(เรื่องสั้น) ผมคือ…นางเอก
ซีนที่ 10 (ครึ่งแรก)เช้าวันพฤหัสบดีที่แสนสงบเงียบของสดายุ พระเอกหนุ่มหน้ามนซึ่งตอนนี้กำลังรับบทเป็นนางเอกภาพยนตร์รักร่วมเพศของค่ายหนังยักษ์ใหญ่ที่อยากจะเปิดตลาดหนังแนวใหม่กับค่านิยมที่กำลังมาแรงอยู่ในปัจจุบัน
วันหยุดที่ได้รับมาเพราะผู้กำกับใจดีให้ได้พัก เพื่อทำความเข้าใจกับบทและฝึกซ้อมให้เต็มที่ ทว่าพอคิดได้ว่าจะต้องแสดงบทอะไร ใจคอก็ห่อเหี่ยวไปหมด อารมณ์อาเริมหดหายสลายเกลี้ยง จนพาลให้ไม่อยากกระดิกตัวไปท่องบทอะไรนั่นเลยแม้แต่นิด
"เบื่อจัง..."
ตื่นสายนอนก่ายหน้าผาก กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงอยู่ค่อนเช้า ในที่สุดสดายุก็ตัดสินใจอะไรบางอย่างขึ้นได้ตอนเกือบสิบเอ็ดโมงเช้า ชายหนุ่มจึงได้ฤกษ์ลุกจากเตียงนุ่มเข้าไปอาบน้ำอาบท่าเพื่อเตรียมตะเวนเที่ยวรอบเมืองเสียหน่อย ช่วงเดือนนี้เกือบทั้งเดือน ทีมงานพักที่เกาะมาเลเมืองหลวงของมัลดีฟส์ เกาะที่มีแต่ตึกรามบ้านช่องอัดแน่นอยู่บนเกาะเล็กนิดเดียว นานๆครั้งถึงจะได้นั่งเรือออกไปที่รีสอร์ทบนเกาะข้างๆกัน ไม่เหมือนช่วงแรกที่มา เพราะได้เก็บบรรยากาศบนเกาะเล็กเกาะน้อยสวยงามเต็มไปหมด
หากการเที่ยวเมืองก็คงไม่น่าเบื่อเท่าไหร่ ได้ดูของซื้อของขาย ได้หาอะไรทานอร่อยๆ วันนี้สดายุตั้งใจจะเลิกไดเอ็ทหนึ่งวัน เพราะรู้สึกว่าแค่เดือนกว่าๆที่ผ่านมาน้ำหนักเขาหายไปเกือบจะยี่สิบกิโลอยู่แล้ว กล้ามเนื้อลีบฝ่อ แขนขาเรียวเล็ก หน้าท้องที่เคยมีกล้ามน้อยๆ ก็เหลือเพียงเนื้อหนังหยุ่นๆแบนราบ เอวสอบก็แบบบาง จนราวจะหักสองท่อนได้ เนื่องจากเอวที่บางเล็กเลยทำให้ช่วงก้นดูเด่นขึ้นมานิดหน่อย พอหันข้างให้กระจกก็จะเห็นเอวที่คอดจนสะโพกงอนเช้ง
'ปิดกล้องหนังเรื่องนี้ได้ เขาคงต้องรีบเพิ่มน้ำหนักด่วน รู้สึกก้นที่ใหญ่เกินตัวเริ่มจะเป็นปัญหาสำหรับชีวิตเสียแล้ว'
"อาห์...อากาศดีจัง..."
ในเมืองเล็กๆที่คับคั่งไปด้วยผู้คนเรือนแสน และอัดแน่นไปด้วยสาธรณูปโภค บริโภคมากมาย เรียกได้ว่าคุณภาพคับแก้ว สดายุเดินเอ้อระเหยไปตามถนนสายเล็กๆที่มีร้านรวงริมทางดาษดื่น
"หืม...ปูอย่างสดอ่ะ น่ากินชะมัด"
"โว้ว...กุ้งไข่ด้วยวุ้ย..."
ร้านอาหารทะเลสดที่ตั้งเรียงรายพร้อมเสริฟนั้นเรียกน้ำลายให้สอได้ไม่น้อย แต่ร้านข้างๆที่เป็นอาหารประจำถิ่นหน้าตาแปลกหูแปลกตาก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย มาอยู่ที่มัลดีฟส์นี้ได้เกือบสองเดือน ได้กินอาหารท้องถิ่นอยู่ก็หลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่ก็อาศัยอาหารจากบ้านเกิดที่ทีมงานช่วยกันพกมาในการประทังชีพเสียมากกว่า เพราะอย่างน้อยก็รู้สึกคุ้นเคย ทานง่าย คล่องคอ
ร่างสูงโปร่งของพระเอกหนุ่มดูโดดเด่นไม่น้อยเมื่ออยู่ท่ามกลางชาวพื้นเมือง เพราะผิวที่ขาวราวกับจะเรืองแสงได้นั้นช่างตัดกันอย่างสิ้นเชิงกับผิวสีน้ำผึ้งไหม้ของเหล่าชาวมัลดีฟส์ไม่น้อย แม่ค้าสาวๆหลายคนถึงกับมองไปยิ้มไป ไม่เว้นแม้แต่พ่อค้าหรือชายหนุ่มท้องถิ่นที่เดินผ่านไปมา เพราะต่างก็แอบชำเลืองมองความขาวโอโม่นี้อย่างอดไม่ได้ และหนึ่งในสายตาที่จ้องมองมาเหล่านั้นกำลังย่างกรายเข้ามาใกล้สดายุช้าๆ
"ยังตัดสินใจไม่ถูกเหรอครับ ว่าจะทานอะไร?"
"........!? คุณกฤตเมธ?"
เสียงที่คุ้นหูเกินกว่าจะมาอยู่ในตลาดต่างแดน ทำเอาสดายุต้องรีบหันไปมองทันที และพอได้เห็นว่าคนที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลังเป็นใคร ชายหนุ่มก็ต้องขมวดคิ้วสงสัย 'มาไงเนี่ย?'
"มาเดินเล่นเหมือนกันเหรอคุณ กินอะไรมาหรือยังล่ะ?"
กฤตเมธถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี วันนี้ชายหนุ่มได้หยุดพักเช่นเดียวกับสดายุ ดังนั้นเขาจึงออกมาเตร็ดเตร่ ดูนู่นดูนี่ จนท้องเริ่มหิวเลยเข้ามาหาอะไรทานแถวตลาด ไม่นึกว่าจะได้เจอคนที่ไม่คาดคิด
"...ยังครับ..."
"ดีเลยงั้นหาอะไรทานด้วยกันก่อนมั้ย? จะเที่ยงแล้ว"
กฤตเมธเอ่ยชวนอย่างเป็นมิตร หากแต่ดูท่าทางสดายุจะไม่ค่อยยินยอมเท่าไหร่
"ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่หิว คุณหาอะไรทานไปก่อนเถอะ ผมขอตัว"
พูดพลางก็หันหลังเดินเลี่ยงไปอีกทางโดยไม่สนใจว่าอีกคนจะคุยต่อหรือเปล่า แต่มีหรือที่กฤตเมธจะปล่อยคนเล่นตัวจัดหลุดมือไปได้ง่ายๆ ชายหนุ่มเดินเข้าไปขวางร่างสดายุไว้เล็กน้อย ก่อนส่งยิ้มกรุ้มกริ่มใส่เบาๆ
“อย่าหลอกผมเลยคุณสดายุ ผมเห็นคุณจ้องกุ้งจ้องปูน้ำลายสอ หิวใช่มั้ยล่ะ ไปหาอะไรกินกันเถอะ ผมรู้จักร้านอร่อยๆด้วยนะ”
“เอ้ยคุณ? เดี๋ยว!?...”
ไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว กฤตเมธก็ถือวิสาสะจูงข้อมือบางของสดายุเดินลิ่วๆไปเสียแล้ว อยากขืนตัวเอาไว้ แต่เรี่ยวแรงมันต่างกันเกินไปสุดท้ายเลยต้องจำใจเดินตามไปอย่างเสียไม่ได้ ‘แล้วทำไมต้องจับมือถือแขนด้วยเนี่ย!!?’
“ร้านนี้แหละ อาหารเขาอร่อยดี ผมมาทานบ่อยๆ”
“…………”
‘มืดจัง คุณพาผมมาที่ไหนกันแน่เนี่ยคุณกฤตเมธ!?’
“คุณสดายุ?”
“……….”
‘ก็ได้ยินแล้วนี่ไง จะเรียกทำไมกันนักกันหนาครับ'
“คุณสดายุ!!!!?”
‘อย่า…มาตะโกน…ใส่…ผม…นะ…………’
เสียงสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่ทุกอย่างจะขาดหายไปจากมโนสำนึกทั้งปวง
แค่เพียงครู่เดียวเท่านั้น…
ในความรู้สึกของสดายุมันไม่น่าเกินเสี้ยวนาทีที่เขาวูบไป แค่วูบ ทำไมภาพตรงหน้าถึงเปลี่ยนไปล่ะ? เมื่อกี้เขายังเดินตามหลังกฤตเมธอยู่นี่? แล้วนี่…เขาอยู่ที่ไหน ร่ม? หลังคา? หืม? ที่หนุนอยู่นี่หมอนเหรอ? อา…เย็นจัง…?
“รู้สึกตัวแล้วเหรอคุณ?”
“………..??”
เสียงคุ้นหูเหลือเกินแต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร สมองยังคงมึนเบลอ แต่เพียงครู่ที่ถูกผ้าเย็นเช็ดที่หน้าให้อีกครั้ง ความหยั่งรู้รูป รส กลิ่น เสียง ทุกอย่างก็กลับเข้าที่เข้าทาง สองตาของสดายุเบิกโพลงขึ้นทันที
“คุณ…คุณกฤตเมธ!!?”
“เฮ้อ…โล่งอก ฟื้นเสียที เกือบพาไปโรงพยาบาลแล้วนะเนี่ย เอ้าๆ อย่าเพิ่งพรวดพราดลุกขึ้นสิคุณ!”
“อ๊ะ!?”
ยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นให้ดี ทั้งร่างของสดายุก็ถูกกดให้ลงไปนอนแบพาดศีรษะอยู่บนตักอุ่นนั่นอีกครั้ง ‘ตักของกฤตเมธ’
“ผมเป็นอะไรไป? วูบเหรอ?”
สดายุถามไถ่ขึ้นด้วยความสงสัย เพราะดูท่าทางแล้วเขาคงเป็นหนักกว่าที่คิดเล็กน้อย
“คุณเป็นลมครับ สลบไปเกือบสิบห้านาทีเห็นจะได้ ผมเลยพาคุณมาปฐมพยาบาลที่คาเฟ่กลางแจ้งนี่ก่อนเพราะมันใกล้ที่สุด กะว่าถ้าอีกสักสิบนาทีคุณยังไม่ฟื้น ผมจะพาคุณไปให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลอยู่แล้ว โชคดีว่าคุณฟื้นขึ้นมาเสียก่อน”
คำอธิบายยาวเหยียดของกฤตเมธทำเอาสดายุต้องขมวดคิ้วใคร่ครวญตัวเอง ว่าทำไมช่วงนี้เขาถึงอ่อนแอนัก
“คุณลดน้ำหนักเร็วไป”
“เอ๊ะ?........”
‘หมอนี่รู้ได้ยังไงว่าเราคิดอะไรอยู่?’
“ที่คุณเป็นลมเนี่ย เพราะคุณขาดสารอาหาร คุณลดน้ำหนักเร็วไป ผมรู้ว่าคุณจริงจังกับบทบาทและการแสดง แต่อะไรที่มากไปมันก็ไม่ดีนะคุณ”
“ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นถึงขนาดนี้นะ มันเป็นของมันเอง…”
“อยู่ในกองคุณก็ไม่กินข้าว อยู่คนเดียวคุณก็กินแต่เหล้า มันถึงได้ลดฮวบฮาบแบบนี้ไง ดูสิแขนคุณไม่เหลือกล้ามเนื้อแล้ว เรียวเล็กเป็นผู้หญิงเชียว”
อธิบายพลางถือวิสาสะจับต้นแขนผอมบางของร่างที่นอนอยู่บนตักเพื่อเป็นหลักฐานประกอบคำพูด แต่คนไม่ชอบให้ใครแตะเนื้อต้องตัวอย่างสดายุมีหรือจะยอมให้สัมผัสกันง่ายๆ ชายหนุ่มรีบสะบัดแขนหนีแล้วลุกขึ้นนั่งถอยห่างคนมือไวเป็นปลาหมึกทันที
“เรื่องของผมน่า เดี๋ยวเล่นเรื่องนี้จบผมก็ไปเพิ่มน้ำหนักเองแหละ”
ใบหน้าเครียดขึงของคนที่เพิ่งสะบัดตัวจากร่างไม่ได้ทำให้กฤตเมธรู้สึกหงุดหงิดแต่อย่างใด กลับยิ่งมองว่าน่ารักนาแกล้งเสียมากกว่า
เมื่อครู่ที่จู่ๆสดายุก็ล้มลงไปเขาเองก็ตกใจไม่น้อย ดีว่ารีบเข้าไปรับร่างไร้สตินั่นไว้ทัน ไม่อย่างนั้นคงได้ส่งโรงพยาบาลจริงๆเพราะอาจหัวน็อคพื้นหรือ แขนขาหักเลยก็เป็นได้ บอบบางเสียขนาดนั้น บอบบางขนาดที่ว่าตอนที่เขาช้อนตัวอุ้มขึ้นมานึกว่าอุ้มผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ ทั้งตัวบาง ทั้งตัวเบา จนแทบไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าคนคนนี้คือพระเอกดาวรุ่งที่เคยโชว์ซิกแพ็คลงนิตยาสารแฟชั่นชื่อดังมาก่อน ต่างกันมากมายจริงๆ
คิดถึงรูปร่างผอมเพรียวเกินกว่าเหตุนั่นแล้ว กฤตเมธก็ได้แต่ถอนหายใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เขารู้สึกห่วงใยเด็กดื้อคนนี้ได้ถึงขนาดนี้
“กว่าหนังเรื่องนี้จะถ่ายทำจบ คุณจะเหลือตัวเท่าไหนเนี่ย?”
“ก็บอกว่าเรื่องของผมไง!! เอาเป็นว่าขอบคุณที่คุณอุตส่าห์สละเวลามาช่วยผมก็แล้วกัน ผมขอตัวก่อน”
จบคำลาก็แทบถลาออกไปจากร้าน ทิ้งคนที่เพิ่งจะพยาบาลตัวเองเสร็จไว้เบื้องหลังพร้อมกับคำว่า ‘เดี๋ยว…รอด้วย’
สามชั่วโมงผ่านไป…
หนุ่มผิวขาวสองคนเดินเล่นเรื่อยเปื่อยกันอยู่แถวตลาด ร่างหนึ่งสูงระหง เอวบางร่างน้อย แต่ก็ดูเท่ห์ไม่หยอกกับการแต่งกายที่มีเพียงเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนต์ฟอกขาเดฟแว่นตาดำที่ใส่ปิดบังหน้าตาบางส่วนนั้นไม่สามารถบดบังออร่าความหล่อเท่ห์ของคนที่เดินกินนักเกตไก่ถุงใหญ่นี้ได้เลย
ส่วนอีกคนนี้สาวๆต้องมองกันเป็นตาเดียวชายหนุ่มรูปร่างกำยำงดงามตัวสูงใหญ่ราวนายแบบ เสื้อเชิ๊ตสีกรมท่าเข้ากับกางเกงเดฟสีดำยิ่งขับให้ดูเคร่งขรึม แม้สองมือจะหิ้วถือถุงสินค้าพะรุงพะรังเลยก็ตาม
“ป้อนผมหน่อยสิคุณ ผมก็หิวแล้วเหมือนกันนะ”
เสียงทุ้มเอ่ยปากขอเมื่อเห็นว่าสดายุกินนักเกตไก่ที่ซื้อมาจากแผงลอยริมทางด้วยความเอร็ดอร่อย
ตั้งแต่ตอนที่สดายุเป็นลมจนกระทั่งตอนนี้จะสามโมงเย็นอยู่แล้วนั้น เขายังไม่ได้พักทานอาหารเลย เพราะมัวแต่เดินตามคนช่างช็อปต้อยๆ ทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่ปรารถนา แต่พอเขาเสนอตัวว่าจะเป็นคนรับใช้คอยตามถือของให้ในที่สุดสดายุก็ยินยอม และราวกับไปกดโดนสวิชต์อะไรบางอย่างของอีกฝ่ายเข้า สดายุถึงได้ช็อปแหลกแบบไม่เกรงใจคนถือของ จนสุดท้ายเลยต้องเดินหิ้วเต็มสองไม้สองมือแถมท้องยังร้องโครกครากอยู่อย่างนี้
‘แกล้งกันได้แกล้งกันดีนะตัวแสบ ฝากไว้ก่อนเลย!’
“ป้อนผมคำนะ ผมหิวจนหน้าจะมืดอยู่แล้ว”
“กินเองสิ”
ขำขอร้องถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิงอีกครั้ง แต่นั่นไม่ได้ทำให้คนอย่างกฤตเมธยอมแพ้
“ผมหิ้วของเต็มสองมือแบบนี้จะไปมีมือหยิบมั้ยครับ นะผมขอคำนึง นะครับ”
“...........”
และดูเหมือนคำอ้อนโดยการใส่เสียงเว้าวอนเข้าไปด้วยตอนนี้จะได้ผล เพราะในที่สุดอีกฝ่ายก็หันมามองเขาอย่างลังเล ในขณะที่ในมือกำลังถือนักเกตไก่แสนอร่อยอยู่หนึ่งชิ้น
“เอาชิ้นนั้นก็ได้ ในมือคุณน่ะ”
ส่วนฝ่ายสดายุที่ตามไม่ทันมุกของคนแก่นั้นก็ได้แต่แอบคิดในใจว่าตัวเองใจร้ายไปหรือเปล่า ที่ใช้แรงงานคนเฒ่าแล้วไม่ยอมให้อาหารเลยแบบนี้ ทั้งๆที่ก็อยากจะปล่อยทิ้งไว้เฉยๆเหมือนกัน แต่ก็อดสงสารคนที่อุตส่าห์หิ้วของให้จนเหงื่อแตกไม่ได้ ไหนๆอีกฝ่ายก็อุตส่าห์มีน้ำใจให้ สดายุเองก็ไม่อยากติดค้าง สุดท้ายจึงกลั้นใจหยิบนักเกตไก่ชิ้นพอดีคำส่งให้กฤตเมธถึงปากอย่างหมดทางเลือก
อ้ำ
“...........!!??”
สดายุสตั้นไป 30 วิฯ เมื่อจู่ๆ มือที่อ้างว่าถือของหนักก็เอื้อมขึ้นมาคว้ามือที่กำลังจะป้อนนักเกตไก่ของเขาไว้แน่น ก่อนจะส่งเข้าไปในปากทั้งไก่ทั้งนิ้ว!!
“ขอบคุณครับ...อร่อยมากเลย”
เพียงครู่ก็ถูกปล่อยมือ แต่สัมผัสจากปลายลิ้นนุ่มลื่นที่สัมผัสปลายนิ้ว ราวกับโดนดูดดังจุ๊บเล็กๆ ทำเอาสดายุได้แต่เบิกตาโพลงเป็นไข่ห่าน
แถมยังใจเต้นโครมครามอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่พอจะอ้าปากด่าอะไรสักอย่าง กฤตเมธก็เดินยิ้มร่านำหน้าไปก่อนเสียแล้ว
“ไอ้แก่บ้านี่!! อี๋ ต้องฆ่าเชื้อมั้ยเนี่ย!!”
แม้จะบ่นก่นด่าคนตรงหน้ายังไงแต่ก็ไม่สามารถปิดบังใบหน้าเห่อแดงนี้จากสายตาของกฤตเมธที่กำลังจ้องมองมาได้เลยแม้แต่นิดเดียว หากแต่เพราะสดายุไม่ทันได้รู้ตัว ขณะกำลังบ่นไปเช็ดนิ้วกับชายเสื้อไป ก้มหน้างุดๆซ่อนความอายตัวเองไปอยู่นั้น ก็เดินมาชนกับร่างสูงใหญ่ที่หยุดรออยู่ตรงหน้าพอดี
และก่อนที่สดายุจะได้ทันตั้งตัว กฤตเมธก็ก้มลงมากระซิบจนเกือบจะติดกับข้างหูด้วยเสียงอันทรงเสน่ห์ร้ายเสียก่อน“รีบฆ่าเชื้อก็ดีนะครับ…เดี๋ยวพิษคนแก่ จะซึมเข้ากระแสเลือดเสียก่อน…เข้าไปแล้วอาจรักษาไม่ได้เสียด้วยสิ”***********************************************************
ด้วยว่างานยิกๆ ก็ยังไม่เสร็จสมอารมณ์หมาย (แต่กำลังจะได้กันในคืนนี้แหละ)
ดังนั้นจึงไม่สามารถมาเต็มตอนได้ค่ะ…ฮือๆๆๆ
เอาเป็นว่าขอติดอีกครึ่งนึงไปลงพรุ่งนี้ค่ำๆมืดๆนะคะ
น่าจะต้องเลื่อนเป็นวันอังคารแทนนะคะ...งานยิกท่าจะไปจบพรุ่งนี้ค่ะ มันเหลือติ่งน้อยอยู่ติ่ง แต่ถ้ามาทันจะมาให้ได้นะคะ

ขอไปปั่นงานยิกต่อก่อนค่ะ
ขออภัยในความผิดหวังซ้ำซ้อนเจ้าค่ะ
(โขกหัวกับพื้นเป็นการขออภัยสามครั้ง…โป๊กๆๆ เลือดอาบ!!)
สปอลย์ :
ครึ่งหลัง กฤตเมธเขาสามารถชวนสดายุซ้อมคิวหวือหวาได้ด้วยแหละค่ะ!!
น้องยุเราจะทำยังไงดีคะ เมื่อเริ่มรู้ตัวเข้าแล้วว่ากำลังโดนคนแก่จ้องงาบ!!
ส่วนกฤตเมธจะทำยังไงดีคะ เมื่อเด็กที่จ้องจะงาบ ดันมารู้ทันแผนแล้วทำท่าจะชิ่ง…
งานนี้มีล่าเหยื่อกันเกิดขึ้นแล้วล่ะค่ะ‘ศึกระหว่างแกะหนุ่มสุดเกรียนกับหมาป่าเฒ่าเจ้าเล่ห์กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า!!’Thearboo / อนาคี99