(เรื่องสั้น) ผมคือ…นางเอก
ซีนที่ 8 “เอ้า! สดายุ เมธ มานี่ๆ วันนี้ดาราสมทบที่จะถ่ายฉากเพิ่มเติมของเรามาถึงแล้ว มารู้จักกันไว้เร็ว”
บ่ายสามโมงตรง เมื่อกฤตเมธและสดายุ เดินมาถึงจุดที่ต้องถ่ายทำ อ๊อดก็ตะโกนเรียกชึ้นเพื่อให้เข้าไปทักทายนักแสดงที่ต้องร่วมแสดงด้วยจำวนสองคน
“เออ นี่ๆ นี่คือรุจน์ คนนี้คือพอร์ช น่าจะเคยเห็นมาบ้างนะ ไอ้สองคนนี้มันเป็นเด็กบ้าน เอบีเอฟ ไง”
“อ๋อ เจอกันตอนฟิตติ้งแล้วครับ”
กฤตเมธตอบกลับไปเมื่อเห็นว่าผู้กำกับของตนกำลังพยายามแนะนำ แม้จะยังไม่เคยร่วมงานกัน แต่เขาก็เคยเห็นผ่านหูผ่านตามาบ้างกับผลงานของเด็กใหม่
“สวัสดีครับ พี่เมธ พี่ยุ”
สองหนุ่ม รุจน์ พอร์ช ยกมือไหว้กฤตเมธกับสดายุด้วยความนอบน้อม รุ่นน้องในวงการหมาดๆอย่างพวกเขา ต้องให้ความเคารพสองพระเอกดังแห่งวงการอย่างสุดความสามารถไว้ก่อน อย่างน้อยหากถูกเอ็นดูขึ้นมา อาชีพในฝันนี้อาจจะโรยด้ยกลีบกุหลาบ เจริญรอยตามรุ่นพี่ทั้งสอง
“ครับ สวัสดี”
กฤตเมธสวัสดีตอบไปดูเป็นมิตร แต่สดายุนั้นไม่ไดแสดงอาการอะไรมาก แค่รับไหว้แล้วก็เงียบนิ่งอยู่อย่างนั้น ถ้ามองเผินๆอาจจะพาลนึกไปว่าอดีตพระเอกดาวร่วงนี้หยิ่งยะโส มีเพียงกฤตเมธเท่านั้นที่รู้ว่านางเอกของเขาไม่ได้หยิ่ง แต่ยังเมาค้างจนเหม่อต่างหาก
ย้อนความไปเมื่อตอนเช้า กว่าจะจัดการเจ้าพระเอกขี้เมาตัวแสบได้ กฤตเมธถึงกับเหนือย ถึงจะวุ่นวายไปบ้าง แต่พอคิดถึงก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
"ผมอยากมอมเหล้าให้คุณเมาทั้งวันจริงๆนะสดายุ”
“.........??....อะไรของคุณ....”
“เพราะตอนคุณเมา...คุณน่ารักกว่านี้เยอะ”
"......บ้า..."
นั่นเป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมาที่กฤตเมธรู้สึกว่าผู้ชายที่ชื่อสดายุ 'น่ารักมาก'
รู้ดีว่าคงจะแปลกไปหน่อยที่จะใช้คำว่า 'น่ารัก' กับผู้ชายตัวเป็นๆ ถึงตอนนี้สดายุจะผอมลงไปมาก เพราะต้องรีบทำน้ำหนักให้เหมาะสมกับตัวละคร 'ภุมรา' ที่จะต้องผอมมากๆ ดังนั้นจากที่เคยเป็นพระเอกรูปร่างดีมีซิคแพค ตอนนี้เลยกลายเป็นแค่ผู้ชายหน้าตาดีที่มีรูปร่างสะโอดสะองแทน แต่ทว่าความมาดแมนที่หายไปเพราะรูปร่างที่บอบบางขึ้นนั้นคงไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้กฤตเมธต้องใช้คำว่า 'น่ารัก' แต่เพราะกฤตเมธไม่รู้ว่าจะสรรหาคำไหนมาแทนคำบรรยายของภาพตรงหน้าเขาได้จริงๆ
ภาพของผู้ชายเอวบางร่างน้อย แขนขาเรียวยาวขาวผุดผาด ที่พยายามซ้อนร่างเปลือยไว้ใต้ผ้าห่มขาวฟู ซ้ำยังขาแพลงจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พอรู้ตัวว่าโดนแกล้งเข้าหน่อยก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้างอนจนแก้มป่อง แถมตอนเอ่ยแซวในเรื่องที่ไม่คุ้นเคยเจ้าตัวกลับทำตาโตหน้าแดง ริมฝีปากที่ชอบโวยวายนั่นก็เม้มแน่น ราวกับเด็กที่โดนจับได้ว่าทำผิด 'น่ารัก' ต้องใช้คำว่าน่ารักถึงจะเหมาะกับเจ้าตัวแสบตรงหน้านี้ที่สุด ทั้งน่ารัก ทั้งน่าเอ็นดู
แอบไม่เชื่อใจตัวเองเหมือนกันที่เผลอคิดแบบนั้นกับคนตรงหน้า แต่ก็คิดว่าคงไม่แปลกเท่าไหร่ ถ้าเขาจะมองว่าอีกฝ่ายน่ารักในฐานะของน้องชาย
จากนั้นกฤตเมธก็จำไม่ได้แล้วว่าเขาโดนสดายุก่นด่าอะไรบ้าง เพราะการโดนผู้ชายตัวเล็กกว่า อายุน้อยกว่า ด่าไป ทำหน้าแดงตาแดงใส่ไป มันทำให้เขาไม่อาจถือสาหาความได้ และถึงอย่างไรซะ ในที่สุดสดายุก็ต้องยอมให้เขาอุ้มขึ้นมาบนเตียงเพื่อจัดการกับข้อเท้าให้อยู่ดี และวันนี้กฤตเมธรู้สึกว่าตัวเองใจดีมาก เขายอมให้สดายุอยู่ในห้องจนกว่าเสื้อผ้าที่ซักแห้งอยู่นั้นจะมาส่ง แถมยังยอมตื่นแต่เช้า เพื่อสั่งอาหารเช้ามาบริการคนเจ็บอีกด้วย แอบเสียดายเล็กๆอยู่เหมือนกันที่ทางโรงแรมมาส่งชุดให้เร็วเกินเหตุ ทำให้สุดท้ายสดายุก็หนีกลับห้องไปตอน เก้าโมงเช้า ทิ้งให้เขาต้องนอนอมยิ้มขำตัวเองอยู่ในห้องเพียงลำพัง กระทั่งถึงบ่ายสามโมง
"เอาล่ะ เดี๋ยวพี่ขอคุยเรื่องคิวถ่ายทำก่อนเลยแล้วกัน ทั้งของ เมธ ยุ รุจน์ พอร์ช"
ทั้งสี่หนุ่มเดินเข้ามาหาอ๊อดอีกครั้ง เมื่อได้ยินว่าผู้กำกับจะให้คิวการแสดง
"วันนี้พี่จะถ่ายฉากของเมธและยุ ที่เป็นซีนจูบก่อน ฉากตบจูบที่พี่โคตรถนัด ฮ่าฮ่า"
เป็นอีกครั้งที่ผู้กำกับอ๊อดหัวเราะอยู่คนเดียว เพราะสี่หนุ่มที่เหลือทำหน้าตาอิหลักอิเหลื่อกันหมดแล้ว
"แล้วก็หลังจากซีนนี้พี่จะให้ยุพักยาว 3 วัน"
พูดพลางตบไหล่สดายุแปะๆ ราวกับจะให้กำลังใจ
"หยุด? หยุดทำไมครับ"
"เดี๋ยว 3 วันนี้พี่จะโหมถ่ายฉากเฉพาะของไอ้ 2 ตัว รุจน์กับพอร์ชก่อนน่ะ"
"อ๋อ...ครับ..."
"แล้วก็...ขอโทษนะยุ พี่จำเป็นต้องเลื่อนคิวถ่ายฉากหวือหวาอีกแล้วล่ะ"
และแล้วในที่สุด ผู้กำกับอ๊อดก็เฉลยบางสิ่งออกมา แต่คราวนี้สดายุไม่ได้ตกใจเหมือนครั้งแรกอีกแล้ว สดายุรู้แล้วว่าจะให้พักสามวันเพื่ออะไร รู้ทันทีว่าวันที่สี่จะเจออะไร...
"เลื่อนถ่ายฉากบนเตียงเร็วขึ้นเหรอครับ? "
"อ๊ะ แหม...รู้ทัน ฮ่าฮ่าฮ่า"
อ๊อดหัวเราะร่า เมื่อสดายุล่วงรู้ความคิดของตนได้ ก่อนจะตบไหล่สดายุแรงๆอีกสองสามทีด้วยความพึงพอใจ
"โทดทีนะที่พี่เลื่อนขึ้น ก็เพราะยุนั่นแหละผอมเร็วเกิน พี่เลยเห็นว่าถ้ายังขืนเอาตามกำหนดการเดิม 'ภุมรา' มันจะผอมเกินบทไป เลื่อนขึ้นมาเร็วหน่อยพอไหวใช่มั้ย?"
พออ๊อดบอกเหตุผลออกมาตรงๆ สดายุก็ได้แต่ปลงตก เพราะเขาผอมลงมากจริงๆอย่างที่ว่า คงจะลำบากจริงๆถ้าจะให้ไปเล่นฉากนี้เป็นซีนท้ายๆ
"ผมโอเคอยู่แล้วครับ ช้าเร็วก็ต้องเล่น เมื่อไหร่ก็ไม่ต่างกันหรอกครับ"
สดายุตอบตกลงออกไปโดยไม่มีอาการอิดออดเหมือนตอนครั้งแรก อ๊อดหัวเราะชอบใจทันทีก่อนจะหันไปคุยคิวกับคนอื่นต่อ
หลับหลังผู้กำกับ อดีตพระเอกหนุ่มลอบถอนหายใจออกมาบางๆ รู้ดีว่าต้องทำใจ แต่ก็ยังยากที่จะทำใจ ไม่ได้ทำใจยากตรงที่ต้องเปลือยร่างแล้วใช้ร่างกายเสียดสีกันอย่างคราวก่อนหรอก แต่ยากตรงที่คราวนี้เขาต้องสื่อสารอารมณ์รักๆใคร่ๆกันออกมาด้วยนี่แหละ ปั้นหน้าว่ารักข้างเดียว ไม่ยากเท่า ต้องปั้นว่ารักกัน...
".....!!??"
สดายุหัวใจกระตุกวูบ ขณะที่เขากำลังคิดไม่ตกเรื่องบทที่จะต้องเล่น พอเงยหน้าขึ้นก็ต้องตกใจกับสายตาที่จับจ้องตัวเองอยู่ อยากหลบ อยากเบือนหน้าหนี อยากด่าออกไปว่าจ้องทำไม แต่เหมือนร่างกายจะแข็งทื่อ จนต้องปล่อยให้ถูกจ้องอยู่อย่างนั้น
ปล่อยกฤตเมธจับจ้องอยู่อย่างนั้น...'
"เอาล่ะ ไปแต่งตัวได้แล้ว เมธ ยุ เตรียมถ่ายคิวแรกก่อนเลย แดดแบบนี้กำลังดี"
ทั้งกฤตเมธและสดายุต่างก็แอบสะดุ้งวาบไหวเล็กๆ ราวกับถูกดึงขึ้นจากภวังค์ เมื่อผู้กำกับอ๊อดหันกลับมาสั่งให้พวกตนไปเตียมตัว
สดายุใจเต้นระทึก ตกใจตัวเองไม่น้อยที่ยอมปล่อยให้ตัวเองถูกกฤตเมธจับจ้องโดยไม่ตอบโต้ แถมยังไปมองตอบออกไปเสียอีก ไม่เข้าใจตัวเอง เขาไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ มันเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่กันนะ ไอ้ความรู้สึกยากจะคาดเดานี่ มันเกิดขึ้นกับเขาสองคนได้ยังไงกันนะ หรือว่า...จะเป็นเมื่อคืนตอนที่สดายุเมา หรือจะเป็นตอนเช้าที่ได้ทะเลาะกันแบบแปลกๆ หรือว่าตั้งแต่ที่ได้...สบตากันครั้งแรก...
*
*
*
*
*
“สัวัสดีครับ คุณสดายุ...ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ”
“....? อ่า...เชิญครับ”
หลังจากที่แต่งหน้าแต่งตัวเสร็จแล้วสดายุก็หลบมานั่งท่องบทอีกครั้งเพื่อความแม่นยำขณะที่ยังรอให้ทีมงานเซ็ทฉาก ในตอนที่กำลังจะเข้าถึงบทจู่ๆก็มีเสียงเรียกที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น พอหันไปมองก็เจอรุจน์และพอร์ชยืนยิ้มแผล่อยู่หลัง
“ผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะครับ ผมชื่อรุจน์ครับและนี่เพื่อนซี้ผม พอร์ช ผมเล่นเป็นซอ ส่วนพอร์ชเล่นเป็นหมอธเนศครับ”
พอหย่อนก้นนั่งลงข้างกายได้ เด็กใหม่ที่ชื่อว่ารุจน์ก็สาธยายความเป็นมาของตัวเองให้สดายุฟังยาวเหยียด ฝ่ายสดายุเองก็ได้แต่พยักหน้ารับ พร้อมสังเกตุท่าทีของทั้งคู่ไปด้วย
‘รุจน์’ เด็กหนุ่มหน้าตาเกลี้ยงเกลาผมซอยสั้นทรงเกาหลีนิดๆ ผมที่ทำเป็นสีน้ำตาทองยิ่งขับให้หน้าขาวสว่างรับกับปากแดงบางเฉียบนั้นจนทำให้ดูออกไปทางสวยหวานน่ารัก มากกว่าจะหล่อเท่ห์ จนสดายุเผลอคิดไปว่า รูปร่างเล็กบางอย่างเด็กรุจน์ ถ้าเขาเดินไปเจอข้างนอกโดยที่ไม่ได้รู้จักกัน เขาอาจคิดว่าเด็กคนนี้เป็นทอมบอย มากกว่าจะเป็นผู้ชาย แต่ถ้าจะพูดถึงความเข้ากันกับบทของ ‘ซอ’ ที่เจ้าตัวได้รับ ก็ถือได้ว่าเกือบจะใกล้เคียง ‘เด็กยกไฟในกองถ่าย ที่ผิวขาวโบ๊ะ’
‘พอร์ช’ เด็กคนนี้ถ้าสดายุจำไม่ผิด พอร์ช เพิ่งจะได้ที่หนึ่งในรายการแข่งขันร้องเพลงของของรายการปั้นดินให้เป็นดาว ‘เอบีเอฟ’ ด้วยความสามารถเฉพาะตัวและคะแนนโหวตที่ท่วมท้น สดายุไม่แปลกใจเลยสำหรับรางวัลที่หนึ่งที่เด็กพอร์ชได้รับ เพราะขนาดเขาเป็นดาราด้วยกันเขายังเห็นเลยว่าเด็กคนนี้มีประดายเสน่ห์ที่แรงกล้า ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์หรือการวางตัว ทั้งโครงหน้าที่คมสัน ปลายจมูกโด่งเชิด คิ้วเข้ม ดวงตาคมลึก ริมฝีปากหยักรูปกระจับ ผิวสีน้ำผึ้ง รูปร่างสูงโปร่งกำยำ ที่ผ่านการฝึกฝนร่างกายมาอย่างดี แต่ผมรองทรงสูงดูเรียบร้อยที่ไม่เข้ากับความหล่อนั่น สดายุเดาว่าคงเพราะเด็กพอร์ชรับบทเป็นหมอธเนศจึงจำเป็นต้องทำผมทรงใหม่ให้ดูเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือเกินอายุจริงนี่เอง
“ผมติดตามคุณสดายุมานานแล้วครับ ตั้งแต่ผมยังอยู่ ม.ปลาย คุณดังมากเลยนะครับ เก่งมากๆเลยด้วย คุณสดายุเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเข้าวงการบันเทิงเลยนะครับ”
“....อ๋อ...ขอบใจนะ ผมก็เคยเห็นรายการที่พวกคุณแข่งขันเหมือนกัน พวกคุณก็เก่งพอตัวนะ”
เมื่ออีกฝ่ายกล่าวชื่นชม สดายุเองก็ตอบออกไปตามมารยาทด้วย ตอนแรกชายหนุ่มก็ไม่ได้คิดอะไร แต่จากที่ได้เห็น เขาสัมผัสได้ว่า รุจน์ ชื่นชมเขาจากใจจริง เพราะเด็กหนุ่มดูกระดี้กระด้าเป็นพิเศษเมื่อพูดถึงความชอบครั้งวัยเยาว์ และสายตาทอประกายนั่น สดายุดูออกว่าไม่ใช่เรื่องโกหก
“ไอ้พอร์ชเองก็ชอบคุณสดายุมากเหมือนกันครับ แต่มันเป็นคนพูดไม่เก่ง เลยดูหยิ่งๆหน่อยอย่าถือสามันเลยนะครับ ที่จริงแล้วผมกับมันน่ะ กอดคอกันชื่นชมผลงานของคุณสดายุด้วยกันมาตลอดเลยนะครับ”
“หึหึ...ขอบใจ ขอบใจ ผมซาบซึ้งแล้ว ผมเชื่อคุณ เอาเป็นว่าเลิกชมเสียทีเถอะ เดี๋ยวผมก็ลอยไปไหนต่อไหน ไม่เป็นอันถ่ายหนังกันพอดี”
“..................”
สดายุหัวเราะขบขันออกมาไม่น้อย จากที่วางท่านิ่งๆอยู่ตอนแรกเป็นอันต้องหลุดหมด โดยส่วนตัวแล้วสดายุเป็นคนจริงใจและชอบคนที่จริงใจตอบ ในกรณีของรุจน์ก็ถูกใจสดายุอยู่ไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่สดายุจะหัวเราะออกมาง่ายๆกับคนที่เพิ่งรู้จักกัน
เสียงหัวเราะเบาๆนั่นถึงกับทำให้รุจน์และพอร์ชนิ่งอึ้ง
นิ่งเพราะรอยยิ้มหวานบนใบหน้านั้นช่างมีเสน่ห์กระชากใจไม่น้อย...
“...เอ่อ...คุณสดายุครับ...จะมากไปมั้ยครับถ้าพวกผม...จะขอเรียกคุณว่า...พี่ยุ...?” (-//A//-) (-/////-)
รุจน์เอ่ยถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะนี่เป็นการได้เจอไอด้อลที่ตัวเองหลงใหลตัวเป็นๆครั้งแรก แถมไอด้อลคนนี้ของเขานั้นยังยิ้มร่าเริงอีกทั้งยังพูดเล่นใส่เขาอีก ดังนั้นหัวใจลิงโลดของรุจน์จึงไม่อาจห้ามอีกต่อไป พอร์ชเพื่อนรักเองก็เช่นกัน
“ก็เอาสิ เดี๋ยวก็ต้องแสดงร่วมกันอีกทั้งเรื่อง สนิทกันไว้แหละดีแล้ว จากนี้ไปมีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้นะ รุจน์ พอร์ช พี่ยินดีช่วย”
สดายุตอบออกไปอย่างยินดีทันทีที่ได้ยินคำขอร้องกล้าๆกลัวๆ กับท่าทางเกร็งจนแข็งของทั้งคู่ สดายุยินดีอยู่แล้วที่จะรับเด็กสองคนนี้เป็นน้อง เพราะอย่างน้อยๆ เวลาที่เหลืออีกเดือนครึ่งหลังจากนี้ เขาจะได้ไม่ต้องรู้สึกเหงาอยู่คนเดียวอีก
และทันทีที่ตอบตกลงออกไป เด็กทั้งคู่ก็เอาแต่นั่งยิ้มค้างราวกับเพ้อทันที ไม่รู้ว่าเคลิ้มไปถึงไหนแล้ว
“คุณสดายุคะ ฉากพร้อมแล้วค่ะ”
ยังไม่ทันจะได้คุยกันต่อ ทีมงานก็วิ่งมาเรียกให้สดายุไปเข้าฉากเสียก่อน ชายหนุ่มจึงรีบลุกเดินไป ทิ้งสองหนุ่มหน้าใหม่ไว้ในภวังค์เช่นเดิม
“พอร์ช...ใจกูเต้นว่ะ...กูไม่คิดมาก่อนเลย ว่านอกจากพี่ยุจะเท่ห์และโคตรเก่งแล้ว พี่เค้ายังน่ารักขั้นเทพด้วยว่ะ...”
รุจน์เอ่ยกับเพื่อนอย่างเลื่อนลอย ราวกับกำลังฝัน
“เออ...กูก็เพิ่งรู้...”
เพื่อนพอร์ชเองก็เช่นกัน...
*
*
*
*
*
“เอาล่ะ ยุ เดี๋ยวพอพี่สั่งแอ็คชั่น ปึ๊บ ยุเริ่มคุยกับหยก (คนที่แสดงเป็นเจ๊แอนนี่) เลยนะ”
“ส่วนเมธ พอ ยุกับหยก หัวเราะกันปุ๊บ เมธเดินเข้าไปข้างหลัง ยุ ตรงนี้เลยนะ จากนั้นก็ต่อบทกันต่อได้ พอหยกเดินเลี่ยงออกมา พี่จะสั่งคัทนะ”
“ครับ/ค่ะ”
การถ่ายทำดำเนินไปเรื่อยๆ ฉากต่อฉาก โดยไม่มีการหยุดพัก ในการต่อบทแต่ละครั้ง บางทีต้องถ่ายถึงสองหรือสามครั้ง เพื่อให้ได้หลายมุมกล้อง ดังนั้นกว่าที่การถ่ายทำจะดำเนินมาจนถึงซีนสุดท้ายของวัน เวลาก็ล่วงมาจนถึงสองทุ่ม และก่อนที่จะได้ถ่ายฉากสุดท้าย ผู้กำกับอ๊อดได้สั่งพักกองสิบห้านาที เพื่อจัดฉากเพิ่ม สำหรับการถ่ายทำฉากสุดท้ายของวัน‘ฉากตบจูบ’*******************************************************************

อร๊ายยย...ซีนหน้า มีตบจูบด้วย!? อิอิ
แถมยังมีตัวประกอบเพิ่มมาอีกสองหนุ่ม!
แอบสปอลย์ ตอนของสองหนุ่มน้อย...
“จะเป็นยังไงนะ ถ้าเพื่อนซี้ต้องมาเล่นเลิฟซีนแรงๆด้วยกัน
จะเฉยๆ เพลิน ฟิน หรือ เขินจนแทบมองหน้ากันไม่ได้กันนะ”ฮิ้ววววววว....
เก๊ามาแล้วจ๊า อาจไม่ได้ยาวมาก แต่ขอบคุณที่รอนะคะ
เดดไลน์ของการลงซีนที่ 9 ซีนต่อไป คือวันจันทร์ ที่ 21 ตุลาคมนะคะ
(นานหน่อย แต่รอเก๊านะ)
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
จุ๊บๆๆๆๆ

Thearboo / อนาคี99