ผมคือ…นางเอก
ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น)
ติ่งแรก แลกใจ
หมายเหตุ : ซอลย่าคือใคร กลับไปอ่านซีนที่ 25 อีกทีนะเคอะ ฮุฮุฮุติ๊ง....
‘thirty-two Floor’
เสียงลิฟท์ดังขึ้นต่อหน้าต่อตา บลูม่า
‘ใครกันมาเอาตอนนี้? หรือว่า....’
“คุณเมธ...?..เอ๋อ...”
“เฮ้อ โชคดีจังยังมีคนอยู่....อ๊ะ...”
บลูม่าที่แอบดีใจแทบตายเพราะนึกว่าคนที่จะโผล่ออกจากลิฟท์คือ กฤตเมธ ทว่าคนที่ออกมานั้นกลับเป็น...
“...ซอลย่า!?”‘คู่แค้นตลอดกาล!! ไม่อยากเจอ ดันเจอได้ทุกวัน!!’ (บลูม่า)
“…บลู? หวัดดี ดึกป่านนี้แล้ว…ยังไม่กลับอีกเหรอ?”
‘โชคดีจัง…วันนี้ได้เจอบลูด้วย’ (ซอลย่า)
ผู้ออกจากลิฟท์ทักทายบลูม่าออกมาตะกุกตะกักเล็กน้อย ชายหนุ่มก้มหน้าก้มตาตามนิสัยเคยชิน ไม่บอกไม่มีทางรู้ว่า ผู้ชาย(ไม่แท้) ที่ชื่อ ‘ซอลย่า’ คนนี้แท้จริงแล้วเป็นถึงผู้จัดการส่วนตัวของดาราดังหลายคน เพราะถึงจะเป็นคนขี้อายแต่ก็มีสายตาที่เฉียบคม
ซอลย่าเป็นผู้ชายร่างเล็กผอมบางแทบไม่มีกล้ามเนื้อ มีรสนิยมเฉพาะตัว นั่นคือชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เป็นเกย์สาว ที่เกย์เพศเดียวกันไม่ค่อยให้ความชื่นชมสักเท่าไหร่ เพราะความที่ซอลย่าสวยหวาน น่ารักเกินไป โดยเฉพาะนิสัยซุ่มซ่ามโก๊ะๆ เหม่อๆ เลยมีแต่คนเข้ามาทะนุถนอม อยากปกป้องดูแล โดยเฉพาะเหล่าชายชาตรีที่ทนเห็นสิ่งมีชีวิตน่ารักๆผจญโลกอย่างน่าสงสารไม่ได้ ข้อนี้เองที่ทำให้ซอลย่าขึ้นแท่น ‘เกย์สาวที่ถูกสาวด้วยกันเขม่นใส่ 100%!!’ เพราะไม่ว่าสาวเจ้าเหล่านั้นจะพยายามใส่จริต บีบร่างให้สะโอดสะองแค่ไหน สุดท้ายก็ยังดูเป็นชายล่ำถึกแมนอยู่ดีเมื่อเทียบกับ ซอลย่า…ในกรณีนี้ แม้แต่บลูม่าเองก็เป็นหนึ่งในผู้ตั้งตนเป็นศัตรูของซอลย่าเช่นกัน
…ก็ใครใช้ให้ซอลย่าเกิดมาตัวเล็กกว่า ขาวกว่า แบ๊วกว่า น่ารักกว่าบลูม่าขนาดนี้กันล่ะ ผู้ชายที่เล็งไว้เลยไม่เคยชายตามาหาบลูม่าเลยแม้แต่คนเดียว…เพราะทุกคนไปโอ๋ซอลย่ากันหมด ดังนั้นบลูม่าเลยฝังใจว่า ‘ผู้ชายของข้าซอลย่าฟาดเรียบ!!’
‘หนอย…ที่ฉันเวอร์จิ้นมาจนถึงทุกวันนี้มันเป็นเพราะหล่อนคนเดียว!!’
เปรียบเทียบแบบเห็นกันจะๆ!!
บลูม่า (ตั้งเอง) ส่วนสูง 190 cm.
น้ำหนัก 82 kgs.
สีผิว ขาว (พยายามประทินโฉม)
ใบหน้า แมนมาก นักเลงฝุดๆ
ดวงตา คม ดุ
จริต ดัดจริต เต็มร้อย พูด ‘คะ,ขา’ แทนตัว
ความแรด 100% **************************
[ซอลย่า (วงการตั้งให้)ส่วนสูง 168 cm.
น้ำหนัก 50 kgs.
สีผิว ขาวอมชมพู (ธรรมชาติ)
ใบหน้า แบ๊วๆ เอ๋อๆ
ดวงตา เรียวเล็ก หลุบต่ำเสมอ ใส่แว่นด้วย
จริต นุ่มนิ่ม เรียบร้อย พูด ‘ครับ’ แทนตัว
ความแรด 0 %
“เรื่องของฉัน! หล่อนนั่นแหละมาทำลับๆล่อๆอะไรป่านนี้!?”
“…เอ่อ ฉันลืมของน่ะ…เลยกลับมาเอา…”
“โฮ่ย! พูดเบาแบบนั้นใครจะไปฟังรู้เรื่องยะ!!”
ยังไม่ทันที่ซอลย่าจะพูดจบ บลูม่าก็ตวาดใส่ด้วยความรำคาญในน้ำเสียงที่เบาจนฟังไม่รู้เรื่องของซอลย่า ฝ่ายถูกเอ็ดก้มหน้างุดตามนิสัยขี้ขลาดของตัวเองทันที ใจสั่นทุกครั้งที่ถูกบลูม่าเขม่นใส่ ไม่อยากถูกเกลียด…ขอแค่บลูม่คนเดียวเท่านั้นที่ไม่อยากให้เกลียด
“…ขอโทษ…”
เอ่ยขอโทษออกไปเบาๆ แล้วชำเลืองมองไปที่คู่สนทนาที่ยังคงทำหน้าไม่สบอารมณ์ ซอลย่าไม่รู้จะทำยังไงให้บลูม่าหายโกรธ ไม่รู้จะทำยังไงให้บลูม่าเลิกเข้าใจผิดแล้วกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ซอลย่าทำอะไรไม่ถูกเลย เกลียดตัวเองที่ขี้ขลาด เกลียดตัวเองเหลือเกิน
“…งั้น…ไปก่อนนะ…”
ด้วยว่าจนปัญญาจะทำให้อีกฝ่ายหายโกรธ ซอลย่าก็เลยขอตัวไปก่อนเพื่อหลบหน้าบลูม่าที่กำลังขมวดคิ้วน่ากลัว
…หลบไปเลียแผลใจ รอบที่หลายพัน…เลียจนแผลอักเสบไปหมดแล้ว
“เดี๋ยวก่อน!”
หมับ!
“อ๊ะ?”
ทั้งที่กะจะรีบไปให้พ้นหน้าเพื่อเอาใจ แต่กลับถูกอีกฝ่ายดึงรั้งไว้โดยการกระชากแขนจนตัวปลิวเสียก่อน ซอลย่าตกใจเสียจนหน้าเอ๋อ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกรั้งไว้ นี่เขายังทำอะไรให้บลูม่าไม่พอใจอีกอย่างนั้นเหรอ?
“ฉันได้ยินมาว่าวันนี้ไอ้บดินทร์เด็กในสังกัดเธอเที่ยวมากวนโอ้ยสดายุของฉันอยู่”
“เอ๊ะ?...ไม่เห็นรู้เลย…”
ซอลย่าหน้าเหวอเล็กน้อยเมื่อทราบเรื่องราวจากปากของบลูม่า วันนี้เขายังไม่ได้คุยกับบดินทร์เลยสักครั้ง เลยไม่รู้จริงๆว่าเด็กในสังกัดตนไปทำตัวเกเรกับเด็กของบลูม่ามา
“ไม่ต้องมาทำเป็นเอ๋อไม่รู้เรื่องเลย!”
“โอ้ย!...”
ยิ่งตะคอกยิ่งถูกกระตุกร่างแรงๆจนถูกลากเข้าไปอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก ใกล้…จนหัวใจของซอลย่าแทบหลุดกระเด็นออกมา
“หนี้แค้นเก่าไอ้บดินทร์ยังไม่ได้ใช้ อย่าริสร้างใหม่นะยะ! คราวนี้ฉันไม่เอาไว้ทั้งไอ้ดาราเฮงซวย ทั้งหล่อนด้วยอย่างแน่นอน!!”
“…………..” ยิ่งฟังก็ยิ่งเจ็บ ซอลย่าได้แต่กัดฟันกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
เจ็บปวดที่ถูกคิดว่าเป็นแค่ศัตรูคู่แข่ง
รวดร้าวที่ความในใจไม่เคยส่งไปถึง
…รักข้างเดียว มาตลอด 15 ปี…
ย้อนวันวาน…
เลือกเรียนสาขานิเทศศาสตร์ ทั้งๆที่เป็นคนขี้ขลาดขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าสบตาผู้คน จนโดนแกล้งโดนแววอยู่บ่อยครั้ง... นายซอล ผู้ด้อยในภาคสนาม คะแนนห่วยในภาคปฏิบัติ กลับมีคะแนนภาคทฤษฎีดีเยี่ยม การวิเคราะห์ต่างๆแตกฉานอัจฉริยภาพด้านการเขียนบทวิจารณ์ และนั่นจึงทำให้ ซอลยังคงยืนหยัดในสาขานิเทศศาสตร์นี้ได้อย่างอยู่รอดปลอดภัย
เลือกเรียนสาขานิเทศศาสตร์ เพราะเป็นคนชอบแสดงออก มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบพบปะผู้คน เป็นที่รักใคร่ มีเพื่อนเป็นฝูง...นายบลู ผู้เชี่ยวชาญภาคสนาม คะแนนเต็มร้อยในภาคปฏิบัติ แม้แต่ในภาคทฤษฎีก็มีคะแนนที่น่าพึงพอใจ บทวิเคราะห์บทวิจารณ์ก็ทำออกมาได้ดีอย่างที่คณาจารย์คาดหวัง แม้บลูจะไม่ได้เด่นเป็นที่สุด ไม่ได้เจิดจรัสอย่างพวกเพชรยอดมงกุฏ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นระดับแนวหน้าที่ต้องพูดถึงเช่นกัน
"อ่อนปวกเปียกเป็นหนอนเชียวหล่อน หัดสู้คนบ้างสิ จะยอมโดนแกล้งแบบนี้ไปทั้งชาติเลยรึไง!!"
"...ข...ขอโทษ..."
"ขอโทษทำไมยะ? ที่พูดนี่ให้รู้สึกฮึกเหิม ไม่ใช่ให้ขอโทษ เฮ้อ!...ซอลเอ้ย แล้วฉันจะปล่อยให้หลงหูหลงตาได้ยังไงเนี่ย..."
บลูพ่นลมหายใจละเหี่ย ที่เห็นว่าเพื่อนตัวเล็กของตนโดนกลั่นแกล้งจากเพื่อนคนอื่นๆอยู่บ่อยครั้ง โดยที่เจ้าตัวไม่เคยตอบโต้
ฝ่ายคนโดนเอ็ดก็เริ่มน้ำตาซึมจนต้องรีบเช็ดกันป้อยๆ จนคนกำลังหน้าหงิกต้องถอนหายใจอีกสามเฮือก แล้วเอามือมาโอบศีรษะทุยของเพื่อนไว้แนบอกเป็นการปลอบขวัญ 'เอากับมันสิ บ่อน้ำตาตื้นจริงจริ๊ง'
อ่อนไหว อ่อนหวาน ไร้เดียงสา บอบบาง น่าทะนุถนอม นี่คือนิยามของซอล
สูงล่ำ สวย(อันนี้เจ้าตัวคิดเองเออเอง) ถึก บึกบึน กร้านโลก ขี้วีน แร่ด ดัดจริต แต่หล่อ มองเผินๆถ้ายืนเฉยๆดูแมนมาก นี่คือนิยามของบลู
ส่วนร่วมส่วนเดียวที่เหมือนกันของทั้งคู่คือ 'ต่างก็ชอบผู้ชาย' และ 'ต่างก็เป็นสาวดุ้น'
บลูนั้น แม้จะยังแต่งเครื่องแบบนักศึกษาชายตามระเบียบ ผมสั้นรองทรง ไม่แต่งหน้าจนเกินงาม (แค่บำรุงด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ ไวท์เทนนิ่ง และแป้งพับกันแสงยูวี กับทาลิปมันไม่มีสี เล็กน้อย พอกระชุ่มกระชวย) แต่จิตใจของบลูฝักใฝ่ความงามเฉกเช่นสตรีมีจริตท่วงท่าที่แสนจะ(พยายาม)อ่อนหวาน ไม่ว่าจะเป็นคำพูดคำจา ท่าทางการนั่งการเดิน นวยนาด สวยเริดเชิด สาวแตกสุดๆ ทว่า...แม้จะสวยเริดเชิดแรดยังไง บลูก็ไม่ใช่คนง่าย แม้จะอยากโดนผู้ชายงาบ แต่ก็เลือกเยอะ เสปคสูง จนหาคนที่ใช่ไม่ได้เสียที (แต่...ถึงจะเจอ หนุ่มคนนั้นก็ดันไม่นิยมป่าเดียวกันเสียอีก) แถมด้วยส่วนสูงและรูปร่างอันสมาร์ทเกินชาย เลยไม่เคยมีหนุ่มคนไหนชายตาแลเลย จะมีก็แต่สาวๆป่าเดียวกันกับชะนีน้อยบางเผ่าพันธ์ที่หลงใหลได้ปลื้มอยากโดนบลูงาบเสียมากกว่า อ่อยเช้าอ่อยเย็นจนบลูเอือมระอา ช่วงพีคสุดๆของบลูคงเป็นช่วงที่โดนลากไปแข่งบาสอยู่ช่วงหนึ่ง เพราะบลูเคยลงแข่งมาก่อน(เนื่องจากตัวสูง) และฝีมือเทพมาก จึงถูกขอร้องแกมบังคับให้มาช่วยแข่งของคณะยาวไปจนระดับมหาลัย (แม้สาวนตัวแล้วบลูจะไม่ชอบเลย เพราะมันทำให้ดูถึก ไม่สมหญิง แต่ก็ไร้ทางปฏิเสธ) ช่วงนั้นเป็นช่วงที่บลูเกลียดตัวเองที่สุด การซ้อมหนักทำให้รูปร่างที่บลูตั้งใจจะให้ผอมสวยสะโอดสะองนั้นกลายเป็นแมนเต็มร้อย สมชายชาตรีสุดๆ กล้ามอกกล้ามแขนขึ้นกันพรึ่บพรั่บขัดใจเจ้าของอย่างยิ่ง แต่ถูกใจสาวแท้สาวเทียมอย่างมาก ขนาดชายแท้บางคนยังแอบอิจฉา สาวๆตามกรี๊ดติดขอบสนามไม่แพ้ชายแท้ตัวเป็นๆในทีมเลยทั้งๆที่ทุกคนก็รู้ว่าบลูเป็นกะเทย แต่ก็อดใจสั่นกันไม่ไหว 'เสียดายของจริงจริ๊ง'
และด้วยความที่แมนเกินชายนี่แหละ สุดท้ายบลูเลยยังไม่เคยโดนเสียที โสดซิงแทบจะบูชาขึ้นหิ้งได้ เพราะแม้แต่ขาอ่อน...ก็ยังไม่เคยมีใครได้เห็น...
'อนาถแท้วะ...อิชั้นเนี่ย....ฮรือๆๆๆ'
ฝ่ายซอล หนุ่มน้อยขี้อาย ชายไม่แท้ที่ใครเห็นก็อยากปกป้องดูแล จะเรียกว่ากะเทยก็ไม่ค่อยเต็มปาก เพราะจริตจะก้านไม่ค่อยเยอะ เรียบร้อยนุ่มนิ่มแต่ก็ไม่ได้ตุ้งติ้งเกินงาม มีชายแท้ชายเทียมเข้ามาตอแยด้วยไม่ขาด ทั้งหยอดทั้งจีบ แต่ซอลก็ไม่เคยสนใจใครเป็นพิเศษ ด้วยความขี้ขลาดและขี้อายเกินกว่าจะเปิดใจ สุดท้ายเลยไม่มีใครในใจสักคน และเพราะเป็นคนแบบนี้ทำให้ซอลมักโดนกลั่นแกล้งอยู่เสมอ เพราะหลายคนคิดว่าเจ้าตัวเป็นคนหยิ่ง ทั้งจากพวกที่จีบทีเล่นทีจริง จีบหวังฟัน และจากพวกอิจฉาริษยาที่ซอลเป็นที่นิยมเกินหน้าเกินตาตัวเอง แม้จะถูกรังแกบ้าง แซวบ้าง แกล้งบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ซอลย่อท้อ เขายังมาเรียนทุกวัน เผชิญทุกอย่างที่น่าอึดอัดนั้นทุกวันด้วยความเข้มแข็ง แม้จะมีข่าวลือเสียหายจนอยากกัดลิ้นตายหลายอย่างซอลก็ยังอดทนไม่สนใจและใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ไม่แก้ไข ไม่แก้ตัว ไม่แก้ข่าว ความฉาวเลยกระพือโหมไม่หยุดเสียที
'อีซอลน่ะมันแอ๊บ ที่จริงนะร่านผู้ชายจะตาย'
'วุ้ย เสียตัวจนรูพรุนหมดแล้ว ยังจะมาแอ๊บใส ถุ้ย!!'
'โดนมาเยอะแล้วไม่ใช่เหรอ ให้พี่ลองบ้างสิน้องซอล ฮ่าฮ่าฮ่า'
'ได้ข่าวว่าเด็ดว่ะ ต้องลองซะหน่อยมั้ง ฮ่าฮ่า'
'อดอยากจนต้องแย่งผัวชาวบ้าน อีช็อคโกรี่!!'
แม้จะถูกใส่ร้าย ถูกข่าวฉาวคาวราคีโหมกระหน่ำซอลก็ยังยืนหยัดอยู่ได้ ซอลคิดอยู่ในใจเสมอว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตายตราบใดที่เขาไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าวหา ต่อให้โดนทำร้ายมากแค่ไหน เขาก็จะไม่แปดเปื้อน ต่อให้ใครไม่รู้ แค่ตัวเองรู้ก็พอแล้ว ไม่ต้องการให้ใครมาใส่ใจ ไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร ‘ไม่เป็นไร เราอยู่คนเดียวได้’
ซอลคิดอยู่อย่างนี้เสมอจนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาโดนดักฉุด!
และวันนั้น ซอลก็ได้ค้นพบคนที่เขาพร้อมจะเปิดใจให้โดยไม่มีข้อแม้...
“อย่า! อย่าทำผมเลย! ฮือ...ปล่อยผม...ฮือ...ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย!!”
ร่างเล็กขาวผุดผาด ดิ้นพล่านปัดป้องตัวเองจากมือมารที่คอยยึดยื้อ และฉีกทึ้งเสื้อนักศึกษาอย่างไม่ปราณีปราศรัย ห้องเก็บของของคณะ ทั้งมืดและห่างไกล แทบไม่มีคนเดินผ่านโดยเฉพาะช่วงหัวค่ำ ดังนั้นมันจึงเป็นสถานที่อโคจรที่ไอ้สามตัวชั่วช้ามันลากซอลมาทำร้ายได้อย่างที่ไม่มีใครรู้เห็น
“อย่าดิ้นน่า น้องซอล ฮื่อ ขาวเชี่ยๆเลยว่ะ”
“อย่านะ! ผมไหว้ล่ะ ปล่อยผมเถอะ!!”
“หุบปากได้แล้ว! แม่งเล่นตัวอยู่ได้ แค่จะมีผัวเพิ่มอีกสามคนเนี่ย ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอมึง หึหึ”
“หัวนมชมพูเชียวเว้ย! ไม่ไหวแล้ว กูเริ่มก่อนเลยแล้วกัน! ฮ่าฮ่า”
“ไม่! อย่า!! ม่ายยยยยยย!!!”
โครม!!!
“ทำเชี่ยอะไรกันวะพวกมึง!!?”
ยังไม่ทันที่ซอลจะโดนทำอะไร บลูก็ถีบประตูโครมเข้ามาช่วยไว้ได้ทันการเสียก่อน แล้วส่วนสูง 190 ร่างกายที่บึกบึนเพราะซ้อมกีฬา พร้อมเรี่ยวแรงที่ไม่ได้น้อยเลยแม้แต่น้อยนั้น ก็สามารถจัดการไอ้สามชั่วตัวผู้สารเลวที่เก่งแต่ปากแต่กากเรื่องฝีมือลงไปแดดิ้นได้ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที
ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาช่วยโดยตรง แต่เพราะเดินผ่านมาได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ เลยถีบประตูเข้าไปขัดขวางไว้ได้ทันท่วงที ไม่ได้อยากเป็นฮีโร่ แต่ก็ไม่ชอบเห็นความไม่ยุติธรรม
และหลังจากวันนั้น บลูและซอลก็ได้เริ่มทำความรู้จักกันอย่างจริงจัง จากที่เคยแค่เห็นกันในห้องเรียน จากที่เคยแค่ได้ยินข่าวลือที่ไม่ค่อยได้ใส่ใจ ก็ได้มาทำความเข้าใจในกันและกัน จนกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
บลู คอยปกป้องซอลจากพวกตามตอแย ตามราวีไม่เลิก รู้สึกว่าตัวเองเป็นเพื่อนสาว เป็นพี่สาวที่แสนน่ารักของซอลเสมอ
ซอล คอยอยู่ใกล้บลูตลอด เปิดใจให้บลูคนเดียว รู้สึกว่า บลูคือคนที่ ‘ใช่’ และ นานไปก็เริ่ม ‘ตกหลุมรัก’
ความรักของซอลที่มีให้บลูนั้นผลิดอกออกผลเติบโตขึ้นทุกวัน เพราะขี้ขลาดเลยไม่ได้บอกให้บลูรู้ แต่ซอลก็รู้สึกมีความสุขเพียงพอที่บลูให้ความสำคัญกับตัวเองเป็นที่หนึ่งเสมอ
ทว่า...เรื่องร้ายในที่สุดก็โถมทับเข้ามา
ความเข้าใจผิด กับคำใส่ร้ายที่ไร้คำแก้ต่าง ความขลาดเขลาที่ทำอะไรโดยไม่คิด ทำให้ในที่สุด บลูและซอลก็แตกหักกัน
“บลู บลู...มันไม่ใช่อย่างที่บลูคิดนะ ซอล ขอโทษ...”
“ไม่ใช่อย่างที่บลูคิด แล้วเรื่องจริงคืออะไรล่ะ ซอลก็บอกบลูมาสิ”
“ซอลไปกินข้าวกับเพชรจ้ามาจริงๆ...ขอโทษที่ซอลโกหก...แต่ซอลมีเหตุผล...”
“เพชรจ้ากับบลูเพิ่งคบกันได้แค่สองอาทิตย์ บลูย่อมไม่เข้าข้างเขามากไปกว่าซอลที่เป็นเพื่อนบลูมาถึงสองปี ต่อให้ท้ายที่สุดซอลกับเพชรจ้าจะเกิดปิ้งกัน เคมีตรงกัน แล้วเพชรจ้าเลิกกับบลูเพื่อไปคบซอล บลูก็จะไม่โกรธ แต่ตอนนี้ที่บลูรับไม่ได้ คือการถูกหักหลัง การเป็นคนโง่ ที่เขาว่ากันว่าหลงผู้ชายจนหูหนวกตาบอด มองไม่เห็นว่าตัวเองกำลังโดนสวมเขา โดยเพื่อนรักของตัวเอง...เพชรจ้าโกหก บลูก็แค่โกรธมัน เลิกกับมัน ไม่เจ็บหรอกกับผู้ชายแบบนั้น แต่การที่ซอลโกหกบลู มันมันทำให้บลูเจ็บ เจ็บกว่าอะไรทั้งหมด!”
“บลู...”
“เอาเถอะ อีกไม่กี่วันก็เรียนจบแล้ว เราต่างคนต่างไปตั้งแต่วันนี้เลยก็แล้วกัน”
“บลู!! บลูฟังก่อน!!”
นั่นคือภาพสุดท้ายที่ได้คุยกัน การตัดสินใจทำบางอย่างที่ไม่ยั้งคิดของซอล ทำให้ความสัมพันธ์ขาดสะบั้นลงจนวันนี้
...โดยที่ไม่มีโอกาสได้อธิบาย
*
*
*
*
*
“หนี้แค้นเก่าไอ้บดินทร์ยังไม่ได้ใช้ อย่าริสร้างใหม่นะยะ! คราวนี้ฉันไม่เอาไว้ทั้งไอ้ดาราเฮงซวย ทั้งหล่อนด้วยอย่างแน่นอน!!”
“บลู...ขอโทษเรื่องบดินทร์ด้วยนะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เขาเป็นแบบนั้น ฉันพยายามเตือนเขาแล้ว...”
“หุบปากหล่อนไปเถอะ! ลูกปูตามแม่ปูฉันท์ใด เด็กในสังกัดมันก็คงตามผู้จัดการมันฉันท์นั้นแหละ”
กระแทกแดกดันจบ ก็สะบัดมือออกจากแขนของซอลย่า ไม่สบอารมณ์เลยสักอย่างที่ต้องมาเจอกันซึ่งๆหน้าแบบนี้ เรียนจบมาก็ว่าจะต่างคนต่างไปแล้วแท้ๆ ยังอุตส่าห์มาทำงานอยู่วงการเดียวกันสังกัดเดียวกันอีก ไม่รู้ใครกันแน่ที่มีกรรม
กรรมของซอลย่าที่ต้องเจอเขาด่าว่าสาดเสียเทเสียทุกครั้งที่เจอหน้า
หรือเป็นกรรมของบลูม่าเอง ที่เจ็บใจ และเกลียดตัวเองทุกทีที่เผลอพูดจาร้ายกาจใส่ซอลย่า
“เฮ้อ! ฉันจะขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายนะ! ดูแลเด็กของหล่อนให้ดี ทั้งไอ้บดินทร์ชั่ว ทั้งเด็กแตงกวา อย่าให้มันทั้งคู่มายุ่งวุ่นวายกับน้องยุอีก จำไว้ว่าหากมีอีกแค่ครั้งเดียว ฉันขอสาบานเลย ว่าฉันจะทำทุกวิถีทาง…ที่จะทำลายพวกหล่อน ให้ย่อยยับไม่มีชิ้นดี!”
บลูม่าคาดโทษจบก็หันหลังเดินจากไปทันที รีบกดลิฟท์เพื่อไปให้ไกลจากใบหน้าที่กำลังจะร้องไห้เต็มทีของซอลย่า
…ไม่อยากเห็น…ไม่อยากใจอ่อน
“เกลียดฉัน…ขนาดนั้นเลย…เหรอ?…”
คำถามอ่อนแรง เอ่ยขึ้นตามหลังมา แต่บลูม่าไม่กล้าหันกลับไปมอง
“…บลู…?...”
“…ไปให้พ้นเสียที ฉันไม่อยากเห็นหน้าหล่อนอีกแล้ว”
พูดจบบลูม่าก็กดลิฟท์รัวๆ ประตูลิฟท์เปิดแทบจะทันที เพราะมันจอดรออยู่ตั้งแต่ซอลย่าขึ้นมาถึง รีบสอดตัวเข้าไปพร้อมกดปิดลิฟท์โดยไม่หันกลับไปมองซอลย่าอีกแม้แต่เพียงหางตา
กึง!!
“เฮ้ย!?”
ไม่ทันที่ประตูลิฟท์จะปิดสนิท มันก็ถูกง้างออกอีกครั้งด้วยสองมือเรียวผอม
“…ไม่…ฉันจะไม่ยอมให้เธอหนีฉันอีกแล้ว…บลู!...”********************************************************
อุ๊ย…หรือจะมีมหกรรมตีฉิ่ง (อิอิ)
ครึ่งหลัง จะมาอีกทีหลังจบตอนที่ 27 นะจ๊ะ
ยังเหลือตอนพิเศษของคู่ เฮียอ๊อด x คุณมล
และ พอร์ช x รุจน์ รออยู่นะจ๊ะ
จิมาแจมตอนหลักอยู่เนืองๆจ๊ะ
ซีนที่ 27 ครึ่งหลัง…หึหึ…พรุ่งนี้เจอกันนะคร๊า

[attachment deleted by admin]