ผมคือ…นางเอก
ซีนที่ 27 สิ่งที่สำคัญกว่า ‘สดายุ’
ครึ่งหลัง ปี๊บ...
{ เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้... }
{…Sorry, it is not possible. to reach the number you've dialed at this moment…}
ปี๊บ...
{ เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้... }
{…Sorry, it is not possible. to reach the number you've dialed at this moment…}
ตื๊ด...ตื๊ด...
‘ติดแล้ว!!’
สดายุแทบกระโดด เมื่อได้ยินสัญญาณรอสาย ในที่สุดก็สามารถติดต่อกฤตเมธได้แล้ว ‘ยังปลอดภัยอยู่สินะ...โล่งอก’
ติ๊ด!
“อ๊ะ! ฮัลโหล เมธ? คุณอยู่ไหน?” สดายุรัวใส่มือถือแบบไม่รอฟังเสียงปลายสาย เขาต้องการรู้เดี๋ยวนี้ว่ากฤตเมธอยู่ที่ไหน
“เอ่อ…โทษทีนะคะ พี่เมธเข้าห้องน้ำอยู่น่ะค่ะ…นี่จากใครคะ?”
หัวใจสดายุสะดุดวาบ ท้ายทอยชาปลาบลามไปทั้งใบหน้า ในหัวขาวโพลนไปหลายวิฯ ไม่ได้คิดในแง่ร้ายหรือแง่ไหน คิดแค่เพียงว่า...
‘ผู้หญิงในสาย…คือใครกัน?’
‘แล้วทำไมถึงต้องรับสายแทน กฤตเมธอยู่ที่ไหน ’
“เอ่อ...ฮัลโหล?...”
เงียบอึ้งนานไปหน่อยจนปลายสายต้องถามไถ่ว่อยังอยู่ดีหรือไม่
“อ๊ะ ขอโทษครับ ผมเป็นเพื่อนคุณกฤตเมธน่ะครับ ถ้าเขาไม่ว่างก็ไม่เป็นไรครับ...”
“งั้นไม่ทราบคุณชื่ออะไรคะ? เดี๋ยวพี่เมธออกมาแล้วดิฉันจะบอกให้”
“....เอ่อ...สดายุครับ...”
“..........อ๋อ...คุณสดายุ......อุ๊ย พี่เมธออกมาพอดีเลยค่ะถือสายรอเดี๋ยวนะคะ....พี่เมธคะ เพื่อนพี่ที่ชื่อสดายุโทรมาแน่ะค่ะ...อุ้ย แหม เอาตัวนี้ไปใส่สิคะ...คิกคิก...เปียกเชียว...”
เสียงใสที่ผ่านมาทางโทรศัพท์ส่งเสียงเรียกกฤตเมธด้วยความสนิทสนม ทั้งยังดูเหมือนจะอยู่ในที่ที่มีกันอยู่เพียงสองต่อสอง สดายุรู้สึกได้ถึงความเงียบผ่านทางสายโทรศัพท์ เงียบจนได้ยินบทสนทนาระหว่างกันอย่างชัดเจน
อยู่ในห้องกับผู้หญิงสองต่อสองตอนเกือบเที่ยงคืน...
ไม่ติดต่อมา ปิดเครื่อง ติดต่อไม่ได้ ปล่อยให้รออย่างไร้ความหมายจนเกือบเที่ยงคืน...
แล้วนี่...ถ้าไม่พยายามติดต่อไป กฤตเมธจะพยายามติดต่อกลับมาหาเราหรือเปล่า...
ลืมกันได้ลงคอ...อย่างนั้นเหรอ?
“ฮัลโหล ยุ! ผมขอโทษตอนนี้คุณอยู่ไหน!?”
“..........................” ไม่ถึงอึดใจจากที่หญิงสาวในสายเรียก กฤตเมธก็รับสายด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะกระวนกระวาย ถามไถ่ถึงสดายุที่ยังคงเงียบฟังอยู่ที่ปลายสาย
“...ยุ?...”
“...................คุณกฤตเมธ...”
*
*
*
*
*
โครมมมมมม!!! กึง!! ปึง!!
“..................!!?...เอ้ย? เป็นไรป่าวเจ๊?...”
สดายุแทบถลาเข้าไปช่วยประคองบลูม่าที่ลงไปกองไม่เป็นท่าอยู่บนพื้นพรม ไม่รู้รีบไปไหน เจ๊บลูม่าของเขาถึงได้ทะลึ่งตัวพรวดเข้ามาในห้องแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแถมยังเตะนู่นชนนี้จนลงไปกองในสภาพดูไม่ได้ให้ต้องตามมาถามด้วยความสงสัย
“อูยยย...โอยย...ขอบคุณค่ะน้องยุ...ซี๊ดดดด....”
ลุกขึ้นได้บลูม่าก็ซีดปากเป็นการใหญ่ทั้งเจ็บทั้งจุก ดีนะที่ไม่อายเท่าไหร่เพราะอย่างน้อยคนที่เห็นก็มีแค่สดายุน้องรักคนเดียว
“เกิดอะไรขึ้นอ่ะเจ๊ ทำไมเจ๊ดูลนลานขนาดนี้ล่ะ? เจอผีเหรอ?”
“มะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะน้องยุ เจ๊แค่ซุ่มซ่ามน่ะค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า...”
“...จริงง่ะ?...” (น้ำเสียงสงสัยสุดๆ)
“จรี๊งงงงงง!” (เสียงสูงปรี๊ด)
“...แล้วทำไมหน้าแดงแบบนั้นล่ะครับเจ๊?” (น้ำเสียงไม่เชื่อสุดๆ)
“...................ง่า.....เจ๊...เจ๊วิ่งมาค่ะ เจ๊กลัวผี...” (แถน้ำขุ่นจนสีข้างถลอก)
“เฮ้อ...ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ ยุตกใจหมด”
“ฮ่าฮ่า...เฮ้อ....กลับกันเลยมั้ยคะยุ เที่ยงคืนแล้ว เดี๋ยวเจ๊ไปส่งเอง...”
พอสดายุหมดคำถาม บลูม่าก็ดูจะโล่งใจขึ้นหน่อย สาวเจ้าชวนน้องรักกลับบ้านทันที เนื่องจากเห็นว่าดึกมากแล้ว และจะได้ถือโอกาสหนีจากใครบางคนที่เขาหนีมาเมื่อครู่ ใครบางคนที่อาจไปดักรออยู่ตรงไหนสักที่ตอนนี้ หากยังต้องเจอกันอีกอย่างน้อยๆเขาก็ยังมีสดายุไว้เป็นไม้กัน...
“เจ๊กลับก่อนเถอะ คุณเมธเขากำลังขับรถมารับยุน่ะ อีกเดี๋ยวก็คงถึง”
“..............อ่า..............เหรอคะ...ให้เจ๊รอเป็นเพื่อนมั้ย?...”
บลูม่าถึงกัยหน้าเจื่อน แต่ก็ยังคงเสนอตัวขออยู่ช่วย
“ไม่เป็นไรครับ เจ๊กลับไปก่อนเถอะ ดึกมากแล้วไหนว่ามีงานไง?”
“...แต่เจ๊อยากรอ...เป็น...เพื่อน”
แกร๊ก...
“ยุ!?”
เสียงเปิดประตูสำนักงานดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมผู้มาเยือนใหม่ที่ดูท่าทางกระหืดกระกระหอบไม่น้อย
“..................” แม้จะเห็นอีกฝ่ายหอบแฮ่กเข้ามา สดายุก็ได้แต่มองนิ่งๆไม่ยอมทักอะไรออกไป หน้าที่ทำลายความเงียบจึงตกเป็นของบลูม่าในที่สุด
“อุ๊ยตาย...คุณเมธ...มาแล้วเหรอคะ?” บลูม่าอึกอักทักกฤตเมธออกไป พลางนึกต่อว่าในใจ ‘งอนเงียบอีกแล้วนะคะคุณน้อง ลำบากเจ๊อีก!’
“อ้าวคุณบลูม่าเป็นอะไรไปครับ? ทำไมลงไปนั่งอย่างนั้นล่ะ?”
กฤตเมธยิ้มรับพลางถามไถ่แล้วช่วยประคองบลูม่าขึ้นจากพื้น ด้วยส่วนสูงหุ่นทรงที่ใกล้เคียงกัน จึงไม่สร้างภาระให้กฤตเมธมากนะ ผิดกับสดายุที่แค่โดนบลูม่าพิงเข้าหน่อยก็ถึงกับเซแล้ว
“หายไปไหนมาคะคุณเมธ โทรก็ไม่ติด นี่ถ้ามาช้าอีกหน่อย บลูจะขโมยน้องยุกลับบ้านแล้วจริงๆ” บลูม่าคาดโทษแทนสดายุน้องรัก ที่ได้แต่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ
“ขอโทษจริงๆครับคุณบลูม่า พอดีแบตเตอรี่ผมหมด แล้วดันติดธุระในที่ที่หาโทรศัพท์โทรหายุไม่ได้ เพิ่งจะเสร็จธุระเมื่อกี้ก็รีบมาเลย”
“...หืม ธุระอะไรกันคะ ที่เล่นเอาปลีกตัวไม่ได้ขนาดนั้น แต่เอาเถอะค่ะ อย่างน้อยก็มาแล้ว ฝากเด็กดื้อกลับบ้านไปเลยแล้วกันค่ะ ป่านนี้แล้วข้าวยังไม่ยอมกินเลย น่าตีจริงๆ”
“ขอโทษนะครับยุ เดี๋ยวผมพาไปหาอะไรทานกันก่อนกลับนะ”
“................” สดายุได้แต่พยักหน้าไม่ได้ตอบอะไรเงียบอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งลงมาถึงลานจอดรถ (โดยมีบลูมาพ่วงมาด้วย เหมือนหลบอะไรอยู่)
*
*
*
*
*
“...ยุ คุณโกรธผมอยู่เหรอ? ผมขอโทษนะ”
พอกลับมาถึงคอนโดของสดายุได้ ต่างคนก็ต่างเดินคนละทิศละทาง แล้วมาเจอกันที่ห้องอย่างที่ได้ตกลงกันเพราะผ้องกันการถูกจับภาพไม่เหมาะสมอีก
ทันทีที่เข้าห้องมาได้ กฤตเมธก็รีบสวมกอดสดายุเอาไว้จากด้านหลัง แล้วเอ่ยขอโทษอีกครั้ง
“ผมไม่นึกว่าชิดจันทร์เขาจะมีธุระไหว้วานให้ผมพาไปไกลถึงบางแสนแล้วยังให้พากลับไปส่งบ้าน แบตมือถือก็หมด แถมยังอยู่แต่บนรถ ผมไม่อยากแวะที่ไหนให้เสียเวลาเลย ขนาดชิดจันทร์อยากขอแวะเข้าห้องน้ำผมยังไม่ยอมจอดเลยนะ อยากกลับมาให้เร็วที่สุด เพราะรู้ว่าคุณต้องรอผมแน่ๆ...” กฤตเมธอธิบายยาวเหยียด แบบไม่หยุดพักพลางกอดคนในอ้อมแขนแน่นขึ้น
“...........ไม่เป็นไร ผมไม่ได้โกรธอะไรหรอก แค่เป็นห่วงเฉยๆน่ะ คุณปลอดภัยผมก็โอเคแล้ว”
สดายุถอนหายใจบางเบาพลางก่อนจะตอบรับคำแก้ตัวของกฤตเมธอย่างมีน้ำใจ แล้วหันมาเผชิญหน้ากฤตเมธตรงๆ เสียทีหลังจากเงียบมานาน
“...ยุ คนที่รับสายคุณเมื่อกี้คือ ชิดจันทร์ ผมไปส่งเธอที่บ้านแล้วบังเอิญว่าตอนช่วยยกกระเป๋าเข้าไป ผมโดนน้ำส้มหกใส่ยกแก้วเลยต้องขอเข้าห้องน้ำล้างเสื้อล้างตัวนิดหน่อย ผมไม่รู้ว่าชิดจันทร์เขาเอามือถือผมไปเสียบแบตแล้วเปิดทำไม ออกจากห้องน้ำก็พอดีคุณโทรมา...อย่าเข้าใจผมผิดนะ ผมขอโทษจริงๆ......ผม...”
จุ๊บ...
กฤตเมธพูดไม่ทันจบก็ถูกสดายุใช้สองแขนคล้องคอโน้มลงมาจูบปิดปาก ตกใจไม่น้อยในคราแรก แต่เมื่อถูกบดเบียดริมฝีปากอย่างโหยหา ในที่สุดกฤตเมธก็พ่ายแพ้แก่รสจูบแสนหวาน คล้อยตาม และเริ่มเป็นฝ่ายตอบโต้
“อืม...”
จูบที่แสนยาวนานจบลงอย่างอ้อยอิ่ง ใบหน้าของทั้งคู่แดงซ่านด้วยแรงเสน่หา ดวงตาปรือปรอยสบตากันหวานเชื่อม กฤตเมธยินดีเหลือเกินที่สดายุไม่ได้โกรธ หรือแง่งอนอย่างที่เขาจินตนาการไว้ ดีใจที่คนในอ้อมกอดเข้าใจเขา
...ยิ่งนับวัน เขาก็ยิ่งรักสดายุมากขึ้นทุกที...
“...ผมขอโทษจริงๆนะยุ ที่ปล่อยให้คุณรออยู่ตั้งนาน...” กฤตเมธเอ่ยขอโทษอีกครั้งพร้อมจูบที่ขมับสดายุเบาๆ
“...ผมจะโกรธทำไม ในเมื่อคุณก็ไม่ได้ทำอะไรผิด คุณเล่าทุกอย่างให้ผมฟังอย่างตรงไปตรงมา...” สดายุเอ่ยพลางซุกกายเข้าสู่อ้อมกอดของกฤตเมธแน่นขึ้น ออดอ้อนด้วยภาษากายอย่างไม่นึกอาย เพราะรู้แก่ใจว่ากฤตเมธจะไม่มีทางปฏิเสธ
“...คุณ...คงไม่โกหกผมใช่มั้ย?...” เสียงแหบหวานถามขึ้นเบาๆ ในขณะที่ถูกกระชับร่างเข้าสู่อ้อมอกกว้าง และถูกจุมพิตที่หน้าผากมน
“คุณรู้ดี...ยุ...ว่าผมจะไม่มีวันโกหกคุณ...”
“..............ผมขอถามอีกข้อได้มั้ย?...” สดายุหยั่งเชิง
“จะกี่ข้อก็ได้ ผมยินดีจะตอบคุณทุกเรื่อง...” และกฤตเมธก็เต็มใจ
“...คุณ...มีสิ่งที่สำคัญกว่าผมหรือเปล่า?...” ถามออกไปเสร็จก็โอบกอดร่างตรงหน้าแน่นขึ้นไปอีก อายไม่น้อยที่ต้องถามแบบนั้นออกไป สดายุขัดแย้งในตัวเองอยู่ไม่น้อย ใจหนึ่งอยากรู้ ใจหนึ่งก็แสนจะเขินอาย ที่ใจกล้าหน้าด้านถามออกไปก็เพราะมั่นใจว่าตัวเองถูกกฤตเมธรักและตามใจมากอยู่ แต่ก็อยากจะแน่ใจด้วยว่าจะไม่มีใครมาเทียบเทียมเขาได้
“...มีสิ...”
“...เหรอ...” ทว่าคำตอบของกฤตเมธก็ทำเอาสดายุรู้สึกจุกไม่น้อย (อายหนักเข้าไปอีก คำตอบกฤตเมธเล่นเอาใจสดายุเคว้งไปหลายวิฯ)
“หึหึ...อย่าเพิ่งน้อยใจสิ มันไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ได้สำคัญที่สุดหรอกนะ คุณคนล้วนมีสิ่งสำคัญที่ไม่ใช่แค่อย่างเดียวนะครับยุ ครอบครัวผมก็สำคัญ แต่คุณเองก็สำคัญสำหรับผม ผมบอกไม่ได้หรอกว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมคืออะไร เพราะมันต้องแล้วแต่โอกาส บางครั้งผมก็ต้องให้ครอบครัวสำคัญสุด และในหลายๆครั้งผมให้คุณสำคัญที่สุดเหมือนกัน...”
คำตอบของกฤตเมธสร้างความพอใจให้สดายุอยู่พอสมควร
แต่...มันก็ยังไม่มากพอ
“คุณเมธ...แล้วคุณให้ความสำคัญกับใครมากกว่ากัน...ระหว่างผม...กับคุณเสน่ห์จันทร์”*
*
*
*
*
*****************************************************
ทายสิ พี่เมธจะตอบว่ายังไง? 