ผมคือ...นางเอก
(ซีนที่ 15)"อย่าขยับมากสิคะคุณเมธ เดี๋ยวกระเทือน"
"มานี่ครับ เดี๋ยวผมประคองเอง"
"เดินไหวมั้ยวะ มึนหรือเปล่าเมธ? หน่วงๆ หรือคลื่นไส้มั้ย?"
"พี่เมธครับ เลือดยังออกอยู่มั้ย พี่ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?"หลากหลายคำถาม มากมายความห่วงใยประดังถาโถมเข้าใส่พระเอกหนุ่มวัยสามสิบสามกะรัตผู้เพิ่งทำตัวเป็นฮีโร่ปกป้องนางเอกของตัวเองจนโดนโครงเหล็กเสาค้ำกล้องร่วงใส่ แม้จะไม่ได้โดนจังๆ แต่ก็โดนถากเอาจนศีรษะแตกถึงขนาดต้องเย็บเป็นสิบเข็มกันเลยทีเดียว
โชคยังดีที่ไม่ได้ร้ายแรงมาก และยังมีการเอ็กซเรย์สมองดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีอาการเลือดคั่งหรือกระทบกระเทือนอื่นใด โชคดีอีกอย่างที่ยังปักหลักถ่ายทำกันที่เมืองหลวงแถมโรงแรมที่มาขอเช่าถ่ายทำยังอยู่ไม่ไกลโรงพยาบาลมากนัก หามกันส่งอึดใจเดียวก็ถึง
หลังจากทำการรักษาเสร็จสรรพ กฤตเมธก็ถูกพากลับมาพักฟื้นที่โรงแรมอย่างปลอดภัย ในห้องของพระเอกหนุ่มอัดแน่นไปด้วยทีมงานคุณภาพ ที่ตามมามะรุมมะตุ้มรุมเป็นห่วงพระเอกรุ่นใหญ่ที่นั่งเด่นอยู่บนเตียงนอนอย่างอบอุ่น ทั้งแสดงความเป็นห่วงเป็นใย ทั้งถามไถ่อาการ สภาพที่กองถ่าย ทั้งกองยกมาไว้ในห้องแคบๆนี้ ทำให้กฤตเมธรู้สึกดีและขบขันไม่น้อย แต่ยังมีอีกอย่างที่ทำให้รู้สึกแอบน้อยใจอยู่บ้าง...
นั่นคือการที่สดายุ ไม่ยอมโผล่หน้ามาเยี่ยมหรือมาดูใจกันบ้างเลย...
"คุณกฤตเมธน่าสงสารจังนะคะ ต้องมาเจ็บตัวแทนคนอื่นแท้ๆเลย..."
(ช่างแต่งหน้าสาวเปรยขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นคนต้นเรื่องไม่ยอมโผล่มาร่วมวงเยี่ยมคนป่วยด้วยกัน)
"นั่นสิคะ แต่ก็อย่างว่า คนแบบนั้นเขาไม่รู้ตัวหรอกค่ะว่าตัวเองเป็นคนผิด เธอก็เป็นของเธออย่างนี้มาตั้งนานนมแล้ว
ค่ะ ปิ๋มรู้ดี ปิ๋มเคยทำงานกับเธอมานาน เห็นมานักต่อนักแล้วล่ะค่ะ...เฮ้อ...คุณเมธน่าเห็นใจจริงๆค่ะ"
(เสียงช่างแต่งหน้าคู่หูตบมุกกันอย่างทันท่วงที)
"อย่างนั้นเลยเหรอครับ เคยได้ยินแต่กิตติศัพท์ เห็นตอนอยู่ในกองถ่ายก็ออกจะเงียบๆเรียบร้อยๆนะครับ ไม่คิดเลยว่าจะใจจืดใจดำขนาดนี้"
(เด็กยกไฟผู้อ่อนต่อโลกช่วยเสริม)
"พี่ยุไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกครับ พี่เขาเองก็บาดเจ็บไม่ใช่เหรอ? เนี่ยผมกับพอร์ชว่าจะเข้าไปเยี่ยมกันอยู่"
หลังฟังคำพูดขัดหูของเหล่าทีมงานมาได้สักพัก รุจน์ก็เป็นฝ่ายโต้เถียงแทนพี่ชายแสนดีของตนขึ้นมาบ้าง ถึงเขาจะไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าในอดีตพี่สดายุของเขาเป็นคนแบบไหน แต่ชายหนุ่มมั่นใจสุดๆว่าตอนนี้พี่ชายคนนี้ของเขานั้นเป็นคนน่ารักที่สุด ไม่มีทางเป็นอย่างที่พวกทีมงานพูดแน่ๆ
"โถๆๆๆ น้องรุชน์คะ น้องยังใหม่ น้องจะไปรู้อะไร คุณสดายุเธอร้ายมากนะคะ เนี่ยเดี๋ยวปิ๋มจะเล่าให้ฟัง..." (พอมีคนช่วยแก้ต่าง ช่างแต่งหน้าสาวก็เริ่มก่อชนวนต่อ ทว่าคราวนี้ก็โดนเบรกอีกครั้ง)
"คุณปิ๋มครับ เลิกพูดถึงยุได้มั้ยครับ"
คราวนี้กฤตเมธเป็นคนออกปากปรามเอง เพราะดูท่าทีมงานคนนี้จะมีอคติส่วนตัวกับสดายุมากและเมื่อประจวบเหมาะกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เจ้าตัวเลยพยายามปลุกระดม สาดเสียเทเสียไม่หยุด
"....แหม...คุณเมธใจดีเกินไปแล้วนะคะ ทั้งๆที่ตัวเองถูกทำให้เจ็บขนาดนี้ นี่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจหรือเปล่า...ไม่เห็นตัวเองจะเจ็บตรงไหนเลย..." (ยังพยายามสุมไฟไม่เลิก)
"คุณปิ๋ม ถ้าคุณยังไม่เลิกให้ร้ายสดายุแบบนั้น ผมเองก็จะถือว่าคุณกำลังก่อความวุ่นวายในกองถ่ายให้เกิดความแตกแยกนะครับ ถึงสายุในสายตาของคุณจะเป็นยังไง แต่เขาในสายตาของผมเป็นคนดี น่ารัก และเป็นเพื่อนที่แสนดีของผม เพราะฉะนั้นการที่คุณปิ๋มพูดจาไม่ให้เกียรติเขาก็เท่ากับไม่ให้เกียรติผมด้วยเช่นกันนะครับ!"
"...ค่ะ...ปิ๋มไม่พูดแล้วค่ะ! โอ๋กันเข้าไปเถอะค่ะ!"
เมื่อถูกสกัดจนหน้าทิ่ม ช่างแต่งหน้าสาวก็ได้แต่เก็บเศษหน้าที่แตกละเอียดตกเกลื่อนเต็มพื้น แล้วกลับมานั่นเงียบๆสงบปกสงบคำเสียที
"สมน้ำหน้า ยัยปิ๋มฉันเคยเตือนหล่อนแล้ว ว่าจะพูดอะไรพาดพิงใครเขา ก็ให้ระวังปากไว้มากๆ เป็นไงล่ะถึงกับเงิบ"
พอเห็นลูกน้องหน้าม่อยหน้าหงิกที่โดนสกัดดาวรุ่ง อ๊อดก็ไม่รอช้าที่จะทับถมคนปากไม่มีหูรูดทันที เพราะเขาเองก็เคยเอ็ดไปหลายครั้งหลายหนแต่เจ้าหล่อนก็ไม่ยอมฟัง คราวนี้โดนกฤตเมธจวกไปเต็มๆ ถึงกับหุบปากไม่ทัน สะใจผู้กำกับอย่างเขาเล็กๆ
"โธ่ พี่อ๊อดคะ อย่าซ้ำปิ๋มสิ ปิ๋มเจ็บนะ...นี่ยัยจิ๋มหล่อนช่วยฉันหน่อยสิ"
ฝ่ายช่างแต่งหน้าสาวก็ได้แต่หน้าตาบู้บี้ที่โดนรุมซ้ำ หันไปขอความเห็นใจจากเพื่อน เพื่อนเองก็ได้แต่ส่ายหน้ายิก เพราะไร้อำนาจเช่นกัน ดังนั้นความปากพล่อยจึงทำให้ทั้งคู่ได้แต่นั่งเงียบพูดอะไรไม่ออกอีก
"เอ้อ...เอาล่ะพวกเรากลับกันได้แล้วมั้ง ให้เมธเขาได้นอนพักซะบ้าง"
ครู่ต่อมาอ๊อดก็เรียกเด็กๆให้ออกจากห้องคนป่วยได้แล้ว แม้กฤตเมธจะไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่หัวแตกนิดหน่อย แต่ก็ควรให้คนแผลระบมได้นอนพักผ่อนเสียที
"ขอบคุณครับพี่อ๊อด ที่อุตส่าห์เป็นธุระจัดการให้หมดทั้งรถทั้งโรงพยาบาล...ขอบคุณทุกคนด้วยนะครับที่มาเยี่ยมมาเฝ้ากัน"
"เออ มันเป็นหน้าที่พี่อยู่แล้วล่ะ ตำแหน่งผู้จัดฯควบผู้กำกับอย่างพี่ต้องดูแลนักแสดงทุกคนให้อยู่อย่างปลอดภัย และสบายที่สุดอยู่แล้วล่ะ เมธนอนพักให้สบายเถอะ เรื่องคิวถ่ายเดี๋ยวพี่เลื่อนออกให้ก่อน หายดีเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกทีนะ"
อ๊อดหันมาตอบยิ้มๆ ก่อนจะ ทยอยตามคนอื่นๆออกไป ทิ้งบรรยากาศเงียบงันไว้ในห้องทันที กฤตเมธถอนหายใจยาวเหยียด ก่อนจะหยิบยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบขึ้นมาทาน แล้วเอนตัวลงนอนตะแคงเบาๆ ให้กระเทือนแผลน้อยที่สุด แผลแตกอยู่ทางขวา เขาจึงต้องนอนตะแคงซ้าย เพื่อป้องกันการกดทับแผลให้ระบม
"เฮ้อ...เจ้าตัวแสบจะเป็นยังไงบ้างนะ..."
"...ใจแข็งได้คงเส้นคงวาสุดๆ หึหึ...เจ้าตัวร้าย"
ได้แต่เปรยกับตัวเองเบาๆ หลังจากเอนตัวลงนอนได้เพียงครู่ เพราะต้องนอนตะแคงซ้ายตรงกับประตูคอนเน็คชั่นพอดี เลยได้แต่นอนมองประตูเชื่อมระหว่างห้องเขากับห้องคนที่เขาคิดถึงอยู่อย่างนั้นเงียบๆ ความจริงก็อยากเข้าไปหา ไปถามไถ่ว่าบาดเจ็บมากหรือไม่ แต่สังขารตอนนี้ของตนก็ช่างไม่เอื้ออำนวยเกินกว่าจะเดินไปโชว์ความง่อยเปลี้ย กฤตเมธเลยตั้งใจว่าจะนอนพักรักษาตัวสักพัก ดีขึ้นเมื่อไหร่ค่อยดอดเข้าไปหาสดายุอีกที คิดไปคิดมาฤทธิ์ยาก็เริ่มออก ความง่วงงุนเริ่มถาโถมจนหนังตาหนักอึ้ง จากนั้นเพียงครู่ก็ผลอยหลับไปในที่สุด
'เย็น...จัง'
'อืม...สบาย...'
'ใครกัน...นะ'
"ตื่นมาทานข้าวเย็นหน่อยมั้ย? หลับนานแล้วนะ"
เสียงคุ้นหู ทำเอาคนที่ยังคงนอนสลึมสลือถึงกับเบิกตาตื่น คนที่เขาเฝ้าตัดพ้ออยู่ว่าแสนใจร้ายที่ไม่ยอมมาเยี่ยมมาหา คนที่เขาคิดถึงอยู่ตลอดแม้ในยามฝัน คนคนนั้นที่กำลังใช้มือเย็นๆเกลี่ยอยู่บนไรผมชื้นเหงื่อของเขา 'สดายุ'
"...ยุ?"
"ผมเอาข้าวมาให้แล้ว ทานเสียหน่อยสิ"
"ยุ...ยุตัวจริงใช่มั้ย? หรือ...ฝัน?"
เสียงแหบเครือของคนเพิ่งตื่น ถามขึ้นมาอย่างสงสัยในตัวเองเล็กน้อย เพราะกลัวเหลือเกินว่าจะดีใจเก้อ กลัวว่าที่เห็นตรงหน้านี้จะเป็นแค่ภาพที่มโนเอาเองเพราะสมองที่ยังไม่เข้าที่ และเพราะฤทธิ์ยาที่ทำให้ยังไม่ตื่นเต็มตา ทว่าดูเหมือนคำถามน่าอายของเขาจะทำให้คนตรงหน้าขบขันไม่น้อย เพราะทันทีที่ถามออกไปสดายุก็ขำออกมาเบาๆ 'คนบ้าอะไร ขนาดขำ เสียงยังหวาน...แหบเสน่ห์สุดๆ'
"ถามตลกนะคุณ ผมยังไม่ตาย ไม่ใช่ผี จะไปมีตัวจริงตัวปลอมได้ยังไงล่ะ หึหึ"
เสียงแหบหวานของสดายุตอบขึ้น ทั้งที่มือนั้นยังคงช่วยเกลี่ยเส้นผมที่ยุ่งรุงรังเพราะเหงื่อที่ซึมชื้นอยู่แถวไรผมอยู่ เสียงนั้นหวานจนกฤตเมธรู้สึกราวกับฝัน
และคำประชดประชันเจ็บแสบ ก็เรียกสติของกฤตเมธให้คืนสู่ความจริง ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนในฝันแต่เป็นตัวเป็นๆที่ราวกับฝันต่างหาก
"ยุ...คุณเป็นยังไงบ้าง...แล้วทำไม่ไม่มาดูใจผมเลย"
พอหลังจากรู้ตัว ก็รีบตัดพ้อเล็กๆเป็นการอ้อนไปในตัวไสตล์คนแก่อยากมีคนดูแลทันที พลางรีบเกาะกุมมือน้อยที่กำลังเกลี่ยผมเขาเล่นอยู่อย่างนั้น แล้วก็อดแปลกใจเล็กๆไม่ได้ที่สดายุยินยอมให้ตนจับไม้จับมือแต่โดยดีไม่มีขัดขืน ใบหน้าเรียวขาวนั้นยิ้มให้น้อยๆ ก่อนจะเอ่ยตอบคำถาม แก้ต่างคำตัดพ้อ
"จะให้เข้ามาได้ยังไงล่ะ ก็ฝ่ายพระเอกอยู่กันเต็มห้องขนาดนั้น ผู้ร้ายอย่างผมก็ต้องหลบกบดานเงียบไว้ก่อนสิ ขืนโผล่ออกมาไม่ดูลาดเลาให้ดีก่อน ได้โดนจวกตายตั้งแต่กลางเรื่อง หึหึ"
"ใครตัวร้ายกัน? คุณคือนางเอกต่างหาก...นางเอกของผม..."
"คนแก่ปากดี...ลุกขึ้นมากินข้าวได้แล้วอย่าลีลา!"
ได้ยินคำป้อพาลเลี่ยนทำเอาสดายุถึงกับส่ายหน้ายิก เปลี่ยนจากโหมดใจดีเป็นโหดหิน ขู่เข็ญคนช่างอ้อนให้ลุกขึ้นมาทานอาหารเสียทีก่อนที่น้ำตาลจะขึ้นตายไปเสียก่อน
“โอ้ย....”
เสียงครางแผ่วดังขึ้นทันทีที่ร่างสูงดันตัวขึ้นจากที่นอน พอหมดฤทธิ์ยาชา แผลตึงเปรี๊ยะดึงให้เจ็บแปลบไปทั้งศีรษะ กฤตเมธถึงกับขมวดคิ้วมุ่นซีดปากเล็กน้อยเพื่อบรรเทาความเจ็บหน่วง
"เป็นยังไงบ้างคุณ!? ลุกไหวหรือเปล่า!"
เห็นว่าคนป่วยดูท่าจะไม่ไหว สดายุก็เร่งเข้าไปตระกองร่างนั้นไว้ด้วยสองแขนผอมบาง หัวใจกระตุกวูบที่เห็นว่ากฤตเมธดูท่าทางจะเจ็บปวด แต่เพียงครู่ พอกฤตเมธสามารถลุกขึ้นมานั่งตรงได้ อาการปวดแปลบก็ทุเลาเหลือเพียงปวดตุบๆเบาๆ
"...ไม่เป็นไรแล้วครับ...หึหึ...ห่วงผมเหรอ?"
พอเห็นความห่วงใยจากสดายุ กฤตเมธก็อดปลื้มใจไม่ได้ ทั้งที่อยากจะเอ่ยคำหวานทว่าปากก็เผลอกระเซ้าออกไปเสียก่อน
"...ห่วงสิ"
".....!!?"
นึกว่าจะโดนตาเขียวใส่มาสักทีสองที ที่ไหนได้คนตรงหน้ากลับตอบรับออกมาตรงๆว่าเป็นห่วง เล่นเอาพระเอกหนุ่มไปไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าควรจะรับมือคนที่ทำหน้าราวกับจะร้องไห้ตรงหน้านี้ยังไงดี
"จะไม่ห่วงได้ยังไงล่ะ ในเมื่อที่คุณต้องเจ็บขนาดนี้...ก็เพราะ...ผม"
"...ยุ..."
"...ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆนะ เหตุการณ์นี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้น..."
"ยุ คุณอย่าซีเรียสสิ มันเป็นแค่อุบัติเหตุ ไม่ใช่ความผิดของคุณเลยสักนิดนะ"
เมื่อเห็นว่าสดายุเริ่มเข้าโหมดโทษตัวเอง กฤตเมธก็รีบปลอบขวัญ แต่ดูเหมือนยิ่งปลอบสดายุก็ยิ่งหม่นหมองลงไปอีก
"นี่คุณสดายุครับ ผมเสี่ยงเอาหัวตัวเองเข้าไปรับท่อนเหล็ก เพื่อปกป้องคุณนะครับ ไม่ได้เพื่อให้คุณมาร้องแงๆอยู่แบบนี้ อย่าให้ผมรู้สึกผิดสิ"
"...ใครร้องแงๆกัน..."
กฤตเมธพยายามปลอบด้วยคำเย้าแหย่ที่ปกติแล้วสดายุต้องโกรธจนหน้าคว่ำทุกครั้งที่ได้ยิน ครั้งนี้เองก็เหมือนจะได้ผล แต่ก็ทำได้แค่ให้สดายุเถียงออกมาแค่คำเดียว ก่อนจะก้มหน้าก้มตาหน่วงอยู่กับความรู้สึกผิดต่อ จนกฤตเมธจนปัญญาจะรับมือคนช่างใจน้อยคนนี้เหลือเกิน
"ยุ...คุณรู้สึกผิดเหรอ?"
แม้จะไม่ได้ตอบคำใดๆ แต่กฤตเมธก็รู้ดีว่าคำตอบของสดายุที่ยังตั้งหน้าตั้งตาสำนึกผิดอยู่นั้นคืออะไร ชายหนุ่มถอนหายใจบางเบาก่อนเอื้อมมือไปประคองข้างแก้มคนสำนึกผิดให้เงยขึ้นสบสายตา
"ถ้าคุณรู้สึกผิดล่ะก็...ไถ่โทษสิ"
"...หืม?"
'ไถ่โทษ' เงื่อนไขบางอย่างที่หลุดออกจากปากของกฤตเมธ ทำให้สดายุแอบฉงนไม่น้อย แต่ตอนนี้เขาเองก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะอิดออดอะไรได้เสียด้วย เพราะอย่างน้อยเขาก็รู้สึกอยากรับผิดชอบสักนิดเพื่อความสบายใจ
"ดูแลผมสิ ดูแลผมให้สมกับที่คุณทำให้ผมเจ็บ...เพื่อเป็นการไถ่โทษ"
"...ดูแล??...ยังไง?"
พอได้ยินว่าจะต้องดูแล สดายุก็ถึงกับขมวดคิ้วแทบเป็นโบว์ เพราะมั่นใจเหลือเกินว่าคำว่า 'ดูแล' ของคนแก่จอมเจ้าเล่ห์แสนกลอย่างกฤตเมธนั้นมันต้องไม่ใช่แค่การดูแลธรรมดาๆแน่ๆ
"ไม่กี่อย่างหรอก ว่าแต่คุณพร้อมจะดูแลคนเจ็บอย่างผมหรือเปล่าครับ? ผม...ไม่บังคับหรอกนะ"
พลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้เสมอสำหรับคนอย่างกฤตเมธ แม้สดายุจะแอบด่าในใจอยู่หลายยก ว่าช่างเป็นตาแก่พลิกลิ้นปลิ้นปล้น แต่ด้วยเพราะปลงใจไปแล้วว่าจะรับผิดชอบ สุดท้ายสดายุคนซื่อจึงได้แต่กัดฟันรับปาก และคอยดูทีท่าว่าเจ้าคนสูงวัยกว่าคนนี้จะมาไม้ไหนอีก
"ก็ได้ ผมจะดูแลคุณ...ว่ามาสิ จะให้ทำอะไรบ้าง?"
เห็นว่าสดายุยอมโอนอ่อน คนป่วยก็ยิ้มหวานพลางเกลี่ยนิ้วไล้ข้างแก้มใสไปเรื่อยๆอย่างถือโอกาส ก่อนจะเอ่ยถึงข้อตกลงที่แสนหนักหน่วง
"ไม่เยอะครับก็แค่...ป้อนข้าวหน่อย"
"ห๊ะ? ป้อนข้าว?"
(อยากเถียงออกไปเหลือเกินว่า แค่หัวแตกนะ ไม่ใช่มือเจ็บ แต่ไม่ทันเพราะข้อต่อๆไปตามมาเป็นปื้น)
"ครับ ป้อนข้าว แล้วก็สระผมให้ เพราะผมมองไม่เห็นแผลตัวเอง เลยทำลำบาก ถ้าคุณยุจะกรุณาทำให้ผมก็จะรู้สึกขอบคุณมาก"
"............."
(ข้อนี้สดายุได้แต่ถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับคำกลายๆ เพราะอย่างน้อยก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่สมควร)
"และอีกข้อ...ช่วงนี้ผมยังนอนหงายไม่ได้ เพราะจะไปทับแผลเอาจึงต้องนอนตะแคงซ้ายตลอด...ดังนั้น...คุณช่วยมานอนเป็นเพื่อนคอยค้ำไม่ให้ผมนอนหงายได้หรือเปล่า?"
"….!!? บ้าเหรอคุณจะให้ผมค้ำยังไง?"
ข้อสุดท้ายพาลำบากใจไม่หยอก แถมยังคิดไม่ตกด้วยว่าตกลงแล้วกฤตเมธจะขอให้ทำอะไรกันแน่
และก็ไม่ต้องรอนาน คำขอสุดท้ายจากปากกฤตเมธก็พาเอาเงิบ...
"ก็แค่นอนเป็นหมอนข้างให้ผมจนกว่าแผลจะหายดีก็พอ"
"อะไรนะ!!?...นี่คุณกฤตเมธ คุณนี่มัน!!..."
"อ๊ะๆ ไม่ทำผมก็ไม่ว่าอะไรคุณนะ บอกแล้วไงว่าผมไม่บังคับ...ก็แค่เห็นว่าคุณอยากไถ่ความผิดจากแผลสิบเข็มบนหัวผม...เท่านั้น...ถ้าคุณกลัวจนไม่กล้าวางใจผม ผมก็ไม่ถือหรอกครับ"
ทอดเสียงออดอ้อนน่าสงสาร (แบบไม่ค่อยจะสมวัย) พร้อมส่งประกายตากรุ้มกริ่มไปให้คนไม่เต็มใจที่ได้แต่ทำหน้ายู่อยู่ตรงหน้า เสียงอ้อนแต่เนื้อหาไม่อ้อนเพราะนอกจากจะใส่คำตัดพ้อลงไปแล้วนั้นยังแฝงคำปรามาสว่าไม่แน่จริงเอาไว้กลายๆด้วย แล้วอย่างนี้มีหรือที่ลูกผู้ชายตัวจริงอย่างสดายุจะยอมอยู่เฉย
"ได้! ผมยอมรับทุกข้อเสนอ!!"
"...ผมไม่ได้บังคับนะ ไม่เต็มใจก็อย่าฝืนเลย..."
"เต็มใจ! พร้อม! รับได้! เริ่มตอนนี้เลย!!"
(และแล้วก็เสร็จโจรแก่ไปอีกครั้ง...)
"...ครับ โอเค..."
เห็นอีกฝ่ายรับคำฉุนเฉียว กฤตเมธก็อดเอ็นดูไม่ได้ 'เด็กหนอเด็ก' ยี่สิบห้าก็ใช่ว่าจะโตทันสามสิบสาม...ในเมื่อผ่านโลกมาไม่เท่ากัน ประสบการณ์ก็ย่อมต่างกันเห็นๆ โดยคนแก่ตะล่อมเข้าหน่อย เด็กน้อยก็จอดสนิทเสียแล้ว...
แต่...บางทีพิษคนแก่ก็เจ็บไม่เท่าพิษเด็กหรอกนะ
"ในเมื่อตกลงกันได้แล้ว...ผมขอเริ่มงานแรกเลยก็แล้วกันนะ เอาล่ะ...อ้าปากสิครับผมจะป้อนข้าวให้..."
"...ครับคุณพยาบาล..."
และแล้วสงครามขนาดย่อมก็เริ่มขึ้น!
"อ้ำ...อืม...อ้ำ...อูมม...อ้ำ...อู้...อ้า...เดี๋ยว...อื้ม..."
"อย่าหยุดสิครับคุณกฤตเมธ ทานให้หมดสิ อย่าให้หกเชียวผมเสียใจนะ เอาอีกคำเร็วเข้า"
"......!!"
(เต็มปากจนแทบเคี้ยวไม่ไหว จนต้องหันหลบช้อนพญายมพัลวัล...)ซึ้งแล้วว่าเด็กมันแสบจริง!!***************************************************************
หุหุ...อ้อนฉากแรกมาแล้วจ๊ะ
ในที่สุด ก็หวานกันได้เสียที เย้ๆๆๆ
ขอบคุณที่ติดตามนะจ๊ะ
Thearboo / อนาคี99
ปล.ฉากหน้าก็ยังหวานอยู่จ๊ะรับรอง
แต่ยังไม่แน่ใจนะจ๊ะ ว่าจะมาเลย หรือจะคั่นกับตอนพิเศษก่อน
ซึ่งตอนพิเศษก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นตอนต่อเนื่องของนักแสดงประกอบอย่าง พอร์ช x รุจน์
หรือจะเป็นตอน รักพิลึกของเจ๊บลูม่าดี...อิอิ ยังคิดไม่ตกเลยจร๊า
ขอโทษนะน้องยุ เมื่อคืนไม่ได้เข้ามาอ่านตามสัญญา
นายเอกเริ่มอ่อนระทวยแล้วสิ หึหึ 
เช็คคำผิดกันหน่อยดีกว่า
ซุกใซ้ >>>> ซุกไซ้ (ที่ถูกต้องใช้ ไ)
ผลักใส >>>> ผลักไส (ใช้ ไ )
ที่พี่อ๊อด หัวเราะ 555+ ใช้เป็นคำพูดจะดีกว่านะคะ ฮ่าๆๆ
ขอบคุณค๊าบ...
(กลับไปแก้ทันใด)
