ผมเองก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องความรักของใครนักหรอก ...แต่ก็อยากให้คำแนะนำอะไรบางอย่าง ในฐานะที่พวกเราเป็น ‘มนุษย์’ ที่ค่อนข้างคล้ายกันอยู่มาก”

    หมอเพชรหยุดพูดชั่วครู่ แล้วใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดที่ต้นแขนของชายหนุ่มหลังจากฉีดยาเสร็จ จากนั้นเขาก็ลูบศีรษะอีกฝ่ายเบา ๆ พลางยิ้มน้อย ๆ อย่างอ่อนโยน

    “ชีวิตอมตะไม่แก่ไม่ตายที่พวกเราได้รับมาโดยไม่รู้ตัว บางทีก็ใช่ว่ามันจะอยู่กับเราไปได้ตลอดกาล... ในเมื่อวันหนึ่งเราเป็นแบบนี้ได้ ก็อาจจะมีสักวันที่เวลาซึ่งหยุดนิ่งเริ่มเดินอีกครั้ง ...ผมอยากให้คุณใช้ชีวิตที่ไม่แน่นอนนี้ ให้คุ้มค่ามากที่สุด และการมีใครสักคนที่เรารักและรักเราอยู่เคียงข้าง ก็เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนล้วนแต่ปรารถนาไม่ใช่หรือ”

    แฟนธอมจ้องมองหมอหนุ่มที่เขานับถือเสมือนพี่ชายคนหนึ่ง แล้วจึงพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ ด้วยใบหน้าเขินอายอย่างที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน  ทำให้หมอเพชรต้องหลุดหัวเราะเบา ๆ อย่างเอ็นดู  ทว่าพอได้ยินเสียงกรอกแกรกคล้ายฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ประตู เขาก็ลอบยิ้มน้อย ๆ พลางแกล้งทำเป็นชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ จนใบหน้าของเขาเกือบแนบชิดกับใบหน้าของคนนอนอยู่   

    “คุณหมอ...”

    แฟนธอมพึมพำอย่างตกใจและแปลกใจ แต่หมอเพชรนั้นทำเสียงเบา ๆ ให้อีกฝ่ายเงียบ  สักพักก็มีเสียงคล้ายประตูเลื่อนของห้องรักษาถูกเปิดออกค่อย ๆ แต่พอสายตาของคนเปิดมองเห็นภาพที่เกิดในนั้น ประตูก็ถูกเลื่อนผลักออกไปโดยแรง พร้อมกับร่างที่ก้าวพรวดเข้ามาอย่างโมโห

    “หมอเพชรจะทำอะไรคุณแฟนธอมน่ะ!”

    หมอหนุ่มอมยิ้มนิด ๆ ส่วนแฟนธอมที่กำลังตกใจชะงักกึก แล้วพอเขาตั้งสติได้ว่าตนยังไม่ได้สวมหน้ากาก ชายหนุ่มก็รีบยกมือปิดบังใบหน้าของตนไม่ให้เจอรัลด์ได้เห็นทันที

    “คุณแฟนธอม...”

    เจอรัลด์เรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างตกใจ เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาตอบรับของคนที่นอนอยู่  ซึ่งแฟนธอมก็สะดุ้งเฮือก ก่อนจะตะโกนไล่คนที่เข้ามาเสียงดังลั่น

    “ออกไปนะ...ออกไปให้พ้น!”

    หมอเพชรถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเหลือบมองเจอรัลด์ที่มีใบหน้าซีดเผือด เพราะกลัวว่าแฟนธอมจะเกลียดตนเข้าให้จริง ๆ

    “นายออกไปก่อนเจอรัลด์...เดี๋ยวให้แฟนธอมเขานอนพักที่ห้องนี้ต่ออีกสักหน่อย พอค่อยยังชั่วนายค่อยพาเขากลับบ้าน”

    เจอรัลด์มองคนที่นอนปิดหน้าอย่างลังเล แต่ก็ต้องยอมทำตามนั้น ทว่าก่อนจะออกไป ชายหนุ่มก็พึมพำบางอย่างขึ้นแผ่วเบา

    “ผมขอโทษนะครับคุณแฟนธอม ที่เข้ามากะทันหันแบบนี้... แต่ขอร้องล่ะ... ได้โปรดอย่าเกลียดผมเลยนะครับ”

    เสียงประตูปิดลง พร้อมกับเสียงถอนหายใจของคนที่ยืนอยู่ในห้อง เจ้าตัวมองคนนอนปิดหน้า ที่ยังคงไม่ยอมเปิดใบหน้าออกให้เขาเห็น แต่นั่นไม่ใช่เพราะโกรธหรือขุ่นเคืองแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะว่าใบหน้านั้นเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง ไม่แพ้กับตอนที่มีไข้ขึ้นสูงก่อนหน้าแม้แต่น้อย

    “เอ้า...หน้ากากของคุณ  แล้วก็ขอโทษที่ผมแกล้งพวกคุณหนักมากไปสักหน่อย... แต่เท่านี้คุณก็น่าจะรู้แล้วนะแฟนธอม ว่าเขาไม่ได้รังเกียจบาดแผลบนใบหน้าของคุณอย่างที่คุณเป็นกังวลสักนิด... แต่สิ่งที่เขากลัวที่สุดคืออะไร คุณก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ”

    แฟนธอมยอมเปิดหน้าหลังฟังจบ พลางหยิบหน้ากากที่หมอหนุ่มวางไว้บนอกของเขามากำแน่น และมองไล่หลังคนที่ยิ้มอ่อนโยนให้เขา ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินออกจากห้องไป แล้วทิ้งให้คนป่วยนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงตามลำพัง



… TBC …


อ่านถึงตอนนี้ อาจจะมีหลายคนเหวอ หุๆ  ...แต่คู่นี้ ปัดก็ตั้งใจให้เค้าคู่กันแต่แรกแล้วล่ะค่ะ ^^"

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4


ตอนที่ 10
สารภาพ



    แฟนธอมที่หลับไปสักพักใหญ่เพราะฤทธิ์ยา ปรือตาตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย เขาเหลือบมองนาฬิกาติดผนังในห้องตรวจ ก่อนจะขมวดคิ้วยุ่ง เพราะเข็มนาฬิกาชี้ให้เห็นว่าเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว  ชายหนุ่มยันกายลุกจากเตียง ถึงจะยังมึนงงอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าอาการของเขาดีกว่าตอนหัวค่ำมากเลยทีเดียว

     “กลับป้อมดีกว่า...”

    แฟนธอมพึมพำ พลางเปิดประตูเลื่อนของห้องตรวจออกมา แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เมื่อพบว่าเจอรัลด์กำลังนั่งหลับรอเขาบนเก้าอี้รับแขกแถวนั้น

    “ผมไล่เขากลับไปตั้งแต่ตอนจะห้าทุ่มแล้ว เพราะคิดว่าคุณน่าจะหลับยาว เลยกะจะให้คุณนอนพักที่นี่เสียเลย แต่หมอนั่นก็ยืนกรานจะอยู่เฝ้าจนกว่าคุณจะตื่นน่ะ”

    เสียงของหมอเพชรดังขึ้นจากมุมหนึ่งของบ้าน แฟนธอมหันไปมองก็เห็นว่าหมอหนุ่มกำลังออกจากห้องครัว มาพร้อมกับถ้วยกาแฟในมือ ก่อนจะเดินตรงไปนั่งที่โต๊ะทำงานของเจ้าตัวซึ่งตั้งอยู่ที่มุมห้อง

    “คุณค่อยยังชั่วแล้วหรือแฟนธอม ถ้ายังไงจะนอนพักที่นี่ก็ได้นะ หรือถ้านอนบนเตียงตรวจลำบาก ก็ไปนอนที่เตียงบนห้องผมก็ได้”

    แฟนธอมยิ้มให้อีกฝ่าย เพราะรู้ดีว่าหมอหนุ่มอนุญาตเช่นนั้นจริง ไม่ใช่แค่เพียงเชื้อเชิญไปตามมารยาทเท่านั้น

    “ไม่ดีกว่าครับ ไม่อยากรบกวนคุณหมอมากเกินไป อีกอย่างผมอาการดีขึ้นแล้ว เลยตั้งใจจะไปทำงานต่อ เดี๋ยวคุณเวธน์จะตำหนิเอาได้ ว่าทำงานไม่คุ้มเงินเดือน”

    หมอเพชรสั่นศีรษะพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ด้วยสีหน้าเอือมระอาต่อความขยันเสียเหลือเกินของอีกฝ่าย  ทว่าระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังสนทนากัน เจอรัลด์ก็งัวเงียตื่นขึ้นมาพอดี และพอเห็นแฟนธอมยืนอยู่แถวนั้น เขาก็แทบจะตาสว่าง พลางรีบลุกมาถามไถ่อาการของชายหนุ่มอย่างเป็นห่วงทันที

    “คุณแฟนธอม! ตื่นแล้วหรือครับ เป็นไงบ้างครับ อาการดีขึ้นหรือยัง!”

     แฟนธอมสะดุ้งโหยง แต่พอหันไปเห็นสายตาห่วงใยของอีกฝ่าย เขาก็ต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ทำให้เจอรัลด์ใจหายวาบ เพราะเกรงว่าแฟนธอมจะยังไม่หายโกรธเขา หากแต่หมอเพชรที่รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไรลอบยิ้มน้อย ๆ อย่างนึกขำ  จริง ๆ เขาก็อยากแกล้งเจอรัลด์ให้มากกว่านี้ แต่ก็อดสงสารผีดิบหนุ่มไม่ได้ จึงขัดจังหวะทั้งคู่ด้วยการชวนสนทนาแทน

    “แฟนธอมบอกว่าเขาจะกลับไปทำงานต่อน่ะ  ยังไงก็วานนายไปส่งถึงห้องเขาหน่อยแล้วกัน...”

    คำพูดของหมอเพชรทำให้แฟนธอมสะดุ้งแล้วรีบหันมาเตรียมแย้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายขัดขึ้นเสียก่อน

     “ไม่ต้องแย้งเลยนะแฟนธอม นี่เป็นคำสั่งของหมอรู้ไหม และถ้าหากคุณเวธน์จะหักเงินเดือนคุณเมื่อไหร่ ก็มาเอาใบรับรองจากผมไปยื่นให้เขาว่าคุณป่วยจริงก็แล้วกัน”

    ท้ายประโยคหมอหนุ่มหยอกคนฟังที่เตรียมจะประท้วง ทำเอาแฟนธอมต้องถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงยอมกลับไปพักผ่อนตามที่อีกฝ่ายบอกแต่โดยดี ส่วนเจอรัลด์ลอบมองทั้งคู่อย่างนึกอิจฉา ที่เห็นแฟนธอมมักจะเชื่อฟังและว่าง่ายกับหมอเพชรอยู่เสมอ

    “ถ้าอย่างนั้นผมกลับเลยแล้วกันนะครับ...ขอบคุณคุณหมอมากที่ช่วยดูแล  เอ่อ...แล้วเรื่องค่าใช้จ่าย...”

    แฟนธอมถามเจ้าของบ้านที่เดินออกมาส่งเขา ทว่ายังไม่ทันพูดจบดี ก็ถูกอีกฝ่ายใช้หลังมือเขกศีรษะเจ้าตัวค่อย ๆ จนคนถูกเขกสะดุ้งอย่างตกใจ

    “ผมเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่หรือแฟนธอม ว่าไม่ต้องใส่ใจกับเรื่องค่ารักษาเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้  ไว้คุณป่วยหนักหรือบาดเจ็บเฉียดตาย ชนิดผมต้องใช้แรงกายรักษา หรือสิ้นเปลืองยาเปลืองวัสดุอุปกรณ์เมื่อไหร่ ตอนนั้นค่อยคิดค่าเสียหายกันทีหลังก็ได้”

    แฟนธอมมองคนตรงหน้าอย่างเกรงใจ แต่ก็ไม่กล้าเซ้าซี้เพราะรู้นิสัยหมอหนุ่มดีว่าค่อนข้างขี้รำคาญเพียงใด เผลอ ๆ หากเขาตื๊อมากเข้า อีกฝ่ายจะพาลโกรธเขาให้เสียอีก

    “เหอะ ๆ ทีตอนผม มาขอซื้อพวกวิตามินไปให้คุณแฟนธอมกินบำรุงร่างกาย คุณหมอยังขูดรีดซะราคาสองสามเท่าของราคายาด้วยซ้ำนะครับ”

     หมอเพชรหันมามองคนที่ค่อนขอดเขา แล้วจึงซ่อนยิ้มไว้ในสีหน้า ก่อนจะหันไปพูดกับแฟนธอมแทน

    “เห็นไหมล่ะ เพราะอย่างนี้ผมถึงบอกว่าคุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะผมเอามันไปบวกกับส่วนที่หมอนี่ต้องจ่ายเป็นประจำอยู่แล้ว”

    แฟนธอมพยักหน้าตอบรับหมอหนุ่มค่อย ๆ ก่อนจะเหลือบมองคนที่บ่นอุบอิบกับตัวเองอย่างนึกสงสารและรู้สึกผิด ที่ก่อนหน้านั้นเขามักจะชอบบ่นรำคาญเวลาที่เจอรัลด์เอาวิตามินพวกนี้มาฝากเขาเสมอ แถมเขายังกินบ้างไม่กินบ้างเป็นประจำ แต่พอรู้แบบนี้ เห็นทีกลับไปเขาคงต้องไปรื้อวิตามินพวกนั้นมากินใหม่เสียแล้ว...ถ้าหากมันยังไม่หมดอายุเสียก่อนล่ะนะ 



     หลังจากขอบคุณและสนทนาต่ออีกสักครู่ แฟนธอมกับเจอรัลด์ก็ขอตัวล่ำลาหมอหนุ่ม  พวกเขาเดินกลับสำนักงานหมู่บ้านด้วยกันอย่างไม่รีบร้อนนัก โดยที่เจอรัลด์นั้นคอยเดินตามประกบติดอีกฝ่ายไม่ให้ห่าง ด้วยเกรงว่าแฟนธอมอาจจะยังไม่หายดี และเป็นลมล้มลงได้ทุกเมื่อ

    “นี่...สำนักงานหมู่บ้าน เดินไปอีกหน่อยก็ถึง แต่บ้านนายอยู่ตรงนี้ไม่ใช่หรือไง กลับเข้าบ้านนายไปเถอะ เดี๋ยวฉันไปต่อเองก็ได้”

      แฟนธอมหันมาบอกคนข้าง ๆ เมื่อพวกเขาเดินผ่านบ้านสองชั้นซึ่งปลูกต้นไม้รกครึ้มเต็มหน้าบ้านหลังหนึ่ง ทางด้านเจอรัลด์ขมวดคิ้วนิด ๆ แล้วรีบปฏิเสธไปทันที

    “ไม่เป็นไรครับ ผมอยากไปส่งคุณก่อนนี่ ...หมอเพชรเองก็กำชับให้ผมส่งคุณให้ถึงห้องด้วยนะครับ”

    เจอรัลด์จำเป็นต้องอ้างชื่อหมอหนุ่มมาขู่ ทำให้คนฟังชะงักนิด ๆ และถึงแม้เจอรัลด์จะไม่เห็นสีหน้าภายใต้หน้ากากนั่น แต่เขาก็คาดเดาได้เลยว่า แฟนธอมนั้นจะต้องหงุดหงิดอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

    “ผมไม่ได้อยากแกล้งคุณนะครับ...ผมแค่เป็นห่วงคุณเท่านั้นเอง”

    เจอรัลด์เสียงอ่อยตามมา เมื่อคนข้างกายเขาเตรียมจะเดินต่อโดยไม่พูดจาหรือโวยวายใส่เขาอย่างที่เคยเป็น ส่วนแฟนธอมพอได้ยินดังนั้นก็หยุดชะงักฝีเท้า แล้วจึงพึมพำบอกแผ่วเบาโดยไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย

    “รู้แล้วล่ะน่า...เอ่อ...แล้วก็ขอบคุณนะ ที่พาฉันมาหาหมอน่ะ”

    เจอรัลด์นิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง  ถ้าเขาฟังไม่ผิด จากที่ได้ยินน้ำเสียงนั้น แฟนธอมน่าจะมีอาการเขินอายต่อเขา  หากแต่ชายหนุ่มก็ยังไม่แน่ใจนัก เพราะเมื่อตอนที่แฟนธอมถูกเขาเห็นใบหน้าแท้จริง อีกฝ่ายยังโกรธจนไล่เขาออกนอกห้องมาแล้ว

    “หือ... เป็นอะไรไป เจอรัลด์”

    แฟนธอมที่เดินไปได้สักพักหันกลับมามอง เพราะคนที่อาสาตามไปส่งเขา ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน ซ้ำยังมีใบหน้าครุ่นคิดกังวลหนักอีกด้วย

    “คุณแฟนธอม ไม่ได้โกรธที่... เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกครับ เราไปต่อกันเถอะครับ”

    เจอรัลด์ที่ตั้งใจจะถามบางอย่าง ตัดบทเปลี่ยนเรื่องพูดกลางคัน แต่คนฟังก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายอยากจะถามเขาถึงเรื่องใด แถมยังรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิด ๆ ที่เห็นเจอรัลด์ไม่กล้าพูดตรง ๆ กับเขาแบบนี้อีกด้วย

    “อืม...ก็ดี ฉันเริ่มเพลียขึ้นมาอีกรอบแล้ว ไปนอนพักสักหน่อยก็คงดีเหมือนกัน”

    แฟนธอมเปรยตอบเสียงเรียบ โดยทำเป็นเมินไม่สนใจแววตาห่วงใยระคนตกใจของอีกฝ่าย และพอเจอรัลด์เดินเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มก็ทำเป็นเร่งฝีเท้าเดินให้ห่างออกไป จนเจอรัลด์เริ่มรู้สึกตัว เขาจึงชะลอฝีเท้าลงเป็นเดินห่าง ๆ เพื่อไม่ต้องการให้แฟนธอมออกแรงเดินมากไปกว่านี้

    “...งี่เง่า”

    แฟนธอมพึมพำกับตัวเองแผ่วเบา พอเห็นความห่วงใยของอีกฝ่าย เขาก็โกรธเจ้าตัวไม่ลง และจึงหยุดฝีเท้ายืนรอ จนเจอรัลด์ต้องเดินเข้ามาหาอย่างแปลกใจ

    “มีอะไรหรือครับ คุณแฟนธอม”

    แฟนธอมเงียบไปชั่วครู่อย่างลังเล ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วคว้าแขนอีกฝ่ายมาคล้อง พร้อมกับบอกโดยไม่ยอมมองหน้า 

    “ฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย...ก็เลยอยากจะยืมแขนนายเกาะเดินไปน่ะ...”

    เจอรัลด์เงียบกริบพูดอะไรไม่ออก เขายืนอึ้งไปนานจนแฟนธอมใจเสีย และค่อย ๆ คลายมือที่คล้องแขนอีกฝ่ายลง

    “ขอโทษนะ...ที่ทำให้เสียความรู้สึก”

    พอพูดจบชายสวมหน้ากากก็ก้มหน้าเดินจากไป แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อคนที่ยืนนิ่งอยู่แถวนั้น โผเข้ากอดเขาแน่นจากด้านหลัง

    “เจอรัลด์! ทำบ้าอะไรของนายน่ะ!”

    แฟนธอมโวยวายอย่างตกใจ ทว่าเจอรัลด์ก็ยังคงกอดแน่นแล้วพึมพำบอกตามมา

    “ขอโทษครับ...ผมไม่ได้เสียความรู้สึกหรือไม่ชอบนะครับ...ผมแค่ตกใจและก็ดีใจมากเท่านั้นเอง...คุณแฟนธอมอย่าเข้าใจผิดนะครับ”

    แฟนธอมหน้าร้อนวาบด้วยความอาย เพราะเจอรัลด์ไม่เพียงจะขอโทษเขา แต่ใบหน้าของอีกฝ่ายก็ซบอยู่ใกล้ ๆ ซอกคอเขาด้วย

    “...ไม่เห็นต้องมาดีใจหรือตกใจอะไรเลย...ไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉันแบบนั้นสักหน่อย ไม่ใช่หรือไง”

    แฟนธอมบอกเสียงแผ่ว ลองเขาเปิดโอกาสให้ขนาดนี้ แต่หากเจอรัลด์ยังไม่กล้าสารภาพออกมาตามตรง เขาก็อาจจะต้องทำเป็นแกล้งไม่รับรู้ความรู้สึกของชายหนุ่มต่อไปแบบนี้เรื่อย ๆ  ทั้งที่ตัวเขาเองก็เริ่มมีความรู้สึกดี ๆ กับอีกฝ่ายแล้วก็ตาม

    “คุณแฟนธอม...ผม...ให้ตายเถอะ นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหมครับ”

    เจอรัลด์กอดรัดร่างตรงหน้าแน่นขึ้นอย่างตื่นเต้น มือของชายหนุ่มสั่นเทาจนแฟนธอมสังเกตเห็น ชายสวมหน้ากากยกมือของตนมากุมมือของอีกฝ่ายที่กอดเขาอยู่ แล้วจึงพึมพำตอบกลับไป

    “แล้วถ้ามันเป็นความฝันของนายจริง ๆ ล่ะ ...นายจะกล้าพูดในสิ่งที่นายเก็บซ่อนมันเอาไว้มานานไม่ให้ฉันได้รับรู้ ต่อหน้าฉันไหม”

    พอแฟนธอมพูดจบ ทางด้านเจอรัลด์ก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ คลายอ้อมกอดของตน แล้วพลิกร่างของอีกฝ่ายให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา มือใหญ่เอื้อมไปที่หน้ากากเตรียมจะปลดมันออก ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเจ้าของหน้ากากนั้นสะดุ้งนิด ๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะเบือนหน้าไปอีกทาง ริมฝีปากได้รูปนั้นเม้มน้อย ๆ คล้ายกำลังสับสนอย่างหนัก

    “คุณแฟนธอมครับ...ให้ผมได้มีโอกาสสารภาพต่อหน้าตัวตนที่แท้จริงของคุณจะได้ไหมครับ...ผมอยากจะเป็นคนหนึ่งที่คุณมอบความไว้วางใจทั้งหมดให้บ้าง...นะครับ”

    แฟนธอมนิ่งเงียบรับฟังถ้อยคำขอร้องของอีกฝ่ายอยู่สักพัก เขาจึงค่อย ๆ หันกลับมาประสานสายตากับเจอรัลด์อีกครั้ง ทางด้านผีดิบหนุ่มแย้มยิ้มน้อย ๆ อย่างยินดี ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดหน้ากากของคนตรงหน้าออกอย่างแผ่วเบา พร้อมกับจ้องมองด้วยแววตาเปี่ยมรักดังเดิม

    “ผมรักคุณครับ คุณแฟนธอม ...รักมานานแล้ว... ผมตกหลุมรักคุณมาตลอดตั้งแต่วันที่ผมได้พบกับคุณเป็นครั้งแรก และผมก็ยิ่งรักคุณมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่พวกเราได้ทำความรู้จักพูดคุยกัน...  ต่อให้วันนี้ผมจะถูกคุณปฏิเสธก็ตาม แต่ความรู้สึกรักของผมที่มีต่อคุณ มันก็จะไม่มีวันเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน”

    แฟนธอมนิ่งอึ้งต่อคำสารภาพนั้น ชายหนุ่มพูดอะไรแทบไม่ออก เขาจ้องตาอีกฝ่ายที่มันแสดงถึงความรัก โดยไม่มีความรังเกียจใด ๆ ให้เห็นแม้แต่น้อย  และแม้จะรู้ล่วงหน้ามาก่อนว่าเจอรัลด์นั้นมีใจให้เขา แถมตัวเขาเองก็มีความรู้สึกดี ๆ ต่ออีกฝ่ายเช่นกัน  ทว่าพอได้รับรู้ถึงความรักอันมั่นคงและยาวนานที่ชายหนุ่มมีต่อเขา แฟนธอมก็เริ่มที่จะหวั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง

    “...ฉัน...คนอย่างฉันจะดีพอสำหรับนายแน่หรือเจอรัลด์...ฉันมันเป็นพวกมองโลกในแง่ร้าย...คอยแต่จะโวยวายบ่นใส่นายเสมอ...ซ้ำยัง...ยังมีหน้าตาอัปลักษณ์แบบนี้อีก”

    ท้ายประโยคชายหนุ่มเอ่ยติดขัดด้วยน้ำเสียงขมขื่น มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบใบหน้าซีกขวา ก่อนจะเผลอออกแรงจิกน้อย ๆ อย่างลืมตัว จนเจอรัลด์ต้องรีบดึงมือข้างนั้นมากุมไว้

    “คุณแฟนธอม อย่าทำร้ายตัวเองแบบนั้นสิครับ ...ผมรักทุก ๆ อย่างที่เป็นคุณนะครับ...แผลเป็นนี้มันก็เป็นส่วนหนึ่งของตัวคุณไม่ใช่หรือครับ...”

    เจอรัลด์ยิ้มน้อย ๆ พร้อมกับชะโงกหน้าไปจูบที่หน้าผากของอีกฝ่ายแผ่วเบา 

     “สำหรับผมแล้ว คุณงดงามยิ่งกว่าใครทั้งหมด...คำพูด การกระทำ และความอ่อนโยนที่คุณมี ...มันส่งผลให้ตัวตนของคุณมีคุณค่าและงดงามเสมอ ในสายตาของคนที่เห็นค่าของคุณ”

    แฟนธอมนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะค่อย ๆ ซบใบหน้าลงกับอกกว้างของอีกฝ่าย แล้วพึมพำขอบคุณแผ่วเบา แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเจอรัลด์ดันตัวเขาออกไปให้ห่างเล็กน้อย และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย เจ้าตัวก็จับคางเขาเชยไว้ พร้อมกับโน้มใบหน้าเข้าหาเขาช้า ๆ ทำเอาแฟนธอมสะดุ้งเฮือก ก่อนจะผลักอีกฝ่ายออกไปแรง ๆ อย่างตกใจ

    “โอ๊ย! อะไรกันครับคุณแฟนธอม ผลักผมทำไมกัน!”

    เจอรัลด์ร้องโอดครวญประท้วงในสภาพที่หงายลงไปนั่งกองกับพื้น  หลังจากไม่ทันระวังตัวและไม่คิดว่าจะโดนอีกฝ่ายผลักกระเด็นเต็มแรงเช่นนี้

    “ก็ใครใช้ให้เอาหน้าเข้ามาใกล้ขนาดนั้นกันล่ะ! คิดจะทำอะไรกับฉันกันฮึ!”

    แฟนธอมตวาดเถียงกลับไปด้วยความอาย ใบหน้าแดงระเรื่อที่ได้เห็นทำให้คนที่นั่งอยู่กับพื้นชะงัก แล้วจึงยิ้มน้อย ๆ ติดเจ้าเล่ห์ตามมา

    “ก็จูบไงครับ...ก็เราใจตรงกันแล้วนี่นา”

     แฟนธอมหน้าแดงหนักยิ่งกว่าเดิม เขาเดินจ้ำพรวดมากระชากหน้ากากในมือของเจอรัลด์คืน ก่อนจะสวมปิดบังใบหน้าของตนอีกครั้ง แล้วตวาดใส่เสียงดัง

    “ไอ้ซอมบี้งี่เง่า! อย่ามามัดมือชกกันนะ! ฉันไม่ได้พูดสักคำ ว่าฉันตกลงจะคบกับนายน่ะ!”

    ตวาดจบแฟนธอมก็เดินหนีกลับสำนักงานหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ทำเอาเจอรัลด์ถึงกับหน้าซีด แล้วรีบลุกเดินตามชายหนุ่มไปทันที โดยไม่ได้สนใจรับรู้เลยว่า พวกเขากำลังตกเป็นเป้าสายตาของบรรดาชาวบ้านในซอยนั้นที่แอบดูอยู่ ซึ่งแต่ละคนพอได้เห็นฉากสารภาพรักอันร้อนแรงของทั้งคู่ ก็ต่างพากันชอบอกชอบใจกันยกใหญ่ จนถึงขั้นโทรศัพท์ไปบอกข่าวกับเพื่อนร่วมหมู่บ้านที่อยู่ซอยอื่น ให้ได้รับรู้กันถ้วนหน้าเลยทีเดียว

     

    แฟนธอมเดินเร่งฝีเท้าผ่านหน้าป้อมยาม โดยไม่สนทักทายตอบอเล็กซ์ที่ทักเขา ทว่าพอเดินพ้นผ่านป้อมไปได้ไม่กี่ก้าว เจอรัลด์ก็ตามมาทัน แล้วรวบร่างของอีกฝ่ายกอดรั้งเอาไว้เสียก่อน

    “คุณแฟนธอม! โกรธหรือครับ...ขอโทษนะครับ ผมเห็นคุณเขินแล้วน่ารักมาก ก็เลยอยากจะแกล้งแหย่ให้คุณเขินมากกว่านี้ ...อย่าโกรธผมเลยนะครับ”

    คำสารภาพตามตรงของเจอรัลด์ ทำให้แฟนธอมหน้าแดงด้วยความอายอีกครั้ง ชายหนุ่มรู้สึกโชคดีที่เขาสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าไว้แล้ว ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องอับอายหนัก หากเจอรัลด์ได้ล่วงรู้ว่าเขารู้สึกเขินกับคำพูดนั้นเพียงใด

    “รู้แล้วน่า...ไม่โกรธก็ได้...ปล่อยฉันได้แล้ว”

    แฟนธอมบอกออกไปไม่เต็มเสียงนัก เขารู้สึกทั้งอายและอบอุ่นเมื่ออยู่ภายใต้อ้อมกอดของอีกฝ่าย แต่ถึงกระนั้นเขาก็เกรงว่าจะมีใครผ่านมาเห็นเข้า เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ของที่นี่ มักจะออกมาเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ พบปะสังสรรค์กันในช่วงเวลาดึกดื่น ราว ๆ นี้เสมอ

    “เอ่อ...แล้วเรื่องคำสารภาพรักของผมล่ะครับ...คุณมีคำตอบให้ผมหรือยังครับ”

    เจอรัลด์ที่ยังไม่ยอมคลายอ้อมกอดเอ่ยถามต่อแบบไม่ค่อยเต็มเสียงนัก เพราะเกรงว่าแฟนธอมจะโมโหเขาอีกครั้ง ทว่าคำถามนั้นกลับทำให้ร่างในอ้อมกอดสะดุ้งนิด ๆ ก่อนจะขืนร่างนิ่งตามมา จนเจอรัลด์ใจหายวาบ ต้องรีบปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระทันที

    “คุณแฟนธอม...เอ่อ...ขอโทษนะครับ”

    เจอรัลด์เอ่ยขอโทษตามมาเสียงค่อย แล้วยืนก้มหน้าสลดอยู่กับที่ แต่ก็ต้องชะงักเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนที่อยู่ตรงหน้าเขา

    “ฉันไม่ได้โกรธนายหรอกนะเจอรัลด์ เอ่อ...เพียงแต่ฉันอยากจะขอเวลาอีกสักนิด ในการให้คำตอบน่ะ...นายคิดว่าจะรอได้ไหมล่ะ”

     เจอรัลด์เงยหน้าขึ้นจ้องประสานสายตากับแฟนธอมอยู่สักครู่ แล้วจึงมีรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลานั้น

    “รอได้สิครับ ...ก็รอมาตั้งนานแล้วยังรอได้เลย อีกอย่างแค่คุณให้โอกาสผมสารภาพ แล้วยังมีคำตอบที่ต้องกลั่นกรองคิดให้กับผมแบบนี้ ผมก็ต้องรอได้อยู่แล้ว...แหะ ๆ พูดตามตรงนะครับ ผมนึกว่าจะโดนปฏิเสธทันทีเสียอีกด้วยซ้ำ”

    แฟนธอมยิ้มน้อย ๆ กับคำตอบนั้น รอยยิ้มของชายหนุ่มทำให้เจอรัลด์ที่ได้เห็น แทบอยากจะดึงร่างตรงหน้ามากอด แล้วหอมแก้มซ้ายขวาเสียเดี๋ยวนี้ แต่หากขืนทำลงไป เขาคงได้รับคำตอบที่อีกฝ่ายว่าจะขอเวลาคิดในทันทีตอนนั้น แถมมันยังอาจจะเป็นคำตอบที่เขาไม่อยากฟังเป็นแน่เลยทีเดียว

    “นายมันพิลึกจริง ๆ เลยนะเจอรัลด์...แถมยังรสนิยมแย่อีกด้วย”

    แฟนธอมเปรยขึ้นค่อย ๆ ทว่าคำพูดในครั้งนี้กลับไม่ใช่คำพูดดูถูกตัวเองเหมือนก่อนหน้านั้น หากแต่เป็นคำพูดที่เปี่ยมสุข เช่นเดียวกับใบหน้าที่ระบายด้วยรอยยิ้มชวนมองนั่น

    “ฉันกลับไปนอนพักดีกว่า...”

    แฟนธอมรีบเปลี่ยนเรื่องพูด เพราะรู้สึกเขินเมื่อเห็นสายตาเปี่ยมรักที่อีกฝ่ายมีต่อเขา แต่พอเดินไปได้สองสามก้าว เจ้าตัวก็หยุดฝีเท้า แล้วหันมามองคนที่ยังคงยืนตกตะลึงอยู่แถวนั้น

    “แล้วตกลง นายจะตามไปส่งฉันที่ห้องด้วยไหมน่ะ”

    คำถามนั้น ทำให้คนที่ยืนอึ้งได้สติ แล้วรีบพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะเดินไปประกบเคียงข้าง แถมยังส่งมือให้ชายหนุ่มสวมหน้ากากจับอีกด้วย แฟนธอมมองมือนั้นอย่างลังเลชั่วครู่ แต่สุดท้ายก็ยอมจับมืออีกฝ่ายเดินไปด้วยกันในที่สุด



    “อืม...มาสเตอร์สารภาพรักกับคุณแฟนธอมอย่างนั้นหรือ …แต่ทั้งคู่เป็นเพศเดียวกันนี่นะ ...สงสัยเราคงต้องศึกษาเพิ่มเติมให้มากกว่านี้เสียแล้ว เผื่อมีใครมาปรึกษาเรื่องความรักระหว่างเพศเดียวกัน  เราจะได้ให้คำแนะนำที่ถูกต้องกับเขาได้”

    เสียงพึมพำดังขึ้นจากป้อมยาม หลังจากที่ลับร่างของเจอรัลด์กับแฟนธอมไปได้สักพัก  จากนั้น AI อัจฉริยะประจำป้อม ก็เริ่มลงมือค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องรักร่วมเพศอย่างจริงจัง

    “หือ...สาววาย? Yaoi? มันคืออะไรกันน่ะ น่าสนใจแฮะ”

    อเล็กซ์ที่กำลังค้นหาเรื่องเกี่ยวกับความรักร่วมเพศ โดยเฉพาะเพศชายเหมือนกัน สะดุดกับคำศัพท์แปลก ๆ เหล่านั้น และจึงเริ่มเข้าไปค้นคว้าศึกษาหาข้อมูลตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง  ส่วนเรื่องเฝ้ายามเจ้าตัวก็ได้จัดการเปิดระบบรักษาความปลอดภัยสำรองไว้ทำงานแทน 

     AI ประจำป้อมง่วนอยู่กับการคัดกรองเก็บข้อมูลเรื่องนี้ตลอดทั้งคืน จนกระทั่งยามเช้าของวันใหม่มาถึง เจ้าตัวก็ได้ข้อมูลประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว มาเก็บไว้ในฐานข้อมูลระบบของเขาจำนวนหนึ่ง

     “เพิ่งจะเก็บได้แค่ราว ๆ 10 TB เท่านั้นเองแฮะ... เรื่องรักร่วมเพศเดียวกันนี่ช่างลึกซึ้งนัก ดูท่าทางเราจะต้องศึกษาจากข้อมูลจริง ๆ ประกอบด้วยเสียแล้ว  เอ...คุณแฟนธอมจะยอมช่วยตอบแบบสอบถาม ที่เตรียมไว้ให้หรือเปล่ากันนะ หรือว่าจะลองปรึกษากับคุณกีรติแทนดี...อืม”

    AI ประจำป้อมบ่นพึมพำกับตนเองอย่างครุ่นคิด  ถึงแฟนธอมจะไม่ยอมตอบคำถามเขาก็ตาม แต่ยังไงเขาก็ยังมีกีรติคอยให้คำปรึกษาอยู่อีกคน หรือถ้าหากกีรติไม่เคยทราบข้อมูลประเภทนี้มาก่อน บางทีเขาอาจจะลองให้ชายหนุ่มทดสอบจากประสบการณ์ตรง กับใครสักคนในหมู่บ้านแห่งนี้ดูก็ได้  เพราะหากถามเรื่องส่วนตัวจากกีรติ ก็คงจะได้รับความร่วมมือมากกว่าถามเอาจากแฟนธอมล่ะนะ!



... TBC ...


ไปกันด้วยดีแล้ว 1 คู่  แต่ยังเหลือคู่อื่นให้ลุ้น ๆ กันอยู่นะคะ ^^ ส่วนคู่หลัก ก็ค่อย ๆ สานสัมพันธ์กันไปเรื่อย ๆ นั่นล่ะค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
โอ๊ยเขิล คุณแฟนทอมเคะกระจาย
น่ารักมาก อ่านไปยิ้มไป
ถ้าเรื่องนี้ไม่มีอเล็กนี่แย่เลยนะเนี่ย 5555

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
อัยยะ.  o22. ผิดคาด. แต่ก็ชอบนะ. กับบรรยากาศสารภาพรัก
ของคนที่แอบรักมานาน

ส่วนกีน่าจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่านี้. และน่าจะคู่กับริวด้วย(มั้ง)

รอเฉลยดีกว่า  :laugh:

บวกเป็ด

ออฟไลน์ toye

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
อ่อยยยยย พออ่านตอนนี้แล้วรุ้เลยว่าคุณแฟนธอมท่านเคะกระจาย :hao5: :hao6:
หนูกีก็คู่กะคุณริวไปก้แล้วกานเนอะ  :mew1:

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
โอ๊ยเข้าสารภาพรักกันแล้ว

ว่าแต่อเล็กซ์จะเป็นสาววายหรอ

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
เง้อ ตอนแรก แฟนธอมเข้มเชียว

ตอนนี้ ซึนเดเระซะง้านนน  :ling3:

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
แล้วอเล็กซ์จะเป็นอะไรเคะหรือเมะ :katai5:
แต่คุณแฟนท่อมเขินโหดอ้ะ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
10TB!!! Alex ตาแฉะแน่

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
โอ๊ยยยย คุณแฟนธ่อมทำไมเคะแตกขนาดนี้เนี่ยยยย ฮ่าาาาา
คุณแฟนธ่อมน่ารักอ่ะ

อเล็กซ์รอถามประสบการณ์ตรงกับกีล่ะกันเนอะ อิอิ

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
หลายคนอาจจะช็อกที่แฟนธอม กลายเป็นเคะ แถมออกอาการสาวแตกเล็กน้อย(เร้อ!) ขนาดนั้น

แต่ก็มีนักอ่านบางคนเห็นแววเคะของพี่แกมาแต่แรกแล้วล่ะนะคะ  .... จริง ๆ ส่วนตัวแล้ว ปัดเขียนผู้ชายแมน ๆ ไม่ค่อยเก่งน่ะค่ะ จะเขียนได้ก็จริง แต่ความแมนนั้นต้องมีสกิลหื่น พ่วงด้วยเสมอ --" เวลาเขียนหนุ่ม ๆ หุ่นดี ๆ ที่ไม่หื่น.......ส่วนใหญ่ปัดจับทำเคะหมด เพราะความชอบเฉพาะตัว ฮ่า ๆ

 ว่าแต่หลัง ๆ นี่ชักนึกอยากเขียนแนวเคะกล้ามล่ำ แถมติดสกิลสาวแตกเล็กน้อย กับเมะรูปร่างบอบบางกว่าหลายเท่า ....ซึ่งคาดว่าถ้าเขียนออกมาจริง คงจะเหลือผู้ติดตามไม่กี่คนแน่ หุๆ 

...เวิ่นเว้อเกิน  มาตามอ่านตอนที่  11 - 12 กันต่อดีกว่าค่ะ สำหรับตอน 11 ก็จะคาบเกี่ยวกับคู่ก่อนหน้านั้นนิดหน่อย ส่วนตอน 12 จะเริ่มของอีกคู่ค่ะ ^^




ตอนที่ 11
หึงหวง



กีรติตื่นขึ้นแต่เช้าตามปกติ เขาเหลือบมองดูที่ห้องของแฟนธอมอย่างเป็นกังวล เพราะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะกลับมานอนพักที่ห้อง หรือยังคงอยู่ฝืนเฝ้ายามต่อกันแน่

“คุณแฟนธอมครับ...”

กีรติลองเคาะประตูห้องเบา ๆ เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบอะไร เขาจึงเข้าใจว่าแฟนธอมน่าจะอยู่ที่ป้อม  ในขณะที่กีรติกำลังตัดสินใจเข้าเวรเช้าให้ไวกว่าเดิม เขาก็ได้ยินเสียงกุกกักดังขึ้น จากนั้นประตูห้องจึงถูกเปิดออก พร้อมกับชายสวมหน้ากากที่เดินออกมามองอย่างแปลกใจ

“มีอะไรหรือกีรติ”

กีรติมองอีกฝ่ายอย่างตกใจ เพราะนึกว่าไม่มีใครอยู่ในห้องเสียอีก     

“คุณแฟนธอม...แสดงว่าเมื่อคืนกลับมานอนพักสินะครับ”

แฟนธอมชะงัก แล้วเบือนหน้ามองไปอีกทาง ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบค่อย ๆ อย่างรู้สึกผิด

“พอดีฉันไข้ขึ้น เลยไปหาหมอ แล้วก็ถูกสั่งให้มาพักน่ะ ...ขอโทษทีแล้วกันที่โดดเวร ไว้วันนี้ฉันจะเปลี่ยนกะให้ไวกว่าเดิมชดเชยแล้วกันนะ”

กีรติสะดุ้งโหยง แล้วจึงรีบตอบอีกฝ่ายโดยไว เพราะกลัวว่าแฟนธอมจะเข้าใจเขาผิด

“ไม่ใช่นะครับ! ที่ผมถามเพราะเป็นห่วงคุณต่างหาก  นี่ผมก็มาเคาะประตูเผื่อเอาไว้ เพราะไม่แน่ใจว่าคุณจะยอมกลับมานอนพักหรือเปล่า กะว่าถ้าคุณไม่อยู่ที่ห้อง ผมก็จะรีบออกไปเปลี่ยนเวรให้คุณกลับมาพักไวกว่าเดิมน่ะครับ!”

แฟนธอมชะงักเล็กน้อย พอเห็นสีหน้าและแววตาห่วงใยจริงจังของกีรติ ก็ทำให้เขาถอนหายใจเบา ๆ แล้วยิ้มให้

“ขอบคุณนะที่เป็นห่วง...เอ่อ แล้วก็ขอโทษ ที่เข้าใจนายผิด”

กีรติถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วจึงตอบออกไปพร้อมรอยยิ้มกว้าง

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจคุณดี คุณอเล็กซ์เล่าให้ผมฟังว่าคุณแฟนธอมเป็นคนรับผิดชอบต่อหน้าที่มาก สำหรับเมื่อวานนี้ผมเห็นด้วยเลยล่ะครับ ที่คุณกลับมาพัก ...แต่จริง ๆ แล้วควรมาพักตั้งแต่ก่อนที่ไข้จะขึ้นนะครับ”

ท้ายประโยคกีรติติงด้วยสีหน้าเกรงใจนิด ๆ เพราะยังไงอีกฝ่ายก็อายุมากกว่าเขาหลายเท่านัก

“อืม...ไว้คราวหน้าถ้าฉันอาการไม่ดีอีก จะกลับมาพักไม่ฝืนทำงานแล้วกัน ... แต่นั่นก็หมายถึงนายด้วยนะกีรติ คราวก่อนก็ฝืนทำงานเหมือนกันไม่ใช่หรือ”

กีรติสะดุ้งโหยง แล้วหัวเราะแห้ง ๆ ทำให้คนมองนึกขำขึ้นมานิด ๆ

“สงสัยพวกเราจะบ่นกันเองเรื่องนี้ลำบากแล้วล่ะ... ถ้าจะยกหน้าที่ให้ใครเป็นคนบ่น ก็คงหนีไม่พ้นเจ้า AI ขี้บ่นนั่นล่ะนะ”

คำพูดของแฟนธอม ทำให้กีรติยิ้มเจื่อน ๆ ตอบ พลางคิดว่าหากอเล็กซ์ได้ยินเข้า คงจะไม่ชอบใจที่ถูกเรียกเช่นนี้สักเท่าใดนัก

“ถ้าอย่างนั้นผมไปเตรียมตัวเข้าเวรก่อนนะครับ คุณแฟนธอมก็ไปพักต่อเถอะครับ ขอโทษที่รบกวนจนต้องตื่นขึ้นมานะครับ”

แฟนธอมแย้มยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะตอบกลับไป

“ไม่ต้องขอโทษหรอก ฉันนอนเต็มอิ่มเสียจนนอนหลับไม่ลงแล้วล่ะ  หึ...ไม่ต้องมองแบบนั้นหรอกน่า ถึงหลับไม่ลงยังไง แต่ก็จะยอมฝืนเอนหลังพักผ่อนให้เต็มที่นั่นล่ะ”

แฟนธอมเอ่ยดักคออีกฝ่าย เพราะเห็นสายตาของกีรติก็รู้แล้วว่า ชายหนุ่มเป็นห่วงว่าเขาจะเผลอฝืนเกินตัวจนไข้กลับอีกรอบนั่นเอง

“เอ่อ...ครับ  ถ้ายังไงกลางวันนี้ ผมจะแวะมาทำอาหารกลางวันเผื่อนะครับ”

กีรติบอกออกไปแล้วก็ลุ้นว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธไหม แต่พอเห็นแฟนธอมพยักหน้าตอบรับเขา ชายหนุ่มก็มีรอยยิ้มกว้างแล้วจึงรีบขอตัวออกไปซื้อกับข้าวเพื่อมาเตรียมมื้อกลางวันทันที

“เป็นเด็กที่ประหลาดจริง ๆ เลยนะ”   

    แฟนธอมพึมพำไล่หลัง แล้วแอบอมยิ้มน้อย ๆ เพราะตั้งแต่ที่กีรติมาทำงานที่นี่ ความสดใส ร่าเริง และมองโลกในแง่ดีของชายหนุ่ม ก็ทำให้คนที่อยู่ร่วมกันรู้สึกสบายใจไปด้วย

“...ช่วยไม่ได้ ไปพักต่ออีกหน่อยแล้วกัน”

ชายสวมหน้ากากเปรยกับตัวเองเบา ๆ เพราะไม่อยากให้กีรติต้องเป็นห่วง และไม่ต้องการหยุดงานต่ออีกวัน แถมถ้าเขาไม่หายดี ก็จะมีใครบางคนมาป้วนเปี้ยนคอยเป็นห่วงเขาเสียจนน่าหมั่นไส้อีกด้วย

แฟนธอมยิ้มน้อย ๆ กับตัวเองเมื่อหวนคิดถึงคนที่มาส่งเขาถึงห้องเมื่อคืนวาน ก่อนจะสะดุ้งแล้วหน้าแดงนิด ๆ พลางมองซ้ายขวาแถวนั้น พอไม่เห็นว่ามีใครอยู่เจ้าตัวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก และพยายามบอกตัวเองว่าไม่ให้เผลอลืมตัวเช่นนี้อีก โดยเฉพาะกับคนที่เขากำลังคิดถึง ขืนเขาเผลอหลุดอาการอย่างที่เป็นอยู่ให้เห็น รับรองว่าเขาคงจะเลี่ยงยืดคำตอบที่อีกฝ่ายรอคอยอยู่ ให้นานออกไปกว่านี้ไม่ได้แน่

‘ก็ไม่ได้อยากจะเล่นตัวอะไรนักหรอกนะ…แต่จะให้คบกันแบบจริงจัง มันก็รู้สึกแปลก ๆ ยังไงไม่รู้... ขอโทษนะเจอรัลด์ ขอเวลาฉันเตรียมตัวเตรียมใจอีกสักพักแล้วกัน’

แฟนธอมนิ่งคิดก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วกลับเข้าไปในห้องนอนของเขา เพื่อที่จะพักผ่อนต่อให้หายสนิท แม้จะทำได้ค่อนข้างยาก เพราะเขาไม่รู้สึกถึงความง่วงในตอนนี้เลยสักนิดเดียว



กีรติรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย เมื่อสมาชิกหมู่บ้านที่มาซื้อกับข้าวของไกรสร ต่างเล่าเรื่องการสารภาพรักระหว่างเจอรัลด์กับแฟนธอมเมื่อคืนที่ผ่านมาให้เขาฟัง ส่วนปัณณ์ที่เพิ่งรู้เรื่องนี้ถึงกับโวยวายต่อว่ายกใหญ่ ที่ไม่มีใครโทรมาเล่าให้เขาฟังเมื่อคืนสักคน

“ฉันโทรไปแล้วนา แต่นายดันปิดเครื่องเองนี่”

หนึ่งในคนที่ยืนอยู่แถวนั้นรีบบอก ทำให้ปัณณ์ชะงักแล้วนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนตนใช้สมาธิเขียนนิยาย จึงตัดขาดการติดต่อสื่อสารทุกอย่างที่มีทั้งหมด

“ไม่ได้การ คนอื่นรู้เรื่องก่อน แต่ฉันรู้เรื่องทีหลังนี่นะ...แถมบางคนก็ยังได้เห็นเหตุการณ์กับตาตัวเองเสียอีก...ในฐานะผู้กระจายข่าวประจำหมู่บ้าน ฉันรู้สึกเสียหน้าไม่น้อยเลยล่ะ”

ปัณณ์เปรยบ่นกับตัวเอง ทว่าแต่ละคนที่ได้ฟังพากันกระพริบตาปริบ ๆ กับฉายาที่อีกฝ่ายพูดมา   

“เฮ้! ปัณณ์ นายคงไม่คิดจะไปถามพวกนั้นหรอกใช่ไหม...กับเจอรัลด์ยังพอว่า แต่อย่าไปถามแฟนธอมเชียวนา”

เพื่อนบ้านคนหนึ่งเอ่ยเตือน ทำเอาคนข้าง ๆ สะดุ้งเฮือกแล้วรีบหันไปดุอีกฝ่ายทันที

“บ้ารึ! พูดแบบนั้นมันชี้โพรงให้กระรอกชัด ๆ”

    พออีกฝ่ายพูดจบก็เหลือบไปมองปัณณ์ที่ตอนนี้มีสีหน้ายิ้มแย้มผิดจากเมื่อครู่ลิบลับ

“นั่นสิ! ฟังจากที่พวกนายเล่า แฟนธอมเขาก็ยังไม่ได้ตอบรับเป็นแฟนกับเจอรัลด์ใช่ไหมล่ะ แล้วถ้าฉันรู้คำตอบนั้นก่อน ฉันก็จะเป็นคนแรกที่จะกระจายข่าวเด็ดให้ทุกคนได้รู้ ชื่อเสียงในฐานะนักกระจายข่าวอันดับหนึ่งของหมู่บ้าน ก็จะกลับมาสู่ฉันอีกครั้ง  อ้อ! ขอบใจนายมากนะ ที่ช่วยเสนอไอเดียน่ะ!”

ปัณณ์พูดพล่ามกับตัวเอง แล้วหันไปขอบใจเพื่อนบ้านของเขา ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มเจื่อน ๆ พูดอะไรไม่ออก ส่วนปัณณ์ตอนนี้จ้ำอ้าวไปที่สำนักงานหมู่บ้าน โดยไม่คิดอยู่รอฟังเสียงทัดทานจากใครในที่นั้น

“ปลงเสียเถอะพวกนาย...แฟนธอมไม่มีทางบอกเขาแน่ และสุดท้ายเจอรัลด์ก็จะโดนลูกหลงถูกแฟนธอมโมโหใส่  ส่วนพวกนาย...  เฮ้อ! ยังไงก็อวยพรให้โชคดีแล้วกัน”

ไกรสรพ่อค้ารถกับข้าว บอกทุกคนที่ยืนคอตกหมดแรงแถวนั้น ทำเอากีรติที่ตามเรื่องราวไม่ค่อยทันหันไปถามอย่างสงสัย

“ทำไมหรือครับ ถ้าคุณแฟนธอมโกรธคุณเจอรัลด์ แล้วทุกคนจะเดือดร้อนหรือครับ”

คนอื่น ๆ ต่างหันมามองสมาชิกใหม่ร่วมหมู่บ้าน แล้วจึงถอนหายใจแทบจะพร้อมกัน

“แน่นอน...ถ้าแฟนธอมโกรธเจอรัลด์ เพราะพวกคนในหมู่บ้านเป็นต้นเหตุ เจอรัลด์ก็จะพาลใส่พวกเราทั้งหมด ด้วยการกลั่นแกล้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แสนจะน่ารำคาญนั่น เพราะเขาเป็นคนควบคุมระบบสื่อสารทุกอย่างในหมู่บ้านนี้ยังไงล่ะ”

ชายคนหนึ่งบอกอย่างอ่อนใจ ส่วนเพื่อนของเจ้าตัวที่ยืนอยู่ใกล้กันก็ช่วยเสริมตามมา

“ใช่...มันไม่ใช่การกลั่นแกล้งรุนแรงก็จริง แต่มันน่ารำคาญมาก ๆ ทีเดียว  ยกตัวอย่างเช่น หากเธออยากพักผ่อนดูรายการทีวีที่ถูกใจ แต่เปิดไปดันกลับกลายเป็นหน้าของเจอรัลด์ คอยง้อขอโทษให้แฟนธอมหายโกรธ ...ซึ่งแน่นอนว่าคนอย่างแฟนธอมเขาไม่สนใจรายการโทรทัศน์อยู่แล้วก็ย่อมไม่มีปัญหา แต่พวกฉันที่ต้องมาคอยดูหน้าหมอนั่นอ้อนขอโทษเขาในทีวีทุกช่องนี่สิ มันเดือดร้อนขนาดไหนเธอก็น่าจะเดาได้นะ”

    กีรติกลืนน้ำลายลงคอ เขาก็รู้อยู่ว่าเจอรัลด์นั้นเป็นอัจฉริยะ แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นพวกผูกใจเจ็บ แถมยังมีวิธีแกล้งคนแบบพิลึกอีกด้วย

   “...ไม่ใช่มีแค่นั้นนะ อย่างเวลาจะเล่นเน็ตเปิดเว็บไซต์ ก็ดันถูกดึงไปเข้าหน้าเว็บที่มีแต่คำว่าขอโทษแดงเถือกพิมพ์เต็มไปหมด คลิกเข้าหน้าอื่นก็ไม่ได้สักหน้า  แถมขนาดจะใช้โทรศัพท์ไม่ว่ากดรับหรือโทรออก ก็ยังได้ยินเสียงคลื่นแทรกเป็นเสียงขอโทษของหมอนั่นดังแทรกมาตลอดเวลา จนพวกฉันแทบจะบ้าไปตาม ๆ กัน  ต้องไปรวมตัวช่วยขอร้องให้แฟนธอมยกโทษให้เขา เจอรัลด์ถึงจะยอมหยุดได้นั่นล่ะ”

สมาชิกอีกคนช่วยเสริม ทำให้กีรติยิ้มเจื่อน ๆ ส่วนไกรสรถอนหายใจอย่างนึกเอือมระอาแทนคนในหมู่บ้านแห่งนี้

“ถ้าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แฟนธอมก็โมโหไม่นานหรอก...แต่เรื่องนี้ดูท่าจะเป็นเรื่องใหญ่ เห็นภายนอกเย็นชาแบบนั้น แต่เขาค่อนข้างขี้อายอยู่นะ”

ชายอีกคนกล่าวสรุป ซึ่งคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วยเสริมตามมา ทำให้กีรติที่ฟังอยู่เผลอยิ้มออกมาน้อย ๆ เพราะเขาเองก็รู้สึกอย่างทุกคนที่นี่เช่นเดียวกันว่า แฟนธอมที่ดูเหมือนเป็นคนเย็นชาคนนั้น จริง ๆ แล้วเป็นคนใจดี และอ่อนโยนมากคนหนึ่งทีเดียว

“เอาเป็นว่าถ้าคุณแฟนธอมโมโห ผมจะช่วยกล่อมให้คุณแฟนธอมใจเย็น ๆ แล้วกันนะครับ”   

กีรติรับอาสาเจรจาเพื่อให้คนอื่นคลายกังวล ซึ่งพอได้ฟังดังนั้น ทุกคนต่างก็ฝากความหวังไว้ที่ชายหนุ่มร่างเล็กกันถ้วนหน้า แล้วพากันขอร้องกึ่งกดดันให้กีรติรีบไปเตรียมห้ามทัพแฟนธอมในตอนนี้เสียเลย ส่วนพวกเขาเองก็เกาะกลุ่มตามติดไปให้กำลังใจชายหนุ่มด้วย ทำเอากีรติต้องลอบถอนหายใจ เพราะลองเป็นแบบนี้เขาก็คงต้องพยายามเต็มที่ไม่ให้ทุกคนผิดหวังเสียแล้ว



เมื่อมาถึงสำนักงานหมู่บ้าน กีรติและคนอื่น ๆ ก็ต้องสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ที่เห็นแฟนธอมจ้ำพรวด ๆ เปิดประตูสำนักงานออกมาด้วยอาการโกรธจัด เห็นดังนั้นสมาชิกร่วมหมู่บ้านแต่ละคนก็รีบบอกให้กีรติไปแก้สถานการณ์โดยด่วน เพราะแฟนธอมเตรียมจะตรงไปที่ซอยสอง ซึ่งเป็นซอยที่ตั้งของบ้านพักเจอรัลด์นั่นเอง

“คุณแฟนธอมครับ! ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ!”

กีรติรีบวิ่งตามรุ่นพี่ของเขาไปอย่างเร่งรีบ แฟนธอมชะงักแล้วหันขวับมามองคนห้ามอย่างประหลาดใจ

“มีอะไรหรือกีรติ!”

แม้น้ำเสียงจะห้วนเพราะยังคงหงุดหงิดเรื่องอื่นอยู่ แต่แฟนธอมก็ไม่ได้ระบายอารมณ์ใส่อีกฝ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องในเรื่องที่เขาโมโห ทำให้กีรติค่อนข้างใจชื้นขึ้นกว่าเดิม แล้วจึงตัดสินใจลงมือเจรจากับอีกฝ่ายทันที

“คนในหมู่บ้านให้ผมมาช่วยปรามคุณน่ะครับ บอกว่าถ้าคุณไปอาละวาดใส่คุณเจอรัลด์ เดี๋ยวคุณเจอรัลด์จะน้อยใจจน...เอ่อ พาลใส่พวกเขาน่ะครับ”

กีรติบอกอย่างไม่เต็มเสียงนัก เพราะสิ่งที่เขาพูดก็เหมือนกับต่อว่าเจอรัลด์กลาย ๆ นั่นเอง

“...นี่นายเองก็รู้เรื่องเมื่อคืนด้วยหรือ!”

แฟนธอมที่นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ถามอีกฝ่ายอย่างพยายามข่มอารมณ์โกรธเต็มที่ ทำให้กีรติต้องกลืนน้ำลายลงคอ แล้วตอบออกไปตามตรง

“คือ...จริง ๆ แล้ว ผมก็เพิ่งรู้เมื่อเช้านี่ล่ะครับ แต่คาดว่าเมื่อคืนนี้คงรู้กันไปเกือบครึ่งค่อนหมู่บ้านแล้ว...เหวอ! อย่าเพิ่งโมโหสิครับ คุณแฟนธอม!”

กีรติรีบจับมือคนตรงหน้ารั้งไว้ เมื่อเห็นว่าแฟนธอมเม้มปากแน่น แล้วเตรียมจะพุ่งตรงไปหาเป้าหมายเดิมก่อนหน้านั้น

“เดี๋ยวสิครับคุณแฟนธอม! เรื่องนี้ผมว่าไม่ใช่ความผิดของคุณเจอรัลด์เลยสักนิดนะครับ!”

แฟนธอมชะงัก เขาพยามระงับโทสะของตนอย่างเต็มที่ ส่วนกีรติก็ยังไม่กล้าปล่อยมืออีกฝ่าย เพราะเกรงว่ารุ่นพี่ของเขาจะตรงไปเล่นงานเจอรัลด์เข้าให้อีก

“ฉันเข้าใจอยู่หรอกว่าหมอนั่นไม่ผิด...แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังอดหงุดหงิดไม่ได้อยู่ดี นายลองคิดดูแล้วกันนะ ถ้าจู่ ๆ มีคนมาถามนายว่า หลังจากคบกันแล้ว นายคิดจะอยู่บนหรือล่าง นายจะยังยิ้มรับฟังโดยไม่โมโหได้ไหมล่ะ!”

กีรติสะดุ้งโหยงที่แฟนธอมหลุดโพล่งเสียงดังใส่เขาในประโยคท้าย ๆ ชายหนุ่มนิ่งคิดทบทวนถ้อยคำของอีกฝ่ายอยู่สักพัก ก่อนจะหน้าแดงวาบเมื่อนึกออกในที่สุดว่ามันหมายถึงเรื่องอะไร

“เรื่องแบบนั้นมัน เอ่อ...ถ้าถูกถามเข้าก็ไม่ค่อยพอใจนักหรอกครับ... อ๊ะ! อย่าบอกนะครับ ว่าคุณปัณณ์ถามคุณถึงขั้นนั้นเลยน่ะครับ!”

กีรตินึกขึ้นได้ตามมา แล้วโพล่งถามไปอย่างตกใจ ซึ่งแฟนธอมก็กัดฟันกรอดนิด ๆ แม้จะนึกอายที่หลุดปากบอกคนตรงหน้าไปก็ตาม ทว่าความโมโหนั้นมันมีมากกว่าหลายเท่านัก

“ผมไม่แปลกใจแล้วครับที่คุณแฟนธอมโกรธ...แต่ถึงยังไงก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับคุณเจอรัลด์อยู่ดีไม่ใช่หรือครับ”

กีรติแย้งต่อ มาถึงตอนนี้เขาคิดว่าแฟนธอมน่าจะหงุดหงิดใส่ปัณณ์มากกว่า แต่ก็คงเกรงใจปัณณ์และคิดว่าต่อให้เถียงไปหรือโมโหใส่อีกฝ่าย ก็คงไร้ประโยชน์ จึงเบนความโมโหไปหาเจอรัลด์แทน  เพราะเท่าที่เขาได้รับรู้มาจากอเล็กซ์  ปัณณ์นั้นมีอายุยืนยาวมานานหลายร้อยปี ซ้ำชายหนุ่มยังมีตรรกะความคิดและการแสดงออกค่อนข้างแตกต่างจากคนธรรมดาสามัญทั่วไป แถมยังมีเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ มารองรับมากมาย เสียจนคนโต้เถียงด้วยอ่อนใจไปตาม ๆ กัน

“มันก็ใช่...แต่ถ้าหมอนั่นไม่สารภาพรักกลางแจ้งแบบนั้น...ฉันก็คงไม่ต้องมาหงุดหงิดแบบนี้หรอก”

แฟนธอมบอกตามมาอย่างไม่เต็มเสียงนัก เพราะแต่แรกก็เป็นเพราะเขานี่ล่ะ ที่บังคับให้เจอรัลด์แสดงความรู้สึกแท้จริงให้เขารับรู้ ซึ่งตอนนั้นเขาก็ไม่คิดว่าจะมีคนแอบมองอยู่ด้วย ไม่เช่นนั้นเขาก็คงไม่คาดคั้นให้เจอรัลด์สารภาพออกมาแน่


..
...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2013 22:03:17 โดย Xenon »

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
..
..

ทั้งกีรติและแฟนธอมต่างยืนนิ่งเงียบด้วยความอายกันทั้งคู่ สำหรับกีรตินั้นรู้สึกเขินเรื่องที่อีกฝ่ายพูดให้ฟัง ส่วนแฟนธอมเขินเพราะดันไปคิดถึงเรื่องเมื่อคืนระหว่างเขากับเจอรัลด์เข้าให้ อาการขัดเขินของทั้งสองคน รวมไปถึงเรื่องที่กีรติยังคงจับข้อมือของแฟนธอมไม่ยอมปล่อย ทำให้คนที่รีบเดินออกมาจากบ้านหยุดชะงัก แล้วขมวดคิ้วยุ่งอย่างไม่สบอารมณ์แทน

“ว่าแล้วเชียว คุณกีรติต้องสนใจคุณแฟนธอมเหมือนกัน...คุณริวนะคุณริว แทนที่จะจัดการรวบหัวรวบหางให้เรียบร้อย ก็ดันทำไม่ได้ มัวแต่เก๊กเล่นตัวอยู่นั่นล่ะ!”

เจอรัลด์บ่นกับตัวเองอย่างหงุดหงิด เพราะอเล็กซ์แจ้งเขามาว่าเห็นกีรติไล่กวดแฟนธอมผ่านป้อมยาม เขาจึงรีบออกมาดูเพราะเกรงว่าจะเกิดเรื่องอันตรายขึ้น เลยได้ทันเห็นภาพบาดตาบาดใจเข้าพอดี  ทว่าคำพูดของเจอรัลด์นั้น ทำให้คนบ้านใกล้เรือนเคียง ซึ่งเตรียมจะออกมาซื้อกับข้าวที่หน้าหมู่บ้านและทันได้ยินคำบ่นนั่น ถึงกับขมวดคิ้วยุ่ง ก่อนจะเปรยขึ้นดัง ๆ ด้วยความไม่สบอารมณ์พอกัน

“นี่เจอรัลด์...คุณจะหึงหวงคุณแฟนธอมยังไงก็ตามใจคุณ แต่ขอร้องล่ะ อย่าลากชาวบ้านเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยจะได้ไหม เดี๋ยวใครได้ยินเข้า ผมกับคุณกีรติก็เสียหายกันพอดี”

เจอรัลด์สะดุ้งโหยง แล้วเหลือบไปมองหนุ่มญี่ปุ่นที่มีใบหน้าบึ้งตึงใส่เขา ผีดิบหนุ่มยิ้มเจื่อน ๆ เพราะเขาเผลอพาลลากอีกฝ่ายเข้ามามีเอี่ยวในเรื่องส่วนตัวของเขาอย่างที่ริวพูดจริง ๆ

“แหะ ๆ ขอโทษครับคุณริว... แต่คุณดูสิ มันน่าโมโหไหมล่ะครับ! ยืนจับมือถือแขน ทำหน้าตาเอียงอายกันแบบนั้นได้สักพักแล้วนะครับนั่น!”

เจอรัลด์รีบบอกตามมาเพื่อให้ริวเห็นด้วยกับเขา  ริวจึงเดินออกมานอกรั้วบ้านแล้วมองไปตามที่ชายหนุ่มบอก ก่อนจะขมวดคิ้วนิด ๆ เมื่อเห็นกีรติจับข้อมือของแฟนธอมแถมยังยืนนิ่งเงียบกันอยู่ที่หน้าปากซอย  เขาสายตาไม่ดีเท่าเจอรัลด์ จึงมองไม่ถนัดว่าสองคนนั้นมีอาการเขินอายอย่างที่ผีดิบหนุ่มบอกหรือไม่  แต่เท่าที่ได้เห็นตอนนี้ ก็ทำให้เขาชักเริ่มรู้สึกขัดใจขึ้นมาบ้างอยู่เหมือนกัน

ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น หลังจากที่แฟนธอมพยายามระงับความอายของตนได้แล้ว เขาก็เบือนหน้าหันไปทางด้านในซอยแทน และก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเห็นเจอรัลด์จ้องมาทางนี้เขม็ง ทางด้านกีรติเห็นอาการของรุ่นพี่ร่วมงานก็นึกแปลกใจและหันมองตามบ้าง ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าทำไมเจอรัลด์ถึงจ้องพวกเขานิ่งแบบนั้น แถมริวที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ยังจ้องพวกเขานิ่งไม่แพ้กัน  กีรติคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วจึงสะดุ้งโหยงขึ้นบ้าง ก่อนจะรีบปล่อยมือของแฟนธอมทันที

“อ๊ะ! ขอโทษครับ ...ตายล่ะ ผมจะโดนคุณเจอรัลด์เข้าใจผิดไหมครับคุณแฟนธอม”

กีรติถามอีกฝ่ายอย่างกังวล ทำให้แฟนธอมทั้งฉุนทั้งเขิน เพราะเท่าที่เห็นอาการจ้องไม่วางตาของเจอรัลด์ ก็ทำให้เขาเข้าใจไม่แตกต่างจากกีรตินักว่า เจอรัลด์นั้นคงกำลังหึงหวงเขาอยู่เป็นแน่   

“อยากเข้าใจผิดก็ช่างเขาสิ! อีกอย่างฉันยังไม่ได้ตอบรับเป็นแฟนหมอนั่นสักหน่อย!”

แฟนธอมทำเป็นโพล่งใส่แก้เขิน มาถึงตอนนี้ชายหนุ่มชักไม่อยากไปอาละวาดใส่เจอรัลด์อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรกเสียแล้ว เขามองอย่างลังเลก่อนจะหันไปทางกีรติ พลางเอ่ยปากอ้อมแอ้มชวนอีกฝ่าย

“ฉันว่าพวกเรากลับดีกว่า...ขืนไปหาหมอนั่นตอนนี้ เดี๋ยวได้ถูกลือแปลก ๆ เข้าให้พอดี”

กีรติมีสีหน้างุนงงเล็กน้อย ทว่าเขาก็ยังคงพยักหน้าตอบรับคำชวนนั้น เพราะแต่แรกที่เขาตามมา ก็เพื่อจะห้ามไม่ให้แฟนธอมไปหาเรื่องกับเจอรัลด์อยู่แล้ว

“เอ้า! กลับกันได้แล้วกีรติ!”

แฟนธอมเป็นฝ่ายจูงมือรุ่นน้องกลับสำนักงาน เมื่อเห็นเจอรัลด์เตรียมจะเดินมาหาพวกเขา และนั่นยิ่งทำให้เจอรัลด์เข้าใจผิดไปยกใหญ่ เจ้าตัวกัดฟันกรอดนิด ๆ เตรียมจะตามทั้งคู่ไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นริวเดินตามมาด้วยกัน

“คุณริวจะไปแย่งคุณกีรติ คืนมาเหมือนกันหรือครับ!”

คำถามของเจอรัลด์ ทำให้หนุ่มญี่ปุ่นนึกอยากจะกลับเข้าบ้านไปเสียเดี๋ยวนั้น แต่เขาก็เลือกที่จะทำหน้าเฉย พร้อมกับตอบไปเรียบ ๆ คล้ายไม่ใส่ใจ

“ผมจะไปซื้อกับข้าวต่างหาก”

“ฮึ...เราก็นึกว่าจะไปช่วยแยกสองคนนั่นด้วยกันสักหน่อย ไม่ช่วยเหลือกันบ้างเลย เพื่อนบ้านกันแท้ ๆ”

เจอรัลด์บ่นเบา ๆ กับตัวเอง แต่ริวก็ยังได้ยินอยู่ดี ทว่าเขากลับเลือกทำเป็นเฉยเมย แม้ในใจจะรู้สึกไม่สบอารมณ์ เมื่อคิดว่ากีรติอาจจะชอบแฟนธอมในแบบลึกซึ้งจริง ๆ ขึ้นมาก็ได้




อีกด้านหนึ่งพวกขามุงที่ลุ้นเอาใจช่วยกีรติ เกลี้ยกล่อมแฟนธอมให้หายโมโห ต่างพากันโล่งอกเมื่อเห็นแฟนธอมเดินกลับมาพร้อมกับกีรติด้วย แม้จะแปลกใจอยู่มากก็ตามที่เห็นอีกฝ่ายจูงมือคนที่ตามไปห้ามกลับมาแทน

“แล้วไหงถึงสลับตัวกันแบบนั้นล่ะ จริง ๆ กีรติเขาน่าจะเป็นคนดึงแฟนธอมกลับมามากกว่าไม่ใช่หรือ”

ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย ซึ่งคนอื่น ๆ ก็คิดเหมือนกัน และมีบางคนนึกโล่งอกที่ช่วยกันเกลี้ยกล่อมให้ปัณณ์กลับไปก่อน  ไม่อย่างนั้นขืนปัณณ์อยู่คงเผลอหลุดถามบางอย่าง ที่ทำให้แฟนธอมอารมณ์เสียขึ้นมาอีกรอบก็เป็นได้

“กลับมาสักที พวกเราขอโทษแทนปัณณ์ด้วยนะแฟนธอม เขาคงไม่ได้คิดอะไรไม่ดีกับนายหรอก แต่ถามโน่นนี่มากไปเพราะสนใจในแบบของเขาก็เท่านั้น”

ขามุงคนหนึ่งบอกกับแฟนธอมทันทีที่เจ้าตัวมาถึง ซึ่งแฟนธอมก็เม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วพยักหน้ารับรู้ตามมา

“ผมเข้าใจธรรมชาติของคุณปัณณ์เขาดีอยู่หรอก.. .แต่บางครั้งมันก็เหลืออดจริง ๆ ...แน่นอนว่าผมไม่ได้โกรธเขา แต่มันพาลจะโกรธถึงตัวต้นเหตุแทนเสียได้  ทำไมถึงเป็นแบบนี้เสมอก็ไม่รู้!”

    แฟนธอมบ่นอุบตามมา ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นสายตาของบางรายจ้องมองมือของเขาที่จับมือของกีรติอยู่

“...คงไม่ได้คิดอะไรแปลก ๆ กันหรอกนะครับ”

แฟนธอมถามด้วยน้ำเสียงกึ่งเย็นชากึ่งหงุดหงิด เพราะแต่ละคนในที่นี้ก็เป็นตัวปล่อยข่าวเรื่องเมื่อคืนด้วยกันทั้งนั้น

“แหม! ใครจะกล้าคิดอะไรแปลก ๆ กันเล่า”

คนถูกจ้องใส่รีบแก้ตัว ทำให้แฟนธอมต้องทำเสียงในลำคออย่างหมั่นไส้เมื่อได้ยินคำตอบ เขาปล่อยมือจากกีรติ และก็ต้องขมวดคิ้วยุ่ง เมื่อเห็นคนที่คุยด้วยมองไปอีกทางด้านหลังเขา แฟนธอมจึงหันกลับไปมองตาม ทำให้เขาได้เห็นริวกับเจอรัลด์กำลังเดินตรงมายังที่พวกเขายืนอยู่ โดยที่สีหน้าของเจอรัลด์นั้นดูไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัดทีเดียว

“มาทำไมกันน่ะเจอรัลด์! แฟนธอมอุตสาห์หายโกรธแล้วเชียวนะ!”

ยังไม่ทันที่แฟนธอมหรือเจอรัลด์จะพูดอะไร หนึ่งในขามุงก็โอดครวญโวยวายขึ้นมาเสียก่อน ทำเอาคนที่กำลังหึงหวงหยุดชะงัก ส่วนแฟนธอมถอนหายใจเบา ๆ อย่างเอือมระอา เพราะพอจะเข้าใจสถานการณ์ดีว่าเจอรัลด์กำลังเข้าใจเขาผิดอยู่นั่นเอง ส่วนกีรติก็แอบแปลกใจว่าทำไมริวถึงมาพร้อมกันกับเจอรัลด์ด้วย

“เอ๋...โกรธ... นี่คุณแฟนธอมโกรธผมอยู่หรือครับ”

เจอรัลด์หันไปถามแฟนธอมอย่างงุนงง ซึ่งแฟนธอมก็เหลือบมองขามุงที่ทำเป็นสนอกสนใจออกนอกหน้าว่าเขาจะตอบอย่างไร ชายหนุ่มสวมหน้ากากเม้มปากนิด ๆ แล้วจึงจับมือเจอรัลด์พร้อมกับใช้สายตาบังคับให้เจ้าตัวหยุดถาม แถมยังเผื่อแผ่สายตาเย็นชานั้นให้คนอื่น ๆ จนบรรดาคนที่อยากรู้อยากเห็น ต้องยิ้มเจื่อน ๆ แล้วสลายตัวกันไปอย่างรวดเร็ว ส่วนแฟนธอมก็ดึงเจอรัลด์ให้ไปคุยกันในสำนักงาน เหลือแต่เพียงกีรติที่ยืนงุนงงอยู่สักครู่ ก่อนจะสะดุ้งนิด ๆ เมื่อหันกลับมาเห็นริวที่ยังคงยืนอยู่แถวนั้น

“ง่า...คุณริว มีธุระกับคุณแฟนธอมด้วยหรือครับ”

กีรติตัดสินใจถามออกไป ทำให้หนุ่มญี่ปุ่นชะงักเล็กน้อย แล้วจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เปล่า...ผมแค่ออกมาซื้อกับข้าวตามปกติ”

“อ้อ...อย่างนั้นหรือครับ”

กีรติพูดได้แค่นั้นแล้วก็ต้องเงียบต่อ เพราะบรรยากาศยามนี้ช่างแสนจะอึมครึม เนื่องจากริวนั้นดูขรึมผิดจากเช้าเมื่อวานเป็นคนละคน ทีแรกกีรติก็เผลอคิดว่าหนุ่มญี่ปุ่นจะทิ้งระยะห่างกับเขาอีกครั้ง แต่เท่าที่สังเกตเหมือนกับริวจะโมโหอะไรบางอย่างอยู่เสียมากกว่า

“แล้วเมื่อครู่นี้ มีอะไรหรือเปล่า...ผมเห็นคุณตามคุณแฟนธอมไปที่ซอยสองด้วยน่ะ...”

ริวคิดจะถามเรื่องที่กีรติจับมือของแฟนธอมอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่กล้าถามออกไป ส่วนทางด้านกีรติพอได้ยินคำถามนั้น เขาจึงตอบไปตามตรง อย่างไม่ได้นึกสงสัยว่าอีกฝ่ายถามเขาทำไม

“คือตอนนั้นผมไปตามคุณแฟนธอมน่ะครับ คนอื่น ๆ เขาขอร้องมา เพราะคุณแฟนธอมโมโหที่ถูกแซว...เอ่อ ถูกแซวเรื่องที่คุณเจอรัลด์สารภาพรักกับเขาเมื่อคืนนี้... คนอื่น ๆ เขากลัวคุณเจอรัลด์จะน้อยใจแล้วพาลหาเรื่องทุกคนในหมู่บ้าน หากเขาถูกคุณแฟนธอมโมโหใส่น่ะครับ”

พอได้ฟังที่กีรติบอก ริวก็เงียบไปชั่วครู่ พอเขาลองปะติดปะต่อเรื่องดูก็เห็นได้ว่า มันไม่น่าใช่เรื่องรักใคร่อย่างที่เจอรัลด์พูดกรอกหูเขาสักนิด หนุ่มญี่ปุ่นเบือนหน้าไปมองอีกทางอย่างนึกอายเล็กน้อย เพราะที่เขาแสดงออกถึงความไม่พอใจอยู่ตอนนี้ มันก็เหมือนกับว่าเขากำลังนึกหึงกีรติอยู่นั่นเอง

“คุณริว...เป็นอะไรหรือครับ”

กีรติถามอีกฝ่าย เพราะแปลกใจที่เห็นริวเงียบไป แถมเหมือนจะหลบหน้าเขาอีก

“หือ...เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก  ผมก็แค่กำลังคิดว่าจะซื้อกับข้าวอะไรดี...ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

ริวบอกแล้วก็เดินจากไป กีรติมองตามอีกฝ่ายอย่างยังคงนึกแปลกใจไม่หาย แต่แล้วเขาก็นึกได้ว่า เมื่อครู่นี้เขายังไม่ได้ซื้อกับข้าวกลับมาเลยสักอย่าง

“คุณริวครับ! รอด้วยครับ ผมไปด้วยคน ผมก็ยังไม่ได้ซื้อกับข้าวเลย เมื่อครู่มัวแต่ยุ่ง ๆ เรื่องมาห้ามคุณแฟนธอมน่ะครับ”

กีรติตะโกนบอกพร้อมกับเร่งฝีเท้าเดินตาม ทางด้านริวพอได้ยินจึงชะลอฝีเท้าเพื่อรออีกฝ่าย กีรติเห็นดังนั้นจึงยิ้มหวานให้กับหนุ่มญี่ปุ่นในตอนที่เขาเดินมาทัน

“ไม่ค่อยได้ออกมาซื้อกับข้าวพร้อมคุณริวเลย ปกติคุณออกมาเวลานี้ประจำหรือครับ”

ริวลังเลที่จะตอบชั่วครู่ แต่พอเห็นสายตาใสซื่อบริสุทธ์ของอีกฝ่ายเขาก็ลอบถอนหายใจ แล้วจึงยิ้มน้อย ๆ พร้อมกับพยักหน้าตอบรับ

“ใช่ครับ ผมจะออกมาช่วงนี้ประจำ”

“หรือครับ มิน่าล่ะถึงไม่ค่อยเจอคุณริว เพราะส่วนใหญ่ผมจะออกมาก่อนหน้านั้นน่ะครับ  อืม...ไว้คราวหน้าผมออกสายสักหน่อยดีกว่า จะได้เจอคุณริวด้วย”

กีรติบอกแล้วก็ยิ้มแย้มไร้เดียงสาอย่างไม่คิดอะไรมาก ทว่าคนฟังนั้นชะงักเล็กน้อย แต่พอเห็นอีกฝ่ายเริ่มมีสีหน้ากังวล เพราะกลัวว่าเขาจะไม่พอใจ หนุ่มญี่ปุ่นจึงยิ้มรับพร้อมกับพยักหน้า

“ดีเหมือนกันครับ ผมจะได้ปรึกษาเรื่องเมนูอาหารจากคุณบ้าง เพราะเห็นคุณไกรสรบอกว่า คุณกีรติเก่งเรื่องพวกนี้ไม่ใช่หรือครับ”

กีรติหน้าแดงนิด ๆ ด้วยความเขินที่ถูกชม แล้วจึงอุบอิบตอบกลับไป

“ก็ไม่เก่งนักหรอกครับ แค่ทำพอกินได้ อีกอย่างก็ไม่แน่ใจว่าทำแล้วจะถูกปากคนอื่นไหม เพราะผมมักจะทำเองกินเองมาคนเดียวตลอดน่ะครับ”

ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูเศร้าซึมนิด ๆ หลังพูดจบ ทำให้คนฟังอึ้งไปเล็กน้อย เพราะถึงแม้เขาจะไม่ค่อยเชื่อในเรื่องที่ปัณณ์เคยโม้ให้คนในหมู่บ้านฟังว่า พ่อแม่ของกีรติหนีหนี้พนันแล้วทิ้งอีกฝ่ายไว้ก็ตาม  แต่เท่าที่เขาทราบมาจากไกรสร เรื่องที่กีรติอยู่คนเดียวลำพังมาตั้งแต่อายุ 15 นั่น เป็นความจริงจากปากของชายหนุ่มร่างเล็กอย่างแน่นอน

 “ถ้าไม่รังเกียจ เวลาคุณพัก เรามาทานอาหารกลางวันด้วยกันไหมครับ ผมจะได้ช่วยชิมฝีมือคุณ แล้วบอกได้ว่ามันอร่อยหรือไม่ยังไงล่ะครับ”

กีรติมองหน้าอีกฝ่ายอย่างตกใจในทีแรก ก่อนจะแย้มยิ้มกว้างตามมาด้วยความยินดีอย่างเห็นได้ชัด

“ครับ! ถ้าอย่างนั้นผมจะทำอาหารเผื่อคุณริวด้วยดีไหมครับ!”

ริวมองคนตรงหน้าอย่างนึกเอ็นดู แล้วจึงตอบกลับไป

“ขอบคุณครับ แต่ผมว่าเราต่างคนต่างทำแล้วมาแลกกันชิมดีกว่าไหมครับ คุณจะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำเผื่อผมด้วย”

หนุ่มญี่ปุ่นยิ้มแย้มอ่อนโยนให้หลังพูดจบ โดยกีรติได้ฟังแล้วเขาก็พยักหน้าตอบรับอย่างเห็นดีด้วย  จากนั้นทั้งคู่จึงเดินไปคุยไปจนกระทั่งถึงรถกับข้าว โดยคนอื่น ๆ ที่มาซื้อกับข้าวในเวลานั้น ต่างก็ลอบมองริวอย่างนึกแปลกใจ เพราะถึงแม้ริวจะมีมนุษยสัมพันธ์ดีกับทุกคนในหมู่บ้าน แต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นริวให้ความสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ เหมือนอย่างที่อีกฝ่ายกำลังแสดงออกต่อกีรติในตอนนี้



... TBC …
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2013 22:01:05 โดย Xenon »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด