“เอ้าคัททททททททท!!!”“เยี่ยมๆ ดีมาก เก่งๆๆๆ”
ในที่สุด ณ เวลา 23:00 น. ซีนสุดท้ายของวันนี้ก็ถ่ายทำจบ หลังจบคำสั่งคัทของอ๊อดทุกคนก็ถอนหายใจออกมาแทบจะพร้อมกัน ‘จบไปอีกหนึ่งวัน’
“วันนี้พระนางเราเหนื่อยทั้งวันเลยเนอะ ไหนจะต้องให้สัมภาษณ์ ไหนจะต้องถ่ายทำต่อ น่าสงสารจัง”
“อืมแต่ก็เก่งจังเลยเนอะ ทั้งคุณเมธคุณยุ ตีบทแตกกระจาย ฉันนี่นะดูสองคนนี้ทีไรอดจั๊กจี้ไม่ได้สักที”
“ในบทดูดีนะ แต่พอนอกบทไม่เห็นคุยกันดีๆเลย ฉันเห็นทะเลาะกันประจำ”
“ทะเลาะที่ไหน ฉันเห็นมีแต่คุณยุ แว๊ดๆๆๆอยู่คนเดียว ไม่เห็นคุณเมธจะเคยโมโหอะไรเลยนะ”
“แหม…คุณเมธเธอเป็นสุภาพบุรุษย่ะ เป็นถึงเทพบุตรแห่งวงการ มารยาทดี วางตัวดี ใช่จะเหมือนกับอีตาคุณยุซะเมื่อไหร่ ขานั้นขี้วีนจะตาย เมื่อก่อนนะฉันเคยทำงานในกองละครที่คุณยุเธอแสดง วู้ยยยย พ่อวีนกองแตกได้ตลอดเลยย่ะ ทั้งๆที่ตัวเองนะ มาก็สาย บางทีก็เมาค้างมา นิสัยเสียแบบสุดๆเลยนะจะบอกให้ เธอก็เห็นใช่มั้ยว่าข่าวคาวคุณยุเธอไม่เคยขาด ถ้าตอนนั้นไม่ฟูขึ้นหม้ออยู่นะ รับรองไม่มีใครจ้างหรอกจ๊ะ พระเอกแบบนั้นน่ะ ใครๆเขาก็คาดกันว่าคงอยู่ไม่นาน แล้วก็จริงๆด้วยล่ะเธอ ดังอยู่ได้ไม่ถึงสองปีดับวูบเลย”
“ตายแล้ว เรื่องจริงเหรอเนี่ย? เอ๊ แต่ฉันไม่เห็นคุณยุเขาจะโมโหอะไรใส่พวกทีมงานอย่างเราๆเลยนะ เธอเวอร์ไปรึเปล่า?”
“หืม ยัยนี่โง่จริง ก็คุณยุเธอเพิ่งจะกลับมาเล่นหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกหลังจากโดนเฉดหัวออกจากวงการ จะกล้าออกฤทธิ์ออกเดชอะไรล่ะ ลองได้กลับมาดังเหอะ ลายออก เชื่อฉันสิ คนแบบนี้ทนทำตัวดีๆได้ไม่นานหรอก”
“เหรอ…ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่าจริงๆก็น่าสงสารคุณเมธเขานะ ที่ต้องมาเล่นคู่กันเนี่ย”
“ก็แหงสิยะ เจ้าตัวคงบากหน้าไปขอผู้ใหญ่มาน่ะสิ เขาถึงให้มาเล่นคู่กันเนี่ย อาศัยบารมีคุณเมธเพื่อกลับเข้าวงการไงเธอ”
“ตายจริง คุณเมธยิ่งน่าสงสารเข้าไปใหญ่ เฮ้อ…”
“นั่นน่ะสิเธอ”
ฯลฯ
หลังเลิกกอง สองสาวคอสตูมกับช่างแต่งหน้าที่กำลังเก็บของและกำลังเม้าท์มอยเรื่องของสดายุอยู่นั้น สองสาวไม่รู้ตัวเลยว่ามีอีกคนที่ได้ยืนฟังทุกอย่างที่พวกหล่อนคุยกันอยู่ด้วย แถมยังได้ยินชัดเจนทุกคำทุกประโยค
‘เรา…ทำไมถึงยังยืนอยู่ตรงนี้นะ…’
เสียงคลื่นที่สาดซัดเข้ากระทบชายหาด ไม่ว่าได้ฟังเมื่อไหร่ ก็พาหัวใจให้คิดถึงบ้านขึ้นมาเมื่อนั้น
‘เจ๊บลูม่า ทำไมเจ๊ต้องรีบกลับวันนี้ด้วยนะ ทำไมไม่อยู่กับผมก่อน’
‘ผมเหงา…ผมเจ็บ’
*
*
*
*
*
“นี่คุณ มานั่งเมาอะไรอยู่คนเดียวบนหาดมืดๆเนี่ย ไม่กลัวรึไง?”
สดายุสะดุ้งหวือขึ้นมาทันทีเมื่อจู่ๆก็ถูกเรียกจากด้านหลัง
“คุณกฤตเมธ?...มาทำไม ยุ่งไรด้วย?”
เมื่อหันไปมองแล้วเห็นว่าเป็นกฤตเมธ สดายุก็รีบหลบหน้าเพื่อแอบปาดหยาดหยดแห่งความเหงาออกจากใบหน้า แต่ภาพหยาดน้ำตานั้นไม่อาจหลบสายตาของกฤตเมธพ้น ชายหนุ่มหน่วงใจขึ้นมาเล็กๆทันทีที่เห็นกระแสความเหงาที่ออกจากร่างที่นั่งกอดเข่าอยู่ตรงหน้า
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะตีสองแล้ว บังเอิญว่ากฤตเมธรู้สึกว่านอนไม่หลับ เพราะได้แต่นอนคิดมากเรื่องของสดายุ หนักเข้าชายหนุ่มจึงตัดสินใจออกมาเดินนอกที่พัก เพื่อผ่อนคลายสติอารมณ์ แต่พอเดินออกมาได้สักพัก กฤตเมธก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่า เงาตะคุ่มที่นั่งอยู่ลิบๆตรงมุมมืดของชายหาดนั้นคือ สดายุ
‘ดึกขนาดนี้มานั่งทำบ้าอะไรตรงหน้าหาดเนี่ย!? ไม่กลัวโดนฉุดรึไง ลมเย็นขนาดนี้เดี๋ยวก็ได้ไม่สบายกันพอดี นั่นอะไรน่ะ ดื่มเหล้าด้วยเหรอ!?’
แล้วพอจะเดินมาเรียกก็ดันเห็นว่าเจ้าคนขี้เมาตรงหน้านั้นกำลังนั่งร้องไห้อย่างว้าเหว่อยู่ ‘เกิดอะไรขึ้นกันนะ’ ใบหน้าแดงช้ำจากคราบน้ำตาและฤทธิ์แอลกอฮอล์นั้นช่างดูหน้าสงสารบาดใจจนกฤตเมธทำอะไรแทบไม่ถูกเลยทีเดียว
“ผมก็แค่เป็นห่วง กลัวว่านางเอกของผมจะโดนใครซิวหายไป ขี้เกียจหานางเอกใหม่นะครับ”
เมื่อเห็นว่าสดายุพยายามจะแอบซ่อนหยาดน้ำตา กฤตเมธก็ไม่อยากจะไปทักถึงเรื่องที่เจ้าตัวพยายามหลบเลี่ยง ดังนั้นชายหนุ่มจึงทักออกไปในประเด็นที่ดูเป็นเรื่องขำขันมากกว่า
“ไม่ดีรึไง จะได้เจอนางเอกดีๆ เอาใจเก่งๆ หึหึ มีคนรอจ่อคิวเพียบ...”
คำตอบประชดประชันเล็กๆที่ตอบกลับมาเล่นเอากฤตเมธถึงกับส่ายหน้าขำกับคำตอบนั้นเบาๆ แต่จะให้มานั่งคุยตรงที่มืดๆก็ใช่ที่ และดูเหมือนสดายุจะเมาพอสมควรแล้ว ดังนั้นกฤตเมธจึงเข้าไปประคองร่างบางนั้นขึ้นหมายจะพากลับห้องพัก
“ไม่ต้อง แค่คุณก็เหนื่อยพอแล้ว มานี่เลย...”
“เฮ้ย! อะไรของคุณเนี่ย ปล่อยผมนะ!!”
“มันดึกแล้ว ตรงนี้มันอันตราย กลับที่พักกับผมเดี๋ยวนี้เลย”
“โอ้ยยย!! ไม่ต้องมายุ่งกับผม ผมเป็นผู้ชายนะ ใครจะพาผมไปทำบ้าอะไรที่ไหนได้วะ!!?”
และเป็นดังคาด สดายุดิ้นรนออกจากวงแขนแข็งแรงนั้นทันที
“ผู้ชายรูปร่างหน้าตาผิวพรรณอย่างคุณน่ะ อันตรายเสียยิ่งกว่าพวกผู้หญิงบางคนเสียอีก แถมยังเมาเคว้งแบบนี้อีก อยากโดนจับไปขายรึไง!?”
เมื่อเห็นว่าสดายุเล่นตัวไม่เลิก กฤตเมธก็เริ่มออกอาการหงุดหงิดกับเด็กดื้อที่พูดยากพูดเย็นคนนี้ขึ้นมาตงิดตงิด เพราะถึงแม้จะอธิบายถึงอันตราย ที่อาจเกิดขึ้น เจ้าตัวแสบก็ไม่ยอมเชื่อ
“ใครเขาจะโรคจิตอย่างคุณกัน พ่อพระเอกเทวดา โธ่เว้ย! หลบไปเลย...”
สดายุโวยวายและสามารถดิ้นออกจากมือของกฤตเมธในที่สุด หลุดออกมาได้เจ้าคนเมาไม่รู้เรื่องก็เดินเซแท่ดๆออกสู่ชายทะเลทันที
“นั่นคุณจะไปไหน!?”
“เรื่องของผม มาตามวุ่นวายทำไมเนี่ย...อ๋อ...หลงรักผมเข้าแล้วสิ”
“ห๋า!!?”
กฤตเมธอุทานเสียงหลงเมื่อถูกคนเมาหันกลับมาแหย่ ‘รัก’ เหรอ! บ้าไปแล้ว!!
“ชอบผมแล้วอ่ะดี๊ ตามกันต้อยๆแบบนี้ ฮ่า ฮ่า ขอโทษนะคุณพระเอกของผม อิอิ ผมชอบนมตู้มๆ มากกว่าอกแข็งๆ นิยมประตูหน้ามากกว่าประตูหลัง ไปหาคนอื่นเถอะนะ หึหึ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ด้วยความเมามายสดายุจึงกระเซ้าอีกฝ่ายออกไปพร้อมกับหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ร้อนถึงกฤตเมธที่ต้องแก้ต่างพัลวัน ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าจะไปถือคนเมาทำไม และที่สำคัญแก่จนปูนนี้แล้วจะยังเขินเพราะโดนแซวอยู่อีกทำไม
“ไปกันใหญ่แล้ว! เพี้ยนอะไรของคุณเนี่ย เฮ้อ! อย่าสำคัญตัวผิดไปเลยคุณนางเอก นี่ถ้าคุณบลูม่าไม่ขอร้องผมไว้ให้คอยช่วยดูแลคุณนะ ผมไม่มาวุ่นวายคุณอยู่อย่างนี้หรอก...”
และเพราะมัวแต่ทำอะไรไม่ถูกที่โดนแซว กฤตเมธจึงพลั้งปากตอกกลับเด็กขี้เมาให้ได้หน้าหงายบ้างโทษฐานที่หลงตัวเอง แต่พอพูดจบประโยคกฤตเมธก็รู้ตัวทันทีว่าดันพูดอะไรที่ไม่ควรออกไปเสียแล้ว และยิ่งรู้สึกผิดหนักเมื่อเห็นว่าใบหน้าที่ยังเปื้อนยิ้มอยู่เมื่อครู่สลดลงทันใด
“..........อ๋อ...งั้นคุณก็อย่ามาเหนื่อยกับผมเลย...”
แม้แต่คำพูดที่ออกจากริมฝีปากนั้นยังแฝงไปด้วยความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด
“ผมไม่ฟ้องเจ๊บลูม่าหรอก คุณไปพักเหอะ อย่ามายุ่งกับคนอย่างผมเลย ผมดูแลตัวเองได้”
สดายุยังคงพร่ำพูดให้อีกคนเลิกสนใจเขา ใบหน้านั้นแย้มยิ้มออกมาอีกครั้ง แต่มันเป็นยิ้มที่ทำให้หัวใจของกฤตเมธเจ็บจี๊ด
“ดูแลตัวเองได้บ้าบออะไรกันคุณสดายุ เดินให้ตรงยังทำไม่ได้เลย...”
กฤตเมธรีบกระโดดเข้าคว้าตัวสดายุไว้ทันควันเมื่ออีกฝ่ายที่กำลังจะเดินต่อไปนั้น ทำท่าจะล้มแหล่มิล้มแหล่
“ปล่อย!!”
สดายุดิ้นพล่านทันทีที่ถูกคว้าตัวเอาไว้ได้
“นี่! คุณสดายุ! ทำไมถึงดื้ออย่างนี้นะ?”
“อย่ามายุ่ง! ปล่อยผมนะ!”
“เออ! ผมปล่อยคุณแน่ ถ้าคุณพิสูจน์ให้ผมเห็นว่าคุณดูแลตัวเองได้!!”
“อะไรน่ะ!!?”
“เอาสิ! ถ้าคุณดิ้นหลุดจากมือผมได้ผมจะปล่อยคุณ”
กฤตเมธยื่นคำขาดให้คนเมาแถมยังดื้อในอ้อมแขน และยิ่งกอดร่างนั้นแน่นขึ้นเมื่อคนที่กะปลกกะเปลี้ยจากความเมามายพยายามจะดิ้นรน
“โอ้ย! ปล่อยผม! คุณกฤตเมธ!!”
“ไงล่ะ แค่ผมคนเดียวคุณก็ดิ้นไปไหนไม่รอดแล้ว จะดูแลตัวเองยังไง เอาตัวรอดจากผมยังไม่ได้เลย”
“อ๊ะ!? เหวอ!!!?”
ทั้งที่พยายามดิ้นเต็มที่แล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการ สุดท้ายแล้วยังถูกแบกขึ้นบ่าราวกับตัวเขาเบาเป็นปุยนุ่น แถมคนอุ้มยังเดินชิวกลับที่พักได้อย่างง่ายดายอีก ทั้งที่พยายามร้องโวยวาย แถมดิ้นพล่าน แต่ความเป็นจริงเป็นได้แค่ดิ้นสะเปะสะปะ มื้อไม้ไร้เรี่ยวแรง ยิ่งถูกจับพาดบ่าห้อยหัวอยู่อย่างนั้นอีก ยิ่งเลือดลงหัวก็ยิ่งมึนหนัก
“ปล่อยนะ!! ไอ้บ้า!! ปล่อยยยย!!”
ตุบ
“พ...พามาที่นี่ทำไม ผมจะกลับห้อง”
“ไม่ให้กลับ ในเมื่อคุณหนีไปจากผมไม่พ้น คุณก็ต้องอยู่ที่นี่...”
ในที่สุดก็ถูกปล่อยตัว ถึงตอนนี้สดายุจะเมามาก แต่เขาก็ยังมีสติพอที่จะรู้ว่าทีที่ถูกพามาไม่ใช่ห้องของตน ชายหนุ่มพยายามฝืนตัวลุกขึ้นจากเตียงนุ่ม ซึ่งแน่นอนว่าไร้ประโยชน์ แถมเจ้าคนพามายังประกาศิตไม่ยอมให้เขากลับอีกด้วย
และมีหรือที่คนอย่างสดายุจะยอมแต่โดยดี งานนี้มีฟาดฝีปาก!!
“จะบ้าเหรอ!!? นี่! โอ้! ไอ้กฤตเมธ!!”
“หยุด!! ห้ามหยาบคายใส่ผมอีก!!”
“ทำไม!? ทำไมจะทำไม่ได้ ใหญ่มาจากไหนไม่ทราบ!!?”
พอเถียงกลับไปคราวนี้ร่างที่นั่งอยู่ข้างเตียงก็โถมทั้งร่างลงมาหาสดายุทันที ก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบคำขู่อยู่ตรงหน้าคนเมาที่ได้แต่นอนหงายแบอยู่ใต้ร่าง
“ก็ลองดูสิ หยาบคายใส่ผมอีกที ผมกัดคุณลิ้นขาดแน่”
“ไอ้!!....หนอย! คิดว่าคำขู่ง่าวๆของแก ฉันจะกลัวเหรอ ไอ้แก่โรคจิต!! อื้อออออ!!!???”
เมื่อเตือนแล้วไม่ฟังสดายุก็โดนลงโทษทันทีด้วยริมฝีปากร้อนฉ่าของร่างเบื้องบน กฤตเมธทาบริมฝีปากลงไป สอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากราวกับจะคว้านลงไปให้ลึกที่สุด
“อึก!!!”
เรียวลิ้นที่สั่นเกร็งของสดายุถูกไล่ต้อนอย่างง่ายดาย ปลายลิ้นน้อยถูกดูดดุนอย่างรุนแรง ริมฝีปากที่ถูกบดขยี้ราวกับจะบี้ให้หลอมเป็นเนื้อเดียวกันนั้น พยายามจะเผยอขึ้นเพื่อสูดอากาศบ้าง แต่ริมฝีปากร้ายของกฤตเมธก็รุกไล่ไม่หยุด จนสดายุนิ่งไปนั่นแหละเขาถึงจะยอมปล่อย
“ฮ้า…ฮ้า…ฮ้า…”
สองร่างหอบถี่จากรสจูบรุนแรงเมื่อครู่ออกมาพร้อมกัน
“เคยบอกแล้วไง ว่าอย่าท้าทายผม ไม่เคยเข็ดเลยนะ คุณสดายุ”
“............”
หลังถูกลงโทษด้วยจูบรุนแรง สดายุก็ได้แต่นิ่งงัน เพราะสมองของเขานั้นยังไม่สามารถประมวลผลอะไรออกมาได้ทั้งนั้น
“นอนนิ่งๆเป็นแล้วใช่มั้ยครับ คุณนางเอก ดื่มเหล้าจนเมาเป๋ขนาดนี้ อยู่ห้องคนเดียวมันอันตราย...”
“คุณ...เป็นเกย์เหรอ?...”
“หือ!?”
คำถามที่ออกจากปากบวมเจ่อนั้น ทำเอากฤตเมธแทบหงายหลัง ‘คิดได้ไง??’
“คุณเป็นเกย์สินะ คุณถึงได้...จูบ...ผม...”
“...เกย์?...หึหึ...นั่นสินะ ผมอาจเป็นเกย์ก็ได้ ไม่รู้สินะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“ไม่รู้ได้ยังไง คุณจูบผู้ชาย คุณเป็นเกย์”
“ผมจูบคุณ เป็นการลงโทษที่คุณมันดื้อไม่เลิก”
“ผู้ชายบ้าที่ไหนเขาลงโทษผู้ชายด้วยกันด้วยการจูบบ้างวะ? เพี้ยนเหรอ? เกย์ใช่มั้ย!?”
“ก็ถ้าลงโทษแบบอื่น รุนแรงไปมันจะทิ้งรอย คุณยิ่งเป็นพวกช้ำง่ายอยู่ นี่ไงรอยที่ผมทำไว้คราวที่แล้วยังไม่จางเลย ม่วงซะ...”
“แล้วมันเกี่ยวกับจูบตรงไหนกัน!?”
“ก็จูบ มันทำให้คุณเงียบได้ แถมไม่ทิ้งรอยให้คนอื่นเห็นด้วยไงล่ะ”
ได้แต่ทำฟอร์มว่าเป็นการจูบเพื่อลงโทษที่อีกฝ่ายดื้อรั้น แต่ความจริงแล้วกฤตเมธเองก็ไม่รู้หรอกว่าจูบไปทำไม เขาไม่สามารถให้คำตอบที่แท้จริงได้ทั้งกับสดายุและกับตัวเอง จะให้พูดยังไงล่ะ ว่าพอรู้ตัวก็เผลอจูบไปเสียแล้ว
“...ไอ้แก่โรคจิต...”
“อยากโดนอีกรึไง สดายุ? คราวนี้ไม่จบแค่จูบนะ”
“.....................”
“.......หึหึ...เงียบได้ซะที คืนนี้นอนที่นี่แหละ เดี๋ยวผมเอาน้ำให้ดื่ม”
พอเห็นว่าสดายุสิ้นฤทธิ์ลง เพราะดวงตาฉ่ำหวานของร่างปวกเปียกนั้นกำลังปรือปรอย แสดงว่ากำลังใกล้จะหลับในไม่ช้าแล้ว กฤตเมธจึงตั้งใจลุกขึ้นไปหยิบน้ำเย็นมาให้ชายหนุ่มดื่มล้างพิษแอลกอฮอล์เสียหน่อยก่อน แล้วค่อยจัดการให้นอนสบายๆ แต่ยังไม่ทันจะได้ลุกออกจากเตียงกว้าง สดายุก็เอ่ยบางอย่างออกมาแผ่วผิวราวกับเสียงคนละเมอ
“คุณมันเพี้ยน กฤตเมธ...มายุ่งกับผมแบบนี้ เดี๋ยวก็ได้ตกต่ำตามผมลงไปด้วยหรอก...”
“...........”
“.....อย่าเอาตัวคุณ...มาเกลือกกลั้วกับคน...แบบผม...เลย...เดี๋ยวจะตก…ต่ำ…เอา…นะ…”
“........................”
คำเพ้อที่ออกมาจากปากสดายุนั้น ไม่ใช่คำประชดประชันเหมือนที่เจ้าตัวเคยทำเป็นปกติ แต่ทุกคำล้วนออกมาจากจิตใต้สำนึกของสดายุทั้งนั้น คำดูถูกตัวเอง ที่แสนเจ็บปวด
“ตัวตนจริงๆของเธอเป็นเด็กแบบไหนกันแน่นะ สดายุ...”
กฤตเมธค่อยๆโน้มตัวลงมองร่างที่หลับใหลไปแล้วของสดายุอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือออกมาลูบเรือนผมนุ่มนั้นเบาๆ ขณะนี้หัวใจที่เต้นระส่ำของกฤตเมธช่างสับสนกับพฤติกรรมของสดายุเหลือเกิน ‘ตกลงสดายุคนนี้คือใครกัน พระเอกผู้เย่อหยิ่ง หรือ ชายหนุ่มผู้เงียบเหงา?’“เปลือกแข็งกระด้างที่ห่อหุ้มตัวเธอไว้ซ่อนตัวตนแบบไหนเอาไว้กันแน่...หืม?”
“เป็นเหมือนที่ตาฉันเห็น...”
“หรือเป็นเหมือนที่ใจฉันสัมผัสได้กันแน่นะ...”*********************************************************************************
แต่งไปดูรายการคนอวดผีไป…เอิ่ม…เนื้อหามันเลยอาจงงๆหน่อยนะคะ 555+
วันนี้แอบมาแบบดราม่าเงียบๆ...งานในมือยังไม่เสร็จเลยค่ะ
กะจะเขียนตอนพิเศษเกลียวบาป แต่ดันคิดออกแต่พล็อตของนางเอก อร๊ากกกกกกกกกกกกก!!!!
ก็เลยต้องเขียนมาลงไว้ก่อนค่ะ
แล้วก็ขอตัวหายหัวไปอีกสักสอง-สามวัน เพื่อปั่นตอนพิเศษเกลียวบาปต่อ...
ถึงจะดูเหมือนยุทำตัวเองทั้งนั้น แต่อย่าไปโทษยุเลยนะคะ ยุเขาเซ้นสิทีฟค่ะ
จากนี้ไป พี่เลี้ยงอย่างกฤตเมธจะกำราบสดายุของเราอยู่รึเปล่าน่อ
ลุ้นกันต่อไปค่ะ อิอิ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
อนาคี99 / Thearboo
