เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ. ตอนพิเศษ 2-2(ครึ่งหลัง) (24/12/56)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ. ตอนพิเศษ 2-2(ครึ่งหลัง) (24/12/56)  (อ่าน 115911 ครั้ง)

netthip

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านต่ออออออออ
มันแน่นอกกก :ling1:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
กีรติอาจจะเป็นทายาทขององค์กรณ์ใหญ่ที่ลึกลับมาก

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
อ่านๆไป  จิ้นคู่พี่น้องริวเรนได้ไงไม่รู้  555

รออ่านว่าผูู้มีอิทธิพลในญี่ปุ่นที่จะช่วยเรนริวได้

เกี่ยวข้องกับหนูกียังไง

บวกเป็ด

ออฟไลน์ ชะรอยน้อย

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 973
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-0
กีรติจะออกโรงแล้ว

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
เรื่องนี้ หนูกีจะออกโรงเองแล้วจ้าาาา

ทำไมแอบจิ้นริวเรียว แต่เค้าเป็นพี่น้องกันนะ ฮ่าาาาาาา

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
น้องกี เป็นคนสำคัญที่ต้องปกป้องใช่ไหม???

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
ใกล้แล้ว...ใกล้ทันต้นฉบับแล้ว และนั่นก็หมายถึงว่า จะโพสติด ๆ กันแบบนี้ไม่ได้แล้วนะคะ  :mew2:

ยังไงก็พยายามจะปั่นตอนปัจจุบันให้ขยับก้าวหน้าไปให้ไวที่สุด แต่ช่วงนี้เครียดโน่นนี่หลายอย่าง เลยเขียนไม่ได้ดั่งใจ เขียนไป ลบไป เป็นตอน ๆ ไม่ได้คืบหน้าสักที -- (แต่ตอนนี้เริ่มขยับก้าวหน้าไปหน่อยแล้วล่ะค่ะ)

ยังไงก็จะพยายามนะคะ เพื่อนักอ่านที่รออ่านอยู่ สู้ ๆ
:katai4:



บทที่ 17
คลี่คลาย



        เมื่อเข้ามาด้านในป้อมยาม กีรติก็ถอนหายใจอีกครั้ง เขาทรุดกายลงนั่งกับพื้นเพื่อหลบสายตาของคนด้านนอก พลางหยิบโทรศัพท์มือถือที่แทบไม่เคยได้ใช้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วเปิดเบอร์หนึ่งขึ้นมา เจ้าตัวเม้มปากน้อย ๆ ก่อนตัดสินใจติดต่อกับเบอร์นั้นในที่สุด

       “...คี! เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม! อาดีใจที่หลานโทรมานะ…คี? ทำไมเงียบไปล่ะ หลานยังฟังอยู่ใช่ไหม”

        ภาษาท้องถิ่นซึ่งแสนคุ้นเคย ทำให้กีรติที่ยังคงเงียบอยู่มีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ชั่วครู่ แล้วจึงพยายามข่มความคิดถึงที่มี ก่อนพูดคุยกับปลายสายอย่างตรงประเด็นทันที

       “ท่านอาไรอัน... ผมต้องการความช่วยเหลือจากท่านอาครับ...นอกจากท่านอาแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปพึ่งพาใครได้อีก”

        พอได้ฟังดังนั้น คนที่อยู่ปลายสายก็พลันชะงัก พลางเอ่ยตามมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างขรึมผิดจากก่อนหน้า

      “เกิดอะไรขึ้นหรือคี...หรือว่ามีคนที่นั่นรู้ตัวจริงของหลานแล้ว”

        กีรติเม้มปากน้อย ๆ แล้วจึงตอบกลับไปเสียงแผ่ว

      “ยังไม่มีหรอกครับ แต่หลังจากนี้อาจจะมีแล้วก็เป็นได้...แต่ผมไม่สนหรอกครับว่าอนาคตข้างหน้ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ ณ ปัจจุบันนี้ ผมต้องการช่วยเหลือคนสำคัญของผมครับ... ผมไม่ต้องการเห็นใบหน้าเศร้า ๆ แบบนั้นของเขาอีกแล้ว”

           ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง จนกีรติเป็นกังวล ทว่าพอจะเรียกชื่อผู้เป็นอาอีกครั้ง ทางนั้นก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน

      “เรื่องอะไรล่ะที่หลานอยากให้อาช่วย แล้วเร่งด่วนมากหรือเปล่า”

        กีรติลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วจึงเริ่มเล่าเรื่องของสองพี่น้องตระกูลยูกิมูระอย่างคร่าว ๆ ให้ปลายสายรับรู้  ส่วนอเล็กซ์ที่ฟังอยู่เงียบ ๆ นั้น ตอนนี้ก็กำลังเทียบภาษาท้องถิ่นที่กีรติใช้สนทนากับฐานข้อมูลของเขา และตรวจพบได้ว่ามันตรงกับภาษาประจำชาติที่ประเทศเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่งใช้อยู่

        “...ผมจำได้ว่าสมัยผมยังเด็ก ท่านอาเคยเชิญเพื่อนชาวญี่ปุ่นมาเที่ยวที่ประเทศของพวกเรา และบอกกับผมว่าเขามีอิทธิพลในประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ...ผมอยากทราบว่าคน ๆ นั้นในตอนนี้ จะยังสามารถช่วยเหลือพวกคุณริวได้อยู่อีกไหมน่ะครับ”

        พอฟังหลานชายพูดจบ ไรอันก็ชะงักแล้วเผลอหลุดหัวเราะเบา ๆ ออกมา พลางคิดในใจว่าหากเพื่อนสนิทของเขามาได้ยินคำถามนี้เข้า คงจะหลุดทำหน้าแปลก ๆ ให้ได้เห็นเป็นแน่

       “เขาก็ต้องช่วยได้อยู่แล้วล่ะ...รู้ไหมคีโอ ตอนที่หลานเจอเขา หมอนั่นยังไม่ได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลสืบทอดต่อจากพ่อของเขาเลยด้วยซ้ำ แต่แค่ตอนนั้นลำพังตัวเขาก็สามารถทำให้นักการเมืองบางคน หรือพวกแก๊งยากูซ่าใหญ่ ๆ บางแก๊งยอมก้มหัวให้ง่าย ๆ ได้แล้ว”

        คำยืนยันของผู้เป็นอาทำให้กีรติมีรอยยิ้มยินดีปรากฏบนสีหน้าอ่อนเยาว์นั่น ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดช้า ๆ พลางเอ่ยกลับไปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นกว่าทุกครั้ง

        “ท่านอาครับ...ผมต้องการช่วยพวกเขาสองพี่น้อง ให้เป็นอิสระจากพันธนาการของตระกูลยูกิมูระ นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปครับ!”

        ไรอันยิ้มน้อย ๆ กับตัวเองอย่างพึงพอใจ ที่หลานชายผู้อ่อนโยนและสุภาพอยู่เสมอ แสดงออกถึงความเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็ง อย่างที่น้อยครั้งจะมีให้เขาได้เห็น

       “ไม่ต้องห่วงนะคี...อาจะจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลานและคนสำคัญของหลานเตรียมรอฟังข่าวดีได้เลย”

        กีรติมีรอยยิ้มกว้างมากยิ่งขึ้น พลางเอ่ยขอบคุณปลายสายซ้ำไปมาหลายรอบ และก่อนที่เขาจะตัดการสนทนา ไรอันก็พูดอะไรบางอย่างที่ทำให้กีรติสะดุ้ง

        “อ้อ! เกือบลืมไป...ไว้หลังจากจัดการเรื่องนี้เรียบร้อย อาจะหาเวลาว่าง ๆ โทรกลับไปฟังเรื่องคนสำคัญของหลานสักหน่อย...หวังว่าหลานคงยินดีที่จะคุยกับอาด้วยนะ...คีโอ”

        พอฝากข้อความที่ต้องการจบแล้ว ไรอันก็เป็นฝ่ายตัดสายไปก่อน ส่วนกีรตินั้นจ้องมองหน้าจอมือถือด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ เมื่อหวนนึกถึงถ้อยคำที่เขาใช้เรียกริวก่อนหน้านั้น   

        “คนสำคัญอย่างนั้นหรือ...ช่วยไม่ได้นี่นะ...ถ้าไม่อ้างแบบนี้จะช่วยพวกคุณริวได้ยังไงกันล่ะ”

        กีรติพึมพำแก้ต่างให้กับตัวเอง เขาเก็บมือถือเข้ากระเป๋าเสื้อ พลางยันกายลุกขึ้นยืน ก่อนจะชะงักแล้วส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้กับหน้าจอนับสิบเบื้องหน้าเขา

        “คุณอเล็กซ์... เอ่อ...จริง ๆ แล้วผมน่ะ ไม่ได้มีสัญชาติไทยหรอกครับ...และผมคิดว่าเท่าที่คุณได้ยินผมพูด คุณเองก็คงรู้แล้วสินะครับ ว่าผมมาจากที่ไหน”

        อเล็กซ์เงียบกริบไปครู่ใหญ่ สักพักเสียงของ AI ประจำป้อมจึงดังขึ้น ทว่ากลับไม่ใช่เสียงสนทนาที่ผ่านจากลำโพงนอกป้อมยามตามปกติ หากแต่เป็นเสียงที่ดังผ่านลำโพงภายในป้อม ซึ่งจะทำให้คนที่อยู่ข้างนอกไม่มีโอกาสได้ยินเสียงสนทนาโต้ตอบของพวกเขา

         “ครับ...ผมทราบได้จากการเทียบบทสนทนาของคุณกับข้อมูลภาษาที่ผมมี ... แต่ผมตัดสินใจแล้วว่า หากไม่ใช่คำสั่งของมาสเตอร์โดยตรง ผมก็จะไม่เปิดเผยข้อมูลนี้กับใครอย่างแน่นอน”         

         กีรติชะงักและรู้สึกตื้นตันจนพูดไม่ออกไปชั่วครู่ จากนั้นสักพักชายหนุ่มจึงเริ่มปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ และเอ่ยตอบอีกฝ่ายกลับไปด้วยใบหน้าระบายยิ้มเปี่ยมสุข

        “ขอบคุณมากนะครับ คุณอเล็กซ์”         

        จากนั้นกีรติจึงหันไปมองด้านนอกอย่างลังเล และเหมือนอเล็กซ์จะเข้าใจถึงความกังวลของกีรติเป็นอย่างดี   AI ประจำป้อมจึงพูดให้กำลังใจอีกฝ่าย โดยทำทีเป็นเสนอความคิดเห็นของตนบ้าง

        “ผมขอเสนอให้คุณรีบออกไปชี้แจงในสิ่งที่พอจะอธิบายได้ให้คนด้านนอกรับฟังไว้ดีกว่าครับ ...ผมมั่นใจว่า ถ้าคุณไม่พร้อมจะบอก ทุกคนในที่นี้ก็คงไม่มีใครเคี่ยวเข็ญให้คุณบอกหรอกครับ”

        กีรตินิ่งอึ้งไปเล็กน้อย แล้วจึงยิ้มรับพร้อมกับพยักหน้าค่อย ๆ จากนั้นชายหนุ่มจึงตัดสินใจเปิดประตูป้อมยามออกไปด้านนอก  แต่พอเขาได้เห็นสายตาสงสัยระคนพิศวงของทุกคนที่จ้องมองมา ชายหนุ่มก็ต้องชะงักมือค้างไว้และมีสีหน้าในแบบที่ทำให้คนมองมาพากันนิ่งอึ้ง ทว่าหลังจากนั้นไม่นานนัก กีรติก็ต้องพบกับความแปลกใจ เมื่อแต่ละคนที่มองมายังเขา ล้วนแล้วแต่มีรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏให้เห็นกันถ้วนหน้า   

        “ได้ความว่ายังไงบ้างล่ะกี! เห็นว่าจะหาคนช่วยพวกริวไม่ใช่หรือ แล้วช่วยได้หรือยังล่ะ!”

        เสียงของลีโพล่งขึ้นอย่างร่าเริงเป็นคนแรก จากนั้นคนอื่น ๆ จึงต่างเข้ามารุมล้อมสอบถามกันยกใหญ่ ทว่าระหว่างที่พวกเขาสนทนากัน ไม่มีใครเลยที่จะคาดคั้นเรื่องส่วนตัวลึก ๆ ให้กีรติเกิดความไม่สบายใจ  ทำเอาชายหนุ่มร่างเล็กรู้สึกซาบซึ้งตื้นตัน จนพูดอะไรไม่ออกขึ้นมาดื้อ ๆ

 

        อีกด้านหนึ่ง เจอรัลด์ซึ่งยืนอยู่ห่างออกไป กำลังเฝ้ามองเพื่อนร่วมหมู่บ้านที่รุมล้อมกีรติ แล้วจึงหันมาบอกกับชายสวมหน้ากากข้างกายเขา ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และไม่ได้มีวี่แววขุ่นเคืองให้เห็นแต่อย่างใด

        “คุณแฟนธอม รู้ไหมครับว่านี่เป็นครั้งแรก ที่อเล็กซ์ไม่ยอมรายงานผม ทั้งที่น่าจะรู้เรื่องทุกอย่างในป้อมยามนั่นดีแล้วน่ะ”

        “อเล็กซ์คงถูกใจกีรติพอสมควรนั่นล่ะ...เจ้าคอมพิวเตอร์ต๊องนั่น นับวันก็ยิ่งเหมือนมนุษย์ขึ้นไปทุกทีล่ะนะ”

        แฟนธอมพึมพำตอบด้วยน้ำเสียงซึ่งแสดงถึงความเอ็นดูในตัว AI ประจำป้อม ทำเอาคนที่สนทนาด้วยถึงกับขมวดคิ้วยุ่ง แล้วเอ่ยโพล่งตามมาด้วยความหึงหวง

        “ไม่ได้นะครับ! ถึงนิสัยจะคล้ายกับผมแค่ไหน แต่อเล็กซ์ก็ไม่ใช่ผมสักหน่อย ดังนั้นคุณแฟนธอมห้ามไปตกหลุมรักเขานะครับ!”

        แฟนธอมชะงัก แล้วหันขวับไปมองคนขี้หึงข้าง ๆ อย่างนึกฉุนปนเขินเล็กน้อย ทว่ายังไม่ทันจะพูดอะไร เขาก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงพึมพำคุ้นเคยจากด้านหลังของเขาเสียก่อน

        “แหม ๆ หึงหวงกันแบบนี้ แสดงว่าคบกันแล้วสินะ...ยังไม่มีใครรู้ข่าวใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นฉันก็เป็นคนแรกล่ะสิ”

        แฟนธอมรีบหันกลับไปมอง พร้อมกับตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างลืมตัวด้วยความตกใจ

        “คุณปัณณ์!”

        เสียงของแฟนธอมนั้นดังไม่ใช่น้อย ทำเอาแต่ละคนที่รุมล้อมกีรติต่างหันขวับมาสนใจอีกด้านแทน ปัณณ์จึงถือโอกาสนี้ตะโกนบอกในสิ่งที่เขาอยากให้ทุกคนรับรู้ทันที

        “นี่พวกเรา! ฉันมีข่าวดี ข่าวเด็ดมาบอก! ตอนนี้แฟนธอมกับเจอรัลด์ตัดสินใจคบกันเรียบร้อยแล้วนะ!  อ๊ะ! จริงสิ! ตกลงนายอยู่บนหรือล่างล่ะแฟนธอม?”

        ขาดคำของปัณณ์ทุกคนในที่นั้น ยกเว้นเรน ริว และพวกเวธน์ ต่างพากันสะดุ้งเฮือก แล้วตะโกนห้ามขึ้นแทบจะเป็นเสียงเดียว

         “เฮ้ย! หยุดนะปัณณ์!”

        แน่นอนว่าคำห้ามนั้นมันหาได้ก่อเกิดประโยชน์อันใดเลยสักนิด เพราะยามนี้แฟนธอมรู้สึกอับอายและโมโหมากเป็นที่สุด เขาหันขวับไปทางเจอรัลด์แล้วเตรียมจะพูดบางอย่างที่อีกฝ่ายคาดเดาได้ว่ามันต้องไม่น่าใช่เรื่องดีแน่ นักประดิษฐ์หนุ่มจึงรีบคุกเข่าลงแล้วก้มหัวขอโทษตัดหน้าเสียก่อนอย่างรวดเร็ว

        “ขอโทษนะครับคุณแฟนธอม!  อย่าโกรธผมเลยนะครับ! อภัยให้ผมเถอะนะครับ!”

        พอเจอแบบนี้ แฟนธอมก็ถึงกับยืนอึ้ง เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ สักพักใบหน้าใต้หน้ากากนั้นก็ยิ่งแดงหนักด้วยความอายมากกว่าเดิม ทว่าความฉุนเฉียวที่มีกลับลดลง เจ้าตัวทำเป็นกระแอมเบา ๆ แก้เขิน แล้วโพล่งใส่เสียงห้วนแทน

        “เฮอะ! งี่เง่าน่า! ฉันไม่ใช่คนใจแคบที่จะโกรธใครด้วยเรื่องพวกนี้สักหน่อย...แล้วเรื่องคบหากันก็เป็นเรื่องธรรมดาจะตาย ทำไมฉันจะต้องอายด้วยล่ะ!”

        คนอื่นในหมู่บ้านต่างพากันอมยิ้ม เมื่อเห็นแฟนธอมนั้นเอ่ยปากยอมรับด้วยตัวเอง ทั้งที่เจ้าตัวเขินหนักจนหูขาว ๆ นั่นแดงก่ำจนทุกคนเห็นได้ชัดก็ตาม

        “เห็นไหมล่ะ! ข่าวของฉันถูกต้องจริง ๆ ใช่ไหม!  อ๊ะ! แล้วเรื่องอยู่บนหรือ...”

        สมาชิกหมู่บ้านสามสี่คนที่อยู่ใกล้ปัณณ์ ต่างรีบตะครุบปิดปากไม่ให้นักเขียนหนุ่มพูดต่อ แล้วจึงช่วยกันลากอีกฝ่ายไปให้ห่าง ๆ พวกแฟนธอมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สร้างความโล่งอกให้คนอื่นที่เหลือกันถ้วนหน้า

        “คุณแฟนธอมไม่โกรธผมจริง ๆ นะครับ”

        เจอรัลด์เงยหน้ามองคนที่เขาหลงรักหมดหัวใจด้วยสายตาออดอ้อน  ทำเอาแฟนธอมยิ่งเขินเข้าไปใหญ่  แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องสะดุ้งนิด ๆ เมื่อได้ยินเสียงหลุดหัวเราะจากใครบางคนดังแว่วเข้าหู

        “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนล่ะ!”

        แฟนธอมกระแทกเสียงใส่อย่างฉุนปนเขิน เพราะพอหันไปตามเสียงที่ได้ยิน ก็เห็นเวธน์กำลังกลั้นหัวเราะอยู่ด้านหลังกรกฎ  แต่พอหันกลับมาเห็นเจอรัลด์ที่หน้าเสียเพราะกลัวว่าจะถูกโกรธอีกรอบ ชายหนุ่มก็ต้องถอนหายใจเบา ๆ แล้วตัดสินใจยื่นมือส่งไปให้อีกฝ่าย

        “ลุกได้แล้ว! ฉันไปนอนพักบ้านนายดีกว่า ขืนนอนที่สำนักงานนั่น เดี๋ยวจะมีนายจ้างโรคจิตคอยตามมาแกล้งแหย่เข้าให้อีก!”

        แฟนธอมแกล้งพูดประชดเวธน์ ทว่าเจอรัลด์พอได้ยินดังนั้นก็ถึงกับเบิกตากว้าง พลางรีบจับมืออีกฝ่ายหมับและยันกายขึ้นลุกยืน จูงกึ่งลากแฟนธอมกลับบ้านพักของเขา เนื่องจากกลัวเจ้าตัวเปลี่ยนใจนั่นเอง



         อีกด้านหนึ่ง ริวที่มองเหตุการณ์วุ่นวายของคู่รักคู่ใหม่ประจำหมู่บ้าน ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะมีรอยยิ้มน้อย ๆ ประดับบนใบหน้าคมคายนั่น ทำให้เรนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ และหันมาเห็นเข้าพอดีหลุดชะงักเล็กน้อย พลางก้มลงมองพื้นด้วยความรู้สึกผิด ที่ก่อนหน้านั้นเขาเคยคิดจะพรากความสุขในชีวิตไปจากพี่ชายของเขา

        “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณเรน ...ทุกอย่างจะต้องจบลงด้วยดีแน่ ผมให้สัญญา”

        กีรติซึ่งมองทั้งคู่อยู่เอ่ยปลอบโยนพร้อมรอยยิ้ม ทำให้เรนเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างนึกสงสัย เพราะทั้งเขาและทุกคนก็ยังคงไม่ได้รับคำตอบจากกีรติอย่างชัดเจน เกี่ยวกับเรื่องที่ชายหนุ่มเสนอตัวช่วยก่อนหน้านั้น

        “คนรู้จักของคุณที่อยู่ญี่ปุ่น คือใครกันหรือครับ”

        คำถามของเรน เรียกความสนใจของทุกคนกลับมาที่กีรติอีกครั้ง ชายหนุ่มร่างเล็กถอนหายใจแผ่วเบา แล้วจึงยิ้มเจื่อนส่งให้คนถาม

        “อย่าเรียกว่าคนรู้จักของผมเลยครับ เรียกว่าเป็นคนรู้จักของอาผมจะถูกกว่า ...พวกเขาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียน และเท่าที่ผมเคยได้ยินมา อาบอกว่าตระกูลของผู้ชายคนนั้น ค่อนข้างมีอิทธิพลต่อประเทศญี่ปุ่นอยู่มากทีเดียว”

        คำตอบของกีรติยิ่งสร้างความอยากรู้อยากเห็นให้กับแต่ละคนที่ฟังอยู่ยิ่งนัก พวกเขาไม่ได้ซักถามต่อ หากแต่ส่งสายตากดดันจนชายหนุ่มร่างเล็กต้องถอนหายใจรอบสอง ทว่าพอจะเล่าให้ทุกคนฟัง เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน

        “หือ...”

        กีรติหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูเบอร์ที่โทรเข้า ขมวดคิ้วยุ่งอย่างนึกแปลกใจ เพราะเบอร์ที่โชว์บนจอมือถือนั้น ดูไม่คุ้นตาเอาเสียเลย

        “เอ่อ... Hello, this is Kirati speaking.”

        ชายหนุ่มตัดสินใจพูดรับสายเป็นภาษาอังกฤษ แต่นั่นกลับทำให้คนอื่นที่ไม่รู้ว่าเขาพูดได้หลายภาษา จ้องมองอย่างประหลาดใจไปตาม ๆ กัน

       “สวัสดี...คี นี่คงจะอยู่ในสถานการณ์ที่ทักทายด้วยภาษาประจำชาติไม่ได้อย่างนั้นสินะ”

        เสียงตอบจากปลายสายกลับกลายเป็นเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายที่เขาไม่คุ้นเคย แถมยังเป็นภาษาญี่ปุ่นอีกต่างหาก  ทำเอากีรติต้องขมวดคิ้วยุ่ง ชายหนุ่มนิ่งคิดอยู่สักพัก ก่อนจะเบิกตากว้าง และเผลอทักอีกฝ่ายกลับไปด้วยภาษาเดียวกัน

         “อ๊ะ...หรือว่าจะเป็น...คุณคาโอรุ!”

        เสียงหัวเราะจากปลายสายดังขึ้นแผ่วเบา แล้วจึงสนทนาต่ออย่างอารมณ์ดีกว่าเดิม

       “ดีใจจังที่ยังจำชื่อกันได้อยู่ ไม่ได้เจอตั้งหลายปี เธอยังคงตัวเล็กน่ารักอยู่เหมือนเดิมไหม”

        “ตัวผมก็ยังไม่สูงไปกว่าเดิมสักเท่าไหร่นั่นล่ะครับ อ๊ะ...แต่ทำไมคุณถึงเป็นฝ่ายโทรมาเองล่ะครับ...หรือว่าจะช่วยทำตามที่ขอไว้ไม่ได้!”

        กีรติถามกลับไปอย่างตื่นตระหนก โดยไม่ทันสังเกตสายตาสงสัยแกมประหลาดใจยิ่งกว่าเดิมจากสมาชิกร่วมหมู่บ้าน เมื่อได้เห็นคนเป็นยาม ซึ่งมีประวัติการศึกษาจบเพียงชั้นมัธยมต้น แต่กลับพูดได้หลายภาษาเช่นนี้

         “ฮะ ๆ ใจร้ายจังเลยคี...ทีแรกก็นึกว่าไรอันพูดเล่นเสียอีก เรื่องที่ว่าคีไม่ไว้ใจว่าฉันจะช่วยเหลือเธอได้น่ะ”

        ปลายสายบอกด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ทำเอากีรติเริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง

     “งั้นก็แสดงว่า...”

        “แน่นอน! ระดับผู้นำตระกูลชิรากิอย่างฉันออกโรงเองแบบนี้ ถ้าพลาดก็เสียหน้าแย่น่ะสิ”

        คำพูดที่แว่วออกมาจากมือถือ ทำให้สองพี่น้องยูกิมูระเบิกตากว้าง เพราะคนที่กีรติกำลังสนทนาด้วยนั้น ก็คือ ชิรากิ คาโอรุ ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลชิรากิ  ตระกูลผู้มีอิทธิพลอันดับต้น ๆ ของประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง

       “ทำไมชิรากิ คาโอรุ ถึงได้...”

        เรนพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง หากแต่เขาก็ต้องตกตะลึงซ้ำสอง เมื่อคนขับรถที่มาพร้อมกับเขา เดินแหวกฝ่าฝูงชนในหมู่บ้านเข้ามาหาด้วยสีหน้าตื่นตระหนกไม่แพ้กัน

      “ท่านผู้นำครับ! ท่านชิบาตะต้องการสนทนากับท่านครับ!”

        ชายใส่สูทดำรีบนำมือถือของตนยื่นส่งให้อีกฝ่าย เนื่องจากเรนไม่นิยมพกโทรศัพท์ไว้กับตัว เพราะไม่ต้องการให้ใครมาวุ่นวายโทรตาม และที่สำคัญสมาชิกในตระกูลยูกิมูระนั้น มักจะถนัดฝากข้อความหรือไม่ก็สนทนากัน โดยผ่านการใช้อาคมแทนมากกว่า   

        “ผมเรนพูด ...ชิบาตะซังมีธุระอะไรหรือครับ”

        เรนเอ่ยถามผู้อาวุโสของตระกูล ซึ่งอีกฝ่ายนั้นมีศักดิ์เป็นน้องชายของปู่พวกเขา ทว่าทางด้านปลายสายกลับนิ่งเงียบไปชั่วครู่ แล้วจึงมีเสียงตอบกลับมาอย่างขุ่นเคือง ทว่าก็ยังแฝงไว้ด้วยความหวาดหวั่นให้รู้สึกได้อยู่เช่นกัน

       “พวกเจ้าสองพี่น้องไม่ต้องกลับมาที่ญี่ปุ่นอีกต่อไปแล้ว ...พวกเราขอตัดขาดความเป็นตระกูลยูกิมูระกับพวกเจ้า ...ไม่ใช่แค่เพียงตระกูลยูกิมูระเท่านั้น...ตระกูลองเมียวทุกตระกูลในญี่ปุ่นนี่ จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพวกเจ้าอีกต่อไป ...ฉันต้องการพูดให้พวกเจ้ารับรู้เพียงเท่านี้ล่ะ!”

        เรนยังคงนิ่งอึ้งถือโทรศัพท์ค้างอยู่ครู่ใหญ่ เช่นเดียวกับริวที่มองน้องชายของเขาอย่างตกตะลึง ชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่า สิ่งที่เขาได้รับรู้อยู่นี้เป็นความฝันหรือความจริงกันแน่

       “เรียบร้อยแล้วจริง ๆ ล่ะครับ คุณคาโอรุ! ขอบคุณมาก ๆ เลยนะครับ! บุญคุณครั้งนี้ผมจะต้องตอบแทนแน่นอนครับ!”

        กีรติที่ได้ยินเสียงสนทนาจากโทรศัพท์ของเรน รีบบอกกับปลายสายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี  ทำเอาคนฟังหัวเราะเบา ๆ ก่อนแกล้งพูดหยอกกลับไป

       “หึ ๆ จะตอบแทนอย่างนั้นหรือ งั้นถ้าฉันขอของตอบแทนเป็นริมฝีปากนุ่ม ๆ ของเธอล่ะ จะได้ไหม  หือ...สายเรียกซ้อน ...ไรอันหรอกหรือ...เหอะ! ความรู้สึกไวชะมัด”

         เสียงบ่นพึมพำอย่างเอือมระอาดังขึ้นให้ได้ยิน ก่อนที่เจ้าของเสียงบ่นจะเอ่ยตัดบทการสนทนาตามมา

        “ฉันขอตัวไปคุยกับอาของเธอก่อนดีกว่านะคีโอ ขืนรับช้ากว่านี้ มีหวังโดนซักไม่เลิก ว่าเผลอไปพูดลวนลามอะไรหลานชายของเขาเข้าหรือเปล่ากันแน่น่ะ”

        กีรติยิ้มเจื่อน ๆ แล้วจึงเอ่ยลาพร้อมกับขอบคุณทิ้งท้ายอีกครั้งก่อนจะตัดสายไป  จากนั้นชายหนุ่มจึงหันมามองริวและเรน พลางส่งยิ้มยินดีจากใจจริงให้ทั้งคู่

      “ดีใจด้วยนะครับ ต่อไปนี้พวกคุณก็จะได้มีอิสระ สมกับที่พวกคุณปรารถนามาตลอดสักที”

        ริวเม้มปากแน่นและพยายามควบคุมอารมณ์บางอย่างซึ่งกำลังเกิดขึ้น ทว่าพอเห็นกีรติมีสีหน้าสงสัยและเริ่มกังวลคล้ายเกรงว่าเขาจะไม่พอใจ ชายหนุ่มก็เริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป  จากนั้นริวจึงเลือกทำตามใจปรารถนา เดินตรงเข้ามาสวมกอดกีรติด้วยความตื้นตัน ทำเอาคนถูกกอดสะดุ้งโหยง หน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินแกมตกใจ ทว่าพอเขาได้ยินคำกระซิบขอบคุณจากอีกฝ่าย กีรติก็พลันชะงักเล็กน้อยแล้วจึงมีรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนสีหน้าอ่อนเยาว์นั้นแทน

  ...
...
...





ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
..
..
..
         ภาพเหตุการณ์ที่ริวตรงเข้าสวมกอดกีรติ ทำให้คนอื่นซึ่งอยู่แถวนั้นตกตะลึงไปตาม ๆ กัน ทว่าสักพักพวกเขาก็เริ่มหลุดยิ้มออกมา หลังจากได้เห็นสีหน้าของคนทั้งสอง ที่ยามนี้ตกอยู่ในภวังค์ส่วนตัวไม่คิดสนใจใครรอบด้าน  บรรดาผู้คนที่อยู่แถวนั้นจึงตัดสินใจแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน คงเหลือแต่เพียงริว กีรติ เรน  สัตว์อสูรทั้งสอง และคนของเรนที่มาจากญี่ปุ่นอีกคนเท่านั้น

       “นายคงได้ยินที่ชิบาตะซังบอกแล้วสินะ”

        เรนส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้อดีตลูกน้องของตน ซึ่งอีกฝ่ายก็รับคืนมาพลางจ้องมองคนตรงหน้าอย่างลังเล

      “ตะ...แต่ ถ้าไม่มีท่านผู้นำแล้ว ตระกูลยูกิมูระก็คง...”

        “...ฉันขอโทษนะที่เห็นแก่ตัวแบบนี้  แต่ฉันอยากอยู่ที่นี่ พร้อมกับพี่ชายคนเดียวของฉันน่ะ”

        เรนตอบคนของเขา แล้วจึงหันไปมองริวซึ่งตอนนี้ได้ผละออกจากคนที่กอดและกำลังยืนเขิน ๆ เช่นเดียวกับกีรติ  ภาพนั้นทำให้เรนหลุดรอยยิ้มอ่อนโยนที่ไม่เคยมีใครในตระกูลยูกิมูระได้เห็นมาก่อน

        “ท่านผู้นำ...”

        ชายในสูทดำพึมพำ ก่อนจะตัดสินใจยืนเท้าชิด แล้วโค้งศีรษะทำความเคารพอีกฝ่าย

     “ผมขอให้ท่านโชคดีนะครับ!”

        เรนหันมายิ้มให้คนตรงหน้าเขา พร้อมเอ่ยตอบขอบคุณ จากนั้นก็ยืนมองส่งอดีตลูกน้องขับรถออกจากหมู่บ้านไปจนพ้นสายตา

       “ดีใจด้วยนะเรน”

        คุไรเลื้อยเข้ามาหา โดยมีชิโระเดินตามมาติด ๆ

       “ขอโทษด้วยนะเรน ที่พูดไม่ดีกับเรน ...แล้วยังทำให้งูน้อยบาดเจ็บอีก”

        จิ้งจอกขาวบอกกับอีกฝ่าย ซึ่งคุไรก็ชะงักแล้วหันขวับมามอง พลางขู่ฟ่ออย่างไม่สบอารมณ์

       “เลิกเรียกว่างูน้อยสักที! แค่เกิดก่อนไม่กี่ร้อยปี อย่ามาอวดเบ่งใส่นักเลยน่า!”

        “เหอะ ๆ ก็มีแต่เด็กเท่านั้นล่ะนะที่จะโมโหกับเรื่องแค่นี้  อืม...ริว ช่วยรักษาคุไรให้หน่อยสิ”

        ชิโระเปรยตอบพลางหันไปขอร้องริวอย่างไม่ใส่ใจอาการหงุดหงิดของงูยักษ์สีดำแม้แต่น้อย ส่วนเรนที่มองอยู่ก็อมยิ้มนิด ๆ เพราะไม่ได้เห็นภาพการทะเลาะหยอกล้อของสัตว์อสูรทั้งสองมานานมากแล้วนั่นเอง

        “ก็แล้วทำไมไม่ใช้พลังของนายช่วยเขาเองล่ะชิโระ ในเมื่อคนทำเขาบาดเจ็บน่ะมันนายแท้ ๆ”

        ริวแสร้งตอบกลับหน้าตาเฉย ทำเอาชิโระสะดุ้งโหยง ส่วนคุไรค้อนขวับใส่ด้วยความงอนที่เห็นจิ้งจอกขาวทำเหมือนไม่เต็มใจจะรักษาตน  ทางด้านกีรติเองนั้นก็กำลังจ้องสัตว์อสูรทั้งสองอย่างสนอกสนใจ เพราะภาพงูยักษ์งอนใส่สุนัขจิ้งจอกตัวเท่าเสือโคร่ง ไม่ใช่ภาพที่จะหาดูกันได้ง่าย ๆ สักเท่าใดนัก

          “เอาเถอะคุไร เดี๋ยวฉันจะรักษานายให้เอง ไม่ต้องไปรบกวนชิโระกับคุณริวเขาหรอก”
 
        เรนบอกกับสัตว์อสูรของเขาโดยไม่มีเจตนาประชดประชันแต่อย่างใด ทว่าคำพูดนั้นกลับทำให้คนที่ฟังอยู่ถอนหายใจเบา ๆ

       “ไม่ใช่คุณริว แต่เป็นพี่ริวต่างหาก...หัดไว้ให้ชินหน่อยนะเรน”
 
        ริวบอกกับน้องชายต่างมารดาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ทำเอาเรนถึงกับหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขิน  ทางด้านกีรตินั้นพอได้เห็นภาพพี่น้องรักใคร่กันดี ก็ทำเอาเขารู้สึกคิดถึงน้องชายและน้องสาวของเขาขึ้นมาบ้าง  ทว่าภาพสีหน้าเศร้า ๆ ของกีรติก็ทำให้อเล็กซ์ที่มองอยู่เข้าใจผิด แล้วจึงโพล่งขึ้นขัดจังหวะบรรยากาศซาบซึ้งระหว่างพี่น้องทันที

        “ผมว่าคุณริวกับคุณเรน คงไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งในเชิงนั้นหรอกนะครับคุณกีรติ ผมว่าคุณอย่ากังวลไปเลยครับ”

        กีรติสะดุ้งโหยง เช่นเดียวกับริวและเรน สองพี่น้องต่างหันไปสบตากับกีรติ แล้วจึงเป็นเรนที่รู้สึกตัวก่อน เลยรีบพูดแก้ตัวขึ้นเป็นคนแรก

        “อ๊ะ! ไม่ใช่นะครับ ถึงผมจะเคารพพี่ริวมากก็ตาม แต่ผมไม่ได้คิดในแง่อื่นเลยนะครับ!”

        กีรติหน้าแดงวาบ และรีบแก้ข้อเข้าใจผิดกลับไปอย่างรวดเร็ว

        “เปล่านะครับ! ผมไม่ได้กังวลหรือหึงหวงอะไรเลยนะครับ! พอเห็นพวกคุณแล้ว ผมก็เลยคิดถึงน้องชายกับน้องสาวที่บ้านเกิดบ้างก็แค่นั้นเอง!”

        ทางด้านริวที่มองทั้งสองแก้ตัว หลุดถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะสะดุ้งซ้ำสองเมื่ออเล็กซ์พูดขึ้นอีกครั้ง

        “อ้าว! เป็นอย่างนั้นเองหรือครับ...ผมเห็นคุณกีรติให้ความสำคัญกับคุณริวมากกว่าทุกคนในหมู่บ้านนี้ ก็เลยคิดว่าคุณจะน้อยใจที่เห็นคุณริวสนิทกับน้องชายมากกว่าตัวเองน่ะครับ”

        กีรติหน้าแดงหนักขึ้นด้วยความอับอาย ยิ่งริวหันมามองเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง เขาก็ยิ่งเขินมากขึ้น จนทำอะไรแทบไม่ถูก

        “ผะ...ผม คือว่า...”

        กีรติมองซ้ายมองขวา แล้วก็พลันเหลือบไปเห็นข้าวกล่องของตนที่วางอยู่บนเก้าอี้นอกป้อมยาม ชายหนุ่มจึงรีบเปลี่ยนเรื่องสนทนาทั้งที่ใบหน้านั้นยังคงแดงก่ำไปหมด

        “พวกเรามากินข้าวกลางวันกันดีกว่าไหมครับ!”

        คราวนี้ทั้งริว เรน รวมถึงสัตว์อสูรทั้งสองถึงกับพากันเงียบกริบ และเป็นริวที่กลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว ต้องเผลอหลุดหัวเราะออกมาด้วยความขบขันแกมเอ็นดู เพราะคนตัวเล็กตรงหน้าเขานั้นช่างแสนจะน่ารักมากมายชนิดถ้าไม่เกรงใจเรนล่ะก็ เขาคงไปดึงกีรติมากอดอีกสักรอบเป็นแน่

        “ดีเหมือนกันนะ กินข้าวกลางวันกันก็ดี ...หือ ว่าแต่ข้าวกลางวันของพวกเราล่ะ ชิโระ”

        ริวหันไปสอบถามสัตว์อสูรของเขาหลังจากที่ควบคุมตนเองได้บ้างแล้ว ซึ่งพอได้ยินดังนั้นจิ้งจอกขาวก็ถอนหายใจเบา ๆ พลางกวัดแกว่งพวงหางไหวไปมา

        “ก็ถูกริวเขวี้ยงทิ้งไว้แถวหน้าบ้าน ตั้งแต่ตกใจที่เห็นกีรติอยู่กับเรนยังไงล่ะ”

        คำตอบของชิโระทำเอาริวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่จะแสร้งทำเป็นกระแอมค่อย ๆ ด้วยใบหน้านิ่งเฉย ทว่าพอถูกคนหน้าแดงจ้องหน้าเขาหนักเข้า เจ้าตัวก็ทำเป็นเฉไฉมองไปทางอื่น เพราะเกรงว่าจะหลุดเขินตอบอีกฝ่ายนั่นเอง   

        “ดีจังเลยนะเรน ที่เรื่องราวมันกลับกลายมาเป็นแบบนี้ได้”

        คุไรบอกกับเจ้านายของตนด้วยน้ำเสียงยินดีดังคำพูด ซึ่งเรนเองก็ส่งยิ้มให้กับสัตว์อสูรของเขา  ชายหนุ่มหันกลับไปมองคนสองคนที่ต่างฝ่ายต่างเขินอย่างนึกขำ และสุดท้ายจึงตัดสินใจเข้าไปช่วยแก้สถานการณ์ในครั้งนี้ เพราะจากที่เขายืนมองมาร่วมกว่าสิบนาที ก็ทำให้เรนค่อนข้างแน่ใจว่า หากไม่มีใครเข้าไปขัดจังหวะ สองคนนั้นก็คงจะยืนเขินกันต่อไปอีกพักใหญ่ ๆ ได้เลยทีเดียว


         

… TBC …

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4


บทที่ 18
บอกรัก



หลังจากเหตุการณ์ช่วยเหลือพี่น้องตระกูลยูกิมูระผ่านพ้นไป ความสงบสุขของหมู่บ้านก็กลับมาเยือนได้เพียงไม่นาน เพราะวันนี้บรรดาผู้คนในหมู่บ้านต่างก็พากันวิ่งไล่จับแขกไม่ได้รับเชิญของเจอรัลด์ เสียอลหม่านวุ่นวายสับสนกันยกใหญ่

         ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเจ้าหุ่นยนต์โจรกรรมในครั้งนี้ ถูกส่งมาในรูปแบบสุนัขและแมวที่แสนจะน่ารักน่าชังราวกับของจริงนับสิบตัว แถมพอจะโดนจับหรือโจมตีเข้าให้ อีกฝ่ายก็ยังทำตาใส ๆ ตัวสั่นเทาด้วยอาการหวาดกลัว จนแทบจะไม่มีใครกล้าลงมือรุนแรงใส่เลยสักราย

      “เคยได้เห็นร่างจริงของแต่ละคนก็แลดูน่ากลัวกันทั้งนั้น แต่จริง ๆ แล้วเป็นพวกโหดแต่เปลือกกันสินะ”

        คุไรบ่นให้เรนซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ ตนฟัง ตอนนี้สัตว์อสูรนั้นอยู่ในร่างมนุษย์ เพราะนี่เป็นเวลากลางวันแสก ๆ การจะโผล่มาในร่างงูยักษ์กลางหมู่บ้าน หากมีคนนอกหลงเข้ามา คงจะได้กลายเป็นข่าวแตกตื่นกันเป็นแน่

       “พวกนั้นก็แบบนี้ล่ะ จิตใจดีเสียยิ่งกว่ามนุษย์สมัยนี้ทั่วไปซะอีก... ว่าแต่ทำไมนายถึงล่อแต่งดำเสียทั้งตัวแบบนี้ล่ะคุไร ไม่ร้อนบ้างหรือนั่น”

        ชิโระซึ่งอยู่ในร่างจิ้งจอกตัวเล็กเท่ากระรอกและเกาะอยู่บนไหล่เรนหันไปถามด้วยน้ำเสียงแกมระอา เพราะคุไรในร่างมนุษย์นั้นสวมเสื้อยืดแขนยาวและกางเกงผ้าสีดำทั้งชุด ชนิดที่จิ้งจอกขาวมองแล้วรู้สึกอึดอัดแทน เพราะอากาศเมืองไทยนั้นไม่ค่อยจะเหมาะกับเสื้อผ้าสีทึบมิดชิดสักเท่าใดนัก   

       “ก็ฉันชอบสีดำนี่  มีปัญหาหรือไง”

        คุไรบอกคล้ายไม่ใส่ใจ แม้จริง ๆ แล้วจะแอบคิดว่าอากาศเมืองไทยแสนจะร้อนยิ่งกว่าญี่ปุ่นหลายเท่านักก็ตาม

       “เหอะ ๆ ก็ตามใจ ...กลายเป็นงูตากแห้งขึ้นมาเมื่อไหร่ อย่ามาหาว่าไม่เตือนก็แล้วกัน”

        ชิโระประชดใส่ ทำเอาอสรพิษหนุ่มหันขวับมามองอย่างไม่สบอารมณ์ นัยน์ตาสีแดงเพลิงจับจ้องมองจิ้งจอกขาวเขม็ง แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเรนหันมาลูบเส้นผมดำยาวสลวยของตน อย่างเอือมระอาแกมเอ็นดู

      “ไม่เอาน่าคุไร อย่าอารมณ์ร้อนสิ ชิโระก็แค่หวังดีกลัวนายเป็นลมไปก็เท่านั้นเอง เขาอยู่ที่นี่มานานกว่า ก็ต้องรู้จักที่นี่ดีจริงไหมล่ะ ...ที่สำคัญวันนี้ฟ้าโปร่งแดดแรงทีเดียวล่ะนะ”

        พอบอกจบ เรนก็ยกมือป้องหน้าผากหรี่ตามองท้องฟ้าสีสดใสที่แทบจะไร้ก้อนเมฆให้เห็น ส่วนชิโระนั้นทำเสียงในลำคอเบา ๆ แต่ก็สะบัดหางเป็นพวงไปมา แล้วเสแสร้งมองไปทางอื่น เนื่องจากรู้สึกเขินที่ถูกเรนอ่านความคิดของเขาออกนั่นเอง

      “ฮึ! ถ้าอย่างนั้นเตือนดี ๆ กันก็ได้”

        คุไรบ่นกึ่งเขิน ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อหันไปเห็นหุ่นยนต์สุนัขตัวเล็กน่ารักกำลังวิ่งตรงมายังเขา โดยมีกีรติวิ่งตามจับมาติด ๆ

        “คุณคุไรครับ! จับเจ้าตัวนั้นไว้ทีครับ!”

        “หา! อะไรนะ  ฉันน่ะเหรอ ...”

        ยังไม่ทันคุไรจะพูดจบ เจ้าสุนัขตัวเล็กก็วิ่งรอดขาอีกฝ่ายไปอย่างง่ายดาย   

        “อ๋า! หนีไปได้อีกแล้ว!”

        กีรติอุทานอย่างนึกเสียดาย แต่ก็ยังคงวิ่งตามจับต่อ ทำเอาพวกเรนต้องมองตามไปอย่างนึกขำแกมเอือมระอา

       “ก็รู้ทั้งรู้ว่าเป็นหุ่นยนต์ กับอีแค่น่ารักนิด ๆ หน่อย ๆ ทำเป็นลงมือจู่โจมไม่ได้ เชอะ! ฉันน่ารักกว่าตั้งเยอะแท้ ๆ”

        ชิโระบ่นอุบอย่างนึกงอน เนื่องจากจิ้งจอกขาวโดนริวสั่งให้มาอยู่กับเรน หลังเจ้าตัวพ่นน้ำแข็งจู่โจมใส่หุ่นยนต์สุนัขตนหนึ่งจนมันคอขาดกระเด็น และรู้สึกว่าภาพนั้นจะสะเทือนใจชาวหมู่บ้านรวมไปถึงกีรติเป็นอย่างมาก  จึงทำให้จิ้งจอกขาวถูกปลดออกจากการไล่จับหุ่นยนต์โจรกรรม มาเฝ้าอยู่วงนอกพร้อมกับเรนที่แพ้อากาศร้อน จนถูกริวสั่งให้ยืนมองเฉย ๆ อย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้

       “เจ้าหมาขี้อิจฉา...”

        คุไรทำเป็นพึมพำคล้ายบ่นกับตนเอง แต่จริง ๆ แล้วจงใจพูดกระทบให้คนใกล้ ๆ ได้ยิน

       “งูปากเสีย...ระวังเถอะจะกัดปากให้เลือดกลบสักวัน”

        ชิโระพึมพำในลำคออย่างหงุดหงิด แต่ไม่กล้าบ่นโวยวายอะไรมาก เพราะยังไงคุไรก็เป็นสัตว์อสูรของเรน และหากเรนไม่สบอารมณ์เข้า เขาก็จะโดนคนเขม่นเพิ่มขึ้นมาอีกคนเป็นแน่

         

        ภาพชาวบ้านวิ่งกันวุ่นวายไล่จับหุ่นยนต์สัตว์โจรกรรมข้อมูลของตน ทำให้เจอรัลด์ถึงกับอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี และเมื่อเห็นบางคนเริ่มเหนื่อยและชักจะหมดความอดทน เขาจึงตัดสินใจตะโกนกระตุ้นเพิ่มกำลังใจกันสักเล็กน้อย

        “ถ้าหากจับเป็นได้ทั้งหมด ผมจะช่วยแก้ไขโปรแกรมให้พวกนี้มาเป็นสัตว์เลี้ยงประจำหมู่บ้านของเรานะครับ!”

        คำพูดนั้นทำให้หลายคนหันขวับไปมองคนพูด แล้วยิ่งมุ่งมั่นในการไล่จับมากขึ้น แถมมีการตะโกนห้ามพวกที่กำลังจะคืนกลับร่างแท้จริง เพราะเกรงว่าจะเผลอหนักมือทำให้หุ่นยนต์สัตว์พวกนี้เสียหายได้

        “เอ๋? ทำไมดูจริงจังกันจังเลยล่ะครับ”

        กีรติที่ยืนพักเหนื่อยหันไปถามริวที่อยู่ใกล้กับเขา   

        “อ๋อ...คงเพราะพวกเขาไม่สามารถเลี้ยงสัตว์จริง ๆ ได้น่ะ”

          ริวตอบคำถามของกีรติอย่างเป็นกันเองยิ่งกว่าเดิม ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ที่ได้รับความช่วยเหลือผ่านมา ชายหนุ่มก็เริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนทีละน้อย และไม่ใช่เฉพาะกับกีรติเท่านั้น ทว่าทุกคนในหมู่บ้านก็เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่าย และต่างพากันลงความเห็นว่า ริวที่เป็นตัวของตัวเอง ดูน่าสนใจและคบหาง่ายยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ

        “ก็พวกสัตว์ทั่วไปมักจะความรู้สึกไวเป็นพิเศษใช่ไหมล่ะ ...ถึงทุกคนที่นี่จะใจดียังไง แต่เพราะสัญชาตญาณการป้องกันตัว ก็ทำให้ไม่มีสัตว์ตนไหนกล้าเข้าใกล้พวกเขา ...และถึงจะมีบางตัวยอมเข้าใกล้ แต่การเลี้ยงสัตว์จริง ๆ มันก็ค่อนข้างยุ่งยากอยู่  ที่สำคัญอายุขัยของสัตว์เลี้ยงก็ไม่ยืนยาวเท่าไหร่  ถ้ายิ่งสนิทกันมาก ๆ แล้วมาตายจากไปก่อนมันก็น่าเศร้าจริงไหม คนที่นี่เลยไม่มีใครกล้าเลี้ยงสัตว์กันนักยังไงล่ะ ...แต่ถ้าเป็นหุ่นยนต์ก็จะอยู่ร่วมกันไปได้อีกนานและพวกมันก็จะไม่กลัวพวกเขาด้วย”

        กีรติพยักหน้ารับรู้อย่างพอจะเข้าใจ เขาเหลือบไปมองใบหน้ายินดีของบางรายที่จับเจ้าหุ่นยนต์สัตว์โจรกรรมได้สำเร็จ ก่อนจะหลุดยิ้มเศร้า ๆ ตามมา

        “ผมเคยคิดนะครับ ว่าการที่สามารถมีอายุยืนยาวได้ มันช่างแสนวิเศษจริง ๆ  ...แต่ผมคงจะคิดตื้นเกินไป บางทีพวกเขาอาจจะอยากเป็นแบบคนธรรมดาทั่วไป ...ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนที่รัก และหมดอายุขัยลงไปในเวลาไล่เลี่ยกันก็เป็นได้”

        ริวเหลือบมองคนพูดแล้วยิ้มน้อย ๆ อย่างอ่อนโยน ทางด้านกีรตินั้นพอพูดจบเขาก็แปลกใจที่ริวเงียบไป ชายหนุ่มจึงหันไปมองอีกฝ่าย แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรอยยิ้มของคนซึ่งกำลังใช้สายตาจับจ้องเขาอยู่

        “คุณริว...”

        ริวจ้องมองใบหน้าแดงระเรื่อและนัยน์ตาใสซื่อของอีกฝ่ายอยู่สักครู่ ก่อนจะตัดสินใจบอกความรู้สึกบางอย่างของตนออกไป

         “กีรติ...ผมน่ะคิดกับ...”

        ทว่ายังไม่ทันพูดจบประโยคดี เสียงบางเสียงก็ดังโพล่งขัดขึ้นเสียก่อน

        “โอ๊ย! สองคนนั้นน่ะ เลิกหวานกันชั่วคราวได้ไหม! แล้วช่วยจับเจ้าแมวดำที่มันกำลังวิ่งตรงไปที่พวกเธอหน่อยเถอะ!”

        เสียงปัณณ์ตะโกนขัดจังหวะลั่น ทำให้หลายคนก่อนหน้านั้นที่กำลังหยุดยืนจ้องมองกีรติกับริวอย่างนึกลุ้น ถึงกับถอนหายใจแทบจะพร้อมกันอย่างนึกเสียดายแทนริว แล้วต่างหันมาเขม่นใส่ปัณณ์เป็นการใหญ่

        “อ๊ะ! มันเข้าไปใกล้แล้วนั่น!”

        แต่ดูเหมือนว่าปัณณ์จะไม่สนใจสายตาทิ่มแทงของแต่ละคนเลยแม้แต่น้อย เขายังคงตะโกนพลางชี้มือไปยังเจ้าแมวน้อยที่วิ่งเข้าไปใกล้พวกริวเข้าทุกที

        “วะ...เหวอ! หยุดนะเจ้าเหมียว! อย่ากระโดดหนีขึ้นกำแพงสิ!”

        กีรติที่เห็นดังนั้นก็รีบผละจากริวแล้วพยายามตามไล่จับเจ้าแมวดำที่แสนจะซุกซนอย่างเต็มที่ และนั่นจึงทำให้อดีตนักพรตองเมียว เริ่มหมดความอดทนขึ้นทุกขณะ

       “หวา! ริวกำลังฟิวส์ขาดแล้วล่ะ!”

        ชิโระโพล่งขึ้นอย่างตื่นเต้น สีหน้าดูเหมือนจะดีใจมากกว่ากังวล จนคุไรที่มองอยู่ต้องค้อนขวับให้อย่างหมั่นไส้

        “...แค่จับเป็นก็พอสินะ”

        ริวพึมพำแล้วจึงประสานมือร่ายอาคม ฉับพลันก็เกิดไอเย็นยะเยือกมองคล้ายเป็นหมอกควันหมุนวนขึ้นเบื้องหน้าเขา จากนั้นกลุ่มหมอกควันก็เริ่มแยกแตกกระจายเป็นหลายสาย พุ่งตรงผ่านชาวหมู่บ้าน ไปลอยล้อมรอบบรรดาหุ่นยนต์สัตว์โจรกรรมแต่ละตน ก่อนจะเริ่มจับตัวกลายเป็นน้ำแข็ง แช่แข็งหุ่นยนต์เหล่านั้นอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้อีก

        “...ที่เหลือก็จัดการให้เรียบร้อยเองแล้วกันเจอรัลด์ และถ้าสามารถหาข้อมูลองค์กรที่ส่งเจ้าตัวพวกนี้มาได้ ก็อย่าลืมเอามาบอกผมด้วยล่ะ”

        ริวบอกกับนักประดิษฐ์หนุ่มด้วยสีหน้าเย็นชาจนคนมองต้องยิ้มเจื่อน ๆ เพราะดูเหมือนว่าการถูกขัดจังหวะครั้งนี้ จะทำให้ริวหงุดหงิดเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

        “โห! จับแช่แข็งเลยหรือริว!  อืม...แต่ก็เข้าท่าดีนะ รู้งี้ฉันใช้วิธีนี้บ้างแต่แรกแล้วล่ะ มัวแต่วิ่งเสียเหนื่อยเลย!”

        ปัณณ์ที่ดูเหมือนว่าจะไม่รับรู้ถึงบรรยากาศมาคุโดยรอบโพล่งขึ้นอย่างร่าเริง ทำเอาริวเม้มปากเล็กน้อย พยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้โมโหมากไปกว่านี้ เพราะรู้ดีว่าปัณณ์นั้นเป็นคนยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางอยู่แล้ว ทว่าเนื้อแท้ของอีกฝ่ายก็ไม่มีอะไรเลวร้าย เพียงแค่ค่อนข้างจะปากกับใจตรงกันและพูดไม่ค่อยรู้จักคิดก็เท่านั้น

        “ฉันอยากได้แมวไปเลี้ยงที่บ้านสักตัวมานานแล้ว ฉันขอเจ้าเหมียวสีดำตัวนี้นะ อย่าลืมเขียนโปรแกรมให้มันเชื่อง ๆ ว่าง่ายกับฉันด้วยล่ะ เจอรัลด์!”

        ปัณณ์รีบจับจองหุ่นยนต์แมวที่ตนหมายตาเอาไว้ แถมยังมัดมือชกเจอรัลด์ให้ทำตามใจเขาอีกต่างหาก และแม้จะไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าใดนัก แต่ก็ไม่มีใครในหมู่บ้านคิดจะยุ่งกับชายคนนี้ เพราะหากทำให้ปัณณ์ไม่พอใจ ชายหนุ่มก็พร้อมจะสร้างความรำคาญให้พวกเขา ได้ไม่แพ้กับที่เจอรัลด์เคยทำเอาไว้เลยทีเดียว

        “แล้วเรื่องละลายน้ำแข็ง...”

        เจอรัลด์หันไปถามริวที่ทำท่าเหมือนจะเดินกลับบ้านพักของเจ้าตัว ก่อนที่จะสะดุ้งโหยงเมื่อริวหันขวับกลับมาจ้องเขาเขม็ง ทว่าหนุ่มญี่ปุ่นก็ไม่ได้หาเรื่องพาลอะไร แต่ก็ยังคงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างห้วนกว่าปกติอยู่ดี

        “ทิ้งไว้สักไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็กลับเป็นปกติแล้ว คุณกับคนอื่นก็แซะพวกนั้นจากพื้นถนนเอาไปขังรวมไว้ก่อนก็แล้วกัน ...แล้วกรุณาอย่าทำให้มันหลุดออกมาอีกครั้งด้วยนะ”

        เจอรัลด์ส่งยิ้มเจื่อนให้คนพูด แล้วหันไปลอบถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นแฟนธอมยืนจด ๆ จ้อง ๆ สุนัขแช่แข็งแถวนั้นอย่างสนอกสนใจ

        “คุณแฟนธอมอยากได้สัตว์เลี้ยงสักตัวไหมครับ เดี๋ยวผมสร้างให้เป็นพิเศษเลย เอาแบบให้สามารถฉายภาพผมผ่านดวงตาได้ หรือจะเอาแบบติดต่อสื่อสารกับผมแทนมือถือก็ยังได้นะครับ”

        นักประดิษฐ์หนุ่มรีบบอกอย่างประจบ ทว่าคุณสมบัติที่ได้รับฟังก็ทำให้แฟนธอมตัดสินใจปฏิเสธออกไปโดยไม่ต้องคิดนาน

        “จะเอาสัตว์เลี้ยงหรือหุ่นยนต์โรคจิตมาให้ฉันกันแน่ล่ะนั่น...ไม่เอาล่ะ แค่อเล็กซ์ก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว”

        เจอรัลด์มองคนพูดตาปริบ ๆ แล้วนึกสงสารแทน AI อัจฉริยะที่ถูกคนรักของเขามองไม่แตกต่างจากสัตว์เลี้ยงประจำหมู่บ้านสักเท่าใดนัก

                 

        อีกด้านหนึ่งกีรติที่ยืนอยู่ห่าง ๆ จ้องมองไล่ตามหลังริวไปอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินหงุดหงิดกลับเข้าบ้านพักไปโดยไม่คิดหันมาล่ำลาคนอื่น ทว่าพอเขาหวนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ปัณณ์จะเข้ามาแทรก ชายหนุ่มก็ต้องหน้าแดงวาบ เพราะสีหน้าของริวยามนั้นดูผิดจากยามปกติอยู่มาก และดูเหมือนว่าชายหนุ่มกำลังจะบอกบางอย่างกับเขา หากแต่ก็โดนขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน

        “หือ...เป็นอะไรไปน่ะกี หน้าแดงเชียว”

        ปัณณ์เอ่ยถามอย่างแปลกใจ  นักเขียนหนุ่มนั้นเตรียมจะตรงกลับบ้านพักบ้างเช่นกัน แต่พอเดินผ่านกีรติก็สังเกตเห็นใบหน้าแดง ๆ ของยามกะเช้าประจำหมู่บ้านเข้าให้เสียก่อน

         “อ๊ะ! ผม...คือ...”

        กีรติที่ไม่คิดว่าจะถูกคนอื่นเห็นสีหน้ายามนี้ พยายามคิดหาคำแก้ตัวด้วยความอาย ส่วนปัณณ์นั้นก็ยิ่งจ้องคนตรงหน้าเขม็ง ชายหนุ่มขมวดคิ้วยุ่ง ก่อนจะทุบมือตามมาแล้วโพล่งดังลั่น

        “อ้อ! จริงสิ เมื่อครู่ฉันขัดจังหวะสารภาพรักของพวกเธอใช่ไหมล่ะ! ขอโทษ ๆ เผอิญมัวแต่อยากจับแมวมาเลี้ยงมากไปหน่อยน่ะ!”

        เสียงของปัณณ์นั้นไม่ค่อยเอาเสียเลย และนั่นจึงทำให้ทุกคนที่กำลังแยกย้ายกลับบ้านพักหยุดชะงักฝีเท้า และต่างหันขวับกลับมามองทั้งคู่เป็นตาเดียวด้วยความสนใจ

        “สะ...สารภาพรัก..หรือครับ”

        กีรติถามกลับเสียงสั่น ซึ่งปัณณ์ก็ยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี

        “ก็ใช่น่ะสิ ท่าทางแบบนั้นใครดูก็รู้!”

        บรรดาคนมุงทั้งหลายพอได้ยิน ต่างก็กระพริบตาปริบ ๆ กันเป็นแถว เพราะคนพูดนั้นทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขากำลังสารภาพรักกันอยู่ ก็ดันไปขัดจังหวะเขาเสียอย่างนั้น แถมถึงจะพูดขอโทษ แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้มีความสำนึกผิดอย่างคำพูดแม้แต่น้อย

         “อืม...งั้นฉันคงต้องขอแก้ตัวไถ่โทษ โดยที่ฉันจะช่วยเป็นคิวปิดสานรักให้พวกเธอแทนแล้วกันนะ!”

        พอปัณณ์พูดจบ เจ้าตัวก็ไม่คิดรอคำแย้งหรือตอบรับของกีรติแต่อย่างใด ชายหนุ่มยกมือขึ้นอังหน้าผากของอีกฝ่าย ท่ามกลางสีหน้าและสายตาตื่นตระหนกปนตกใจของชาวหมู่บ้านที่มองมา

        “เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนปัณณ์!”

        เสียงใครคนหนึ่งตะโกนห้าม ทว่าไม่ทันแล้ว ฝ่ามือของปัณณ์มีแสงสีขาวเรืองรองเกิดขึ้น นัยน์ตาสีดำก็กลับกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มขึ้นอย่างน่าประหลาด

        “อะ...คุณปัณณ์...จะทำอะไร...หรือ...ครับ”

        กีรติถามติดขัด รู้สึกว่าหนังตาหนักขึ้นทุกที เขายืนโงนเงนจนคนที่มองอยู่รอบ ๆ นึกเป็นห่วงและเตรียมจะเข้ามาช่วย หากแต่ปัณณ์นั้นก็ประคองร่างเล็กเอาไว้เองเสียก่อน

        “ก็จะช่วยให้ความรักของพวกเธอสมหวังไว ๆ แบบโรแมนติก เหมือนในนิทานยังไงล่ะ”

        ปัณณ์บอกพร้อมรอยยิ้ม ทว่ากีรติก็เห็นสีหน้านั้นเพียงเลือนราง และไม่นานนักชายหนุ่มก็สติดับวูบ หลับลงในอ้อมแขนของอีกฝ่าย ทำเอาเรนที่ยังไม่ได้ตามริวเข้าบ้านพักไปก่อนหน้านั้น รีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมคุไรอย่างตกใจ

        “คุณทำอะไรเขาน่ะ!”

        เรนตวาดใส่ปัณณ์อย่างโมโห หากแต่ปัณณ์นั้นกลับยิ้มน้อย ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ทว่าบรรยากาศรอบ ๆ ตัวของปัณณ์กลับทำให้คุไรในร่างมนุษย์ขนลุกซู่ เช่นเดียวกับชิโระซึ่งนาน ๆ จะมีโอกาสได้เห็นอีกฝ่ายในร่างที่ใกล้เคียงกับตัวตนที่แท้จริงของเจ้าตัวสักที

        “ใจเย็น ๆ หนุ่มน้อย...ฉันก็แค่จะช่วยเป็นพ่อสื่อให้พี่ชายเธอกับกีเขา แทนคำขอโทษที่ฉันขัดจังหวะเรื่องเมื่อครู่ก็แค่นั้นเอง”

        ปัณณ์ตอบคำถามอย่างใจเย็น เขายื่นร่างกีรติส่งให้เรนรับไปประคอง นัยน์ตาสีน้ำเงินที่เปล่งประกายวาววับก็ค่อย ๆ กลับคืนเป็นสีดำดังเดิม

        “ฉันร่ายเวทมนต์สาปให้เขาหลับแบบเจ้าหญิงนิทราน่ะ แน่นอนว่าคนที่จะมาปลุกให้เขาตื่นได้ ก็ต้องแก้คำสาปแบบเจ้าชายในนิทานล่ะนะ ...อ้อ! แล้วถ้าไม่ใช่คนที่มีใจตรงกับเขา ถึงจูบให้ตายก็ไม่ตื่นหรอก!”

        คนที่ได้ยินคำพูดประโยคหลังนั้นล้วนพากันเงียบกริบ มีบางคนที่แสนจะสงสัย แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามออกไป ด้วยเกรงกลัวว่าคำตอบนั้นจะทำให้ทุกคนเครียดหนักยิ่งกว่าเดิมเสียก่อน   

         ซึ่งนั่นก็คือคำถามที่ว่า หากแท้จริงแล้วเมื่อครู่ ริวไม่ได้กำลังสารภาพรักกับกีรติ และทั้งสองไม่ได้ต่างชอบพอกันล่ะก็ มันยังจะมีวิธีแก้คำสาปนี้คืนได้หรือไม่กันแน่ นั่นเอง



       
... TBC …

ทิ้งท้ายไว้ให้ค้างเล่น...หุ ๆ   พรุ่งนี้มืด ๆ ค่ำ ๆ เจอกันค่ะ

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
ใครก็ได้หาคนมาแทงตูดไอ้คุณปัณณ์ที
ชอบสร้างเรื่อง! ชอบขัดจังหวะ! ชอบโพทนา! ชอบคิดเองเออเอง! เอาตัวเองเป็นใหญ่!
มันน่าโดนผู้ชายสักคนสวนก้นจริงๆ
ต้องมาตามลุ้นแล้วว่าทีนี้คำสาปจะแก้ได้หรือเปล่า
ว่าแต่ชิโรกับคุไรนี่มันยังไงกันน่าาาาาา
แต่ขอเถอะเอาไอ้คุณปัณณ์ออกจากหมู่บ้านที~~~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-09-2013 20:05:51 โดย Chichi Yuki »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ชะรอยน้อย

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 973
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-0
อ้ากกกก อยากอ่านฉากหวาน

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
โอ๊ยยย คุณปัณณ์
ชื่อปัณณ์นี่แสบเหมือนกันทุกเรื่องรึป่าว 55555

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ใจตรงกันสิแหม่ ขี้เกียจเดาละใครพระเอก  :laugh:

ออฟไลน์ DoubleBass

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 448
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
จูบเลยจูบเลย!!!

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ปัณณ์ คู่ เรน

ชิโระ  คู่ คุไร

ช่ายป่าว มั่วแระเรา

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
อดีตนู๋กีน่าสนใจจริง ๆ  เริ่มคลีคลายมาทีละนิดแล้ว

คุณริวต้องจูบหนูกีนะ ไม่งั้นหนูกีไม่ฟื้นล่ะแย่เลย


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
อัยยะ. ปัณน์ช่วยกีกับริวชิมิ  :laugh:

ลุ้นให้เจ้าชายริวจูบปลุกเจ้าหญิงกี

บวกเป็ด

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
คุณปัณณ์นี่ตัวอันตรายสำหรับทุกคนในหมู่บ้านจริงๆนะ ฮ่าาาา
รอดูฉากปลุก ริวจะทำไงน้าาา อิอิ

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
อิตาปัณณ์นี่แหละ ตัวอันตรายสุดๆของหมู่บ้านเลย ฮ่าๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
แล้วหนูกีจะตื่นไหมเนี้ยยนน อ๊ากกกปัณณ์ ทำอะไรลงไปป

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
เอิ่ม...  หาคู่ให้ปัณณ์ที เอาแบบปราบให้สงบเลยนะ 5555

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
ปัณณ์ตลกดีนะ  ฮ่าๆ

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
ลงช้าไปวันขออภัยด้วยนะคะ พอดีเมื่อวานหัวมึน ๆ นอนดึกหลายคืน เลยเบลอ นึกว่าลงไปแล้ว --" วันนี้มาลงให้แล้วค่ะ
แล้วก็ต้องขอแจ้งว่า จะทันต้นฉบับแล้วนะคะ ดังนั้น ต่อจาก 20 เป็นต้นไปนี้คงไม่ได้โพสทุกวันแล้วค่ะ  แต่จะพยายามไม่ให้ทิ้งช่วงหายห่างนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่าน รวมไปถึงท่านที่แสดงความเห็นทุกท่านค่ะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งมากเลยทีเดียว

 :pig4:


บทที่ 19
เจ้าหญิงนิทรา


 

            กรกฎที่ได้รับแจ้งเรื่องกีรติถอนหายใจยาวอย่างระอา เคราะห์ดีที่เวธน์ไม่มาทำงานวันนี้ เพราะต้องไปร่วมงานเลี้ยงส่งที่บริษัทเก่า ส่วนปาลินก็ตามไปประกบอีกฝ่ายไม่ให้คลาดสายตาด้วยความหึงตามปกติ   

            “ขืนคนนั้นอยู่ด้วย เผลอ ๆ จะยิ่งทำให้เรื่องยุ่งยากกว่าเดิมไปอีก”

            กรกฎบ่นพึมพำอย่างพอจะรู้นิสัยชอบก่อเรื่องวุ่นวายของนายจ้างเป็นอย่างดี

            “คุณปัณณ์ก็เหลือเกิน จะช่วยดี ๆ ก็ไม่ได้”

            เลขาหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง เมื่อหวนคิดถึงตัวปัญหาระดับต้น ๆ ของหมู่บ้าน ถึงปัณณ์จะไม่ได้มีส่วนดึงคนนอกเข้ามาวุ่นวายภายในสถานที่แห่งนี้ เหมือนกับริวและเจอรัลด์ก็ตาม ทว่าแค่ด้วยเพียงตัวชายหนุ่มเอง ก็สามารถสร้างความกลัดกลุ้มให้กับสมาชิกร่วมหมู่บ้าน ได้เสียยิ่งกว่าต้องไปตามสู้รบปรบมือกับพวกคนนอกเสียอีก

            “ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ก็เป็นถึงพ่อมดตัวจริงเสียงจริงนี่นา”

            กรกฎเปรยบ่นพร้อมยิ้มอย่างเอือมระอา แล้วจึงกลับไปทำงานต่อ ส่วนคำสาปของปัณณ์นั้น เขามั่นใจว่าคงจะไม่มีปัญหาอะไรมากนัก เพราะเท่าที่เขาเห็น ทั้งริวและกีรติเองก็ต่างมีความรู้สึกพิเศษให้แก่กันพอสมควร ยกเว้นแต่ว่าปัณณ์จะไม่ร่ายเวทมนต์ผิดบท หรือมีผลแทรกซ้อนแอบแฝงไว้ด้วยนั่นล่ะ

             

            ริวนั่งหน้าเครียดมองกีรติซึ่งหลับบนเบาะนอนที่ปูไว้ในห้องรับแขก ท่ามกลางสายตาสนอกสนใจของชาวหมู่บ้านซึ่งพากันลุ้นว่าชายหนุ่มจะทำอย่างไรต่อไป และนอกจากภายในห้องรับแขกซึ่งมีผู้คนนั่งบ้างยืนบ้างจนแทบเต็มพื้นที่หมดแล้ว นอกบ้านก็ยังมีอีกหลายรายที่ยืนเรียงเกาะรั้วอยู่ ขาดแต่เพียงคนก่อเรื่องที่ตอนนี้กลับบ้านไปพักผ่อนเรียบร้อย

            “พี่ริวจะทำยังไงต่อดีครับ...”

            เรนถามเสียงค่อย เพราะมองดูก็รู้ว่าพี่ชายกำลังโมโหขนาดไหน

            “จะจูบใช่ไหมริว! จูบเลยสิ กีรติจะได้ฟื้นสักที!”

            ชิโระเชียร์ออกนอกหน้า ทว่าก็ต้องสะดุ้งโหยง แล้วรีบกระโดดไปหลบหลังเรนอย่างลืมตัว เพราะสายตาคมกริบของผู้เป็นนายนั้นจับจ้องมายังตนเขม็ง

            “แล้วคุณจะทำยังไงต่อไปล่ะริว จะ..เอ่อ จะทำแบบที่คุณปัณณ์บอกไว้ไหมน่ะ”

            แฟนธอมเอ่ยอย่างไม่เต็มเสียงนักด้วยความเกรงใจ และนั่นจึงทำให้ริวชะงัก ชายหนุ่มนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตามมาด้วยสีหน้าจริงจัง

            “ผมว่าจะลองแก้คำสาปด้วยตัวเองก่อนน่ะครับ”

            คนอื่นพากันลอบถอนหายใจ แต่เสียงถอนหายใจเบา ๆ ของหลายคนก็กลายเป็นเสียงดังได้เหมือนกัน  ทว่าแม้จะรู้สึกแปลก ๆ แต่ริวก็ยังคงทำเป็นนิ่งขรึมไม่ใส่ใจรอบด้าน  ส่วนคนอื่น ๆ แม้จะรู้สึกเสียดายก็ตาม ทว่าพวกเขาต่างแอบคิดเผื่อไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ริวนั้นคงจะไม่ยอมเล่นตามเกมของปัณณ์ง่าย ๆ  แล้วยิ่งมีพวกเขานั่งรายล้อมกันขนาดนี้ ต่อให้บังคับเพียงใด หนุ่มญี่ปุ่นก็ไม่มีทางกล้าจูบกีรติได้แน่

           

            ริวใช้เวลาในการแก้คำสาปต่อเนื่องอยู่พักใหญ่ หากแต่ไม่ว่าเขาจะลองร่ายอาคมบทไหน ก็ไม่อาจจะถอนคำสาปของปัณณ์ได้สำเร็จสักที

            “สมกับที่เคยบอกว่าเป็นพ่อมดของจริงเลยแฮะ นึกว่าจะดีแต่โม้ไปวัน ๆ เสียอีก”

            เจอรัลด์บ่นพึมพำกับตัวเอง ทำให้แฟนธอมซึ่งยืนอยู่ด้วยกันแถวนั้น เหลือบมามอง พลางเปรยตอบอีกฝ่ายเสียงเรียบ

            “ถึงคุณปัณณ์จะดูเป็นตัวป่วน ปากไว แถมพึ่งพาไม่ค่อยได้ แต่ที่จริงแล้วก็ถือเป็นคนมีฝีมือคนหนึ่งล่ะนะ ...ถึงแม้จะไม่ค่อยชอบแสดงออกให้ใครเห็น เพราะความที่เป็นคนเอาแน่เอานอนไม่ได้อยู่แล้วก็เถอะ”

            คำพูดที่คล้ายจะเป็นคำชม ทำเอาคนฟังทำตาปริบ ๆ  เพราะหากเขาเป็นปัณณ์ และมาได้ยินคำชมแบบนี้เข้า คงจะรู้สึกดีใจไม่ออกเป็นแน่

            “อย่างกรณีนี้ เห็นที ริวอาจจะต้องยอมทำตามที่เขาอยากให้ทำก็เป็นได้นะ”

            แฟนธอมพึมพำตามมา เมื่อเห็นกีรตินั้นยังคงหลับลึกไม่ฟื้นดังเดิม ทว่าก็ดูเหมือนริวยังคงไม่ยอมถอดใจ ยังพยายามงัดอาคมต่าง ๆ มาเพื่อช่วยอีกฝ่ายอย่างเต็มที่  แถมพวกชาวบ้านที่เฝ้ามองอยู่ก็พากันลุ้นไม่ยอมแยกย้ายกลับ และมีบางรายคอยยุให้ริวยอมจูบกีรติเป็นระยะอีกด้วย

           
...


ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
..

            “ริวนี่หัวแข็งชะมัด แล้วถ้าเกิดหาอาคมถอนคำสาปไม่ได้ ก็ตั้งใจจะให้กีรติหลับแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ หรือไงนะ!”

            คำบ่นประชดของชิโระที่ดังขึ้น แว่วเข้าหูคนที่เริ่มจะจนหนทางในการถอนคำสาปเข้าทุกที ริวเหลือบมองสัตว์อสูรของเขา แต่เมื่อเห็นชิโระค้อนให้ด้วยความงอน ชายหนุ่มก็ต้องถอนหายใจเบา ๆ ตามมา

            “ถ้าถึงที่สุดแล้วยังทำอะไรไม่ได้ ฉันก็จะใช้วิธีแบบที่คุณปัณณ์อยากให้ทำ...แต่ถ้าเลือกได้ ฉันก็อยากช่วยกีรติให้ฟื้นด้วยมือฉันเองมากกว่า”

            ริวพึมพำตอบกลับทั้งที่ยังก้มหน้าก้มตา เพราะมั่นใจว่าหากเขาเงยหน้าขึ้นมองคนอื่น ๆ ตอนนี้ ไม่คนใดก็คนหนึ่งคงจะต้องยิ้มล้อเลียนเขาอย่างแน่นอน

            “โรแมนติกชะมัด แบบนี้ถ้าคุณกีรติฟื้นมาได้ยิน คงเขินแย่...”

            เจอรัลด์ที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ พึมพำกับตัวเอง แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงมือถือของเขาดังขึ้น

            “หือ...ใครโทรมา...เอ๋ คุณปัณณ์นี่นา!”

            เสียงอุทานของเจอรัลด์ทำให้ทุกคนในที่นั้นหันขวับมามองนักประดิษฐ์หนุ่มเป็นตาเดียว จนคนถูกมองต้องยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะกดรับสายคนโทรเข้ามาและเปิดเสียงออกลำโพงให้ทุกคนได้ยินกันถ้วนหน้า

            “ไง! เจอรัลด์  กีฟื้นหรือยังล่ะ ริวยอมจูบเขาไหม!”

            คำพูดนั้นทำให้ริวชะงักแล้วเม้มปากอย่างหงุดหงิด จนเจอรัลด์ต้องรีบตอบกลับไป

            “ยะ...ยังเลยครับ คุณริวกำลังช่วยแก้คำสาปด้วยตัวเองอยู่น่ะครับ”

            ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะหลุดหัวเราะลั่นตามมาพักใหญ่

            “ฮะ ๆ คิดไว้แล้วไม่ผิด แต่ฝากบอกเขาด้วยนะ ว่าต่อให้ใช้อาคมทุกบทที่เขาเล่าเรียนมา ยังไงก็ไม่มีทางล้างคำสาปของฉันได้หรอก! คำสาปของพ่อมดตัวจริงเสียงจริงน่ะ มันไม่ใช่อะไรที่แก้กันได้ง่าย ๆ นา!”

            เจอรัลด์กลืนน้ำลายลงคอ เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ในที่นั้น ส่วนริวกำหมัดน้อย ๆ ไม่พูดไม่จา ทว่าทุกคนก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศมาคุรอบตัวของชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี

            “อ๊ะ! จริงสิ ฉันว่าจะโทรมาเตือนนี่นา ยังไงก็ฝากนายไปบอกริวเขาด้วยล่ะ ว่าอย่ามัวแต่เล่นตัวมากนัก  เพราะคำสาปฉันไม่ใช่คำสาปกิ๊กก๊อกทั่วไป แต่เป็นคำสาปที่มีระยะเวลากำหนดด้วยล่ะนะ!”

            “ระยะเวลา! หมายความว่ายังไงครับ!”

            เสียงของริวที่ตะโกนแทรกขึ้นมาหลังปัณณ์พูดจบ ทำให้คนปลายสายชะงักเล็กน้อย ก่อนเอ่ยทักทายตามมาอย่างอารมณ์ดี

            “นายก็อยู่ด้วยหรือริว  งั้นบอกให้ฟังเลยก็ได้ อืม...นี่กี่โมงแล้วนะ”

            ริวและทุกคนนิ่งเงียบรับฟังอย่างพยามอดทนอดกลั้นอารมณ์ขุ่นมัวเต็มที่ เพราะปัณณ์นั้นเหมือนจะเงียบหายไปจากสายพักหนึ่ง แต่ก่อนที่จะมีใครเรียกย้ำให้ปลายสายพูดมาสักที เสียงของพ่อมดหนุ่มก็ดังขึ้นเสียก่อน

            “ฮะ ๆ ขอโทษที มัวแต่ไปหานาฬิกามาดูเวลา แต่ดันจำไม่ได้ว่าตอนใช้คำสาปนั่นเป็นเวลาเท่าไหร่  แต่คิดว่าน่าจะยังทันอยู่มั้ง!”

            “หมายความว่ายังไงครับ! แล้วเกี่ยวอะไรกับเวลาที่ว่าด้วย!”

            ริวที่ใจร้อนและสังหรณ์ใจไม่ดี โพล่งขัดขึ้นอย่างหมดความอดทน ทว่ากลับได้ยินเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีจากปลายสายแทน ก่อนที่เจ้าของเสียงหัวเราะจะอธิบายตามมาหลังจากนั้น

            “มันเกี่ยวกันตรงที่ว่า ถ้าพ้นสามสิบนาที นับจากคำสาปเริ่มทำงานไปแล้ว ทีนี้ต่อให้นายจะทำยิ่งกว่าจูบ มันก็จะไม่เกิดผลอะไรเลยน่ะสิ  กีก็จะหลับเป็นเจ้าหญิงนิทราของจริงไปเรื่อย ๆ ล่ะนะ... หือ? ใครมากดออดหน้าบ้านหว่า...อ๊ะ! งั้นฉันขอตัวก่อนล่ะ ขอให้โชคดีในการแก้คำสาปนะ บาย!”

            ปัณณ์ตัดบทพร้อมกดวางสาย ท่ามกลางความตื่นตระหนกของทุกคนในที่นั้น  ทางด้านริวถึงกับหน้าถอดสีเพราะไม่คิดว่าคำสาปของปัณณ์จะมีกำหนดระยะเวลาแบบนี้ด้วย ส่วนเจอรัลด์ที่ตกใจไม่แพ้กันเป็นฝ่ายตั้งสติได้ก่อนใคร นักประดิษฐ์หนุ่มกดปุ่มที่ต่างหูข้างซ้าย แล้วติดต่อกับ AI ของเขาทันที

            “อเล็กซ์! ช่วยเช็คบันทึกเวลานับตั้งแต่ตอนที่คุณปัณณ์ใช้คำสาปกับคุณกีรติ จนถึงตอนนี้ให้ด้วย ด่วนเลยนะ!”

            คำสนทนากับอเล็กซ์ทำให้ทุกคนในที่นั้นพากันได้สติ และต่างหันขวับมามองเจอรัลด์เป็นตาเดียว   

            “ได้ข้อมูลมาแล้วครับมาสเตอร์...เวลาที่คุณปัณณ์เริ่มใช้คำสาป คือเวลา 11.15 นาฬิกา ...เวลาที่คุณกีรติเริ่มหลับไปเพราะคำสาป คือเวลา 11.18 นาฬิกา  และเวลาปัจจุบันนี้ก็คือ 11.46 นาฬิกาครับ”

            อเล็กซ์ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการตรวจสอบ แต่การรายงานผลผ่านลำโพงเล็ก ๆ ซึ่งเป็นเข็มกลัดติดปกเสื้อเชิ้ตของเจอรัลด์นั้น ก็ทำให้ทุกคนใจหายวาบ เพราะเวลาตอนใช้คำสาปคือเวลา 11.15 นาฬิกา หากนับเพิ่มไปอีกสามสิบนาทีมันควรจะเป็นเวลา 11.45 นาฬิกา ที่บัดนี้ได้เกินเวลาไปเสียแล้ว

            “เดี๋ยวก่อนสิครับ! อย่าเพิ่งถอดใจ! เมื่อครู่นี้คุณปัณณ์บอกไม่ใช่หรือครับว่า นับตั้งแต่ตอนคำสาปเริ่มทำงาน นั่นก็น่าจะเป็นเวลาที่คุณกีรติหลับมากกว่า!”

            เรนที่ฟังอยู่และนึกขึ้นได้รีบโพล่งแย้งขึ้นมา ทำให้คนอื่น ๆ ต่างพากันชะงัก จากนั้นนักประดิษฐ์หนุ่มจึงรีบเช็คเวลากับ AI ของเขาอย่างรวดเร็ว

            “ถ้านับจากตอนนั้นจะเหลือเวลาอีกเท่าไรกันอเล็กซ์!”

            “ถ้านับจากเวลา 11.18 นาฬิกา แล้วบวกเพิ่มไปอีกสามสิบนาที เวลาที่เหลือก็... 30 วินาทีครับ!”

            ขาดคำของอเล็กซ์ ทางด้านริวก็ไม่คิดจะซักถามอะไรใครอีก เขาประคองร่างของกีรติมาไว้ในอ้อมกอด พลางโน้มใบหน้าลงไปจูบที่ริมฝีปากบางได้รูปนั้นอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนที่มองอยู่ แต่พอริวถอนริมฝีปากออกมา ต่างคนก็ต่างพากันลุ้นเอาใจช่วยให้กีรติฟื้นอย่างเต็มที่ โดยไม่มีใครคิดเรื่องล้อเลียนทั้งคู่ในยามนี้เลยแม้แต่คนเดียว

            “กีรติ...ฟื้นสิ...ทำไมล่ะ เวลายังเหลือใช่ไหม อเล็กซ์”

            ริวหันไปถามทางเจอรัลด์อย่างตกใจ ซึ่งนักประดิษฐ์หนุ่มก็รีบติดต่อกับสิ่งประดิษฐ์ของเขา และอเล็กซ์ก็รายงานกลับไปตามตรง

            “ยังเหลืออีกห้าวินาทีครับ... 5 4 3 2 1 ครบสามสิบนาทีพอดีครับ”

            แต่ละคนเงียบกริบ พูดอะไรไม่ออก ริวนั้นหันกลับมามองคนในอ้อมกอด พลางกระซิบเรียกชื่อของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

            “กีรติ...ได้โปรด ฟื้นขึ้นมาทีเถอะ อย่าหลับแบบนี้เลย ...ผมรักคุณนะ กีรติ”

            เรนที่มองอยู่สงสารพี่ชายจับใจ คนอื่น ๆ ก็พากันเงียบกริบ และต่างเตรียมทยอยแยกย้ายจากไป เพื่อเปิดโอกาสให้ริวอยู่กับกีรติตามลำพัง ทว่าเดินกันไปแค่ก้าวสองก้าว พวกเขาก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงครางเบา ๆ จากลำคอคล้ายคนละเมอ ดังจากร่างเล็กที่หลับอยู่

            “อือ...”

            “กีรติ! คุณฟื้นแล้วสินะ!”

            ริวเรียกชื่อคนในอ้อมกอดอย่างตื่นเต้น ส่วนคนอื่น ๆ ก็พากันกรูมารุมล้อม และพอกีรติลืมตาขึ้น ชายหนุ่มก็ต้องพบกับความตกใจแกมประหลาดใจ เมื่อเห็นทุกคนพากันจับจ้องมองมายังเขา แถมแต่ละคนก็ล้วนมีสีหน้ายิ้มแย้มยินดีด้วยกันทั้งสิ้น

            “เกิดอะไรขึ้นหรือครับ... อ๊ะ...คุณริว...ทำไมผมถึง...”

            กีรติพึมพำด้วยความเขิน เพราะเขาเพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังอยู่ในอ้อมกอดของริวขณะนี้ แถมยังถูกทุกคนจ้องมองเขม็งเข้าให้ด้วยอีกต่างหาก

            “กีรติ...”

            ริวเรียกชื่อคนในอ้อมกอดเสียงแผ่วแล้วกระชับร่างนั้นมาแนบอก จนกีรติสะดุ้งโหยง และแม้จะงุนงงเพียงใดก็ตาม ทว่าความอบอุ่นและอ่อนโยนที่ริวแสดงออก ก็ทำให้เขาไม่คิดจะขัดขืนดิ้นรนเพื่อหนีให้พ้นจากอ้อมกอดนี้แต่อย่างใด

            “ฮะ ๆ ดีจริง ๆ พ้นเคราะห์กันเสียที”

            เสียงใครบางคนเอ่ยขึ้นอย่างโล่งอก จากนั้นแขกไม่ได้รับเชิญแต่ละรายก็ตัดสินใจแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้พวกเขาแยกกันไปด้วยความสุขผิดจากก่อนหน้านั้นลิบลับ แต่ยังไม่ทันจะพ้นเขตห้องรับแขก เสียงโทรศัพท์ของเจอรัลด์ที่ดังขึ้นอีกครั้งก็ทำให้ทุกคนหยุดชะงักเท้ากันเสียก่อน

            “ง่า...คุณปัณณ์โทรมาอีกรอบแล้วล่ะครับ”

            เจอรัลด์บอกไม่เต็มเสียง แม้จะรู้สึกสังหรณ์แปลก ๆ ก่อนมองเบอร์อยู่บ้างก็ตาม

            “ไง! ตกลงช่วยได้ทันเวลาไหมล่ะ! เมื่อครู่ว่าจะบอกแล้ว แต่พอดีเจอคนมาทวงค่ากับข้าวเสียก่อน เลยไม่ได้บอกน่ะ ฮะ ๆ”

            เสียงปัณณ์ดังขึ้นผ่านลำโพงมือถืออย่างร่าเริง ทำเอาแต่ละรายในที่นั้นยกเว้นกีรติ เริ่มไม่สบอารมณ์ปนหมั่นไส้ขึ้นมาเล็กน้อย

            “อ๊ะ! มัวแต่คุยเดี๋ยวจะลืมอีก ฉันจะโทรมาบอกว่า ถ้าไม่ทันเวลาจริง ๆ ก็ไม่ต้องซีเรียสอะไรหรอกนะ เดี๋ยวฉันไปถอนคำสาปให้เอง สาปได้ก็ถอนได้อยู่แล้ว  อ้อ! จะมาบอกแค่นี้ล่ะ!”

             บอกจบปัณณ์ก็ตัดสายทิ้งไปโดยไม่คิดสนทนาต่อ ทำเอาเจ้าของโทรศัพท์อย่างเจอรัลด์ถึงกับกระพริบตาปริบ ๆ ส่วนบรรดาคนที่เครียดกันไปก่อนหน้านั้น ออกอาการนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออกไปพักใหญ่เลยทีเดียว

            “เอ่อ...ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่หรือครับ”

            และแม้จะหงุดหงิดปวดหัวกันสักเพียงใด ทว่าคำถามด้วยสีหน้างุนงงของกีรติ ก็เรียกทุกคนกลับมาจากภวังค์จนได้ จากนั้นเสียงหัวเราะจึงดังประสานกันไปทั่วบ้านไม่เว้นกระทั่งริวเองก็ตาม โดยที่กีรติก็ได้แต่มองคนโน้นทีคนนี้ที อย่างไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นอยู่ดีนั่นเอง

 

            หลังจากเหตุการณ์ทั้งหลายผ่านพ้นไปด้วยดี แฟนธอมก็หันไปบอกลาริวและรุ่นน้องของเขา

            “ถ้าอย่างนั้นพวกผมขอตัวก่อนนะริว... ส่วนนายอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพักก็ได้กีรติ เดี๋ยวฉันไปอยู่ยามช่วงบ่ายให้แทน เพราะถ้าจะให้นอนตอนนี้ก็หลับไม่ลงแล้วล่ะ”

            เจอรัลด์พอได้ยิน ก็รีบอาสาตามไปอยู่ยามด้วยคน แต่ก็ถูกชายหนุ่มสั่งห้ามทันที

            “ไม่ได้! นายน่ะกลับไปซ่อมหุ่นยนต์หมาแมวนั่นให้เสร็จก่อนเถอะ!”

            เจอรัลด์ชะงักกึก พลางส่งยิ้มเจื่อน ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องบางอย่างที่ดูเหมือนว่าเขาจะลืมไปเสียสนิท

            “เอ่อ...ผมว่าบางทีพวกมันคงจะไม่อยู่รอให้ผมซ่อมแล้วล่ะครับ”

            คนอื่นที่ยังเดินไม่พ้นเขตบ้านพักพากันสะดุ้งโหยง เพราะมัวแต่ตกใจเรื่องของกีรติ ทุกคนจึงนำหุ่นยนต์แช่แข็งนั่นมากองรวมกันไว้หน้าบ้านพักของเจอรัลด์ ซึ่งดูจากเวลาที่ริวเคยบอก น้ำแข็งที่ขังแต่ละตัวเอาไว้ก็น่าจะละลายกลับเป็นปกติเรียบร้อยหมดแล้ว

            “เจอรัลด์... อย่าบอกนะว่าก่อนจะมาที่นี่ นายยังไม่ได้จับพวกนั้นขังกรงไว้ก่อนน่ะ”

            แฟนธอมถามด้วยสายตาคาดคั้น ทำเอาเจอรัลด์ต้องแก้ตัวกลับไปเสียงอ่อย

            “กะ...ก็ ผมคิดว่าคุณริวไม่น่าจะใช้เวลาจูบกับคุณกีรตินานเท่าไรนัก ผมก็เลยไม่ได้จับพวกมันขังเอาไว้น่ะครับ”

            คำตอบของเจอรัลด์ ทำเอาริวถึงกับทำตาปริบ ๆ ส่วนกีรติพอได้ยินคำว่าจูบ ชายหนุ่มก็หน้าแดงวาบ แม้จะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกก็ตาม

            “ให้ตายเถอะ! ป่านนี้หนีออกจากหมู่บ้านกันไปหมดแล้วมั้ง! อเล็กซ์ พวกนั้นหนีกันไปนานแล้วหรือยังน่ะ! แล้วทำไมนายถึงไม่แจ้งให้พวกเราทราบเลยหา!”

            แฟนธอมหันมาโวยใส่คนรักและสิ่งประดิษฐ์ของเจ้าตัวในคราเดียวกัน ทำเอาเจอรัลด์ต้องกลืนน้ำลายลงคอ ส่วนอเล็กซ์รีบชี้แจงตามมา ก่อนจะโดนแฟนธอมบ่นใส่หนักยิ่งกว่านี้

            “ผมเห็นทุกคนกำลังเป็นห่วงเรื่องของคุณกีรติ จึงยังไม่ได้แจ้งน่ะครับ อีกอย่างข้อมูลที่ถูกโจรกรรมก็มีเพียงข้อมูลงานทดลองตัวล่าสุดที่มาสเตอร์คิดค้นมาแค่ไฟล์เดียวเท่านั้นเองครับ!”

            เจอรัลด์นิ่งคิดพลางทำเสียงฮึมฮำในลำคอ แล้วสักพักจึงมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจ้าตัว   

            “ถ้าเป็นไฟล์นั้นไฟล์เดียว ผมว่าไม่ต้องซีเรียสกันหรอกครับ ข้อมูลที่ถูกขโมยไป เป็นแค่ข้อมูลของอาวุธชีวภาพที่ผมคิดค้นขึ้นมา มันก็แค่เชื้อไวรัสธรรมดาที่สามารถเปลี่ยนคนให้กลายสภาพเป็นเหมือนซอมบี้ได้เท่านั้นเอง”

            คำตอบของอีกฝ่ายทำให้ทุกคนเงียบกริบไปชั่วขณะ แล้วจึงโพล่งขึ้นตามมาแทบจะพร้อม ๆ กัน   

            “แบบนั้นมันธรรมดาตรงไหนกัน หา!”

            เสียงประสานลั่นห้องทำให้คนฟังสะดุ้งโหยง แล้วจึงรีบอธิบายให้ทุกคนฟังยกใหญ่

            “ธรรมดาจริง ๆ นะครับ! ก็ถ้าฉีดวัคซีนเข้าไปแล้ว คนถูกฉีดก็จะเป็นเหมือนซอมบี้ ไม่กิน ไม่นอน ไม่มีความรู้สึก  ไม่ได้เป็นแบบในหนังที่เที่ยวไปไล่กัดแพร่เชื้อใครหรอกนะครับ…ที่สำคัญมันมีผลแค่ 24 ชั่วโมงเอง และหากไม่มีวัตถุดิบหลักที่เป็นเลือดของผม ก็ไม่มีทางสร้างได้เองหรอกครับ!”

            คนฟังบางคนทำเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็ยังมีหลายคนขมวดคิ้วงุนงง ว่าเจอรัลด์จะทำของพวกนี้ขึ้นมาเพื่ออะไร

            “ผมสร้างเอาไว้ก่อนหน้านั้นสักพักแล้วล่ะครับ ลำพังศัตรูที่เป็นหุ่นยนต์ก็ลงมือกำจัดได้ไม่ลำบากนัก แต่ถ้าเป็นพวกสิ่งมีชีวิต ต่อให้เป็นอมนุษย์ก็เถอะ จะให้เข่นฆ่ากันในเขตหมู่บ้านก็ไม่ดีใช่ไหมล่ะครับ ผมเลยคิดค้นไวรัสตัวนี้ขึ้น โดยตั้งใจจะให้แต่ละคนเก็บไว้ หากเจอศัตรูร้าย ๆ ที่จำต้องลงมือรุนแรงใส่ ก็จะได้ฉีดเข้าร่างอีกฝ่ายเพื่อสตาฟเอาไว้ชั่วคราว  แล้วจะจัดการยังไงต่อไปก็ค่อยว่ากันทีหลัง ...พวกคุณก็รู้ไม่ใช่หรือครับ ว่าผมเป็นพวกนักสันตินิยมน่ะ!”

            หลังเจอรัลด์พูดจบเสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน ทว่าครั้งนี้แต่ละคนคนก็ล้วนมีรอยยิ้มแตกต่างจากก่อนหน้านั้น พวกเขาพากันแยกย้ายกลับไปพักผ่อน แม้จะรู้สึกเสียดายเรื่องสัตว์เลี้ยงมากก็ตามที

            “แล้วอย่างนี้ผมจะไปอยู่ยามเป็นเพื่อนคุณแฟนธอมได้หรือยังครับ”

            เจอรัลด์ที่เดินออกจากบ้านริวพูดอ้อนคนที่เดินมาข้าง ๆ เขา ทางด้านแฟนธอมค้อนให้นิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอันใด ทว่าใบหูขาวที่บัดนี้แดงระเรื่อน้อย ๆ ก็ทำให้เจอรัลด์ยิ้มกว้าง แล้วจึงเดินตามชายหนุ่มไปเงียบ ๆ โดยไม่ซักไซ้ต่อให้แฟนธอมต้องเขินมากไปกว่านี้

           

            เมื่อแขกไม่ได้รับเชิญทยอยออกจากบ้านกันไปหมดแล้ว เรนก็เหลือบมองพี่ชายและคนในอ้อมกอดของพี่ตน ด้วยใบหน้าระบายยิ้ม ก่อนจะแสร้งเปรยขึ้นบ้าง

            “คุไร! ชิโระ! พวกเราไปเตรียมมื้อกลางวันกันเถอะ!”

            สัตว์อสูรทั้งสองฟังแล้วก็หันไปเหลือบมองพวกริว ทั้งคู่ยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงทำเป็นขานรับคำและเดินตามเรนไปติด ๆ และเมื่อทั้งห้องเหลือเพียงกีรติกับริว ทางด้านหนุ่มญี่ปุ่นจึงลอบถอนหายใจเบา ๆ แต่ก็ยังคงไม่ยอมปล่อยร่างในอ้อมกอดของเขาให้เป็นอิสระอยู่ดี

            “เอ่อ...คุณริวครับ ปล่อยผมก่อนดีไหมครับ”

            กีรติอ้ำอึ้งบอกด้วยใบหน้าเขินอาย ทำให้คนมองยิ่งนึกอยากแกล้งให้เจ้าตัวอายหนักมากขึ้นไปอีก

            “ไม่ได้หรอก...เกิดผมปล่อยแล้วคุณหลับไปอีกครั้ง คงจะไม่ดีแน่”

            น้ำเสียงกระซิบอ่อนโยนใกล้หู ทำให้คนฟังรู้สึกจั๊กจี้ปนเขิน ก่อนจะตอบกลับอุบอิบอย่างไม่เต็มเสียงนัก

            “เอ่อ...ผมยังไม่ง่วงตอนนี้หรอกครับ... คงไม่หลับง่าย ๆ หรอก...”

            กีรติบอกด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ทำเอาริวนึกขำที่อีกฝ่ายก็ยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์ที่ผ่านมาอยู่ดี ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เจ้าตัวฟัง ซึ่งกีรติก็มีสีหน้าหลากหลายให้คนเล่าได้อมยิ้มไปตลอดจนเล่าจบ

            “ถะ...ถ้างั้น คุณริวกับผมก็...จะ...จูบกันแล้วหรือครับ”

            กีรติบอกเสียงสั่น ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงหนักขึ้นไปอีก

            “ใช่...แถมผมก็สารภาพรักกับคุณไปแล้วด้วยนะ แต่ตอนนั้นคุณยังหลับไม่รู้เรื่องอยู่  ผมก็เลยตั้งใจจะสารภาพให้คุณฟังใหม่อีกรอบ...อยากฟังไหมล่ะครับ...กี”

            ริวจงใจเรียกชื่อเล่นของอีกฝ่ายทำเอาคนถูกเรียกหน้าแดงหนักยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า

            “ว่ายังไงล่ะครับ กี...อยากฟังคำสารภาพของผมอีกครั้งไหม...หรือว่าไม่อยากฟัง”

            ท้ายประโยคนั้นหนุ่มญี่ปุ่นแสร้งทำเป็นตีหน้าเศร้า จนคนมองสะดุ้งโหยง จึงรีบจับเสื้อของอีกฝ่ายแล้วบอกละล่ำละลักตามมา

            “ยะ...อยากฟังสิครับ...อยากฟังมากที่สุดเลยล่ะครับ!”

            พอพูดจบกีรติก็ชะงักกึกหน้าแดงก่ำ เพราะเพิ่งนึกได้ว่าเผลอพูดเรื่องน่าอายออกไป ส่วนริวที่ทำเป็นแกล้งเศร้า กำลังมีสีหน้าตกตะลึงต่อคำพูดจริงจังของคนตัวเล็กในอ้อมกอด แต่สักพักชายหนุ่มก็กลับมีรอยยิ้มอ่อนโยน แล้วเอ่ยสารภาพออกไปอีกครั้ง

            “ผมรักคุณนะกี...แล้วคุณล่ะ รักผมเหมือนกันไหม”

            แม้จะรู้ดีอยู่แล้วว่า หากกีรติไม่มีใจให้เขา ก็คงไม่ฟื้นขึ้นมาจากคำสาปของปัณณ์ ทว่าริวก็ยังไม่แน่ใจในเรื่องนี้อยู่ดี จนกว่าจะได้ยินจากปากของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน

            “ผะ..ผม ก็คิดว่าตัวเอง เอ่อ...รักคุณนะครับ...คุณริว”

            ริวขมวดคิ้วกับคำสารภาพที่ดูลังเลนั่น แต่พอเห็นอาการหลุบตาหลบด้วยความเขินอายของกีรติยามนี้ ก็ทำให้เขาหลุดยิ้มน้อย ๆ ออกมา พลางหวนระลึกได้ว่ากีรติเองก็ยังไร้ประสบการณ์ด้านความรัก และเวลาที่พวกเขารู้จักกันมันก็ช่างสั้น จนอีกฝ่ายอาจจะยังไม่แน่ใจเรื่องความรักที่มีต่อเขา

            “เอ่อ...คุณริวไม่พอใจหรือเปล่าครับ...ที่ผมไม่พูดให้ชัดเจนไปเลย”

            กีรติที่เห็นริวเงียบไป เงยหน้ามองอย่างรู้สึกผิด แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนตอบกลับมา

            “ไม่หรอก...ผมดีใจนะ ที่ไม่ถูกกีปฏิเสธน่ะ”

            กีรติหน้าแดงวาบพลางก้มหน้าหงึกหงักตอบรับ ถึงจะยังไม่ชินเวลาได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อเล่นของเขาเช่นนี้ แต่ชายหนุ่มก็อดยอมรับไม่ได้ว่า มันช่างฟังดูอบอุ่นและสร้างความรู้สึกดี ๆ ให้กับเขายิ่งนัก

 

            “เอ่อ...ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ แต่พอดีคุณแฟนธอมโทรมาจากป้อมยาม บอกว่ามีคนมาขอพบคุณกีรติ และตอนนี้กำลังรออยู่ที่ป้อมน่ะครับ”

            พอได้ยินเสียงของเรน กีรติกับริวก็สะดุ้งโหยงพลางแยกห่างจากกันแทบทันที และเมื่อชายหนุ่มร่างเล็กเริ่มระงับอาการเขินอายได้แล้ว เขาจึงทบทวนในสิ่งที่เรนพูดมาอีกครั้ง

            “มีคนมาพบผม? ใครหรือครับ?”

            เรนนิ่งนึกชื่อที่ได้ยินเมื่อครู่ แล้วจึงบอกให้อีกฝ่ายรับรู้

            “เอ...เท่าที่ฟังคุณแฟนธอมบอกมา รู้สึกว่าเขาจะชื่อ โนอา น่ะครับ”

            กีรติสะดุ้งเฮือกกับชื่อที่ได้ยิน พลางเอ่ยทวนชื่อที่ได้ยินซ้ำอย่างลืมตัว

            “นะ..โนอา มาที่นี่หรือ ...มาได้ยังไงกัน”       

            กีรติพึมพำด้วยใบหน้าตื่นตระหนก อย่างที่ริวไม่เคยได้เห็นมาก่อน ทว่ายังไม่ทันที่หนุ่มญี่ปุ่นจะซักถามอะไร อีกฝ่ายก็หันขวับมามอง แล้วพูดขึ้นเร็วปรื๋อ

            “คุณริวครับ! ผมขอตัวสักครู่นะครับ!”

            กีรติบอกจบก็รีบวิ่งผลุนผลันออกจากบ้านพักของริว มุ่งตรงไปที่ป้อมยามทันที ส่วนริวนั้นหลังจากตั้งสติได้ เขาก็รีบเร่งฝีเท้าตามมาติด ๆ ก่อนจะหยุดชะงักเล็กน้อย เมื่อได้เห็นแขกของกีรติถนัดตา

            คนซึ่งมาขอพบกีรตินั้น เป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง สวมสูทสีเทาตัดเย็บประณีตทั้งชุด ดูจากใบหน้าแล้วยังอ่อนเยาว์และมีวัยใกล้เคียงกับกีรติ เส้นผมสีทองซึ่งถูกไว้ยาวปรกคอและนัยน์ตาสีฟ้าสดใสนั่น บ่งบอกถึงความเป็นชาวต่างชาติอย่างชัดเจน แถมเจ้าตัวยังเป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาสะดุดตามากคนหนึ่งทีเดียว

 

            อีกด้านหนึ่ง เด็กหนุ่มผมทองที่กำลังยืนเหม่อมองชมวิวในหมู่บ้าน รีบหันขวับกลับมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเข้าใกล้ตน และพอเห็นว่าเป็นกีรติ  เด็กหนุ่มก็เบิกตากว้างด้วยความยินดี พลางวิ่งตรงไปสวมกอดร่างเล็กนั่น โดยไม่สนสายตาของคนอื่นที่ยืนอยู่ด้วยแถวนั้นแม้แต่น้อย

            “คี! ในที่สุดก็ได้เจอกัน! ผมคิดถึงคีมากเลยรู้ไหม!”

            แม้จะแปลกใจอยู่บ้างในเรื่องที่เด็กหนุ่มผมทองสามารถทักทายเป็นภาษาไทยได้อย่างชัดเจน ทว่าภาพที่อีกฝ่ายโน้มใบหน้าลงไปหอมแก้มของคนที่เขาเพิ่งจะสารภาพรักด้วยมาหมาด ๆ  ก็ทำเอาริวนั้นชักจะเริ่มไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเล็กน้อย     

            “เดี๋ยว...ปล่อยก่อน...เรามีเรื่องต้องคุยกันก่อนนะ โนอา!”

            กีรติดันร่างของคนตัวสูงกว่าเขาเกือบยี่สิบเซนติเมตรให้ออกห่าง พร้อมกับขมวดคิ้วยุ่งใส่ ทว่าอีกคนก็ยังคงมีรอยยิ้มตอบเช่นเดิม

            “เขาเป็นใครหรือกี...”

            ริวที่เดินตามมาเอ่ยถามเสียงเรียบ แต่นั่นกลับทำให้กีรติสะดุ้งโหยง เพราะดูจากสีหน้าและแววตาของหนุ่มญี่ปุ่นแล้ว เหมือนริวจะไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่มากทีเดียว  ทว่ายังไม่ทันที่กีรติจะตอบอะไร เด็กหนุ่มผมทองก็เดินเข้ามาทางด้านหลังของคนตัวเล็ก พลางโอบคอกอดพร้อมกับหอมแก้มของกีรติอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงเงยหน้าเผชิญกับริว พร้อมยิ้มที่มุมปากนิด ๆ ก่อนจะตอบคำถามนั้นแทนคนที่ตนกอดอยู่

            “ผมน่ะหรือ...ผมก็เป็นคนสำคัญที่สุดของคีน่ะสิ!”       

 

... TBC ...

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4

บทที่ 20
ชาติกำเนิด

 

        ริวถึงกับเงียบกริบหลังจากโนอาพูดจบ แต่ก็ยังคงพยายามสงบสติอารมณ์อย่างเต็มที่ เพราะเขาพอจะมองออกว่า โนอาจงใจพูดเพื่อที่จะท้าทายเขาเรื่องกีรติโดยตรง   

        “หรือครับ...เพิ่งจะเคยได้ยินนะครับ ว่าคุณกีรติเขามีคนสำคัญขนาดนี้อยู่ด้วย...จะไม่แนะนำให้ผมรู้จักเขาสักหน่อยหรือครับ คุณกีรติ”

        ริวยิ้มพร้อมตอบกลับไปอย่างสุภาพ  ทว่าคนที่คุ้นเคยกันดีต่างพอจะมองออกว่าอีกฝ่ายกำลังโมโหอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกีรติถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ที่หนุ่มญี่ปุ่นจงใจกลับมาเรียกชื่อเขาเต็มยศแถมใส่คุณนำหน้าให้ตามเดิมเช่นนั้น     

        “คี! ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน! คงไม่ใช่คนสำคัญที่คีเคยขอให้ท่านอาไรอันช่วยเขาใช่ไหม!”

        โนอาพลิกร่างของคนตัวเล็กให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา แล้วคาดคั้นด้วยความไม่สบอารมณ์ เพราะดูจากสายตาของริวแล้ว นอกจากจะฉายแววไม่พอใจในตัวเขา มันยังมีความหึงหวงปะปนมาให้เห็นอย่างชัดเจนเลยทีเดียว

       “เอ๋!  ทำไมถามแบบนั้นล่ะ! อย่าบอกนะว่าท่านอาไรอันเล่าเรื่องนั้นให้ฟังน่ะ!”

        กีรติย้อนถามกลับไปอย่างตกใจ ทว่าคนอื่น ๆ ที่ฟังอยู่พากันชะงัก เพราะคนตัวเล็กนั้นเผลอถามกลับไปด้วยภาษาท้องถิ่นอย่างลืมตัวนั่นเอง

       “ผมจะรู้มาจากไหน คีไม่ต้องสนหรอก! ตอบคำถามของผมก่อนหน้านั้นมาดีกว่า!”

        เจอรัลด์ที่มองทั้งคู่สนทนาภาษาไม่คุ้นหู ขมวดคิ้วยุ่งเล็กน้อย แล้วจึงตัดสินใจเปรยถาม AI ประจำป้อมขึ้นด้วยเสียงที่ไม่ดังเท่าใดนัก   

        “นายคิดว่าเด็กผมทองคนนั่นเกี่ยวข้องกับคุณกีรติยังไงหรืออเล็กซ์”

        “ผมคิดว่าน่าจะเป็นน้องชายของคุณกีรติเขาน่ะครับ ภาษาที่ใช้ก็เป็นภาษาประจำชาติเดียวกัน อีกอย่างคุณกีรติเองก็เคยบอกไว้ก่อนหน้านั้นแล้วว่า มีน้องชายกับน้องสาวอย่างละคนน่ะครับ”

        คำตอบของอเล็กซ์ที่ค่อนข้างมีเสียงดังตามปกติ ทำให้แต่ละคนที่ได้ยินพากันชะงักด้วยอาการซึ่งแตกต่างออกไป

        “ฮึ! น้องชายแล้วยังไงล่ะ ถึงยังไงผมก็ยังเป็นคนสำคัญที่สุดของคีอยู่ดีนั่นล่ะ!”

        โนอาที่ได้ยินคำตอบของอเล็กซ์และเข้าใจว่าเป็นเสียงพูดของเจอรัลด์ หันขวับกลับมาบอกอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะที่เขาไม่แนะนำตัวเองแต่แรกก็เพื่อต้องการให้คนอื่นเข้าใจผิดเรื่องของเขากับพี่ชายนั่นเอง

        “...ช่างสมกับเป็นเนื้อคู่กันจริง ๆ นอกจากจะมีน้องชายเหมือนกันแล้ว คนเป็นน้องก็ยังเป็นพวกบราค่อนทั้งคู่อีกต่างหาก”

        เจอรัลด์พึมพำ เพราะเกรงว่ากีรติกับโนอาจะไม่พอใจ นอกจากนี้เขาก็ยังกลัวว่าถ้าเรนรู้เข้า เขาจะถูกเขม่นเข้าให้อีกด้วย

        “บราค่อนหรือครับมาสเตอร์ นั่นหมายถึงพวกที่รักพี่ชายน้องชายตัวเองจนผิดปกติใช่ไหมครับ!”

        อเล็กซ์ที่มีระบบตรวจสอบอ่านริมฝีปากคนอื่นได้ โพล่งถามขึ้นเสียงดัง และนั่นก็ทำให้โนอานิ่งอึ้ง ไม่ใช่เพราะเนื้อความจากประโยคดังกล่าว หากแต่เป็นเพราะเสียงไร้ที่ไปที่มานั่นต่างหาก เนื่องจากทีแรกนั้นเขาคิดว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของเจอรัลด์ แม้จะแปลกใจอยู่บ้างว่าเสียงนั้นค่อนข้างแปลกกว่าเสียงพูดทั่วไปไม่น้อย ทว่าครั้งนี้เขาได้ยินและได้เห็นเต็มตาว่า ตอนที่เสียงนั้นดังขึ้น เจอรัลด์ไม่ได้ขยับปากพูดเลยสักนิดเดียว   

        “อเล็กซ์...นายนี่นะ”

        แฟนธอมพึมพำอย่างหงุดหงิด เพราะหากอเล็กซ์ไม่เผลอโพล่งเสียงดังออกมา ก็คงไม่ถูกโนอาจับผิดได้เช่นนี้

        “คี! นี่มันอะไรกันน่ะ!”

        เด็กหนุ่มหันไปถามผู้เป็นพี่อย่างคาดคั้น ทำให้กีรติต้องถอนหายใจยาว และเหลือบมองพวกเจอรัลด์ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยักไหล่นิด ๆ พร้อมพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้เขาพูดได้

        “ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนักหรอก แค่ที่หมู่บ้านนี้มีคุณเจอรัลด์ซึ่งเป็นนักประดิษฐ์ที่เก่งมาก ๆ เขาประดิษฐ์คุณอเล็กซ์ หรือก็คือระบบสมองกลอัจฉริยะที่สามารถคิดและตัดสินใจได้เองเหมือนกับมนุษย์เรา โดยหน้าที่หลักของคุณอเล็กซ์ก็คือ ดูแลรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านยังไงล่ะ”

        เจอรัลด์อมยิ้มเมื่อได้ยินกีรติอธิบายเหมือนว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป ส่วนแฟนธอมกับริวถอนหายใจไล่เลี่ยกัน และอเล็กซ์นั้นรู้สึกภาคภูมิใจไม่น้อย เพราะกีรติแนะนำเขาให้น้องชายรู้จักในนามของสมองกลอัจฉริยะนั่นเอง

        “...เทคโนโลยีที่ไทยนี่ก้าวหน้าไปถึงขนาดนี้แล้วหรือ รู้งี้ผมขอท่านพ่อมาเรียนต่อที่นี่แทนอเมริกาดีกว่า”

        โนอาพึมพำและเชื่อสนิทว่าอเล็กซ์นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกของที่นี่ อย่างที่กีรติพูดมา ทำเอาคนอื่นนอกจากกีรติถึงกับทำตาปริบ ๆ และเริ่มได้คิดว่า บางทีความใสซื่อหัวอ่อนนี้ อาจจะถ่ายทอดกันมาผ่านกรรมพันธุ์ก็เป็นได้

          “ว่าแต่น้องยังไม่ได้ตอบคำถามของพี่เลยนะโนอา ว่าน้องมาที่นี่ได้ยังไงกัน!”

        กีรติคาดคั้นแล้วจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง ขมวดคิ้วยุ่ง พร้อมทำตาดุใส่ ทำให้ริวที่ได้เห็นต้องรีบหันไปกลั้นยิ้ม เพราะสีหน้าแบบนั้นมันช่างดูน่ารักมากกว่าน่ากลัวนั่นเอง

        “ฮะ ๆ ไม่น่าเชื่อเลยนะครับคุณแฟนธอม ว่าอย่างคุณกีรติจะทำตัวเป็นพี่ชายกับเขาได้ด้วย ดูหน้าตาตอนดุน้องนั่นสิครับ น่ารักจริงเชียว”

        เจอรัลด์ที่รู้สึกไม่ต่างจากริวแต่ไม่คิดเก็บไว้ในใจ บอกกับคนข้างกายอย่างนึกขำ ทำเอากีรติสะดุ้งแล้วหันมากระพริบตามองคนพูดปริบ ๆ ส่วนโนอาขมวดคิ้วยุ่งพลางจ้องเจอรัลด์เขม็งเพราะเกรงว่าเจอรัลด์จะแอบสนใจกีรติเข้าให้อีกคนนั่นเอง

         ทางด้านแฟนธอมพอเห็นสายตาของแต่ละคน เขาก็ต้องหลุดยิ้มเจื่อนให้ จากนั้นจึงใช้ศอกกระทุ้งเอวคนรักอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะตัดสินใจลากตัวเจอรัลด์ออกไปห่าง ๆ ป้อมยาม เพื่อเปิดโอกาสให้พี่น้องได้คุยกันเป็นการส่วนตัวนั่นเอง



        “ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอตัวด้วยเหมือนกัน...”

        ริวแสร้งเปรยขึ้นบ้างแล้วดูท่าทีของกีรติ ทว่าพอได้เห็นใบหน้าลังเลและลำบากใจนั่น ก็ทำให้เขานึกน้อยใจและตัดสินใจเดินกลับที่พักจริง ๆ เพราะแม้ว่าเขาจะอยากอยู่รับฟังเพียงใด แต่ในเมื่อกีรติยังไม่พร้อมเล่าเรื่องส่วนตัวให้เขารับรู้ เขาก็ไม่ควรจะอยู่ต่อให้เสียมารยาทยิ่งไปกว่านี้

        “ดะ...เดี๋ยวก่อนครับคุณริว!”

        กีรติรีบเรียกชื่อคนที่กำลังหันหลังเดินกลับบ้านพักอย่างลืมตัว แล้วก็ต้องหลุดอาการสับสนอีกครั้งเมื่อริวหันกลับมา จนโนอาที่มองอยู่ขมวดคิ้วยุ่งอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะไม่เคยเห็นพี่ชายแคร์ใครขนาดนี้มาก่อน

        “ถ้าไม่มีธุระอะไรสำคัญ ผมคงต้องขอตัวก่อน ...เพราะถ้าขืนผมยังยืนอยู่ที่นี่ต่อ คุณก็คงจะลำบากใจในการสนทนาเรื่องส่วนตัวกับน้องชายของคุณไม่ใช่หรือครับ...คุณกีรติ”

        ริวฝืนยิ้มให้อีกฝ่าย แล้วหันกลับเดินจากไปโดยไม่คิดสนใจรอฟังว่ากีรติจะตอบอะไรเขา คำสุภาพเกินจำเป็นและท่าทางเหินห่างนั่นทำให้กีรติใจหายวาบ แล้วจึงวิ่งไล่ตามอีกฝ่ายไป โดยลืมว่ายังมีโนอายืนอยู่ตรงนั้นอีกคน

        “คุณริว! ขอโทษนะครับ...ผมขอโทษ”

        กีรติโผเข้ากอดอีกฝ่ายจากด้านหลังแน่น เพราะกลัวว่าริวจะโกรธและเลิกรักเขา แต่แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อมือใหญ่เลื่อนมาเกาะกุมมือของตนซึ่งโอบร่างของอีกฝ่ายอยู่ ก่อนที่เจ้าของมือจะเอ่ยตามมาแผ่วเบา

        “คุณไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ...คุณไม่ได้ทำผิดอะไรสักนิด คนที่ผิดคือผมเองต่างหาก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคุณคงมีความจำเป็น แต่ก็ยังทำให้คุณต้องลำบากใจแบบนี้อีก...”

        กีรติสั่นศีรษะไปมา โดยไม่ยอมคลายอ้อมกอดของเขา ก่อนจะตอบกลับอีกฝ่ายไปด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น

        “ผะ...ผม อยากบอกเรื่องทั้งหมดของผม ให้คุณริวได้รู้จริง ๆ นะครับ ...ผมไม่อยากปกปิดอะไรไว้เลย...ถ้าไม่ใช่เพราะสัญญากับพ่อของผมไว้...ผมก็พร้อมจะบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นตัวผม...ให้คุณริวได้รู้เป็นคนแรกเลยล่ะครับ”

          ริวนิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออกขึ้นมาดื้อ ๆ ชายหนุ่มมั่นใจเหลือเกินว่า กีรตินั้นไม่ได้ต้องการพูดประจบเอาใจเขา เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นคนมีจิตใจบริสุทธิ์ ซื่อตรงเพียงใด ยิ่งเมื่อหวนคิดถึงถ้อยคำที่เจ้าตัวย้ำว่าอยากให้เขารับรู้เรื่องส่วนตัวทั้งหมด และอยากบอกให้เขารู้เป็นคนแรก ก็ทำให้ริวรู้สึกยินดีเป็นที่สุด   



         หนุ่มญี่ปุ่นจัดการบรรจงแกะมือของกีรติที่กอดเขาอยู่ออก เพื่อตั้งใจจะหันกลับไปสวมกอดอีกฝ่ายเป็นการแสดงความรักและแทนคำขอบคุณที่กีรติใส่ใจความรู้สึกเขาเสมอมา  ทว่ากีรติที่กำลังเสียใจและสับสน ถึงกับชะงักอย่างตกใจ และเผลอคิดเอาเองว่าริวนั้นต้องการให้เขาปล่อยมือ เพราะยังคงโกรธและไม่พอใจเขาอยู่

        “ไม่นะ...ผมไม่ปล่อยหรอก...ฮึก...ถ้าคุณริวยังไม่หายโกรธ...ผมก็จะไม่ยอมปล่อยคุณหรอกครับ...”

        กีรติก้มหน้าบอกเจือสะอื้น ทำเอาริวสะดุ้งเฮือก และกำลังจะอธิบายแก้ไขความเข้าใจผิดของอีกฝ่าย ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้เริ่มต้นพูดอะไรสักคำ โนอาที่ยืนมองอยู่ไม่ห่างก็เดินตรงดิ่งมาหาคนทั้งสอง เด็กหนุ่มดึงแขนกีรติออกมาให้ห่างริว พร้อมกับโพล่งใส่ด้วยความโมโหอย่างลืมตัว

        “คุณกล้าดียังไงที่คิดจะทิ้งขว้างพี่ชายผม! คนเพียบพร้อมทั้งนิสัย หน้าตาและความรู้อย่างคีน่ะ ต่อให้คุณพลิกแผ่นดินหาให้ตายก็หาไม่ได้อีกแล้วรู้ไหม!”

        ริวนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เพราะไม่คิดว่านอกจากจะถูกกีรติเข้าใจผิดแล้วน้องชายของเจ้าตัวก็ยังเข้าใจเขาผิดอีกต่างหาก

        “เอ่อ...ทั้งสองคน รบกวนช่วยใจเย็น ๆ ฟังผมพูดก่อน...”

        ริวพยายามจะอธิบายให้ฟัง แต่โนอานั้นโมโหจัด จนไม่คิดฟังคำแก้ตัวใด ๆ อีก

        “กลับกันเถอะคี! อย่าอยู่ที่นี่ต่อเลย! ผู้ชายที่ไม่เห็นคุณค่าของคีแบบเขา ไม่คู่ควรกับความรักของเจ้าชายรัชทายาทแห่งลาซาอย่างคีหรอกนะ!”

        ขาดคำของโนอา กีรติและริว รวมไปถึงผู้พูดเอง ก็ต้องสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เพราะจู่ ๆ ก็เกิดเสียงประสานจากแต่ละบ้านละแวกนั้น ดังขึ้นแทบจะพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

        “อะไรนะ! เจ้าชายรัชทายาทอย่างนั้นหรือ!”

        กีรติซึ่งกำลังอยู่ในความเศร้าถึงกับเงียบกริบ แล้วจึงค่อย ๆ หันไปมองที่ป้อมยาม พลางกระพริบตาปริบ ๆ อย่างนึกสังหรณ์ใจบางอย่าง ทางด้านอเล็กซ์เห็นแบบนั้น จึงชิงอธิบายด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยฉะฉาน เหมือนดังเดิมเท่าใดนัก

        “ผมก็แค่ต้องการถ่ายทอดสด สถานการณ์สุ่มเสี่ยงต่อความรักของพวกคุณให้แต่ละบ้านรับรู้เท่านั้นล่ะครับ...เกิดมีปัญหาขึ้นมาจริง ๆ ทุกคนจะได้มาร่วมมือช่วยแก้ไขปัญหา แหม...ก็ทุกคนที่นี่อยู่กันแบบครอบครัวไม่ใช่หรือครับ”

        กีรติถอนหายใจแผ่วเบา แล้วจึงฝืนยิ้มให้กับ AI ประจำป้อม ส่วนโนอานั้นยังคงยืนงุนงงด้วยความสับสน ตั้งแต่ตอนได้ยินเสียงตะโกนประสานเสียงไปทั่วหมู่บ้านนั่นแล้ว

        “เรื่องตัวตนที่แท้จริงของคุณน่ะช่างมันก่อนเถอะกีรติ ...แต่คุณกับน้องชายกำลังเข้าใจผมผิดเรื่องเมื่อครู่นี้รู้ไหม!”

        แม้จะตกใจเรื่องชาติกำเนิดของกีรติขนาดไหน แต่ริวก็ยังไม่มีเวลาจะไปคิดมากเรื่องนั้น เพราะตอนนี้เขาต้องการอธิบายให้กีรติเข้าใจตนเสียก่อน   

        “เอ่อ...แล้วคุณริวไม่โกรธที่ผมปิดบังเรื่องฐานะของผมหรือครับ”

        กีรติที่ตกใจจนลืมความเศร้าก่อนหน้านั้นเสียสนิท เอ่ยถามอย่างเป็นกังวล แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อริวส่งยิ้มอ่อนโยนพร้อมกับเดินเข้ามาโอบกอดร่างของเขาไว้แนบอก   

        “ไม่โกรธหรอก แต่น้อยใจมากกว่า เพราะดันเผลอคิดเข้าข้างตัวเองว่า หลังจากวันที่กีช่วยเรื่องของผมกับเรนผ่านไปแล้ว คุณอาจจะแอบมาบอกผมเรื่องของคุณแค่คนเดียวเท่านั้นก็ได้”

        ริวบอกพร้อมรอยยิ้มที่ไม่สดใสนัก ทำเอากีรติยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ เมื่อเห็นดังนั้นหนุ่มญี่ปุ่นจึงสั่นศีรษะคล้ายระอา แล้วชะโงกหน้ามาจูบแก้มของคนตัวเล็กเบา ๆ ทำเอาคนที่มีใบหน้าเศร้าเปลี่ยนมาเป็นหน้าแดงแทน

         “เดี๋ยวก่อนสิ! ตกลงคุณคิดยังไงกับพี่ชายของผมกันแน่! เมื่อครู่นี้คุณกำลังจะทิ้งคีไม่ใช่หรือไง!”

        เสียงของโนอาผู้หวงพี่ชายโพล่งขัดบรรยากาศสวีทหวานที่เริ่มก่อตัวของคู่รักคู่ใหม่ ทำเอาริวต้องถอนหายใจยาวอย่างระอา เพราะไม่ใช่เพียงแต่โนอาจะยังไม่หายเข้าใจผิดเท่านั้น คนที่กำลังหน้าแดงในอ้อมกอดของเขา ก็มีแววตาสงสัยในตัวเขาไม่แพ้ผู้เป็นน้องชายเช่นกัน

        “ก็นี่ล่ะที่จะอธิบายให้ฟังเมื่อครู่ แต่ดันโดนขัดจังหวะอะไรหลาย ๆ อย่างเสียก่อน”

        ริวพยายามอธิบายอย่างใจเย็นโดยไม่ให้หลุดสีหน้าหงุดหงิดออกไป เนื่องจากตอนนี้ชาวหมู่บ้านแต่ละคนต่างทยอยกันออกมาเกาะรั้วบ้านตัวเองบ้าง เดินจากซอยอื่นมามุงดูอยู่ห่าง ๆ บ้าง ด้วยความสนอกสนใจเป็นพิเศษ

        “เมื่อครู่นี้น่ะ ผมตั้งใจจะหันกลับมากอดคุณ เพราะรู้สึกดีใจในสิ่งที่คุณพูดต่างหาก ไม่ได้อยากให้คุณปล่อยเพราะยังโกรธคุณอยู่ อย่างที่คุณเข้าใจผิดไปเองหรอกนะ”

        ริวพยายามทำเป็นไม่สนสายตาอยากรู้อยากเห็นของสมาชิกร่วมหมู่บ้าน ชายหนุ่มอธิบายอย่างตรงไปตรงมา เพราะหากขืนเขาอธิบายอ้อมค้อมไม่ชัดเจนออกไป ทั้งกีรติและโนอาก็อาจจะเข้าใจผิดอีกรอบก็เป็นได้

        “เมื่อครู่นี้...คุณริวตั้งใจจะ...กอดผม...หรอกหรือครับ”

        กีรติทวนคำติดขัดด้วยความอายที่เข้าใจผิดไปเอง ส่วนโนอานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เด็กหนุ่มลองคิดทบทวนดู ก็เห็นเหมือนว่าริวนั้นพยายามแก้ตัวให้พวกเขาฟังจริง ๆ

        “...ผมต้องขอโทษคุณด้วย เรื่องที่ผมเข้าใจคุณผิดเมื่อครู่นี้”

        โนอาโค้งศีรษะให้ริวพร้อมคำขอโทษ ทำให้ทุกคนในหมู่บ้านแอบอมยิ้ม เพราะแม้จะค่อนข้างเอะอะโวยวายไปสักหน่อย แต่โนอาก็ถือได้ว่าเป็นเด็กดีไม่แพ้กับกีรติผู้เป็นพี่เช่นกัน

        “อ๊ะ! ผมก็ต้องขอโทษคุณริวเหมือนกันนะครับ ที่ดันคิดเองเออเองไปใหญ่โตแบบนั้น!”

        กีรติซึ่งนึกขึ้นได้ ก็รีบโค้งขอโทษหนุ่มญี่ปุ่นเช่นเดียวกับน้องชายของตน แล้วจึงเงยขึ้นสบตากับคนตรงหน้าอย่างยังคงเขินอายไม่หาย

        “ไม่เป็นไรหรอกครับ...ผมก็ผิดเองที่ปากหนักไปหน่อย”

        ริวบอกกับคนทั้งคู่พร้อมรอยยิ้ม และแม้โนอาจะไม่สบอารมณ์ที่พี่ชายถูกแย่งไป แต่เท่าที่เขาได้เห็นเองกับตา กีรตินั้นรักริวจริง ๆ ส่วนริวเองก็ให้ความสำคัญกับพี่ชายของเขาแทบไม่แตกต่างกันนัก

        “ฮึ! ปกติก็ไม่เคยติดต่อกลับมาหาอยู่แล้ว ลองมีคนรักแบบนี้ ก็คงไม่คิดจะกลับลาซาเลยสินะ!”

        โนอาบ่นประชดอย่างนึกงอน ทำให้กีรติต้องรีบหันกลับมาปลอบน้องชายของตน ก่อนที่โนอาจะงอนมากไปยิ่งกว่านี้         

         “น้องก็รู้ว่าพี่จำเป็น...เพราะพี่ต้องรักษาสัญญากับท่านพ่อนี่นา”

        โนอาทำหน้ามุ่ย แล้วจึงบ่นอุบอิบถึงบิดาของตน

        “ฮึ! ท่านพ่อก็เหมือนกัน ...เข้าใจหรอกนะว่าคนที่เป็นเจ้าชายรัชทายาทในทุกรุ่นจะต้องออกไปใช้ชีวิตในโลกภายนอกจนกว่าจะอายุครบ 25 ปี แต่ไม่เห็นจำเป็นต้องมาตกระกำลำบากแบบที่คีเป็นอยู่เลยนี่นา…ดูสิ ก่อนออกจากประเทศตัวเล็กยังไง ตอนนี้ก็ยังตัวไม่โตไปกว่าเดิมเลย ...คงอดมื้อกินมื้อทุกวันสินะคี”

        โนอาบอกอย่างนึกสงสารพี่ชายจากใจจริง ทว่านั่นกลับทำให้คนฟังชะงักแล้วส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้คนเป็นน้อง ส่วนพวกชาวบ้านก็ต่างพากันอมยิ้มด้วยความเอ็นดูแกมขบขัน  เนื่องจากก่อนหน้านั้นเคยมีบางคนถามกีรติคล้าย ๆ กับที่โนอาสงสัย แต่ก็ได้รับคำตอบยืนยันหนักแน่นจากเจ้าตัวว่า ได้กินข้าวครบสามมื้อทุกวัน แถมยังกินผักผลไม้และนมบำรุงตามปกติ ทว่าส่วนสูงที่มีก็ไม่ค่อยเพิ่มขึ้นสักเท่าใดอยู่ดีนั่นเอง   

 

... TBC ...


ตอนหลังจากนี้คงไม่ได้โพสต่อเนื่องเหมือนเคยแล้วนะคะ และเรื่องหลัง ๆ จะเป็นเรื่องของทางกีรติและริวเป็นหลัก แต่ก็ยังมีตัวละครอื่นแจม ๆ เรื่อย ๆ สำหรับคู่อื่น ๆ หรือรายอื่น ๆ ที่ยังไม่มีคู่ จะจับไปเขียนเป็นลักษณะตอนพิเศษหลังจบภาคหลักแทนค่ะ  อยากอ่านใคร คู่ใคร ก็เล็ง ๆ แล้วบอกไว้ได้นะคะ คู่ไหนป๊อบมาก ๆ และน่าจะเป็นไปได้ จะหยิบมาเขียนค่ะ  ^^

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
แบบนี้ก็แฮปปี้ดีน๊า
แล้วโนอากับเรนจะเจอกันมั้ย จะได้เพิ่มคู่รักอีก1คู่ 55555

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
ตอนนี้ต้องลุ้นว่าเหลือคู่ไหนอีก
กีกับริวเข้าใจกันแล้ว แต่หวังว่าคงไม่ต้องพรากจากกันหรอกนะ

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
กีเป็นรัชทายาทซะด้วย

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
กีรติเป็นหนุ่มน้อยรัชทยาทนี่เองแล้วจะมีอุปสรคคเรื่องชนชั้นมั้ยนะ  :monkeysad:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด