ตอนพิเศษ “เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ.”
เรื่องของคุณหมอ กับ คุณเลขา
...........................
กรกฎนั่งตรวจสอบเอกสารบนโต๊ะทำงานอย่างหงุดหงิด เมื่อคนที่มักจะโทรมาก่อกวนเวลาพักผ่อนของเขาเสมอ กลับมาหายเงียบไปกว่าสามวันแล้ว ทั้งที่ก่อนจะขาดการติดต่อไปนั้น เจ้าตัวยังบอกกับเขาอยู่เลยว่าจะโทรมาหาใหม่แท้ ๆ
“...เป็นอะไรไปหรือเปล่านะ ถึงจะเข้าข่ายปีศาจ แต่ร่างกายก็เหมือนมนุษย์ธรรมดาเสียด้วย”
เลขาหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะชะงักเมื่อรู้สึกตัวว่าเผลอเป็นห่วงอีกฝ่ายเข้าให้
“กาย! กลางวันนี้ไปกินข้าวข้างนอกกันไหม เดี๋ยวฉันเป็นเจ้ามือเอง!”
ปาลินที่ตอนนี้กลายเป็นผู้ช่วยอีกคนของเวธน์ หันมาเรียก ทำเอากรกฎที่กำลังเหม่อ ๆ สะดุ้งนิด ๆ แล้วจึงหันไปมองคนถาม
“ก็ดี...”
เลขาหนุ่มบอกแค่นั้น แล้วก็นิ่งไป ก่อนจะเปลี่ยนคำตอบเสียใหม่
“คิดอีกทีไม่เอาดีกว่า นายกับคุณเวธน์ไปกินกันสองคนเถอะ เดี๋ยวกลางวันนี้ฉันจะแวะไปหาหมอเพชรสักหน่อย”
ปาลินมองญาติของเขาอย่างประหลาดใจ ส่วนเวธน์ที่ได้ยินเลิกคิ้วนิด ๆ พร้อมกับตั้งคำถามอย่างสนใจทันที
“ถามจริงเถอะกรกฎ นายกับหมอเพชรนี่สนิทกันมากหรือไง”
กรกฎชะงัก ก่อนจะหันไปยิ้มน้อย ๆ ให้เวธน์ แล้วตอบคำถามชายหนุ่ม
“ก็ถือว่าสนิทกันระดับหนึ่งนั่นล่ะครับ...เพราะเวลาผมไม่สบายใจ หรือต้องการคำปรึกษาในบางเรื่อง ก็มักจะได้หมอเพชรคอยช่วยรับฟังและให้คำปรึกษาดี ๆ อยู่เสมอน่ะครับ...”
เวธน์มองอีกฝ่ายอย่างพิจารณายิ่งกว่าเดิม แล้วจึงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ให้
“อืม...ก็ไม่มีอะไรหรอก นาน ๆ จะเห็นนายสนิทและไว้ใจใครขนาดนี้สักที ในฐานะเจ้านายและพี่ชายคนหนึ่ง ก็รู้สึกสนใจขึ้นมาเหมือนกันล่ะนะ”
กรกฎยิ้มตอบให้คนตรงหน้า เขาโค้งศีรษะให้เวธน์นิด ๆ แล้วหันไปพยักหน้าให้ปาลิน เป็นเชิงขอตัวออกนอกสำนักงานไปก่อน
“กายไม่เคยมาปรึกษาปัญหาส่วนตัวกับผมเลยสักครั้ง มีแต่ผมนี่ล่ะ ที่จะเป็นฝ่ายมาปรึกษาเขาตลอด...กับหมอเพชรนี่ คงจะสนิทกันมากจริง ๆ ล่ะนะครับ”
ปาลินเปรยบ่นเบา ๆ หลังจากที่กรกฎออกไปแล้ว สีหน้าที่แสดงถึงความน้อยใจนิด ๆ นั่น ทำให้เวธน์อมยิ้มอย่างเอ็นดู
“อิจฉาหมอเพชรเขาล่ะสิ”
“...ก็ไม่เชิงหรอกครับ จะว่าไปถ้ากายเขามีที่พึ่งทางใจได้ ผมก็ดีใจด้วย เพราะแต่ไหนแต่ไรมา ก็ได้เขานี่ล่ะคอยช่วยปลอบช่วยเชียร์ผมมาตลอด...ทำให้ผมมีกำลังใจจีบคุณจนสำเร็จในที่สุดนี่ล่ะครับ”
ปาลินบอกแล้วหันมายิ้มกว้างจริงใจให้กับคนรัก ทำเอาเวธน์นึกเขินขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“....อย่างนั้นหรือ...อืม...ฉันชักจะหิวข้าวแล้วล่ะ นายจะเลี้ยงใช่ไหมปาล พาไปสักทีสิ!”
ปาลินอมยิ้ม แล้วพยักหน้ารับหงึก ๆ โดยทำเป็นไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดเพื่อแก้เขิน เพราะเกรงว่าเวธน์จะอายมากไปกว่านี้ และถ้าเป็นเช่นนั้นชายหนุ่มก็อาจจะพาลเปลี่ยนมาเป็นงอนไม่ยอมไปกินข้าวกลางวันพร้อมเขาแทนก็เป็นได้
กรกฎมาหยุดยืนหน้าบ้านพักของหมอหนุ่มอย่างลังเลครู่ใหญ่ก่อนจะลงมือกดสัญญาณออดหน้าบ้าน ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบรับจากด้านใน เจ้าตัวจึงตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเจ้าของบ้าน รออยู่นานจนเขาคิดว่าจะไม่มีคนรับจึงคิดจะตัดสาย แต่อีกฝ่ายนั้นกลับรับสายเสียก่อน
“...สวัสดีครับ คุณเลขา คิดถึงผมหรือไง... ถึงโทรมาหาแบบนี้”
คำพูดแม้จะกวนประสาทเหมือนเดิม แต่คนได้ยินกลับนิ่วหน้า เพราะมันค่อนข้างแหบแห้งติดขัด ผิดจากน้ำเสียงร่าเริงสดใสทุกครั้ง
“คุณหมอ...คุณอยู่บ้านใช่ไหม เปิดให้ผมเข้าไปได้หรือเปล่า”
คำถามของกรกฎทำให้ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะตอบกลับมา
“แหม...ลำบากใจจัง ผมกำลังงานยุ่งอยู่พอดีเลย... น่าเสียดายนะครับ คงต้องขอให้เป็นวันหลังแล้วล่ะ...แค่ก ๆ”
เสียงไอแห้ง ๆ ที่หลุดดังมา เพราะคนพูดห้ามอาการไว้ไม่ทัน ทำให้กรกฎเม้มปากแน่น ก่อนจะย้อนถามกลับอีกรอบ
“คุณหมอ...นั่นคุณไม่สบายใช่ไหมครับ”
“...ฮะ ๆ นี่คุณเลขาเปลี่ยนอาชีพแล้วหรือครับ ถึงเดาอาการจากเสียงที่ฟังก็ได้น่ะ”
ปลายสายแสร้งหัวเราะแห้ง ๆ กระเซ้า หมายจะให้อีกฝ่ายหงุดหงิดและกลับไป ซึ่งกรกฎเองก็ยืนนิ่งอยู่สักพักแล้วจึงสะบัดหน้าเดินหนีกลับสำนักงานตามที่คาดไว้ ทำให้คนที่ลุกจากเตียงนอนมาแอบดูอยู่หลังผ้าม่านหน้าต่างชั้นสอง ต้องถอนหายใจเบา ๆ อย่างโล่งอก
“ขอโทษนะครับ...ไม่อยากไล่คุณทางอ้อมแบบนี้เลย แต่ก็ไม่อยากให้คุณติดหวัดจากผมล่ะนะ”
หมอเพชรพึมพำ แล้วจึงเดินโซเซไปพักผ่อนบนเตียงนอน ก่อนหน้านั้นที่ไม่สบายใหม่ ๆ เขาก็ได้จัดยาตามอาการของตัวเองแล้ว แต่ไข้ยังไม่ลดลงมากนัก ซึ่งเขาเองก็ไม่แปลกใจเท่าใด เนื่องจากร่างกายของเขานั้นไม่ค่อยเหมือนกับคนปกติทั่วไป เวลาไม่สบายก็จะไข้ขึ้นสูงกว่าคนธรรมดาเป็นเท่าตัว ซึ่งอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ถือว่าทุเลาลงมากแล้ว แต่ก็ไม่มากพอที่จะปล่อยให้กรกฎต้องมาเสี่ยงรับเชื้อหวัดจากการเยี่ยมเขาอยู่ดี
ร่างสูงที่นอนหลับหน้าแดงระเรื่อเพราะพิษไข้อยู่บนเตียง ทำให้กรกฎเม้มปากน้อย ๆ อย่างไม่สบอารมณ์นัก เลขาหนุ่มนั้นกลับไปที่สำนักงานก็จริง แต่ไม่ได้กลับไปเพราะโกรธที่โดนแหย่อย่างที่หมอเพชรเข้าใจ ทว่าเขากลับไปเอากุญแจสำรองมาไขประตูรั้วและประตูบ้านเข้ามา เพื่อพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่าอีกฝ่ายป่วยจริงหรือไม่
“ไม่สบายจริง ๆ ด้วยสินะ...แทนที่จะบอกกันดี ๆ ต้องให้ตามมาดูเอง... นี่ถ้าไม่มีกุญแจสำรองของแต่ละบ้านเก็บเอาไว้ ก็คงได้ป่วยตายคาบ้านพอดี!”
กรกฎบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด ยิ่งเดินมาใกล้เตียงแล้วเอามือแตะหน้าผากคนหลับ เขาก็ต้องนิ่วหน้าอย่างเป็นกังวล เพราะไข้ของอีกฝ่ายนั้นสูงมากจนน่ากลัวทีเดียว
“ทำยังไงดีล่ะ...จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาลก็...”
กรกฎพึมพำอย่างลังเล เพราะไม่แน่ใจว่าความไม่แก่ไม่ตายของหมอเพชรนั้น จะมีผลกระทบกับเลือดเนื้อของเจ้าตัวเหลือไม่ และถ้าเกิดเจาะเลือดตรวจแล้วพบสิ่งผิดปกติเข้าจนเกิดความแตกเรื่องที่อีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดา ก็เท่ากับว่าเขานั้นได้ทำร้ายหมอหนุ่มทางอ้อมนั่นเอง
“โทรปรึกษาคุณปัณณ์ก็แล้วกัน...”
กรกฎตัดสินใจโทรหาพ่อมดหนุ่มถึงแม้ว่าจะเสี่ยงต่อการเกิดข่าวลือแปลก ๆ หลังจากนี้ เพราะอย่างน้อยปัณณ์นั้นก็มีความสามารถในการปรุงยาได้หลากหลาย และหนึ่งในนั้นก็คือยารักษานั่นเอง
“อืม...เบอร์คุณปัณณ์...อ้อ...อยู่นี่...อ๊ะ!”
กรกฎอุทานเบา ๆ อย่างตกใจ เมื่อคนนอนหลับอยู่ปรือตามาจับข้อมือของเขาเสียก่อน
“...ไม่ต้องโทรหาคุณปัณณ์หรอกครับ ผมอาการดีขึ้นมากแล้ว”
หมอเพชรยิ้มน้อย ๆ ให้ แต่คนที่ได้ยินกลับหน้าบึ้งแล้วโพล่งสวนกลับ
“อาการดีขึ้น? ไข้สูงขนาดนี้คุณว่าอาการดีขึ้นอย่างนั้นหรือครับ!”
เสียงหัวเราะดังขึ้นเบา ๆ ในลำคอของคนป่วย ทำให้กรกฎยิ่งฉุนเข้าไปใหญ่ หากแต่พอจะเริ่มต้นต่อว่า เขาก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายใช้นัยน์ตาต่างสี ดำและทองประหลาดคู่นั้นจ้องมายังเขานิ่ง ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยพิษไข้แลดูอ่อนโยนยิ่งกว่าที่เคยได้เห็นทุกครั้ง
“ขอบคุณนะกรกฎ แต่ผมไม่เป็นไรมากแล้ว ...ร่างกายของผมมันค่อนข้างจะแตกต่างจากคนธรรมดาอย่างคุณน่ะ ...ส่วนเรื่องไข้นี่ผมไม่ได้โกหกนะ มันลดลงจากเมื่อสองวันก่อนมามากแล้วล่ะ”
เลขาหนุ่มจ้องตาตอบอีกฝ่ายอยู่นาน และเมื่อรู้สึกตัวเขาก็เสไปเมินมองทางอื่น ใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“กรกฎ ...ผมว่าคุณออกไปดีกว่านะ ถ้าคุณติดหวัด ผมคงไม่สบายใจแน่”
หมอเพชรเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงทุ้มอ่อนโยน ทำให้คนถูกเรียกสะดุ้ง แล้วหันกลับมาจ้องตาคนพูดอีกครั้ง ซึ่งก็เห็นแต่เพียงความจริงใจของเจ้าตัวดุจดังคำพูดโดยไร้สิ่งใดแอบแฝง
“คุณก็เป็นแบบนี้ทุกทีนั่นล่ะคุณหมอ...ทำไมไม่ทำตัวให้กวนประสาทเหมือนทุกครั้งกันเล่า ผมจะได้กล้ารั้นที่จะอยู่ต่ออย่างสบายใจขึ้นกว่านี้น่ะ”
เลขาหนุ่มพึมพำตอบ ทำให้คนฟังหลุดยิ้มน้อย ๆ แล้วจับมือของกรกฎที่ยังคงไม่ปล่อยขึ้นมาจูบเบา ๆ
“ผมขอโทษที่คอยกวนโมโหคุณนะ กรกฎ ... สารภาพอย่างไม่อายเลยว่า เพราะผมชอบคุณจึงอยากทำให้ตัวเองเป็นที่จดจำของคุณบ้าง ...ต่อให้เป็นในแง่ลบก็ตาม”
กรกฎเม้มปากแน่น เขาดึงมือออก แล้วหันขวับเดินออกนอกห้องไป ทำให้คนที่นอนบนเตียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางฝืนยิ้มให้กับตัวเอง ทว่าพอจะหลับลงอีกครั้ง คนที่เดินจากไปแล้วก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับขันน้ำและผ้าขนหนูผืนเล็ก
“...ทำไมยังไม่กลับไปอีก”
หมอเพชรถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ซึ่งก็ทำให้กรกฎชะงักแล้วหันมามองคนถามชั่วครู่ ก่อนจะย้อนถามกลับไปบ้าง
“อย่าบอกนะว่าที่พูดชอบเมื่อครู่ เพื่อต้องการไล่ให้ผมกลับเท่านั้น...”
เลขาหนุ่มถามกลับไปแล้วรอคอยคำตอบนิ่งด้วยแววตาคาดคั้น ซึ่งก็ทำให้คนป่วยต้องถอนหายใจอีกครั้งแล้วหลุดยิ้มอ่อนโยนส่งให้
“เรื่องชอบคุณ ผมพูดจริง...แต่ก็ยังอยากให้คุณกลับไป ... สำหรับผมถึงไข้จะลดลงมากแล้ว แต่มันก็ยังสูงพอที่จะแพร่เชื้อให้คนรอบข้างอยู่ดีนั่นล่ะ”
กรกฎยืนฟังเงียบ ๆ ก่อนจะพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ จากนั้นเขาก็นำผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาด แล้วนั่งลงบนเตียงข้างคนป่วย พลางช่วยเช็ดหน้าเช็ดตาให้อย่างเบามือ
“ถ้าพูดจริงก็ดีแล้ว ...ได้คนที่ตัวเองชอบช่วยดูแลยามป่วยแบบนี้ คุณหมอน่าจะดีใจมากกว่านะครับ”
“...ก็ดีใจอยู่หรอก เฮ้อ...คุณนี่มันดื้อกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะกรกฎ”
หมอเพชรถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงยอมให้อีกฝ่ายเช็ดเนื้อตัวแต่โดยดี ซึ่งกรกฎก็ลอบยิ้มน้อย ๆ อย่างพึงพอใจ แต่พอเห็นอีกฝ่ายมองอยู่เขาก็ทำทีเป็นเฉยชาดังเช่นปกติ
“คุณตัดใจจากคุณเวธน์ได้แน่แล้วหรือ กรกฎ”
คำถามจากคนป่วยทำให้คนที่จะเอาน้ำในขันไปเปลี่ยนชะงัก แล้วจึงวางขันน้ำลงบนโต๊ะแถวนั้นในห้อง ก่อนจะหันมาตอบคำถามของอีกฝ่าย
“...ผมตัดใจจากเขาได้ตั้งแต่ก่อนหน้าที่เขาจะลงเอยกับปาลแล้วล่ะครับ ...เพราะผมรู้ตัวเองดีว่า สำหรับคุณเวธน์ ผมก็เป็นได้แค่น้องชายของเขาเท่านั้น”
สีหน้าของกรกฎยังคงเรียบเฉย ทว่านัยน์ตาสีดำคู่สวยมีแววหมองลงจนทำให้คนมองนึกสงสาร
“เพราะคุณไม่เคยสารภาพกับเขาเองต่างหาก ถ้าคุณกล้ากว่านี้ บางทีคุณอาจจะสมหวังก็ได้นะ...ผมมั่นใจว่าสำหรับคุณเวธน์แล้ว คุณเองก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร ...เผลอ ๆ อาจจะมากกว่าคุณปาลินเสียอีก”
กรกฎอมยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น แล้วจึงเอ่ยตามมา
“ไม่ล่ะ...ผมดีใจที่ตัวเองไม่เผลอหลุดปากสารภาพออกไป ผมอยากให้เขานึกถึงแต่เรื่องดี ๆ ของผม และไม่อยากให้คนนั้นต้องมีสีหน้าทุกข์ใจให้เห็น ...ผมเชื่อว่าคนอ่อนโยนคนนั้นจะต้องรู้สึกผิดกับผมมากทีเดียว ถ้าได้รับรู้ความในใจของผมเข้า”
หมอเพชรรับฟังคำตอบนั้นก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ
“คุณก็ยังใจแข็งเหมือนเดิมนะ กรกฎ ...”
กรกฎยิ้มน้อย ๆ ให้กับคำพูดนั้น แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อคนป่วยยกมือเรียกให้เขาเข้ามาใกล้ ซึ่งเลขาหนุ่มก็มองอย่างลังเลชั่วครู่ แล้วยอมทำตามโดยการเดินไปนั่งบนเตียงใกล้ร่างของอีกฝ่าย
“...เวลาอยู่กับผม คุณไม่จำเป็นต้องปิดบังหรือหลบซ่อนความรู้สึกของตัวเองหรอกนะ”
กรกฎนิ่งเงียบ แล้วจึงมีรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏให้เห็นบนใบหน้า
“ผมพูดจริง ๆ นะคุณหมอ...และที่เป็นแบบนี้ได้ ก็เพราะคุณนั่นล่ะ ...คุณมีส่วนที่ทำให้ผมตัดใจจากคุณเวธน์และยินดีกับเขาและปาลได้จากใจจริง”
หมอเพชรมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ ทำให้กรกฎต้องหัวเราะเบา ๆ ในลำคอตามมา
“คุณลืมไปแล้วหรือไง...ขนาดวันนั้นผมเมา ๆ ผมยังจำได้เลยนะ”
กรกฎหวนคิดถึงวันงานเลี้ยงฉลองต้อนรับกีรติในวันแรกที่อีกฝ่ายเข้ามาทำงานเป็นยามและได้รับการยอมรับจากทุกคนในหมู่บ้าน วันนั้นเขาดื่มหนักมากไปหน่อย จนรู้สึกเวียนหัวจึงไปขอยาจากหมอเพชร และพอตามมาที่บ้านของเจ้าตัว ก็ถูกตั้งคำถามตรง ๆ เสียจนเขาสะดุ้ง
“...วันที่คุณเมา อ้อ...วันเลี้ยงรับคุณกีรติสินะ ...วันนั้นผมถามคุณว่า คุณชอบคุณเวธน์ใช่ไหม แล้วคุณก็ทำเป็นเฉย ...ผมก็เลยแกล้งขู่คุณว่าจะไปบอกคุณเวธน์ว่าคุณชอบเผลอมองเขาด้วยสายตาแบบไหน...คุณก็เลยยอมสารภาพความจริงกับผม”
หมอเพชรหวนระลึกความหลังแล้วอมยิ้มน้อย ๆ แต่นั่นกลับทำให้คนฟังทำเสียงในลำคออย่างนึกหมั่นไส้
“แกล้งกันจริง ๆ ด้วยสินะ...”
“หึ ๆ ก็ผมเริ่มสนใจคุณมาก่อนหน้านั้นได้สักพักแล้วนี่...พอมองตามคุณที่เฝ้ามองแต่คุณเวธน์ ก็เริ่มถูกใจแล้วกลายมาเป็นชอบได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
คนป่วยบอกด้วยสีหน้าระบายยิ้ม แต่นั่นกลับทำให้คนฟังย้อนถามกลับไปอย่างไม่เข้าใจนัก
“แต่คุณก็ยังคงพยายามเชียร์ให้ผมสารภาพรักกับเขาอยู่เสมอไม่ใช่หรือครับ”
หมอเพชรหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วจึงตอบออกไปตามตรง
“ใช่...เพราะผมมั่นใจว่า หากคุณเอาจริง คุณเวธน์ก็ต้องตอบรับรักคุณได้อย่างไม่ยาก...เรื่องที่เขาทั้งเอ็นดูและให้ความสนิทและไว้วางใจกับคุณมากเพียงใด ใคร ๆ ในหมู่บ้านนี้ก็รู้ทั้งนั้น”
“แล้วคุณจะไม่เสียใจหรือไงกัน...ไหนคุณบอกว่าชอบผมยังไงล่ะ”
กรกฎยังคงตั้งคำถามต่อไปอย่างสงสัยไม่หาย
“หึ...ก็คงเหมือนกับที่คุณเชียร์ให้คุณปาลินกับคุณเวธน์ลงเอยกันนั่นล่ะครับ”
เลขาหนุ่มชะงักนิด ๆ แล้วจึงย้อนกลับไปเสียงแผ่ว
“นั่นเพราะผมเห็นว่าคุณเวธน์หวั่นไหวกับปาลเขา...ไม่ใช่แค่เรื่องหน้าตาที่เหมือนกับอากอบเพียงอย่างเดียว ...แต่เขาหวั่นไหวเพราะความจริงใจที่ปาลมีให้ ...ผมถึงกล้ายอมถอยแล้วคอยเชียร์ทั้งคู่อยู่เงียบ ๆ ต่างหากล่ะครับ”
บอกไปแล้วกรกฎก็นิ่งเงียบ และจ้องมองนัยน์ตาต่างสีคู่นั้นของคนที่นอนอยู่ ก่อนจะหลุดยิ้มน้อย ๆ ออกมา
“จะว่าไปพวกเรานี่ก็ค่อนข้างคล้ายกันนะครับ...”
“นั่นสิ… อ๊ะ! แต่ก็ต่างกันนิดหน่อย ตรงที่ผมไม่ใช่พวกปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ เสียด้วยสิครับ”
“คุณนี่มัน! เฮ้อ…”
กรกฎที่เตรียมจะโวยวายในทีแรก เปลี่ยนมาถอนหายใจแทน เพราะต่อให้คนตรงหน้าจะสารภาพว่าชอบเขายังไง แต่ก็ยังคงไม่วายชอบพูดกวนประสาทเขาอยู่ดี
“เอาเถอะครับ...ถึงยังไงก็เพราะได้พูดระบายในสิ่งที่เก็บเอาไว้ให้คุณได้ฟังในวันนั้น จึงทำให้ความรู้สึกของผมสงบลงไปเรื่อย ๆ ...ขอบคุณมากเลยนะครับ คุณหมอ”
หมอเพชรยิ้มตอบ ทั้งคู่สบตากันนิ่งอยู่นาน จนกระทั่งกรกฎต้องเป็นฝ่ายหลบตาไปก่อน เนื่องจากรู้สึกเหมือนว่าใบหน้าของเขาเริ่มร้อนวูบวาบ และใจเต้นผิดจังหวะอย่างน่าแปลก
“เอ่อ...ผมโทรไปลางานคุณเวธน์ก่อนดีกว่า เดี๋ยวเขากลับมาจากข้างนอกแล้วไม่เจอผมจะแปลกใจเอา”
กรกฎรีบเปลี่ยนเรื่องคุย แล้วลุกเดินเลี่ยงไปโทรศัพท์หาเวธน์ โดยมีสายตาอ่อนโยนของคนป่วยมองตามไม่วางตา
และเมื่อเวธน์ได้รับรู้ว่าแพทย์ประจำหมู่บ้านเกิดป่วยแบบนั้น เขาก็ฝากฝังให้เลขาคนเก่งช่วยดูแลอีกฝ่ายให้ด้วย แต่ก็ยังไม่วายเตือนด้วยความเป็นห่วงให้กรกฎระวังจะติดหวัดเข้าให้ ทำเอาคนถูกเตือนต้องอมยิ้มน้อย ๆ กับโทรศัพท์ของตนเอง หลังจากตัดสายสนทนาไปแล้ว
“...ก็เล่นทำตัวเป็นพี่ชายแบบนี้มาตลอด ใครจะกล้าสารภาพกันได้ล่ะนะ ...เฮ้อ”
ชายหนุ่มพึมพำกับตนเอง แล้วก็อดคิดถึงใบหน้าคนที่นอนป่วยอยู่ไม่ได้ เขาไม่ได้บอกกับหมอเพชรหรอกว่า คืนที่เขายอมสารภาพความจริงเรื่องที่ชอบเวธน์ออกไปนั้น เพราะอ้อมกอดอันอบอุ่นของอีกฝ่ายที่กอดปลอบโยน ในยามที่เห็นเขามีสีหน้าเจ็บปวดเพราะรู้ดีว่ารักคงไม่มีวันสมหวังนั่น มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาตัดใจจากเวธน์ได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
หลังจากบอกเวธน์เรื่องหมอเพชรป่วยไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี บรรดาชาวหมู่บ้านที่ไม่ได้ไปทำงาน ก็ต่างพากันทยอยมาเฝ้าหมอเพชร จนคนไข้แทบไม่มีเวลาพักผ่อน และนั่นก็ทำให้พยาบาลจำเป็นเริ่มจะไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเล็กน้อย
“ทุกคนครับ...ถ้าอยากเยี่ยมก็รอตอนเขาใกล้หายหรืออาการดีกว่านี้ก่อนเถอะครับ ขืนมาชวนคุยกันแบบนี้ เมื่อไหร่คุณหมอเขาจะได้พักสักที”
ถึงแม้จะไม่ได้ใช้น้ำเสียงดุดันสักนิด ทว่าน้ำเสียงทุ้มเรียบเยียบเย็นแบบที่ใช้อยู่ ก็ทำให้แต่ละคนเผลอกลืนน้ำลายลงคอ แล้วต่างเตรียมรีบสลายตัวออกจากบ้านของหมอหนุ่มอย่างว่องไว ทว่าแต่ละคนก็ต้องชะงักเมื่อพ่อมดหนุ่มที่แวะมาด้วยกัน เอ่ยถามคนพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ดูคุณกรกฎห่วงหมอเพชรจังนะ ...คิดยังไงกับหมอเขาหรือ...ชอบหรือเปล่า”
หลังจากปัณณ์หลุดคำถามนั้นออกไป ภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดไปชั่วขณะ และเจอรัลด์ซึ่งตั้งสติได้ก่อนใคร ก็รีบโพล่งขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
“แหม ๆ คุณปัณณ์ ถามแบบนั้นได้ยังไงครับ คุณกรกฎน่ะหรือครับจะคิดอะไรกับคนเจ้าเล่ห์ปากจัดชอบแกล้งคนอื่นอย่างหมอเพชรน่ะ...โอ๊ย! ผมเจ็บนะครับคุณแฟนธอม! ผมก็แค่พูดความจริงนี่นา...”
เจอรัลด์รีบหันไปแก้ตัวกับคนรักที่แอบหยิกเอวของตนแรง ๆ โดยแฟนธอมก็ค้อนให้นิด ๆ อย่างนึกหมั่นไส้ เนื่องจากนักประดิษฐ์หนุ่มนั้นเผลอพูดล่วงเกินคนที่ตนนับถืออย่างหมอเพชรนั่นเอง
“ฮะ ๆ ก็อย่างที่เจอรัลด์บอกนั่นล่ะครับคุณปัณณ์ ...คุณเลขาเขามาดูแลผม เพราะกลัวว่าคนในหมู่บ้านคนอื่นจะเดือดร้อน ไม่มีหมอรักษาต่างหากล่ะครับ”
หมอเพชรเอ่ยเสริมขึ้นมาด้วยใบหน้าปั้นยิ้ม แต่ปัณณ์กลับหรี่ตามองอย่างไม่อยากเชื่อนัก ทว่าทั้งพ่อมดหนุ่มและคนอื่น ๆ ในห้องต่างก็ต้องพากันสะดุ้งโหยง เมื่อกรกฎเอ่ยขึ้นมาบ้างหลังจากนิ่งเงียบไปนาน
“ถูกอย่างที่คุณสงสัยนั่นล่ะครับ คุณปัณณ์ ...ผมชอบคุณหมอ อืม...แต่ก็ยังไม่มากถึงขั้นรัก อาจจะเรียกได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงคบหาเรียนรู้นิสัยระหว่างกันก็ได้น่ะครับ”
พอกรกฎพูดจบภายในห้องก็เงียบกริบเสียยิ่งกว่าก่อนหน้านั้น ทว่าเพียงแค่ชั่วครู่ ทุกคนก็พากันสะดุ้งโหยงอีกครั้ง เมื่อปัณณ์หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างชอบใจ
“ฮ่า ๆ แบบนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นผู้ช่วยของคุณเจ้าของที่ดินรุ่นปัจจุบัน! ผมสนับสนุนพวกคุณเต็มที่เลยนะ พวกคุณสองคนเหมาะกันมากเลยล่ะ!”
บอกจบพ่อมดหนุ่มก็ขอตัวกลับบ้านพักไปอย่างอารมณ์ดี แถมยังบอกอีกว่าจะโทรไปบอกให้ไกรสรรู้จะได้ไม่ตกข่าวอีกคน
“ง่า...งั้นพวกผมก็ขอลากลับล่ะครับ... หายไว ๆ นะครับ หมอเพชร”
เจอรัลด์ที่เห็นรอยยิ้มเย็นยะเยือกของกรกฎที่มองมาตอนเขากำลังจะอ้าปากถามด้วยความสงสัย ต้องรีบบอกลากับคนทั้งคู่ แต่ก็ไม่วายจูงมือคนรักให้กลับไปด้วยกันอยู่ดี ส่วนคนอื่น ๆ ต่างก็เอ่ยลาเจ้าของบ้าน แล้วต่างแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน โดยไม่คิดอยู่ซักถามกรกฎต่อเช่นเดียวกัน
“ดูเหมือนว่าคุณเจอรัลด์เขาจะไม่อยากให้คุณแฟนธอมอยู่ใกล้ชิดคุณเท่าไหร่เลยนะครับคุณหมอ...ไปทำอะไรให้เขาระแวงขนาดนั้นหรือครับ”
กรกฎหันมาถามด้วยน้ำเสียงเรื่อย ๆ ตามปกติ ทว่ากลับทำให้คนฟังอมยิ้ม เพราะดูจากแววตาของคนถามคล้ายจะมีแววขุ่นมัวนิด ๆ ให้พอจับผิดสังเกตได้
“หึงอย่างนั้นหรือครับ คุณเลขา”
สรรพนามที่ใช้เรียกหยอกเย้าตามปกติของอีกฝ่าย ทำให้กรกฎต้องทำเสียงในลำคอเบา ๆ อย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แต่ก็ทำทีเป็นนิ่งเฉย เพราะไม่อยากจะยอมรับว่าตนนั้นคิดหึงหวงอีกฝ่ายจริง ๆ
“ผมก็แค่ถามดู...เห็นคุณเจอรัลด์เขาชอบคุณแฟนธอมขนาดนั้น ผมก็นึกสงสารเขา เลยไม่อยากให้คุณไปทำตัวเป็นมือที่สามคอยแกล้งเขาต่างหากล่ะครับ”
หมอเพชรอมยิ้มนิด ๆ ไม่โต้ตอบอะไรต่อ เพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มอารมณ์เสียไปกว่านี้ และพอเห็นอีกฝ่ายเลือกที่จะนิ่งเฉย กรกฎจึงทำทีเป็นเปลี่ยนเรื่องสนทนาแทน
“...คุณนอนพักได้แล้วครับหมอ เดี๋ยวพวกที่ออกไปทำงานนอกหมู่บ้านกลับมาแล้วรู้ข่าวเข้า ก็คงจะทยอยมาเยี่ยมคุณอีก ผมไม่อยากเสียมารยาทไล่คนที่มีน้ำใจมาเยี่ยมคุณบ่อย ๆ หรอกนะครับ”
“...แล้วคุณจะยังอยู่เฝ้าผมต่อหรือเปล่าล่ะกรกฎ”
คำถามของหมอหนุ่มทำให้กรกฎที่กำลังจะเดินเลี่ยงไปนั่งข้างนอกชะงัก แล้วจึงแสร้งทำเป็นเปรยพูดลอย ๆ
“ทำไมครับ ...ยังอยากจะไล่ผมกลับต่ออีกสินะ”
หมอเพชรหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วจึงเอ่ยตอบกลับไปตามตรง
“ถ้าเป็นก่อนหน้านั้นก็อาจจะอยากให้กลับ เพราะเป็นห่วงกลัวคุณจะติดหวัด ...แต่พอได้ยินคำสารภาพรักเมื่อครู่แล้ว เลยอยากจะให้อยู่ต่อนาน ๆ แทนน่ะ”
“ใครสารภาพรักกันครับ! ผมพูดแค่ว่ากำลังอยู่ในระหว่างคบหาดูใจกันต่างหาก!”
กรกฎรีบโพล่งขัดอย่างนึกเขิน ก่อนหน้านั้นเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าพูดออกไป แต่พอเห็นว่าหมอเพชรพยายามจะปกป้องชื่อเสียงของเขา โดยไม่สนเรื่องของตัวเอง ก็ทำให้เขาเผลอพูดในสิ่งที่อยู่ในใจให้เจ้าตัวและคนอื่นรับรู้ไปจนได้
“หึ ๆ พูดแค่นั้น ต่อหน้าคุณปัณณ์ก็เท่ากับว่านั่นเป็นการสารภาพรักนั่นล่ะ ... พนันกันได้เลยว่าพวกคุณเวธน์กับคุณปาลินที่ยังไม่กลับมาจากข้างนอก... อ้อ! อาจจะรวมถึงพวกคุณกีรติกับคุณริวที่ลาพักร้อนไปเที่ยวกันนั่นด้วย ...ป่านนี้คงจะรู้เรื่องของพวกเรากันหมดแล้วล่ะนะ”
พอหมอเพชรพูดจบ กรกฎก็ต้องชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งทำเป็นตีสีหน้าเฉยชา ไม่ทุกข์ร้อนอันใด แม้ภายในใจยามนี้จะคิดว่าสิ่งที่หมอหนุ่มพูดมานั้นมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม
สวัสดีค่ะ มาลงตอนพิเศษให้อ่านกันแล้วนะคะ สำหรับตอนคุณหมอกับคุณเลขานี่ยังไม่จบนะคะ เดี๋ยวมาหยอดความหวาน ให้อ่านกันต่อในครึ่งหลัง ... สำหรับตอนพิเศษของเรื่องนี้ ที่ลงในบอร์ด จะเป็นคล้ายบทสรุปของคู่หวานในหมู่บ้าน รวมถึง การกล่าวถึงความสัมพันธ์ และอดีตของตัวละครบางตัว ให้นักอ่านทราบ จึงอาจจะดูเรื่อย ๆ ไม่ตื่นเต้นไปสักหน่อยนะคะ ^^" แต่ก็พยายามจะเขียนให้อ่านแล้วสนุกให้ได้ล่ะค่ะ!! (สู้ๆ)
ส่วนตอนพิเศษในเล่มก็คงจะเป็นตอนยาว รวมตัวละคร และมีเหตุการณ์ให้ชวนตื่นเต้นกันบ้าง บู๊กันหน่อย โชว์ฝีมือกันนิด เพราะหมู่บ้านนี้ศัตรูค่อนข้างเยอะอยู่ หุ ๆ อ้อ ฝากข่าวนิดนะคะ สำหรับเรื่องนี้เปิดจองแล้วค่ะ อ่านรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ luv-book.com เดี๋ยวจะแวะไปแจ้งในกระทู้ค้าขายของเล้าอีกทีค่ะ