(เรื่องสั้น) ผมคือ…นางเอก
ซีนที่ 9“เอาล่ะ เมธ ยุ ซีนสุดท้ายของวันนี้แล้วนะ พร้อมยัง?”
เมื่อฉากใหม่ถูกเซ็ตขึ้นเรียบร้อยแล้ว ผู้กำกับอย่างอ๊อด ก็เรียกนักแสดงคนสำคัญที่นั่งกระจัดกระจายอยู่คนละที่เพื่อมาเข้าฉากทันที
“โอเคครับพี่ ผมพร้อมแล้ว”
กฤตเมธตอบกลับออกมาขณะเดินเข้ามาใกล้อ๊อด โดยมีสดายุเดินตามหลังมาห่างๆ กฤตเมธเดินยิ้มน้อยๆดูเป็นมิตรในขณะที่สดายุนั้นหน้าหงิกได้อีก
“เออ ไอ้สองตัวนี่ เล่นด้วยกันมาเป็นเดือนแล้ว มันยังไม่ญาติดีกันอีกเว้ย”
อ๊อดพึมพำเบาๆ เมื่อเห็นสภาพนักแสดง
“เอ้ย ยุ ไหวมั้ยเนี่ย? หน้ายุ่งเชียว”
“เมาค้างนิดหน่อยน่ะครับ แต่ไหวอยู่”
“อ้าวเหรอ? เออ งั้นพร้อมกันแล้วนะ เริ่มเลย เอ้าๆ แสง ไฟ กล้อง พร้อมนะ!!”
พอได้ยินเสียงผู้กำกับ ทีมงานทุกคนก็เข้าประจำที่ของตัวเอง กฤตเมธและสดายุเองก็เดินไปประจำตำแหน่งเดิมที่ถ่ายค้างไว้จากซีนที่แล้ว ในระหว่างที่ตากล้องวิ่งเข้ามาเซ็ตกล้องอีกครั้ง เด็กยกไฟจัดแผงรับแสงใหม่ และช่างแต่งหน้าวิ่งเข้ามาซับเหงื่อและลงแป้งเพิ่มอีกนิดหน่อยให้กับพระนางนั้น กฤตเมธจ้องมองนางเอกของตัวเองที่อยู่ตรงหน้าไม่วางตา อันที่จริงตลอดการถ่ายทำวันนี้ ถ้าได้เผลอเมื่อไหร่ สายตาของเขาก็จะหยุดอยู่ที่สดายุตลอด ทั้งภาพเมื่อคืน และภาพเมื่อตอนเช้ายังคงติดแน่นในความทรงจำ โดยเฉพาะใบหน้าตอนนั้น…
‘…บ้า…’
ยอมรับโดยดีว่ามันประทับใจเขาสุดๆ กฤตเมธคิดอยู่เสมอว่าอายุขนาดนี้แล้ว คงไม่จำเป็นต้องมานั่งหลอกตัวเอง ว่าไม่ใช่หรือไม่มีวัน เพราะหัวใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆนี้ ยังไงเสียก็หลอกไม่ไหวหรอกว่า…
‘เขาแอบชื่นชม คนตรงหน้ามากขึ้นทุกวัน และอาจชอบมากกว่าที่ตัวเขาคิดไปแล้วก็เป็นได้’
“คุณเมธคะ หลับตานิดนึงนะคะ”
“…………..”
เสียงช่างแต่งหน้าเรียกกฤตเมธตื่นจากภวังค์ขึ้นมาได้ ชายหนุ่มก็ขำตัวเองออกมาเล็กๆทันที
‘เป็นเยอะแฮะเรา…’
พอช่างแต่งหน้าจัดการซับหน้าสองนักแสดงเสร็จ ก็รีบวิ่งไปประจำตำแหน่งของตัวเองที่ด้านหลังของผู้กำกับทันที ปล่อยให้สองหนุ่มทำสมาธิอีกเล็กน้อย ระหว่างรอคำสั่งเดินกล้องของอ๊อด
“มีอะไรติดหน้าผมอยู่เหรอ?”
“……………”
กฤตเมธเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยทันทีที่ได้ยินคำถามจากสดายุที่ยืนขมวดคิ้วอยู่ตรงหน้า
‘เผลอมองเยอะไปหน่อย รู้ตัวซะแล้วแฮะ’
“เปล่า…เอ่อ…กำลังคิดว่าคุณหน้าใสดีจัง เลยเผลอมองนานไปหน่อย ขอโทษครับ” ( ^ ^ )
จะให้บอกเหตุผลไปตรงๆว่าที่แอบมองเพราะอะไร ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะพาลเกลียดเขาเสียมากกว่าจะเขิน ดังนั้นเลยขอบ่ายเบี่ยงคำตอบนิดหน่อยให้พอดูสมเหตุสมผล
“’หน้าใส?’…คุณเพี้ยนไปแล้วรึไง?...บ้า…”
สดายุบ่นออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินไปประจำจุดของตัวเอง กฤตเมธถึงกับใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย เขากำลังจะแย่แล้วจริงๆ คำด่าว่า ‘บ้า’ เบาๆที่ปลายประโยคกับใบหน้าที่ก้มหลบสายตากะทันหัน ใบหูแดงๆนั่น…เขาคงไม่ได้คิดไปเองใช่หรือไม่ ว่าสดายุเอง ก็อาจจะ เขินเขาอยู่เหมือนกัน ยิ่งคิดใจของกฤตเมธก็ออกอาการลิงโลด อย่างที่เขาเองก็ไม่เคยเป็นมาก่อน
‘ไหนๆก็อุตส่าห์รับปากว่าจะช่วยดูแลแล้ว…ฉันจะลองเอ็นดูนายมากขึ้นแล้วกันนะ เด็กน้อย…’
“เอ้า พร้อมแล้วนะ….”
แอ็คคคคคชั่น!!
พอสิ้นเสียงสั่งเดินกล้อง สองนักแสดงก็เข้าสู่บทบาทของตัวเองทันที ทิ้งความเป็นตัวเองไว้เบื้องหลัง แล้วสวมบทละครออกมาให้สมบูรณ์ที่สุด
“งั้นก็ขอโทษทีแล้วกัน คราวหน้าฉันจะระวัง”
สดายุในคราบของภุมราถอนหายใจยาวเหยียด หมุนตัวเดินจากไปตามบท ขืนตัวไว้เล็กน้อยเมื่อถูกอีกฝ่ายกระชากตัวกลับไป ‘อึก’ ปะทะร่างหนานั้นเต็มรัก แอบขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะตามบทนั้นแค่ดึงให้หันไปเผชิญหน้า ไม่ใช่เอามาเสียชิดขนาดนี้!
“อะไรกันทนฟังไม่ได้รึไง?”
กฤตเมธกระตุกร่างในอ้อมแขนแรงขึ้น ตามบทบาทของนคินทร์ ที่แสดงอาการหึงหวงในตัวของภุมราออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ทนฟังอะไร?”
“ทนฟังที่ฉันพูดไม่ได้ไงล่ะ”
“ทำไมฉันต้องทนด้วยล่ะ มันก็ไม่เห็นจะมีอะไร ฉันแค่เบื่อจะเถียงกับนายแล้วก็เท่านั้นเอง”
“ทนตัวเองไม่ได้สินะ”
“อะไร ทนตัวเองไม่ได้ อะไร?”
การต่อบทที่ต้องใช้อารมณ์ร่วม โกรธเกรี้ยว หึงหวง น้อยใจ ทั้งสองนักหนุ่มแสดงออกมาได้ดี จนทั้งทีมงานยังต้องอินตามไปด้วย ไม่เว้นแม้แต่นักแสดงหน้าใหม่อย่างรุจน์พอร์ชที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ ก็อดทึ่งไปกับนักแสดงรุ่นพี่มากฝีมือที่ทั้งคู่เฝ้าชื่นชมอยู่ไม่ได้
“แพศยากว่าที่ฉันคิดไว้มากเลยนะ ภุมรา!”
ร่างสูงตะคอกออกไปตามบทบาท จริงจังขึงขังสามารถถ่ายทอดอารมณ์โกรธเกรี้ยวของตัวนคินทร์ออกมาอย่างสมบูรณ์ ฝ่ายสดายุนั้นก็สามารถถ่ายทอดความเจ็บปวดในตัวของภุมราออกมาได้ไม่แพ้กัน ร่างบางจ้องมองคนที่กำลังใช้อารมณ์ข่มเหงตนด้วยสายตาที่แสดงความเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจน สดายุในคราบของภุมราขบริมฝีปากแน่นก่อนจะถอนหายใจแรงๆหนึ่งครั้ง แล้วสะบัดตัวอย่างแรงเพื่อเบี่ยงตัวหลบไปอีกทว่ายังไม่ทันจะพ้นทางก็ถูกมือแกร่งรั้งราวกับกระชากไว้เสียก่อน
‘โอ้ย! แรงไปแล้วนะไอ้บ้า!!’
สดายุแอบเขม่นกฤตเมธในใจเล็กน้อย ทั้งแรงกระชากจนตัวแทบจะปลิว ทั้งแรงปะทะที่เขาไม่รู้ว่าคนตัวโตตรงหน้านี้ไม่รู้สึกสะทกสะท้านบ้างเลยหรืออย่างไร!?
“ปล่อยนะ!!!”
“จะรีบไปไหนล่ะ มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิ!”
“ก็ถ้านายคิดว่าฉันเป็นแบบนั้นแล้ว เราก็ไม่เห็นมีอะไรต้องคุยกันอีกนี่!”
“แต่ฉันมี”
“นายจะมีหรือไม่มีอะไรก็ฉันไม่อยากคุยทั้งนั้น ฉันจะกลับห้องแล้ว ปล่อย!!”
“กลับห้องก็ดี เราได้ไปคุยกันได้ถึงพริกถึงขิงขึ้นไง”
“นคินทร์!!!”
“อะไรกัน ทำเป็นโกรธทั้งที่จริงๆแล้วก็อยากจนเนื้อตัวสั่น ถึงขนาดต้องรีบเรียกคู่ขาให้ถ่อมาหาถึงที่นี่ไง”
‘ผลั๊วะ’
เสียงชัดเจนเต็มสองหูของทีมงานทุกคน โดยเฉพาะตัวของกฤตเมธเองที่ถึงกับมึนไปหลายวินาที เพราะโดนหมัดเน้นๆของสดายุซัดเข้าเต็มเหนี่ยวที่ปลายคาง ตามบทบาทของภุมรา ทว่า ดูจะแรงเกินจริงไปนิด
‘หนอย…ไอ้เด็กบ้า เล่นซะเต็มเหนี่ยวเลยนะ’
กฤตเมธแอบส่งสายตาอาฆาตเล็กๆไปให้สดายุที่ยืนเข้มแสดงตามบทบาทของตนอย่างเต็มที่อยู่ แต่กฤตเมธรู้ดีว่าในสายตาของคนที่แสดงเป็นภุมราตรงหน้านี้ กำลังมีอีกแววตาซ่อนอยู่
‘สมน้ำหน้า…’
‘เจ้าเด็กอวดดี!’
“อื้อ...!!”
ทันทีที่ไดอะล็อกสุดท้ายจบลง กฤตเมธก็หันกลับมาคว้าคอภุมราเข้ามาประกบปากจ๊วบทันที!!!
ผลั่ก!!
ทว่ายังไม่ทันจะได้ทำอะไร ร่างกฤตเมธก็เซวืด ล้มลงไปกองบนพื้นทรายด้วยแรงผลักสุดแรงกล้ามของสดายุเสียก่อน
“ค๊าททททททททท!!! ทำอะไนอีกแล้วว๊ะไอ้ยุ!!!???”
บ่นเป็นหมีแถมย่างสามขุมดุ่มๆเข้าหากฤตเมธและสดายุทันที เป็นอีกครั้งที่อ๊อดแทบจะกระโดดไปงับหัวของนางเอกของเรื่องเสียทีให้หายโมโห ฉากเมื่อครู่กำลังไปได้ดีอยู่แล้วเชียว
“ขอโทษครับ ผมเผลอ…”
สดายุเอ่ยขอโทษผู้กำกับออกไป แต่ไม่ยอมหันมาขอโทษกฤตเมธที่กำลังยืนปัดทรายออกจากตัวโดยช่างแต่งหน้าและคอสตูมช่วยกันจัดการอย่างเร่งรีบ เขาไม่ได้ตั้งใจจะผลักกฤตเมธจนล้มไปอย่างนั้นหรอก แต่เมื่อกี้พอโดนริมฝีปากร้อนของอีกฝ่ายแตะเข้านิดหน่อย สติเขาก็หลุดทันที ยอมรับว่าตกใจไม่น้อย สดายุสมเพชตัวเองเหลือเกิน ที่เผลอตกใจที่จะโดนจูบจนเกินกว่าเหตุ เขาไม่ใช่ไก่อ่อนในเรื่องพวกนี้เสียหน่อย ทำไมถึงต้องสะดุ้งขนาดนั้น…
เมื่อคิดถึงเหตุผลได้สดายุก็ส่ายหน้าพรืด ‘ไม่จริง ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด!!’ ชายหนุ่มพยายามจะไม่คิดถึงเหตุผลของมันอีกแล้ว จะว่าหลอกตัวเองก็ช่าง แต่เขาจะไม่ยอมเผลอไผลไปมากกว่านี้อีกแล้ว เขาจะไม่ยอมรับเด็ดขาดว่า…
‘เขาตื่นเต้นมากกับการโดนคนอย่างกกฤตเมธจูบ!!’
“อย่าหลุดอีกนะยุ พี่อยากถ่ายรวดเดียวให้จบ ตั้งสมาธิใหม่เร็วเลย!!”
สดายุกลับสู่ความจริงทันทีเมื่อโดนอ๊อดคว้าไหล่เอาไว้ แล้วจัดการตักเตือนด้วยเสียงต่ำ เวลาจะดุ ก็ดุได้ใจสำหรับผู้กำกับอ๊อดซึ่งกำลังหัวเสียเพราะดาราที่หมายมั่นปั้นมือดันทำเสียเรื่องในตอนสำคัญทุกที
“เมธเป็นไง โอเคมั้ย?”
ดุสดายุเสร็จก็หันไปถามคนถูกทำร้ายอย่างกฤตเมธเพื่อความชัวร์ว่ายังทำงานต่อได้
“โอเคครับพี่อ๊อด ต่อได้เลยครับ”
“อืม งั้นรอบนี้เทคเดียวผ่านเลยนะ โอเคนะยุ อย่างหลุดอีกนะ”
“ครับ ขอโทษครับ”
เมื่อได้รับคำยืนยัน อ๊อดก็หันหลังเดินกลับไปที่จอมอนิเตอร์เพื่อจะได้เริ่มการถ่ายทำต่อ ปล่อยให้สดายุและกฤตเมธได้อยู่ด้วยกันตามลำพังอีกครั้ง
“อย่าเล่นตัวนักสิ คุณสดายุ ซีนนี้เราต้องจูบกันอีกตั้งสามรอบนะครับ”
เพราะฉากนี้ถือเป็นฉากจูบฉากแรกของภาพยนตร์ ดังนั้น นอกจากจะต้องถ่ายฉากจูบที่เป็นภาพต่อเนื่องจากๆไดอะล็อกยาวอันจริงแล้ว ยังต้องถ่ายเพิ่มอีกสองมุม นั่นคือระยะใกล้เพื่อจะให้ได้ภาพโคลสอัพ ใบหน้าของพระนาง และระยะไกล เพื่อเอาบรรยากาศ จูบครั้งแรกตามอารมณ์ละคร ส่วนอีกสองครั้งนั้น ถ่ายเฉพาะตอนจูบ แค่คิดสดายุก็เครียดจนปวดกระเพาะจี๊ดๆ
‘ทำไมต้องจูบแล้วจูบอีก ไม่จบไม่สิ้นอย่างนี้ด้วยนะ!!’
“ผมแค่ตกใจน่ะ คราวนี้ไม่พลาดแล้ว”
สดายุเอ่ยออกไปทั้งๆที่ไม่ยอมมองหน้าคู่สนทนาที่ตัวเองเพิ่งจะผลักลงไปกลิ้งอยู่เมื่อครู่เลยแม้แต่นิด ฝ่ายกฤตเมธเองถึงจะแอบหมั่นไส้กับกิริยาท่าทางของสดายุอยู่ไม่น้อย แต่พอคิดถึงผลกำไรที่เขาจะได้จากฉากนี้ขึ้นมา ชายหนุ่มก็ยอมหยวนให้คนอวดดีตรงหน้าเล็กน้อย
‘ค่อยเอาคืนตอนแสดงก็ยังไม่สาย’
“จะตกใจไปทำไมครับ ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย”
‘เมื่อคืนยังโดนผมจูบอยู่เลย’ แต่ประโยคหลังนี้กฤตเมธไม่ได้พูดออกไป เพราะเกรงว่าจะให้บรรยากาศการถ่ายทำมาคุขึ้นเสียก่อน
“ไม่เคย! ผมไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น ไม่เคยคิดจะไปจูบกับผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น!!”
สดายุออกอาการฉุนขาด ที่โดนกล่าวหา แต่กฤตเมธนั้นถึงกับเลิกคิ้วหน้าเหวอ เพราะไม่คิดว่าสดายุจะเมาจนจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้เลย ‘จำการลงโทษด้วยรสจูบที่ดูดดื่มของเขาไม่ได้เลย…’
“โอเคครับ ไม่เคยก็ไม่เคย ผมขอโทษนะที่ต้องล่วงเกินคุณอีกแล้ว”
จู่ๆกฤตเมธก็กล่าวขออนุญาต เล่นเอาสดายุไปต่อไม่ถูก ได้แต่พยักหน้าปะหลับปะเหลือกเพราะเริ่มตามมุกของคนแก่ไม่ทัน แม้จะยังแอบฉุนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ถือสาอะไรอีกต่อไป และครู่ต่อมาสัญญาณจากผู้กำกับก็ดังขึ้น
แอ็คคคคคชั่น!!
ในที่สุดเทคที่สองก็เริ่มขึ้น และแน่นอนว่าสองนักแสดงหนุ่มยังคงเล่นออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมไม่มีที่ติเช่นเดิม
‘ผลั๊วะ’
ชัดๆ เน้นๆ ซ้ำแผลเก่าอีกครั้ง ครานี้เล่นเอากฤตเมธ ถึงกับเบ้หน้า รสเค็มปร่าที่ปลายลิ้นสัมผัสได้ คงเป็นรสเลือดของเขาไม่ผิดแน่ ‘เจ็บใจนัก’ แอบโมโหเล็กๆที่อีกฝ่ายไม่ยอมออมมือ แต่พอคิดได้ว่าเขาก็ไม่มีเหตุผลจะต้องยอมออมมือให้กับเด็กอวดดีอย่างสดายุเช่นกันแล้ว แววตาวาโรจน์ของกฤตเมธก็โชนแสงขึ้น!
“อุ๊บ! อื้ออออ!!!”
คราวนี้ไม่มีพลาด กฏตเมธคว้าคอของสดายุขึ้นมาประกบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ทั้งอีกแขนยังล็อคไว้กับเอวบางเพื่อป้องกันการดิ้นรนที่อาจเกิดซ้ำรอยเดิมอีก
“อึ่ก!! อื้อ อื้มม!”
หลังจากถูกประกบริมฝีปากบดเบียดลงมาจนแทบไม่มีช่องให้หายใจแล้ว เอวที่ถูกกอดไว้อย่างแน่นหนา กับหลังคอที่ยังคงถูกตรึงด้วยมือแกร่งทำให้สดายุรู้สึกอึดอัดไม่น้อย ฉากนี้ถ้าเป็นไปตามบทสดายุต้องพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมอกของกฤตเมธให้ถึงที่สุด ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะต้องโอนอ่อนยอมให้ล่วงล้ำก็ตามที
“อื้อ...อื้ม...อ๊ะ!”
ยังไม่ทันจะได้ตั้งสติ เพื่อจะจดจ่อกับบท ริมฝีปากหนาบดขยี้รุนแรงจนลิ้นบางรู้สึกได้ถึงรสชาติของโลหิต
‘กฤตเมธปากแตก!?’
สดายุรู้โดยทันทีว่ารสชาดเค็มปร่าที่ลิ้นรับรสได้อยู่นั้นคือรสเลือด และรู้ดีว่าคงเป็นของกฤตเมธอย่างไม่ต้องสงสัย สองหมัดที่ไม่เบานักของเขา ได้ทำให้กฤตเมธคนนี้เลือดกบปากอีกแล้ว
“อื้อ…อ๊ะ!...อื้อ!!”
เพราะมัวแต่คิดถึงสาเหตุของรสเลือดของกฤตเมธ ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว เพียงเผลอเผยอริมฝีปากเพียงนิด ก็ถูกเรียวลิ้นร้อนของกฤตเมธล่วงล้ำเข้ามาในโพรงปากอย่างคุกคามทันที ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายทำไปตามบท แต่ก็อดขนลุกกับรสสัมผัสที่เปียกลื่นของเรียวลิ้นนั้นไม่ได้ สองมือที่พยายามผลักไสนั้นเริ่มสั่นระริก เรี่ยวแรงราวกับถูกดูดหายไป และที่สำคัญสิ่งที่ทำให้สดายุเจ็บใจไม่น้อย คือความสั่นสะท้านที่มาจากจิตใต้สำนึกของร่างกายเขาจริงๆ ไม่ใช่จากบทภุมรา!!
“อ๊ะ…อื้อ…”
จุ๊บ…จ๊วบ…
เพราะถูกจูบเนิ่นนานเกินไป จนกลืนน้ำลายไม่ทัน ดังนั้น พอถูกเรียวลิ้นของกฤตเมธกวาดต้อนมากครั้งเข้า น้ำลายของสดายุก็เอ่อล้น เสียงดูดดุนบวกกับเสียงน้ำลาย ช่างบาดหูจนอยากจะร้องไห้!
และเมื่อถึงโค้งสุดท้ายของซีนโหดนี้ ริมฝีปากของกฤตเมธที่บดเบียดเร่าร้อนอยู่ในตอนแรกนั้นก็เปลี่ยนไป ปลายลิ้นที่รุกรานจนเจ็บไปทั้งโพรงปากนั้นก็เริ่มผ่อนแรงลง เหลือเพียงการหยอกล้อกับปลายลิ้นแข็งเกร็งของสดายุเท่านั้น ริมฝีปากที่บดกันจนชา ก็เปลี่ยนเป็นขบเม้มเบาๆ ให้ความรู้สึกเว้าวอนและอ่อนหวานมากกว่าจะเป็นการบังคับเหมือนอย่างทีแรก
“อืมมมม…”
นั่นเป็นสัญญาณว่าซีนนี้กำลังจะจบลงแล้ว สดายุเริ่มอ่อนยวบแอ่นเอนทั้งร่างเข้าหากฤตไปตามบท (แต่แอบสั่นจริงเล็กน้อย) สองมือที่ผลักไสก็เริ่มเปลี่ยนเป็นจิกอยู่บนเสื้อเพื่อพยุงร่างกายที่กำลังสั่นสะท้าน ใบหน้าแหงนหงายขึ้นไปรับการปรนเปรอด้วยริมฝีปากและเรียวลิ้นร้อนนั้นอย่างว่าง่าย สมองของสดายุตอนนี้นอกจากจะรอจังหวะที่เสียงไม้ (ในบทที่ซอจะเดินเข้ามาเห็นพอดี) ที่จะดังขึ้นแล้ว ในหัวของชายหนุ่มยังคิดอะไรบางอย่างวนไปวนมาโดยไม่รู้ตัวอยู่อีกอย่างหนึ่งด้วย
‘ไอ้ตาแก่นี่…จูบเก่งชะมัด…’
แกร๊บ!!!
“คัททททททททททททททททท!!! โอเค เยี่ยมมาก!!”
ในจังหวะที่ทีมงานให้สัญญาณเสียง กฤตเมธและสดายุก็ผละริมฝีปากออกจากกันและหันไปทางที่บทกำหนด และทันใดนั้นเสียงคัทจบซีนก็ดังขึ้น
‘จบเสียที!’
สดายุถอนหายใจยาวเกือบจะหมดลม เมื่อสามารถคุมตัวเองให้เล่นจบบทไปได้โดยไม่โดนคัทให้เล่นใหม่ ‘รอดไปอีกหนึ่งฉาก!’
แม้จะรู้ว่าการดีใจตอนนี้มันยังเร็วไป เพราะยังเหลือฉากจูบเพียวๆอีกสองฉากที่ต้องเล่น แต่อีกสองฉากนั้นก็แค่จูบผ่านๆ ไม่นานและหนักเหมือนฉากนี้ ดังนั้นแค่ซีนนี้ผ่าน สดายุก็แทบจะกระโดดแล้ว
แต่ดูท่าทางว่าสดายุจะดีใจเร็วไปหน่อย…
“เอ้า! ต่อซีนจูบกันต่อเลย!!”
‘นั่นไง…ดีใจเร็วเกินไปจริงๆด้วย…’
*
*
*
*
*
หลังจากเลิกกองแล้วทีมงานก็เก็บของเพื่อเคลื่อนย้ายไปเก็บและเตรียมพักผ่อน
“ไงยุ เมธ เล่นดีมากเลยนะ พี่ภูมิใจจริงๆ ฮ่าฮ่า”
อ๊อดเดินเข้ามาหานักแสดง พระนาง อย่างอารมณ์ดีที่สามารถถ่ายทำจบลงไปได้ ผู้กำกับที่โหดเวลาไม่ได้ดั่งใจ แต่เฮฮามากเวลาปกติ…
“เดี๋ยวพี่ให้พักสามวันนะยุ เมธ เตรียมตัวให้ดีล่ะ วันอาทิตย์ พี่จะถ่ายฉากหนักอีกแล้ว ถ้าว่างๆก็ซ้อมคิวกันด้วยล่ะ สามวันนี้พี่จะจัดถ่ายฉากของรุจน์ไอเพอร์ชไปพลางๆ”
สั่งเสียเสร็จสมก็หัวเราะร่าเริงเดินจากไป ทิ้งสดายุและกฤตเมธเอาไว้อย่างนั้น
“ขอโทษนะ”
“……!?”
จู่ๆกฤตเมธก็เอ่ยขอโทษออกมา เล่นเอาสดายุถึงกับเลิกคิ้วสงสัย ‘เพี้ยนอะไรขึ้นอีกแล้วเนี่ย?’
“จูบแรกกับผู้ชายของคุณแท้ๆ แต่กลับไม่ใช่ความทรงจำที่ดี”
พระเอกหนุ่มวัยดึกยิ้มหวานพลางพูดสิ่งที่ทำเอาสดายุแทบทรุด ทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังกระเซ้าเขาเล่น แต่สดายุกลับไม่สามารถอ้าปากโต้เถียงอะไรกลับไปได้เลย รอยยิ้มแบบนั้น สายตาแบบนั้น กำลังจะทำให้เขาพ่ายแพ้!!
“มะ…มันเป็นแค่การแสดง ผมไม่คิดอะไรหรอก…ผ…ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ!!”
อยากจะด่าออกไปเหลือเกินว่า ‘ไอ้บ้า ไอ้แก่โรคจิต อย่ามายั่วโมโหกันนะ!!’ แต่เอาเข้าจริงสดายุกลับทำได้แค่ หลบสายตาที่จ้องมาไม่เลิก แล้วเลี่ยงหนีออกจาตรงหน้ากฤตเมธออกไปอย่างเร็วที่สุดเท่านั้น
“เดี๋ยวสิคุณ โอ้ย!!...”
กฤตเมธกำลังจะเอ่ยปากเรียก แต่พออ้าปากกว้างไปหน่อยแผลตรงมุมปากก็ประท้วงออกมา แต่ก็ได้ผลกับคนที่เขาต้องการจะเรียกร้องความสนใจ เพราะในที่สุดสดายุก็หันกลับมามอง กฤตเมธยิ้มออกมาเล็กๆทันทีที่สดายุหันมาให้ความสนใจ
“หึหึ สงสัยปากผมจะแตกน่ะครับ”
‘อ้าว?’ ยังไม่ทันจะได้อ้อนสดายุก็หมุนตัวเดินลิ่วๆไปโดยไม่หันมาสนใจเขาอีกเลย เห็นดังนั้นกฤตเมธก็ถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
“หึหึหึ ว่าแล้วเชียว เด็กดื้อเอ้ย ไม่เคยยอมกันเลยจริงๆนะเนี่ย”
เห็นแบบนั้นกฤตเมธก็ไม่ตามตอแยอีก แค่เย้าแหย่ตอนเข้าฉากด้วยในแต่ละครั้งก็เยอะพอแล้ว เอาง่ายๆ ก็อยากแหย่เล่น แต่ก็ไม่ได้อยากโดนเกลียดไปมากกว่าที่เป็นอยู่
“อ่ะ นี่”
“…..??”
กำลังเดินรับลมทะเลอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีเสียงคุ้นเคยเอ่ยเรียกจากด้านหลัง
“ปากแตกไม่ใช่เหรอ? ถ้าไม่ทายา เดี๋ยวมันจะบวมเอานะ…”
“…สดายุ?...”
ไม่ใช่แค่งง แต่คราวนี้กฤตเมธถึงกับเบิ่งตาโต ไม่คิดไม่ฝันว่าเด็กที่ไม่เคยสนใจใครอย่างสดายุ เด็กอวดดีที่ไม่เคยเห็นหัวเขาเลยอย่างสดายุ…เด็กคนนั้น จะกำลังยื่นยาทาแก้ช้ำให้เขาอยู่ และตอนนี้…สดายุคนนั้นก็กำลังเปิดฝากระปุกยาอยู่ด้วย…
“….!!??”
แปะ…
หน้าของกฤตเมธ ยิ่งเหวอเกือบถึงขั้นเอ๋อ เมื่อปลายนิ้วเรียวของสดายุนั้นป้ายเนื้อยาสีขาวขึ้นมาป้ายแผลที่มุมปากของเขาอย่างไม่รอให้กฤตเมธได้ตั้งสติรับมือ
“อย่าเข้าใจผิดล่ะ ผมแค่รู้สึกผิดกับทีมงานนิดหน่อยที่เป็นต้นเหตุให้คุณปากแตก จนอาจเสียโฉมจนถ่ายทำไม่ได้…แล้วก็…”
“…………”
“แค่อยากตอบแทนที่คุณเคยช่วยดูแลผม…เมื่อคืน…”
ยิ่งพูดใบหน้าเรียบเฉยของสดายุก็ยิ่งขึ้นสีแดงเห่อ ดวงตาที่เคยจดจ้องมาที่กฤตเมธนั้นก็ค่อยๆหลุบลงต่ำ เมื่อเห็นว่ากฤตเมธยังคงเงียบนิ่งและเอาแต่จ้องมองมาไม่วางตา สดายุก็ไม่สามารถรักษามาดนิ่งๆของตน ในที่สุดก็รีบเอายายื่นไปให้กฤตเมธ แล้วตัวเองก็เผ่นหนีจากไป
“สดายุ!!”
จังหวะสุดท้าย ก่อนที่สดายุจะเดินไกลออกไปนั้น กฤตเมธก็ตะโกนเรียกออกไปเมื่อเขาเริ่มตั้งสติได้
สดายุนั้นหยุดชะงักแต่ก็ไม่ได้หันกลับมาเผชิญหน้ากับกฤตเมธแต่อย่างใด เพราะตอนนี้หัวใจของสดายุนั้นเต้นแรงจนจะเป็นลมอยู่แล้ว และทั้งๆที่อยากจะรีบเดินหนีไปให้พ้นๆ อีกฝ่ายกลับตะโกนเรียกเขาไว้เสียอีก และที่เจ็บใจกว่านั้น คือเขาเองก็ดันหยุดตามคำเรียกนั่นเสียด้วย!!
และในจังหวะที่ตั้งใจจะเดินหน้าต่อไปนั้น จู่ๆกฤตเมธก็พูดในสิ่งที่แทบจะทำให้สดายุล้มทั้งยืนขึ้นมา…“ผมดีใจนะ…ที่เป็นผู้ชายคนแรก…ที่ได้…จูบคุณ…”*****************************************************************************
กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!! มาไม่ทันวันที่ 23!! มาไม่ทันวันพุธ!!!
ขอโทษที่ให้รอตั้งนานนะคะ ฮ่าฮ่าฮ่า
สารภาพตรงๆว่าวันนี้…เผลอหลับแบบทิ้งตัว หลับทั้งวันเลยค่ะ ฮิ้ววว!!

ต้องขอโทษล่วงหน้าอีกแล้วที่อาจต้องหายหัวไปปั่นงานอื่นส่งก่อนนะคะ
แล้วถ้าพอมีเวลาจะรีบมาลงต่อนะคะ
(อาจเป็นวันจันทร์หน้านะคะ)
นานหน่อยแต่รอกันนิดนะคะ

ขอโทษจริงๆค่ะ
Thearboo / อนาคี99