ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 17 (ครึ่งหลัง)“ค่ะ มันเป็นเรื่องที่ถูกกุขึ้นเพื่อทำลายชื่อเสียงของน้องยุ จากเพื่อนที่น้องยุคิดว่าเป็นเพื่อนสนิท และแฟนที่น้องยุคิดว่าหล่อนคือคนที่เขารัก”“..............................”
คำเฉลยทำเอากฤตเมธพูดไม่ออก หากเรื่องที่บลูม่ากำลังจะเล่าจากนี้ไปเป็นเรื่องจริงล่ะก็ การที่ครั้งหนึ่งเขาเคยปรามาสสดายุทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรผิดไว้นั้น คงเป็นเรื่องที่เลวระยำเกินคนไปเสียแล้ว
“คุณเมธคงรู้จักพระเอกรุ่นเดียวกับน้องยุที่ชื่อ ‘บดินทร์’ ใช่มั้ยคะ?”
“ครับ เคยเห็นอยู่บ้าง รู้สึกตอนนี้จะรับงานเป็นพิธีกรรายการเกมโชว์วัยรุ่นอยู่นี่ครับ ได้ยินว่ากระแสดีไม่ใช่ย่อย”
พอเอ่ยถึงคนที่ชื่อ ‘บดินทร์’ กฤตเมธก็พอจะนึกหน้าออก ดารารุ่นน้องคนนั้นไม่ได้เป็นเพียงพระเอกจอเงินจอแก้วเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถเป็นถึงพิธีกรรายการต่างๆอยู่หลายรายการ ‘ดังไม่ใช่ย่อย’
“ดินทร์น่ะ เขาเพิ่งจะมาดังก็ตอนที่น้องยุหายไปจากวงการแล้ว เรียกได้ว่าดังทับรอยน้องยุทุกอย่างเลยล่ะค่ะ”
“แล้วคนชื่อดินทร์อะไรนี่เขาเป็นอะไรกับยุกันครับ เพื่อน?”
“ค่ะ เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดตั้งแต่เข้าวงการแรกๆเลย น้องยุเล่าเรื่อง ไอ้ดินทร์เลวเนี่ยให้บลูม่าฟังอยู่บ่อยๆ น้องยุนะทั้งไว้ใจ เชื่อใจ ทั้งยังรักเพื่อนอย่างไอ้ดินทร์มาก ทั้งๆอย่างนั้นมันกลับหักหลังน้องยุแบบไม่เหลือเยื่อใยแม้สักนิด ไอ้นี่มันทั้งชั่วทั้งเลวราวกับไม่ใช่มนุษย์เลยล่ะค่ะ"
“...มัน ทำอะไรยุครับ คุณบลูม่า”
น้ำเสียงเข้มขรมถามไถ่ขึ้นด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น ตอนนี้คนที่ชื่อว่า บดินทร์ กลายเป็นศัตรูของเขาโดยไม่ต้องถามเหตุผลไปแล้ว
"เด็กเวรนั่นมันหลอกน้องยุมาตลอดค่ะ หลอกว่าเป็นเพื่อนรัก แล้วลอบแทงข้างหลังอย่างเลือดเย็น ลงมือคนเดียวมันคงคิดว่ายังสาหัสไม่พอ ไอ้เด็กนั่นมันยังส่งน้องสาวของมันมาเป็นนางนกต่อด้วย น้องยุก็ช่างซื่อโดนนังเด็กนั่นหลอกให้หลงรักหัวปักหัวปำ เพราะไว้ใจว่าเป็นคนดีน่ารัก แถมยังเป็นน้องสาวเพื่อนรักอีก ใครจะไปนึกล่ะค่ะว่าจะโดนลอบกัดแบบเจ็บแสบขนาดนี้..."
"อีเด็กนั่นอายุ 17 ปีเท่านั้นค่ะ รวมหัวกับพี่ชายมาหลอกน้องยุ นอนกับยุแล้วโพนทะนาว่าตัวเองท้อง แล้วอีสองพี่น้องก็ร่วมกันประโคมข่าวว่าน้องยุไม่ยอมรับผิดชอบ! ทั้งที่จริงแล้วอีเด็กนั่น 'ไม่ได้ท้อง!' พวกมันตอแหลทั้งเพค่ะ!! เพราะพวกมันน้องยุเลยโดนคดีพรากผู้เยาว์ ทั้งยังโดนถอดงาน ยกเลิกสัญญา เกือบหมดอนาคตเลยนะคะ บลูม่าน่ะ...บลูม่าเจ็บเจ็บ โกรธจนอกแทบจะแตก"
"ถ้าเด็กคนนั้นไม่ได้ท้อง แล้วทำไมยุถึงได้ไม่พูดอะไรเลยล่ะครับ...หรือว่า ไม่ยอมแก้ตัวอีกแล้ว?"
"จะเหลือเหรอคะ ยุได้แต่พูดกับบลูม่าว่า ยุพลาดเอง ยุผิดที่เผลอไปนอนกับเด็กนั่นทั้งที่รู้ว่าฝ่ายหญิงอายุยังไม่ถึง 18 ปี บลูม่าอยากจะกรี๊ดค่ะ อิเด็กนั่นใช่ย่อยซะเมื่อไหร่ บลูม่าเคยไปสืบมาได้ข่าวว่าชอบเก็บสแปร์ไปทั่ว น้องยุไม่ใช่คนแรกเสียหน่อย!! ขอโทษนะคะ พูดถึงเรื่องนี้ทีไร บลูม่าทนไม่ไหวทุกทีค่ะ โมโหจนหน้าแทบจะมืด เฮ้อ!!"
"คัททททททททททททท!!!....เอ้า วันนี้เลิกกองได้!"
เสียงผู้กำกับอ๊อดสั่งเลิกกองดังมาแต่ไกล กฤตเมธเห็นท่าจะสืบเรื่องส่วนตัวของสดายุต่อไปตอนนี้คงไม่ทัน เกรงว่าเกิดเจ้าตัวมาได้ยินเข้าคงได้โกรธกันยาวอีก เลยตัดสินใจขอตัววางสายจากบลูม่าก่อน
"เอ่อ คุณบลูม่าครับ ยุมาแล้ว เดี๋ยวผมขอวางสายก่อน แล้วจะโทรไปอีกทีนะครับ"
"อ๊ะ ได้ค่ะ...เอ่อคุณเมธคะ..."
"ครับ?"
"บลูม่าฝากน้องยุด้วยนะคะ ถึงตอนที่มีเรื่องจนต้องออกจากวงการน้องยุจะนิ่งมาก เหมือนไม่ใส่ใจอะไร แต่บลูม่ารู้ค่ะ ว่าจริงๆแล้วน้องยุต้องเจ็บมากแน่ๆ และความเจ็บนั้นมันคงผลักดันให้ยุไม่กล้าไว้ใจใคร หรือศรัทธาในความรักความหวังอะไรอีก คุณเมธคะ...ช่วยพาน้องยุออกมาทีนะคะ พายุออกมาจากอดีตรพยำนั่นทีนะคะ บลูม่าขอร้อง..."
น้ำเสียงของบลูม่าผู้จัดการสาวสั่นเครืออย่างชัดเจน บ่งบอกถึงอารมณ์ห่วงใยและปวดร้าว และคำขอที่บลูม่าเอ่ยขอก็เป็นคำเดียวกันที่กฤตเมธอยากจะเอ่ย
"แน่นอนอยู่แล้วครับ ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยยุให้หลุดพ้นจากอดีต และจะดูแลปกป้องให้ดีที่สุดอย่างแน่นอนครับ"
"ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริงๆ"
เมื่อได้ยินคำตอบรับแข็งขันของกฤตเมธบลูม่าก็สบายใจขึ้น ความจริงแล้วบลูม่าไม่ใช่คนเชื่อคนง่าย แต่สำหรับกฤตเมธแล้วหล่อนมั่นใจว่าชายหนุ่มจะไม่โกหก
หลังวางสายการสนทนาที่ยาวนาน กฤตเมธยังคงมีใบหน้าเครียดขึง เรื่องราวของสดายุที่ได้รับรู้มามันช่างโหดร้าย จริงอยู่ว่าไม่มีใครมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ทุกคนต่างก็เคยผ่านเรื่องราวอันเจ็บปวดแสนสาหัสมาทั้งสิ้น แม้แต่ตัวกฤตเมธเองก็ใช่ว่าเส้นทางที่เดินอยู่จะโรยด้วยกลีบกุหลาบเสียเมื่อไหร่ แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่สดายุเคยเผชิญแล้ว เรื่องของเขามันคงเบาบางเหลือเกิน
กฤตเมธคิดพลางมองไปที่ร่างของสดายุ ที่กำลังบิดขี้เกียจคลายความเมื่อยขบอยู่ ด้วยแววตาที่แตกต่างจากเดิมเล็กน้อย
'ต่างตรงที่...รักมากขึ้นไปอีก'
อยากเข้าโอบกอดเพื่อปลอบขวัญคนแสร้งทำเป้นใจแข็งไม่เจ็บไม่ปวดเหลือเกิน แต่ก็รู้ว่าคงทำไม่ได้ พระเอกหนุ่มจึงได้แต่รีบสูดหายใจเข้าปอด แล้วปรับอารมณ์โกรธขึงเศร้าสร้อยของตนให้กลับเป็นปกติที่สุด เพราะเรื่องที่เขาคุยกับบลูม่านั้นจะให้สดายุรู้ไม่ได้เด็ดขาด
"ยุ...ฉันควรทำยังไงกับนายดี..."
"คำว่ารักที่ฉันมอบให้นาย จะสามารถทำให้นายหลุดพ้นจากอดีตดำมืดนั่นได้มั้ยนะ"
*
*
*
*
*
ในที่สุดการถ่ายทำในส่วนของวันนี้ก็จบลง อ๊อดสั่งเลิกกองตอนสี่โมงเย็นพอดิบพอดี ที่เหลือค่อยเก็บตกพรุ่งนี้พร้อมกับการถ่ายเสริมฉากงอนง้อกลางตลาดของสดายุและกฤตเมธด้วย ส่วนฉากเลิฟซีนบทสำคัญของทั้งคู่นั้นถูกเลื่อนไปถ่ายทำใหม่อาทิตย์หน้า เพราะอ๊อดต้องการให้แผลของกฤตเมธหายดีก่อน และยังต้องการให้คู่พระนางได้มีเวลาทำอารมณ์กันมากกว่านี้อีกด้วย
"เหนื่อยมั้ยครับ ยุ?"
กฤตเมธทักขึ้นอย่างอารมณ์ดีขณะเดินเอาน้ำเข้าไปเสริฟให้สดายุที่ยืนบิดตัวไปมาไล่ความเมื่อยขบถึงที่ ท่ามกลางสายตาสอดรู้สอดเห็นของทีมงานหลายๆคน
"ว่างจังนะคุณ แผลหายแล้วไม่ใช่รึไง อู้อยู่ได้"
สดายุถากถางกลับไปเล็กน้อยพร้อมเอื้อมมือไปรับขวดน้ำแร่จากกฤตเมธมาอย่างไม่มีทีท่าเคอะเขิน เพราะสดายุตั้งใจแล้วว่าช่วงเวลาที่ยังอยู่ที่มัลดีฟส์นี้จะขอตักตวงความใจดีของกฤตเมธอย่างเต็มที่
"พรุ่งนี้ก็ทำงานได้แล้วครับ แล้ววันนี้ผมก็ไม่ได้อู้นะ อุตส่าห์เป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณแทนคุณบลูม่าทั้งวัน..."
เสียงทุ้มรื่นหูเอ่ยแก้ตัวเสียงหวาน เรียกความหมั่นไส้ของสดายุให้พลุ่งพล่านขึ้นไม่น้อย แต่ก็ได้แต่ค้อนใส่เล็กๆ เพราะอย่างน้อยการถูกกระเซ้าด้วยถ้อยคำหวานหูนี้ก็ทำให้จั๊กกะจี้หัวใจดีอยู่เหมือนกัน
พอได้ร่ำลาผู้กำกับอ๊อด รุจน์และพอร์ช เพื่อกลับมาพักผ่อนตามอัธยาศัยแล้ว สดายุก็เดินนำหน้าลิ่วไม่สนใจกฤตเมธที่เดินถือของตามมาแม้แต่น้อย นั่นเพราะใจของชายหนุ่มรู้ดีว่า เพียงแค่อึดใจเดียวร่างสูงกำยำของอีกฝ่ายก็จะเคลื่อนเข้าใกล้และจะป้วนเปี้ยนรอบกายไม่ห่างอยู่แล้ว
"จะรีบเดินไปไหนกันครับ รอกันบ้างสิ"
และสดายุก็คาดการณ์ไม่ผิด เพียงแค่ครู่เดียวกฤตเมธก็ทยานลิ่วเข้าหาดังที่คิดไว้ จนสดายุยังต้องลอบอมยิ้มขำขันไม่น้อย...
ถ้าในเมื่อที่นี่ไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความจริง ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะปฏิเสธกฤตเมธ
ไม่อยากยับยั้งชั่งใจอะไรอีกต่อไปแล้ว แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเมื่อไหร่ที่การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้จบลง ความจริงจะปลุกให้เขาและกฤตเมธตื่นขึ้น...
เมื่อวันนั้นมาถึง แน่นอนว่ามันต้องเจ็บช้ำไม่ใช่น้อย...แต่
เขาก็ไม่สามารถอดใจ ปฏิเสธความหอมหวานที่กฤตเมธใส่พานถวายมาให้ถึงปากขนาดนี้อีกแล้ว
หากวันหน้าจะต้องเจ็บ...วันนี้ก็ขอตักตวงความสุขให้อิ่มเอมเต็มที่เสียดีกว่า...
อย่างน้อยๆ ก็อาจพอหลงเหลือความทรงจำดีๆ...
*
*
*
*
*
"เฮ้ย พอร์ช? เดี๋ยวพรุ่งนี้พอถ่ายทำฉากเดินชมเมืองเสร็จ ก็ต้องต่อเลิฟซีนเลยเหรอวะ!?"
เสียงทุ้มหวานตะโกนเรียกเพื่อนที่เดินนำหน้าอยู่ลิบๆ ขาที่สั้นกว่าพยายามสับว่องไววิ่งห้อเข้าหาหน้าตาตื่น
"อืม ก็ฟังพี่อ๊อดบอกตารางงานอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ? ถามทำไม?"
พอร์ชหันไปมองคนที่วิ่งหน้าตาตื่นตามมา รุจน์ที่เป็นทั้งเพื่อนนักแสดงและเพื่อนแท้ตั้งแต่เยาว์วัยนั้น ท่าทางลนลานกับบทที่ต้องเข้าคู่กับตนอยู่ไม่น้อย เลิฟซีนครั้งแรก แถมยังต้องทำกับผู้ชายที่เป็นเพื่อนรักของตัวเอง
"ก...ก็มัวแต่ตกใจนี่ เห็นพี่แกบอกให้เลื่อนออกไป เลยไม่นึกว่าจะเร็วขนาดนี้นี่นา..."
รุจน์พยายามอธิบาย เพราะทีแรกฉากเลิฟซีนของเขากับเพื่อนสนิทนั้นโดนเลื่อนเวลาถ่ายทำออกมาครั้งหนึ่งเหตุเพราะเขาไม่พร้อม รุจน์ก็เลยพาลนึกไปว่าจะได้เลื่อนยาวออกไปเป็นอาทิตย์ ที่ไหนได้ยังไม่ทันจะได้วางใจ พี่อ๊อดผู้กำกับก็ดันบอกว่าจะถ่ายทำคืนพรุ่งนี้หลังจากถ่ายทำฉากเดินตลาดจบ เล่นเอารุจน์แทบจะลมจับ เพราะชายหนุ่มยังไม่ได้ทำใจเลยแม้แต่นิดเดียว
"...กลัวเหรอ?"
หลังได้ยินรุจน์โวยวาย พาลให้พอร์ชเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไปอย่างจริงจัง ถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ไม่ได้ต้องการจี้ใจดำให้เจ็บ ซึ่งรุจน์เองก็รู้ดี
"...กลัวสิ ไอ้บ้า..."
เสียงอ่อนระโหยตอบเพื่อนรักอย่างจริงใจ พร้อมซบศีรษะหนักๆของตนลงกับไหล่เพื่อนซี้อย่างเหนื่อยอ่อน โดยไม่รู้ตัวแม้แต่นิดว่าอาการอ้อนเพื่อนของตนนั้น จะทำให้พอร์ชลอบยิ้มชอบใจอยู่ไม่น้อย
"หึ...งั้น...คืนนี้กูซ้อมบทให้อีกรอบเอามั้ย?"
"ไม่เอา!!" (ตะโกนออกมาเสียงหลง)
"อ้าว...กลัวเล่นเข้าถึงบทไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? วันนั้นก็ซ้อมบทกันยังไม่ทันจบมึงก็ชิ่งไปเสียก่อน คืนนี้ลองซ้อมกันอีกทีเพื่อความชัวร์เอาเปล่า? พรุ่งนี้เล่นจริงจะได้ไม่ประหม่าไง?"
เห็นเพื่อนรักปฏิเสธเสียงหลงพร้อมส่ายหน้ายิกราวกับได้ยินเรื่องชวนขนหัวลุก พอร์ชก็รีบอธิบายความพร้อมกล่อมรุจน์ไปในทีว่าเป็นห่วงอยากให้เล่นออกมาได้ดี ทั้งที่จริงแอบแฝงไว้ด้วยเลศนัยน้อยๆ ความเจ้าเล่ห์ของเพื่อนรักที่รุจน์ไม่มีวันตามทัน
"...ตกลงมั้ย อย่าเงียบดิ?"
เห็นว่ารุจน์ปิดปากเงียบ พอร์ชก็เริ่มรุกเร้า แต่เพื่อนรักตัวน้อยของเขาจะยิ่งสลดสรดเศร้าเข้าไปอีก และเหมือนถ้ามองไม่ผิดดวงตากลมโตหลุบต่ำคงรื้นไปด้วยหยาดน้ำตาอย่างน่าสงสาร
"...กู...กูไม่ซ้อมได้มั้ยอ่ะ?..."
(เสียงเครือสั่นขอร้องอย่างน่าสงสาร)
"ทำไมล่ะ มึงกลัวเล่นได้ไม่ดีไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวกูช่วยซ้อมให้ไง..."
"เปล่า...กูไม่ได้กลัวเล่นไม่ดี..."
"...แล้วมึง....กลัวอะไร?"
คำปฏิเสธของเพื่อนรักทำเอาพอร์ชขมวดคิ้วสงสัย อะไรกันที่เพื่อนตัวน้อยของเขากลัวมากไปกว่าการเล่นออกมาได้ไม่ดีจนโดนพี่อ๊อดดุ โดยที่พอร์ชนั้นคิดไม่ถึงเลยว่าคำตอบของรุจน์จะทำให้เขาต้องอึ้ง ชนิดที่ว่าไม่เคยเจอมาก่อนเลยทีเดียว
"...กูกลัวมึง..."
"ห๊ะ?..."
"กูกลัวมึงอ่ะพอร์ช กูกลัวมึง..."
คำเฉลยของรุจน์เล่นเอาพอร์ชถึงกับหน้าตื่น เพราะไม่คิดว่าจะโดนเพื่อนสนิทที่ตนคิดไม่ซื่อเอ่ยปากว่ากลัวตัวเองออกมาตรงๆ 'แย่แล้ว!!'
"รุจน์...มึงจะกลัวกูทำไม? กูน่ากลัวตรงไหนเนี่ย?"
"...ไม่รู้...ก็มันกลัวนี่!"
เสียงบอกเล่าอ่อยๆของรุจน์เรียกรอยยิ้มร้ายลึกของพอร์ชให้กระตุกขึ้นเล็กน้อย หัวใจชายหนุ่มเองก็ลิงโลดขึ้นเมื่อได้เห็นใบหน้าแดงเห่อของเพื่อนรัก...
...ใช่แล้ว...พอร์ชชอบเหลือเกิน ที่ได้เห็นว่ารุจน์แอบหวาดหวั่นกับเขา โดยเฉพาะกับฉากอย่างว่า...
ไม่ได้ซาดิสต์อยากแกล้งเพื่อนให้ได้อายหรอก ไม่มีเจตนาจะทำให้อายอย่างไร้เหตุผล แต่ที่พึงใจในกิริยาแบบนี้ของเพื่อนรักนั้น ก็เป็นเพราะเหตุผลเดียว…นั่นก็คือ
'รักมาก'...นั่นเอง
...แอบรักมานานจนแทบจะบ้าอยู่แล้ว...**************************************************************
แอบทิ้งปม ทิ้งประเด็น ทิ้งทุกอย่างไว้ให้ค้างเล่น...
เดี๋ยวตอนหน้าจิรีบมานะคะ...แต่...ต้องขอไปซ่อมคอมพิวเตอร์ก่อนค่ะ
...ฮึ่ก...
ฮือ....
“คอมเจ๊งค๊า!! จิขาดใจ แล้วเสาร์อาทิตย์นี้อิชั้นจิอยู่ยังไง!!”ขอโทษที่มาช้านะคะ แอบออกนอกเมืองกระทันหันไปร่วมสัปดาห์ค่ะ
แถมยังถูกตัดขาดการติดต่อ...

ขอบคุณที่ยังติดตามนิยายเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณค่ะ
Thearboo / อนาคี99