(เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก
ซีน 11 (ครึ่งหลัง)"Hi, I'm James. Let me help you..."จากที่มั่นใจแน่นอนว่าคนตรงหน้าคือสดายุนั้น ความจริงกลับเป็นหนุ่มล่ำหน้าตาออกทางยุโรปแต่ผมดำ ส่วนสูงไม่ต่างจากฤตเมธมาก การแต่งกายของคนที่เรียกตัวเองว่าเจมส์ดูสบายๆติดไปทางล่อแหลม กางเกงเลผูกต่ำคล้ายจะหลุดได้ง่ายๆลงไปเสื้อกล้ามตัวบางคว้านลึกไม่ได้ช่วยปกปิดอะไรมากมายนักคาดเดาได้อย่างง่ายดายว่าคงเป็นพวกนักท่องเที่ยว เพราะมัลดีฟส์เป็นเมืองที่ค่อนข้างเคร่งครัดทางศาสนา คนพื้นเพไม่มีทางทำตัวแบบนี้เป็นแน่ และในฐานะของผู้ชายด้วยกันการแต่งกายแบบนี้มันอาจไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ผู้ชายที่แต่งตัวแบบพร้อมจะหลุดได้ทุกเมื่อ มายืนแอ่นยั่วอยู่ตรงหน้าประตูห้อง แถมดูเหมือนจะรู้จักชื่อเขาดีแบบนี้ด้วยแล้ว ท่าทางคงไม่ใช่แค่มาทำความรู้จักสินะ
"What do you want?"
"…You…"
*
*
*
*
*
*
*
"ฮ้าห์...อากาศดีจังเลย..."
สดายุเดินเฉิดฉายออกมาจากที่พักอย่างอารมณ์ดี ป่านนี้คนที่รออยู่ในห้อง คงได้เพลิดเพลินกับเด็กที่เข้าอุตส่าห์อดตาหลับขับตานอนหามาทั้งคืนเรียบร้อยไปแล้ว เสียดายที่หามาได้แค่คนเดียว ในเมืองที่เคร่งครัดนี้เขาต้องเสาะหาคนต่างถิ่นที่รับจ๊อบขณะมาเที่ยวเล่น และบังเอิญไปเจอกับโพสต์แนะนำตัวอันหนึ่งของเจมส์เข้า 'ถ้าเหงาที่มัลดีฟส์...ติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง ค่าบริการแล้วแต่ความพึงพอใจของสองเรา (หรือมากกว่านั้น)' โชคดีจริงๆที่เจ้าตัวกำลังว่าง และยอมรับข้อเสนอของเขา
'ห้ามข่มขืน แต่ถ้าเจ้าตัวสมยอมก็แล้วแต่สถานการณ์'
'ขอแค่ให้มอมเหล้า กับถ่ายรูปแบล็คเมล์เท่านั้น เสร็จงานกลับได้เลย แล้วส่งรูปทางอีเมล'
นึกถึงเรื่องที่ตัดสินใจทำแล้วสดายุก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย
'แรงไปหรือเปล่า?' 'หนักไปหรือเปล่า?' คำถามนี้วนไปวนมาอยู่ในหัวตลอดตั้งแต่ตกลงว่าจ้างเจมส์ด้วยความโกรธจนหน้ามืดเสร็จสรรพ ใจหนึ่งก็สงสารที่คนแก่จะโดนกระทำ แต่พอนึกถึงหลายๆเรื่องที่โดนกฤตเมธแกล้งเล่นสารพัดแล้ว ก็รู้สึกสาสมหากพระเอกอวดดีคนนั้นจะโดนดีเสียบ้าง และเขาเองก็ไม่ได้ให้เจมส์ทำอะไรเกินเลยเสียหน่อย เขาอุตส่าห์ให้เจมส์ไปเป็นเพื่อนคุยเพื่อนดื่มเหล้าสนุกๆ แถมอาจมีบริการเสริมที่น่าจะถูกใจ แลกกับรูปถ่ายใบสองใบ คงไม่น่าจะเป็นอะไรมากนักหรอก
"เอาวะ!"
คิดมาถึงตรงนี้สดายุก็ได้แต่ถอนหายใจ จากนั้นก็ปล่อยให้เวลาเดินผ่านร่างของเขาไปช้าๆ และทิ้งความรู้สึกผิดให้นอนแน่นิ่งอยู่ตรงก้นบึ้งของหัวใจอยู่อย่างนั้น
*
*
*
*
*
จากเช้าหลั่นมาสายเลื่อนมาเป็นบ่ายแก่ ที่สดายุได้แต่นั่งแช่อยู่ในร้านกาแฟหรูริมหาด ชายหนุ่มคิดเข้าข้างตัวเองว่านี่คือส่วนดีอีกอย่างของเขาหลังจากออกจากวงการมาระยะหนึ่ง ปกติเขาเป็นคนไม่ชอบรอ ไม่ชอบอยู่เฉย แต่พอถูกเลิกจ้างถูกเฉดหัวออกมาจากการเป็นลูกรัก เพราะนอกจากจะทำตัวเหลวแหลกแล้วยังไม่ยอมแลกตัวกับเสี่ยๆบางคนที่จ้องงาบไม่เลิกด้วย พอถูกตัดหางอย่างสิ้นเชิงเขาก็ต้องมานั่งกินบุญเก่า รับงานอีเว้นท์บ้าง ออกบู้ทบ้าง รับแต่งานโชว์ตัวราคาถูกที่ไม่ต้องออกสื่อออกทีวี จากที่เคยเร่งรีบก็ถดถอย จากที่รอไม่ได้ก็รอกันจนเบื่อ ดังนั้นตอนนี้เขาชินเหลือเกินกับการนั่งนิ่งๆ เพื่อฆ่าเวลาเรื่อยเปื่อยแบบนี้ กลายเป็นคนใจเย็นเป็นน้ำแข็งลนไฟขึ้นเยอะ...
"บ่ายสามโมงแล้วเหรอ?...เฮ้อ...ไปไหนต่อดีนะเรา"
ด้วยว่านั่งมาหลายชั่วโมง ท่องบทจบไปสามสี่รอบ จนตอนนี้แทบจำขึ้นใจแล้วนั้น ในที่สุดอดีตพระเอกหนุ่มก็เริ่มบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบออกจากร่างที่แทบจะอยู่ท่าเดียวมาถึง 6 ชั่วโมง
ทำไมนะ...เขาถึงได้ไม่รู้สึกสะใจกับเรื่องที่กฤตเมธได้เผชิญ
ทำไมนะ...เขาถึงได้แต่รู้สึกหน่วงในหัวใจอยู่ได้
ทั้งๆที่พยายามลืมโดยการท่องบทซ้ำไปซ้ำมา สองกด็ยังคงคิดไพล่ไปถึงกฤตเมธซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แย่แล้ว...
ตอนนี้...เขากำลังถูก...'ความรู้สึกผิด' จู่โจม!!
"โธ่เอ้ยเรา...ไอ้ใจไม่แน่จริง..."
ด้วยความรู้สึกผิด หรือด้วยความห่วงใย หรือด้วยอะไรหลายๆอย่างทำให้สดายุไม่สามารถทนนั่งนิ่งเป็นหินอยู่อย่างนี้ได้อีกต่อไปแล้ว ผลจะเป็นยังไงก็ช่าง เขาจะเข้าไปดูให้รู้เห็นกับสองตาไป รูปถ่ายได้ไม่ได้ก็ไม่สนแล้ว ถึงจะเพิ่งคิดได้หลังจากผ่านไปตั้ง 6 ชั่วโมงแล้วก็เถอะ แต่ขอกลับไปแก้ไขสถานการณ์หน่อยแล้วกัน...ถ้าทันนะ
"อ้าว...ไอ้ยุ มานั่งทำอะไรแถวนี้เนี่ย?"
"........เอ่อ...พี่อ๊อด?"
"ไง มานั่งท่องบทเหรอเราน่ะ เอ้อ ขยันเนอะ ดีๆ วันจริงจะได้ไม่มีเทค ฮ่า ฮ่า"
"...ครับ...ผมจะตั้งใจนะครับพี่ เอ่อเดี๋ยวยังไงผมขอตัว..."
"พอดีเลยว่ะยุ เดี๋ยวอยู่ช่วยพี่ตรงนี้ก่อนแล้วกันนะ ช่วยสอนการทำอารมณ์ให้ไอ้สองตัวนั้นหน่อย ไอ้พอร์ชยังพอไหว แต่ไอ้รุจน์เนี่ย เดี๋ยวหลุด เดี๋ยวหลุด"
ทั้งที่ตั้งใจเลี่ยงกลับออกไปก่อนแต่ไม่ทันผู้กับกับมือไวคว้าตัวเอาไว้ พร้อมขอให้ช่วยงานเสียก่อน จะขัดใจก็ดูเหมือนจะไม่ทันเช่นกัน เพราะผู้กำกับปากไวนั้นก็ตะโกนเรียกสองนักแสดงมือใหม่เข้ามาหาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กองถ่ายเพิ่งขอสถานที่ได้ เลยเริ่มถ่ายทำช้า แถมสองดาราหน้าใหม่ยังไม่ชินกับบทบาทที่ค่อนข้างแรงและหน่วงผิดชีวิตจริง เลยทำให้การถ่ายทำค่อนข้างสะดุด ดังนั้นผู้กำกับอ๊อดจึงย้ายโลเกชั่นถัดออกมาถ่ายทำแถวร้านกาแฟก่อน แล้วก็มาจ๊ะเอ๋เข้ากับสดายุพอดี...
"สวัสดีครับพี่ยุ..." ( T ^ T ) ( - _ - )
"อ่า...หวัดดี เป็นไงเรา ถึงกับร้องไห้เลยเหรอ?"
ได้แต่ทักทายออกไปพร้อมแสดงความเห็นใจสำทับ เมื่อเห็นรุจน์ผู้ร่าเริง ถึงกับเดินลากสังขารซึมทื่อ 'คงโดนพี่อ๊อดด่าจนหน่วงแน่ๆ' เห็นแบบนี้เลยได้แต่ถอดใจเรื่องที่จะกลับไปดูสถานการณ์ที่ห้องพัก แล้วรับงานตรงหน้าอย่างไม่คิดอิดออดอีก พร้อมกับคาดหวังเล็กๆว่า 'ขอให้เอาตัวรอดเองได้แล้วกันนะ...คุณกฤตเมธ...'
*
*
*
*
*
"เอ้า...คัททททท...เก่งมากไอ้รุจน์ ไอ้พอร์ช"
เกือบ 5 ชั่วโมงกว่าจะถ่ายซีนหมอธเนศกับซอจบ ดังนั้นพอเทคสุดท้ายจบลงทุกคนก็ถึงกับถอนหายใจกันพรู แม้ว่าวันนี้จะเสียเวลาไปพอสมควร แต่ก็ถือว่าถ่ายทำได้ตามกำหนด
"ขอบคุณครับพี่อ๊อด ขอบคุณครับพี่ยุ"
สองหนุ่มเข้ามาไหว้ขอบคุณอ๊อดและยุทันที เพราะถ้าไม่ได้อ๊อดคอยเคี่ยวเข็ญ ไม่ได้ยุคอยแนะนำ วันนี้คงถ่ายกันไม่จบ
"เอ้อ...พรุ่งนี้อีกวัน เอาให้ได้อย่างช่วงท้ายๆของวันนี้นะ แรกๆยังไม่เข้าป๊อบพี่เข้าใจ แต่ช่วงเทคหลังๆนี่เข้าท่าเข้าทางแล้ว อย่าลืมที่ทำกันได้เสียล่ะวันนี้น่ะ พรุ่งนี้กลับมาเทคยับอีกล่ะก็โดนเตะทั้งคู่แน่"
อ๊อดชื่นชมเล็กน้อยให้พอได้ชื่นใจก่อนจะเอ่ยปากสั่งสอนเพิ่มเติมบวกข่มขู่อีกหน่อย
"ครับพี่อ๊อดผมจะพยายามครับ" พอร์ชรับคำเข้มแข็ง
"ผมด้วยครับพี่ สู้ตายเลยครับ!" รุจน์ยื่นคำมั่นบ้าง สองมือกำแน่นยกขึ้นมาตั้งท่าเตรียมตายเต็มที่
"เออๆ ให้มันจริง เอาล่ะไปพักผ่อนกันได้แล้ว พรุ่งนี้ 9 โมงเจอกันหน้าล็อบบี้เหมือนเดิมนะ เราจะเข้าไปถ่ายทำที่ตลาดกัน"
"ครับ" ( ^_^ ) \( >w< )/
"ยุเองก็ไปพักเถอะ วันนี้พี่ขอบใจมากนะ วันหยุดแท้ๆต้องมาช่วยงาน"
"ไม่เป็นไรครับพี่ ผมยินดีครับ..."
ฟังคำยินดีจากสดายุแล้วอ๊อดก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ ก่อนจะเดินไปเก็บของเดินทางกลับที่พัก ทิ้งสามหนุ่มไว้เบื้องหลัง (ไม่คิดจะพาไปเลี้ยงข้าวเลยสักนิด)
"เอ่อ...พี่ยุครับ ขอบคุณมากนะครับพี่ วันนี้ถ้าไม่ได้พี่ยุผมแย่แน่เลยอ่ะ"
คล้อยหลังอ๊อดไปรุจน์ก็เข้ามาขอบคุณสดายุทันที ซ้ำยังทำหน้าเป็นหมาหงอย เพราะรู้สึกผิดที่ทำให้ทุกคนต้องเหนื่อยไปด้วย
"ไม่เป็นไรหรอก พี่รู้ว่ารุจน์อาจยังไม่เข้าถึงอารมณ์ของตัวละคร ไม่ใช่ว่ารุจน์ไม่เก่งหรอก แต่เพราะคู่ดันเป็นพอร์ชเพื่อนซี้ไงล่ะ เลยออกอารมณ์ลำบาก แรกๆก็งี้แหละ เดี๋ยวก็ชินเองนะ"
คำปลอบใจทำเด็กน้อยน้ำตารื้น ก่อนจะเช็ดน้ำตาป้อยๆด้วยความปลาบปลื้มใจ
"ขอบคุณครับพี่ ฮึ่ก.."
"เฮ้ย...อย่าร้องสิ กลับห้องพักกันได้แล้ว"
เอ่ยชวนกลับห้องทั้งที่เผลอลืมไปชั่วครู่ว่าตัวเองสร้างเรื่องอะไรไว้ ลืมไปเลยจนกระทั่งเดินมาเกือบถึงหน้าที่พัก...
"เอ่อ...พี่ยุ พอร์ช เดี๋ยวขอกลับห้องก่อนนะ ข้าศึกบุกตีกระหนาบมาถึงหน้าด่านแล้วล่ะ ซี๊ด...ไม่ไหวแล้ว ผมขอโทษนะครับพี่ยุ ไปก่อนนะพอร์ช เดี๋ยวเจอที่ห้องเลยแล้วกัน!!"
พอเหยียบธรณีโรงแรมได้ไม่เท่าไหร่ รุจน์ก็เริ่มมีอาการแปลกๆ และยังไม่ทันจะได้คาดเดา เจ้าตัวก็หันมาเฉลยเสียก่อน
"อืม...อย่ารั่วกลางทางล่ะ"
สดายุเอ่ยแซวเจ้าเด็กน้อยร่าเริงที่พอหายเกร็งปุ๊บลำไส้ก็ทำงานปั๊บ ให้ต้องวิ่งหน้าตั้งกลีบห้องไปโดยไม่ใส่ใจจะวางมาดดาราเลยแม้แต่น้อย ส่วนพอร์ชก็ได้แต่ยืนยิ้มส่งเพื่อนรัก ด้วยความรักและเอ็นดู
"เป็นไงเรา เข้ากับบทได้ดีเลยนี่ ฝีมือดีใช้ได้นะเนี่ย"
สดายุชวนพอร์ชคุยไปพลางระหว่างเดินกลับห้อง ฝ่ายพอร์ชเองพอได้รับคำชมก็อมยิ้มน้อยๆ การได้รับการยอมรับจากรุ่นพี่ที่ให้ความเคารพย่อมเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ
"ขอบคุณครับ อาจเป็นเพราะบทของหมอธเนศใกล้เคียงกับนิสัยบางส่วนของผมก็ได้ เลยจูนไม่ยาก"
"เพราะนายแก่เกินวัยต่างหาก หึหึ...เหวอ!!"
"อ๊ะ!? พี่ยุ!!"
หมับ!!........
อุบัติเหตุเล็กน้อยทำให้สดายุตกอยู่ในวงแขนแข็งแรงของพอร์ชโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะผอมลงเยอะรูปร่างจึงอ้อนแอ้นเกินกว่าผู้ชายไปหน่อย ยิ่งพอตกอยู่ในวงแขนของพอร์ชซึ่งตัวสูงใหญ่กำยำแล้ว สดายุเลยดูราวกับผู้หญิงตัวเล็กๆไปเลยทีเดียว ใบหน้าอดีตพระเอกหนุ่มขึ้นสีเลือดร้อนฉ่า ไม่ใช่เพราะอายที่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ แต่อายรูปร่างตัวเองที่ตัวเล็กเหลือเกิน และจะยิ่งเล็กลงทุกวันนับจากนี้อีกด้วย สดายุรีบตั้งปนิธานทันใดว่าจบเรื่องนี้ปุ๊บเขาต้องรีบเพิ่มน้ำหนักกับกล้ามเนื้อโดยด่วนเสียแล้ว
"อ่ะ...โทดทีนะพอร์ช.."
"พี่ยุเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?"
พอร์ชพยุงร่างแบบบางของสดายุให้ค่อยๆตั้งหลักยืนขึ้น จึงได้เห็นว่า เชือกรองเท้าแตะของสดายุขาดเป็นเหตุให้เสียหลักล้มเมื่อครู่
"...อา...คู่เก่งซะด้วยสิ ขาดซะแล้ว"
สดายุบ่นอุบ เมื่อเห็นว่าไอ้แก่คู่ใจที่ใส่ติดเท้ามาตั้งแต่ออกจากวงการขาดเสียแล้ว เสียดายก็จริงแต่ก็คิดได้ว่าคงถึงเวลาแล้วเช่นกัน (เยินมาก)
"พี่โอเคพอร์ช นายกลับห้องเถอะ ห้องพี่อยู่นี่เอง ราตรีสวัสดิ์นะ"
"ครับ...ราตรีสวัสดิ์ครับ"
พอร์ชเดินกลับไปที่ห้องตัวเองอย่างว่าง่าย ปล่อยสดายุกะโผลกกะเผลกเข้าห้องตัวเองโดยไม่สนใจอีก โดยที่ไม่รู้เลยว่า...พี่ยุของพวกตน กำลังจะเดินทางเข้าสู่หลุมพรางที่ตัวเองขุดทิ้งเอาไว้!!..........
แถมยัง...ตายสนิทอีกด้วย...
แกร๊ก.......
สดายุไขประตูเข้าห้องตามปกติ ในห้องยังคงมืดสนิทเพราะยังไม่ได้เปิดไฟ โรงแรมนี้ค่อนข้างแปลกตรงที่สวิชต์ไฟอยู่ไกลถึงข้างโต๊ะเครื่องแป้ง ไม่ได้อยู่ที่หน้าประตูเหมือนโรงแรมทั่วไป ทำให้ต้องเดินฝ่าความมืดเข้าไปสามถึงสี่ก้าวเพื่อเปิดไฟ
'ข้างห้องเขาตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ...'
ความเป็นห่วงผุดขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าตอนนี้เขาไม่มีสิทธิ์จะเป็นห่วงใดๆอีแล้ว ในเมื่อเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับห้องข้างๆ ทั้งหมดเป็นฝีมือเขาเองทั้งสิ้น แล้วจะยังมีสิทธิ์อะไรไปรู้สึกห่วงใยกันเล่า...
แปะ...
พรึ่บ
แสงไฟหลอดน้อยส่องสว่างขึ้นทันทีที่สดายุแตะสวิชต์ไฟ แสงไฟทำให้สดายุรับรู้ได้ถึงความสว่าง แต่แสงไฟยังไม่ทำให้สดายุรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ในห้องนี้เพียงลำพัง...เพราะยังคงเหม่อลอยกับความรู้สึกผิดที่บีบคั้น ชายหนุ่มจึงไม่รู้ตัวเลยว่าเบื้องหลังของเขามีอีกคนที่กำลังขยับกายเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ...จนลมหายใจแทบจะรินรดต้นคอ"คุยกับพี่อ๊อดนานจังนะครับ...คุณสดายุ"************************************************************************
ครึ่งหลังมาแล้วค่ะ...กิกิ
ใครรอฉากหื่น แนะนำรอกันอีกนิด ซีนที่ 12 มาแน่นอนค่ะ...

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
อนาคี99 / Thearboo
