เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ. ตอนพิเศษ 2-2(ครึ่งหลัง) (24/12/56)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ. ตอนพิเศษ 2-2(ครึ่งหลัง) (24/12/56)  (อ่าน 116119 ครั้ง)

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
ฮู้วววว ลุ้นจะแย่ รออ่านตอนพิเศษจ้าา

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
ตอนพิเศษ “เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ.”
เรื่องของคุณหมอ กับ คุณเลขา
...........................



         กรกฎนั่งตรวจสอบเอกสารบนโต๊ะทำงานอย่างหงุดหงิด เมื่อคนที่มักจะโทรมาก่อกวนเวลาพักผ่อนของเขาเสมอ กลับมาหายเงียบไปกว่าสามวันแล้ว ทั้งที่ก่อนจะขาดการติดต่อไปนั้น เจ้าตัวยังบอกกับเขาอยู่เลยว่าจะโทรมาหาใหม่แท้ ๆ

        “...เป็นอะไรไปหรือเปล่านะ ถึงจะเข้าข่ายปีศาจ แต่ร่างกายก็เหมือนมนุษย์ธรรมดาเสียด้วย”

        เลขาหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะชะงักเมื่อรู้สึกตัวว่าเผลอเป็นห่วงอีกฝ่ายเข้าให้

        “กาย! กลางวันนี้ไปกินข้าวข้างนอกกันไหม เดี๋ยวฉันเป็นเจ้ามือเอง!”

        ปาลินที่ตอนนี้กลายเป็นผู้ช่วยอีกคนของเวธน์ หันมาเรียก ทำเอากรกฎที่กำลังเหม่อ ๆ สะดุ้งนิด ๆ แล้วจึงหันไปมองคนถาม

        “ก็ดี...”

        เลขาหนุ่มบอกแค่นั้น แล้วก็นิ่งไป ก่อนจะเปลี่ยนคำตอบเสียใหม่

        “คิดอีกทีไม่เอาดีกว่า นายกับคุณเวธน์ไปกินกันสองคนเถอะ เดี๋ยวกลางวันนี้ฉันจะแวะไปหาหมอเพชรสักหน่อย”

        ปาลินมองญาติของเขาอย่างประหลาดใจ ส่วนเวธน์ที่ได้ยินเลิกคิ้วนิด ๆ พร้อมกับตั้งคำถามอย่างสนใจทันที

        “ถามจริงเถอะกรกฎ นายกับหมอเพชรนี่สนิทกันมากหรือไง”

        กรกฎชะงัก ก่อนจะหันไปยิ้มน้อย ๆ ให้เวธน์ แล้วตอบคำถามชายหนุ่ม

        “ก็ถือว่าสนิทกันระดับหนึ่งนั่นล่ะครับ...เพราะเวลาผมไม่สบายใจ หรือต้องการคำปรึกษาในบางเรื่อง ก็มักจะได้หมอเพชรคอยช่วยรับฟังและให้คำปรึกษาดี ๆ อยู่เสมอน่ะครับ...”

         เวธน์มองอีกฝ่ายอย่างพิจารณายิ่งกว่าเดิม แล้วจึงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ให้

        “อืม...ก็ไม่มีอะไรหรอก นาน ๆ จะเห็นนายสนิทและไว้ใจใครขนาดนี้สักที ในฐานะเจ้านายและพี่ชายคนหนึ่ง ก็รู้สึกสนใจขึ้นมาเหมือนกันล่ะนะ”

        กรกฎยิ้มตอบให้คนตรงหน้า เขาโค้งศีรษะให้เวธน์นิด ๆ แล้วหันไปพยักหน้าให้ปาลิน เป็นเชิงขอตัวออกนอกสำนักงานไปก่อน 

        “กายไม่เคยมาปรึกษาปัญหาส่วนตัวกับผมเลยสักครั้ง มีแต่ผมนี่ล่ะ ที่จะเป็นฝ่ายมาปรึกษาเขาตลอด...กับหมอเพชรนี่ คงจะสนิทกันมากจริง ๆ ล่ะนะครับ”

        ปาลินเปรยบ่นเบา ๆ หลังจากที่กรกฎออกไปแล้ว สีหน้าที่แสดงถึงความน้อยใจนิด ๆ นั่น ทำให้เวธน์อมยิ้มอย่างเอ็นดู

        “อิจฉาหมอเพชรเขาล่ะสิ”

        “...ก็ไม่เชิงหรอกครับ จะว่าไปถ้ากายเขามีที่พึ่งทางใจได้ ผมก็ดีใจด้วย เพราะแต่ไหนแต่ไรมา ก็ได้เขานี่ล่ะคอยช่วยปลอบช่วยเชียร์ผมมาตลอด...ทำให้ผมมีกำลังใจจีบคุณจนสำเร็จในที่สุดนี่ล่ะครับ”

        ปาลินบอกแล้วหันมายิ้มกว้างจริงใจให้กับคนรัก ทำเอาเวธน์นึกเขินขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

        “....อย่างนั้นหรือ...อืม...ฉันชักจะหิวข้าวแล้วล่ะ นายจะเลี้ยงใช่ไหมปาล พาไปสักทีสิ!”

        ปาลินอมยิ้ม แล้วพยักหน้ารับหงึก ๆ โดยทำเป็นไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดเพื่อแก้เขิน เพราะเกรงว่าเวธน์จะอายมากไปกว่านี้ และถ้าเป็นเช่นนั้นชายหนุ่มก็อาจจะพาลเปลี่ยนมาเป็นงอนไม่ยอมไปกินข้าวกลางวันพร้อมเขาแทนก็เป็นได้



        กรกฎมาหยุดยืนหน้าบ้านพักของหมอหนุ่มอย่างลังเลครู่ใหญ่ก่อนจะลงมือกดสัญญาณออดหน้าบ้าน ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบรับจากด้านใน เจ้าตัวจึงตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเจ้าของบ้าน รออยู่นานจนเขาคิดว่าจะไม่มีคนรับจึงคิดจะตัดสาย แต่อีกฝ่ายนั้นกลับรับสายเสียก่อน

        “...สวัสดีครับ คุณเลขา คิดถึงผมหรือไง... ถึงโทรมาหาแบบนี้”

        คำพูดแม้จะกวนประสาทเหมือนเดิม แต่คนได้ยินกลับนิ่วหน้า เพราะมันค่อนข้างแหบแห้งติดขัด ผิดจากน้ำเสียงร่าเริงสดใสทุกครั้ง

        “คุณหมอ...คุณอยู่บ้านใช่ไหม เปิดให้ผมเข้าไปได้หรือเปล่า”

        คำถามของกรกฎทำให้ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะตอบกลับมา

        “แหม...ลำบากใจจัง ผมกำลังงานยุ่งอยู่พอดีเลย... น่าเสียดายนะครับ คงต้องขอให้เป็นวันหลังแล้วล่ะ...แค่ก ๆ”

        เสียงไอแห้ง ๆ ที่หลุดดังมา เพราะคนพูดห้ามอาการไว้ไม่ทัน ทำให้กรกฎเม้มปากแน่น ก่อนจะย้อนถามกลับอีกรอบ

        “คุณหมอ...นั่นคุณไม่สบายใช่ไหมครับ”

        “...ฮะ ๆ นี่คุณเลขาเปลี่ยนอาชีพแล้วหรือครับ ถึงเดาอาการจากเสียงที่ฟังก็ได้น่ะ”

        ปลายสายแสร้งหัวเราะแห้ง ๆ กระเซ้า หมายจะให้อีกฝ่ายหงุดหงิดและกลับไป ซึ่งกรกฎเองก็ยืนนิ่งอยู่สักพักแล้วจึงสะบัดหน้าเดินหนีกลับสำนักงานตามที่คาดไว้  ทำให้คนที่ลุกจากเตียงนอนมาแอบดูอยู่หลังผ้าม่านหน้าต่างชั้นสอง ต้องถอนหายใจเบา ๆ อย่างโล่งอก

        “ขอโทษนะครับ...ไม่อยากไล่คุณทางอ้อมแบบนี้เลย แต่ก็ไม่อยากให้คุณติดหวัดจากผมล่ะนะ”

        หมอเพชรพึมพำ แล้วจึงเดินโซเซไปพักผ่อนบนเตียงนอน ก่อนหน้านั้นที่ไม่สบายใหม่ ๆ เขาก็ได้จัดยาตามอาการของตัวเองแล้ว แต่ไข้ยังไม่ลดลงมากนัก ซึ่งเขาเองก็ไม่แปลกใจเท่าใด เนื่องจากร่างกายของเขานั้นไม่ค่อยเหมือนกับคนปกติทั่วไป เวลาไม่สบายก็จะไข้ขึ้นสูงกว่าคนธรรมดาเป็นเท่าตัว  ซึ่งอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ถือว่าทุเลาลงมากแล้ว แต่ก็ไม่มากพอที่จะปล่อยให้กรกฎต้องมาเสี่ยงรับเชื้อหวัดจากการเยี่ยมเขาอยู่ดี

       

        ร่างสูงที่นอนหลับหน้าแดงระเรื่อเพราะพิษไข้อยู่บนเตียง ทำให้กรกฎเม้มปากน้อย ๆ อย่างไม่สบอารมณ์นัก  เลขาหนุ่มนั้นกลับไปที่สำนักงานก็จริง แต่ไม่ได้กลับไปเพราะโกรธที่โดนแหย่อย่างที่หมอเพชรเข้าใจ ทว่าเขากลับไปเอากุญแจสำรองมาไขประตูรั้วและประตูบ้านเข้ามา เพื่อพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่าอีกฝ่ายป่วยจริงหรือไม่

        “ไม่สบายจริง ๆ ด้วยสินะ...แทนที่จะบอกกันดี ๆ ต้องให้ตามมาดูเอง... นี่ถ้าไม่มีกุญแจสำรองของแต่ละบ้านเก็บเอาไว้ ก็คงได้ป่วยตายคาบ้านพอดี!”

        กรกฎบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด ยิ่งเดินมาใกล้เตียงแล้วเอามือแตะหน้าผากคนหลับ เขาก็ต้องนิ่วหน้าอย่างเป็นกังวล เพราะไข้ของอีกฝ่ายนั้นสูงมากจนน่ากลัวทีเดียว

        “ทำยังไงดีล่ะ...จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาลก็...”

        กรกฎพึมพำอย่างลังเล เพราะไม่แน่ใจว่าความไม่แก่ไม่ตายของหมอเพชรนั้น จะมีผลกระทบกับเลือดเนื้อของเจ้าตัวเหลือไม่ และถ้าเกิดเจาะเลือดตรวจแล้วพบสิ่งผิดปกติเข้าจนเกิดความแตกเรื่องที่อีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดา ก็เท่ากับว่าเขานั้นได้ทำร้ายหมอหนุ่มทางอ้อมนั่นเอง

        “โทรปรึกษาคุณปัณณ์ก็แล้วกัน...”

        กรกฎตัดสินใจโทรหาพ่อมดหนุ่มถึงแม้ว่าจะเสี่ยงต่อการเกิดข่าวลือแปลก ๆ หลังจากนี้ เพราะอย่างน้อยปัณณ์นั้นก็มีความสามารถในการปรุงยาได้หลากหลาย และหนึ่งในนั้นก็คือยารักษานั่นเอง

        “อืม...เบอร์คุณปัณณ์...อ้อ...อยู่นี่...อ๊ะ!”

        กรกฎอุทานเบา ๆ อย่างตกใจ เมื่อคนนอนหลับอยู่ปรือตามาจับข้อมือของเขาเสียก่อน

        “...ไม่ต้องโทรหาคุณปัณณ์หรอกครับ ผมอาการดีขึ้นมากแล้ว”

        หมอเพชรยิ้มน้อย ๆ ให้ แต่คนที่ได้ยินกลับหน้าบึ้งแล้วโพล่งสวนกลับ

        “อาการดีขึ้น? ไข้สูงขนาดนี้คุณว่าอาการดีขึ้นอย่างนั้นหรือครับ!”

        เสียงหัวเราะดังขึ้นเบา ๆ ในลำคอของคนป่วย ทำให้กรกฎยิ่งฉุนเข้าไปใหญ่ หากแต่พอจะเริ่มต้นต่อว่า เขาก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายใช้นัยน์ตาต่างสี ดำและทองประหลาดคู่นั้นจ้องมายังเขานิ่ง ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยพิษไข้แลดูอ่อนโยนยิ่งกว่าที่เคยได้เห็นทุกครั้ง

        “ขอบคุณนะกรกฎ แต่ผมไม่เป็นไรมากแล้ว ...ร่างกายของผมมันค่อนข้างจะแตกต่างจากคนธรรมดาอย่างคุณน่ะ ...ส่วนเรื่องไข้นี่ผมไม่ได้โกหกนะ มันลดลงจากเมื่อสองวันก่อนมามากแล้วล่ะ”

        เลขาหนุ่มจ้องตาตอบอีกฝ่ายอยู่นาน และเมื่อรู้สึกตัวเขาก็เสไปเมินมองทางอื่น ใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

        “กรกฎ ...ผมว่าคุณออกไปดีกว่านะ ถ้าคุณติดหวัด ผมคงไม่สบายใจแน่”

        หมอเพชรเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงทุ้มอ่อนโยน ทำให้คนถูกเรียกสะดุ้ง แล้วหันกลับมาจ้องตาคนพูดอีกครั้ง ซึ่งก็เห็นแต่เพียงความจริงใจของเจ้าตัวดุจดังคำพูดโดยไร้สิ่งใดแอบแฝง

        “คุณก็เป็นแบบนี้ทุกทีนั่นล่ะคุณหมอ...ทำไมไม่ทำตัวให้กวนประสาทเหมือนทุกครั้งกันเล่า ผมจะได้กล้ารั้นที่จะอยู่ต่ออย่างสบายใจขึ้นกว่านี้น่ะ”

        เลขาหนุ่มพึมพำตอบ ทำให้คนฟังหลุดยิ้มน้อย ๆ แล้วจับมือของกรกฎที่ยังคงไม่ปล่อยขึ้นมาจูบเบา ๆ

        “ผมขอโทษที่คอยกวนโมโหคุณนะ กรกฎ ... สารภาพอย่างไม่อายเลยว่า เพราะผมชอบคุณจึงอยากทำให้ตัวเองเป็นที่จดจำของคุณบ้าง ...ต่อให้เป็นในแง่ลบก็ตาม”

        กรกฎเม้มปากแน่น เขาดึงมือออก แล้วหันขวับเดินออกนอกห้องไป ทำให้คนที่นอนบนเตียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางฝืนยิ้มให้กับตัวเอง ทว่าพอจะหลับลงอีกครั้ง คนที่เดินจากไปแล้วก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับขันน้ำและผ้าขนหนูผืนเล็ก

        “...ทำไมยังไม่กลับไปอีก”

        หมอเพชรถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ซึ่งก็ทำให้กรกฎชะงักแล้วหันมามองคนถามชั่วครู่ ก่อนจะย้อนถามกลับไปบ้าง

        “อย่าบอกนะว่าที่พูดชอบเมื่อครู่ เพื่อต้องการไล่ให้ผมกลับเท่านั้น...”

        เลขาหนุ่มถามกลับไปแล้วรอคอยคำตอบนิ่งด้วยแววตาคาดคั้น ซึ่งก็ทำให้คนป่วยต้องถอนหายใจอีกครั้งแล้วหลุดยิ้มอ่อนโยนส่งให้

        “เรื่องชอบคุณ ผมพูดจริง...แต่ก็ยังอยากให้คุณกลับไป ... สำหรับผมถึงไข้จะลดลงมากแล้ว แต่มันก็ยังสูงพอที่จะแพร่เชื้อให้คนรอบข้างอยู่ดีนั่นล่ะ”

         กรกฎยืนฟังเงียบ ๆ ก่อนจะพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ จากนั้นเขาก็นำผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาด แล้วนั่งลงบนเตียงข้างคนป่วย พลางช่วยเช็ดหน้าเช็ดตาให้อย่างเบามือ

        “ถ้าพูดจริงก็ดีแล้ว ...ได้คนที่ตัวเองชอบช่วยดูแลยามป่วยแบบนี้ คุณหมอน่าจะดีใจมากกว่านะครับ”

        “...ก็ดีใจอยู่หรอก เฮ้อ...คุณนี่มันดื้อกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะกรกฎ”

        หมอเพชรถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงยอมให้อีกฝ่ายเช็ดเนื้อตัวแต่โดยดี ซึ่งกรกฎก็ลอบยิ้มน้อย ๆ อย่างพึงพอใจ แต่พอเห็นอีกฝ่ายมองอยู่เขาก็ทำทีเป็นเฉยชาดังเช่นปกติ

        “คุณตัดใจจากคุณเวธน์ได้แน่แล้วหรือ กรกฎ”

        คำถามจากคนป่วยทำให้คนที่จะเอาน้ำในขันไปเปลี่ยนชะงัก แล้วจึงวางขันน้ำลงบนโต๊ะแถวนั้นในห้อง ก่อนจะหันมาตอบคำถามของอีกฝ่าย

        “...ผมตัดใจจากเขาได้ตั้งแต่ก่อนหน้าที่เขาจะลงเอยกับปาลแล้วล่ะครับ ...เพราะผมรู้ตัวเองดีว่า สำหรับคุณเวธน์ ผมก็เป็นได้แค่น้องชายของเขาเท่านั้น”

        สีหน้าของกรกฎยังคงเรียบเฉย ทว่านัยน์ตาสีดำคู่สวยมีแววหมองลงจนทำให้คนมองนึกสงสาร

        “เพราะคุณไม่เคยสารภาพกับเขาเองต่างหาก ถ้าคุณกล้ากว่านี้ บางทีคุณอาจจะสมหวังก็ได้นะ...ผมมั่นใจว่าสำหรับคุณเวธน์แล้ว คุณเองก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร ...เผลอ ๆ อาจจะมากกว่าคุณปาลินเสียอีก”

        กรกฎอมยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น แล้วจึงเอ่ยตามมา

        “ไม่ล่ะ...ผมดีใจที่ตัวเองไม่เผลอหลุดปากสารภาพออกไป ผมอยากให้เขานึกถึงแต่เรื่องดี ๆ ของผม และไม่อยากให้คนนั้นต้องมีสีหน้าทุกข์ใจให้เห็น ...ผมเชื่อว่าคนอ่อนโยนคนนั้นจะต้องรู้สึกผิดกับผมมากทีเดียว ถ้าได้รับรู้ความในใจของผมเข้า”

        หมอเพชรรับฟังคำตอบนั้นก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ

        “คุณก็ยังใจแข็งเหมือนเดิมนะ กรกฎ ...”

        กรกฎยิ้มน้อย ๆ ให้กับคำพูดนั้น แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อคนป่วยยกมือเรียกให้เขาเข้ามาใกล้ ซึ่งเลขาหนุ่มก็มองอย่างลังเลชั่วครู่ แล้วยอมทำตามโดยการเดินไปนั่งบนเตียงใกล้ร่างของอีกฝ่าย

         “...เวลาอยู่กับผม คุณไม่จำเป็นต้องปิดบังหรือหลบซ่อนความรู้สึกของตัวเองหรอกนะ”

        กรกฎนิ่งเงียบ แล้วจึงมีรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏให้เห็นบนใบหน้า

        “ผมพูดจริง ๆ นะคุณหมอ...และที่เป็นแบบนี้ได้ ก็เพราะคุณนั่นล่ะ ...คุณมีส่วนที่ทำให้ผมตัดใจจากคุณเวธน์และยินดีกับเขาและปาลได้จากใจจริง”

        หมอเพชรมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ ทำให้กรกฎต้องหัวเราะเบา ๆ ในลำคอตามมา

        “คุณลืมไปแล้วหรือไง...ขนาดวันนั้นผมเมา ๆ ผมยังจำได้เลยนะ”

        กรกฎหวนคิดถึงวันงานเลี้ยงฉลองต้อนรับกีรติในวันแรกที่อีกฝ่ายเข้ามาทำงานเป็นยามและได้รับการยอมรับจากทุกคนในหมู่บ้าน วันนั้นเขาดื่มหนักมากไปหน่อย จนรู้สึกเวียนหัวจึงไปขอยาจากหมอเพชร และพอตามมาที่บ้านของเจ้าตัว ก็ถูกตั้งคำถามตรง ๆ เสียจนเขาสะดุ้ง

        “...วันที่คุณเมา อ้อ...วันเลี้ยงรับคุณกีรติสินะ ...วันนั้นผมถามคุณว่า คุณชอบคุณเวธน์ใช่ไหม แล้วคุณก็ทำเป็นเฉย ...ผมก็เลยแกล้งขู่คุณว่าจะไปบอกคุณเวธน์ว่าคุณชอบเผลอมองเขาด้วยสายตาแบบไหน...คุณก็เลยยอมสารภาพความจริงกับผม”

        หมอเพชรหวนระลึกความหลังแล้วอมยิ้มน้อย ๆ แต่นั่นกลับทำให้คนฟังทำเสียงในลำคออย่างนึกหมั่นไส้

        “แกล้งกันจริง ๆ ด้วยสินะ...”

        “หึ ๆ ก็ผมเริ่มสนใจคุณมาก่อนหน้านั้นได้สักพักแล้วนี่...พอมองตามคุณที่เฝ้ามองแต่คุณเวธน์ ก็เริ่มถูกใจแล้วกลายมาเป็นชอบได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้”

        คนป่วยบอกด้วยสีหน้าระบายยิ้ม แต่นั่นกลับทำให้คนฟังย้อนถามกลับไปอย่างไม่เข้าใจนัก

        “แต่คุณก็ยังคงพยายามเชียร์ให้ผมสารภาพรักกับเขาอยู่เสมอไม่ใช่หรือครับ”

        หมอเพชรหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วจึงตอบออกไปตามตรง

        “ใช่...เพราะผมมั่นใจว่า หากคุณเอาจริง คุณเวธน์ก็ต้องตอบรับรักคุณได้อย่างไม่ยาก...เรื่องที่เขาทั้งเอ็นดูและให้ความสนิทและไว้วางใจกับคุณมากเพียงใด ใคร ๆ ในหมู่บ้านนี้ก็รู้ทั้งนั้น”

        “แล้วคุณจะไม่เสียใจหรือไงกัน...ไหนคุณบอกว่าชอบผมยังไงล่ะ”

        กรกฎยังคงตั้งคำถามต่อไปอย่างสงสัยไม่หาย

        “หึ...ก็คงเหมือนกับที่คุณเชียร์ให้คุณปาลินกับคุณเวธน์ลงเอยกันนั่นล่ะครับ”

        เลขาหนุ่มชะงักนิด ๆ แล้วจึงย้อนกลับไปเสียงแผ่ว

        “นั่นเพราะผมเห็นว่าคุณเวธน์หวั่นไหวกับปาลเขา...ไม่ใช่แค่เรื่องหน้าตาที่เหมือนกับอากอบเพียงอย่างเดียว ...แต่เขาหวั่นไหวเพราะความจริงใจที่ปาลมีให้ ...ผมถึงกล้ายอมถอยแล้วคอยเชียร์ทั้งคู่อยู่เงียบ ๆ ต่างหากล่ะครับ”

        บอกไปแล้วกรกฎก็นิ่งเงียบ และจ้องมองนัยน์ตาต่างสีคู่นั้นของคนที่นอนอยู่ ก่อนจะหลุดยิ้มน้อย ๆ ออกมา

         “จะว่าไปพวกเรานี่ก็ค่อนข้างคล้ายกันนะครับ...”

        “นั่นสิ… อ๊ะ! แต่ก็ต่างกันนิดหน่อย ตรงที่ผมไม่ใช่พวกปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ เสียด้วยสิครับ”

        “คุณนี่มัน!  เฮ้อ…”

        กรกฎที่เตรียมจะโวยวายในทีแรก เปลี่ยนมาถอนหายใจแทน เพราะต่อให้คนตรงหน้าจะสารภาพว่าชอบเขายังไง แต่ก็ยังคงไม่วายชอบพูดกวนประสาทเขาอยู่ดี   

        “เอาเถอะครับ...ถึงยังไงก็เพราะได้พูดระบายในสิ่งที่เก็บเอาไว้ให้คุณได้ฟังในวันนั้น จึงทำให้ความรู้สึกของผมสงบลงไปเรื่อย ๆ ...ขอบคุณมากเลยนะครับ คุณหมอ”

        หมอเพชรยิ้มตอบ ทั้งคู่สบตากันนิ่งอยู่นาน จนกระทั่งกรกฎต้องเป็นฝ่ายหลบตาไปก่อน เนื่องจากรู้สึกเหมือนว่าใบหน้าของเขาเริ่มร้อนวูบวาบ และใจเต้นผิดจังหวะอย่างน่าแปลก

        “เอ่อ...ผมโทรไปลางานคุณเวธน์ก่อนดีกว่า เดี๋ยวเขากลับมาจากข้างนอกแล้วไม่เจอผมจะแปลกใจเอา”

         กรกฎรีบเปลี่ยนเรื่องคุย แล้วลุกเดินเลี่ยงไปโทรศัพท์หาเวธน์ โดยมีสายตาอ่อนโยนของคนป่วยมองตามไม่วางตา 

         และเมื่อเวธน์ได้รับรู้ว่าแพทย์ประจำหมู่บ้านเกิดป่วยแบบนั้น เขาก็ฝากฝังให้เลขาคนเก่งช่วยดูแลอีกฝ่ายให้ด้วย แต่ก็ยังไม่วายเตือนด้วยความเป็นห่วงให้กรกฎระวังจะติดหวัดเข้าให้ ทำเอาคนถูกเตือนต้องอมยิ้มน้อย ๆ กับโทรศัพท์ของตนเอง หลังจากตัดสายสนทนาไปแล้ว

        “...ก็เล่นทำตัวเป็นพี่ชายแบบนี้มาตลอด ใครจะกล้าสารภาพกันได้ล่ะนะ ...เฮ้อ”

        ชายหนุ่มพึมพำกับตนเอง แล้วก็อดคิดถึงใบหน้าคนที่นอนป่วยอยู่ไม่ได้ เขาไม่ได้บอกกับหมอเพชรหรอกว่า คืนที่เขายอมสารภาพความจริงเรื่องที่ชอบเวธน์ออกไปนั้น เพราะอ้อมกอดอันอบอุ่นของอีกฝ่ายที่กอดปลอบโยน ในยามที่เห็นเขามีสีหน้าเจ็บปวดเพราะรู้ดีว่ารักคงไม่มีวันสมหวังนั่น  มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาตัดใจจากเวธน์ได้ง่ายขึ้นเช่นกัน       



          หลังจากบอกเวธน์เรื่องหมอเพชรป่วยไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี บรรดาชาวหมู่บ้านที่ไม่ได้ไปทำงาน ก็ต่างพากันทยอยมาเฝ้าหมอเพชร จนคนไข้แทบไม่มีเวลาพักผ่อน และนั่นก็ทำให้พยาบาลจำเป็นเริ่มจะไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเล็กน้อย

        “ทุกคนครับ...ถ้าอยากเยี่ยมก็รอตอนเขาใกล้หายหรืออาการดีกว่านี้ก่อนเถอะครับ ขืนมาชวนคุยกันแบบนี้ เมื่อไหร่คุณหมอเขาจะได้พักสักที”

        ถึงแม้จะไม่ได้ใช้น้ำเสียงดุดันสักนิด ทว่าน้ำเสียงทุ้มเรียบเยียบเย็นแบบที่ใช้อยู่ ก็ทำให้แต่ละคนเผลอกลืนน้ำลายลงคอ แล้วต่างเตรียมรีบสลายตัวออกจากบ้านของหมอหนุ่มอย่างว่องไว ทว่าแต่ละคนก็ต้องชะงักเมื่อพ่อมดหนุ่มที่แวะมาด้วยกัน เอ่ยถามคนพูดอย่างตรงไปตรงมา

        “ดูคุณกรกฎห่วงหมอเพชรจังนะ ...คิดยังไงกับหมอเขาหรือ...ชอบหรือเปล่า”

        หลังจากปัณณ์หลุดคำถามนั้นออกไป ภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดไปชั่วขณะ และเจอรัลด์ซึ่งตั้งสติได้ก่อนใคร ก็รีบโพล่งขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

        “แหม ๆ คุณปัณณ์ ถามแบบนั้นได้ยังไงครับ  คุณกรกฎน่ะหรือครับจะคิดอะไรกับคนเจ้าเล่ห์ปากจัดชอบแกล้งคนอื่นอย่างหมอเพชรน่ะ...โอ๊ย! ผมเจ็บนะครับคุณแฟนธอม! ผมก็แค่พูดความจริงนี่นา...”

        เจอรัลด์รีบหันไปแก้ตัวกับคนรักที่แอบหยิกเอวของตนแรง ๆ โดยแฟนธอมก็ค้อนให้นิด ๆ อย่างนึกหมั่นไส้ เนื่องจากนักประดิษฐ์หนุ่มนั้นเผลอพูดล่วงเกินคนที่ตนนับถืออย่างหมอเพชรนั่นเอง

        “ฮะ ๆ ก็อย่างที่เจอรัลด์บอกนั่นล่ะครับคุณปัณณ์ ...คุณเลขาเขามาดูแลผม เพราะกลัวว่าคนในหมู่บ้านคนอื่นจะเดือดร้อน ไม่มีหมอรักษาต่างหากล่ะครับ”

        หมอเพชรเอ่ยเสริมขึ้นมาด้วยใบหน้าปั้นยิ้ม แต่ปัณณ์กลับหรี่ตามองอย่างไม่อยากเชื่อนัก ทว่าทั้งพ่อมดหนุ่มและคนอื่น ๆ ในห้องต่างก็ต้องพากันสะดุ้งโหยง เมื่อกรกฎเอ่ยขึ้นมาบ้างหลังจากนิ่งเงียบไปนาน

        “ถูกอย่างที่คุณสงสัยนั่นล่ะครับ คุณปัณณ์ ...ผมชอบคุณหมอ อืม...แต่ก็ยังไม่มากถึงขั้นรัก อาจจะเรียกได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงคบหาเรียนรู้นิสัยระหว่างกันก็ได้น่ะครับ”

         พอกรกฎพูดจบภายในห้องก็เงียบกริบเสียยิ่งกว่าก่อนหน้านั้น ทว่าเพียงแค่ชั่วครู่ ทุกคนก็พากันสะดุ้งโหยงอีกครั้ง เมื่อปัณณ์หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างชอบใจ

        “ฮ่า ๆ แบบนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นผู้ช่วยของคุณเจ้าของที่ดินรุ่นปัจจุบัน!  ผมสนับสนุนพวกคุณเต็มที่เลยนะ พวกคุณสองคนเหมาะกันมากเลยล่ะ!”

        บอกจบพ่อมดหนุ่มก็ขอตัวกลับบ้านพักไปอย่างอารมณ์ดี แถมยังบอกอีกว่าจะโทรไปบอกให้ไกรสรรู้จะได้ไม่ตกข่าวอีกคน

        “ง่า...งั้นพวกผมก็ขอลากลับล่ะครับ... หายไว ๆ นะครับ หมอเพชร”

        เจอรัลด์ที่เห็นรอยยิ้มเย็นยะเยือกของกรกฎที่มองมาตอนเขากำลังจะอ้าปากถามด้วยความสงสัย ต้องรีบบอกลากับคนทั้งคู่ แต่ก็ไม่วายจูงมือคนรักให้กลับไปด้วยกันอยู่ดี  ส่วนคนอื่น ๆ ต่างก็เอ่ยลาเจ้าของบ้าน แล้วต่างแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน โดยไม่คิดอยู่ซักถามกรกฎต่อเช่นเดียวกัน

        “ดูเหมือนว่าคุณเจอรัลด์เขาจะไม่อยากให้คุณแฟนธอมอยู่ใกล้ชิดคุณเท่าไหร่เลยนะครับคุณหมอ...ไปทำอะไรให้เขาระแวงขนาดนั้นหรือครับ”

        กรกฎหันมาถามด้วยน้ำเสียงเรื่อย ๆ ตามปกติ ทว่ากลับทำให้คนฟังอมยิ้ม เพราะดูจากแววตาของคนถามคล้ายจะมีแววขุ่นมัวนิด ๆ ให้พอจับผิดสังเกตได้

        “หึงอย่างนั้นหรือครับ คุณเลขา”

        สรรพนามที่ใช้เรียกหยอกเย้าตามปกติของอีกฝ่าย ทำให้กรกฎต้องทำเสียงในลำคอเบา ๆ อย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แต่ก็ทำทีเป็นนิ่งเฉย เพราะไม่อยากจะยอมรับว่าตนนั้นคิดหึงหวงอีกฝ่ายจริง ๆ

        “ผมก็แค่ถามดู...เห็นคุณเจอรัลด์เขาชอบคุณแฟนธอมขนาดนั้น ผมก็นึกสงสารเขา เลยไม่อยากให้คุณไปทำตัวเป็นมือที่สามคอยแกล้งเขาต่างหากล่ะครับ”

        หมอเพชรอมยิ้มนิด ๆ ไม่โต้ตอบอะไรต่อ เพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มอารมณ์เสียไปกว่านี้ และพอเห็นอีกฝ่ายเลือกที่จะนิ่งเฉย กรกฎจึงทำทีเป็นเปลี่ยนเรื่องสนทนาแทน

        “...คุณนอนพักได้แล้วครับหมอ เดี๋ยวพวกที่ออกไปทำงานนอกหมู่บ้านกลับมาแล้วรู้ข่าวเข้า ก็คงจะทยอยมาเยี่ยมคุณอีก ผมไม่อยากเสียมารยาทไล่คนที่มีน้ำใจมาเยี่ยมคุณบ่อย ๆ หรอกนะครับ”

         “...แล้วคุณจะยังอยู่เฝ้าผมต่อหรือเปล่าล่ะกรกฎ”

        คำถามของหมอหนุ่มทำให้กรกฎที่กำลังจะเดินเลี่ยงไปนั่งข้างนอกชะงัก แล้วจึงแสร้งทำเป็นเปรยพูดลอย ๆ

        “ทำไมครับ ...ยังอยากจะไล่ผมกลับต่ออีกสินะ”

        หมอเพชรหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วจึงเอ่ยตอบกลับไปตามตรง

        “ถ้าเป็นก่อนหน้านั้นก็อาจจะอยากให้กลับ เพราะเป็นห่วงกลัวคุณจะติดหวัด ...แต่พอได้ยินคำสารภาพรักเมื่อครู่แล้ว เลยอยากจะให้อยู่ต่อนาน ๆ แทนน่ะ”

         “ใครสารภาพรักกันครับ! ผมพูดแค่ว่ากำลังอยู่ในระหว่างคบหาดูใจกันต่างหาก!”

        กรกฎรีบโพล่งขัดอย่างนึกเขิน ก่อนหน้านั้นเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าพูดออกไป แต่พอเห็นว่าหมอเพชรพยายามจะปกป้องชื่อเสียงของเขา โดยไม่สนเรื่องของตัวเอง ก็ทำให้เขาเผลอพูดในสิ่งที่อยู่ในใจให้เจ้าตัวและคนอื่นรับรู้ไปจนได้

        “หึ ๆ พูดแค่นั้น ต่อหน้าคุณปัณณ์ก็เท่ากับว่านั่นเป็นการสารภาพรักนั่นล่ะ ... พนันกันได้เลยว่าพวกคุณเวธน์กับคุณปาลินที่ยังไม่กลับมาจากข้างนอก... อ้อ! อาจจะรวมถึงพวกคุณกีรติกับคุณริวที่ลาพักร้อนไปเที่ยวกันนั่นด้วย ...ป่านนี้คงจะรู้เรื่องของพวกเรากันหมดแล้วล่ะนะ”

         พอหมอเพชรพูดจบ กรกฎก็ต้องชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งทำเป็นตีสีหน้าเฉยชา ไม่ทุกข์ร้อนอันใด แม้ภายในใจยามนี้จะคิดว่าสิ่งที่หมอหนุ่มพูดมานั้นมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม





สวัสดีค่ะ มาลงตอนพิเศษให้อ่านกันแล้วนะคะ  สำหรับตอนคุณหมอกับคุณเลขานี่ยังไม่จบนะคะ เดี๋ยวมาหยอดความหวาน ให้อ่านกันต่อในครึ่งหลัง  ... สำหรับตอนพิเศษของเรื่องนี้ ที่ลงในบอร์ด จะเป็นคล้ายบทสรุปของคู่หวานในหมู่บ้าน รวมถึง การกล่าวถึงความสัมพันธ์ และอดีตของตัวละครบางตัว ให้นักอ่านทราบ  จึงอาจจะดูเรื่อย ๆ ไม่ตื่นเต้นไปสักหน่อยนะคะ ^^" แต่ก็พยายามจะเขียนให้อ่านแล้วสนุกให้ได้ล่ะค่ะ!! (สู้ๆ)

ส่วนตอนพิเศษในเล่มก็คงจะเป็นตอนยาว รวมตัวละคร และมีเหตุการณ์ให้ชวนตื่นเต้นกันบ้าง บู๊กันหน่อย โชว์ฝีมือกันนิด  เพราะหมู่บ้านนี้ศัตรูค่อนข้างเยอะอยู่ หุ ๆ    อ้อ ฝากข่าวนิดนะคะ สำหรับเรื่องนี้เปิดจองแล้วค่ะ อ่านรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ  luv-book.com เดี๋ยวจะแวะไปแจ้งในกระทู้ค้าขายของเล้าอีกทีค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-12-2013 20:39:06 โดย Xenon »

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
รอตอนต่อไปค่ะ  :hao3:

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
ต้องตามลุ้นว่าคุณหมอกับคุณเลขาจะเป็นยังไงต่อไป
แต่ว่าอยากอ่านคู่ของปุณณ์เร็วๆ อยากรู้ว่าปุณณ์จะเกรียนได้ขนาดไหม ฮ่าๆ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เย้ ในที่สุดสิ่งที่สงสัยว่าเค้าไปสปาค์กันตอนไหนยังไง ก็กระจ่างขึ้นมาละ
รอฉากหวานหยด ฮ่าๆๆๆๆ

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
เสร็จไปอีกหนึ่งคู่
 :mew1:

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
คู่หวานอีกคู่  :mew1:

บวกเป็ด

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
คุณหมอหายไวแน่ ๆ มีพยาบาลดี

 :mew1:

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
คู่ คุณเลขากับคุณหมอ น่ารักดีนะ

 :m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
เพชรกรกฎน่ารักดี

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
น่ารัก

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
น่ารักเนอะ คุณเลขาเนี้ย

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
ตอนพิเศษ “เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ.”
เรื่องของคุณหมอ กับ คุณเลขา (...ต่อ)

:L1:


   เป็นไปตามที่หมอเพชรได้คาดเดาไว้ พอเวธน์และปาลินกลับมา ทั้งคู่ก็รีบมาแวะเยี่ยมเยียนหมอหนุ่มถึงบ้านพัก พร้อมกับซักถามกรกฎถึงเรื่องความรักของอีกฝ่าย จนเลขาคนเก่งต้องหลุดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

   “เรื่องของพวกผมไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกครับ”

   “ถ้าไม่เล่าแล้วจะรู้ได้ไงว่าน่าสนใจหรือไม่น่าสนใจกันน่ะ”

   เวธน์ยังคงไม่ยอมแพ้ แม้จะพอมองออกว่ากรกฎพยายามบ่ายเบี่ยงปฏิเสธก็ตาม

   “แต่ว่า ...”

   กรกฎเหลือบมองคนที่นอนป่วยอยู่บนเตียง อีกฝ่ายนั้นทำเป็นนิ่งเฉย ไม่คิดช่วยเขาพูด ซ้ำยังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์นิด ๆ ชวนให้หมั่นไส้อีกต่างหาก

   “ไม่เห็นต้องอายเลยนี่ ทีฉันยังเล่าให้นายฟังทุกเรื่องเลยด้วยซ้ำ!”

   ปาลินเสริมตามมา แล้วจ้องมองญาติของตนด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็นอย่างไม่คิดปิดบัง

   “แต่นั่นมัน...อืม...นั่นสินะ นายเองก็เล่าทุกอย่างให้ฉันฟังมาโดยตลอดนี่นา”

   กรกฎบอกแล้วแย้มยิ้มน้อย ๆ คล้ายจะนึกอะไรบางอย่างได้ ทำเอาปาลินที่เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายต้องนิ่วหน้า นึกสังหรณ์ใจประหลาดขึ้นมาทันที

   “....ขนาดเรื่องที่เอารูปแอบถ่ายคุณเวธน์ไปใช้ช่วยตัวเองก่อนนอนบ่อย ๆ นายยังกล้าเล่าให้ฉันฟังได้เลยนี่นา อย่างนี้ฉันเองก็ควรต้องเล่าเรื่องส่วนตัวให้นายฟังคืนบ้างแล้วสินะ...”

   ยังไม่ทันที่กรกฎจะพูดจบดี คนที่ถูกอ้างถึงก็สะดุ้งเฮือก พลางหันกลับมามองคนรักอายุน้อยกว่าของตน ด้วยความฉุนปนอายจนใบหน้าแดงก่ำไปหมด

   “จริงอย่างที่กรกฎว่ามาหรือเปล่า ปาล!”

   “คะ...คุณเวธน์...ก็...บะ...แบบว่า...ตอนนั้นผม...ง่า...ยังหลงรักคุณข้างเดียวอยู่นี่ครับ...มันก็เลยเผลอไปบ้าง...”

   ปาลินแก้ตัวติด ๆ ขัด ๆ พร้อมกับใช้สายตาอ้อน ๆ ส่งให้คนรักเต็มที่ ทว่านั่นกลับทำให้กรกฎลอบยิ้มแล้วแสร้งเปรยขึ้นต่อดัง ๆ

   “อืม...ฉันจำได้ว่า ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน นายปรึกษาฉันใช่ไหมว่า ถ้าจะแกล้งโทรไปชวนคุณเวธน์เล่นเซ็กส์โฟน แล้วคุณเวธน์จะยอมตามน้ำเล่นด้วยไหม...สินะ”

   ปาลินกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อสีหน้าของเวธน์แสดงให้เห็นถึงความอับอายสุดขีด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโกรธจัดเมื่อหันกลับมาจ้องเขา เจ้าตัวรีบจูงมือคนรักออกจากห้องของหมอหนุ่ม เพราะเกรงว่ากรกฎจะเผยความลับของตนออกไปมากกว่านี้นั่นเอง

   “ร้ายจริง ๆ นะครับ คุณเลขา ... นี่เรียกว่าแก้แค้นส่วนตัวด้วยหรือเปล่าครับนั่น”

   หมอเพชรเอ่ยแซว หลังจากได้ยินเสียงฝีเท้าของแขกทั้งสองไกลออกไป 

   “ไม่ต้องมาแซวเลยนะครับ แทนที่จะช่วยพูดกันบ้าง”

   กรกฎหันกลับมาบอกคนป่วยด้วยความหมั่นไส้ ที่อีกฝ่ายไม่คิดจะช่วยเขาเลยสักนิด

   “หึ ๆ ก็ผมอยากดูว่าคุณเลขาจะบอกคุณเวธน์เรื่องนี้ยังไงน่ะสิครับ”

   กรกฎทำเสียงบ่นพึมพำอุบอิบแผ่วเบา เพราะอีกฝ่ายนั้นจงใจแกล้งเขาชัด ๆ เนื่องจากเจ้าตัวย่อมรู้อยู่เต็มอกว่า ถึงยังไงเขาก็ไม่คิดจะเล่าความจริงให้เวธน์ฟังอยู่แล้ว

   “ผมว่าตัวเองตัดสินใจผิดเรื่องคิดคบกับคุณแล้วล่ะ คุณหมอ”

   กรกฎประชดใส่ ทำให้คนป่วยอมยิ้ม แล้วดึงมือคนที่กำลังเดินไปห่างเตียงให้หยุดเสียก่อน

   “ไม่เอาน่ากรกฎ ผมก็แค่ไม่อยากให้คุณลำบากใจ เกิดผมแก้ตัวไม่เข้าท่า แล้วคุณไม่พอใจ คุณเวธน์ก็สงสัยเข้าพอดี”

   กรกฎเหลือบมองคนพูดอย่างไม่อยากเชื่อนัก ทว่าสักพักเขาก็ต้องถอนหายใจ เพราะการที่จะไล่ต้อนคนอย่างหมอเพชรให้จนมุมได้นั้น ย่อมเป็นเรื่องยากมากทีเดียว

   “เอาเถอะครับ ไว้เดี๋ยวผมจะบอกคุณเวธน์ว่า ผมคุยกับคุณถูกคอดี เลยตัดสินใจคบกัน แค่นั้นก็พอ ...คุณเองเวลาใครถามก็ตอบให้เหมือนกันล่ะ”

   คนฟังอมยิ้ม พลางออกแรงแกล้งดึงแขนอีกฝ่ายแรง ๆ จนกรกฎเสียหลักเซล้มลงบนอกกว้างของคนป่วย แต่พอเลขาหนุ่มจะยันกายลุกหนี เขาก็ต้องถูกอ้อมแขนแข็งแรงนั่นตวัดรัดร่างเอาไว้ พลางรั้งศีรษะของตนให้เข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อน ๆ ของอีกฝ่าย

   “คุณหมอ...ปล่อยผมนะ”

   กรกฎพยายามร้องห้ามเสียงแผ่ว เพราะเขารู้สึกเหมือนว่าใบหน้าของตนจะร้อนวูบวาบแทบไม่แตกต่างอะไรกับลมหายใจของอีกฝ่ายเลยสักนิด

   “ทำไมล่ะ...รังเกียจกันหรือ”

   หมอเพชรพึมพำ ริมฝีปากที่แตะเฉียดไปมายิ่งเรียกให้เลือดในกายของเขาร้อนระอุมากขึ้น

   “ไม่ใช่สักหน่อย...ผมแค่...”

   กรกฎพูดด้วยน้ำเสียงสั่น หัวใจเต้นแรงที่หมอหนุ่มสัมผัสได้ ทำให้คนป่วยอมยิ้มแล้วจึงไม่คิดรอคำตอบของอีกฝ่ายต่อไป แต่กลับใช้ฝ่ามือกดรั้งศีรษะของกรกฎเข้ามาใกล้ จนริมฝีปากของพวกเขาบดเบียดแนบชิดผสานกันในที่สุด

   “โถ่! คุณเวธน์! เชื่อผมเถอะครับ ผมแค่พูดเล่นเท่านั้นเอง! ….กาย! นายรีบแก้ตัวให้ฉันเลย...”

   เสียงโหวกเหวกโวยวายด้านนอก ทำให้กรกฎสะดุ้งเฮือก ทว่ายังไม่ทันดันตัวออกห่างจากหมอหนุ่ม ลูกพี่ลูกน้องของเขาก็เปิดประตูพรวดเข้ามาเสียแล้ว กรกฎหันไปมองก็เห็นปาลินยืนตกตะลึงอ้าปากค้างที่พูดไว้ ส่วนเวธน์ที่ถูกฉุดแขนตามมาก็มีอาการอึ้ง ๆ ไม่แพ้อีกฝ่ายเช่นกัน

   “ง่า...ดูเหมือนว่านายกับหมอเพชรกำลังยุ่งอยู่ใช่ไหม...งั้นไว้ช่วยอธิบายเรื่องของฉันกับคุณเวธน์วันหลังแล้วกัน...คุณเวธน์ครับ เรากลับสำนักงานกันเถอะครับ”

   เวธน์ซึ่งกำลังอึ้งอยู่ พยักหน้าตอบรับเบา ๆ ลืมไปแล้วว่าตอนนี้กำลังโกรธกับปาลินอยู่

   “อืม...กลับก็กลับ...”

   กรกฎที่พอจะตั้งสติได้รีบยันกายลุกจากอ้อมกอดของหมอหนุ่ม ทว่ายังไม่ทันจะเอ่ยปากแก้ตัว เวธน์ที่กำลังจะปิดประตูห้องก็ชะโงกหน้ามาบอกกับลูกน้องของเขาด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ

   “ถ้ายังไงวันนี้นายลาเลยก็ได้...งานที่เหลือเดี๋ยวฉันกับปาลจัดการให้เอง  อ้อ...แล้วก็ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ”

   “เดี๋ยวครับคุณเวธน์!”

   กรกฎเตรียมจะลุกตามอีกฝ่ายไป ทว่าก็ต้องหลุดอุทานอย่างตกใจ เมื่อคนป่วยรั้งเอวเขาไว้ให้ล้มตัวนอนไปด้วยกันบนเตียงอีกครั้ง

   “คุณหมอ!”

   “ช่างสองคนนั่นเถอะน่ากรกฎ พวกเขาก็รู้อยู่แล้วว่าเราคบกัน พวกเขาไม่เอาเรื่องของคุณไปล้อหรอก...เรามาต่อกันจากเมื่อครู่นี้ดีกว่า”   

   หมอเพชรยิ้มกรุ้มกริ่ม ทำเอาเลขาหนุ่มนึกฉุนที่อีกฝ่ายยังคงมีสีหน้าไม่เดือดเนื้อร้อนใจจนน่าหมั่นไส้

   “คุณนี่มัน...”

   “มันทำไมหรือครับ คุณเลขา”

   คนป่วยแสร้งย้อนถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มระรื่น ทำเอาคนถามต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่

   “...มันน่าจะทุบสักทีสองที ให้หายหมั่นไส้น่ะสิครับ”

   กรกฎบอกพร้อมรอยยิ้ม ทำให้อีกคนชะงักก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นยิ้มอ่อนโยนส่งให้แทน

   “ถ้าเป็นคุณเลขา จะทำยิ่งกว่าทุบผมก็ยอมนะ...”

   คนฟังทำเสียงในลำคออย่างไม่สบอารมณ์นิด ๆ แล้วจึงย้อนประชดกลับไป

   “ยังไม่ทำตอนนี้หรอกครับ ไม่อยากได้ชื่อว่ารังแกคนป่วย”

   หมอเพชรอมยิ้มพลางรั้งใบหน้าของเลขาหนุ่มให้เข้ามาใกล้ชิดใบหน้าของตนมากขึ้น

   “ถ้าไม่อยากเป็นฝ่ายรังแก ก็ช่วยดูแลกันหน่อยได้ไหม”

   “...ไม่กลัวผมจะติดหวัดแล้วหรือครับ”

   กรกฎถามเสียงแผ่ว หัวใจเริ่มเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง

   “อืม...มาถึงตอนนี้ไม่กลัวแล้วล่ะ ...จริง ๆ คุณติดหวัดต่อจากผมก็ดีนะ  ผมจะได้คอยดูแลคุณตอบแทนบ้างยังไงล่ะ”

   คนป่วยกระซิบตอบ ก่อนจะบรรจงจูบแผ่วเบาไปทั่วใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายไปเรื่อย ๆ อย่างไม่คิดหยุด

   “คุณหมอ...เดี๋ยวสิครับ...”

   กรกฎที่ไม่อาจต้านทานสัมผัสของอีกฝ่ายได้รีบร้องครางห้าม เพราะขืนปล่อยให้หมอเพชรนัวเนียเขาต่อไปอีก มีหวังเขาเองก็คงต้องหลงลืมตัว และยอมปล่อยตัวปล่อยใจให้ชายหนุ่มทำมากกว่านี้เป็นแน่

   “หืม...มีอะไรหรือ” 

   หมอเพชรพึมพำถาม โดยที่ยังไม่ยอมเงยหน้าจากซอกคอขาว ๆ ของคนรัก

   “เอ่อ...ประตูยังไม่ได้ล็อกนะครับ...เกิดมีใครพรวดพราดเปิดเข้ามาอีก...” 

   คำแก้ตัวของเลขาหนุ่ม ทำให้คนฟังอมยิ้มแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมาทำเป็นยิ้มหวานใสซื่อส่งให้

   “หือ...อืม...นั่นสินะ งั้นผมไปปิดประตูให้แล้วกัน...”

   “ไม่ต้องหรอกครับ! เอ่อ...ผมไปปิดเองดีกว่า”

   กรกฎรีบร้องห้าม และยันกายออกห่างจากอ้อมกอดของคนป่วย โดยที่อีกฝ่ายนั้นก็ยอมปล่อยให้เลขาหนุ่มลุกขึ้นไปแต่โดยดี ทว่าพอกรกฎลุกยืนข้างเตียงและเตรียมเดินออกไป หมอเพชรก็ยกมือขึ้นจับข้อมือของคนรักเอาไว้เสียก่อน

   “แล้วอย่าคิดหนีล่ะครับคุณเลขา ...”

   คนถูกพูดแทงใจดำสะดุ้งโหยง ก่อนจะพยายามเก๊กสีหน้านิ่งเฉย พร้อมตอบกลับไป

   “จะหนีทำไมล่ะครับ...ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวจนต้องหนีสักหน่อย”

    หมอหนุ่มมองคนทำเป็นไม่ทุกข์ร้อน ทั้งที่ใบหน้าของอีกฝ่ายนั้นขึ้นสีเรื่อให้เห็นชัดเจน

   “หึ ๆ นั่นสินะ...คุณออกจะเก่งรอบด้านเสียขนาดนี้ จะมากลัวอะไรกับแค่เรื่องบนเตียงของคู่รัก จริงไหมครับ”

   กรกฎสะดุ้งนิด ๆ ก่อนจะพึมพำกับตัวเองแผ่วเบาอย่างนึกหมั่นไส้

   “...หมอลามก”

   “อะไรนะครับ”

   คนหูดีแสร้งทำเป็นย้อนถาม แต่อีกฝ่ายนั้นกลับค้อนขวับใส่เขา แล้วตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

   “ผมเปล่าพูดสักหน่อย คุณหมอหูแว่วไปเองต่างหาก ไม่สบายก็งี้ล่ะครับ”

   “หึ ๆ หรือครับ”

   หมอเพชรหัวเราะในลำคออย่างนึกเอ็นดู และมีสีหน้ายิ้มแย้มอย่างรู้ทัน ทำให้กรกฎยิ่งหมั่นไส้มากขึ้น เจ้าตัวเดินตรงไปที่ประตูห้อง ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อคนป่วยโพล่งตามไล่หลังเขามา

   “อ้อ! ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ฝากวานช่วยล็อกประตูรั้วกับประตูหน้าบ้านด้วยเลยนะครับคุณเลขา ...จะได้ไม่มีใครย่องขึ้นมาแอบฟังตอนเรา...นอนคุยกันยังไงล่ะครับ”

   หมอเพชรแสร้งเว้นวรรค ทำให้คนฟังหน้าแดงวาบด้วยความอาย แล้วจึงค้อนใส่ให้อีกครั้ง  ทว่าก็ยังคงเดินออกไปปิดประตูชั้นล่างตามอีกฝ่ายบอกอยู่ดี  พลางคิดเข้าข้างตัวเองว่า ที่เขาทำตามเพราะไม่อยากให้ใครมารบกวนเวลาพักผ่อนของหมอหนุ่ม ไม่ใช่เพราะว่าอยากทำเรื่องต่อจากก่อนหน้านี้ โดยไม่มีคนขัดจังหวะ อะไรนั่นสักหน่อยล่ะนะ…

… จบตอน ...

 

อาทิตย์ที่ผ่านมา ปัดต้องเคลียร์เรื่องนิยายรีปริ้นท์ แพค 4 และ 5 ที่ส่งไปแล้วเมื่อวันศุกร์ 13 ธ.ค. และถึงมือผู้รับบางส่วนในวันเสาร์ 14 ธ.ค. เรียบร้อย...ทำให้วุ่นวายจนไม่ได้ปั่นนิยายต่อเลย ทั้งตอนพิเศษเรื่องนี้ และเรื่อง รวมพลคนไล่ล่าอีกเรื่อง

  ส่วน เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ. ก็ยังเปิดจองโอนเรื่อย ๆ จนถึงวันที่ 10 ม.ค. ตามรายละเอียดจาก luv-book.com เหมือนเดิมนะคะ    ตอนนี้ก็ต้องกลับมาปั่นเรื่องสั้นในเล่ม และลงบอร์ดต่อ  สำหรับลงบอร์ด เดี๋ยวตอนหน้าปัดจะเอาคู่นายปัณณ์ กับ คุณไกร มาลงให้อ่านนะคะ รอติดตามได้จ้ะ ตอนสั้น ๆ อ่านเพลิน ๆ สบาย ๆ เช่นเดิมค่ะ  //ส่วนบู๊ ๆ ยาว ๆ เจอกันในเล่มค่ะ  ^^"

ทำไมปีนี้ฉันงานเข้าตลอดเลยนะเนี่ย ทั้งงานหลวง งานราษฏร์ ...สงสัยต้องเพิ่มความขยันมากกว่านี้เสียแล้ว  นิยงนิยายไม่เดินเลย เฮ้อ ... นักอ่านอย่าเพิ่งทิ้งเค้านะคะ    :hao5:




ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ยังไม่อยากให้จบตอนเลยอ่ะ 
อยากอ่านต่อว่าคุณเลขาจะโดนหมอเจ้าเล่ห์จัดการยังไง  :hao6:

บวกเป็ด

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
คุณหมอเจ้าเล่ห์สุดๆ จริงๆ

ส่วนคู่นายปัณณ์ กับ คุณไกร น่าสนใจอ้ะ

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
คุณเลขาอย่าล็อคแน่นนะคะ เดี๋ยวจะย่องไปแอบส่องว่าเรื่องบนเตียงจะเป็นยังไง อิอิ
เรื่องของปัณณ์กับไกร~
มานั่งรออย่างใจจดใจจ่อค่าาา

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4


ตอนพิเศษ “เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ.”
เรื่องของ พ่อค้ากับข้าว และ คุณพ่อมด
...........................



         เสียงทำนองเพลงที่ดังขึ้นทำให้คนกำลังนอนหลับสบายต้องงัวเงียมาควานหามือถือซึ่งวางไว้แถวหัวเตียง ก่อนจะหยิบขึ้นมามองเบอร์คนโทร แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่แปลกใจสักนิดว่าทำไมปลายสายถึงกล้าโทรมาปลุกเขาตอนตีสามแบบนี้

        “...มีอะไรหรือไงปัณณ์ ถึงได้โทรมาหาฉันตอนนี้น่ะ”

        ไกรสรถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียปนหงุดหงิดนิด ๆ แล้วก็นึกแปลกใจที่ปลายสายนั้นเงียบไปนาน ทั้งที่ปกติเจ้าตัวจะต้องพูดจ้อจนเขาพูดแทรกไม่ทันเป็นประจำแท้ ๆ

        “ปัณณ์...นายอยู่ในสายหรือเปล่าน่ะ”

        คนพูดย้ำถามอีกรอบ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วยุ่งเมื่อได้ยินเสียงแหบ ๆ ที่ตอบกลับมา

        “อยู่... แต่ปวดหัว แล้วก็เจ็บคอมากด้วย...เลยไม่อยากพูดมาก”

        “เป็นอะไรไป? ป่วยหรือไง? เมื่อตอนเช้ายังเห็นร่าเริงดีอยู่เลยไม่ใช่หรือ”

        ไกรสรถามกลับไปอย่างแปลกใจ ฟังจากน้ำเสียงแล้ว เขาก็ไม่คิดหรอกว่าอีกฝ่ายนั้นจะแกล้งหลอกเขา และอีกอย่างตั้งแต่คบหากันมา ปัณณ์ไม่เคยโกหกเขามาก่อน พ่อมดหนุ่มเป็นคนปากตรงกับใจ ถึงแม้ส่วนใหญ่มักจะเป็นการพูดโดยไม่คิดไตร่ตรงก่อนเสมอก็ตาม

        “จะไปรู้หรือไงว่าจู่ ๆ ก็ป่วยได้ยังไง... อ๊ะ...สงสัยจะติดหวัดจากหมอเพชร ตอนไปเยี่ยมเขาแน่เลย”

        คนฟังขมวดคิ้วนิด ๆ กับสิ่งที่ได้ยิน

        “ติดหวัดจากหมอเพชร? เขาไม่สบายหรอกหรือ...อืม มิน่าล่ะ ถึงไม่เห็นหน้าตอนเช้ามาสองสามวันแล้ว ...ว่าแต่นายน่ะไปทำอีท่าไหนล่ะนั่น แค่ไปเยี่ยมก็ดันติดหวัดมาได้...นี่แสดงว่าช่วงนี้โต้รุ่งทำงานอีกแล้วใช่ไหม ร่างกายมันเลยไม่ค่อยจะมีภูมิต้านทานเหมือนชาวบ้านเขา ... แล้วนี่ได้กินยาบ้างหรือยังน่ะ นายยิ่งเป็นพวกกินยายากกับเขาอยู่ด้วย...”

        “ถ้านายมีเวลาบ่นใส่ฉันขนาดนี้...นายแวะมาช่วยดูอาการฉันที่บ้านนี่ไม่ดีกว่าหรือไงไกร...แค่ก ๆ”

        ปลายสายบ่นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง แถมไอตามมายกใหญ่ จนคนฟังอ่อนใจ

        “ไปอยู่แล้วน่า ก็เล่นโทรมาจิกตามกันแบบนี้นี่นา”

        คำเปรยบ่นของอีกฝ่ายทำให้พ่อมดหนุ่มเริ่มไม่สบอารมณ์ แล้วประชดกลับไป 

        “ฮึ...ถ้าไม่เต็มใจ ก็ไม่ต้องมาก็ได้...แค่นี้นะ!”

        ไกรสรนิ่งอึ้งเมื่อปลายสายตัดการสนทนาทิ้ง แถมยังปิดเครื่องหนีตอนเขาโทรกลับไปหาอีกต่างหาก

        “เฮ้อ! ช่วยไม่ได้ล่ะนะ...”

        ร่างสูงใหญ่ยันกายลุกขึ้นจากเตียงนอนเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า เลือกชุดในนั้นออกมาสามสี่ชุดและหยิบกระเป๋าเดินทางใบย่อมออกมา ก่อนจะนำของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้าใส่ไปในกระเป๋าของตน เนื่องจากมั่นใจว่าพ่อมดหนุ่มคงจะป่วยหนักจริง ๆ และเขาเองก็คงต้องคอยอยู่ดูแลที่บ้านของปัณณ์จนกว่าเจ้าตัวจะหายดีอีกตามเคย

       

        ไกรสรถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อประตูรั้วรวมถึงประตูหน้าบ้านของพ่อมดหนุ่มนั้นไม่ได้ล็อกเอาไว้เหมือนดังเช่นทุกครั้ง  แม้เขาจะรู้ดีว่าในหมู่บ้านนี้ไม่มีใครที่จะมีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย แถมระบบรักษาความปลอดภัยอย่างอเล็กซ์ก็คอยดูแลหมู่บ้านเป็นอย่างดี แต่นิสัยประมาทไม่คิดหน้าคิดหลังของปัณณ์ ก็มักทำให้เขาเอือมระอาและนึกเป็นห่วงอยู่เสมอ

        “ปัณณ์...ฉันมาแล้ว  นายเป็นยังไงบ้าง”

        ไกรสรซึ่งเข้ามาถึงห้องพักบนชั้นสองของอีกฝ่าย ถามคนที่นอนเหม่อมองเพดานอยู่บนเตียง ซึ่งพอปัณณ์เหลือบไปเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นใคร เจ้าตัวก็ทำเสียงในลำคออย่างหงุดหงิด แล้วนอนพลิกตะแคงหันหลังให้แทน

        “เฮ้อ! ยังไม่หายโกรธอีกหรือไง ...นายก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือว่า ถ้านายเป็นคนเรียกหา ต่อให้นายสบายดีหรือจะป่วย ถึงยังไงฉันก็ต้องมาหานายอยู่ดี”

        คำพูดพร้อมกับเตียงนอนที่ยวบลง ทำให้คนที่นอนหันหลังให้ หันกลับมามองอีกฝ่ายนิ่ง

        “...ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่า นายไม่ใช่ ‘ทาสรับใช้’ ของฉันอีกแล้ว  ฉันคืนอิสระให้นายไปตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน ...แล้วนายก็ตัดสินใจเลือกที่จะแยกห่างออกจากฉันไปเอง ไม่ใช่หรือไง”

        น้ำเสียงพึมพำแผ่วเบาและใบหน้าเรียบเฉยผิดเคยทำให้คนมองตอบถอนหายใจ ก่อนจะเอื้อมมือใหญ่ของตนไปลูบศีรษะคนนอนอยู่อย่างอ่อนโยน

        “ใช่...ฉันไม่ใช่ทาสรับใช้ของนายอีกต่อไปแล้ว แต่ตอนนี้ฉันเป็น...”

         ไกรสรชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงฝืนยิ้มก่อนจะเอ่ยต่อ

          “ฉันเป็นเพื่อนของนาย...เพื่อนที่จะไม่มีวันทิ้งนาย และจะมาอยู่เคียงข้างนายเสมอ ยามที่นายต้องการยังไงล่ะ”

        “ฮึ...จะไม่มีวันทิ้งกันอย่างนั้นหรือ...อย่าพูดให้ขำเลยน่า”

        ปัณณ์บอกแล้วปัดมือของอีกฝ่ายทิ้ง ก่อนจะนอนหันหลังให้อีกครั้ง

        “ปัณณ์...เฮ้...”

        ไกรสรเอื้อมมือไปจับไหล่อีกฝ่ายอย่างแปลกใจ แต่เจ้าของร่างก็สะบัดหนี แล้วนิ่งเฉย ทำให้ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปกระซิบเรียกชื่อหนึ่งข้างหูของพ่อมดหนุ่ม

        “ฟิ......”

        ร่างที่นอนเงียบ ๆ สะดุ้งโหยง แล้วหันขวับกลับมาทันที ก่อนพลันชะงักเมื่อริมฝีปากของตนเฉียดกับริมฝีปากของอีกฝ่ายไปแผ่วเบา

         “อย่าเรียกชื่อนั้น... ถ้านายไม่คิดจะกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมอีกครั้ง...”

        ปัณณ์พึมพำบอกคนที่จ้องตาเขาอยู่ ซึ่งไกรสรก็ถอนหายใจออกมาค่อย ๆ แล้วแย้งกลับไป

        “คนที่เป็นฝ่ายบังคับให้ฉันต้องออกไปอยู่ที่อื่น มันเป็นนายต่างหากไม่ใช่หรือ”

        “ฉันนี่นะบังคับ ...ฉันพูดตอนไหนว่าให้นายออกไปอยู่ที่อื่น ตอนนั้นนายต่างหากที่เป็นฝ่ายขอออกจากหมู่บ้านไปเองนะ!”

        ปัณณ์เถียงกลับ แล้วไอตามมาชุดใหญ่จนไกรสร ต้องรีบลุกไปหาน้ำอุ่นมาให้อีกฝ่ายดื่ม และพอได้ดื่มน้ำแล้ว ปัณณ์ก็จ้องอีกฝ่ายเพื่อดูว่าเจ้าตัวจะตอบยังไง

        “ก็ฉันบอกความรู้สึกของตัวเองกับนายในตอนนั้น แต่นายก็ปฏิเสธฉัน แล้วเลือกเขาแทนไม่ใช่หรือไง”

        “เลือก? ...บ้ารึ! ฉันกับคุณเจ้าของที่ดินไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย พวกเราเป็นเพื่อนกันต่างหาก!”

        ไกรสรขมวดคิ้วยุ่งอย่างไม่อยากเชื่อนัก เพราะตอนที่พวกเขาได้รู้จักกับจำเริญ ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินแห่งนี้ในรุ่นแรกนั้น ปัณณ์ก็แสดงท่าทางในแบบที่เขาไม่เคยได้พบเห็นพ่อมดหนุ่มเป็นมาก่อน ...ภาพใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยนจริงใจ อาการหัวอ่อนยอมฟังในสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามพูดแต่โดยดี... มีเพียงแต่จำเริญที่ทำให้คนอย่างปัณณ์เป็นเช่นนั้นได้ 

        “โอเค! ฉันไม่ปฏิเสธว่าฉันชอบเขา เพราะเขาเป็นมนุษย์อย่างที่ฉันไม่เคยเจอมาก่อน เขาเป็นคนที่ฉันอยากใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่เดียวกันแบบนั้นไปเรื่อย ๆ  แต่ไม่ใช่แบบเดียวกับที่อยากอยู่กับนายนี่...แค่กๆๆ”

        ปัณณ์ที่เห็นสายตาสงสัยของร่างสูงใหญ่ที่มองมายังตน บอกไปตามตรงด้วยน้ำเสียงโพล่งดังจนเผลอหลุดไอออกมา ทำให้คนมองอยู่ตกใจแล้วประคองร่างของอีกฝ่ายให้ดื่มน้ำในมือตน

        “ใจเย็น ๆ อย่าตะโกนสิ...จิบน้ำก่อนนะ...”

        ปัณณ์เหลือบมองคนที่แสดงถึงความห่วงใยตนสักครู่ ก่อนจะยอมทำตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างว่าง่าย  ซึ่งไกรสรก็ยิ้มน้อย ๆ อย่างโล่งอกเมื่อเห็นพ่อมดหนุ่มยอมสงบลงบ้าง เขานำแก้วน้ำไปวางที่โต๊ะข้างเตียง แล้วจึงหันมาคุยกับอีกฝ่ายถึงเรื่องที่ยังคาใจเมื่อครู่ต่อ

        “...แต่เวลาฉันมาที่หมู่บ้าน ฉันก็เห็นนายสนิทกับเขาดีไม่ใช่หรือ”

        ปัณณ์ชะงักแล้วจ้องมองคนตัวโตที่นั่งบนเตียงข้างเขาอย่างหงุดหงิด

        “นั่นฉันทำประชดต่างหาก! ประชดคนงี่เง่าที่เลือกทิ้งให้ฉันอยู่ที่หมู่บ้านนี้คนเดียว เพราะรำคาญไม่อยากอยู่ด้วยกันกับคนเอาแต่ใจอย่างฉันไงล่ะ!”

        เจ้าตัวโพล่งกลับไปด้วยน้ำเสียงติดห้วน แต่ก็พยายามไม่ตะโกนมาก เพราะเริ่มรู้สึกเจ็บคอขึ้นมาอีก ทว่าคนที่ได้ยินประโยคนั้นถึงกับนิ่งอึ้งแล้วย้อนถามกลับไปอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

        “เรื่องจริงอย่างนั้นหรือ...”

        “ฉันเคยโกหกนายหรือไง!”

        ปัณณ์ค้อนให้อย่างนึกฉุนที่คนตรงหน้าไม่ยอมเชื่อที่เขาบอกสักที

        “แล้วทำไมหลังจากที่คุณจำเริญตายไปแล้ว นายถึงไม่ยอมตอบรับฉันเรื่องที่จะขอกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมล่ะ...”

        ไกรสรถามกลับอย่างมึนงง พลางหวนนึกถึงตอนงานศพของจำเริญ ตอนนั้นเขาลองเสี่ยงถามปัณณ์อีกครั้งว่า ต้องการให้เขากลับมาอยู่ด้วยอีกไหม ทว่าพ่อมดหนุ่มกลับไม่มีคำตอบให้เขา และหลังจากวันนั้นเขาจึงไม่คิดชวนปัณณ์คุยเรื่องนี้อีกเลย เนื่องจากปักใจเชื่อว่าเขาคงหมดหวังเข้าให้แล้วจริง ๆ

        “...เหอะ! จำไม่ได้เลยสินะว่าสายตาของตัวเองตอนนั้นมันเป็นแบบไหน! เรื่องอะไรฉันจะยอมตอบรับคำขอร้องที่แสดงถึงความสมเพชเวทนาตัวฉันเอง จากนายแบบนั้นกัน!” 

         ปัณณ์ตอบคำถามอีกฝ่ายด้วยความหงุดหงิด และเมื่อเห็นสีหน้าอึ้ง ๆ ของไกรสร ก็ทำให้พ่อมดหนุ่มยิ่งโมโหมากขึ้น แล้วทิ้งตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้อีกฝ่ายตามเดิม   

         “...ตกลงว่านายไม่รังเกียจฉันหรอกหรือ... แล้วทำไมนายถึงปฏิเสธตอนฉันสารภาพรักกับนายเมื่อสิบปีก่อนนั้นล่ะ”

        คำถามต่อมาของไกรสรที่เริ่มขยับเข้ามาใกล้และลูบไล้เส้นผมดำยุ่งของตน ทำให้ปัณณ์ชะงักแต่ก็ไม่คิดจะขยับหลบหรือปัดมือที่มอบสัมผัสอันอ่อนโยนให้ตนทิ้งอีกครั้ง  พ่อมดหนุ่มซุกหน้าหลบกับหมอนใบใหญ่ พร้อมพึมพำตอบคำถามนั้นด้วยเสียงอันแผ่วเบา

        “...ก็ฉันทำตัวไม่ถูกน่ะสิ... ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ฉันกับนายอยู่ในฐานะเจ้านายกับผู้ติดตามรับใช้มาโดยตลอด ...แล้วพอฉันบอกคืนอิสระให้นายปุ๊บ นายก็ดันมาสารภาพรักกับฉันปั๊บ ...ใครหน้าไหนมันจะตั้งตัวติดกันเล่า ...แถมพอฉันคิดว่าจะลองเปิดใจให้กับนายในด้านนั้นบ้าง ...แต่นายก็ดันเลือกย้ายไปอยู่ที่อื่นแทนซะงั้น ...แล้วก็ยังไม่สนใจหรือแสดงท่าทางหึงหวงให้เห็น เวลาฉันอยู่กับคุณจำเริญเลยสักนิด ....แบบนี้ใครหน้าไหน มันจะไปกล้าย้ำถามกันล่ะว่า ตกลงนายยังจะคิดกับฉันแบบเดิมอีกหรือไม่น่ะสิ!”

        คำสารภาพยืดยาวทำให้คนฟังถึงกับขมวดคิ้วยุ่ง รู้สึกทั้งฉุนทั้งขันในคราเดียวกัน เพราะมันเหมือนกับปัณณ์จะบอกว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมา คนที่ผิดคือเขาคนเดียวเสียอย่างนั้น 

        “...แล้วเมื่อครู่ นายก็ยังบอกว่าพวกเราเป็นแค่เพื่อนกันอีก... นี่แสดงว่านายไม่ได้คิดกับฉันแบบนั้นแล้วสินะ...”

        คำถามแผ่วเบาที่ตามมา ทำให้ไกรสรชะงักนิ่งไปสักพัก แล้วจึงหลุดหัวเราะค่อย ๆ ในลำคอเมื่อเห็นคนที่นอนหันหลังให้รวบผ้าห่มขึ้นมากระชับแน่นด้วยความน้อยใจ  เห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงชะโงกหน้าไปจูบที่เส้นผมดำขลับของอีกฝ่ายแผ่วเบา

         “นายนี่นะ...ทำยังกับไม่รู้จักนิสัยฉันไปได้... นายก็รู้ดีนี่ว่า ฉันเป็นคนมั่นคงขนาดไหน ...ถ้าคิดกับนายแค่เพื่อนอย่างเดียว ป่านนี้ฉันคงไม่มานั่งทนฟังนายบ่นอยู่แบบนี้หรอก”

        ปัณณ์หันกลับมามองคนพูดอย่างไม่แน่ใจนัก ทว่าพอได้เห็นแววตาซื่อตรงจริงใจ รวมไปถึงรอยยิ้มอ่อนโยนที่ยังคงไม่เคยแปรเปลี่ยนไปจากหลายปีก่อนหน้านั้น ก็ทำให้เขาหลุบตาลง แล้วพึมพำตอบกลับไปเสียงแผ่ว

        “...ทีแรกฉันก็ไม่คิดอยากจะพูดเรื่องนี้กับนายหรอกนะไกร ...แต่พอเห็นคนอื่น ๆ เขามีความสุข เวลาได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก... ฉันก็คิดอยากมีความสุขแบบนั้นบ้าง... ฉันเหงามากเลยนะ ตั้งแต่ที่นายไม่อยู่ด้วยกันที่นี่น่ะ”

        ไกรสรอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อได้รับฟัง ถึงแม้ภาพลักษณ์ในยามนี้ของปัณณ์จะเปลี่ยนไปจากอดีตมากสักเพียงใด ทว่าภายในของปัณณ์ก็ไม่เคยเปลี่ยน พ่อมดหนุ่มแม้จะเป็นตัวปัญหา ดูร่าเริงไร้ทุกข์ร้อนเสมอในสายตาของใครหลายคน แต่จริง ๆ แล้ว เจ้าตัวกลับเป็นคนขี้เหงาและโหยหาความรักมากกว่าผู้ใด ...และเพราะนิสัยที่เข้ากับคนอื่นได้ยาก รวมถึงพลังเวทอันมหาศาล  จึงทำให้แม้แต่พวกพ่อมดแม่มดด้วยกันยังตีตัวออกห่าง  เขาจึงมักจะได้เห็นปัณณ์อยู่โดดเดี่ยวมาตลอดเสมอ

         สำหรับตัวไกรสรเองนั้น ในอดีตที่ผ่านมาหลายร้อยปี เขาเคยเป็นถึงอมนุษย์ผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าแห่งป่า ปกครองผืนป่ากว้างซึ่งเต็มไปด้วยอมนุษย์มากมายหลายเผ่าพันธุ์... ทว่าเมื่อได้พบเจอกับพ่อมดหนุ่มในครั้งแรก เขากลับถูกอีกฝ่ายผูกมัดด้วยอาคมอันแข็งแกร่ง เพื่อบังคับให้เขากลายเป็นทาสรับใช้ของเจ้าตัว  แม้ครานั้นเขาจะเคยนึกแค้นเคืองที่ถูกพรากอิสระสักเพียงใด  ทว่าหลังจากได้อยู่เคียงข้างติดตามพ่อมดหนุ่มย้ายถิ่นไปเรื่อย ๆ ในแต่ละประเทศ  ก็ทำให้ความโกรธแค้นนั้นเริ่มเปลี่ยนแปรเป็นความรักในที่สุด

        “ไกร... นายจะกลับมาอยู่ด้วยกันแบบเดิมอีกได้ไหม”

        คำถามนั้นทำให้คนกำลังเหม่อลอยชะงัก แล้วจึงจ้องมองตอบอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนจะแย้มยิ้มน้อย ๆ พร้อมเปรยขึ้นลอย ๆ

        “แต่ที่นี่ไกลตลาดน่าดูเลยนะ ที่อยู่เก่าฉันขับรถไปนิดเดียวก็ซื้อของได้แล้ว...”

        คำพูดนั้นทำให้คนที่กำลังรอลุ้นฟังถึงกับชะงัก แล้วจึงแสดงความน้อยใจผ่านน้ำเสียงตะคอกอย่างขุ่นเคืองกลับไปแทน

        “ฮึ! งั้นก็กลับไปเลยไป! นี่ก็ใกล้เช้าแล้วไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวก็ไม่ทันไปทำงานขายกับข้าว ที่นายรักนักรักหนานั่นหรอก!”

        ไกรสรอมยิ้มอย่างนึกเอ็นดู เพราะเขาเองก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าปัณณ์นั้นคงจะทำตัวพูดง่ายอ่อนหวานน่ารักแบบที่เป็นอยู่นี้ได้ไม่นานนักแน่ เพราะขนาดกำลังอ้อนเขาอยู่แท้ ๆ แต่พอเขาพูดขัดหูเข้าหน่อย เจ้าตัวก็พร้อมจะกลับมาเป็นจอมโวยวายคนเดิมได้ในทันที

        “ไม่เอาน่า อย่าโมโหสิ ... ฉันชอบงานขายกับข้าวที่ทำอยู่ก็จริง...แต่ก็ไม่ถึงกับรักนักรักหนา แบบที่นายบอกหรอกน่า...เพราะถ้าให้ฉันเลือกระหว่างงานกับนาย ฉันก็เลือกนายอยู่แล้วล่ะนะ”

        คนที่กำลังอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดถึงกับชะงัก ใบหน้าขุ่นเคืองที่แดงด้วยพิษไข้อยู่แล้ว ก็ยิ่งแดงเข้มขึ้นไปใหญ่

        “พะ...พูดอะไรชวนเลี่ยนแบบนั้นน่ะ!  ขนาดนิยายรักที่ฉันเขียน ฉันยังไม่กล้าใช้คำพูดแบบที่นายพูดเลยนะ!”

        ไกรสรหัวเราะต่อคำพูดแก้เขินของคนป่วย พลางหวนคิดถึงเนื้อหาในนิยายของเจ้าตัว ที่เขามักจะโดนยัดเยียดให้อ่านประจำ

        “ฮะ ๆ ฉันว่าฉันพูดปกติออกนะ ขืนพูดเลียนแบบในนิยายนายแทนล่ะก็ นั่นสิถึงดูประหลาด  นี่ฉันยังแปลกใจจนถึงทุกวันนี้เลยว่าทำไมถึงมีสำนักพิมพ์มาสนใจขอนิยายนายไปพิมพ์ขายได้น่ะ...โอ๊ย!”

        ไกรสรหลุดร้องออกมาด้วยความเจ็บนิด ๆ เพราะปัณณ์นั้นคว้าหมอนฟาดใส่เขาด้วยความโมโห

        “อย่ามาว่านิยายของฉันนะ! นายมันพวกไร้เซนส์..แค่ก ๆ ๆ โอ๊ย! รำคาญตัวเองจริง! แค่ก ๆ ๆ”

        พ่อมดหนุ่มนึกหงุดหงิดทั้งคนตรงหน้าและตัวเองที่ป่วย แต่อาการไอหอบจนตัวโยนเช่นนั้น ก็ทำให้คนที่มองอยู่ตกใจและรีบห้ามให้อีกฝ่ายเย็นลงทันที

        “เฮ้ย! ปัณณ์! ใจเย็น ๆ อย่าตะโกนแบบนั้นสิ  ชู่ว...ใจเย็น ๆ นะ ฉันขอโทษที่ทำให้นายโกรธ ยกโทษให้ฉันนะ”

        ไกรสรรวบร่างคนป่วยมากอดปลอบ ทำให้คนโวยวายเริ่มสงบลง แต่ก็ยังคงบ่นตามมาเบา ๆ

        “ฮึ...เห็นแก่ที่รีบมาดูแลกันหรอกนะ ...ถึงยอมยกโทษให้น่ะ”

        “อือ ๆ ฉันรู้ว่านายเป็นคนใจดี ใจกว้างอยู่แล้ว...”

        ไกรสรตอบกลับพร้อมรอยยิ้มแต่คำชมนั้นกลับทำให้คนฟังรู้สึกแปลก ๆ พิลึก 

        “ทำไมฉันถึงรู้สึกไม่เหมือนว่าถูกชมเลยล่ะ”

        “หึ ๆ นายคิดไปเองต่างหาก”

        ชายหนุ่มร่างใหญ่บอกพร้อมกับพยายามกลั้นหัวเราะ ซึ่งนั่นก็ทำให้อีกคนขมวดคิ้วยุ่ง แต่สักพักก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ แล้ววกเข้าหาในสิ่งที่ตนอยากได้ยินคำตอบแทน

        “...เฮอะ! ช่างเหอะ ...ว่าแต่...”

        “ทำไมหรือ...”

        ไกรสรแสร้งย้อนถามกลับ แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นต้องการจะพูดอะไร

        “ก็...เอ่อ...ตกลง นายจะยอมกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมไหม...”

        “แล้วถ้าฉันตอบว่าไม่ล่ะ”

        คำตอบนั้น ทำให้คนที่อยู่ในอ้อมกอดขืนตัวแล้วย้อนกลับไปเสียงแผ่วด้วยความน้อยใจ

        “...ถ้าเป็นแบบนั้นใครจะบังคับนายได้ล่ะ นายกับฉันเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันอีกต่อไปแล้วนี่”

        ไกรสรอมยิ้มพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นพร้อมกับกระซิบบอกข้างหูพ่อมดหนุ่มด้วยน้ำเสียงทุ้มอ่อนโยน

        “อย่าพูดแบบนั้นสิ...ฉันก็แค่อยากรู้เท่านั้นว่านายจะตอบยังไง... อีกอย่างฉันก็บอกแล้วไงว่า ถ้าเป็นคำขอร้องของนาย ฉันไม่เคยปฏิเสธได้อยู่แล้ว...ไม่ใช่เพราะว่าพวกเราเคยเป็นนายบ่าวกันมาก่อน...แต่เพราะว่านายสำคัญกับฉันมากยังไงล่ะ”

        ปัณณ์หน้าแดงวาบด้วยความอาย พ่อมดหนุ่มกอดตอบร่างสูงแน่นไม่แพ้กัน ทว่ากลับพึมพำบอกออกไปในสิ่งที่ทำให้คนฟังขมวดคิ้ว

        “งี่เง่า...พูดอะไรวกไปวนมาอยู่ได้ เวลาแบบนี้ก็แค่บอกว่านายรักฉันมาก และจะกลับมาอยู่ด้วยกันไม่ยอมจากไปไหน ก็พอแล้วล่ะ...”

        ไกรสรถอนหายใจเบา ๆ แต่ก็ยังคงอารมณ์ดีพอ ที่จะไม่หงุดหงิดหรือโกรธเคืองคนปากไม่ดีที่แสนจะน่ารักของเขาคนนี้ลง

        “อืม...ถ้าอย่างนั้นไว้นายค่อยช่วยสอนคำพูดที่ดูดีกว่านี้ เวลาฉันจะบอกรักนายให้หน่อยก็แล้วกัน”

        คำตอบของไกรสร ทำให้ปัณณ์หลุดหัวเราะเบา ๆ แล้วจึงเงยหน้าขึ้นประสานสายตาอีกฝ่ายพร้อมกับยิ้มหวานส่งให้คนตัวใหญ่ตรงหน้าตน

        “...ก็ได้ จะสอนให้หลาย ๆ คำเลยล่ะ”

        ไกรสรยิ้มรับแล้วชะโงกหน้าลงมาจูบเบา ๆ ที่หน้าผากของอีกฝ่าย พวกเขากอดกันอยู่อีกพักใหญ่ คนตัวโตจึงนึกอะไรขึ้นได้ แล้วอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะแสร้งถามพ่อมดหนุ่มออกไป

        “แล้วถ้าเป็นอย่างนี้ นายจะกระจายข่าวเรื่องที่เราตัดสินใจคบกันให้ทุกคนรู้หรือเปล่าล่ะ”

        ปัณณ์เงยหน้าสบตาคนที่กลายมาเป็นคนรักของตน แล้วจึงตอบพร้อมสีหน้าจริงจัง

        “แน่นอน! บอกด้วยตัวเองดีกว่าให้คนอื่นบอก เดี๋ยวเกิดข้อมูลไม่ครบถ้วนกระบวนความ คนที่รับสารต่อก็เข้าใจผิดกันพอดี!”

        ไกรสรที่กำลังยิ้มอยู่ถึงกับยิ้มค้าง แล้วย้อนถามกลับไปอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก

        “....เอาจริงหรือปัณณ์”

        “แน่นอน! ไว้ถ้าฉันหายดีฉันจะไปป่าวประกาศด้วยตัวเองเลย....อ๊ะ ไม่สิ ขืนพวกนั้นเห็นนายมาจอดรถหน้าบ้านฉันแบบนี้ มีหวังซุบซิบสงสัยกันใหญ่แล้ว ....ไม่ได้การ ฉันต้องไปบอกอเล็กซ์ แล้วย้ำให้เจ้า AI นั่นกระจายข่าว พร้อมให้เครดิตที่มาจากฉัน ตัดหน้าพวกนั้นก่อนดีกว่า... อ๊ะ! นายจะทำอะไรน่ะไกร ปล่อยฉันสิ ฉันจะไปโทรศัพท์คุยกับอเล็กซ์นะ!”

        ปัณณ์ที่กำลังจะลุกยันกายไปคว้าโทรศัพท์เพื่อมาโทรหาอเล็กซ์ ต้องหลุดอุทานด้วยความตกใจเมื่อคนตัวใหญ่คว้าเอวเขาไปกอดแน่นไม่ยอมปล่อยให้ไปไหน

        “ไว้ฉันจะบอกกับอเล็กซ์ให้เอง ตอนนี้นายนอนพักก่อนเถอะ ...ตัวร้อนขึ้นอีกแล้วนะ ท่าทางไข้จะขึ้นมาสูงกว่าเดิมแล้วล่ะ ...มียาติดบ้านบ้างไหม หรือจะให้ฉันไปขอหมอเพชรให้แทนล่ะ”

        ปัณณ์ที่เตรียมจะอาละวาดด้วยความหงุดหงิดอีกรอบถึงกับชะงักแล้วมีท่าทางอ่อนลงเมื่อเห็นสายตาห่วงใยของอีกฝ่ายที่มองมายังเขา

        “...หมอเพชรเองก็ป่วยเหมือนกัน อย่าไปกวนเขาเลย ...ส่วนยาลดไข้ ฉันมีปรุงแช่ตู้เย็นเอาไว้ ขวดสีเขียว ๆ น่ะ”

        ไกรสรยิ้มรับเขาหอมแก้มปัณณ์เบา ๆ ครั้งหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นเตรียมเดินไปที่ตู้เย็น แต่ก็ไม่วายหยิบมือถือของปัณณ์ติดมือไปด้วย เพราะเกรงว่านอกจากอเล็กซ์แล้ว เจ้าตัวจะโทรไปกวนเพื่อนบ้านที่น่าจะยังไม่หลับนอนกันอีกหลายคนก็ได้  ทว่ายังเดินไม่ทันพ้นประตู เสียงของพ่อมดหนุ่มก็ดังโพล่งขึ้นตามไล่หลังเขามาอีกครั้ง

           “อ้อ! ระวังหยิบผิดด้วยนะ มันยังมียาสีเขียวอีกขวดแต่เป็นเขียวอ่อนกว่านิดหน่อย อันนั้นดื่มแล้วจะลดอายุลงได้ตั้งสิบปีแน่ะ ฉันปรุงไว้ว่าจะลองเอาไปให้กีรติดื่มดู อยากจะเห็นว่าเด็กนั่นตอนเล็ก ๆ ตัวจะเล็กน่ารักขนาดไหน...อยากเห็นหน้าริวด้วยว่าจะดีใจมากไหม ที่เห็นแฟนกลายเป็นเด็กแบบนั้น”

        ไกรสรที่ได้รับฟังถึงกับนิ่งอึ้ง เจ้าตัวหันมามองคนบนเตียงตาปริบ ๆ พลางคิดในใจว่าตนจะลองหยิบยามาทั้งสองตัวให้ปัณณ์เลือก แล้วจากนั้นเขาจะเอาขวดที่เหลือไปเททิ้งเสียแทน เพื่อป้องกันไม่ให้ริวตามมาอาละวาดกับพ่อมดหนุ่มในภายหลังนั่นเอง

        “ไกร...ฉันดีใจนะ ที่นายจะกลับมาอยู่ด้วยกันแบบเดิมอีกครั้ง”

        คำพูดเบา ๆ ที่ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้คนที่เดินออกจากห้องไปได้สองสามก้าวเหลียวกลับมามอง พร้อมยิ้มแย้มอ่อนโยนให้กับพ่อมดหนุ่ม

        “อืม...ถึงฉันจะหนักใจนิดหน่อย แต่ก็ดีใจมากเหมือนกัน”

        คำตอบนั้นทำให้คนฟังเริ่มมีสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาให้เห็นทันที

        “หมายความว่ายังไงหนักใจนิดหน่อย...”

        ไกรสรถอนหายใจเบา ๆ แต่ก็ยังคงตอบออกไปตามตรง

        “ก็ถ้านายยังเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเดิมตอนเราอยู่ด้วยกัน มันก็น่าหนักใจไม่น้อยไม่ใช่หรือ....แต่ก็นั่นล่ะ ถึงยังไงฉันก็เต็มใจทำทุกเรื่องเพื่อนายอยู่ดี”

        คำตอบที่ออกมาจากใจจริง ทำให้คนฟังชะงักนิด ๆ แล้วเสมองไปทางอื่นด้วยความอาย ภาพที่ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก ทำให้ไกรสรอมยิ้มอย่างเอ็นดู แล้วจึงเอ่ยขอตัว เดินตรงไปหยิบยาแก้ไข้มาให้อีกฝ่ายตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก และพอเสียงฝีเท้าของร่างสูงใหญ่เดินห่างออกไป ปัณณ์ก็หันกลับมามองทางประตูห้อง พร้อมกับพึมพำบางอย่างกับตัวเองด้วยใบหน้าระบายยิ้มยินดี 

        “ฉันรักนายนะไกร ...อดีตทาสรับใช้ที่น่ารักของฉัน”


... TBC ...

อาจจะมาแบบสั้น ๆ แต่เป็นการปูพรมเกริ่นนำ สำหรับตอนยาวตอนอื่น ๆ ในตอนพิเศษที่เหลือค่ะ พอดีอยากให้คุณไกรมามีส่วนร่วมแบบเต็ม ๆ ด้วย เลยจับให้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกันเสียเลยเช่นนี้แล ^^  เดี๋ยวคู่นี้จะมีตอนแบบจัดหนัก (?) ตามมาอีกตอน เช่นเดียวกับคู่ของคุณหมอค่ะ

ตอนพิเศษสั้น ๆ ของเรื่องนี้กะว่าจะเขียนค่อนข้างเยอะตอนอยู่น่ะค่ะ แทบจะครึ่ง ๆ กับเนื้อเรื่องหลักราว ๆ นั้นล่ะนะคะ

 :L1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2013 20:07:15 โดย Xenon »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
คู่นี้เค้าแอบมุ้งมิ้งอยู่นะ

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ heaven13

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
อ่านจนจบ
ชอบเรื่องนี้ค่ะ

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
กรี๊ดกร๊าด~ ในที่สุดก็มา
ปัณณ์นี่ไม่มีคำว่าอายอยู่ในสาระบบเลยใช่ไหมเนี่ย (เอ๊ะๆ แต่เมื่อกี้เขินคุณไกรสนี่นา)
ชอบคำว่า TBC ที่สุดเลยค่าาา
มานั่งลุ้นรอตอนต่อไป อิอิ

HappyItim

  • บุคคลทั่วไป
เอิ๊กกกกกกก ชอบเรื่องของพี่ปัดทุกเรื่องเยยยยย

จะรอติดตามตอนพิเศษแบบ "จัดหนัก" ของไกรสรกับปัณณ์นะคะ อุอิ

archaeoloable

  • บุคคลทั่วไป
อ่านจนจบบบบ ฟินคู่ไกรกับปัณมากกกก

ออฟไลน์ phai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 406
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
 :impress2:


สนุกมากกกกก
น่ารักทุกคู่ๆ

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
แฟนตาซีมาก สนุกค่ะ

ออฟไลน์ GF_pp

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
สนุกมากจ้าาาาาาา    :3123:     :3123:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
ตอนพิเศษ “เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ.”
เรื่องของ พ่อค้ากับข้าว และ คุณพ่อมด
(ตอนจบ)
...........................


        เรื่องที่ไกรสรกับปัณณ์ตกลงคบหากัน แถมไกรสรยังจะย้ายมาอยู่กับพ่อมดหนุ่มนั้น กลายเป็นข่าวดังครึกโครมสมกับที่เจ้าของข่าวลืออยากให้เป็น และทำให้คู่กรณีอีกคนต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เมื่อลูกค้าแต่ละรายของเขา ล้วนแต่ตั้งคำถามกับพ่อค้ากับข้าวว่า ทำไมถึงตกลงปลงใจคบกับปัณณ์ได้แบบนี้

        “ก็รู้อยู่หรอกนะว่าคุณไกรกับปัณณ์สนิทกันดี และเป็นเพื่อนกันมาก่อนหน้านั้นแล้ว ...แต่ไม่คิดเลยว่าจะลึกซึ้งถึงขั้นนี้เลยน่ะ เอ? หรือว่าคุณไกรจะมีรสนิยมชอบของแปลก”

        สมาชิกหมู่บ้านรายหนึ่งที่อยู่มาตั้งแต่หมู่บ้านเริ่มสร้างเปรยถามไกรสรอย่างแปลกใจ ซึ่งคนฟังก็ยิ้มเจื่อน ๆ เมื่อเห็นอีกหลาย ๆ คน พากันพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับคำถามนั้น

        “ถึงหมอนั่นจะค่อนข้างนิสัยแปลกประหลาดไปหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับหลุดโลกนักหรอก ...หรืออันที่จริงนิสัยแปลก ๆ บางอย่าง ก็เพิ่งจะเกิดขึ้นตอนมาอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ ...จะว่าไปก็คงต้องบอกว่าเพราะคุณจำเริญตามใจหมอนั่นมากไปนั่นล่ะ  เพราะเขาบอกว่าให้ปัณณ์ทำตัวอย่างที่ต้องการโดยไม่ต้องเกรงใจเขา หมอนั่นก็เลยจัดให้ตามประสงค์...จนกลายมาเป็นตัวเขาอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้นั่นล่ะนะ”

        แต่ละคนพอได้ฟังต่างก็นิ่งอึ้งไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะคนที่รู้จักจำเริญดีก็ถึงกับหลุดถอนหายใจเบา ๆ ออกมาให้เห็น

        “ถ้าคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็ ต่อให้ปัณณ์หลุดโลกกว่านี้อีกสิบเท่า เขาก็ยังจะสามารถยิ้มรับตัวตนของอีกฝ่ายได้อย่างบริสุทธิ์ใจแน่ ๆ”

        มีบางคนพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย และบางคนก็มีสีหน้าหวนคิดถึงเจ้าของที่ดินรุ่นแรกผู้ล่วงลับ ซึ่งทำให้พวกเขามีความสุขอย่างทุกวันนี้ได้

        “จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน ที่คุณไกรจะมาเป็นสมาชิกหมู่บ้านนี้เต็มตัว แถมคุณเวธน์ก็ยังจะมาอยู่ที่นี่ด้วยอีก ดูท่าทางหมู่บ้านนี้คงจะครึกครื้นกันขึ้นอีกหลายเท่าล่ะนะ!”

         ใครบางคนแถวนั้นโพล่งตัดบทขึ้น เมื่อเห็นบรรยากาศดูเงียบเหงาลง เพราะแต่ละคนมัวหวนคิดถึงอดีตที่ผ่านมา และพอคนอื่นได้ยินดังนั้น พวกเขาก็เริ่มมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสร่าเริงให้เห็น

        “นั่นสิ ...แถมพอหมู่บ้านขยาย ก็น่าจะมีเพื่อนบ้านมาอยู่เพิ่มกันอีกหลายครอบครัว  ฉันว่าพวกเรามาเตรียมคิดแผนการจัดปาร์ตี้ต้อนรับกันเนิ่น ๆ เลยดีกว่า!”

        เสียงเฮตอบรับดังขึ้นทั่วบริเวณนั้น กระทั่งไกรสรยังอดยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้ ต่อความร่าเริงอารมณ์ดีของชาวหมู่บ้านมีสุขแห่งนี้

        “แล้วนี่คุณไกรจะย้ายมาอยู่วันนี้เลยหรือเปล่าล่ะ พวกเราจะได้เตรียมงานเลี้ยงต้อนรับคุณเย็นนี้ไง”

        ไกรสรชะงัก เขาขมวดคิ้วนิด ๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่

        “ก็คงต้องมาอยู่เลยนั่นล่ะ เดี๋ยวขายของเสร็จ ฉันจะแวะไปเก็บของที่ห้องเช่าเก่า  โชคดีไปอย่างที่ว่าสัญญาเช่าห้องเหลือแค่สองเดือน ซึ่งฉันก็คงจะคืนห้องให้เขาไปเลย ...เพราะขืนรับปากว่าจะมาอยู่ที่นี่แล้ว แต่ยังไป ๆ มา ๆ เดี๋ยวหมอนั่นก็จะงอนอีก”

        พอพวกชาวหมู่บ้านได้ยิน ก็ต่างมองหน้าสบตาแล้วหลุดหัวเราะออกมาไล่เลี่ยกัน

        “ฮะ ๆ ก็อีกฝ่ายเป็นปัณณ์คนนั้นนี่นา  แต่พูดก็พูดเถอะ ในหมู่บ้านนี้นอกจากคุณไกรแล้ว ใครก็ปราบเขาไม่อยู่หรอก!”

        “ใช่ว่าฉันเองจะปราบอยู่สักหน่อย แต่ก็ช่างเถอะ ชินเสียแล้วล่ะ... ยังไงก่อนหน้านั้น ฉันก็อยู่เคียงข้างเขามาตลอด แถมยังตกหลุมรักข้างเดียวมาเกือบครึ่งค่อนศตวรรษแล้วนี่นะ”

        คำตอบของไกรสรทำให้หลายคนยิ้มเขิน ๆ บ้างก็แซวกลับไป ทว่ามีบางคนที่ฝืนยิ้มส่งให้ พลางคิดในใจว่า การที่อีกฝ่ายสามารถอดทนอยู่เคียงข้างพ่อมดจอมเอาแต่ใจอย่างปัณณ์ แถมยังมั่นคงในความรักมาเนิ่นนานขนาดนั้น แสดงให้เห็นว่า พ่อค้าขายกับข้าวผู้นี้ ก็คงไม่ปกติสักเท่าใดนักล่ะนะ

       

        กว่าไกรสรจะเคลียร์เรื่องที่อยู่เดิมเสร็จสิ้นก็บ่ายโมงแล้ว และเมื่อกลับเข้าบ้านพักของพ่อมดหนุ่ม เขาก็พบว่าเจ้าของบ้านแทนที่จะนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงนอนในห้องพักชั้นสอง แต่กลับมานั่งกอดเข่าจ้องทีวีที่ไม่ได้เปิดไว้ตรงโซฟาชั้นล่างแทน

        “ทำไมมานั่งแบบนี้ล่ะ นายยังไม่หายป่วยไม่ใช่หรือปัณณ์”

        คนถูกทักหันหน้าไปมองแล้วสะบัดหน้าหนีเมินไปอีกทาง ทำให้ร่างสูงใหญ่เริ่มคิดได้ว่า ตนคงไปเผลอทำอะไรให้อีกฝ่ายงอนเข้าให้แล้วแน่

        “โกรธอะไรอีกล่ะ หือ?”

        ไกรสรเดินมานั่งข้าง ๆ คนป่วย ซึ่งพ่อมดหนุ่มก็ทำเป็นเมินไม่สนใจ ทำให้คนทักถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาลืมไปสนิทเลยว่า ปัณณ์ตอนป่วยนั้นจะเอาแต่ใจตัวเองแถมไร้เหตุผลเพิ่มขึ้นจากปกติเป็นเท่าตัว และหากเขาไม่ง้อดี ๆ อีกฝ่ายก็พร้อมจะงอนใส่เขาต่อไปอีกหลายวันได้เลยทีเดียว

        “ปัณณ์ ...โกรธอะไรกัน บอกฉันได้ไหม พูดกับฉันหน่อยเถอะนะ”

        พ่อมดหนุ่มเหลือบมองด้วยหางตา แล้วมีสีหน้าคลายบึ้งตึงลง เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยายามง้องอนตนเต็มที่

        “นายกลับช้า...บอกว่าจะกลับมากินข้าวกลางวันกับฉันตอนเที่ยง...แล้วดูเวลาสิ นี่มันกี่โมงแล้วฮึ!”

        ไกรสรลอบถอนหายใจแผ่วเบา แล้วจึงฝืนยิ้มให้คนข้างกาย

        “ก็พอดีตอนก่อนจะกลับ ทางอพาร์ทเมนต์เดิมของฉัน เขามีคนย้ายมาอยู่ใหม่ มีกันแค่คนแก่สองคนกับลูกสาววัยรุ่นอีกคน ฉันสงสารก็เลยไปช่วยเขาขนของ มันก็เลยทำให้กลับมาช้าแบบนี้ล่ะนะ”

        ปัณณ์จ้องมองคนพูดพลางค้อนให้นิด ๆ อย่างหมั่นไส้

        “อ้อ...อย่างนั้นหรือ ฉันก็ลืมไปว่า นายมันเป็นคนดีมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่นเสมออยู่แล้วนี่นะ”

        “เฮ้อ...เอาเป็นว่าขอโทษแล้วกัน ที่ฉันไม่โทรบอกนายก่อนว่าจะกลับช้าน่ะ”

        ไกรสรยอมแพ้อย่างไม่คิดจะโต้เถียง ทำให้คนฟังเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมานิด ๆ

        “ฮึ...ยกโทษให้ก็ได้ ทีหลังจะเลทอะไรก็หัดโทรมาบอกบ้างแล้วกัน”

        “ทราบแล้วครับ นายท่าน”

        หนุ่มร่างใหญ่ตอบกลับเสียงเนือย ๆ ซึ่งก็เรียกความหมั่นไส้ให้คนฟังขึ้นมาทันที ทว่าเพราะเห็นไกรสรยอมอ่อนข้อให้ตน ปัณณ์จึงทำเป็นไม่ใส่ใจต่อความยาวสาวความยืดอีก

        “...แล้วพวกของใช้ของนายจะให้ฉันช่วยขนให้ไหม ฉันเคลียร์ห้องให้แล้วนะ นายเอาพวกเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวมาไว้ที่ห้องฉันได้เลยล่ะ....หรือว่าจะแยกห้องออกไป ก็มีห้องสำรองไว้ให้เหมือนกัน ...แต่นายต้องเก็บกวาดเองนะ”

        น้ำเสียงประโยคหลังดูแผ่วลงแถมคนพูดก็ทำหน้าเหงา ๆ จนคนมองนึกเอ็นดู

        “นายนี่นะ แทนที่จะพักผ่อนดี ๆ ลุกขึ้นมาทำโน่นนี่เดี๋ยวก็ไข้กลับหรอก”

        ไกรสรลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน ทำให้ปัณณ์เหลือบมองคนข้างกายแล้วย้ำถามอีกครั้ง

        “แล้วตกลงนายจะเอายังไงเรื่องห้องพักล่ะ...”

         “อืม...ฉันขี้เกียจเก็บกวาดห้องสำรองของนายน่ะ ...เพราะงั้นก็นอนห้องเดียวกับนายดีกว่า...เอ่อ ว่าแต่เตียงน่ะ มันค่อนข้างแคบอยู่ไม่ใช่หรือ”

        ปัณณ์ที่ขมวดคิ้วทีแรก ยิ้มน้อย ๆ ตามมาอย่างอารมณ์ดี จากนั้นจึงตอบคำถามของอีกฝ่ายกลับไปอย่างร่าเริง

        “ไม่ต้องห่วง! ฉันสั่งเตียงคิงไซส์จากร้านลีมาเมื่อเช้ามืด บอกให้มาส่งไวที่สุดเท่าที่จะทำได้  ลีก็เลยรีบติดต่อไปที่ร้านขายเตียงแบบสเป็คที่ฉันต้องการ พอใกล้เที่ยงเตียงก็มาส่งแล้ว... แต่ก็ขำพนักงานที่มาส่งเตียงดีนะ  พวกนั้นพอเห็นฉันใช้คาถาย่อส่วนกับเตียงนอน ก็ทำหน้าตกตะลึงอ้าปากค้างทีเดียว  แถมพอฉันเซ็นรับของเสร็จ ก็รีบร้อนขับรถหนีกันใหญ่ ตลกดี นายน่าจะมาเห็นด้วยกันนะ”

        ปัณณ์บอกพร้อมยิ้มให้ ด้วยสีหน้าที่แสดงถึงการไม่ใส่ใจในสิ่งที่ตนทำลงไป ซึ่งก็เรียกเสียงถอนหายใจเบา ๆ จากคนนั่งข้างกายขึ้นมาทันที

        “ทำเสียงแบบนั้นทำไม หรือจะบอกว่าฉันทำอะไรผิดอีกแล้วล่ะ!”

        พ่อมดหนุ่มที่ได้ยินเสียงถอนหายใจเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อร่างสูงใหญ่ข้างกายโอบกอดเขามาไว้แนบอก พร้อมกับจูบเบา ๆ ที่เส้นผมของตน

        “ฉันยังไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นสักหน่อย ...จริงสิ นายกินข้าวกลางวันแล้วใช่ไหม ยาล่ะ คงกินเรียบร้อยแล้วสินะ”

        ไกรสรเปลี่ยนเรื่องชวนคุย แล้วก็ต้องหรี่ตามองอย่างจับผิด เมื่อคนในอ้อมกอดของเขาสะดุ้งนิด ๆ

        “ปัณณ์...อย่าบอกนะว่าป่านนี้ยังไม่ได้กินข้าวกลางวัน แล้วก็กินยาเลยน่ะ”

        “กะ...ก็ เพราะรอนายนั่นล่ะ!”

        พ่อมดหนุ่มรีบแก้ตัว ทำให้คนถามถอนหายใจอีกครั้ง แล้วจึงจัดแจงอุ้มร่างผอมบางลอยขึ้นเหนือพื้นบ้าน ทำเอาปัณณ์ต้องหลุดอุทานอย่างตกใจ

        “นายจะทำอะไรน่ะไกร! อุ้มฉันทำไมเนี่ย!”

        “ก็จะพาไปพักในห้อง แล้วทำข้าวต้มสำหรับคนป่วยไปบริการเสิร์ฟถึงเตียง เป็นการขอโทษที่มาช้ายังไงล่ะ”

        ปัณณ์ทำหน้าหงิกอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ทว่าพอไกรสรพาเขามาถึงเตียงนอนคิงไซส์พร้อมวางร่างตนลงบนเตียงก่อนจะตามมาด้วยการหอมแก้มประจบอีกหนึ่งฟอด พ่อมดหนุ่มก็เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาแทน

        “นายทำส่วนของตัวเองมากินบนห้องพร้อมฉันด้วยนะ”

        ไกรสรมองคนเอาแต่ใจที่แสนจะน่ารักของเขาอย่างเอ็นดูแกมเอือมระอา ก่อนจะเอ่ยปากรับคำล้อ ๆ กลับไป

        “รับทราบครับ นายท่าน”

        “ฮึ! ระวังเถอะ ทำเป็นล้อเลียนบ่อย ๆ เดี๋ยวฉันจะใช้อาคมบังคับให้นายกลับมาเป็นทาสรับใช้เหมือนเดิมหรอก!”

        ปัณณ์ประชดอย่างนึกเขิน เพราะเวลาที่ไกรสรพูด แววตานั้นดูล้อเลียนแกมกรุ้มกริ่มอย่างที่เจ้าตัวไม่ค่อยจะใช้ให้เขาได้เห็นนัก

         “ต่อให้นายไม่ใช้อาคมบังคับ ยังไงฉันก็ยินดีเป็นทาสรักนายตลอดชีวิตอยู่แล้วล่ะน่า”

        ไกรสรบอกก่อนเดินออกจากห้องไปทำข้าวต้มด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  ทว่าคำพูดนั้นกลับทำให้คนบนเตียงหน้าแดงก่ำ แล้วรีบเบือนหน้าไปมองอีกทางอย่างนึกเขินอย่างที่นาน ๆ จะเป็นสักที

        “ฮึ...ไปหัดพูดหวาน ๆ แบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ...ทีเมื่อก่อนไม่เห็นจะพูดให้ฟังบ้างเลย...คงไม่ใช่ไปแอบคบกับใครมาระหว่างสิบปีนี้หรอกนะ...”

        พ่อมดหนุ่มเปรยพึมพำกับตัวเอง แล้วก็ต้องขมวดคิ้วยุ่งอย่างไม่สบอารมณ์นัก เพราะแต่ไหนแต่ไร คนอย่างไกรสรก็มักจะมีผู้คนรอบด้านนิยมชมชอบ และอยากสานสัมพันธ์เกินเพื่อนเสมอ ทว่าชายหนุ่มก็ไม่เคยตอบรับรักใครให้เขาเห็นสักราย หากแต่ระยะเวลาที่พวกเขาห่างกันเกือบสิบปีมานี้ ก็ทำให้ปัณณ์ชักเริ่มคิดมากและเป็นกังวลในเรื่องนี้ขึ้นมาบ้าง

        “...ถ้าเกิดหมอนั่นเคยคบใคร แล้วยกมาเปรียบเทียบกับเราล่ะ...ฮึ! ไม่มีทางเสียล่ะ ที่ฉันจะยอมให้นายเห็นใครดีกว่าฉันน่ะ!”

        ปัณณ์กำมืออย่างมุ่งมั่นแล้วตัดสินใจกระทำบางอย่าง เจ้าตัวหลับตาพึมพำภาษาประหลาดแผ่วเบา และเมื่อพ่อมดหนุ่มลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็พลันปรากฏสัญลักษณ์รูปดาวห้าแฉกกลางหน้าผาก เส้นผมหยักศกสีดำที่ไม่ค่อยจะเป็นทรง ก็ค่อย ๆ กลับกลายเปลี่ยนเป็นสีเงินยาวสลวยถึงกลางหลัง นัยน์ตาสีดำสนิทแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม โครงหน้าได้รูปสวยงดงามราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด ซึ่งสภาพที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ ก็คือร่างอันแท้จริงของพ่อมดหนุ่มนั่นเอง

        “ไม่ได้คืนร่างเดิมนานกี่สิบปีแล้วนะ ...เอาล่ะ ทีนี้ก็เตรียมดำเนินแผนการเผด็จศึกให้หมอนั่นหลงรักเราหัวปักหัวปำสักที!”

        ปัณณ์เปรยกับตัวเองอย่างอารมณ์ดี เจ้าตัวลุกจากเตียงไปส่องกระจกติดผนังห้องขนาดผู้ใหญ่ตัวโตเดินผ่านเข้าไปได้สบาย ๆ จากนั้นจึงใช้มือลูบที่เสื้อผ้าของตนเบา ๆ ภาพในกระจกก็แปรเปลี่ยนเป็นชุดยาวสีขาวเป็นผ้าโปร่งพลิ้วไสว ราวดังเป็นตัวละครหลุดออกมาจากในหนังแฟนตาซีเลยทีเดียว

         “พอหมอนั่นเข้าห้องมา เราก็เริ่มเล่นบทย้อนอดีต รำลึกความทรงจำหวาน ๆ ระหว่างกันเมื่อก่อนหน้านั้น ความรักของพวกเราก็จะได้สนิทแนบแน่นมากขึ้น...อืม...ความทรงจำหวาน ๆ สินะ...”


ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
        ปัณณ์พึมพำพร้อมกับหวนระลึกถึงเหตุการณ์ในอดีต สมัยที่เขายังไม่ได้ย้ายมาประเทศไทยอยู่สักครู่ ก่อนจะนิ่วหน้าขมวดคิ้วยุ่ง แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่  เพราะตั้งแต่ไกรสรถูกเขาใช้เวทมนตร์บังคับให้กลายเป็นทาสรับใช้ จนกระทั่งถึงวันที่เขามอบอิสระคืนให้กับชายหนุ่ม ดูเหมือนว่าจะไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะไม่เอาแต่ใจใส่อีกฝ่าย แถมยังหาเรื่องสั่งโน่นนี่แกล้งเจ้าตัวเล่นสารพัดมาตลอด

        “...จะว่าไปหมอนั่นชอบเราที่ตรงไหนกันนะ ทั้งที่เราก็ร้ายกาจกับเขามาตลอดแท้ ๆ”

        ปัณณ์พึมพำกับภาพสะท้อนในเงากระจก ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อประตูถูกเปิด พร้อมกับร่างสูงที่ก้าวเข้ามาพร้อมถาดข้าวต้มสองถ้วยและน้ำดื่มอีกหนึ่งขวดใหญ่

        “...ฟิลี”

        ไกรสรหลุดอุทานเรียกชื่อเดิมอีกฝ่ายแผ่วเบา พลางยืนตกตะลึงตาค้างอยู่หน้าประตู แต่แล้วพ่อมดหนุ่มที่จ้องตอบก็อุทานด้วยความตกใจไม่แพ้กัน เพราะถาดข้าวต้มในมือของคนตัวใหญ่กำลังจะเทคว่ำลงมา และนั่นจึงทำให้เจ้าตัวเผลอใช้เวทมนตร์ที่ไม่ได้ใช้มานาน ร่ายคาถาช่วยเอาไว้ ทว่ากลับทำให้ทั้งข้าวต้ม และข้าวของชิ้นเล็กชิ้นน้อยในห้องลอยไปมาแทน จนไกรสรรู้สึกตัว

        “อ๋า...แย่ชะมัด ไม่ได้ใช้มานานก็งี้ล่ะ นายช่วยจับข้าวต้มของฉันด้วยล่ะไกร อย่าให้มันหกนะ!”

        ไกรสรรีบทำตามที่บอกก่อนที่ชามข้าวต้มทั้งสองจะพลิกกลับคว่ำลง พลางถอนหายใจยาว เมื่อปัณณ์จัดแจงร่ายเวทมนตร์อีกครั้งและของทุกชิ้นก็ค่อย ๆ ลอยลงมาคืนสู่ตำแหน่งเดิมอย่างนุ่มนวล ไม่เว้นกระทั่งถาดใส่ข้าวต้มและขวดน้ำ ที่ลอยไปตั้งบนโต๊ะทำงานในห้องโดยไม่หกเสียหาย

        “คิดยังไงของนายกัน ถึงกลับคืนสู่ร่างเดิมแบบนี้น่ะ ทำเอาฉันตกใจหมด”

        ไกรสรบอกหลังจากวางข้าวต้มลงบนถาดตามเดิม ซึ่งปัณณ์ก็เดินไปลากเก้าอี้แถวนั้นมานั่ง พลางหยิบชามข้าวต้มออกมาชามหนึ่ง

        “ก็คิดจะสร้างบรรยากาศเก่า ๆ ให้นายอินเลิฟฉันมากขึ้นยังไงล่ะ”

        ปัณณ์บอกออกไปตามตรง แล้วก้มหน้าก้มตาเป่าข้าวต้มในชามก่อนจะตักกินโดยไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย

        “แค่นี้ก็รักหลงจะแย่อยู่แล้วล่ะน่า ไม่ต้องคืนร่างเดิมบ่อย ๆ หรอก ...เดี๋ยวคนในหมู่บ้านมาเห็นเข้า ฉันก็มีคู่แข่งเพิ่มพอดี”

        ไกรสรบอกยิ้ม ๆ แต่ทำให้คนที่กำลังกินสำลัก ร้อนถึงคนมองต้องรีบรินน้ำให้อีกฝ่ายดื่มอย่างรวดเร็ว

        “แค่ก ๆ นายนี่มัน... ทีหลังอย่ามาพูดอะไรหวาน ๆ เลี่ยน ๆ แบบนี้ตอนฉันกินข้าวได้ไหม!”

        ปัณณ์บอกกลับไปอย่างพาล ๆ เนื่องจากไม่อยากให้อีกฝ่ายจับได้ว่าเขาเขินนั่นเอง

        “โอเค ๆ จะจำไว้ ...กินข้าวก่อนแล้วกัน จะได้กินยา ...จะว่าไปก็คิดถึงเหมือนกันนะ ไม่ได้เห็นนายในสภาพแบบนี้มานานแล้ว ทำให้นึกถึงตอนที่โดนนายวีนเหวี่ยงใส่ แถมใช้งานจนฉันหัวปั่นเมื่อก่อนนั้นเลยล่ะ”

        พ่อมดหนุ่มชะงักแล้วจึงค่อย ๆ วางช้อนลง พลางเงยหน้าสบตาคนตัวใหญ่ที่เดินมานั่งบนเก้าอี้อีกตัวในห้องที่ปัณณ์จัดมาเพิ่มไว้ก่อนหน้านั้น

        “ไกร...ไม่สิ...ฮาอิม ...เมื่อสิบปีก่อนฉันไม่ได้ถามนายก็จริงนะ...แต่ตอนนี้ฉันอยากรู้แล้วสิว่า ทำไมนายถึงชอบฉันได้”

        ไกรสรชะงักตั้งแต่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อจริงที่เขาทิ้งไปนานแล้ว จากนั้นชายหนุ่มจึงวางช้อนที่กำลังจะกินข้าวต้มลงเช่นเดียวกัน

        “ทำไมน่ะหรือ...ไม่รู้สินะ มันเกิดขึ้นโดยฉันเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน ...พอเริ่มรู้สึกว่าตัวเอง เลิกคิดโหยหาอิสรภาพ และอยากจะอยู่เคียงข้างนายไปเรื่อย ๆ ...ในตอนนั้นฉันก็มีแต่นายเต็มหัวใจของฉันเข้าให้แล้วล่ะ”

         ปัณณ์นิ่งเงียบ เขาจ้องตอบอีกฝ่ายนิ่ง แล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นคนตรงหน้าแย้มยิ้ม พลางยกมือขึ้นมาเบื้องหน้าเขา และใช้นิ้วกรีดน้ำตาที่ไหลมาโดยไม่รู้สึกตัวนั้นอย่างอ่อนโยน

          “ฉันชอบนายนะฟิลี...ไม่สิ ต่อให้นายจะเป็นฟิลิ พ่อมดผู้แสนงดงาม จอมเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ...หรือจะเป็นนายปัณณ์ นักเขียนตัวยุ่งเจ้าปัญหาประจำหมู่บ้านมีสุขก็ตาม ...นายก็ยังเป็นคนที่ฉันจะรักและจะขออยู่เคียงข้างนายแบบนี้ไปตลอด จนกว่าชีวิตอันยืนยาวนี้จะดับสูญลง”

        พ่อมดหนุ่มเม้มปากแน่นพลางลุกขึ้นยืนพรวดพลางโผกอดคนตัวสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ จนอีกฝ่ายแทบจะหงายหลังล้มไปเลยทีเดียว

        “รู้ไหม...ว่าทำไมฉันถึงตัดสินใจใช้อาคมบังคับให้นายมาเป็นทาสของฉัน...”

        คนถามถามเสียงอู้อี้เพราะยังคงกอดร่างสูงใหญ่แน่น แถมซุกใบหน้าของตนไว้กับอกกว้างไม่ยอมเงยอีกต่างหาก

        “หือ...นายเคยบอกไม่ใช่หรือว่า นายอยากได้ทาสรับใช้ที่มีอายุยืนยาว และแข็งแกร่งน่ะ”

        พ่อมดหนุ่มเงียบไปสักพัก แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายพร้อมกับยิ้มแย้มเศร้า ๆ 

        “นั่นมันก็ใช่ ...แต่ตอนนั้นฉันยังบอกนายไม่หมด ถึงความจริงที่ฉันเลือกนาย”

        เมื่อเห็นคนตรงหน้าขมวดคิ้วยุ่ง พ่อมดหนุ่มจึงถอนหายใจเบา ๆ พลางเอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้าคมเข้มของอีกฝ่ายอย่างรักใคร่

        “ตอนที่ฉันพบนายครั้งแรก ...นายดูแข็งแกร่งและน่ากลัวมากก็จริง แต่ก็มีเสน่ห์ประหลาดบางอย่างสะกดสายตาของฉันเอาไว้ ...ฉันเฝ้าติดตามแอบดูพฤติกรรมของนายอยู่ระยะหนึ่งไม่ให้นายรู้  และนั่นก็ทำให้ฉันได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของนายทีละน้อย...ยามที่นายอยู่ท่ามกลางวงล้อมลูกน้องและเพื่อนฝูง นายดูอ่อนโยนใจดีผิดเป็นคนละคน แถมพวกที่อยู่ล้อมรอบนายก็ล้วนแต่มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขเสมอ...”

         คนพูดหลุบตาลงชั่วครู่แล้วจึงช้อนตาขึ้นประสานกับคนตรงหน้าตน รอยยิ้มบนใบหน้างดงามแลดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด

          “นายรู้ไหม ตอนนั้นฉันอิจฉานายขนาดไหน ... ฉันเกิดความคิดชั่ววูบขึ้นมาว่า หากได้นายมาอยู่ใกล้ ๆ ฉันบ้าง ...บางทีฉันก็คงจะสามารถยิ้มแย้มและมีความสุขเช่นเดียวกับผู้คนที่อยู่รอบนายเช่นกัน...”

        นัยน์ตาคู่สวยที่หยาดน้ำใสเริ่มเหือดแห้งกลับมาชุ่มฉ่ำด้วยหยดน้ำตาอีกครั้งยามที่เจ้าตัวเอื้อนเอ่ยประโยคถัดมา

        “ฉันขอโทษนะฮาอิม ...ขอโทษที่พรากนายมาจากเพื่อน ๆ ของนาย...ขอโทษที่ทำให้นายต้องมาเป็นทุกข์และตกอยู่ในสภาพเดียวกับฉัน... แต่ฉันก็ปล่อยนายให้เป็นอิสระในตอนนั้นไม่ได้ เพราะนายเป็นเพียงคนเดียวที่ทนนิสัยเสีย ๆ ของฉันได้เสมอ ...ฮาอิม... ฉันอยากจะขอโทษนายเรื่องนี้มาตลอด ...แต่ก็ไม่กล้า...ฉันกลัว ...กลัวว่าถ้านายรู้ความจริงเข้า นายจะเกลียด...”

        ยังไม่ทันจะพูดจบพ่อมดหนุ่มก็ถูกทำให้หยุดพูดด้วยริมฝีปากหนาได้รูปของอีกฝ่ายเสียก่อน แม้ทีแรกปัณณ์เองจะตกใจที่ถูกจูบกะทันหัน แต่พอคนตัวโตส่งลิ้นแทรกเข้ามาภายในปากของตน พ่อมดหนุ่มก็เผลอเคลิบเคลิ้มและตอบสนองกลับไปอยู่พักใหญ่ ๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกไป

        “นายนี่นะ คิดมากไปได้ หึ...ทำไมฉันจะไม่รู้ว่านายขี้เหงาขนาดไหน ...และฉันก็รู้ดีว่า นายน่ะรู้สึกผิดกับฉันในเรื่องนี้ รวมไปถึงเรื่องที่นายคิดจะคืนอิสรภาพให้กับฉัน ก่อนที่เราจะย้ายมาเมืองไทยด้วย”

        “นายรู้...”

        ปัณณ์หลุดพึมพำอย่างตกตะลึง ซึ่งไกรสรก็ยิ้มรับพร้อมพยักหน้า

        “ใช่...ฉันรู้ ...และเพราะฉันรู้ ฉันถึงพยายามทำดีกับนาย คอยดูแล คอยเอาใจใส่นายให้มาก ๆ เพื่อให้นายตัดใจจากฉันไม่ได้ จนต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปยังไงล่ะ”

        ยิ่งได้รับฟังความจริงพ่อมดหนุ่มก็ยิ่งนิ่งอึ้งจนคนมองนึกขำ จากนั้นไกรสรจึงเล่าในสิ่งที่ตนเองปิดบังไว้ ให้อีกฝ่ายรับรู้ทั้งหมด   

        “ตอนที่นายเจอคุณจำเริญ ...ฉันเองก็คิดว่า ฉันคงจะหมดความสำคัญกับนายแล้ว ...ฉันถึงไม่คิดจะรั้งไว้ ยามที่นายบอกคืนอิสรภาพให้ฉัน... และก็เพราะไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจเวลานายยิ้มและทำดีกับคนอื่นนอกจากฉัน ...ฉันก็เลยตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่อื่นห่าง ๆ นายแทน”

        มาถึงตอนนี้คนเล่านั้นถอนหายใจแผ่วเบา แล้วจ้องมองคนที่เขาแอบรักมาเนิ่นนานด้วยแววตาที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม 

        “ทั้ง ๆ ที่คิดว่าจะพยายามตัดใจเพื่อนาย ...แต่ฉันก็ยังคงตัดใจไม่ลงอยู่ดี ...ฉันอยากเห็นหน้านายทุกวัน อยากรู้ว่านายจะมีความสุขดีไหมเมื่อไม่มีฉันอยู่ข้างกาย ...ฉันถึงเลือกมาเป็นพ่อค้าขายกับข้าว เพื่อที่จะได้เจอกับนายในทุกเช้ายังไงล่ะ”

        พ่อมดหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่หลังจากฟังอีกฝ่ายเล่าจบ จากนั้นใบหน้างดงามเปื้อนน้ำตาจึงมีรอยยิ้มหวานด้วยความดีใจให้ได้เห็น แต่นั่นกลับทำให้คนมองถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะอ้อมแอ้มบอกกับคนรัก

        “เอ่อ...ฉันว่านายกินข้าวต้มแล้วกินยาต่อดีกว่านะปัณณ์ ...เผื่อฉันลืมตัวทำอะไร ๆ ลงไป นายจะได้ไม่พลาดอาหารกลางวันยังไงล่ะ”

        ปัณณ์ขมวดคิ้วยุ่งอย่างนึกสงสัยในตอนแรก หากแต่พอนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอะไร เจ้าตัวก็หน้าแดงระเรื่อด้วยความอายขึ้นมาทันที

        “ฮึ! รู้แล้วน่า เจ้าสิงโตหื่นกาม!”

        ไกรสรหัวเราะในลำคอแล้วจึงย้อนกลับไปหน้าตาเฉย

        “ก็โดนพ่อมดสุดเซ็กซี่ยั่วยวนถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ ใครหน้าไหนจะไม่หื่นกามไหวเล่า”

        “ฉันไม่ได้ยั่วนายสักหน่อย!”

        ปัณณ์พยายามโต้เถียงหากแต่ก็ต้องถูกตัดบทโดยคนตัวโตเสียก่อน

        “อืม...ไม่ได้ยั่วก็ไม่ได้ยั่วสิ กินข้าวต้มเถอะ หรือจะให้อุ้มนั่งแล้วจับป้อนหือ”

        “ไม่ต้อง! ฉันกินเองได้!”       

        พ่อมดหนุ่มรีบบอก เพราะดูจากแววตาของไกรสรก็รู้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นคิดทำอย่างที่พูดไว้จริงแน่นอน



        “แล้วใจคอจะอยู่ในร่างนี้อีกนานแค่ไหนเนี่ย...”

        คำถามที่ตามมาหลังจากเห็นคนตรงหน้ากินข้าวต้มในชามจนใกล้หมด ทำให้คนฟังเงยหน้ามองตอบแล้วย้อนถามกลับไปบ้าง

        “ทำไม...ไม่ชอบหน้าตาแบบนี้เหรอ”

        “ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่ไม่อยากให้ใครได้เห็นมากกว่า”

         คนตัวโตบอกตามตรง ซึ่งก็เรียกรอยยิ้มภูมิใจจากคนฟัง ก่อนที่เจ้าตัวจะเปรยตอบตามมาอย่างอารมณ์ดี

         “เอาน่า...ต่อให้มีคนมาหลงชอบใบหน้านี้ก็จริง แต่ถ้ารู้ว่าเนื้อในยังเป็นคนเดิม ก็คงไม่มีใครกล้ามาเสี่ยงตกหลุมรักฉันหรอก”

         “อืม...จะว่าไปมันก็จริงอยู่...หือ ทำหน้าบึ้งแบบนั้นทำไม”

         ไกรสรที่เห็นด้วยกับคำพูดนั้น ย้อนถามกลับไปอย่างแปลกใจ ซึ่งก็ยิ่งทำให้คนฟังไม่สบอารมณ์เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จนต้องเผลอหลุดวีนกลับไป

        “ในเวลาแบบนี้ นายควรจะพูดว่า... ไม่หรอก จริง ๆ แล้วนายเป็นคนน่ารักน่าคบกว่าที่คิดไม่ใช่หรือไง!”

        ไกรสรเลิกคิ้วนิด ๆ แล้วจึงย้อนถามกลับไปอีกรอบ

        “นายอยากให้ฉันหัดพูดโกหกด้วยหรือ”

        “ไกร!!”

        เสียงตะโกนเรียกชื่อตนดังลั่น พร้อมกับอาการโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงของคนรัก ทำให้ไกรสรลอบถอนหายใจแล้วยิ้มแย้มตอบกลับอย่างใจเย็น

        “โอเค ๆ นายน่ารักนิสัยดีน่าคบหา แถมยังเป็นผู้ใหญ่ ไม่ถือสาต่อถ้อยคำพลั้งปากของคนอื่นด้วย ...จริงไหม”

        ปัณณ์ชะงักกึก แล้วพยายามข่มอารมณ์เดือดของตนให้เย็นลง แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายจงใจพูดล่อหลอกเขาก็ตาม

        “เออ! รู้แล้วน่า ไม่โกรธก็ได้ ...คนเจ้าเล่ห์ ถ้ารู้ว่าเจ้าเล่ห์แบบนี้นะ จะไม่เอาตัวมาเป็นทาสแต่แรกแล้วล่ะ”

        พ่อมดหนุ่มบ่นอุบอิบอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก แล้วหันมาใส่ใจข้าวต้มในชามที่เหลืออยู่ต่อแทน ทว่าก็แทบจะสำลักตามมาอีกรอบ เมื่อคนที่นั่งมองเขายิ้ม ๆ แย้งกลับในสิ่งที่เขาบ่นออกไปเมื่อครู่

        “ไม่ดีหรอกแบบนั้น....ถ้านายไม่พาตัวฉันมา ป่านนี้ฉันก็อดมีแฟนน่ารัก ๆ แบบนายน่ะสิ”

         คนที่เกือบสำลักข้าวต้มช้อนตามองคนพูดเขม็ง ทำให้คนตัวโตหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วยกมือขอโทษขอโพยอีกฝ่าย

        “โอเค ๆ จะไม่พูดเลี่ยน ๆ หวาน ๆ ในเวลากินข้าวอีกแล้ว ...เลิกจ้องตาดุแบบนั้นได้แล้วน่า ...ว่าแต่ถ้ากินข้าวกินยาเสร็จแล้ว ฉันอยากทำบางอย่างกับนายยิ่งกว่าการพูดหวาน ๆ ให้ฟัง... นายจะโอเคไหมล่ะ”

        คราวนี้ไม่เพียงแค่เกือบสำลัก แต่คนฟังถึงกับสะดุ้งแล้วจ้องมองอีกฝ่ายตาค้างก่อนจะตามมาด้วยอาการเขินจนหน้าแดง จนคนมองต้องอมยิ้มล้อ ซึ่งก็เรียกอาการสะบัดหน้าหลบตาด้วยความงอนตามเคย ทว่าก่อนที่คนตัวโตจะอ้าปากง้อให้อีกฝ่ายหายงอน เจ้าตัวก็ต้องชะงักเมื่อพ่อมดหนุ่มส่งเสียงอุบอิบตอบรับเขาเบา ๆ

        “ไว้ถ้ากินข้าวกินยาเสร็จแล้ว อยากทำอะไรก็แล้วแต่นายแล้วกัน... แต่ฉันเพิ่งจะเคยทำภาคปฏิบัติแบบนี้เป็นครั้งแรก ...ยังไงก็ห้ามรุนแรงนักด้วยล่ะ”

        ไกรสรนิ่งอึ้งตกตะลึงไปชั่วครู่ และพอตั้งสติได้ เขาก็พยายามกลั้นเสียงหัวเราะของตนอย่างเต็มกำลัง เมื่อคนที่ทำเป็นเมินมองไปทางอื่นไม่ยอมหันมาสบตากับเขา ในตอนนี้ทั้งใบหน้าใบหูกระทั่งลำคอ ก็ล้วนแต่แดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด   

        “หึ ๆ โอเค...จะพยายามตั้งใจทำอย่างทนุถนอมเป็นที่สุดเลยล่ะ...แต่ถ้าผิดพลาดไปบ้างก็อย่าโกรธกันนะ ...เพราะฉันเองก็มือใหม่เหมือนกัน”

        พ่อมดหนุ่มพอได้ยินดังนั้นเจ้าตัวก็เบิกตากว้างแล้วรีบหันขวับกลับมามองอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่เคยคบหาใครหลังจากแยกตัวไปถึงสิบปีเช่นเดียวกับตน   

        “เป็นอะไร ทำไมทำหน้าตกใจอย่างนั้นล่ะ”

        ไกรสรถามอย่างแปลกใจ ซึ่งปัณณ์ก็ชะงัก แล้วรีบเบือนหน้าเมินมองไปทางอื่นเพื่อแก้เขิน

        “กะ...ก็ ฉันแค่แปลกใจว่า นายมีอะไรผิดปกติหรือเปล่าน่ะสิ...อยู่มาจนป่านนี้ ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องแบบนั้นเลยสักครั้งนี่นะ”

        “ก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง ...นายเองก็ยังไม่เคยนี่นา”

        คนฟังแย้งกลับไปพร้อมรอยยิ้ม พอจะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายนั้นตกใจและเขินเรื่องที่เขาบอกทำไม

        “มะ...ไม่เหมือนสักหน่อย ฉันมันพวกช่างเลือกคบคนยาก...แต่นายมันออกจะป็อบปูล่าไม่ใช่หรือไง”

        ปัณณ์แย้งกลับไปเสียงสั่นด้วยความเขิน สร้างความเอ็นดูให้กับคนที่มองอยู่ยิ่งนัก แล้วจึงพูดตอบในสิ่งที่ตรงกับใจของตนให้คนตรงหน้าได้รับรู้

        “ถึงจะเป็นที่นิยมยังไงก็เถอะ ...ถ้ากับคนที่ไม่ได้รัก ก็ไม่อยากทำด้วยอยู่ดีนั่นล่ะ”

        พ่อมดหนุ่มหน้าร้อนวูบวาบด้วยความอายเพิ่มมากขึ้นไปอีก สีหน้าอันแสนจะน่ารักน่ามองเช่นนั้น ทำให้คนตัวโตเริ่มชักจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ก่อนจะกระแอมเบา ๆ และพูดบอกไปในสิ่งที่ทำให้คนฟังหน้าแดงก่ำ

        “แล้วตกลงนายจะกินข้าวกินยาเสร็จตอนไหนเนี่ย...ฉันชักจะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะ”

        “หา! ทนไม่ไหวนี่นะ! …อะ...เอ่อ ...คือ...ฉันดูเหมือนจะไข้ขึ้นมาอีกรอบแล้วล่ะ...ฉันว่าวันนี้ฉันขอเลื่อนภาคปฏิบัติไปก่อนได้ไหมน่ะ”

        เพราะสายตาราวกับจะกลืนกินตนเข้าไปทั้งตัวของคนรัก ทำให้พ่อมดหนุ่มต้องยกข้ออ้างเพื่อให้ตนเองรอดพ้นสถานการณ์สุ่มเสี่ยงในครั้งนี้ไปก่อนอย่างช่วยไม่ได้

        “หือ...อย่างนั้นหรอกหรือ ....อืม งั้นก็รีบกินยาเถอะนะ จะได้นอนพักยังไงล่ะ”

        คนฟังยิ้มแย้มพร้อมตอบกลับมาอย่างอ่อนโยน หากแต่นัยน์ตาคมกริบที่จับจ้องมองมาไม่วางตา ทำให้คนที่กินยาเสร็จแล้วและเตรียมจะนอนพักรู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาอย่างประหลาด

         และในที่สุดพ่อมดหนุ่มก็ได้รับคำตอบในสิ่งที่ตนหวาดระแวง เมื่อพอเขาชักจะเริ่มเคลิ้มหลับ คนตัวโตก็ดันตามขึ้นมาอยู่บนเตียงด้วย แถมยังคร่อมร่างของตนกักไว้ภายใต้ร่างสูงใหญ่นั่น ใบหน้าคมเข้มแย้มยิ้มในแบบที่คนซึ่งชอบแกล้งคนอื่นเสมอเห็นแล้วถึงกับต้องเสียวสันหลังวาบเลยทีเดียว...


        ...ภายในเย็นวันนั้นเอง ไกรสรก็ต้องไปตามหมอเพชรที่ฟื้นไข้และอาการดีขึ้นจนเดินเหินได้สบาย ๆ มารักษาคนที่นอนไข้กลับอยู่บนเตียงแทน โดยที่คนตัวโตก็จำต้องรับฟังคำบ่นที่คนบ่นแทบจะไม่เหลือเสียงให้ได้ยินอย่างจนถ้อยคำต่อล้อต่อเถียง  เพราะดันเผลอลืมตัวทบทวนบทเรียนอันแสนจะเร่าร้อนระหว่างเขากับพ่อมดหนุ่มในช่วงบ่ายหลายรอบไปหน่อย ผลที่ได้ก็คือปัณณ์ได้ไข้กลับของจริงอย่างที่อ้างไว้ก่อนหน้านั้นนั่นเอง 

       

... End …


จบตอนสำหรับคู่นี้ค่ะ /สำหรับฉากจัดหนัก ไม่ได้ใส่มานะคะ (จริง ๆก็คือยังไม่มีฟีลเขียนฉากน่ะค่ะ) ขอลงแค่นี้ก่อนแล้วกันนะคะ บางทีอาจจะมี ซ่อมเสริมกันในเล่มก็ได้ค่ะ หุ ๆ

 และสำหรับตอนพิเศษที่จะลงในบอร์ดจะลงถึงแค่ตอนนี้นะคะ ... เพราะการลงนิยายในบอร์ด(สำหรับปัด) ต้องอ่านย้อนอ่านทวนคำผิดที่แต่งไป เกลาคำ  ซึ่งไม่เหมือนกับการแต่งดิบ ๆ แล้วเกลาทีเดียวตบท้ายแบบรวดเดียวจบ ...ซึ่งปัดได้ตั้งเส้นตายของตัวเองเอาไว้ และตั้งใจจะปั่นยิงยาวทีเดียวโลดไปเลย...และถ้าจบได้ทันเส้นตายของตัวเอง ก็จะคัดตอนพิเศษในเล่มมาลงให้อ่านแถมกันอีกสักตอน เพราะยังมีคู่ที่จะเขียน อีกหลายคู่  อย่างของท่านอาไรอัน ของหนูเรน  ของนายลี (แน่นอน Y หมด)   ยังไงก็ติดตามกันได้นะคะ เพราะจะแวะมาแจ้งกำหนดการจอง /อัพเดทปกไฟนอล ในช่วงต้นมกราคมอีกรอบค่ะ


ส่วนรายละเอียดเปิดจอง ติดตามได้ที่นี่ค่ะ ^^ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40503.0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด